ทำไมต้องทำบุญ ๗ วัน ๑๐๐ วัน หลังจากตายแล้ว...?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 10 มกราคม 2008.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ทำไมต้องทำบุญเมื่อครบ ๗ วัน ๑๐๐ วันหลังจากตายแล้ว...? ทำไมถึงไม่เป็น ๓ วัน ๕ วัน หรือ ๙ วัน มีที่มาอย่างไรหนอ


    [​IMG]

    ท่านใดมีข้อมูลเชิญโพสเป็นธรรมทานครับ
    สาธุ
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    เขาว่ากันว่า ฟังมาอีกทีครับเมื่อตายครบสามวัน เจ็ดวันวิญญาณจะรู้ตัวเองครับ

    ว่าตัวเองได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ร้อยวันเนี๊ยต้องไปหาข้อมูลก่อนครับ ลืมแล้ว

    ถ้าเจอข้อมูลจะมาบอกอีกครั้งครับ
     
  3. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    ทำไมต้องทำบุญ 100 วัน
    การตายแบบนี้ ตายแล้วก็ไปรอลืมภพลืมชาติอยู่ในโลกของวิญญาณก่อน 108 วันตามเวลาของโลกมนุษย์ โบราณเขาจึงจัดให้มีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้กัน 7 วันบ้าง 50 วันบ้าง 100 วันบ้าง เพราะคนโบราณเขารู้และมีประสบการณ์ เชื่อว่าวิญญาณของคนตายยังไม่ไปไหน เมื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ในช่วงนี้ วิญญาณจะได้รับส่วนบุญส่วนกุศลกัน เมื่อวิญญาณลืมภพลืมชาติไปแล้ว วิญญาณก็จะไปเสวยผลบุญหรือผลกรรมที่ได้กระทำกันไว้ต่อไป
    คนที่ตายเพราะหมดภพหมดชาติหรือหมดกรรม เป็นการตายตามกรรมกำหนด วิญญาณช่วงที่ยังอยู่ในโลกวิญญาณเพื่อรอให้ลืมภพลืมชาติ จึงยังมีสิทธิและโอกาสที่จะไปเยี่ยมญาติพี่น้อง สามี ภรรยา ลูก หลานและเพื่อนฝูงได้ตามที่จิตต้องการ แม้การไปเยี่ยมเยียนครั้งสุดท้าย ฝ่ายมนุษย์จะต้องมองไม่เห็นทางวิญญาณ ก็สามารถทำเหตุบอกให้มนุษย์รู้ได้ว่าเขามาหาแล้ว เช่น มาปรากฎตัวให้เห็น หรือทำให้มีกลิ่นเหม็นหรือหอมไปกระทบจมูกของคนที่วิญญาณเขาต้องการไปหา
    ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยได้สังเกตกันไหม เวลาที่มีญาติหรือคนที่เรารักตายไปใหม่ๆ แล้วเรามานั่งพูดถึงเขากันที่บ้าน ทั้งๆที่เขาตั้งศพสวดกันที่วัด และอยู่ๆก็มีกลิ่นเหม็นๆมากระทบจมูก นั่นแหละวิญญาณของคนที่กำลังพูดถึงเขามาหาแล้ว หากใครได้เจอปรากฎการณ์ดังกล่าว ให้รีบกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เขาเสียในตอนนั้นเลยจะดีมาก
    เมื่อพูดกันมาถึงตรงนี้ อาจมีบางท่านสงสัยว่า ทำไมญาติของเขาตายไปแล้วไม่เห็นมาเข้าฝันเขาบ้างเลย เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะวิญญาณของคนที่เราต้องการให้เขามาเข้าฝันเขาไปแล้วน่ะซิ จะไปผุดไปเกิดหรือไปรับผลบุญผลกรรมบนสวรรค์ นรกอะไรนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง
    บางวิญญาณไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรือไปรับกรรมดี กรรมชั่วอะไรในนรกสวรรค์ แต่หลงล่องลอยไปในที่ต่างๆจนลืมถิ่นฐานของเขาก็มี เลยทำให้ไม่ได้มาบอกกล่าวหรือเข้าฝันเรา ดังนั้นท่านที่มีญาติพี่น้องหรือคนที่เราเคารพนับถือตายไปแล้วไม่มาเข้าฝันเราเลย ก็อย่าไปคิดอะไรมาก คิดเสียว่าท่านเหล่านั้นได้ไปเกิดหรือไปเสวยสุขบนสวรรค์ก็ได้ หากเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะไปลำบาก ก็สร้างบุญ ทำกุศลกรวดน้ำไปให้เขาบ่อยๆ ซิครับ
    เห็นหรือยังว่าการตายก่อนกำหนดนั้น มันไม่ได้ทำให้หมดทุกข์หมดปัญหาเหมือนอย่างที่เข้าใจกัน มีแต่จะยิ่งเพิ่มปัญหา เพิ่มทุกข์ให้กับวิญญาณมากยิ่งขึ้นไปอีก ขนาดเรายังเป็นๆหรือมีชีวิตอยู่ เรายังลำบาก เรายังได้รับความทุกข์ทรมานมากมาย ตอนเรายังไม่ตาย เรายังสามารถช่วยตัวเราให้ลดความทุกข์ต่างๆได้ เช่น ไปสร้างบุญทำกุศล รักษาศีล ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ เวลาหิวก็พอจะดิ้นรนหามากินเพื่อบรรเทาความหิวกระหายได้ แต่ตอนเราตายไปเป็นสัมภเวสีนี่สิ มันลำบากและอดอยากกว่าตอนที่เรายังเป็นมนุษย์อยู่มาก
