ทำไมวัดธรรมกายสอนแบบนี้! พุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร?? แล้วทำไมคนติดจัง

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย bennynaja, 11 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649


    คนนอกคงไม่ทราบ เพราะ สุขภาพของหลวงพ่อไม่ค่อยดี นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ศิษย์วัด

    พระยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อถวายบูชาธรรมท่าน ทำฝันให้เป็นจริง ให้ศาสนาพุทธรุ่งเรือง

    เฟื่องฟูดุจย้อนยุคพุทธกาล โดยเฉพาะการบวชล้านรูป



    สังคมสมัยนี้ ก็เหมือนเหล่าวงศ์ษาคณาญาติของพระสมณโคดมที่หยิ่ง

    คิดว่าตนนั้นเก่ง ไม่สนใจพระสัทธรรม พระสมณโคดมหลังจากตรัสรู้

    ก็มิได้ไปโปรดพระราชบิดากับประยูรญาติก่อน หากแต่โปรดพระเจ้า

    พิมพิสารในแคว้นมคธก่อน จนมีพระสาวกกว่า 20,000รูป แล้ว

    ค่อยเสด็จไปโปรดพระญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ โดยหวังให้เกิดศรัทธากับ

    หมู่ญาติเมื่อเห็นพระสาวกนับหมื่นรูป แต่ถึงกระนั้นญาติชั้นผู้ใหญ่ก็

    ยังไม่ถวายบังคมพระองค์ก่อน ในตอนแรกอยู่ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มีนาคม 2011
  2. กินข้าวยัง

    กินข้าวยัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +27
    เบื่อกันบ้างมั้ย...................
     
  3. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    นั้นหน่ะสิ.............................
     
  4. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    เบื่อเหมือนกัน..นะ แต่ก้อยังดื้อต่อไป เพราะอยากเห็นเหลือบศาสนาหมดไป
     
  5. upanya

    upanya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2006
    โพสต์:
    900
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ไม่แปลกหรอกครับที่คุณกัปปะจะคิดไม่ออกว่าทำไปทำไม
    เพราะถ้าคิดออก ก็จะเข้าใจทุกอย่างที่วัดธรรมกายทำ

    หากคุณกัปปะชอบทำอะไรเล็กๆเงียบๆไม่กี่คนก็ไม่ได้ว่ากะไร
    แต่คนที่เขาอยากทำแบบโลกต้องหันมามอง ก็มีอยู่ไม่น้อยครับ

    อคติ4 ทำให้คุณมองไม่ถ้วนทั่ว ลองศึกษาในพระสูตรให้มากๆครับ
    แล้วตีความด้วยใจที่เป็นกลาง คุณจะมีมุมมองใหม่ครับ
     
  6. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    ผมมองแค่ความสมถะที่พึงกระทำ และสงฆ์พึงกระทำ ใยสงฆ์ต้องการความยิ่งใหญ่อย่างนั้นหรือ ทำไปเพื่ออะไรเล่า หรือหวังเพียงแค่ให้โลกได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ที่มีแต่เปลือกนอก แต่ภายในอาจไม่ได้อย่างที่ใจนึก กิเลสในจิตใจทั้งหลายครอบงำมนุษย์เราให้ดิ้นรน แสวงหาความยิ่งใหญ่ของวัตถุ มากกว่าที่จะปฎิบัติธรรมเพื่อความสุขในใจ หรือยิ่งใหญ่แล้วจะได้ความสงบสุข ยิ่งมากคน ก็มากความ แล้วเมื่อไรจึงจะหาความสงบได้เล่า....สักวัน เมื่อใดที่มนุษย์เราถึงจุดจุดหนึ่ง คงรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ชีวิต ชีวิตหนึ่ง ตอนเกิดมา มิได้มาแต่ตัวเปล่าหรอกหรือ แม้แต่อาภรณ์สักชิ้นยังมิได้ติดตัวมา แล้วใยต้องแสวงหาความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง ยิ่งเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า ยิ่งต้องตัดกิเลสที่อยู่ในใจออกไป อย่ามัวแต่มองตัวหนังสือที่ขีดเขียนโดยน้ำมือมนุษย์ จะเขียนอย่างไรตามใจชอบ ก็เขียนตามแต่จริตตัวเอง แต่เราควรอยู่กับธรรมชาติ ที่เป็นธรรมชาติจริง โดยไม่ได้แต่งเติมเสริมอะไรเข้าไป ดังเช่นตอนเกิดมาที่มิได้มีอะไรติดตัวมา
    เสาะแสวงหาความยิ่งใหญ่ไปทำไม ชีวิตคนเราไม่ยืนยง อยู่ไม่กี่สิบปี ก็ถึงเวลาต้องลาจากกันไป ถ้าไม่อยู่บนกองฟอน ก็คงอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมขนาดพอดีตัวแล้วก็ลงไปอยู่ในหลุมดินเท่านั้น หยุดเถอะ กิเลส ที่จะนำพามนุษย์ไปสู่ความหายนะ
     
