ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "รสนา" คัดค้าน ไอเดียรีดเงินผู้ใช้น้ำมันเพิ่ม 100% เข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน
    updated: 23 ก.พ. 2559 เวลา 11:20:07 น.

    น.ส.รสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล ถึงประเด็นแนวคิดการการเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานโดยระบุว่า บอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงานยังไม่ทันจะเคลียร์ยอดเงินที่ขาดหายไปจากรายงานแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯในปี 2558 อย่างครบถ้วน แต่กลับกล้าที่จะชงเรื่องล้วงกระเป๋าคนใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นลิตรละ 50 สตางค์เท่ากับล้วงกระเป๋าคนใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นทีเดียว 100% เลย

    รายงานฐานะการเงินของกองทุนอนุรักษ์พลังงานในปี 2558 มียอดเงิน 3 เดือนที่ยอดคงเหลือและยอดยกมาไม่เท่ากันคือเดือนพฤษภาคม, มิถุนายน และธันวาคม ทำให้มียอดเงินขาดหายไป 16,949.59 ล้านบาท หลังจากที่ดิฉันและกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทยได้ยื่นเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีผ่านประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ตรวจสอบยอดเงินที่ขาดหายไป และการใช้เงินกองทุนย้อนหลัง 10 ปี

    ทางผู้บริหารกระทรวงพลังงานจึงรีบออกมาแก้ไขตัวเลขในเดือนธันวาคม 2558 เป็น 2 ขยัก ขยักแรกเพื่อแก้ตัวเลขคงเหลือของเดือนพฤศจิกายนกับเดือนธันวาคมให้ตรงกันโดยเพิ่มยอดรายรับ 12,051.24 ล้านบาท กับเพิ่มรายจ่าย 19,557.40 ล้านบาทขึ้นมาดื้อ ๆ

    ขยักที่ 2 ตัดตัวเลขรายรับรายจ่ายในขยักแรกออกไป และแก้ไขตัวเลขรายรับ รายจ่ายใหม่อีกรอบโดยอ้างว่ามีการส่งยอดเงิน 8,529.42 ล้านบาทคืนกระทรวงการคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เสร็จแล้วก็ส่งยอดเงินดังกล่าวไปใช้ในโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องตั้งคำถามว่า โดยหลักการและกฎหมายทำได้หรือไม่?

    การแก้ไขตัวเลขยอดคงเหลือและยอดรายรับในเดือนธันวาคม 2558 แสดงว่า ยอมรับว่ามียอดเงินขาดหายไปจริง ไม่ใช่เกิดจากความผิดพลาดของระบบตามที่กล่าวอ้าง แต่ยอดเงินที่ขาดหายไปอีก 2 เดือนในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายนอีก 9,443.43 ล้านบาท ยังไม่ได้มีการชี้แจงว่าหายไปไหน จะอ้างเหมือนเดิมอีกหรือไม่ว่า ยอดเงิน 9443.43 ล้านบาทก็ถูกส่งคืนกระทรวงคลังเพื่อเอาไปทำยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ !?!

    การเพิ่มการรีดเงินจากผู้ใช้น้ำมันเป็นลิตรละ 50 สตางค์ จะทำให้กองทุนอนุรักษ์พลังงานมีเงินเพิ่มขึ้นจากปีละ 9,000 ล้านบาท เป็นปีละ 18,000 ล้านบาทซึ่งเป็นยอดเงินมหาศาล

    ต้องตั้งคำถามว่าภารกิจของกองทุนอนุรักษ์พลังงานเป็นภารกิจที่ผิดฝาผิดตัวหรือไม่? การเก็บเงินคนใช้น้ำมัน แต่เอาไปสนับสนุนเรื่องอนุรักษ์ไฟฟ้า และให้ทุนกู้ยืมกับธุรกิจเอกชนเป็นการเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้างหรือไม่ ยิ่งกว่านั้นยังเอาไปเป็นทุนศึกษาวิจัยเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อีกด้วย เหตุใดไม่ไปเก็บเงินจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเอกชนแทนการรีดเงินจากคนใช้น้ำมันที่มีตั้งแต่คนหาเช้ากินค่ำเช่นมอเตอร์ไซด์รับจ้าง หรือมนุษย์เงินเดือนที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน

    หากจะมีการส่งเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานเข้าคลังเป็นงบประมาณแผ่นดินอีก ก็ควรเก็บเงินจากคนใช้น้ำมันเป็นภาษีสรรพสามิตเพื่อเข้าเป็นงบประมาณแผ่นดินไปเสียเลย

    การเก็บเงินจากคนใช้น้ำมันเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น จะถูกมองได้ว่า เป็นการใช้กองทุนอนุรักษ์พลังงานเป็นที่พักเงินจากการล้วงกระเป๋าประชาชนเพื่อถ่ายโอนไปทำโครงการตามใจชอบที่อยู่นอกระบบงบประมาณโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ระวังจะกลายเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่อาศัยการออกระเบียบมาล้วงกระเป๋าประชาชนโดยไม่ชอบธรรม

    ดิฉันขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะมีกองทุนที่อยู่นอกระบบงบประมาณที่มีเงินสะสมมหาศาลเช่นนี้ และยิ่งไม่เห็นด้วยที่จะมีการขยายขนาดของกองทุนนี้ในขณะที่ยังมีข้อสงสัยในเรื่องความโปร่งใส หรือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้บริหารกับผู้ได้ประโยชน์จากกองทุนฯ ยังมีคำถามเรื่องประสิทธิภาพ ตลอดจนความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงินของประชาชนเพื่อไปอุดหนุนองค์กรที่อยู่ในแดนสนธยา!!?


    ที่มา : มติชนออนไลน์

    "รสนา" คัดค้าน ไอเดียรีดเงินผู้ใช้น้ำมันเพิ่ม 100% เข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน : Prachachat Mobile
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จะเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มทำไม เพราะมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนฯ เมื่อดำเนินการลงไปแล้วก็ต้องยกเลิกไปตั้งหลลายโครงการ ส่วนโครงการที่ต้องใช้เงินจากกองทุนตามแผนงานภาคบังคับ เช่นอนุรักษ์พลังงานในอาคารและโรงงานควบคุม และอาจจะมีโครงการอื่นๆอีกที่ต่อเนื่องมาจากอดีต ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการต่อยอดมาจากที่ เดนมาร์และเยอรมันมาศึกษาให้น่ะครับแต่ในปัจจุบันนี้ผมก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย ผม ขอยกข่าวเก่าจากเดลินิวส์ (วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม 2557 เวลา 18:21 น.“)

    „นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ในแผนการดำเนินการของกองทุนอนุรักษ์พลังงานมีทั้งสิ้น23โครงการ แต่ภายหลังจากการตรวจสอบของคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)ได้ยกเลิกโครงการไปแล้ว10โครงการ เช่น โครงการการประชาสัมพันธ์การอนุรักษ์พลังงาน และโครงการนำร่องติดตั้งไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) บนหลังคาหรือโครงการโซลาร์รูฟทอป บนหลังคาศาลากลาง74จังหวัดทั่วประเทศ มูลค่า1,800ล้านบาท ขณะที่โครงการที่เหลือยังคงต้องทบทวน และบางส่วนยังดำเนินการต่อไปได้14โครงการ โดยคาดว่าจะจัดทำงบประมาณให้เสร็จในอีก2เดือ นเพื่อให้ทันการเบิกจ่ายงบประมาณปี57“

    อ่านต่อที่ : ตั้ง2คณะกรรมการคุมเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน | เดลินิวส์

    อดีต รมว.คลัง ประกาศค้านแนวคิด “รีดเงินน้ำมันเข้ากองทุนฯเพิ่มอีก100% “
    วันที่: 22 ก.พ. 59 เวลา: 21:00 น.

