ทัศนะของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ อดีตที่ปรึกษา

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย pump - อภิเตโช, 27 เมษายน 2012.

  1. pump - อภิเตโช

    pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,202
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +6,803
    ทัศนะของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ อดีตที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก(WHO) วัย 79 ปี<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ...บทสัมภาษณ์พิเศษนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล และที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อดีตที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก(WHO) วันนี้ในวัย 79 ปี ได้ให้แง่คิดที่น่าสนใจในการดำเนินชีวิต พร้อมสะท้อน 4 นิสัยเน่าเสียของคนไทยในยุคปัจจุบัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คุณหมออายุใกล้ 80 ปี ทำอย่างไรถึงมีสุขภาพแข็งแรง และอารมณ์เบิกบานตลอดเวลา ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันต้องได้กิน ได้นอนพอ ถ่ายอุจจาระ ไม่ท้องผูกไม่ท้องเสีย และได้ออกกำลังกาย หลายคนมักพูดว่า ไม่มีเวลา ผมก็ไม่มีเวลา แต่ผมอาศัยเดิน เช่น การเดินจากป้ายรถเมล์มาบ้าน ก็ได้เหงื่อบ้าง เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องเสียเงิน ถ้ามีลูกก็ชวนลูกเดิน ไม่ต้องไปออกกำลังกายหักโหม หรือเดินขึ้นบันได ช่วยทำให้หัวใจได้ออกกำลัง แต่ถ้าหากมีโรคหัวใจ ไม่ควรหักโหมอย่างนั้น ผมเผอิญไปทดสอบหัวใจยังดีอยู่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถัดไปเรื่องความเครียด พยายามอย่าเครียด อะไรลืมได้ลืม อะไรทิ้งได้ทิ้ง<O:p</O:p
    สำหรับตัวผมเอง มีความเครียดจากการเดินทาง ผมไปทำงานที่ศิริราชทุกวัน ก็แก้ปัญหาด้วยการออกแต่เช้าตี 5.45 น.ออกจากบ้าน จะไม่พบความเครียดในการเดินทาง และเวลากลับบ้านก็กลับเร็วหน่อย เพราะไปแต่เช้า กลับเวลา15.00 น. หรือหาก 15.00 น.เปิดวิทยุฟังบอกรถติด ก็อาจจะกลับช้าหน่อยสัก 1 ทุ่ม 2 ทุ่ม ค่อยกลับ ลดความเครียดในการเดินทาง ลดความเครียดในการใช้ชีวิตประจำวัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมเป็นคนที่ค่อนข้างระมัดระวัง ผมกินบำนาญ ผมนำรายได้ทั้งเดือนมาเฉลี่ยว่า ต่อวันมีรายได้เท่าไหร่ ผมพยายามใช้ให้อยู่ในกรอบอันนั้น เช่น ผมมีวงเงินใช้ 100 บาทต่อวัน หากวันนี้ผมใช้เกินไป 120 บาท พรุ่งนี้ผมจะใช้เพียง 80 บาท ให้ถัวเฉลี่ยกันไปให้ได้ อย่าถึงขนาดว่า เคร่งครัดกับตัวเองจนขยับตัวเองไม่ได้ ถ้าเราไม่สุรุ่ยสุร่ายใช้จ่ายมากไป พออยู่ได้ หากเย็นนี้ทำกับข้าวเหลือ พรุ่งนี้ก็ห่อไปทานกลางวันที่ทำงานได้ เมื่อก่อนแม่ให้ห่อข้าวไปโรงเรียน อายเพื่อน กลัวเพื่อนจะว่าพ่อแม่ไม่มีสตางค์ไปซื้อข้าวกิน อายเขา แต่ทุกวันนี้ผมกลับภูมิใจว่าพ่อแม่หัดเราไว้ ผมไปอยู่เจนีวาก็เอาข้าวกล่องไปกิน ผมมีความรู้ในการปรุงอาหารอยู่บ้าง ผมไม่เดือดร้อนการกินการอยู่ ผมไม่เที่ยวกลางคืนมานานแล้ว นอนสัก 6ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ได้ 6 ชั่วโมง ไม่ต้องไปเคร่งเครียด ถ้ามีเวลาว่าง มีงานอดิเรกด้วยการเขียนหนังสือ เขียนทิ้งๆ ไปบ้างก็ได้ เปิดคอมพิวเตอร์ดูข้อมูล ดูข่าว ดูอีเมลล์บ้าง ในอินเตอร์เน็ต ข่าวทุกอย่างอัพเดท ทำให้เรามีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน จะไม่เครียด ต้องรู้จักปล่อยวาง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การเสพสื่อในยุคนี้ มีข้อควรพิจารณาอย่างไร<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ต้องระมัดระวัง เพราะสื่อบางอย่างช่วยให้เครียดมากกว่า อยากคลายเครียด<O:p</O:p
    ต้องเลือกสื่อความเหมาะสมของการดื่มในช่วงสูงวัย การดื่มถ้าสมมติจะดื่มบ้างพอให้เจริญอาหาร สดชื่นบ้าง ไม่ควรบังคับหรือห้ามยกเว้นถ้าไม่ชอบดื่ม ถ้าอยากจะดื่มก็ให้ดื่มบ้าง มีคนที่ผมรู้จักคนหนึ่ง ดื่มบรั่นดีวันละ 1 เป็กและดื่มมา 30 ปีแล้ว อยู่มาวันหนึ่งตรวจพบความดันโลหิตสูงลูกชายและลูกเขยซึ่งเป็นหมอ ห้ามไม่ให้ดื่ม แต่ปรากฎว่า ความดันก็ไม่ลดลง วันหนึ่งมาคุยกับผม ผมบอกให้ลูกชายและลูกเขยเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ และให้ดื่มได้ตาม<O:p</O:p
    ปกติ ปรากฎว่าผ่านไป 1 สัปดาห์ ความดันลดลง การที่ความดันเพิ่ม จากความเครียดบังคับจิตใจกันมาก ความดันเลยไม่ลด พวกที่มีสตางค์ ดื่มไวน์ยังไงก็ไม่เมา<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เทคนิคการเลี้ยงลูกให้เป็นคนด<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    การห่วงลูกห่วงหลานต้องห่วงพ่อแม่ก่อน ต้องสอนพ่อแม่ให้เลี้ยงลูกอยู่ในกรอบ อย่าปล่อยตามใจ ผมมีลูก 3 คน ผมเลี้ยงเองและมีการลงโทษ หากบอกว่า อย่าแล้วยังทำ จะต้องถูกทำโทษ ผมบอกตะเกียบกายสิทธิ์ ฝ่ามือผัดเผ็ดก็มี แต่การทำโทษต้องมีเหตุผล ถามเขาว่าทราบ ใช่ไหมว่าทำไมต้องถูกลงโทษ เขาก็บอกอย่างนั้น อย่างนี้ ก็รู้ตัว ผมบอกลูกเสมอว่า เลี้ยงลูกต้อง มีเหตุผล ปัจจุบันเด็กๆ คุยโทรศัพท์มือถือนาน เราเตือน บอกคุยโทรศัพท์นานเสียเงินมาก พ่อแม่ต้องทำงานหนัก และการคุยโทรศัพท์นานมีผลกระทบต่อคลื่นสมอง นักวิจัยยังถกเถียงกันเรื่องนี้ว่ามีผลกระทบต่อสมอง และให้มีการทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวน้อยลง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คุณหมอทำงานแบบไม่มีวันเกษียณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ถ้ายังทำงานไหว แม้จะต้องนั่งรถเข็นไป ก็ยังอยากไปทำอยู่ เพราะผมถือว่า<O:p
    คนเราจะเป็นคนที่มีประโยชน์ ต่อเมื่อเราทำประโยชน์ ถ้าหากเราไม่ได้ทำประโยชน์ก็เท่ากับเราไม่มีประโยชน์ คนเราจะนึกว่าตัวเองวิเศษไปคนเดียวไม่ได้หรอก ต้องทำประโยชน์ ต้องเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน อยู่ที่ทำงานเดือนหนึ่ง 1-2 ครั้ง ผมจะทำกับข้าวให้ผู้ร่วมงานรับประทาน คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกัน เราจะพยายามปรับให้เข้าหากัน เช่นว่า คนนี้คิดถูกแล้ว แล้วคุณจะว่าอย่างไร คุณคิดใหม่สิ จะได้ไม่ทะเลาะกัน ทุกวันนี้แตกแยกกัน ที่ผมเคยเห็นสามี-ภรรยา 2 คู่ ทำงานอยู่ที่เดียวกัน สามีของฝ่ายหนึ่งได้เลื่อน 2 ขั้น ภรรยา 2 คนทะเลาะกัน ทำไมสามีเธอได้ 2 ขั้น สามีเธอเสนอหน้า เลียเจ้านายใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากได้กินข้าวด้วยกัน<O:p</O:p