  7. Sonaz

    Sonaz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    761
    ค่าพลัง:
    +348
    อย่า ปรามาส ภิกษุครับ บาปกรรม
     
  8. ดีเลว อย่าโทษดวงทำ

    ดีเลว อย่าโทษดวงทำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +62
    ผมเคยไปนะ ก็ดีอ่ะ

    สอนทำบุญ ทำทาน ภาวนา ใครมีก็ทำ ไม่มีก็ไม่ทำ มีแต่ไม่ทำก็ไม่มีใครว่า

    แล้วหนังสือเครื่องประดงประดับสวรรค์ไร ผมไม่เห็นสักเล่ม

    ไปมีแต่หนังสือธรรมะ หนังสือกรรม มากมาย

    พระที่นั่นก็สอนให้นั่งสมาธิ เล่าประวัติพระพุทธเจ้า ทำวัดเย็น กลับบ้าน ตอนกลางวันก็ทำกับข้าวเลี้ยงพระ แล้วเหลือก็ทานกัน



    ไม่มีเค้า ศาสนาพุทธ ไม่ดังในต่างประเทศญี่ปุ่นหรอกคับ
     
  9. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    อ่านจนเมามายดงอักษร ก็ล้วนแต่ผู้ทรงภูมิ ทรงความรู้ แสดงทรรศนะของตน เป็นธรรมดา ความเห็นย่อมต่าง ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ เราจะบริหารความต่างบนพื้นฐานความปรองดองกันได้อย่างไร(k)

    เราต้องยอมรับนิสัยอย่างหนึ่งของมนุษย์ว่า มักมองแต่สิ่งที่ไม่ดี โดยที่ความดีนั้นอาจมีมากกว่าความไม่ดีก็ได้ ความไม่ดีส่วนน้อยนี้เราจะยอมรับได้ไหม ถ้าต้องเป็นเหตุให้ความดีที่มีอยู่ต้องหมดไป:'(
    ผมเองยังไม่เคยเข้าวัดธรรมกายเลย และวัดอื่นๆก็แทบจะไม่เคยเข้าเช่นกัน ได้แต่ฟัง แต่ดู จากที่เขาว่ามาทั้งนั้น ก็เลยได้คิดขึ้นว่า ก็ต้องมีสิ่งดี มากกว่าสิ่งไม่ดี เพราะคนสนใจเข้าไปร่วมกิจกรรมต่างๆมากมาย และแต่ละคนก็ย่อมมีวิจารณะญาณของตัวอยู่แล้ว ถ้าไม่ดีมากๆ โดยสัญชาตญาณของคน ก็จะรับรู้ได้บ้าง

