ถามเรื่องพญานาคค่ะใครรู้ช่วยตอบทีค่ะ

อนุโมทนาในบุญกุศลของพี่น้ำใสด้วยค่ะ

 

เอ้ย ตายแล้วเอาไปได้เหรอ

 

แม้ไม่ได้เห็นภาพที่คุณน้ำใสกล่าวก็รู้สึกสัมผัสได้ว่า
ผมเองก็อาจจะเคยได้พบเจอพี่น้ำใสในขณะที่เป็นนาคนั้น
มีความรู้สึกแบบนั้นนะ
เรื่องเล่าสนุกดีก็ให้เล่าไปเถอะครับ
ก็ตามมาอ่านเรื่อยๆครับ

 

อนุโมทนากับพี่น้ำใสด้วยคนค่ะ..เป็นความรู้อย่างมากเลยเชื่อเถอะว่าเราทุกคนย่อมมีชาติภพเป็นหลายร้อยชาติ แต่กับบางคนคงมีชาติใดชาติหนึ่งที่่ผูกพันกับเหล่าพญานาคมาก่อนไม่เช่นนั้นคงสื่อถึงกันไม่ได้หรอกค่ะ ... โดยส่วนตัวเชื่ออย่างนั้น

 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ piakgear และทุก ๆ ท่าน

ขออภัยที่เข้ามาตอบช้าหน่อย เนื่องจากช่วงวันที่ ๓- ๔ มกราคมไปอุปัฏฐาก พระอาจารย์มาจากลำพูนค่ะ พาท่านไปวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ไปกราบสมเด็จองค์ปฐม (ถวายเครื่องบวงสรวง พร้อมโคมประทีป ไปกราบหลวงพ่อเงินไหลมา (พระ ๓๐ ศอก) พร้อมสวดคาถาเงินล้าน ๓๙ จบ และไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่วิหาร ๑๐๐ เมตรมาค่ะ

เอาบุญมาฝากคุณ piakgear24 และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

คิดว่า เราคงเกิดมาพบกันค่ะ น้ำใสเกิดเป็นนาคเมื่อ ๙๑ กัปป์ที่ผ่านมาแล้ว สมัยพระพุทธวิปัสสีค่ะ แต่มีพญานาคกลุ่มหนึ่งที่อธิษฐาน เพื่อจะรอองค์สมเด็จพระสมณโคดม สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมโพธิญาน และรักษาพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕๐๐๐ ปี

ขออนุโมทนาบุญค่ะ

Numsai

 

เรื่องเล่า..ชาวพญานาค ตอนที่ ๓ พบท่านสุนันโท และชั้นปรนิมมิตวสวัตดี

เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง ขอท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญานในการอ่านค่ะ

*************************************

ก่อนที่จะเล่าเรื่องพญานาคต่อไปขออนุญาตกล่าวถึงเรื่องการฝึกมโนมยิทธิสักเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากอาจจะมีบางท่านไม่เคยทราบเรื่องนี้ค่ะ

การศึกษาปฏิบัติธรรมตามแบบมโนมยิทธิ ของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี และผู้ที่ฝึกได้สามารถใช้อทิสมานกาย(กายใน) ท่องเที่ยวไปตามภพภูมิต่าง ๆได้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสอนมโนมยิทธิ จุดประสงค์เพื่อให้ได้พิสูจน์พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่อง นรก สวรรค์พรหม พระนิพพานเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นการตัดความลังเลสงสัย (ตัววิจิกิจฉา)ในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และเป็นการละสังโยชน์ข้อที่ ๒ในสังโยชน์ ๑๐ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้มโนมยิทธิอยู่เป็นจำนวนมาก
จากการฝึกมโนมยิทธินั้น มีประโยชน์มาก อย่างหนึ่งทำให้ทราบว่า ผลของบุญที่เราทำไม่ว่าจะเป็นบุญเล็กหรือใหญ่ ทุกอย่างจะไปปรากฏที่วิมาน บนสวรรค์เสมอ ดังที่จะเล่าเรื่องต่อไปนี้

