ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กลายแก้ว, 6 มิถุนายน 2014.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    การรู้ความว่าง(สุญญตา)
    ดังที่พระองค์ทรงสอนว่า

    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างภายใน
    เมื่อเธอกำลังใส่ใจความว่างภายใน
    จิตยังไม่แล่นไป ยังไม่เลื่อมใส ยังไม่ตั้งมั่น ยังไม่นึกน้อมไปในความว่างภายใน
    เมื่อเป็นเช่นนั้น ภิกษุย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า
    เมื่อเรากำลังใส่ใจความว่างภายใน
    จิตยังไม่แล่นไป ยังไม่เลื่อมใส ยังไม่ตั้งมั่น ยังไม่นึกน้อมไปในความว่างภายใน
    ด้วยอาการนี้แล ย่อมเป็นอันเธอรู้สึกตัวในเรื่องความว่างภายในนั้นได้ ฯ
    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างภายนอก ...
    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างทั้งภายในและภายนอก ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images.png
      images.png
      ขนาดไฟล์:
      1.6 KB
      เปิดดู:
      49
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2016
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    การรู้ความว่าง(สุญญตา)
    ดังที่พระองค์ทรงสอนว่า

    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างภายใน
    เมื่อเธอกำลังใส่ใจความว่างภายใน
    จิตยังไม่แล่นไป ยังไม่เลื่อมใส ยังไม่ตั้งมั่น ยังไม่นึกน้อมไปในความว่างภายใน
    เมื่อเป็นเช่นนั้น ภิกษุย่อมรู้ชัดอย่างนี้ว่า
    เมื่อเรากำลังใส่ใจความว่างภายใน
    จิตยังไม่แล่นไป ยังไม่เลื่อมใส ยังไม่ตั้งมั่น ยังไม่นึกน้อมไปในความว่างภายใน
    ด้วยอาการนี้แล ย่อมเป็นอันเธอรู้สึกตัวในเรื่องความว่างภายในนั้นได้ ฯ
    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างภายนอก ...
    ภิกษุนั้นย่อมใส่ใจความว่างทั้งภายในและภายนอก ...

    เห็นด้วยค่ะ กับ ความรู้ภายในกายใจนี้นำไปสู่อิสระทางใจที่แท้จริง ทำให้เห็นว่ากายใจ รูปนาม ขันธ์ทั้งหลายที่อาศัยการเกิดในแต่ละภพชาติเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่มีแก่นสาร เมื่อประจักษ์แจ้งแก่ใจตนเองแล้วจึงเกิดการเบื่อหน่ายคลายยึดเพื่อให้จิตหลุดพ้นได้จริงๆ ส่วนการพิจารณาเพื่อเห็นภายนอกเห็นความเป็นไปของผู้อื่น เห็นความเป็นไปของคำว่าสิ่งที่ประกอบเป็นโลก ก็เป็นดั่งภายในของเราเช่นกัน ทั้งกายใจภายในของเราและรูปขันธ์ภายนอกของผู้อื่น ทั้งหมดทั้งปวงทั้งอันชื่อว่าโลก ก็ล้วนไม่เที่ยงเป็นไตรลักษณ์ทุกอย่างไร้แก่นสารใด ๆ ก็ทำให้เราเข้าใจความเป็นไปเพื่อเข้าใจความจริงได้ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images (6).jpg
      images (6).jpg
      ขนาดไฟล์:
      2.8 KB
      เปิดดู:
      186
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2016
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    โลกร้อนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ จิตใจมนุษย์เป็นเหตุสำคัญ

    ดยปกติแล้วคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกจะไม่เกิดขึ้นเลย หากมนุษย์ไม่คอยช่วยเหลือการปลดปล่อยคลื่นการสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวกขึ้นมา ด้านบวกของพลังงานจิตสำนึกแต่ละคน จะเป็นผลรวมการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กโลก จนเกิดคลื่นความถี่ออกมา ทำให้แนวเส้นแม่เหล็กโลกแต่ละเส้นทั้งโครงข่ายเกิดการเต้นแล้วยกตัวสูงขึ้นประสานงานกับโครงข่ายสนามพลังงานจักรวาล *** สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก**

    การหมุนรอบตัวเองของโลก เป็นกระบวนการของจักรวาลเพื่อรักษาความสมดุลทางพลังงานของตนเองไว้ เพราะมันคือพลังอำนาจแห่งดาวเคราะห์ดวงหนึ่งซึ่งสามารถดำรงอยู้ได้ในจักรวาลร่วมกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ

    สำหรับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกนั้น ที่ต้องยกตัวสูงขึ้นทางด้านบวก เพื่อประสานกับโครงข่ายสนามพลังงานจักรวาล ในการยอมรับกระบวนการการเปลี่ยนแปลงและกระบวนการสร้างใหม่ของจุดศูนย์รวมพลังงานได้อย่างสอดคล้องกับทั่วทุกหนแห่งทั่วจักรวาล ที่เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกันไว้เสมอ ไม่ว่าที่หนึ่งที่ใดในจักรวาลไพศาลนี้ เมื่อมีการเพิ่มพลังงานขึ้น อีกที่หนึ่งนั้นจะต้องลดลงเสมอ ทุกอย่างต้องลงตัวกันตลอดไป โดยจะเพิ่มอีกที่หนึ่งแล้วไม่ลดอีกที่หนึ่งไม่ได้ โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก จึงมีความสำคัญในการเชื่อมโยงกระบวนการใด ๆ ของจักรวาลอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้

    มนุษย์จึงทำให้โลกหมุนไป เพราะผลต่างของพลังงานด้านบวกที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา จะเกิดการผลักดันกันให้พลังงานหมุนวนอย่างุรนแรงและเร็ว ซึ่งมันจะมีผลต่อการเหวี่ยงตัวของโลกในขณะเดียวกันด้วย มนุษย์จึงอยู่ในระบบเดียวกับโลก จะแยกตัวออกจากโลก เป็นหนึ่งเดียวกับโลกด้วยเหตุนี้ การที่โลกยังหมุนรอบตัวเองอยู่ได้ ไม่ล้มคว่ำลง มนุษย์แต่ละคนที่คิดดี พูดดี ทำดี ล้วนเป็นผู้สนับสนุนกระบวนการนีั้ทั้งสิ้น

    และขณะนี้โลกกำลังเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงระดับพลังงาน ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะก่อให้เกิดภาวะวิฤตทางธรรมชาติอย่างรุนแรงบนพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก อันเกิดจากพายุแม่เหล็กที่ส่งเข้ามาจากจักรวาล ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน พื้นผิวโลกต้องสั่นสะเทือนเพราะการเคลื่อนตัวของมัน เพื่อย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลก

    โลกร้อนเพราะ แสงสุริยะพลังงานพายุแม่เหล็ก อาทิตย์หม่นแต่ร้อนแรงด้วยแสงทิพย์ ร้อนเพราะพลังงานวงแหวนไฟใต้ผิวโลก ร้อนเพราะคลื่นความร้อนจากคลื่นกระแสจิตมนุษย์ด้านลบ ร้อนเพราะด้านกายภาพโลก โลกขาดต้นไม้ ขาดความชุ่มชื่นให้กับโลก ร้อนเพราะมลพิษทางอากาศทีสะสมไว้บนอากาศของโลก ร้อน ร้อน ร้อน และ ก็ร้อนค่ะ

    สัญญาณโลกร้อนคือสัญญาณเตือนภัย

    บททดสอบอันน่าตื่นเต้นบทแรกที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญในการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ ความหวาดกลัว อันเป็นการสั่นสะเทือนในจิตสำนึกระดับสูงสุด เพื่อที่จะช่วยกดปุ่มสำนึกให้แต่ละคนปลดปล่อยพลังงาน ความรักบริสุทธิ์ ให้กลไกนี้ได้ทำงานบ้าง

    แสดงว่าโลกขาดพลังงานความรัก จากการคิดดี พูดดี ทำดี ร่วมใจกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในโลก จึงเรียกว่า กลียุค ยุคที่คนขาดคุณธรรมความดีงามในจิตใจที่มีให้แก่กันและกัน การทำความเข้าใจทำให้เราได้รู้ได้มีสติในการอยู่เพื่อรักษาตนเองให้อยู่รอดได้ในยุคอย่างนี้ได้อย่างไร

    สมการพลังงานจากจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ เป็นเรื่องลี้ลับมาตลอด ถ้าทุกคนสามารถใช้แรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของตน ต่อโลก และ เพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ ค่าพลังงานด้านบวกที่แต่ละคนปลดปล่อยออกมาสู่สนามแม่เหล็กโลกภายนอกร่างกาย มันจะมีพลังอำนาจมหาศาลที่มนุษย์เองคาดไม่ถึงทีเดียว คลื่นความคิดจิตจักรวาล...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ผู้ทีไม่เข้าใจหลักศาสนาของตน ในการถือศีลเพื่องดเว้นการทำผิดคิดชั่วแล้วยึดถือธรรมะเป็นแนวปฏิบัติทั้ง ๆ ที่ไม่รู้อุบายของศาสดานั้น ๆ ในการชี้นำให้มนุษย์เข้าถึงมันให้ได้ เพื่อทำหน้าที่ของตนเพื่อจิตสำนึกในการให้พลังงานบวกแก่โลกอันเป็นศาสตร์ในมิติที่สามแห่งกาลเวลา

    เราจะเปลี่ยนแปลงโลกได้ด้วยการสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวก ที่ทุกคนที่มอบให้แก่โลกได้คือ

    1.การปฏิบัติสมาธิเพื่อให้จิตนิ่ง เพื่อหยุดยั้งกระบวนการอารมณ์ การนึกคิดที่ขาดสติ
    2.การแผ่เมตตา จากความรู้สึกสำนึกอย่างแท้จริง
    3.เกิดสติหยั่งรู้ในการกระทำที่ไม่ถูกต้องของตนเอง พร้อมจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงทัศนคติ
    4.การค้นพบปิติสุขในใจของตนเอง
    5.ยินดีกับการทำความดีของตัวเองต่อคนอื่น แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ
    6.การรักษาศีลเพื่อเพาะบ่มจิตใจให้สงบงัน
    7.ปฏิบัติสมาธิเพื่อการหยั่งรู้แจ้ง
    8.นำความดีงามในจิตใจของตนออกมาให้ได้

    ร่างกายมนุษย์ ถูกสร้างขึ้นมาอย่างละเอียดซับซ้อนอย่างยิ่งกว่าสรรพสิ่งใด ๆ ในจักรวาล เป็นพลังงานที่มีอนุภาคและมวลหยาบ ๆ ที่มีรูปธรรมอันอัศจรรย์ในจักรวาลนี้ ที่แตกต่างไปจากเทหวัตถุใด ๆ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดกระบวนการสร้างใหม่ และ กระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานได้ ด้วยจิตสำนึกของตนเอง

    การมีชีวิตของมนุษย์ จึงหมายถึง การมีจิตใจและจิตวิญญาณที่สามารถโต้ตอบกับจักรวาลได้ ซึ่งเทหวัตถุอื่น ๆ จะมีความสามารถเพียงแค่การตอบรับกระบวนการกระทำใด ๆ ของจักรวาลเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    เรื่อง จิต และ ใจ จักรวาลกล่าวไว้ว่า...

    คำว่า ร่างกายในศาสตร์จักรวาล หมายถึง กลไกที่สามารถก่อให้เกิดการกระทำทั้งทางกาย และ วาจา โดย มีใจ เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำ

    กระบวนการของใจ ก็คือ จิต ที่สะสมข้อมูลและอารมณ์ต่าง ๆ มาจากทุกภพชาติ

    และกระบวนการของใจนี่เอง ที่สร้างอารมณ์ขึ้น เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบจิตใจของมนุษย์

    จักรวาลถือเอาจิตสำนึกของมนุษย์เข้าไว้ในระบบเดียวกัน เนื่องจากจิตสำนึกของมนุษย์ คือ สมอง ที่มี จิตใจ ของแต่ละคนเป็นตัวควบคุมกระบวนการทำงานของสมองนั้นเอง

    สมองจึงถูกจัดแบ่งไว้สองซีก คือ ซีกที่มีความชำนาญในการสร้างความคิดความรู้สึก และกระบวนทางการอารมณ์เป็นอัตโนมัติ(ซ้าย) และ อีกส่วน(ขวา)มีหน้าที่ในการช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความสมดุลในการคิดรู้แบบอัตโนมัติของสมองซีกซ้าย แต่มนุษย์ต้องรู้จักกดปุ่มใช้มันเท่านั้น จึงจะสามารถพบพลังมหัศจรรย์สร้างพลังอำนาจให้ตนเองได้ ที่ทำให้สามรถโต้ตอบกับจักรวาลได้ มันคือสมองอัจฉริยะที่สามารถจะแสดงพลังอำนาจในการคิดรู้สร้างความสัมพันธ์กับจักรวาลได้ ความรู้ใด ๆ แม้ในสิ่งที่เกินสติปัญญาของตนได้โดยผ่านสัมผัสที่หก (six sent)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a4.png
      a4.png
      ขนาดไฟล์:
      5.8 KB
      เปิดดู:
      55
    • images (11).jpg
      images (11).jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.8 KB
      เปิดดู:
      53
    • ปัญญา1.jpg
      ปัญญา1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.5 KB
      เปิดดู:
      50
    • images (15).jpg
      images (15).jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.3 KB
      เปิดดู:
      50
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2016
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    เหตุการณ์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการควบคุมของจักรวาลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ได้เกิดจากหลักสัจธรรมของศาสนาใดศาสนาหนึ่งเท่านั้น

