ทบทวนการฝึกสมาธิ หมุนจักระ การรับส่งพลังจักรวาล สำหรับผู้ที่เปิดจักระ100%แล้ว

จักระแต่ละจักระ มีขนาดเท่าเหรียญบาทครับ ถ้าจิตคุณไปไม่ตรงจุดจริงๆแล้วจะรู้สึกได้ยากครับ ลองใช้นิ้วสัมผัสดูก่อนครับ แล้ววางจิตไปตรงจักระครับ เริ่มจากจักระที่ 7 แล้ว 5 4 3 2 ตามลำดับถ้าจักระไหนไม่รู้สึกถ้าครบ 5 นาที แล้วให้เปลี่ยนไปจักระอื่นก่อนได้ครับ แล้วค่อยกลับมาใหม่ก็ได้ครับ

 

ถ้าใครถอดจิตได้
ให้ถอดตัวเอง มายืนตรงหน้า ตัวเอง..ในท่า หันข้างมาให้
แล้วจะเห็นชัดว่า จักระ ทั้งหมด จะลอย อยู่ ห่างจากตัว ประมาณ 2 นิ้ว หรือ 5 ซม
มันจะหมุนเหมือน ใบพัดเล็กๆๆ
หมุน เร็ว บ้าง..ช้าบ้าง..หมุนบิดตระกูด บ้าง..แกว่งบ้าง

เมื่อมายืนตรงหน้า เรา
เราก็ ตั้งจิตเอามือไปหมุน ด้วยนิ้ว ชี้ มือข้างที่ถนัด..

มองดูสวยงาม มีสีสรรค์ เหมือน ไปดู เขาขายว่าว เล็กๆๆ ที่เรียงเป็นแถวใน สนามหลวง..หน้า ลม ว่าว

สนามหลวงนั้น เวลาไป ให้ไป เฉพาะ ช่วงกลางวัน
กลางคืน..จะเป็นอีกแบบ..น่ากลัวมีทั้ง สาวราคาถูก..เกย์..ตุ๊ด
และพวกนิยม ชมชอบ Masterbation
ครับ

 

อาจารย์ ครับ รบกวนถามเรื่องการถอดจิตของ อาจารย์ หน่อยครับว่า
ขณะที่อาจารย์ถอดจิตเนี่ย จิตออกไปนอกกายเนื้อแล้ว แต่กายเนื้อของอาจารย์ยังสามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ หรือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ได้เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตัวเรากับจิตของเราที่แยกออกไปเป็นคนละคนเหรอครับ

 

ถ้าอยากเรียนและศึกษาเรื่องพลังจักรวาล และ จักระ อาจารย์เปิดสอนไหมคะ ถ้าไม่ได้เปิดสอนแล้วที่ไหนเปิดสอนคะ ค่าใช้จ่ายเท่าไร ใช้เวลาเรียนนานประมาณไหนคะ ขอบคุณค่ะ

 

เท่าที่ จำได้ มีการสอน วิชาพลังจักรวาล อยู่ สองที่เป็นหลักใหญ่
1. ที่ ศูนย์พลังจักรวาล พล.อ. เกษม นภาสวัสดิ์ อยู่ ในซอยข้าง ห้าง จัสโก รัตนาธิเบศร์ ( เข้าใจว่า ขณะนี้ กรุป เซ็นทรัล.มาเทค โอเวอร์แล้ว
2. ที่ศูนย์ พลังจักรวาล เอส เอส ดี ซอย ลาซาล 42 บางนา

ทั้งสองศูนย์ จะสอน ระดับ 1-2-3-4
โดยมากจะเป็น เสาร์-อาทิตย์ ต้นเดือน ทุกเดือน
ค่าเรียน ค่า ตำรา ค่า อบรม คนละ 4000 บาท