    ชอบที่คุณ วงบุญพิเศษ กล่าวไว้ถึง พระแท้ และสมมุติสงฆ์ เพราะทั้งสองประการนี้ ย่อมเกื้อกูลกันอยู่ เพื่อดำรงไว้ซึ่งพระศาสนา แม้สมมุติสงฆ์บางรูปจะมีส่วนที่บกพร่องไปบ้าง แต่มีส่วนที่ดีมากๆอยู่ ก็ไม่ควรที่คนอย่างเราที่ศีลห้าข้อก็ยังไม่เต็มเลย

    แม้สมัยพระพุทธเจ้า ก็ยังมีคนบางพวก บางกลุ่ม ไม่ชอบ และหาทางเล่นงานท่านเป็นประจำ ขนาดพระเทวทัติ ก็ยังจะทำร้ายท่าน ด้วยความเห็นต่าง
    นี้ แสดงให้เห็นว่า ศรัทธา ปัญญา ของคนนั้นไม่อาจเป็นไปในแนวทางกันได้ทั้งหมด ความแตกต่างจึงถือเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง ในการแก้ไขปัญหาขององค์กรต่างๆ ก็ย่อมมีผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ได้อยู่ในเครือข่ายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ มันก็เปล่าประโยชน์ ที่จะไปกล่าวโทษ หรือเสนอแนะใดๆ
    แม้ผมเอง ถ้ารู้ว่าวัดใดทำผิดจากประเพณีนิยมไป ไม่ว่าจะมากจะน้อย เชื่อเถอะผมคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจากวางเฉยเสีย ปล่อยให้ผู้ที่เขามีหน้าที่ มีอำนาจโดยตรง เข้าไปดำเนินการเอง และเราก็จะได้ถนอมใจเรา ไม่ให้โกรธ ให้เกลียด วัดนั้นๆ ซึ่งก็คือทำบุญให้ตัวเองไปในตัว
    ส่วนผู้ใดที่ทำตัว ทำใจ ไปโกรธ ไปแค้น จนโทสะพุ่ง อันนี้ทำบาปให้ตัวเองอย่างแน่นอน ไม่ดีสำหรับเราและเขาเลยจริงๆ

     
  10. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    เห็นด้วยครับ แล้วผมก็เชื่อว่าวัดพระธรรมกายเป็นวัดที่ดีจริงๆ แต่ก็น่าเสียใจที่ยังมีคนบางกลุ่มจ้องจะทำร้ายวัดพระธรรมกาย แต่ก็แปลกนะที่นับวันจะมีคนเข้าวัดพระธรรมกายมากขึ้น ผมเชื่อว่าพวกเค้าก็ต้องรู้สึกว่าวัดเป็นวัดที่ดีเช่นกันไม่งั้นคงไม่เข้าวัดกันแน่นอน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2011
  11. ดีเลว อย่าโทษดวงทำ

    ดีเลว อย่าโทษดวงทำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +62
    เป็นวัดที่ดี ที่ท่านให้เรา ทำบุญ ถือศีล พาวนา

    เพื่อให้ไปจุติบนสวรรค์ ชั้นสาม เพื่อรอ พระพุทธเจ้่าองค์ใหม่มาจุติ แล้วเกิดพร้อมกัน นิพานพร้อมกัน

    เพราะ สวรรค์ชั้นสาม อยู่ใด้ยาวนาน จะเกิดเป็นคนใหม่ตอนไหน ก็ใด้แล้วแต่ใจจะคิด

    ไม่สอนให้ยึดติดกับของ เงินทองเครื่องประดับ อย่างที่เค้าพูดกันเลย
     
  12. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    เอ...แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทำแล้วตายไป ได้ไปสวรรค์แน่นอน ไม่ต้องถึงขนาดนิพพานหรอกครับ ...เพราะคงไม่ง่ายขนาดนั้น ขนาดพระพุทธเจ้ายังบำเพ็ญเพียรขนาดไหนกว่าจะได้นิพพาน แล้วมนุษย์อย่างเราแค่ทำบุญเยอะๆ ถึงขนาดจะได้ขึ้นสวรรค์รอนิพพานเนี่ย...นะ จะจริงเร้อ...มีเจ้าอาวาสหรือพระองค์ไหน พาไปพิสูจน์ได้มั่งหรือเปล่า ถ้าพิสูจน์ข้อนี้ข้อเดียวได้จริง...ผมจะขอบวชตลอดชีวิตเลย พูดจริง ไม่ได้พูดเล่น
     