    มนุษย์ทั้งโลกต้องสร้างจิตสำนึกแบบรวมหมู่ ด้วยการคิดรู้ให้ได้ว่า แต่ละคนคือ "พวกดาวเคราะห์โลก" ทุกคนต้องมีพลังความรักหยิบยื่นให้แก่กัน ไม่แบ่งแยกสีผิว เชื้ัอชาติ ศาสนา ทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ในระบบเดียวกันให้ได้

    กรณีที่มนุษย์เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อันไปสู่การเวียนว่ายตายเกิดกันมาตลอด แต่ตอบไม่ได้ว่า กรรมคืออะไร?

    กลไกการเกิดวัฏจักรชีวิต การมีภพชาติที่เรียกว่า การเวียนว่ายตายเกิดนั้น กรรมของตนมีส่วนต่อกระบวนการนี้อย่างไร?

    การที่เราเคยตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กไว้ในชาตินี้ เมื่อตายไปสู่การเกิดใหม่ เราจะต้องกลับมาเกิดเป็นหมา เป็นเจ๊กให้หมากับเจ๊กได้กลับชาติมาเกิดเป็นเรา เพื่อเราจะเป็นฝ่ายถูกตีหัวหรือถูกด่าแม่เข้าให้บ้าง ตามกฏแห่งกรรมหรือ?
    และถ้าไม่ใช่เช่นนั้น กฏแห่งกรรมที่แท้จริงสำหรับตัวเราที่กระทำไม่ถูกต้อง เราจะต้องเผชิญกรรมนั้นอย่างไร?

    กรรมคือ พลังงานด้านบวกและลบ ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของจิตสำนึกมนุษย์เมื่อมีสิ่งเร้ามากระทบ ก่อให้เกิดความรู้สึกนึกคิด และ อารมร์ขึ้น พลังงานที่เกิดขึ้นนั้นแม้จะนำไปสู่การกระทำหรือการแสดงออกทางกายต่อบุคคลอื่นสรรพสิ่งอื่นที่เป็นเงื่อนไขหรือไม่ก็ตาม ถือว่าเป็นการเกิดกรรม นั้น ๆ ขึ้นแล้ว

    พลังงานกรรมที่เกิดขึ้นแผ่ออกมานอกร่างกาย ได้ ถ้าเป็นพลังงานด้านบวกมันจะสะสมเลื่อนไหลไปมาบนสนามแม่เหล็กของจักรวาลโลก เพื่อรอคอยการตอบสนองเป็นผลกรรมด้านบวกที่มนุษย์นั้นต้องเผชิญตามลำดับของผลกรรมที่ก่อไว้

    แต่ถ้าเป็นพลังงานกรรมด้านลบ มันจะก่อตัวรวมกันเป็นกลุ่มลักษณะคล้ายเมฆหมอกสีดำโดยมีพลังงานด้านบวกหรือการกระทำที่ถูกต้อง ในเรื่อง นั้น ๆ ที่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันไม่ได้กระทำแฝงเร้น
    อยู่ภายในใจกลางเมฆหมอกสีดำนั้น


    ในการทำกรรมดีและกรรมชั่วแต่ละเรื่องนั้น การทำงานของใจคือ จิต จะเป็นตัวการและมีจิตใต้สำนึกคอยทำหน้าที่เก็บรหัสข้อมูลหรือจดจำเอาไว้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด จิตใต้สำนึกไม่มีวันลืม จนกว่าเจ้าของมันจะทำให้มันเป็นกลางให้จงได้