ย้อนไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น.(ตี ๓)พี่ได้นั่งสมาธิถึงดวงแก้วกลมใส ๆ ไปเรื่อย ๆ จนเป็นประกายพรึก
จากนั้นเห็นภาพตนเองเป็นกายใส ๆ จากนั้นจิตดับหายไป อยู่ ๆ ก็ปรากฏภาพตนเองอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน ลักษณะเป็นห้องโถงคล้ายท้องพระโรงใหญ่ มีเสาต้นใหญ่ประกอบไปด้วยรัตนะทั้ง ๗ ตรงกลางห้องมีแท่น ๆ หนึ่ง ลักษณะคล้ายบุษราคัม (พลอยสีเหลือง) ที่เจียระไนแล้วก้อนใหญ่มาก ด้านล่างก็เป็นรัตนะทั้ง ๗ สวยงามมาก

ขณะที่รู้สึกงง ๆ อยู่นั้น ได้เห็นเทพธิดา ๒-๓ นาง เข้ามาหา พร้อมทำความเคารพที่แปลกมาก คือ นางนำมือขวามาแตะที่เท้าของพี่ แล้วนำมือนั้นไปแตะที่หน้าผากตนเอง เคยเห็นวิธีการทำความเคารพ แบบชาวฮินดูในหนังอินเดียเลยค่ะ

จากนั้นนางได้กล่าวว่า “พระแม่เจ้า ท่านไปอยู่ที่ใดมา พวกเรารอรับใช้ท่านอยู่ตั้งนาน” ในใจนึกว่า “อุ๊ย...ที่นี่ มันที่ไหนละเนี่ย...” จึงถามเทพธิดาเหล่านั้นว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นที่ใด”

นางผู้เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “ ที่แห่งนี้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี” นางกล่าวต่อไปว่า “ทุกครั้งที่พระแม่เจ้าสร้างบุญใหญ่คราใด ทิพยสมบัติมักปรากฏให้พวกเราตื่นตาตื่นใจเสมอ แต่พวกเราไม่เคยเห็นพระแม่เจ้า ขึ้นมาให้พวกเราได้อนุโมทนาบุญเลย”
เสียงของนางได้ตัดพ้อต่อว่า พี่จึงอธิษฐานจิตรวบรวมบุญทั้งหมดให้เทพธิดาเหล่านั้นได้โมทนาสาธุการปรากฏว่า มีเทพบุตร และเทพธิดามาจากที่ใดที่ก็ทราบปรากฏขึ้นเต็มสถานที่แห่งนั้น นับเป็นหมื่น ๆ องค์ แต่เทพบุตรมีอยู่เป็นจำนวนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเทพธิดา จะแยกกันยืนเทพบุตรจะอยู่ด้านขวา เทพธิดาจะอยู่ด้านซ้ายมือ

เมื่อเหล่าเทพบุตรเทพธิดาได้อนุโมทนาบุญแล้ว สังเกตได้ว่า เทพบุตรเทพธิดาชั้นนี้ มีรัศมีกายสว่างไสว และรูปร่างงดงามกว่าชั้นอื่น ๆ มาก จากนั้นได้ตั้งจิตออกจากสมาธิ
ต่อมาทุกครั้งที่มีการนั่งสมาธิ จึงต้องกำหนดจิตไป ๒ สถานที่ที่ขาดไม่ได้ คือ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี และนาคพิภพเพื่อให้ท่านเหล่านั้นได้อนุโมทนาบุญที่กระทำมา
วันหนึ่ง ขณะที่กำหนดจิตมายังนาคพิภพ หลังจากให้เหล่านาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญแล้ว ท่านโภคะนาคราชได้กล่าวว่า

“ขณะนี้มีมารศาสนามาก การเผยแผ่พระศาสนาจะทำได้ยากขึ้น พ่ออยากให้ลูกเขียนเรื่องของเราชาวนาคพิภพ และหน้าที่ที่เราพึงกระทำในการรักษาสมบัติจักรพรรดิ จนกว่าจะครบอายุพระศาสนา ๕๐๐๐ ปี และเพื่อรอการมาตรัสของพระศรีอารียเมตไตรย