    เมื่อวันที่ 22 ก.พ. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความเห็นกรณีมีข่าวว่าคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่พลอากาศเอกประจิน จั่นตองเป็นประธาน มีการพิจารณาจะเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม อีกหนึ่งเท่าตัว โดยระบุว่า

    ผมขอคัดค้านเต็มรูปแบบครับ

    การเก็บเงินเข้ากองทุน เป็นการสร้างต้นทุนให้แก่ประชาชนผู้ใช้น้ำมันอยู่แล้ว ยิ่งเก็บเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเพิ่มต้นทุนให้แก่ประชาชนมากขึ้นไปอีก

    การเก็บเงินเข้ากองทุน มีผลไม่ต่างจากการเก็บภาษี ยิ่งภาวะเศรษฐกิจกรอบยอบแยบอย่างนี้ จะยิ่งกดดันกำลังซื้อของประชาชน แต่การเก็บภาษีเพิ่มนั้น ประชาชนอาจจะพอยอมรับได้ เพราะทราบว่าขบวนการเอาเงินไปใช้จ่าย ต้องผ่านระบบงบประมาณ ต้องผ่านสภา มีกรรมาธิการพิจารณาความเหมาะสม และมีขบวนการติดตามตรวจสอบที่รัดกุม

    ส่วนการใช้เงินของกองทุนต่างๆ นั้น อยู่นอกระบบงบประมาณ เป็นแดนสนธยาของคณะกรรมการกองทุนต่างๆ

    ที่ผ่านมา จึงได้เกิดข้อสงสัย ว่ากองทุนต่างๆ ทำตัวเป็นแม่นม เอาไว้เลี้ยงดูเจ้าประจำ ที่คอยดูดเงินออกไปจากกองทุนหรือไม่ กองทุน ส.ส.ส. ถูกวิจารณ์มากสุด และบัดนี้ ภาคประชาชนก็เริ่มตั้งคำถามเดียวกัน สำหรับกองทุนอนุรักษ์ฯ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนใด ก่อนที่จะคิดเพิ่มเงินเข้ากองทุน คณะกรรมการควรจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แก่ประชาชนเสียก่อน

    1. ตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุนมาถึงปัจจุบัน มีการใช้เงินไปเพื่อโครงการใดบ้าง
    2. มูลนิธิต่างๆ ที่ได้เงินไปจากกองทุน ชื่ออะไร จำนวนเงินเท่าใด บุคคลใดเป็นกรรมการ
    3. การคัดเลือกมูลนิธิทำอย่างไร มีการพิจารณาในคณะกรรมการ และในคณะอนุกรรมการอย่างไร เปิดเผยรายงานการประชุมที่เกี่ยวข้องทุกกรณี

    สาเหตุที่ผมเน้นการผันเงิน จากกองทุนออกไปยังมูลนิธิ เพราะผมเห็นว่าเป็นช่องทางรั่วไหลที่สะดวกที่สุด เนื่องจาก เมื่ออ้างการเป็นมูลนิธิ คนทั่วไปจะเข้าใจว่า ไม่มุ่งหากำไร จึงอาจจะพิจารณาจ่ายเงินจากกองทุนได้ง่ายกว่า อาจจะไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการแข่งขัน หรือปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ แต่มูลนิธิบางแห่ง มีลักษณะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพื่อเลี้ยงดูบุคคลที่กุมอำนาจอยู่ในมูลนิธิ การจ่ายเงินออกจากมูลนิธิ ก็ทำได้ง่าย เพราะการคัดเลือกจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ต้องใช้ระเบียบราชการ เพราะการตรวจสอบบัญชี ไม่ต้องใช้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กองทุนต่างๆ จึงนิยม และมีการให้เงินออกไปผ่านทางมูลนิธิกันมาก

    ดังนั้น ก่อนจะคิดหาเงินเข้ากองทุนเพิ่ม ขอให้รัฐบาลกำหนดข้อบังคับ ให้มีการตรวจสอบการใช้เงินจากกองทุน ที่เข้มข้นมากขึ้นเสียก่อน
    ขอให้รัฐบาล กำหนดให้ทุกกองทุนต้องมีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ อย่างเต็มที่ ทั้งข้อมูลที่ควรเปิดเผยประจำโดยคณะกรรมการกองทุน และข้อมูลที่ควรบังคับให้เปิดเผย ตามที่ประชาชนมีข้อสงสัย และยื่นขอเอกสารต่างๆ เพราะเงินที่ออกไปจากทุกกองทุน ทุกกรณี ทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงินของประชาชนนะครับ

    อดีต รมว.คลัง ประกาศค้านแนวคิด "รีดเงินน้ำมันเข้ากองทุนฯเพิ่มอีก100% "
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การขยายกรอบการอนุรักษ์พลังงานน่าจะมีการออกมาตรการ/กิจกรรม/โครงการใหม่ๆเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินการให้มากขึ้น ซึ่งถ้าจะขยายกรอบของแผนงานเดิมซึ่งผมว่าในขณะนี้ การดำเนินการดังกล่าวก็น่าจะมาถึงช่วงคงที่หรืออิ่มตัวแล้ว(ทำต่อก็อาจจะทำได้ดีกว่านี้อีกไม่มาก) ถ้าจะขยายกรอบงาน สิ่งที่จะขยายเพิ่มจากเดิมควรเป็นเรื่องใหม่ และถ่าพีคเพิ่ม แต่ยังสามารถนำมาตรการเดิมมาใช้ได้ก็แสดงว่ามาตรการ/กิจกรรม/โครงการอนุรักษ์พลังงานเดิมที่ทำร่วมกับการจัดหาพลังงาน และความมั่นคงของพลังงานที่ใช้มาแต่เดิมยังคงทำงารได้อยู่น่ะครับ

    เล็งขยายกรอบงบอนุรักษ์พลังงาน สนพ.คาดปีนี้ไฟพีคทะลุ 2.9 หมื่นเมกะวัตต์
    updated: 23 ก.พ. 2559 เวลา 11:45:42 น.

    พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการพิจารณานำเงินสะสมที่เหลือจากแผนงานปี 2555-2559 กว่า 6,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการเร่งด่วนหลายโครงการ ซึ่งเคยของบประมาณจากกองทุน แต่ไม่ได้รับการจัดสรร ขณะเดียวกันที่ประชุมมีการเสนอให้ขยายกรอบการอนุมัติงบประมาณจากปีละ 7,000 ล้านบาทต่อปี เป็นอย่างน้อย 10,000-12,000 ล้านบาทต่อปี โดยให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณพิจารณาโครงการที่เหมาะสมแล้วนำกลับมาเสนอในการประชุมครั้งหน้า

    "โครงการเร่งด่วนที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณจะต้องสอดคล้องกับแผนงานระยะ 5 ปี (2560-2565) และมีนโยบายจะเพิ่มสัดส่วนการใช้งบประมาณสำหรับการขนส่งเพิ่มขึ้น เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้คณะกรรมการกองทุนยังเห็นว่าควรปรับวิธีการปฏิบัติและบริหารจัดการกองทุนให้รอบคอบ รัดกุม และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ถูกวิจารณ์ว่าเงินกองทุนบางส่วนสูญหาย แต่เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะมีการบวกลบคูณหารแล้วตัวเลขไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเท่านั้น" พล.อ.อ.ประจินกล่าว

    นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.คาดการณ์การใช้พลังงานภาพรวมของไทยในปี 2559 จะเพิ่มขึ้น 2.7-3.5% เนื่องจากได้รับปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยประเมินว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ระดับ 29,000 เมกะวัตต์ และมีระดับเฝ้าระวังวิกฤตอยู่ที่ 28,500 เมกะวัตต์ สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นมาก คาดว่าอุณหภูมิจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อนนี้ อาจทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) เกินกว่า 29,000 เมกะวัตต์ที่คาดการณ์ไว้ได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงจะมีมาตรการรณรงค์ในการลดพีค โดยเฉพาะการประหยัดพลังงานไฟฟ้า อาทิ การเลือกเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 ขอความร่วมมือให้ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ระหว่าง 25-26 องศาเซลเซียส เพียง 1 ชั่วโมง ระหว่าง 14.00-15.00 น. ของทุกวัน มั่นใจว่าจะรับมือได้แน่นอน

    ที่มา : นสพ.มติชน

    เล็งขยายกรอบงบอนุรักษ์พลังงาน สนพ.คาดปีนี้ไฟพีคทะลุ 2.9 หมื่นเมกะวัตต์ : Prachachat Mobile
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตำรวจยุโรปชี้นักรบไอซิสกลับยุโรปแล้ว 5,000 กว่า คน โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 23, 2016

    [​IMG]

    presstv – หัวหน้าตำรวจยุโรป เผย นักรบไอซิสประมาณ 3000 -5000 คน มีการเดินไปมาอย่างอิสระในยุโรป

    ร็อบ เวนไรท์ ผู้อำนวยการตำรวจยุโรป (Europol) เผยว่า ชาวยุโรปประมาณ 3,000 – 5,000 คนได้กลับไปยังยุโรปหลังจากผ่านการฝึกที่ค่ายผู้ก่อการร้ายซึ่งถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหม่สำหรับยุโรป

    ร็อบ เวนไรท์ ให้สัมภาษณ์กับ RT ว่า ยุโรปกำลังเผชิญภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 10 ปี

    เขากล่าวว่า การปฏิบัติการโจมตียังมีความเป็นไปได้ที่จะมาจากปัจเจกบุคคลด้วย และเสริมว่า “เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า ไอซิสหรือกลุ่มก่อการร้ายทางศาสนาอื่นๆ จะออกมาโจมตีที่ไหนสักแห่งในยุโรปโดยมีเป้าหมายในการสร้างความสูญเสียจำนวนมากต่อประชากรพลเรือนในยุโรป ”