  13. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    นายได้ไปบวชมายัง เราไปบวชรุ่น กองพันมาแล้วล่ะ เมื่อปี 52 ตั้งใจว่าจะบวชให้ได้อย่างน้อย 1 พรรษา หาโอกาศงามๆ ลางานซัก 4 เดือนไม่รู้ว่าผู้บริหารเค้าจะยอมไหม
     
  14. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เเยกก่อนโยมมมมมม

    เเยกก่อนน่ะจ๊ะ หลวงพ่อสด ก็ คือหลวงพ่อสด
    วัดธรรมกาย ก็คือ วัดธรรมกาย คนละประเด็น คนละส่วนกัน ตอนนี้เรากําลังวิเคราะถึงสิ่งที่ วัดธรรมกาย ทํา มิใช้สิ่งที่หลวงพ่อท่าน ทํา

    เห็นไปยืนโก่งคอเถียงกับเขามาพักนึงเเล้ว วาจา เเละคารมก็ไม่เบา ออกจะหนักไปทาง เสียดเเทง ตะเเคงข้างไถ ไปมา
    ค่อยๆพูด ค่อยๆพิม เอาให้มันวางอยู่ในเหตุ เอาให้มันคงไว้ในผล สิเจ้าค่ะ กระทู้มันจะได้ ออกมาสวยๆ ไม่ บาปใคร ไม่ปรามาสใคร
    ใจร่มๆ เอาเหตุกับผล มาประชันกัน ดีกว่าเอา อารมณ์ มากระเเทกกัน
    คนที่เข้ามาอ่าน คนที่เข้ามาศึกษา เขาก็จะได้รับใน อนิสงค์ ตามไปด้วยนะจ๊ะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  15. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    คิดจะใส่กับเขา

    หากคิดว่าจะใส่กับเขา เราก็ต้องมีดีด้วย
    ส่วนประกอบของคําว่าดี นั้นมีมากมายหลาก หลาย เเต่อย่างนึงที่ต้องมีก่อน นั้นก็คือ ขันติ กับปัญญา

    พอมีขันติ มีปัญยา เเล้ว เหตุกับผล มันก็จะตามมาเองเพราะขันตินั้นเอาไว้ดับ อารมณ์
    พออารมณ์มันผ่องมันใส ปัญญา มันก็เกิด เหตุกับผล ก็ตามมาติดๆ วาจานั้น เป็นรองยิ่งนักถ้าเทียบกับเหตุผล
    เถียงกันด้วยเหตุกับ ผล เหมือนเมื่อตอนต้นกระทู้ นะ ถูกเเล้ว เอาข้อสงสัย เข้าไป เเทรก
    ยึดเอาข้อสงสัย เป็นฐาน เเล้วความมั่นคง ก็จะเกิด
    ถ้าเถียงด้วยอารมณ์ สงสัยโดยมีอารมณ์เจือปน ผล มันก็ไม่ต่างกับ ที่ผ่านมาหลอกนะเจ้าค่ะ