นี่เป็นข้อมูลเก่า

อาจจะเปลี่ยนแปลง
ขอคุณ Triangle-W มายืนยันด้วย
และมีศูนย์เล็กๆๆ กระจาย อีก 3-4 แห่ง ต่างจังหวัด ก็มี ที่ อุบล ชลบุรี

 

หนูลองเอามาฝึกที่ห้องดูแล้วค่ะ จุดละนิดหน่อย พอรู้สึก แล้วมันตะแคงๆ จริงด้วยค่ะอาจารย์ แต่ก็รู้สึกมีพลังงานวิ่งๆ แล้วพอฝึกเสร็จ ปรากฏว่า เหมือนมีไฟฟ้าสถิย์เปรี๊ยะๆ เบาๆ ตามแขนขา อันนี้ดีหรือไม่คะ แต่ช่วงที่หมุนจักระ ยังทรมานอยู่ค่ะ ไฟฟ้าช็อตที่หัวกับหลัง แต่ก็พอทนค่ะ พอพ่นลมหายใจออกก็หาย

อีกเรื่องหนึ่งคือ วันก่อนตอนหนูจะอาบน้ำก็นั่งฝาชักโครก แล้วลองเปิดจักระ 8 อย่างที่อ.สอนเรื่องสายตา คิดว่าเปิดแล้วรับพลังงานที่อยู่รอบๆ โดยหลับตา แต่ปราฏกว่านั่งแป๊บเดียว หลอดไฟที่อยู่บนหัว กระพริบค่ะ ตกใจเลย ลองลืมตามองดูก็ยังพระพริบอีกน้อยๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ลองสังเกตอีก 1 วันว่าหลอดไม่ดีหรือเปล่า ก็ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับการที่เราลองรับพลังจักรวาลหรือเปล่านะคะ คิดดูก็ขำดีค่ะ อิอิ

 

เพิ่มเติมครับที่ศูนย์ใหญ่ มูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาล ซ.รัตนาธิเบศร์ 28
ถ.รัตนาธิเบศร์ สอนตั้งแต่ระดับ 1, 2, 3, 4, 5, 5.1, 5.2, 6, 7,
7พิเศษ , 11, 12, 13, 13 พิเศษ ครับ แต่นับจากที่อาจารย์ใหญ่ท่าน
เสียจึงยังไม่ทราบว่าจะมีการสอน ระดับ 17-19 หรือเปล่า อันนี้ยัง
ไม่แน่ใจครับ ต้องลองโทรไปสอบถามดูเองครับ



ค่าเรียนตอนที่ผมเรียน ระดับ 1-5 = 2000 บาท
ระดับ 5.1, 5.2, และ 6 = 6000 บาท

ระดับ 6 ทำได้หลายอย่างครับ เช่นรักษาทางไกลได้ครับ ไม่ว่าจะอยู่
ไกลแค่ไหนก็รักษาได้ ใช้เวลารักษาแค่ 30 วินาทีต่อคน สามารถ
เปลี่ยนทางน้ำได้ สลายมลพิษได้ ผลักลมพายุได้ ทำน้ำพลังจักรวาลได้
เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร และปศุสัตว์ได้ ทำให้เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ หรือ
ยาเสพติดได้ครับ และสามารถเปิดจักรสอนระดับ 1 และ 2 ได้

โทร. 02 969-9161- 5 โทรสาร 02 969-9166
E-mail: shythailand@uethailand.org<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
http://www.uethailand.org/ourcenter_th.html​

----------------------------------------------------------------------
ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างองค์พระบรมธรรมบิดาผู้เป็นใหญ่ในแดนนิพพานช่วยสรรพสัตว์ทั้งสามโลก
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=90597​

[FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]<O></O><O></O><O></O>[/FONT]​

 