    ขณะที่ ฮัฟเซาะห์ การา มุสตอฟา นักข่าวและนักวิเคราะห์ การเมืองเชื่อว่าเป็นแผนการของการเพิ่มความรุนแรงในการสร้างความสับสนต่อความคิดเห็นของประชาชนต่อปรากฏการณ์ของ Islamophobia เพื่อให้เป็นยอมรับ

    ฮัฟเซาะห์ การา มุสตอฟา ให้สัมภาษณ์กับเพรสทีวี ว่า หากพิจารณาการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในยุโรปทั้งหมด จะพบว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายมีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างมากที่ผู้ก่อการร้ายในประเทศนั้นเป็นผู้ก่อเหตุภายในประเทศของพวกเขาเอง

    เขากล่าวเสริมว่า สถิติล่าสุดที่มีการเปิดเผยซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการพุ่งเป้าสำหรับการกล่าวหาผู้ลี้ภัยและคลื่นกระแสผู้อพยพที่เข้ามาในยุโรป

    นักวิเคราะห์การเมืองท่านนี้ยังกล่าวว่า วิกฤตผู้ลี้ภัยในยุโรปเกิดจากสงครามและการรุกรานของตะวันตก

    ตามรายงานจากสถาบันเศรษฐศาสตร์และสันติภาพกับการก่อการร้ายทั่วโลก เผยว่า นับจากปี 2011 หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สู้รบในซีเรียมีกลุ่มก่อการร้ายสุดโต่ง ไอซิสประมาณ 25000 -30000 คน เข้ามาในอิรักและซีเรีย ซึ่งร้อยละ 21 เป็นชาวยุโรป


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ตำรวจยุโรปชี้นักรบไอซิสกลับยุโรปแล้ว 5,000 กว่า คน | abnewstoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สหรัฐฯ ซ่อนอาวุธในถ้ำแห่งหนึ่งในยุโรปสำหรับการเผชิญหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นกับรัสเซีย. โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 23, 2016

    [​IMG]

    alarabiya – สหรัฐอเมริกาไซุกซ่อนรถถังและอาวุธที่ทันสมัยในถ้ำลับบางแห่งในนอร์เวย์ เพื่อเตรียมสำหรับการทำสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นกับรัสเซีย หลังจากเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องระหว่างนาโตและรัสเซีย

    ล่าสุดเครื่องบินของกองทัพอากาศอังกฤษได้ล้มเหลวในการสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซียสองลำที่ละเมิดน่านฟ้าอังกฤษ พันเอก วิลเลียม เบนท์ลีย์ หัวหน้าปฏิบัติงานของกองพลที่สามแห่งนาวิกโยธินอเมริกากล่าวว่า เราได้จัดเตรียมอาวุธทุกชนิด และยุทโธปกรณ์เครื่องมือที่สำคัญและการเพิ่มขีดความสามารถของอเมริกาที่จะเข้าไปแทรกแซงได้ทันทีในกรณีเกิดวิกฤตขึ้นมาและเป็นการลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย

    ตามรายงานหนังสือพิมพ์ International Business Daily เผยว่า “เราพร้อมที่จะตอบสนองต่อทุกวิกฤตที่จะเกิดขึ้น”
    อุปกรณ์ชิ้นส่วนอาวุธ 6500 ชิ้นซ่อนอยู่ในถ้ำ

    เดือนตุลาคม 2015 Hakan Brown Hansen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นอร์เวย์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลาย ว่า รัสเซียอาจจะใช้กำลังทหารเพื่อให้บรรลุผลทางการเมืองของเขา

    CNN รายงานว่า ในถ้ำลับในนอร์เวย์มีการซุกซ่อนอาวุธประมาณ 6,500 ชิ้น และมีกำหนดการที่จะนำออกมาใช้ ในการซ้อมรบCold Response 16 ที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้ (กุมภาพันธ์) โดยการซ้อมรับครั้งนี้จะมี 12 ประเทศและกองกำลังนาโตอีกจำนวน 16,000 นายเข้าร่วม

    เฮเทอร์ คอนลี่ย์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และการต่างประเทศในยุโรปกล่าวว่า “มีความท้าทายด้านความปลอดภัยบางอย่างที่เกิดขึ้นใหม่และเร่งด่วนกับรัสเซียที่เห็นได้อย่างชัดเจน และเป็นที่จำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่นี่และต้องการมีปฏิสัมพันธ์ในทิศทางที่ดี

    รัสเซียและนอร์เวย์มีชายแดนติดกันมีความยาวประมาณ 121 ไมล์ ซึ่งชายแดนนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังทางทหารอย่างเข้มงวดหลังยุคสงครามเย็น ถ้ำต่างๆก็ยังมีการใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ปี 1981 เรือเดินสมุทรของรัสเซียก็ประจำการในภาคเหนือของรัสเซียและใน Murmansk ซึ่งมีระยะห่างจากชายแดนที่ติดกับนอร์เวย์เพียง 100 ไมล์เท่านั้น
    ให้การสนับสนุนนาวิกโยธิน 15,000 นายก็เพียงพอแล้ว

    การที่จะสามารถควบคุมสภาพอากาศในภูเขาที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของนอร์เวย์นั้น ต้องอาศัยการสนับสนุน มีอุปกรณ์ที่สำคัญและบุคคลากร ในแต่ละถ้ำเหล่านี้มีกองกำลังนอร์เวย์และอเมริกันประจำการอยู่ประมาณ 100 นาย ดังนั้นการสนับสนุนนาวิกโยธินของอเมริกาจำนวน 15,000 นายก็เพียงพอแล้ว

    ในฤดูใบไม้ผลิสหรัฐอเมริกาได้ส่งเครื่องบิน F-15 หกลำไปยังชายแดนของนอร์เวย์เพื่อเข้าร่วมในการซ้อมรบ ซึ่งเป็นสถานที่มีระยะห่างจากชายแดนรัสเซียแค่ 100 ไมล์ คอนเนลลี่ กล่าวว่า “เราจำต้องหันมองไปยังยุโรปเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ และยุโรปตะวันตกและประเทศในพื้นที่บอลข่านเป็นเขตพื้นที่ที่สำคัญสำหรับเรา “

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    สหรัฐฯ ซ่อนอาวุธในถ้ำแห่งหนึ่งในยุโรปสำหรับการเผชิญหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นกับรัสเซีย | abnews
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2016
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินโดนีเซียจับผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันไอซิส 43 คน. โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 23, 2016

    [​IMG]

    irna – ในการปฏิบัติการสองครั้งของตำรวจอินโดนีเซียในกรุงจาการ์ตา สามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเชื่อมโยงกับพวกก่อการร้ายและหัวรุนแรงตักฟีย์ (takfiri) จำนวน43 คน

    ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายอินโดนีเซียได้เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ 21 ก.พ.ว่า ในการปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายได้เข้าไปบุกค่ายฝึกอบรมที่ตั้งอยู่เชิงเขาในจังหวัดชวากลางและสามารถจับกุมผู้ก่อการร้ายได้ 38 คน
    ผู้ที่ถูกจับกุมตัวในค่ายฝึกครั้งนี้สวนใหญ่ได้รับการฝึกแบบกลุ่มก่อการร้ายไอซิส

    สืบเนื่องจากมีการเคลื่อนไหวจากหนักของกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซีย ทางการจึงเล็งที่จะออกกฎหมายที่เข้มงวดในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายและบรรดาผู้ที่มีอาวุธในครอบครอง

    พันเอก ‘Lylyk Darmantv’ โฆษกตำรวจจังหวัดชวากลาง เผยว่า ในการปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจสามารถยึดอาวุธ เช่น ปืน มีด หนังสือเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายและธงไอซิส

    หลังจากที่มีการสอบสวนสี่ชั่วโมง แต่หลักฐานการมัดตัวไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขามีการเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายอิสจึงต้องปล่อยตัวพวกเขาไป

    ซะอีด อุศมาน หัวหน้าตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายอินโดนีเซีย เผยว่า การปล่อยตัวครั้งนี้เกิดจากความบกพร่องของข้อกฎหมาย เราไม่สามารถจับกุมพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะก่ออาชญากรรมถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกตัดสินว่าจะเกี่ยวข้องกับเครือข่ายหัวรุนแรงก็ตาม

    นอกจากนั้นเว็บไซด์ Jakarta Globe’ รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่า ทางตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 5 คน ในคดีเหตุโจมตีกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา

    การจับกุมครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการของตำรวจในเมืองมาลังในจังหวัดชวาตะวันออก

    ตามรายงานของตำรวจอินโดนีเซีย ระบุ ห้าคนที่ถูกจับกุมตัวดังกล่าวเป็นสมาชิกของกลุ่ม นูซันตราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    กลุ่มดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 ที่ครอบคลุมถึงประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้การช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย และเก็บประสบการณ์จากการปฏิบัติการจริงในซีเรีย


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    อินโดนีเซียจับผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันไอซิส 43 คน | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เก็บเงินเข้ากองทุนฯพลังงาน เพื่ออนุรักษ์ หรือผันเงินสู่มูลนิธิ ?