    เป็นห่วงคนขี้สงสัยด้วยกัน จึงเตือนมาเพื่อทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  16. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    5555...ปกติผมก้อมีขันตินะ..แต่บางที ขันก้อแตกได้เหมือนกัน แบบวัยรุ่นใจร้อนน่ะ.. ปกติผมใช้เหตุและผลในการโพสเสมอ แต่เมื่อไรที่โดนคนที่ไม่เข้าใจถึงวิธีการแสดงความคิดเห็น ออกมาโพส ด่าว่าให้เสียหายโดยที่เราแค่เสนอแนวทางหรือความคิดตามปกติเท่านั้น เราก้อเลยจะแสดงให้เขารู้ว่า ถ้าเขาโดนกระทำหรือโดนต่อว่า แบบที่เขากำลังดูถูกต่อว่าความคิดคนอื่นๆที่คิดต่างจากเขา ดูว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ถ้าอยู่ๆมีคนมาด่า มาว่า ให้เสียหาย ตัวเขาเองอาจจะไม่พอใจ ก้อไม่ต่างอะไรกับคนที่ถูกเขาต่อว่า เขาก้อคิดอย่างนั้นเหมือนกัน ถ้ามีปัญญา มีเหตุผลพอ เราก้อมาหาเหตุผลในความคิดที่ต่างกัน อาจจะไม่ได้อะไร แต่เพื่อเป็นการไขข้อข้องใจของแต่ละบุคคลเท่านั้น...เราเองเป็นประเภทเล่นไม่เลิกเหมือนกัน..55555
     
  17. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    โดยส่วนตัวเเล้ว


    โดยส่วนตัวเเล้ว น้องก็เป็นคนนึง ที่คิด คล้ายๆ เเบบนี้เช่นกัน
    เคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทีเรื่องอื่นๆ เราตรวจสอบกันได้
    เรื่องความเป็นตายของ รัดทาบาน ของ ชาติ ก็เห็นออกหน้ากันมาสล่อนไปหมด

    เเต่พอเป็นเรื่องของ ศาสนา ทําไม่ถึงต้อง ตินั่น ตินี้ ปรามาสนั้น ปรามาสนี่ กันให้มันดูวุ่นวาย ไปหมด
    หรือเพราะคําว่า กรรม ที่เราได้ถูกสั่งสม เเละ สั่งสอน กันมาเเต่ อดีต
    เราจึงต้องปล่อย ปะ ละ เลย บ้างเรื่องออกไป ทําเป็นโง้ ทําเป็นเอาหู ไปนา เอาตา ไปไว้กะยาย

    ทําไมหนอ เเอบ งง อยู่ลึกๆเช่นกัน
    ปรามาส ปรามาส ปรามาส หรือว่าองค์กร ศาสนา เนี้ย เขาโปล่งไม่จริง เขาเคลียไม่จริง หรือว่า

    เขากําลังเอาคําว่ากรรม มาเป็นตัวบังหน้ากันอยู่

    อย่างนี้หากวันนึงข้างหน้า เกิดมีองค์กร ที่สามารถ สร้างความเชื่อได้เท่ากับ พระ ศาสนา ขึ้นมา สร้างกระเเส สร้างพลัง ขึ้นมาได้เทียบเท่ากับ ศาสนา เราขึ้นมา
    ถึงจะผิดถูก ประการใด เราก็จําต้องเชื่อตามๆ กันไปใช้หรือ ไม่เจ้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  18. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    เท่าที่

    เท่าที่เคยได้ศึกษา หลักธรรมคําสอนมาบ้างพอสมควร
    ไม่ถึงกับเเตกฉาน อะไรมากมาย ก็พอจะเข้าใจด้วยสติปัญญาของ ตัวเองว่า ธรรม กับ วิทยาศาส เนี้ย มันเป็นเรื่องเดียวกัน
    สามารถ อธิบายออกมาเป้นเหตุเป็นผลได้ เกือบหมด เพียงเเต่ วิทยาศาส ในปจุบันเนี้ย เขายังไปกันไม่ถึง เรื่องบางเรื่องจึง ไม่สามารถ พิสูจ ออกมาได้
    เเต่ในกรณี ของ วัดธรรมกาย เนี้ย มันเป็นกรณีพิเศษ ที่ใช้ ความเชื่อ กับ ความจริง ผสมกันอย่างลงตัว
    เเถมยังเป็นส่วนผสม ที่ เเยกออกจากกันได้ลําบากมาก เพราะในความเชื่อนั้น มัน มิ ได้ถูกสร้างขึ้นมาด้วย ระยะเวลาอันสั้น
    เเต่เราก็ต้องอย่าลืม ว่า ในสมัยก่อนนั้น การพิสูจ ข้อเท็จจริงต่างๆ มัน ยาก กว่าสมัยนี้เยอะ
    คําบอกเล่า คําเตือน ที่สืบทอด ถ่ายทอดกันมา มันจึงฝั่งเเน่น จน เเยกกันได้ลําบากยิ่งนัก