เป็นเรื่องปรกติครับอย่าตกใจไป ที่มีความรู้สึกว่าเหมือนมีไฟฟ้าสถิตย์อยู่รอบๆตัว ผมยังเคยถูกช๊อตบ่อยๆครับ ส่วนเรื่องรับพลังในห้องน้ำ สงสัยว่าจะไปดูดเอาพลังจากหลอดไฟมาด้วยกระมังครับ พี่ตาที่ 3 ยังเคยทดสอบดึงพลังจากไฟนีออนเลยครับ ส่วนผมไม่เคยครับผมฝึกดึงพลังจากอย่างอื่นครับ

 

เมื่อวันงานที่ผ่านมาทางอ.ชูได้เปิดจักระให้กับทุกคนแล้วอยากทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไปครับอย่างเช่นถ้าคนที่คิดจะฝึกขั้นต่อไปครับทางผมเองก็อยากจะเรียนรู้มากๆเลยครับ

 

ต้องไปเรียนที่ มูลนิธิเพื่อฝึกพลังจักรวาลที่คุณ Little Yoda กล่าวถึงครับ แต่ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจสอบถามได้ครับ
(smile)

 

ก่อนฝึกพลังจักรวาล พึงตั้งสติมั่น ในหัวใจพุทธศาสนา
ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส บริสุทธิ์ ก่อนเสมอ
จงมีสติก่อนมีพลัง มิฉะนั้นพลังนั้นจะครอบงำคุณ ให้ทำตามกิเลส ตัณหาของคุณ เส้นทางแห่งภพชาติ ก็จะยืดยาวออกไป

 

พลังจักรวาลที่สำคัญที่สุดอยู่ในร่างกายของมนุษย์(ผู้มีใจสูงด้วยการฝึกสติ) คือ พลังจักรวาลมนุษย์ คือดึงพลังงานจากฟ้า-ดิน มาหล่อหลอมในกายมนุษย์ โดยใช้สติเป็นหัวใจสำคัญ
เหล่าพรหม เทวดา เมื่อจะจุติ จะอวยพรให้แก่กัน คือไปสู่สุคติ คือภพภูมิมนุษย์นั่นเอง

 

งั้นถามว่า ถ้าไปเรียน แต่ละระดับต่างกันอย่างไรคะ ขอบคุณค่ะ

 

ขออนุญาติ อาจารย์ เพื่อเขียนเสริม อีกนิดนะคะ

พลังรักษา ส่วนใหญ่ จะเป็นพลังลักษณะเย็น (ร้อนก็มี)
ผู้ที่สามารถส่งพลังรักษา ข้ามจังหวัด ไปจนถึงต่างประเทศได้ก็มี

สมมุติ
เหมือนเครื่องวิทยุสื่อสาร 2เครื่อง เมื่อเปิดช่องสัญญาณเดียวกันไว้
สามารถส่งถ่ายพลังงานให้กัน แบบข้ามโลก

ชาเป็นคนที่จะเจ็บหนักบ่อยๆจากการฝึก...
พอมีผู้ส่งพลังมาช่วยรักษา หรือเติม หรือฟื้น จะรู้ได้ทันทีว่าใครส่งมา
พลังแต่ละคน จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ บางครั้งมาพร้อมกัน 3 สาย..4สาย
สามารถ โทรศัพย์กลับไปเช็ค ได้เลย
บอกว่าได้รับแล้ว ขอบคุณ ไม่มีอำไม่มีมั่ว

เมื่อรับพลังนั้น อาการ จะมีหลายแบบ แต่หลักๆคือ บริเวณจักระที่รับได้
จะเย็นเหมือนเอา แอลกอฮอล์มาราด-รด ในร่างกาย (ไม่ใช่นอก)
หากใครเปิดจักระได้ทั้งหมด ก็จะเป็นกระแสเย็นๆ เช่นนั้น
ไหลวนไปทั่วทั้งร่างกาย ระยะเวลาแล้วแต่กำลังใครกำลังมัน.