    กระทรวงพลังงาน ปฏิเสธข่าวการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงานเป็น 50 สต./ลิตร จากผู้ใช้น้ำมัน หลังปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 25 สต./ลิตร พร้อมยืนยันความโปร่งใสการใช้เงินกองทุน ขณะที่อดีตสมาชิก สปช."รสนา โตสิตระกูล" และอดีตรัฐมนตรีคลัง "ธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล" ค้านแนวคิดการเก็บเงินเพิ่ม พร้อมตั้งคำถามความโปร่งใสของการใช้เงินกองทุน หรือ ผันเงินเพื่อมูลนิธิ

    หลังจากมีรายงานข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการเสนอให้ปรับอัตราการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนจาก 25 สตางค์ต่อลิตร เป็น 50 สตางค์ต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 100% เนื่องจากเห็นว่าทิศทางราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นโอกาสที่จะเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มเพื่อสะสมเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมพลังงานทดแทนระยะยาว

    ได้รับการปฏิเสธแล้วจาก นาย ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. โดยระบุว่า ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ในการประชุม และ กองทุนฯ มีเงินสะสม หมื่น 6 พัน 168 ล้านบาท และมีเงินไหลเข้าเฉลี่ย 8 พันล้านบาทต่อปี รวมทั้ง คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น จะทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนฯเพิ่มขึ้นเป็น 9 พัน-1หมื่นล้านบาทต่อปี จึงยังไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่ม ยืนยันว่าเงินกองทุนฯ ยังอยู่ครบ และการใช้เงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์

    ที่ประชุมกองทุนฯ ได้หารือกรอบการใช้เงินกองทุนฯ ตามแผน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 กำหนดกรอบการใช้เงินใน 3 ส่วน คือ การใช้เงินเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ร้อยละ 67 แผนส่งเสริมพลังงานทดแทน ร้อยละ 30 และการบริหารเชิงกลยุทธ์ ร้อยละ 3 โดยในส่วนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน ในแต่ละปีสามารถยืดหยุ่นกรอบการใช้เงินเพิ่มขึ้นและลดลงไม่เกินร้อยละ 10

    ด้านนางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ด้านพลังงาน ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์ฯ เพราะภารกิจของกองทุนเป็นการเก็บก็ผิดฝาผิดตัวแล้ว และการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันไปอุดหนุนผู้ผลิตไฟฟ้าทดแทนหรือให้เอกชนกู้ไปเปลี่ยนหลอดไฟฟ้า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเปิดเผยต่อสาธารณะว่าเงินกองทุนจัดสรรไปให้ใครหรือองค์กรใดบ้าง หรือได้ประสิทธิผลหรือไม่อย่างไร หากเก็บเพิ่มอีกเท่าตัว เป็นเงินถึง 2 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่ไม่มีใครรู้ว่าเงินตรงนี้เอาไปให้ใคร เอาไปทำอะไร

    จึงอยากให้ตรวจสอบย้อนหลังด้วย เพราะมีข้อสงสัยในเรื่องความโปร่งใส หรือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้บริหารกับผู้ได้ประโยชน์จากกองทุนฯ ยังมีคำถามเรื่องประสิทธิภาพ ตลอดจนความคุ้มค่าในการใช้จ่ายเงินของประชาชนเพื่อไปอุดหนุนองค์กรที่อยู่ในแดนสนธยา

    เช่นเดียวกับ นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่คัดค้านเช่นกัน เพราะสร้างต้นทุนให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำมัน ไม่ต่างจากการเก็บภาษี ยิ่งภาวะเศรษฐกิจกรอบยอบแยบอย่างนี้ จะยิ่งกดดันกำลังซื้อของประชาชน และการใช้เงินของกองทุนต่างๆ นั้น อยู่นอกระบบงบประมาณ เป็นแดนสนธยาของคณะกรรมการกองทุนต่างๆ

    สำหรับกองทุนอนุรักษ์ฯ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนใด ก่อนที่จะคิดเพิ่มเงินเข้ากองทุน คณะกรรมการควรจะเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แก่ประชาชนเสียก่อน ว่าใช้เงินโครงการใดบ้าง กองทุนชื่ออะไร จำนวนเงินเท่าใด บุคคลใด้เป็นกรรมการ และมีหลักเกณฑ์พิจารณาอย่างไร

    เพราะการผันเงิน จากกองทุนออกไปยังมูลนิธิ เป็นช่องทางรั่วไหลที่สะดวกที่สุด เมื่ออ้างการเป็นมูลนิธิ คนทั่วไปจะเข้าใจว่า ไม่มุ่งหากำไร จึงอาจจะพิจารณาจ่ายเงินจากกองทุนได้ง่ายกว่า อาจจะไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการแข่งขัน หรือปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ แต่มูลนิธิบางแห่ง มีลักษณะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพื่อเลี้ยงดูบุคคลที่กุมอำนาจอยู่ในมูลนิธิ การจ่ายเงินออกจากมูลนิธิ ก็ทำได้ง่าย เพราะการคัดเลือกจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ต้องใช้ระเบียบราชการ เพราะการตรวจสอบบัญชี ไม่ต้องใช้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กองทุนต่างๆ จึงนิยม และมีการให้เงินออกไปผ่านทางมูลนิธิกันมาก

    เก็บเงินเข้ากองทุนฯพลังงาน เพื่ออนุรักษ์ หรือผันเงินสู่มูลนิธิ ? - VoiceTV
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อูยส์ช่างกล้า... นายกรัฐมนตรีของตุรกีบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ อยากให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียกลับไปเที่ยวตุรกีอีก

    [​IMG]

    -------------

    วันที่ 22 ก.พ.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "ตุรกีต้องการให้นักท่องเที่ยวรัสเซียกลับระหว่างภาวะถดถอย 'ฉับพลัน' ทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว - นายกฯกล่าว" (Turkey wants Russian tourists back amid ‘sudden’ industry decline – PM)

    นาย Ahmed Davutoglu นายกรัฐมนตรีของตุรกีกล่าวว่า รัฐบาลคาดหวังที่จะให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมา (ยังตุรกี) แม้ว่าจะมีความตึงเครียดระหว่างกรุงอังการาและกรุงมอสโคว์ก็ตาม เนื่องจากการหดตัวในภาคการท่องเที่ยวเกิดขึ้น "โดยไม่คาดคิด" ก่อนหน้านี้ทางการของรัสเซียได้เตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนตุรกีเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย

    [เอิ่ม… ทางการตุรกีสั่งยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 ของรัสเซียตก และกลุ่มกบฏซีเรียที่มีความสัมพันธ์กับฝ่ายตุรกีก็สังหารนักบินของรัสเซียด้วย แล้วนายกรัฐมนตรีของตุรกียังกล้าที่จะเรียกร้องให้บรรดานักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหอบเงินไปเที่ยวตุรกีอยู่นี่นะ? พูดเล่นใช่ไหมครับท่านนายกฯ? ทำไมท่านนายกฯถึงไม่ขอให้สหรัฐฯและยุโรปมหามิตรของนาโต้ด้วยกันส่งนักท่องเที่ยวของประเทศเหล่านั้นเข้าไปเที่ยวในตุรกีที่กำลังเดือดระอุอยู่ในขณะนี้บ้างหละครับ? - ผู้แปล]

    ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นาย Davutoglu ได้ประกาศแผนปฏิบัติการ (action plan) เพื่อให้การสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 87 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่ออนุญาตให้บริษัทต่างๆได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ได้

    "พวกเราเชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวรัสเซียจะเริ่มกลับมายังตุรกีอีก" นาย Ahmed Davutoglu กล่าวอ้างโดยหนังสือพิมพ์ Daily Sabah ภาคภาษาอังกฤษในตุรกี Daily Sabah

    นาย Ahmed Davutoglu กล่าวต่ออีกว่า "ความตึงเครียดทางการเมืองในปัจจุบันระหว่างกรุงอังการาและกรุงมอสโคว์ไม่ควรจะมีผลกระทบต่อ 'แขก' (guests) ชาวรัสเซีย ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวประเทศนี้ รัฐบาลไม่คาดว่าการหดตัวใดๆในการท่องเที่ยวจะเกิดจากปัญหานี้"

    [จริงเหรอครับ? ครั้งก่อนนี้รัฐบาลตุรกีก็ปล่อยให้พวกหัวรุนแรงเอามีดไล่แทงนักท่องเที่ยวชาวจีน และชาวเกาหลีซึ่งคิดว่าเป็นชาวจีน จีนก็ดึงนักท่องเที่ยวของตัวเองกลับ ต่อมารัฐบาลตุรกีก็ปล่อยให้พวกผู้ประท้วงหัวรุนแรงบุกเข้าไปทำลายสถานกงศุลไทยในอิสตัสบูลอีก คนไทยก็ถอยสิครับ ต่อมาตุรกีก็ขัดแย้งกับรัสเซีย ปูตินก็ดึงนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียกลับเช่นกัน ใครทุบหม้อข้าวตัวเองเอ่ย?