ท่านสุนันโทนาคราช เป็นอินทกะของท่านท้าววิรูปักษ์มีหน้าที่รวบรวมเพื่อนพ้องและบริวารที่กระจัดกระจายมาช่วยกันสืบต่อพระศาสนา”

ครั้งนี้ ทำให้ได้รู้จักพญานาค ผู้ยิ่งใหญ่อีกท่านหนึ่งนามว่า “ท่านสุนันโทนาคราช”ซึ่งมาทราบในภายหลังเมื่อพี่ได้ศึกษาเกี่ยวกับเพชรพญานาคว่า ท่านสุนันโท ได้ปรารถนาที่จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ(คือผู้ปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต) และเคยเกิดเป็นมนุษย์ได้เคยบวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน”จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขาร(ตาย)ลง

นอกจากนี้ ท่านสุนันโท ท่านเป็นจอมกษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง ๗ โดยท่านพ่อโภคะ นั้น เป็น ๑ ใน ๗ เมืองที่ท่านทรงปกครองอยู่ ปัจจุบัน ท่านอยู่ในตำแหน่งท่านอินทกะองค์หนึ่ง ของท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านและบริวารยังมีหน้าที่ดูแลเพชรพญานาค และสมบัติพญานาคบางส่วน

หลังจากนั้น พี่ก็ได้ไปอุทิศบุญที่ภพพญานาค และให้พญานาคทั้งหลายอนุโมทนาบุญ ต่อมาจึงได้ทราบว่า มีชาวนาคส่วนหนึ่งได้จุติไปอยู่ภพภูมิที่สูงขึ้นตามกำลังบุญ บางพวกก็ไปจุติเป็นมนุษย์ บางพวกก็ไปจุติเป็นเทวดาชั้นต่าง ๆ เช่น สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนใหญ่เป็นนาคกัลยา (นาคเพศเมีย)จะมาเกิดในชั้นนี้ และสวรรค์ชั้นที่ ๖ คือ ชั้นปรนิมมิตวสวัตดีซึ่งมีเหตุให้ทราบเรื่องดังกล่าวโดยบังเอิญ...

วันนี้ขอเล่าให้ฟังแค่นี้ก่อน....โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ

ผลบุญใดที่ได้จากธรรมทานครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่ท่านพญานาคราชทั้งหลายที่มีความเนื่องด้วยข้าพเจ้ามาแต่อดีต โดยมีท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านสุนันโท ท่านโภคะนาคราช ท่านนิมมารตีเทวี ท่านอัคคีตาปะโพธิสัตว์ ท่านปทมะนาคราช ท่านอุสเรนทร์นาคราช ท่านอัครนาคราช และเหล่านาคานาคีทั้งหลายที่ไม่ได้กล่าวนามมาก็ดี ขอให้มีส่วนในกุศลผลบุญครั้งนี้ทุกประการเทอญ....สาธุ

และขอผลบุญนี้ จงบังเกิดแด่ท่านผู้อ่าน และอนุโมทนาบุญทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

เมื่อได้อ่านแล้วกำหนดจิตแผ่เมตตาและระลึกถึงบุญคุณท่านเหล่านั้นก็รู้สึกได้ว่าเกิดความสว่างไสวไปด้วย ทั้งท่านผู้มีคุณเหล่านั้นก็สว่างไปกันทั่วหน้า
ก็คงเคยร่วมบุญกันมามากพอสมควร
อนุโมทนาในเรื่องราวที่ได้เล่าให้ฟังครับพี่น้ำใส

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ pickgear ด้วยค่ะ อยู่ ๆ มีกระแสเย็นยะเยือกส่งมา เพิ่งทราบว่า เป็นการแผ่เมตตาของคุณเปี๊ยกเย็นมาก ๆ เลยค่ะ