(ญาณ เหมือนกัน หากใครสามารถเชื่อมโยงระบบสากลได้แล้ว
จะเหมือนคลื่นโทรศัพย์ ใครเป็นไง ทำไรจะรู้ได้กันหมด
มีพลังยังไงปิดกันไม่ได้
ตรงนี้ทำได้ตามกำลังของแต่ละบุคคลเท่านั้น
แต่เราจะไปเห็นไปรู้พลังของผู้ที่เก่งกว่าหรือบริสุทธิ์กว่าเราไม่ได้
นอกจากจะพอสัมผัสได้ลางๆ ส่วนที่กล่าวถึงนี้ จะเร็วมากกว่าระบบสัญญาณผ่านดาวเทียมอีก เชื่อไหม)


ส่วนผลเสียของพลังงานจักรวาล สำหรับชาไม่มี ไม่เคยเจอ...
เคยเห็นแต่ (นั่งสมาธิเห็น)
พระสงฆ์รูปหนึ่งท่านสามารถดึง พลังงานจักรวาลขั้นสูงสุด
ผ่านชั้นบรรยากาศ เข้ามาในโลก
เป็นเหตุให้ฟ้าฟาดอย่างรุนแรงพลังงานเสียดสีกันรุนแรง (สิ่งมีชีวิตในบรรยากาศตายเพียบ ตามกรรม เพราะเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้ท่านจึงไม่ทำอีกเลย)
แต่พลังงานบริสุทธิ์ที่ดึงเข้ามาจากจักรวาลอื่นนั้น มีคุณสมบัติ โปร่งสะอาด ช่วยเสริมพลังชีวิตให้มนุษย์เป็นล้านๆ คน...
พระอาจารย์ท่านนี้ ไม่เคยบอกกล่าวเรื่องนี้กับใคร
ใครอยากทราบว่าจริงไหม ต้องแอบไปกระซิบถามท่านเองนะ...

อีกคน เป็นฆราวาสชาย สามารถ โยงพลังงานกับ พลัง พุทธะ ได้
(บรรยากาศตอนนั้นเหนือคำบรรยาย. เพราะมันเป็นเรื่องเหนือโลก)
เพื่อช่วยปรับสมดุลชั้นบรรยากาศ เช่นกัน เรื่องนี้หลายเดือนจะปีแล้วมั้ง
เป็นคนเว๊บพลังจิตเช่นกันค่ะ ลูกศิษย์หลวงตาม้า..
ใครรู้จักก็กระซิบถามเขาเอาเองเน้อ...
เรื่องนี้ เขาก็ไม่เคยเล่าให้ชา ฟังหรอก
(บังเอิญช่วงนั้น ตามๆดูเขาอยู่ แต่ไม่เคยคุยกันเลย)

ที่เขียนมานี้ไม่ได้มายกยอปอปั้นอะไรใคร
เอาเรื่องที่คนทำได้แล้วแต่...เขาไม่รู้ว่ามีใครเห็นบ้าง
มาเล่าเพื่อเป็นกำลังใจ
เมื่อไปถามเจ้าตัวเขา ก็จะทราบได้.
เพราะผู้ที่ฝึกได้เข้าข่ายนี้ ปกติ ศีล 5 ครบ
(smile)

 

เหมือนเรียนชั้น อนุบาล แล้วต่อด้วยประถม มัธยม และอุดมศึกษา มีปริญญาตรี โท เอก ตามลำดับ ผู้เรียนจะสามารถรู้ได้ด้วยตนเองครับ

 

เป็นการเนรมิตกายอีกกายหนึ่งขึ้นมาครับ หรือที่เรียกว่า มโนมยิทธิ ครึ่งกำลัง สองกายยังติดต่อกันได้ คนที่ทำได้ต้องได้อุปจาระสมาธิก่อนครับ(b-smile) (b-smile) (b-smile)

 