    "...รัฐบาลไม่คาดว่าการหดตัวใดๆในการท่องเที่ยวจะเกิดจากปัญหานี้" ตลก! เขารู้กันทั่วโลกว่า "ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างตุรกีกับรัสเซีย" นั่นแหละคือสาเหตุของปัญหาการหดตัวของการท่องเที่ยวในตุรกีและด้านอื่นๆด้วย ถ้าตุรกียังมีรัฐบาลที่มองปัญหาไม่ออกแบบนี้ปกครองอยู่ต่อไป ก็จะมีแต่ความย่อยยับทางด้านเศรษฐกิจเกิดขึ้นกับตุรกีเท่านั้น - ผู้แปล]

    รัสเซียได้ทำการแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่อตุรกีหลังจากที่เครื่องบินรบ F-16 ของตุรกียิงเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 ของรัสเซียในซีเรีย ในเดือนพฤศจิกายน 2558 รัฐบาลรัสเซียได้สั่งแบนเที่ยวบินเช่าเหมาลำทั้งหมดที่จะบินไปยังตุรกี

    "องค์กร Rosturism ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวของรัสเซียได้แนะนำตัวแทนด้านการท่องเที่ยวของประเทศทั้งหมดให้หยุดขายทัวร์ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังประเทศตุรกีโดยอ้างความกังวลด้านความปลอดภัย กลุ่มก่อการร้ายไอซิสกำลังวางแผนที่จะจับตัวนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเป็นตัวประกัน และใช้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นเป็นโล่ห์มนุษย์ด้วย" Rosturism กล่าว

    ในเดือนมกราคม 2559 รัสเซียได้ออกมาตรการวีซ่ารีจีมสำหรับผู้ที่ถือสัญชาติตุรกี ในขณะเดียวกันรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงหลายแห่งของตุรกีก็ถูกทิ้งร้างเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียลดลงไปเป็นจำนวนมากอย่างเห็นได้ชัด

    ตุรกีเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวอันดับที่หนึ่งของประชาชนชาวรัสเซียมาเป็นเวลาหลายปี เมือง Antalya และ Alanya ซึ่งเป็นเมืองชายหาดทางภาคใต้ของตุรกีเป็นที่ชื่นชอบของชาวรัสเซีย มีการให้บริการทุกอย่างในราคาที่ย่อมเยา

    เงินทุนด้านการท่องเที่ยวในบัญชีกระแสรายวันของตุรกีลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งพบว่าเป็นหนึ่งในความอ่อนแอทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

    บริษัท TUI ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รายงานว่า เดือนนี้ตัวเลขการจองห้องพักในช่วงวันหยุดในช่วงฤดูร้อนนี้ของตุรกีลดลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวถูกยับยั้งด้วยความกังวลด้านความปลอดภัย หนังสือพิมพ์ Financial Times ของอังกฤษรายงาน

    คาดว่าอุดสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวของตุรกีจะพบกับความสูญเสียในตลาดอื่นๆอีกภายในปีนี้ หลังจากที่เกิดการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายจากผู้ก่อการร้ายไอซิสในสถานที่ท่องเที่ยว Sultanahmet ที่สำคัญในเมืองอิสตันบูล ซึ่งได้สังหารนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันไปถึง 11 คน เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันที่จะเดินทางไปยังเมือง Antalya ของตุรกีลดลง หนังสือพิมพ์ Hurriyet Daily ของตุรกีรายงาน

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    24/02/2559
    ----------
    https://www.rt.com/business/333257-turkey-russian-tourists-return/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2016
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สื่ออิหร่านตั้งค่าหัว 600,000 ดอลลาร์ ผู้ปลิดชีพซัลมาน รุชดี โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ -ก.พ. 23, 2016

    [​IMG]

    euronews – ในงานนิทรรศการสื่อดิจิตอลแห่งการปฏิวัติอิสลามครั้งที่สาม ที่จัดขึ้นในกรุงเตหะราน ได้มีการตั้งค่าหัว 600,000 ดอลลาร์ สำหรับผู้ที่สามารถลอบสังหารของซัลมาน รุชดี

    43 แขนงสื่อและสถาบันรวมทั้งสื่อฟาร์สนิวส์ และสื่อของบาสิจญ์(หน่วยพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ) เป็นผู้ตั้งรางวัลในครั้งนี้

    การตั้งรางวัลครั้งนี้มีขึ้นในวาระครบรอบปีแห่งันประกาศคำฟัตวาครั้งประวัติศาสตร์ของอิมามโคมัยนี ผู้สถาปนารัฐอิสลามอิหร่าน

    ในปี 1989 (2532) อิมามโคมัยนีได้ออกคำฟัตาให้สังหารซัลมาน รุชดี หลังจากที่เขาได้เขียนตำรา Satanic Verses และนับจากนั้นมารุชดีก็ต้องหลบซ่อนตัวจนถึงวันนี้

    หลังจากที่อิมามโคมัยนีเสียชีวิต อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน ก็ยังคงยึดคำฟัตวาดังกล่าวอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    สื่ออิหร่านตั้งค่าหัว 600,000 ดอลลาร์ ผู้ปลิดชีพซัลมาน รุชดี | abnewstoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2016
  10. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ตราบใดที่โรงงานผลิตรถพลังงานทางเลือกไม่เกิด (เทคโนโลยีไม่ถึง)
    ก็จงก้มหน้าควักตังค์ให้กองทุนฯ ทั้งๆที่ผู้บริโภคไม่ได้เป็นคนก่อต่อไป
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    อะเฮ้ยยยย! โอบาม่าไม่ปลื้มอาเบะจะไปเยือนปูตินที่กรุงมอสโคว์ในเดือนพฤษภาคมนี้ อาเบะคงนึกในใจว่า "โอบาม่าไม่ใช่พ่อของอาเบะนิ! ทำไมต้องฟังด้วย จะไปสวีทกับปูตินซะอย่างใครจะทำไม?" คริๆ

    [​IMG]

    -------------

    วันที่ 24 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "นายกฯอาเบะของญี่ปุ่นไม่แยแสคำร้องขอของโอบาม่าให้ยกเลิกการไปเยือนกรุงมอสโคว์ในเดือนพฤษภาคม" (Japan's Abe Brushes Off Obama's Request to Cancel May Visit to Moscow)

    ระหว่างการสนทนากันทางโทรศัพท์กับนาย Shinzo Abe นั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐฯก็เรียกร้องให้นายกญี่ปุ่นงดเว้นการเดินทางไปเยือนกรุงมอสโคว์ในเดือนพฤษภาคม แต่ท่านอาเบะได้ปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าว [ฮิ้วววววว Yessss! - ผู้แปล]

    รายงานข่าวบอกว่าโอบาม่าและอาเบะได้คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งสองวันก่อนหน้านั้น ทางเกาหลีเหนือได้ปล่อยจรวดพิสัยไกล (เพื่อส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก) ละเมิดมติของยูเอ็น และทำให้ประชาคมนานาชาติแตกตื่น [นานาชาติไม่แตกตื่นหรอกครับ มีแต่ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเท่านั้นที่ไม่พอใจและตื่นตุม - ผู้แปล]

    แหล่งข่าวที่มีความคุ้นเคยด้านความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซียเปิดเผยว่า ปธน.โอบาม่ารู้สึกขุ่นเคืองใจ (disgruntled) กับปฏิบัติการของกรุงมอสโคว์ในซีเรียและยูเครน จึงได้ขอให้นายกฯอาเบะของญี่ปุ่นเลื่อนการเดินทางไปยังรัสเซียที่กำลังจะมาถึงออกไปหลังการประชุม G7 ในเดือนพฤษภาคมที่ญี่ปุ่น แต่นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้กล่าวว่า ตนเองจะไม่สนใจคำร้องขอดังกล่ว ซึ่งเป็นการอัดระเบิดเข้าใส่แผนการโดดเดี่ยวกรุงมอสโคว์ของกรุงวอชิงตันอีกลูก [แบบเต็มๆ - ผู้แปล]