ท่านโภคะนาคราช ฝากขอบคุณมาค่ะ ว่าง ๆ ไปเยี่ยมท่านได้นะคะ กำหนดจิตลงตรงกลางแม่น้ำโขง ระลึกถึงท่าน แล้วท่านจะเปิดทางให้ค่ะ

ขออนุโมทนาบุญทุก ๆ บุญของคุณเปี๊ยกด้วยค่ะ

Numsai

 

โห จะลองดูนะ
แต่ก็ไม่รู้จะไปได้หรือเปล่าก็แล้วแต่ว่า เป็นวาระที่พ่อแม่ข้างบนท่านจะเมตตาไหม ก็ความละเอียดแห่งการรับรู้อาจจะไม่มาก เรื่องเล่านั้นก็อาจจะแค่รับรู้เป็นความชุ่มเย็นภายใจ ที่ได้ระลึกถึงบุญคุณท่านผู้มีคุณทั้งหลายตั้งแต่อดีตชาติถึงปัจจุบัน

 

เมื่อคืนไปเที่ยวภพนาคมาเอามาเล่าให้ฟังกันเพลินๆภาพที่เห็นไม่ชัดเจนนัก
ตอนแรกก็เห็นตัวเองไปเดินเล่นอยู่ชายหาดแม่น้ำโขงแห่งหนึ่ง
แล้วจากนั้นมองกวาดสายตาไปก็เห็นบันไดกว้างๆมีท่านพญานาคมายืนต้อนรับหลายท่านแต่ไม่เห็นภาพชัดเจนนัก
เดินลงไปก็ไปโผล่กลางลานๆหนึ่งเป็นลานทราย กวาดสายตาไปเห็นน้ำใสๆเห็นหมู่นาคสีเขียวมากมาย แต่ไม่เห็นเมืองอะไร
พอไปอีกหน่อยไปเห็นก้อนหินสีขาวๆสว่างสุกใส
ก็เลยถามว่าหินนี้คืออะไร วางอยู่บนแท่น

ก็ได้คำตอบว่า พระบรมสารีริกธาตุ
แต่แปลกใจว่า ทำไมเป็นสี่เหลี่ยมและมีขนาดใหญ่กว่าพระบรมสารีริกธาตุที่เคยพบเคยเจอมาก็ไม่ทราบ ขนาดน่าจะสัก กว้าง ครึ่ง เมตร ยาว 1เมตร หนา 30 เซ็นติเมตร จากนั้นก็หลุดออกจากสมาธิ

เรื่องนี้ก็เป็นแค่เรื่องเล่าเพลินๆจะมีจริงหรือไม่อันนี้ก็ให้ฟังเป็นนิยายกันนะ

 

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ piakgear ด้วยค่ะ ถูกต้องแล้วค่ะ ดีใจจังที่มีคนไปสถานที่เดียวกันได้ บริเวณนั้น เป็นลานธรรมที่ประชุมของพญานาคเมืองของท่านโภคะนาคราช ใช้สำหรับประชุมเหล่านาค และอาราธนาพระมาแสดงธรรม

ปกติเวลาพี่ไปให้ข้อธรรม หรือให้ท่านพญานาคโมทนาบุญนั้น จะไปบริเวณนี้ จะอยู่เขตนอกเมืองค่ะ ในวังจะอยู่อีกทีหนึ่งค่ะ

สำหรับพระบรมสารีริกธาตุนั้น เป็นขององค์สมเด็จพระพุทธวิปัสสีค่ะ สำหรับ
พระพุทธวิปัสสีเป็นพระพุทธเจ้าในลำดับที่ ๑๙ทรงอุบัติเมื่อกัปที่ ๙๑ที่ผ่านมา ท่านมีพระวรกายสูงถึง ๘๐ ศอก ทำให้พระบรมสารีริกธาตุของท่านมีองค์โตด้วยค่ะ