    เรื่องของกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อน แล้วแต่ภูมิปัญญาบารมีของใครจะละเอียด สามารถเข้าใจเรียนรู้ได้หมด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงการให้ผลของกรรมเปรียบเสมือน โคที่ถูกต้อนเข้าคอก ตัวแล้วตัวเล่าที่เข้าคอกไปจนถึงตัวสุดท้ายที่อยู่ปากคอก ครั้นถึงเวลาปล่อยวัวออกจากคอก วัวตัวที่มันอยู่ปากคอกก็จะได้ออกก่อน
    กรรมของคนเราก็เหมือนกัน กระทำทุกอย่างไปไม่ว่าจะดีหรือจะเลว พอใกล้วินาทีสุดท้ายของชีวิต จิตไปผูกพันอยู่กับสิ่งใดหรือทำความชั่วความไม่ดีอะไรในตอนนั้น กรรมตัวที่กำลังจะตาย จะให้ผลก่อนหลังจากตายลง
    ทางพระท่านว่าอสัญกรรมให้ผลก่อน ฉะนั้นคนที่ฆ่าตัวตายด้วยจิตเป็นทุกข์ จึงเชื่อว่าจิตที่เป็นทุกข์หรือมีแต่ความชั่วของเขานั้น ขณะวินาทีสิ้นใจเขาจะไม่เป็นสุขแน่ สรณะที่พึ่งก็ไม่มี แม้แต่ก่อนตายยังไม่หาที่พึ่ง แล้วอะไรล่ะจะเป็นที่พึ่งเป็นเสบียงในยามนั้น อนิจจา…วิญญาณต้องร่อนเร่พเนจร อดๆอยากๆและหิวโหยแสนสาหัส ยากที่จะหาอะไรมาเปรียบได้
    บางครั้งสัมภเวสีพวกนี้ ร่อนเร่พเนจรไปสร้างกรรมทำเวรเพิ่มขึ้นด้วยการเข้าไปแทรกสิงอยู่ในตัวของมนุษย์ที่วิบากกรรมกำลังส่งผลอยู่ให้ตกต่ำเดือดร้อนต่างๆนานา บางคนก็คลุ้มคลั่งเสียสติไปเลย มีไม่น้อยที่ไปคอยกลั่นแกล้งทำให้สามีภรรยาเขาเลิกกัน หรือไม่ก็พรางหูพรางตาให้เขาค้าขายไม่ดี หรือไม่ก็ไปทำให้มนุษย์เขาเจ็บป่วย รักษากันเท่าไรไม่หาย เป็นต้น
    พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า ขณะมีชีวิตอยู่อย่าประมาท จงสร้างกุศลไว้ให้มาก เพราะมันจะเป็นเสบียงเดินทางและพาสปอร์ตไปสู่สวรรค์ชั้นดีๆเมื่อความตายมาถึงจะได้ไม่ลำบาก และไม่ต้องอดอยากหิวโหย
    ชีวิตของคนเรามันช่างสั้นนัก เมื่อเกิดมาแล้วใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในโลกนี้ เพียงชั่วครู่ชั่วยามก็ต้องจากไป ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้เชยชม นอกจากชื่อเสียงคุณงามความดีและบุญกุศลที่สร้างสะสมเอาไว้ เมื่อเราเกิดมากับเขาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ควรทำคุณงามความดีและบุญกุศลเอาไว้ให้มากๆ นรกสวรรค์จะมีจริงหรือไม่จริงเราก็ยังไม่รู้ เพราะดวงตาของเรามืดบอดสนิทด้วยอวิชชา คือ ความไม่รู้
    เพราะฉะนั้นการทำคุณงามความดี เราไม่ต้องไปหวังว่าไม่ตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ เราทำความดี เพื่อความดี เพื่อยกระดับจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้นพ้นจากความชั่วได้ก็พอ
    ผลของการทำคุณงามความดี ทำให้ผู้ทำสบายใจ มีความสุข และที่สำคัญทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคมมีความสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อานิสงส์ของการทำความดี เราจะเห็นได้ด้วยตาของเราเองภายในชีวิตนี้นี่แหละ
    ในช่วงชีวิตของเราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างก็ได้ประสบพบเห็นดี ชั่ว ต่างๆมามากมาย ดีบ้าง เลวบ้าง ไปตามวิถีชีวิตของคนแต่ละคน ทุกคนต่างก็ปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพบแต่สิ่งดีๆในชีวิตของตนเองทั้งนั้น คงไม่มีใครอยากจะพบ อยากจะเจอสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตของตนเอง แต่เราก็เลือกไม่ได้ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลพวงมาจากกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น