    ด้วยการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าอาเบะจะหาข้อยุติให้กับข้อขัดแย้งที่มีมายาวนานระหว่างรัสเซียและญี่ปุ่นได้แล้ว ซึ่งเกี่ยวกับเกาะสี่แห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก อันได้แก่ Etorofu, Kunashiri, Shikotan และหมู่เกาะขนาดเล็ก Habomai ก่อนการร้องขอของประธานาธิบดีของสหรัฐฯ

    รัสเซียเรียกหมู่เกาะที่มีข้อพิพาทกันนี้ว่า หมู่เกาะคูริลใต้ (Southern Kurils) ในขณะที่ญี่ปุ่นอ้างว่าเป็นอาณาเขตทางภาคเหนือของตนเอง ความขัดแย้งกันเหนือหมู่เกาะเหล่านี้ได้เป็นอุปสรรคไม่ให้ทั้งสองประเทศลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หมู่เกาะดังกล่าวที่อยู่ในทะเล Okhotsk นั้นได้ถูกมอบให้สหภาพโซเวียตตามสนธิสัญญาสันติภาพ San Francisco ซึ่งได้มีการลงนามในเอกสารโดยญี่ปุ่นในปี 1951

    แหล่งข่าวบอกว่า การแก้ไขปัญหานี้เป็นจุดประสงค์หลักการที่นายกฯอาเบะจะเดินทางไปเยือนเมืองโซชิเพื่อหารือกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และอาเบะ "จะผลักดันผ่านการเดินทางไปเยือนรัสเซียในเดือนพฤษภาคม ไม่ว่าสหรัฐฯจะพูดอะไรก็ตาม" โดย (ฝ่ายญี่ปุ่น) อ้างว่าเพื่อความมั่งคงในภูมิภาคเอเซียตะวันออก

    [เดิมทีนั้น ญี่ปุ่นต้องการให้ปธน.ปูตินเดินทางไปเยือนกรุงโตเกียว และได้ส่งรมว.ต่างประเทศไปเชิญปูตินมาแล้ว และทั้งสองฝ่ายก็กำลังประสานงานกันในเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่าปูตินจะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นเมื่อไร เพราะว่าตอนนี้ปูตินกำลังยุ่งอยู่กับศึกในซีเรียและรับมือกับกองทัพนาโต้ที่ทำเหมือนทีเล่นทีจริงในการขยายอิทธิพลข่มรัสเซียด้วยการขยันซ้อมรบใกล้ชายแดนรัสเซียอยู่บ่อยๆ ปูติจึงยังไม่มีเวลาไปเยือนญี่ปุ่น

    อาเบะคงจะรู้ว่าขืนรอต่อไป คงไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการแน่ จึงเปลี่ยนแผน โดยนายกฯอาเบะของญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายเดินทางไปหาปูตินที่รัสเซียซะเลย แต่จักรวรรดิเฮเกตัวอิจฉาไม่ชอบที่จะเห็นโลกนี้เกิดสันติภาพ ก็รีบกระโดดเข้าขวางเพื่อตะคุบตัวของนายกฯญี่ปุ่นไม่ให้ไปรัสเซียทันที แต่อาเบะหลบทัน โอบาม่าจึงหน้าคว่ำพื้นคลุกฝุ่นทันที เงยหน้าขึ้นมาอีกที หน้าดำเลยอ่ะ คริๆ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    24/02/2559
    ----------
    Japan's Abe Brushes Off Obama's Request to Cancel May Visit to Moscow
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2016
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    มีงี้ด้วย... สหรัฐฯเล่นแง่ไม่อยากให้เครื่องบินสอดแนมของรัสเซียไปบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯตามที่ตกลงกันไว้ในสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า หลังสหรัฐฯส่งเครื่องบินไปสอดแนมเหนือน่านฟ้าของรัสเซียมาแล้ว (รู้สึกว่าสหรัฐฯจะติดเชื้อนี้มาจากตุรกีนะนี่?


    [​IMG]

    -------------

    มาอ่านข่าวพิลึก! เกี่ยวกับสหรัฐฯอีกซักข่าวนะครับ วันที่ 22 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "กรุงวอชิงตันเสียขวัญกรณีรัสเซียจะใช้ปฏิบัติตามสนธิสัญญาเปิดน่่านฟ้า" (Washington Hawks in Panic Over Russia’s Use of the Open Skies Treaty)

    รายงานข่าวบอกว่าทำเนียบเครมลินจะร้องขอการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า (Open Skies Consultative Commission) ซึ่งอยู่ที่กรุงเวียนนา เพื่อส่งอากาศยานติดตั้งระบบเซนต์เซอร์ไฮเทคเหนือแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ตามคำพูดของแหล่งข่าวสภาคองเกรสระดับอาวุโสของสหรัฐฯ ทางกรุงวอชิงตันได้ท้าทายว่า คำร้องขอดังกล่าว ในการปฏิบัติตามสนธสัญญาเปิดน่านฟ้าที่เข้มงวดตามตัวอักษรนั้น เป็นการละเมิดจิตวิญญาณขอสนธิสัญญา และไม่ควรที่จะได้รับอนุญาต

    [ฮ่าๆๆ... สุดจะฮากับนักการเมืองของสหรัฐฯครับท่าน นี่แหละเขาถึงได้เรียกสหรัฐฯว่าเป็นพวก "Exceptionalism" คือพวกที่ชอบอยู่เหนือกฎหมายต่างที่ตัวเองเขียนขึ้นมา นี่มันคือเสรีภาพและความเท่าเทียมกันแบบไหนครับท่านโอบาม่า? สมัยนี้ถ้าใครส่งลูกหลายไปเรียนหนังสือที่อเมริกาก็อาจจะมีอาการเอ๋อทางตรรกะแบบนี้ก็ได้นะครับ มีที่ไหนหละ "การปฏิบัติอย่างเข้มงวดตามที่สนธิสัญญาระบุ" ถูกมองว่าเป็นการละเมิดสปิริตของสนธิสัญญา? ก็ที่อเมริกานี่แหละคร้าบบบบ - ผู้แปล]

    สนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า (The Open Skies Treaty) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2002 (เมื่อ 14 ปีที่ผ่านมา) ได้อนุญาตให้เครื่องบินสอดแนมที่ไม่ติดอาวุธบินเหนืออาณาเขตของรัฐสมาชิกทั้ง 34 ประเทศได้ สนธิสัญญาดังกล่าวร่างขึ้นมาเพื่อให้มีการจับตาและสร้างความโปร่งใสในการบังคับใช้ข้อตกลงการควบคุมอาวุธ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองและกองทัพของสหรัฐฯได้ตั้งคำถามว่า รัสเซียจะได้รับผลประโยชน์จากทางทหารและด้านข่าวกรองหรือไม่? (Russia is exploiting the treaty for militaristic and intelligence gains.)

    [ก็ตอนที่สหรัฐฯและประเทศอื่นๆหลายประเทศส่งเครื่องบินไปสำรวจน่านฟ้าของรัสเซียตามสนธิสัญญาฉบับเดียวกันนี้เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียก็อนุญาต แล้วสหรัฐฯได้รับผลประโยชน์ทางทหารและข่าวกรองหรือไม่หละครับ? กรุณาตั้งคำถามที่บ่งบอกว่าสหรัฐฯมีกึ๋นมากกว่านี้หน่อยได้ไหม คนแปลเซ็งอ่ะ นะ please! - ผู้แปล]

    พล.ร.อ. Cecil Haney ผู้บัญชาการกองบัญชาการด้านยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ (US Strategic Command) ได้ส่งหนังสือถึงสภาคองเกรสเมื่อต้นปีนี้ว่า "สนธิสัญญาดังกล่าวได้กลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในศักยภาพของการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านข่าวกรองของรัสเซียซึ่งมีเป้าหมายที่สหรัฐฯโดยตรง"

    [กรรม! อ้าวแล้วก่อนที่จะลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวในวันที่ 24 มี.ค. 1992 นั้นรัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้บ้างเลยหรือ? ทำไมท่านนายพล Cecil Haney ถึงไม่ไปถามอดีตปธน. George H. W. Bush (ผู้พ่อ) ที่เป็นคนริเริ่มแนวคิดนี้ขึ้นมาในปี 1989 หละครับ? - ผู้แปล]

    Robert Work รองรมว.กลาโหมของสหรัฐฯได้ประสานเสียงกับความกังวลของสภาคองเกรสด้วยโดยกล่าวว่า "พวกเราคิดว่าพวกเขากำลังไปไกลกว่าเจตจำนงค์เดิมของสนธิสัญญา และพวกเราก็จะจับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมากๆ" (We think that they’re going beyond the original intent of the treaty and we continue to look at this very, very closely.)