เหตุที่พระองค์ทรงได้นามว่า วิปัสสี (ตาวิเศษ) ก็ด้วยเหตุ ๓ ประการ คือ

๑. พระองค์ทรงได้ทิพยจักษุ(ตาทิพย์)แต่กำเนิดเห็นได้ไกล ๑ โยชน์โดยรอบกลางวันหรือกลางคืนไม่มีผลสำหรับท่านเพราะท่านเห็นได้หมดดังนั้นท่านจึงได้นามว่า วิปัสสีราชกุมาร = เจ้าชายตาวิเศษหรือเจ้าชายตาทิพย์

๒. พระองค์ทรงแลดูใครโดยไม่กะพริบพระเนตรดุจพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์, พวกเทวดาหรืออมนุษย์ผู้ที่มีกายเป็นทิพย์เวลาเพ่งมองใครไม่ต้องกะพริบตาเพราะร่างกายเป็นทิพย์ส่วนมนุษย์ผู้มีกายเนื้อต้องกะพริบตาทุก ๆ ๖ วินาทีเพื่อให้ตามีน้ำมันหล่อลื่นหล่อเลี้ยงนัยน์ตาให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอดังนั้นจึงได้สมญานามว่า วิปัสสีราชกุมาร = กุมารตาวิเศษ, เจ้าชายตาวิเศษ

๓. เมื่อครั้งยังเป็นกุมารนั่งบนตักพระราชบิดา ณ ศาลสำหรับพิพากษาคดีฟังคำให้การของโจทก์และจำเลยแล้วก็ทรงทราบได้ทันทีด้วยพระญาณว่า “ใครผิดใครถูกใครพูดจริง ใครพูดเท็จ” โดยไม่ต้องไปหาพยานหลักฐานมายืนยันอีกดังนั้นจึงได้สมญานามว่า วิปัสสีราชกุมาร = เจ้าชายตาวิเศษ


ขออนุโมทนาบุญค่ะ

Numsai
<O</O

 

ขอบคุณพี่น้ำใสที่ให้ความกระจ่าง
หลังจากออกจากสมาธิมาผมก็ยังงง อยู่เหมือนกันว่า พระบรมสารีริกธาตุที่ไปเจอมานี่ทำไมขนาดใหญ่ขนาดนั้น เมื่อได้ทราบจากพี่น้ำใสก็หายสงสัยแล้วครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใสและคุณ piakger24 ด้วยนะค๊ะ ที่มานำเรื่องราวต่างๆมาเล่า แล้วพูดคุยกันอย่างน่าตื่นเต้น และได้ความรู้มากๆค่ะ ^______^

โห สักวัน อยากมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวเมืองบาดาลกับเค้ามั่งจัง อิอิ ^____^

 

เออ เมื่อกลางวันเข้าพักเที่ยง เข้าสมาธิเล็กน้อย
ก็ไม่รู้ว่าอย่างไรลองไปเที่ยวเมืองนาคอีกโดยที่นึกถึงท่านโภคนาคราช ซึ่งถามท่านว่าเคยเกี่ยวข้องกันทางไหนท่านก็ตอบว่าในอดีตผมกับท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่จะเกี่ยวอย่างไรไม่ขอบอกนะ มันจะเผือเกินไป

เรื่องราวที่เล่าให้ฟังก็อย่าลืมว่าเป็นเหมือนนิยายอย่าได้ปักใจอะไรมากนัก
วันนี้ได้เป็นเห็นของประหลาดที่ยังไม่เคยมีใครเล่าให้ฟังที่ไหนมาก่อน
ตอนแรกที่ลงไป ได้เห็นลานหินลานหนึ่งเป็นเม็ดกลมๆ เต็มพื้น เม็ดกลมนี้เหมือนลูกบอลฝังไว้ที่พื้นมีสีเขียวเหมือนเขามรกตเป็นเม็ดกลมๆมาฝังไว้ เรียงกันในลานแต่ละเม็ดก็จะโผล่จากพื้นขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว ลานนี้สำหรับนาคตระกูลสีทอง(วิรูปักษ์) ไว้เลื้อยเล่นกัน
ต่อจากลานนี้ก็มี รูๆเป็นทางไปที่อื่นๆมากมาย