    การที่เราตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กไว้ในชาตินี้ หากเราเกิดมาเกิดภพชาติใหม่ ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเกิดเป็นเจ๊กหรือหมา ให้ผู้ที่เคยถูกกระทำไม่ถูกต้องเหล่านั้น มีโอกาสกระทำตอบต่อเราบ้าง แต่การเผชิญผลกรรมนั้น ก็คือ การที่เราจะกลับเข้าสู่เงื่อนไขสถานการณ์แบบเดิมอีกครั้ง เพื่อให้ตัวเราได้มีโอกาสแก้ตัว ด้วยการคิดตัดสินใจใหม่ว่า เราจะตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กอีกหรือไม่

    เมฆหมอกสีดำของพลังงานกรรมด้านลบ คือ คุณสมบัติของสถานการณ์ที่เป็นเงื่อนไขเดิมที่เราจะต้องฟันฝ่ามันเข้าไปให้ถึงใจกลาง ที่มีคำตอบที่ถูกต้องในการตัดสินใจเร้นอยู่ข้างในอันเป็นรหัสบุรพกรรมของเราในชาติก่อน จะกลายมาเป็นเงื่อนไขในชาติใหม่ดังกล่าว การเผชิญสถานการณ์แบบเดิม ก็คือ การตัดสินใจใหม่อย่างถูกต้อง ก็เท่ากับว่าเราได้ฝ่าเข้าไปตรงจุดศูนย์กลางของเมฆหมอกสีดำนั้น เพื่อสัมผัสกับพลังงานบวกที่ซ่อนเร้นอยู่ ทันทีที่มนุษย์สัมผัสมันได้จากการตัดสินใจใหม่ที่ถูกต้อง เมฆหมอกสีดำนั้นก็จะหายวับไปทันที กรรมเรื่องนั้นก็จะสิ้นสุดลงถือว่าเป็นหมดกรรม เพราะพลังงานด้านลบถูกทำให้เป็นกลางหมดสิ้นแล้ว

    ถ้ามนุษย์ตัดสินใจผิดอีกครั้ง กรรมนั้นยังคงอยู่ถือว่าเป็นการสอบตกซ้ำชั้น จะต้องกลับมาสู่การเกิดใหม่เพื่อหาทางกำจัดมันในภพชาติถัดไป ไม่ว่าจะกี่ภพก็ตาม

    ทั้งหมดเป็นการอธิบายวิทยาศาสตร์ในแง่คุณสมบัติพลังงาน ล้วนเป็นความจริงแท้ทั้งสิ้น

    และในเมฆหมอกสีดำนั้น ก็เป็นสิ่งที่ Jityim ได้เห็นและบอกไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว จึงเป็นเหตุที่ได้นำข้อมูลจักรวาลเกี่ยวกับเรืองกรรมมาให้อ่านกันค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • images (5).jpg
      images (5).jpg
      ขนาดไฟล์:
      2 KB
      เปิดดู:
      46
    • images (7).jpg
      images (7).jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.1 KB
      เปิดดู:
      66
    • images (6).jpg
      images (6).jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.7 KB
      เปิดดู:
      45
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ข้าพเจ้าถูกมารรบกวนอย่างหนัก และปั่นป่วนมากเกี่ยวกับกระทู้นี้ค่ะ

    แต่ข้าพเจ้ามั่นใจ เพราะข้าพเจ้าได้เห็นอะไรหลาย ๆ จากสัจธรรมความเป็นจริง หลาย ๆ อย่างแล้ว

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    นี่คือ ที่สุดที่สุดที่สุดที่สุดที่สุดที่สุด ในชีวิตของข้าพเจ้าค่ะ

    สิ่งนี้เป็นสัจธรรมที่อีกแบบหนึ่งที่ใครได้เคยสัมผัสพบเจอแล้ว จะรู้และเข้าใจสัมผัสมันได้จริงๆ ค่ะ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ข้าพเจ้าปั่นป่วน อยากจะลบกระทู้นี้มากเลย

    แต่ใจมันไม่ยอมลบ.....ทำไงดี...