    ที่มา.. http://www.kittinun.com/view.asp?id=663
     
  4. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    หมายความว่าหลังจากตายแล้วต้องรอ 108 วัน ก่อนจึงจะไปเกิดใหม่อย่างนั้นหรือ..?
     
  5. vnoen

    vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    ลอกมาอีกทีครับ โปรดใช้วิจารณญาณพิเคราะห์ตามหลัก กาลามสูตรอีกทีนะ
     
  6. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ไป Search เจอมา ครับ

    ทำไมต้องทำบุญ 7 วัน 50 วัน 100 วัน การทำบุญช่วง 7 วันคือช่วงที่ยังวนเวียนอยู่ในมนุษย์ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ไปมหานรก ก็จะมีโอกาสช่วยกันได้ใน 7 วันนั้น การทำบุญช่วง 50 วันคือช่วงที่รอคอยการพิพากษาจากพญายมราชในยมโลก การทำบุญระหว่าง 50 - 100 วันคือช่วงพิพากษาและส่งไปเกิด เช่น ไปเกิดในมหานรก ในยมโลก เป็นมนุษย์ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น ช่วงนี้จะรับบุญได้ หลักการส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นภายใน 7 วัน 50 วัน ต้องทำบุญทุกบุญให้เต็มกำลังแล้วอุทิศไปให้เพราะเหตุนี้พ่อจึงรับบุญได้เต็มที่ แต่ละคนมีการกระทำไม่เหมือนกัน บุญบาปจึงไม่เหมือนกัน อัธยาศัยจึงไม่เหมือนกันด้วย สำหรับเจ้าของเคสเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาตลอด ชาตินี้จึงมาสร้างต่อ อย่าประมาท ต้องสร้างบารมีกันต่อไปให้ตลอดรอดฝั่ง จะได้ช่วยตัวเองและบุพการีได้ ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ มีการกระทำไม่เหมือนกัน จึงมีอัธยาศัยไม่เหมือนกันภายในครอบครัว<!--colorc--><!--/colorc-->

    คัดลอกมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องจาก : http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=9599
     
  7. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    ข้อสรุปเรื่องที่ไปหลังความตาย สามารถแบ่งเป็น ๓ กลุ่มใหญ่

    กลุ่มที่ ๑ ใจไม่ใส ไม่หมอง ขณะตาย บุญไม่ทำ กรรม (บาป) ไม่สร้าง
    - กลุ่มนี้จะมีโอกาสอยู่ในโลกมนุษย์ 7 วัน ครบ 7 วัน เจ้าหน้าที่จะมารับตัวไปยมโลก เพื่อรอพิพากษา ซึ่ง กายละเอียดกลุ่มนี้ แม้เลย 7 วันไปแล้ว หมู่ญาติยังมีโอกาสทำบุญให้อีก ในช่วง 100 วัน เพราะถึงแม้กายละเอียดจะไปยมโลกแล้ว แต่ยังเป็นช่วงที่มีโอกาสรับบุญได้ เพราะ ยังไม่ได้รับคำพิพากษาครับ ซึ่งก็อ้างอิงข้อมูลของคุณ niwat นั่นเอง ซึ่งกลุ่มนี้เมื่อได้รับคำพิพากษาแล้ว ก็จะแบ่งเป็นหลายทาง เช่น
    1) กลับไปเกิดเป็นมนุษย์ => กลุ่มนี้รับบุญที่อุทิศไม่ได้ ต้องรอโอกาสให้บุญไปส่งผลเมื่อไปเกิดในภพที่รับบุญอุทิศได้
    2) ไปยังสุคติภพ เช่น เทวโลกเป็นต้น => กลุ่มนี้รับบุญที่อุทิศได้
    3) ไปยังทุคติภพที่รับบุญได้ เช่น เป็น สัตว์นรกที่ยมโลก นับเป็น ลหุโทษ เป็นต้นครับ => กลุ่มนี้รับบุญที่อุทิศได้
    4) ไปยงทุคติภพที่รับบุญไม่ได้ เช่น ถูกส่งไปยัง อุสสทนรก หรือ มหานรก เป็นต้นครับ => กลุ่มนี้รับบุญที่อุทิศไม่ได้ ต้องรอโอกาสให้บุญไปส่งผลเมื่อไปเกิดในภพที่รับบุญอุทิศได้

    กลุ่มที่ 2 ใจผ่องใส เพราะทำบุญมาตลอด ทำบาปน้อย
    - กลุ่มนี้บุญส่งผลให้ไปบังเกิดในสุคติภพได้ทันที และ ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 7 วันครับ และถึงแม้จะไปเกิดในสุคติภพแล้ว หมู่ญาติก็ยังสามารถอุทิศบุญให้ตลอดเวลา ไม่เกี่ยวกับ กรณี 7 วัน 50 วัน หรือ 100 วันครับ (ยกเว้นที่เป็นเกิดในสุคติภพ เป็นมนุษย์นะครับ เพราะภพมนุษย์เป็นภพที่รับบุญไม่ได้ ต้องรอให้บุคคลคนนั้นตายจากการเป็นมนุษย์ก่อน บุญที่เราอุทิศเอาไว้ เค้าถึงจะได้รับตอนนั้น)