แล้วอีกสถานที่ไปชมสวนดอกไม้
ไปเจอดอกไม้ที่เขาเรียกว่าปักษาสวรรค์ ก็ใบคล้ายๆปักษาสวรรค์บนโลกเรานี้แหล่ะ
แต่แปลกที่ว่าดอกที่ออกมาเป็นผีเสือ แล้วก็โบกปีกได้ด้วย เหมือนมีผีเสื้อ เกาะอยู่ที่ต้นของดอกไม้ชนิดนี้ตลอดเวลา

แล้วก็หลุดออกจากสมาธิ

เรื่องเล่านี้ก็เพียงแต่เล่าเพลินๆเหมือนนิยายครับ
ก็อย่าได้เอาเป็นสาระสำคัญอะไรมากมาย

 

ขออนุโมทนาในผลบุญของคุณน้ำใส และท่านอื่นๆ ที่ให้ธรรมทานเกี่ยวกับเรื่องราวของท่านพญานาค นะคะ

เมื่อก่อนนี้ไม่เคยให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของพญานาค
แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เพิ่งมีเหตุให้มาเกี่ยวพัน และเชื่อว่ามีจริงๆ ค่ะ
ได้รับเพชรพญานาคมาหลายเม็ด และรวมถึงเหล็กไหลน้ำในรูปด้วยค่ะ
และพี่ชาย ซึ่งตอนนี้ท่านเป็นหลวงพี่แล้ว เคยบอกว่าตัวเราเองก็เคยเกิดเป็นนาค
เคยเกี่ยวพันกับพี่ชายในชาตินี้มาก่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นใดอีก
และก็บอกว่า ถ้าไม่เคยเกี่ยวพันกันมา ก็คงไม่ได้วัตถุมงคลจากพญานาคมาครอบครองหรอก

ได้ฟังเรื่องราวจากคุณน้ำใสแล้ว ได้ความรู้มากๆ ค่ะ
ขออนุโมทนาในผลบุญด้วยนะคะ

 

มีท่านใดที่จะตอบผมได้มั๊ยครับ ผมสงสัยมาตลอดชีวิตของผมว่า ?

1.ทำไมมักจะฝันเห็นงูเป็นประจำ
2.ในอดีตชาติผมมีความเกี่ยวข้องอันใดกับพญานาคบ้างรึเปล่า
3.ผมเคยฝันว่าได้ลูบหัวพญานาค 7 เศียรสีทอง หมายความว่าอย่างไร
4.บางครั้งเวลาผมนอนจะมีเสียงคนมาเรียกชื่อ ทั้งๆที่ไม่มีใคร
5.บางครั้งมาเคาะประตูดังๆด้วย
6.ผมเคยบวชและตอนนั่งสมาธิอยู่ๆ ก็คิดว่าตัวเองได้ลอยอยู่นอกโลก
และแผ่เมตตาแก่สัตว์โลกด้วยรัศมีสีทอง แต่มันเป็นไปเองโดยไม่ได้คิด
ว่าจะทำอย่างนั้น
7.รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบที ขอบคุณครับ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ยังไม่เคยไปตรงนี้เลย ส่วนใหญ่พี่จะรีบไปรีบกลับ อิอิ เพราะไปหลายที่ วันหน้าไปเที่ยวช่วยมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ

 

ขออนุโมทนาบุญค่ะ น้ำใสก็เพิ่งศึกษาเรื่องเพชรพญานาค เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๑ นี้เองค่ะ เดิมทีไม่คิดว่า จะมีจริง หลังจากได้ไปอัญเชิญเพชรพญานาค และเคยพบประสบการณ์เพชรพญานาคเสด็จมาที่บ้าน ๑ ครั้ง มาที่รถ ๑ ครั้ง จึงได้เชื่อว่ามีจริง

ช่วงนี้มีเพชรพญานาคออกมาก เพื่อให้เจ้าของได้สร้างบุญต่อไปค่ะ ขอให้เก็บรักษาไว้ดีนะคะ

บุญรักษาค่ะ

Numsai

 

ว๊าววว พี่คมน์ดูลายมือเป็นด้วยหรอค๊ะเนี่ย อิอิ