    มารไม่มี บารมีไม่เกิด
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    เมื่อกี้พิมพ์เกี่ยวกับเรื่องการเกี่ยวกรรมกับคนอื่น เราจะละไว้อย่างไร แต่ได้ลบไปแล้ว มารไม่มี บารมีไม่เกิด
     
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ใครที่พบสัจธรรมอันสูงสุดหลายคนแล้ว ไม่เห็นมีใครมาช่วยยืนยันบ้างเลย ว่านี่คือ สัจธรรมจริง ๆ เป็นกฏเกณฑ์สากลจักรวาล ไม่เกี่ยวกับศาสนาใด ศาสนาหนึ่ง เพราะเราทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน เราคือ พลังงาน ที่มีธรรมอนัตตาเร้นอยู่ข้างในอีกที ความเข้าไปเห็นมันได้มันมีวิธี การที่เรามีความสงบใจ ตัดสินอะไรที่ไม่ผิดพลาด เพราะใจของเราที่รักษาไว้ดีแล้ว เราจึงไม่ไหลไปตามอารมณ์ได้ แต่ถ้าเราของเราขาดความสงบสันติในใจแล้ว เราย่อมไหลไปตามกิเลส แล้วคำตอบนั้นมาจากไหน.....
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    นี่...คุณจิตยิ้ม....ในสากลจักรวาล...ก็ยังมีพวกที่ไม่เอาสากล อยู่ก็มี...เทพหลายเทพ ภูมิหลายภูมิ...ที่เขาไม่เอา...กฏแห่งกรรม หนีกฏแห่งกรรม อยู่ก็มี...มันไม่ไช่มาร...แต่มันเป็นพวก อยากเป็นพระเจ้า....มันเข้าใจว่า การอยู่นอกกฏแห่งกรรม การไม่อยู่ไต้อำนาจใคร..คืออิสระของพวกมัน คือการหลุดพ้นของพวกมัน...พวกนี้อัตตาตัวตนสูง พลังจิตมิจฉาทิฐิสูง

    แกจะต้าน ไหวเร้อ....
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    นี่ไม่ไช่สัจธรรม...แต่มันเป็นของพวกมัน อยู่อย่างนั้น..มันแค่ผลที่ออกมาให้แกได้รู้ ได้เห็น...ไม่ไช่เหตุ..ไม่ไช่สัจธรรมอะไร...
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ลบกระทู้ทิ้งไป...กับ จิตที่รู้ เรื่องนี้ซะ....มันออกมาเป็นรูปธรร ม..ให้จับต้องรู้แล้ว...ก็ ปล่อยมัน ลบมัน ละมันออกไปซะ....ถึงแกไม่พูด มันก็มีอยู่ของพวกมันอยู่แบบนี้..
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าแกไม่ยืนยัน (รู้เอง เข้าใจเอง)...ไม่มีใครมายืนยันให้แกหรอก...อย่าไร้สาระ
     
  15. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,162
    ในกรณีที่มีคนที่พบสัจธรรมอันสูงสุดจริง ๆ และเข้าถึงเรียบร้อย ก็จะทราบเองว่าไม่จำเป็นต้องแนะนำ สั่งสอนใคร เหตุผลก็ง่าย ๆ ครับ เมื่อเข้าใจจนรู้แจ้งแล้ว ก็จะเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีอะไรเลยนอกจากความไม่มีสาระ หาตัวตนไม่ได้ เรื่องที่จะต้องสร้างภายในใจเพื่อกำหนดสิ่งที่จะกระทำก็จะไม่มีไปด้วย แม้แต่จิตที่มีเมตตาก็มีเมตตาไม่ประมาณ เพียงแต่มีเมตตาแบบไร้เหตุและไร้ผล ซึ่งมันก็คือความสงบนิ่งจากทุกสิ่งนี่แหละครับ ดังนั้นคนที่พ้นแล้วจะไม่สร้างเรื่องสร้างเหตุใด ๆ เพื่อต่อภพต่อชาติแม้ความคิดเพียงน้อยนิดก็ไม่มี จะมีก็เพียงแต่การกระทำเฉพาะหน้าเท่านั้น