    กลุ่มที่ 3 ใจหมอง ดำมืด เพราะทำบาปมาตลอด ทำบุญน้อย
    - กลุ่มนี้จะคล้ายๆ กับกลุ่มที่ 2 แต่กลับกัน คือ จะโดนดูดไปเกิดในทุคติภูมิทันที ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 7 วันเลยครับ โดยมากมักจะโดนดูดไปเกิดที่อุสสทนรก หรือ มหานรก ซึ่งไม่สามารถรับบุญได้เลย แม้หมู่ญาติจะอุทิศไปให้ภายใน 50 วัน หรือ 100วันก็ตาม ยังไงก็ต้องให้สัตว์นรกนั้นรับวิบากกรรมไปตามขั้นตอน จนย้ายมารับการลงทัณฑ์ลหุโทษที่ ยมโลก ย้ายมายมโลกเมื่อไหร่ ตอนนั้นแหละครับ บุญที่อุทิศเอาไว้ จะได้ช่องส่งผลตอนนั้นครับ แม้หมู่ญาติจะอุทิศบุญให้แล้วเมื่อหลายล้านปีก่อน (เพราะการไปตกอุสสทนรก หรือ มหานรก นั้นกินระยะเวลานานมากกกกกกก) บุญก็จะมารอส่งผลตอนนั้นครับ ไม่หายไปไหน

    คัดลอกจาก http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=5505
     
  8. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ความเห็นส่วนตัวของผมนะ

    1. ปัญหาช่วง 7 วัน
    1.1) 7 วันวิญญาณอาจยังอยู่บนโลกมนุษย์ ช่วงนี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลแล้ว เค้าอาจได้รับทันที
    1.2) แต่บางที่ก็ไปยมโลกตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ก็ยังอุทิศส่วนกุศลให้ได้
    1.3) หรือบางคนเลวมาก ตายปุ๊บลงนรกทันที อันนี้อุทิศได้แต่ไม่ได้รับทันที ต้องรอจนกว่าจะหมดกรรมในเมืองนรก จึงจะได้รับผลบุญที่เราอุทิศไปให้
    1.4) บางคนก็ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก ตั้งแต่ทันทีที่ตายลง อันนี้อุทิศได้ตลอด ได้รับตลอดทันทีที่อุทิศ

    2. ปัญหาเรื่อง 50 วัน
    2.1) 50 ในเมืองมนุษย์ เทียบได้กับ 1 วันในเมืองยมโลก (เหตุที่ 1 วันเมืองยมโลกมีเวลา 50 วันมนุษย์เป็นเพราะจริงๆแล้วยังไม่ถึงเขตเมืองนรก เป็นเขตก่อนถึงเมืองนรก เป็นเขตของเทวดาขั้นต้นๆ แต่ถ้าเข้าเขตเมืองนรกจริง 1 วันเมืองนรกชั้นต้นนั้น เทียบได้เป็น 1,000 ปี เมืองมนุษย์ ลองค้นดูนะ )
    2.2) วิญญาณอาจต้องรอ 1 - 2 วันยมโลก เพื่อเข้าคิวรับการพิพากษา ดังนั้นในช่วง 50 - 100 วันจึงยังอาจรอรับบุญกุศลของเราได้
    3.3) กรณีได้รับพิพากษาให้เกิดเป็น เปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์เดรฉาน มนุษย์ ช่วงก่อนเกิดเล็กน้อยยัง (โดยประมาณ 50 วันมนุษย์ หรือ 1 วันยมโลก)จะสามารถรับบุญกุศลได้ อาจทำให้วิญญาณหลุดพันธนาการไปเป็นเทวดาได้ หรือเป็นสัตว์ชั้นสูงขึ้นดีขึ้นได้แล้วแต่บุญที่เราอุทิศให้มากน้อย และกำลังใจของคนรับมากน้อย ฯ

    3. ปัญหาเรื่อง 100 วัน
    3.1) 100 วันในเมืองมนุษย์ เท่ากับ 1 วันในสวรรค์ชั้นต้นๆ
    3.2) กรณีที่รอพิพากษาแล้วได้เกิดเป็นเทวดา,นางฟ้า กินเวลารอจนพิพากษาเสร็จก็ 100 วันโดยประมาณ(อาจเสร็จก่อนนั้น) ถึงจะได้เกิดเป็นเทวดา และเมื่อเกิดเป็นเทวดาแล้ว ย่อมสามารถได้รับบุญที่อุทิศให้ได้ เทวดานั้นจะกลับมาได้ (ความจริงมาได้ ถ้าอยากมา)
    3.3) กรณีได้รับพิพากษาให้เกิดเป็น เปรต สัตว์นรก อสุรกาย สัตว์เดรฉาน มนุษย์ เทวดา ช่วงก่อนเกิดเล็กน้อยยัง (กินเวลารอจนพิพากษาเสร็จก็ 100 วันโดยประมาณ วันมนุษย์ หรือ 2 วันยมโลก หรือ 1 วันสวรรค์) จะสามารถรับบุญกุศลได้ อาจทำให้วิญญาณหลุดพันธนาการไปเป็นเทวดาได้ หรือเป็นสัตว์ชั้นสูงขึ้นดีขึ้นได้แล้วแต่บุญที่เราอุทิศให้มากน้อย และกำลังใจของคนรับมากน้อย ฯ