    เเต่ถ้าในสมัยปจุบันนี้ การเรียนรู้ในสิ่งต่างๆนั้น มัน ง้ายยิ่งขึ้น การพิสูจ ทาง วิทยาศาส มีขั้นตอน ที่เข้าใจได้ง้ายขึ้น มนุษ ในปจุบัน จึง มีสติปัญญา ที่ เจริญขึ้นในเเง่ของการ เสพ ความเข้าใจ

    ฉนั้นเเล้ว ทางวัดธรรมกาย หรือ ศิษ หลายๆคนของทางวัด จึงจําเป็นอย่างมาก ในการเเยกเเยะ องค์ประกอบต่างๆให้ดี ตามไปด้วย มิใช้ถือเอา สิ่งที่ตนเข้าใจ ถือเอา สิ่งที่ตนได้พบ ได้เห็นได้เจอมาเป็นเหตุเเห่งการ ทะเลาะเบาะเเว้ง

    เพราะในวันนึงข้างหน้า เราเองก็ไม่สามารถ รู้ได้ ทุกอย่างไปเช่นกัน
    คนที่เคย สดับ รับฟังในคําสอน ของพระพุธเจ้ามานั้น ต่างก็รู้กันดี ว่า สิ่งนี้เป็นเช่นไร สิ่งนั้น เป็นยังไง เเต่มันก็ยัง ไม่เเตกฉานพอ อยู่ดี

    เพราะสมองของ เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายมันก็รู้ เเค่เพียง ระดับ ของการเรียนรู้ที่ผ่านมา เเค่นั้นจริงๆ หรือใครจะเถียง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2011
  19. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    คิดว่าคงยากที่จะให้ศิษย์วัดธรรมกายออกมายอมรับความจริงอีกด้านที่เขาไม่สามารถยอมรับได้ เพราะความเชื่อ หลง งมงาย ไปกับสิ่งที่มีมนุษย์หัวโล้น บางคนชักจูง โดยอาจเอาเรื่องบุญมาบังหน้า เอาสวรรค์มาล่อ.. เพราะรู้ดีแก่ใจ ชาวพุทธทุกคนมีใครบ้าง ไม่อยากขึ้นสวรรค์ ไม่อยากนิพพาน ทั้งๆที่ยังไม่มีใครเห็นเป็นรูปธรรมจริงๆเสียที เมื่อจับจุดอ่อนของชาวพุทธอย่างเราได้จึงใช้ให้เป็นประโยชน์ ใช้สวรรค์มาหลอกล่อความอ่อนไหวในจิตใจของเราทำให้เกิดหลงเชื่อ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ นั่นคือ ได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งๆที่คนเหล่านั้น ไม่เคยมีใครสามารถพาไปทัวร์สรรค์ได้เลยสักคน อ้างแต่ว่า ต้องตายก่อนถึงจะได้ไป แล้วแบบนี้ใครจะยอมตายไปก่อนล่ะ..ถึงตายไปแล้วก้อไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นสรรค์จริงหรือเปล่า นี่น่าจะเป็นเหตุและผลง่ายๆที่น่าจะเข้าใจได้ว่ากำลังโดนหลอก แต่จิตใจของพวกเราชาวพุทธย่อมคิดอยาก อย่างเดียว คืออยากไปสวรรค์จึงไม่สนอะไรคิดแต่เพียงว่า ทำอย่างไรที่จะได้ไปสวรรค์ ไม่ว่าเขาจะให้ทำบุญหรือบริจาคมากมายอย่างไรก้อจะทำ....ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้มนุษย์หัวโล้นที่อวดอุตริกล่าวเช่นนั้น ได้ลองตายดู แล้วหาทางกลับมาเล่าให้ฟัง ว่าเป็นอย่างไร ถ้าเขาทำได้จริง ผมจะยอมรับในคำสอนของเขา แต่ผมกลัวว่าถ้าเขาทำอย่างที่ผมบอกได้ เขาอาจลงนรกแทนเพราะหลอกลวงคนมากมายเหลือเกิน...และตอนนี้ผมยอมรับนะ ว่ากำลังปรามาสอยู่ แต่เป็นการปรามาสมนุษย์หัวโล้น ที่มีจิตใจหลอกลวงเท่านั้น ส่วนพระองค์ไหนปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ อยู่นั้นผมขออนุโมทนาบุญในสิ่งที่ท่านกระทำ..
     