    โดยส่วนตัวลักษณะนี้ ขอเดาว่าคงจะทำสมาธิและจิตเข้าถึงสภาวะนึงแล้ว ตัวรู้มันจะรู้ได้เองในหลาย ๆ เรื่อง และดูช่างเป็นเหตุเป็นผลสัมพันธ์กันไปหมด จนดูเหมือนกับว่า ทุกอย่างที่รู้เป็นเรื่องจริง
    แต่ขอยืนยันว่านั่นเป็นเพื่อแค่อาการทางสมาธิอย่างนึงเท่านั้น ความรู้ในโลกแม้จะสามารถล่วงรู้ความจริงที่สังคมมนุษย์เรายังวิวัฒนาการไปไม่ถึง แต่ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยในความจริง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของใหม่ มีคนที่ทำถึงและรู้เรื่องราวเหล่านี้มากมายมานับไม่ถ้วนแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงด้วย ไม่ว่าจะการเอาความรู้เหล่านั้นมาพัฒนาชีวิตสังคมให้ดีขึ้น หรือที่สุดทำให้แจ้งหมดในโลกด้วยอภิญญา สามารถเสกสรร สิ่งใด ๆ นอกเหตุผลธรรมดา หรือไปทั่วทั้ง 3 ภพ ก็เคยเกิดขึ้นมาทั้งหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอคำสอนจากพระพุทธเจ้าก็ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดามาก ๆ ที่เกิดขึ้นมานับไม่ถ้วนแล้ว

    แล้วสิ่งที่พิเศษจริง ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมคืออะไร ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส ที่เป็นจุดกำเนิดพระศาสนา คำสอนอะไรที่ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดจะสามารถทำให้รู้ ทำให้แจ้งได้ สาระแบบนี้แหละ ที่น่าศึกษาน่าเรียนรู้มากกว่า รู้เรื่องโลกและจักรวาลเป็นไหน ๆ

    ส่วนตัวแล้วคำถามเรื่องโลก ๆ แบบนี้หาคำตอบได้หมดแล้วทุกคำถาม รู้และเข้าใจไปจนถึงจุดกำเนิดเริ่มแรกสุด และรู้จนสุดที่สุดบั้นปลายแห่งวัฎฎสงสาร จิตเกิดอย่างไร มาจากไหน โลกและจักรวาล ภพภูมิต่าง ๆ กำเนิดมาได้อย่างไร มีกระบวนการอย่างไร และความรู้ในด้านต่าง ๆ อีก ฯลฯ ถามว่ารู้แล้วได้อะไร ก็ตอบได้เลยว่า ได้แค่รู้ เพราะถึงจะรู้แล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ความจริงในชีวิตปัจจุบันเปลี่ยนไปเลย ทุกอย่างมันก็ดำเนินเรื่องราวของมันเป็นไปตามปกติทุกอย่าง ถ้าเราไปหลงเองว่าความรู้เหล่านี้วิเศษ ดีเลิศ เราก็เท่ากับหลงเงาตัวเอง วนอยู่กับสิ่งที่ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยนอกจากบทเรียนที่แสนแพงเท่านั้น

    ที่เล่าให้ฟังก็ไม่อยากให้ทุ่มเทจิตใจไปกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไป มันไม่เกิดประโยชน์ สิ่งที่มีคุณค่าที่แท้จริงมีอยู่ และสามารถเปลี่ยนกระแสจิตเราได้จริงมีอยู่ ความรู้ที่มีสาระ ที่เมื่อรู้แล้วจะไม่กลับมาลังเลสงสัยในทุกสิ่ง มีอยู่ และเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคุณที่จะทำให้เป็นผลได้ในปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2016
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    ค่ะ จุดสำคัญของกระทู้นี้เพื่อต้องการสื่อให้ทราบว่า เราเพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งของพลังงานในจักรวาลนี้ เมื่อเราเข้ามาเกี่ยวข้องกับหน้าที่ของความเป็นมนุย์แล้วเราต้องเลือกเดินทางอย่างไร เพื่อทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด (มรรค 8) และถึงที่สุด คือ ทางที่เลือกเดินนั้นเป็นทางที่ทำให้พ้นทุกข์ค่ะ

    ส่วนเรื่องการปฏิบัติ จิตสำนึก จิต และ ใจ เกี่ยวกับมรรค 8 อย่างไร

    หากมีโอกาสได้ทำเพื่อความเข้าใจของตนเองก็จะต้้งกระทู้ขึ้นมาใหม่ในห้องหลุมดำแทนค่ะ

    ขอปิดกระทู้ ทางที่ต้องเลือกเดินในจักรวาลแห่งความรัก แค่นี้ค่ะ
     
  17. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    ในวันแรกพุทธเจ้าก็ยังไม่คิดจะสอนธรรมใคร จนรุ่นนี้มีคำว่าบัวสี่เหล่าให้ได้พูดถึง
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ปิดกระทู้...คือลบทิ้ง...ไม่ไช่ปิดแบบนี้
     

แชร์หน้านี้

Loading...