    [นี่ก็อีกคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าหมอนี่ขึ้นไปเป็นระดับรองรมว.กลาโหมของสหรัฐฯได้อย่างไร? เพียงแค่รัสเซียบอกว่าจะทำตามข้อตกลงในสนธิสัญญาที่ได้ลงนามร่วมกันไว้ หากรัสเซียไม่ส่งเครื่องบินสอดแนมไปบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯ รัสเซียอาจจะถูกกล่าวหาว่า "ไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญา" หรือ "ละเมิดสนธิสัญญา" ก็ได้ แต่นักการเมืองของสหรัฐฯ ดันเป็นโรค "ปอดแhก" หรือวิตกจริตเกินเหตุซะงั้น

    เขาแค่บอกว่าจะไปบินสำรวจน่านฟ้า ไม่ได้บอกว่าจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไปบอมบ์สหรัฐฯเหมือนกับที่สหรัฐฯเคยทำกับญี่ปุ่นมาแล้วซะหน่อย ก่อนที่จะขึ้นบินเขาก็ให้ประเทศเจ้าภาพตรวจสอบเครื่องบินและอุปกรณ์ต่างๆก่อน และยังมีเจ้าหน้าที่ของประเทศเจ้าภาพซึ่งในที่นี้ก็คือสหรัฐฯขึ้นบินด้วย สหรัฐฯอาจจะส่งเครื่องบินรบของตนเองบินประกบด้วยก็ได้ ไม่เห็นว่าจะน่ากลัวตรงไหน หรือว่าสหรัฐฯซ่อนอะไรที่ไม่อยากให้รัสเซียและชาวโลกได้รับรู้ไว้หรือเปล่า? - ผู้แปล]

    +เครื่องบินสอดแนมลับของรัสเซียที่กำลังจะบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯเป้นการขยายความตึงเครียดออกไปหรือไม่? ไม่
    ----------
    อย่างแรกเลย ก.ต่างประเทศ (ของสหรัฐฯ) ได้แจ้งกับสื่อฯต่างๆเมื่อวันอาทิตย์นี้ว่า ประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกของสนธิสัญญา (เปิดน่านฟ้า) ยังไม่ได้รับการแจ้งข่าวอย่างเป็นทางการจากรัสเซีย และการรับรองภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าจะถึงช่วงฤดูร้อนนี้ เพราะว่าสนธิสัญญาดังกล่าวกำหนดให้มีการแจ้งข่าวล่วงหน้าเป็นเวลา 120 วัน

    อย่างที่สอง การลงนามในสนธิสัญญาต้นฉบับปี 2002 ตามความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้ตกลงกันว่า "การเปลี่ยนแปลงจากกล้องถ่ายรูปชนิดใช้ฟิล์ม (สำหรับสอดแนมภายใต้สนธิสัญญา) เป็นเซนเซอร์แบบดิจิตอลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตรวจสอบระยะยาวของสนธิสัญญา" ปัจจุบันนี้ กรอบสนธิสัญญาได้กำหนดกระบวนการตรวจสอบเซนเซอร์กล้องดิจิตอลเพื่อให้มั่นใจว่าจะเป็นไปตามข้อกำหนดของสนธิสัญญา ดังนั้นตามที่ Rose Gottemoeller รักษาการรมว.กลาโหมได้ตั้งข้อสังเกตไว้ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว สิ่งที่ทำเนียบเครมลินมองว่าจะได้รับประโยชน์จากการบินสังเกตการณ์เหล่านี้ก็คือ "การเพิ่มขึ้น (incremental)" ต่อสิ่งที่หน่วยข่าวกรองจะสามารถเก็บรวบรวมด้วยวิธีการที่ซ่อนเร้น (ulterior methods)

    ประการสุดท้าย และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งข้อมูลและภาพถ่ายที่เก็บรวบรวมมาได้ตามสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า ต่อความคิดเห็นของ Gottemoeller "จะถูกแชร์ออกไปยังฝ่ายต่างๆ (ที่เป็นสมาชิกของ) สนธิสัญญาดังกล่าวอย่างเปิดเผย ดังนั้นพวกเราจึงรู้อย่างแน่ชัดถึงสิ่งที่รัสเซียกำลังถ่ายภาพ เพราะว่าพวกเราจะต้องแชร์ภาพถ่ายเหล่านั้นกับพวกเราด้วย"

    [เนี่ย! ถ้าพูดความจริงแบบนี้ออกมาให้หมด มันก็จะไม่สร้างประเด็นปัญหาความสงสัยใดๆให้เกิดขึ้นแก่ประชาชน หรือไม่ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงสงสัยหรือเข้าใจผิดได้ แต่ด้วยนิสัยของนักการเมืองสหรัฐฯที่ชอบพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว และเน้นการพูดความเท็จผสมความจริง และมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองในการออกมาแสดงความคิดเห็น หรืออาจจะอยากแสดงภูมิแต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดของสนธิสัญญาดังกล่าวเลย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดเลย มีแต่จะสร้างความขายหน้าให้กับประเทศของตนเองเท่านั้น เสื่อมเปล่าๆ - ผู้แปล]

    + สหรัฐฯจะตอบสนองต่อการซักซ้อมของรัสเซียหรือไม่?
    ------------
    Steve Rademaker ผู้ช่วยก.ต่างประเทศด้านการควบคุมอาวุธของสหรัฐฯได้กล่าวหาว่า "รัสเซียกำลังจะคว้าส่วนแบ่งชิ้นใหญ่ในเกม 'การดำเนินการทางเลือก (elective implementation)' ในสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า" โดยตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียได้ออกข้อจำกัดการสอดแนมในอดีตเหนือกรุงมอสโคว์ เชนย่า และใกล้ อับคาเซีย (Abkhazia) และเซ้าท์โอซีเทีย (South Ossetia) การเคลื่อนไหวดังกล่าวได้บังคับให้รัฐบาลของโอบาม่าต้องตัดสินใจว่าจะยังคงมีส่วนร่วมในสนธิสัญญาดังกล่าวในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศกำลังดำเนินต่อไปเพื่อขยายออกไป และในช่วงเวลาที่รัสเซียมีเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีของตนเองภายใต้สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวหรือไม่ เกมหมากรุกกำลังดำเนินต่อไป

    [เมื่อต้นเดือนนี้ตุรกีได้ปฏิเสธที่จะให้เครื่องบินสอดแนมของรัสเซียบินเหนือน่านฟ้าของตนเองตามสนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า ก่อนหน้านี้รัสเซียก็ได้ส่งเครื่องบินสอดแนมของตนเองไปบินเหนือน่าฟ้าของหลายประเทศเช่น เยอรมัน อิตาลี กรีซ แคนาดา นอร์เวย์ ออสเตรีย และสหรัฐฯด้วยราวปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม 2558 และก่อนหน้านั้นสหรัฐฯอังกฤษและสาธารณรัฐเช็กก็ส่งเครื่องบินของตนเองไปบินสำรวจเหนือน่านฟ้าของรัสเซียเช่นกัน เป็นเรื่องปรกติที่ทำกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วทำไมกรุงวอชิงตันถึงมาแสดงท่าทีงอแงเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองซะตอนนี้หละนี่? ไร้สาระจริงๆ! - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    24/02/2559
    ----------
    Washington Hawks in Panic Over Russia’s Use of the Open Skies Treaty
    US, UK to Hold Observation Flight Over Russia on October 5-10
    US, Canada to Hold Observation Flight Over Russia Under Open Skies Treaty
    US, Czech Experts to Fly Over Russia Under Open Skies Treaty - Official
    Eyes in the Sky: Russian Aircraft to Monitor US Military From Above
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2016
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปธน.Sisi ของอียิปต์ยืนยันว่าเครื่องบินโดยสาร A321 ของรัสเซียถูกโจมตีจากการก่อการร้าย

    [​IMG]

    -------------

    วันที่ 24 ก.พ.59 Sputnik news รายงายข่าวว่า สายการบินของรัสเซียที่ประสบเหตุตกในคาบสมุทรไซนาย (Sinai) เมื่อเดือนตุลาคม 2558 เนื่องมาจากผู้่ก่อการร้ายที่ต้องการทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอียิปต์และความสัมพันธ์กับรัสเซีย ประธานาธิบดี Abdel Fatah Sisi ของอียิปต์กล่าวในวันพุธ