    กรณีอื่นๆ ตายปุ๊ปเกิดปั๊บ
    1. เป็นเทวดา เป็นพรหมณ์ อันนี้ได้รับตั้งแต่ตายเลย ความเป็นทิพย์ของจิตที่สูงกว่า จะรับภพต่ำกว่าได้
    2. เป็นมนุษย์ จะรับได้ก็ต่อเมื่อโมทนา เช่น มีโอกาสตอนหลับ แล้วเทวดานำไปบอก หรือมนุษย์คนนั้นต้องโมทนาบุญ (การที่จะให้มนุษย์ได้รับผมบุญได้ มนุษย์คนนั้นต้องโมทนาบุญ
    ยกเว้นกรณีลูกบวช แม้พ่อแม่ไม่โมทนา ไม่อุทิศเจาะจง แต่ก็จะได้รับทันที แม้เป็นสัตว์ หรือเป็นมนุษย์ไปแล้วก็ตาม เราจะเป็นว่าช่วง 100 วันเด็กบางคนจะมีอาการเปลี่ยนไป เช่นเคยป่วยกระเสาะกระแสะกลับดีขึ้น เช่นนี้อาจเป็นเพราะได้รับบุญกุศลที่ลูกบวชให้
    ส่วนพ่อแม่ที่เป็นสัตว์นรกอยู่ ต้องรอโอกาสช่วงรอยต่อรอการลงโทษ หรือต้องมีผู้นำไปใบอก เช่น กรณีพระมาลัย)
    3. เป็นสตว์นรก จะไม่ได้รับเลย
    ยกเว้นต้องมีผู้นำไปใบอก เช่น กรณีพระมาลัย
    หรือกรณีเป็นพ่อแม่ ลูกบวชให้ ต้องรอโอกาสช่วงรอยต่อรอการลงโทษ
    4. เป็นเปรต อสุรกาย รับได้ โดยการอุทิศไปให้เขาโมทนา หรือมีผู้นำไปบอก
    5. เป็นสัตว์เดรัชฉาน ปกติรับไม่ได้ บุญที่เราอุทิศไป เขาไม่รู้ เขาไม่ได้โมทนา เขาก็ไม่ได้รับ
    ยกเว้นรอโอกาสตอนหลับ แล้วมีผู้นำไปบอก
    แต่ถ้าสัตว์บางตัวรู้เรื่อง รู้จักยินดีในการทำบุญ หรือทำบุญกิริยา ก็จะสั่งสมบุญได้เอง (ไม่เกี่ยวกับบุญที่เราอุทิศให้)

    ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้ตั้งกฏขึ้นมาเอง
    หากแต่เป็นไปตามธรรมชาติธรรมดา
    แต่ก็อย่าเพิ่งเชื่อให้ลองค้นดูในพระไตรปิฎก
    หรือประสบการณ์ต่างๆ กรณีที่ท่านอื่นๆ ตอบ
    ผมคงไม่ไปหักล้างหรือแก้ไขอะไร เพียงแสดงความคิดเห็น
    ความเข้าใจของผมเองเท่านั้นครับ
     
  9. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    แสดงความคิดเห็นได้เยี่ยมมากเลยครับ
    (good) (good) (good)
    (||) (||) (||)
     
  10. jooil

    jooil Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +47
    อยากทำ ต้องทำอย่างไรบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...