ก่อนถามคำถามต่อ ผมต้องออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า ที่ถามนี่ด้วยความอยากรู้และสงสัยจริง ๆ เพราะจากที่ไปฝึกมา ทุกวิชาผมมั่นใจว่าทำได้จริง แต่ที่มีปัญหาคือเรื่องที่ อาจารย์ท่านบรรยายเรื่องการถอดจิต ซึ่งโดยส่วนตัวผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ดังนั้นจึงอยากสอบถามให้กระจ่าง เพื่อความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์ให้ได้เต็มที่ เนื่องจากผมเป็นปุถุชน ศรัทธานั้นยังคลอนแคลนอยู่ จึงอยากถามเพื่อความมั่นใจ และศรัทธาเต็มร้อย ขอบคุณครับ

-----------------------------------------------------------------------

ถ้าเป็นการเนรมิตกายขึ้นมาก ก็ไม่ใช่การถอดจิตสิครับ แต่อาจารย์ท่านบอกว่าถอดจิต แล้วก็ถ้าเป็นกายเนรมิต ก็ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับ กายเนื้อ หรือ กายทิพย์ เพราะเป็นกายที่สร้างขึ้นด้วยอำนาจจิต ถ้าเป็นเช่นนั้นเราเนรมิตกายขึ้นมา เพื่อดูการหมุนของจักระ เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่ามันเป็นรูปแบบการหมุนของจักระของตัวเราจริง แล้วถ้าเราไปจับจักระของกายเนรมิตให้ตั้งตรง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี เพราะว่าเราไปจับจักระของกายเนรมิต ไม่ใช่กายของเรา เหมือนเราไปดัดแขน,ขา ของตุ๊กตา มันย่อมไม่ผลกระทบต่อแขนขาของเราอยู่ดี ดังนั้นถ้าไปดัดจักรของกายเนรมิต แล้วจะมีผลต่อเราได้อย่างไร

 

ง่าๆๆๆ คนหล่อง๊ง งง ครับ ผมเกิดเหมาะกับวิชานี้มะคับ ท่านคุรุอาจารย์ทุกท่าน

 

ทุกท่านมีโอกาสที่จะเรียนและศึกษาในวิชานี้ได้ แต่จะฝึกได้หรือไม่ต้องขึ้นกับ บุญและวาสนาของแต่ละท่านครับ

 

ลุงหมูบิน ลองพิจารณา เรื่องที่ผมตัดตอนมาจากวิชชาธรรมกาย
นำมาให้อ่านนี้ดูนะครับ...เผื่อพอเป็นแนวทางให้เข้าใจในเบื้องต้น
หากมีท่านผู้มีความรู้โดยละเอียดผ่านมา คงจะได้รับคำชี้แนะเพิ่มเติม
นะครับ



......................ส่วนวิธีเข้าถึง จักได้ขยายความในหัวข้อวิธีปฏิบัติต่อไป แต่จะขอกล่าวคร่าวๆ ในที่นี้ว่า การจะเข้าถึงนั้นจะต้องวางใจให้เป็นสมาธิที่ศูนย์กลางกาย จนเห็นนิมิต ชัดเจน กลมใสสว่าง ซึ่งนิมิตนั้นจะเป็นคนละอันกับนิมิตที่เรานึกขึ้นตอนแรก นิมิตนี้จะ กลม ใส สว่าง ทั้งหลับตาลืมตา ยืน เดิน นั่งนอน นิ่งแน่นไม่คลอนแคลนติดที่ศูนย์กลางกาย นิมิตนี้ เรียกว่า ดวงธรรมเบื้องต้น เป็นปากทางสู่พระนิพพานและกายภายใน เรียกว่า "ดวงปฐมมรรค" หน้าที่ของผู้ปฏิบัติไม่ต้องทำอะไรนอกจากหยุดนิ่งอย่างเดียว ดังที่หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนไว้ว่า "หยุด คือ ตัวสำเร็จ" นั่นเอง ไม่ต้องคิด พิจารณาในหมวดธรรมใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นพอถูกส่วนเข้า จิตก็จะดำเนินไปสู่กายภายใน ไปตามลำดับ จาก