    แชร์ความรู้สึกกัน มันจะไม่ทะเลาะกัน<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมมีความสุขในการที่ได้ไปทำงาน เด็กๆยังยอมรับนับถือเรา อันนั้น อันนี้<O:p</O:p
    เป็นอย่างไร อาจารย์คิดว่าอย่างไร ผมบอกผมคิดอย่างนี้ ผมอาจจะคิดผิดก็ได้ อย่าไปคิดว่าลื้อคิดผิด อั๊วคิดถูก คนเราทำไมจะคิดผิดไม่ได้ คนเราทำไมจะล้มเหลวไม่ได้ ผมไม่ถือเลย เช่น เด็กๆ ตั้งไข่ ต้องหกล้มหลายครั้งกว่าจะเดินได้ ตอนหกล้มไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผมก็พยายามพูดอย่างนี้ หลานผม สมัยที่เกิดการชุมนุมเสื้อเหลือง ผมบอกหลานว่าฟังได้ แต่อย่าเพิ่งปักใจ 100% ว่า คนนั้นผิด คนนี้ถูก คนที่เราคิดว่าถูก อาจจะผิด คนที่เราคิดว่าผิด อาจจะถูก เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปักใจ ดูเหตุแวดล้อมอะไรต่างๆ ก่อน หลานก็บอกผมว่า เขาฟังสนธิ(ลิ้มทองกุล) พูดก็น่าฟัง พูดเก่ง แต่เขาไม่รู้ว่า เขาจะเชื่อได้หมดหรือเปล่า เขาพูดอย่างนี้ ผมพอใจแล้ว ให้เขาแบ่งใจไว้สักนิดว่าอาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้ เราก็ชมหลานว่าถูกต้อง ต้องคิดอย่างนี้ เราต้องคิดว่าเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้ฟังมาแต่ต้น เราฟังสิ่งที่เขาเล่ามา เขาอาจจะเล่าไม่หมดก็ได้ เขาอาจจะเล่าไม่จบก็ได้ เขาอาจจะทิ้งไว้ให้เราคิดต่อ แล้วเราก็คิดต่อไปในทางที่ผิดเอง เราต้องค่อยๆ สอนเขาอย่างนี้ เขาก็เดินต่อไปได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คนไทยเชื่ออะไรง่ายๆ จริงไม่จริง ก็ไม่รู้ แต่เชื่อไปแล้ว<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ผมมีความรู้สึกไม่ดีกับคนไทย 4 เรื่อง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    1) คนไทยเชื่อง่าย เชื่อข่าวลือ ไม่สอบสวนว่าต้นตอมาอย่างไร เช่น ถ้ามีคนไปลือ ว่าคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร) เป็นผู้ชายแปลงเพศมาอาจจะมีคนเชื่อ และบอกว่า ปกติตระกูลนี้ต้องคางเหลี่ยม จะสวยได้อย่างไร คนไทยเชื่อข่าวลือมาก เชื่อง่าย เชื่อข่าวลือ ของจริงมีคนชี้แจงจะไม่ฟัง ข่าวร้ายมาที่ 1 ข่าวลือมาที่ 2<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    2) สิ่งที่ผมไม่ชอบมากขณะนี้คือ อยากได้ของฟรี คนขายหวยถึงรวย กล้วยออกปลีกลางต้นก็ไปขูดเลขไหว้ ต้นไทรมีอะไรออกมาผิดปกติ ก็ไปไหว้แล้ว เมื่อไหร่จะเลิกนิสัย อยู่เฉยๆแล้วรวย ผมว่าไม่มี ตอนนี้ผมนั่งดูอีเมล์และเก็บพวก Spam ทุกวัน ผมกำลังเก็บไว้ พวกต้มตุ๋นทั้งหลาย เช่น ท่านถูกรางวัลที่ 1 จำนวน10 ล้านดอลลาร์<O:p</O:p