  20. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    ด้วยความนับถือในความคิดของคุณ กัปปะ ขอคาระวะสัก 3 จอก

    ผมคิดว่า สังคมบ้านเราที่เหมาเอาว่าเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นชาวพุทธ เลยลองแยกจริตและนิสัยของพุทธศาสนิกชนดู ด้วยมึนแอลกอฮอว์นิดๆ ได้ผลประมาณนี้

    กลุ่มที่ 1 ปัญญานำ พุทธศาสนิกชนกลุ่มนี้ ไม่มากพิธี ไม่ค่อยสนใจประเพณีแบบแผนใดๆ จริตจะพุ่งตรงไปยังคำสอนที่เป็นแก่นหลักของพุทธศาสนา ความศรัทธาต่อศาสนา จะเกิดจากปัญญาที่ได้จากการศึกษาไคร่ครวญข้อธรรม

    กลุ่มที่ 2 ศรัทธานำ พุทธศาสนิกชนกลุ่มนี้มากด้วยศรัทธาต่อพระรัตนะไตร จริตมุ่งหมายอยู่กับพิธีกรรมและศาสนประเพณีอย่างแรงกล้า กลุ่มนี้ชอบการทำสมาธิเป็นพิเศษ จะเห็นได้จากการฝึกสมาธิด้วยวิธีและแบบแผนต่างๆกันไป ตามแต่อาจารย์ของแต่ละสำนัก

    กลุ่มที่ 3 ผมคาดว่ากลุ่มนี้น่าจะมากที่สุดในประเทศ คือ กลุ่มไร้สังกัด การประพฤติปฏิบัติ ล้วนอ้างอิงมาจากระบบความเชื่อในสังคมถิ่นเป็นสำคัญ มากด้วยพิธีกรรมทางศาสนา และพิธีกรรมแปลกๆนับไม่ถ้วน อาจกล่าวได้ว่า พุทธพานิชย์เน้นไปที่กลุ่มนี้เป็นสำคัญ ผ่านกิจกรรมทางปลุกเศก ความศักสิทธิ์ของเจ้าลัทธิ กลุ่มนี้ไม่ค่อยให้ความสนใจต่อหลักธรรมที่สำคัญเท่าใดนัก

    ทั้ง 3 กลุ่ม ล้วนมีโลกทัศน์ มีมุมมองต่อพุทธศาสนาแตกต่างกันออกไป มีบุคลิกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ยากมากที่จะหลอม 3 ฐานนี้ให้เป็นหนึ่ง และไม่น่าจะทำได้เลย ตามกฏแห่งความแตกต่าง
    ด้วยทั้ง 3 ก็ไม่มีใครจะดีจะด้อยไปกว่ากัน ต่างก็ช่วยพยุง อุ้มชู พุทธศาสนาในประเทศของเราให้ดำเนินต่อไป เป็นหน้าที่เราเองที่จะแสวงหาสิ่งดีๆจากแต่ละกลุ่ม ตามกำลังปัญญาของปัจเจกชน
     

แชร์หน้านี้

Loading...