1. กายมนุษย์
2. กายมนุษย์ละเอียด
3. กายทิพย์
4. กายทิพย์ละเอียด
5. กายรูปพรหม
6. กายรูปพรหมละเอียด
7. กายอรูปพรหม
8. กายอรูปพรหมละเอียด
9. กายธรรมโคตรภู
10. กายธรรมโคตรภูละเอียด
11. กายธรรมโสดาบัน
12. กายธรรมโสดาบันละเอียด
13. กายธรรมสกิทาคามี
14. กายธรรมสกิทาคามีละเอียด
15. กายธรรมอนาคามี
16. กายธรรมอนาคามีละเอียด
17. กายธรรมอรหัตต์
18. กายธรรมอรหัตต์ละเอียด​

รวมทั้งสิ้น 18 กาย นี้เป็นแผนผังของทุกๆ ชีวิต ที่มีอยู่ภายในตัวของทุกๆ คน ไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน มีความเชื่ออย่างไร เด็กหรือผู้ใหญ่ หากปฏิบัติถูกต้อง สามารถเข้าถึงได้ทั้งสิ้น ไม่สามารถให้ใครมาช่วยให้เข้าถึงได้ ต้องรู้เห็นด้วยตนเองเท่านั้น ดังคำสรรเสริญพระธรรมคุณที่ว่า เป็น "ปัจจตัง" รู้ได้เฉพาะตน ใครไม่เห็นก็ไม่รู้

โดยกายที่ 1 - 8 ยังเป็นกายที่อยู่ในภพสาม ล้วนยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง) เป็นสังขตธาตุ สังขตธรรม (ธาตุธรรมที่ยังปรุงแต่ง) เป็นเบญจขันธ์ จึงยังไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ เพราะดวงตาของกายเหล่านั้น ยังไม่ใช่ ธรรมจักษุ จึงยังไม่เห็นสภาพธรรมไปตามความเป็นจริง ส่วนกายธรรมหรือธรรมกาย ตั้งแต่กายที่ 9 ถึงกายที่ 18 เป็นกายที่หลุดพ้นจากภพสาม เป็น นิจจัง(เที่ยงแท้) สุขัง(เป็นสุข) อัตตา(เป็นตัวตนที่แท้จริง) เป็นอสังขตธาตุ อสังขตธรรม (ธาตุธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่ง) เป็นธรรมขันธ์ที่มีชีวิตจิตใจ กายท่านประกอบขึ้นด้วย 84,000 ธรรมขันธ์อัดแน่นเป็นก้อนกาย กายท่านจึงเป็นธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ล้วนๆ ใสยิ่งกว่าแก้วยิ่งกว่าเพธร มีความสว่างนับจะประมาณไม่ได้ เป็นกายที่ประกอบไปด้วยญาณและธรรมจักษุ การเจริญวิปัสสนา จึงต้องใช้ธรรมกายในการพิจารณาเท่านั้น การใช้กายอื่นๆ นอกจากนี้ไม่อาจเรียกว่า วิปัสสนาได้ เพราะวิปัสสนาแปลว่าการเห็นแจ้ง เห็นวิเศษ เป็นการเห็นที่ไม่ปกติธรรมดา การใช้กายมนุษย์พิจารณาธรรมจึงไม่ใช่การเห็นวิเศษแต่อย่างใด เพราะเป็นการนึกคิดเอา เป็นแค่การปลงอนิจจัง ให้จิตเกิดการเบื่อหน่ายได้เพียงแค่ระดับหนึ่งหรือชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น กิเลสไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกกดไว้เท่านั้น เมื่อใดที่มีสิ่งไปกระตุ้นกิเลสก็จะฟุ้งขึ้นมาอีกได้