    ผมก็ถามตัวเองว่า ผมไปทำอะไรถึงถูกหวยYahoo โปรโมชั่น ผมก็ไม่เคยใช้ Yahoo เขาจะให้โปรโมชั่นผมได้อย่างไร บางทีมีเรื่องธนาคารในอัฟริกาจะโอนเงินมาให้ ผมจะนำมาวิเคราะห์ และพิมพ์แจกว่า ผมไม่เชื่อเพราะอะไร ตอนนี้มีเมียคนที่ 2 ของกัดดาฟี จะเอาเงินออกจากประเทศอย่างไร ช่วยรับไว้หน่อยได้หรือไม่ ภรรยาคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มี เป็นลูกสาวคุณวัฒนา อัศวเหม ก็มี ผมจะวิเคราะห์ให้ฟังว่า คนพวกนี้เขาไม่สิ้นไร้ไม้ตอกหรอก เขาจะลงทุนโยกย้ายอะไร เขามีวิธีทำ ถ้าเขาเชื่อให้ผมทำ แสดงว่าเขาอยากจะเจ็งเร็วๆ ผมจะมีปัญญาไปทำอะไร ประโยคชอบขึ้นว่า Can I trust you ถ้ามึงเชื่อกูก็โง่เต็มที่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    3) เรื่องไม่ดีของคนไทยเรื่องที่สามคือ วิสัยทัศน์มองใกล้ ไม่ค่อยมองไกล ผมไม่<O:p</O:p
    ได้ว่าทุกคน คนส่วนหนึ่งชอบชักจูงคนส่วนใหญ่ให้เชื่อตาม คือ คนมองใกล้ ไม่มองไกล
    <O:p</O:p
    4) เรื่องไม่ดีเรื่องที่สี่ของคนไทยคือ คนไทยนับถือคนรวย เห็นว่า คนรวยเป็นคน<O:p</O:p
    ดี แม้แต่พระในวัดดังองค์หนึ่ง ที่ผมทราบเรื่องนี้เพราะพ่อเพื่อนผมเป็นคนนำมา<O:p</O:p
    บวชจนได้เป็นพระดังอยู่ในเขตกรุง- เทพฯ มีโยมอุปัฏฐากไปเรื่อย จนกระทั่งตอนหลัง คุณพ่อของพระไม่ไป เวลาคนจะมาหา พระให้ลูกศิษย์ไปดูว่า คนที่จะมาพบนั่งรถอะไรมา เสียพระไปแล้ว เขาจะเดินมาหรือพายเรือมาก็เป็นเรื่องของเขา เขาจะมาหาที่พึ่งทางใจก็ ให้เขาพบสิ นี่ขนาดเป็นพระ แล้วคนธรรมดาจะขนาดไหน ผมเคยด่าพระในใจครั้งหนึ่ง ทนไม่ไหว สมัยที่ใครต่อใครไปรุมที่วัดพระธรรมกาย มีพระผู้ใหญ่องค์หนึ่งที่อยู่วัดนี้ ได้รับรถเบนซ์จากวัดพระธรรมกาย ก็มีหนังสือพิมพ์ไปสัมภาษณ์ว่า จริงหรือไม่ว่า วัดดังกล่าวเอารถมาถวายท่าน พระองค์นั้นตอบว่าผิด<O:p</O:p
    ด้วยหรือที่อาตมาจะนั่งรถเบนซ์ ผมดูทีวีแล้วหลุดปากออกมาทันที่ว่าผิดตั้งแต่<O:p</O:p
    แม่เอ็งคลอดเอ็งออกมา ทำไมไม่ให้สำลักน้ำคร่ำตาย ไม่ใช่ผิดวันนี้ มันผิดตั้งแต่<O:p</O:p
    ตอนเกิดแล้ว เป็นพระผู้ใหญ่พูดอย่างนั้นได้อย่างไร ควรจะพูดว่าได้รับกิจนิมนต์<O:p</O:p
    ต้องเดินทางบ่อย ปลอดภัยดี ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่กลับตอบว่า ผิดด้วยหรือที่อาตมานั่งรถเบนซ์ ผมรับไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าคนรวยคือคนดี บางคนอาจจะรวยขึ้นมาด้วย<O:p</O:p
    การค้าของผิดกฎหมาย ฟอกเงินตลอด 79 ปีปรัชญาชีวิตที่ตกผลึกแล้วคืออะไรช่วยตัวเองให้ได้ แล้วเราจะมีแรงช่วยคนอื่น การที่จะช่วยให้ตัวเองอยู่รอด<O:p</O:p
    ได้ เป็นเรื่องของความมัธยัสถ์ สมถะ เรื่องของความเอาใจใส่ ดูแลตัวเอง ให้เรา<O:p</O:p
    รอดปลอดภัยได้ ถ้าเรามีความรู้ เราสามารถช่วยคนอื่นได้ อันนี้คือสิ่งที่ผมทำ<O:p</O:p
    เมื่อผมแต่งงานยังไม่มีเงิน เวลาผมทำอะไร ผมต้องบอกภรรยาก่อนว่า อย่าหวังได้เงิน ได้กล่องก็ยังดี เมื่อก่อนผมทำคลินิกที่บ้าน เพื่อนบ้าน ผมไม่เคยเก็บ<O:p</O:p
    สตางค์ อย่างน้อยช่วยดูแลบ้านกัน หรือเราเลี้ยงสุนัข อาจไปทำเสียงดังให้รำคาญ เขาก็เกรงใจไม่ว่าเรา บ้านผมมีอาหารอะไรก็ทำแบ่งกันกินกับเพื่อนบ้าน นี่คือ ปรัชญาและความคิดที่ตกผลึกแล้วของคุณหมอประเสริฐ ผู้ใดจะเอาแนวคิดดี ๆไปใช้ คุณหมอไม่สงวนลิขสิทธิ์<O:p</O:p

    จาก forward mail<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...