    "ขบวนการก่อการร้ายจบหรือยัง? ยัง มันยังไม่จบ แต่มันจะจบหากว่าพวกเรารวมพลังกัน บุคคลที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้มีเจตนาที่จะโจมตีเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว [ของอียิปต์] เท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ เจตนาก็คือเพื่อทำลายความสัมพันธ์กับรัสเซีย อิตาลี และประเทศอื่นๆทั้งหมดด้วย" ปธน.ซีซีกล่าวในการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยต่อนักข่าวในกรุงไคโร

    แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นการยืนยันเป็นครั้งแรกโดยทางการของอียิปต์ ซึ่งกล่าวว่าเครื่องบิน A321 ซึ่งดำเนินกิจการโดยรัสเซียถูกทำให้ตกโดยผู้ก่อการร้าย

    วันที่ 31 ตุลาคม 2558 สายการบินของรัสเซียซึ่งมีผู้อยู่บนเครื่องบินทั้งหมด 224 คนได้ประสบเหตุตกในคาบสมุทรไซนาย ขณะที่กำลังเดินทางออกจากสนามบิน Sharm el-Sheikh ของอียิตป์มุ่งหน้าส่งเมือง St. Petersburg ของรัสเซีย เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินของพลเรือนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย

    สาขาของขบวนการก่อการร้ายดาอิชในอียิปต์อ้างว่าเป็นฝีมือของตนในการก่อเหตุดังกล่าว ในขณะเดียวกันหน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (FSB) กล่าวว่าสาเหตุของเครื่องบินตกในครั้งนี้เป็นการโจมตีจากการก่อการร้าย และว่าได้มีการบางวัตถุระเบิดชนิดประดิษฐ์เองไว้บนเครื่องบิน

    หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทางการรัสเซียได้สั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดของตนที่จะเดินทางไปยังอียิปต์เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน และในวันที่ 14 พฤศจิกายน เที่ยวบินต่างๆของอียิปต์ที่จะเดินทางไปยังรัสเซียก็ถูกระงับด้วย

    [แล้วจะยังไงต่อหละทีนี้? เฮียปูจะยกกองทัพเข้าไปปราบไอซินในแหลมไซนายของอียิปต์ต่อเลยไหม? เออ… อันนี้รัสเซียก็ยังไม่แถลงนะครับ แต่ข่าวดีก็คือว่า ทางการของอียิปต์ตกลงสั่งซื้อสุดยอดเฮลิค็อปเตอร์โจมตีรุ่น Ka-52 Alligator ที่ทันสมััยที่สุดของรัสเซียจำนวน 46 ลำไปแล้ว เพราะว่าบางส่วนของรุ่นนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานร่วมกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Mistral ที่ฝรั่งเศสเบี้ยวส่งมอบให้รัสเซียและอียิปต์ก็ช่วยซื้อไปจากฝรั่งเศสโดยเฉพาะเลย

    ถ้าเป็นแบบนี้ก็ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย หากอียิปต์บอกว่าไม่เอา Ka-52 Alligator ของรัสเซียจะเอา Apache ของสหรัฐฯแทน งั้นอียิปต์ก็ไม่ต้องเอานักท่องเที่ยวของรัสเซียด้วย ไปง้อให้โอบาม่าส่งนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันไปเที่ยวอียิปต์แทนละกัน เมื่ออียิปต์ใช้ฮ.ของรัสเซีย อุปกรณ์สิ้นเปลืองอื่นๆเช่นจรวด กระสุน การซ่อมบำรุง ก็ต้องพึ่งรัสเซียด้วย งานนี้กินยาวครับท่าน - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2559
    ----------
    Egypt President Confirms Russian A321 Plane Downed in Terrorist Attack
    Aircraft That ‘Bites': Russia to Sell Egypt 46 Alligator Helicopters
    Russia, Egypt to Hold Talks on Delivering Helicopters for Mistral
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    F-22 Raptors G5 ของสหรัฐฯไม่ได้ล่องหนในสายตาของระบบเรดาร์จีนอีกต่อไป

    [​IMG]

    -------------

    1.) วันที่ 22 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ไม่ล่องหนเท่าไรนัก: รายงานข่าวบอกว่าจีนสามารถติตตาม F-22s 'ที่ไม่สามารถตรวจจับได้' ของเพนตากอน" (Not So Stealthy: China Can Reportedly Track Pentagon's 'Undetectable' F-22s)

    รายงานข่าวบอกว่ากองทัพจีนได้พัฒนาศักยภาพที่ทำให้กรุงปักกิ่งตรวจจับและติดตามอากาศยานที่เลิศที่สุดบางลำในแสนยานุภาพของกรุงวอชิงตันได้ ซึ่งรวมทั้งเครื่องบินรบรุ่นที่ห้าอย่าง Lockheed Martin F-22 Raptors ซึ่งบางคนเรียกว่าเกือบจะไม่สามารถตรวจจับได้อย่างแน่นอน

    การพัฒนาระบบเรดาร์ของจีนซึ่งรวมทั้งอากาศยาน KJ-2000 และ KJ-500 ซึ่งเป็นระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าและบัญชาการทางอากาศ (Airborne early warning and control - AWE, AWE&C, AWACS หรือเรียกสั้นๆโดยทั่วไปว่าระบบเรดาร์ลอยฟ้า) ที่จะในใช้ในภารกิจต่างๆได้ People's Daily Online ของจีนรายงาน อ้างคำพูดของ Yin Zhuo ผู้เชี่ยวชาญด้านทหาร

    การตั้งข้อสังเกตเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานที่ยังไม่มีการยืนยันเผยแพร่ออกมาว่า กองทัพจีนได้ตรวจจับเครื่องบินรบ F-22s (ของสหรัฐฯ) ในทะเลจีนตะวันออกได้ [เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสหรัฐฯส่งเครื่องบินรบ F-22 ราว 4 ลำไปโฉบเล่นแถวคาบสมุทรเกาหลี โดยให้ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้จำนวนสองลำ - ผู้แปล]

    กองทัพจีน (PLA) กล่าวว่าได้ส่งเฮลิค็อปเตอร์หลายลำพร้อมด้วยเรือรบหนึ่งลำเข้าไปในทะเลจีนตะวันออก นอกจากนี้แล้วยังได้สั่งให้เครื่องบินรบลำอื่นๆเตรียมพร้อมเอาไว้ด้วยหากได้รับคำสั่ง

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รายงานเบื้องต้นไม่ได้ระบุชนิดของอากาศยาน หรือประเทศที่เป็นเจ้าของของเครื่องบินดังกล่าว แต่ Yin Zhou กล่าวว่าหากเครื่องบินเหล่านั้นเป็น F-22 ดังนั้นจีนก็สามารถที่จะติดตามแกะรอยได้

    "อันที่จริงแล้ว - มันมีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากที่จีนจะสามารถติดตาม Raptor (ของสหรัฐฯ) ได้ สเตลท์ไม่ใช่ผ้าคลุมล่องหนอีกต่อไป (Stealth is not a cloak of invisibility) เทคโนโลยีสเตลท์เพียงแค่ชะลอการตรวจจับและติดตามเท่านั้น" Dave Majumdar ผู้เชี่ยวชาญด้านการความมั่นคงเขียนให้กับนิตยสาร The National Interest ของสหรัฐฯ "แม้ว่าเครื่องบินรบ F-22 ที่อยู่ในโหมดการต่อสู้ (combat-configured) ก็จะไม่มองไม่เห็นในเรดาร์ของศัตรูอีกต่อไป ซึ่งตรงกันข้ามกับความเชื่อทั่วไป"

    2.) ไหนๆก็พูดเกี่ยวกับจีนแล้ว มาต่อที่จีนอีกซักข่าวนะครับ วันที่ 24 ก.พ.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "จีนส่งเครื่องบินรบเข้าไปยังเกาะในทะเลจีนใต้ซึ่งมีปัญหาข้อพิพาทกัน - รายงานข่าวกล่าว" (China deploys military jets to disputed South China Sea Island – report)

    จีนได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปยังเกาะ Woody ในการพัฒนาครั้งล่าสุดในหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ที่มีปัญหาข้อพิพาท สื่อฯรายงาน การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดในพื้นที่กำลังเพิ่มขึ้นด้วย

    หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯได้ตรวจพบเครื่องบินรบ (ของจีน) ไม่ต่ำกว่า 10 ลำใกล้เกาะ Woody ซึ่งจีนเรียกว่า Yongxing Island เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯกล่าวกับสำนักข่าว Fox News

    รายงานข่าวบอกว่า เครื่องบินรบที่ถูกส่งออกไปนั้นประกอบด้วย Shenyang J-11s (Flanker) and Xian JH-7s (Flounder) ของจีน ซึ่งตรวจพบเพียงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ Fox News ยังรายงานอีกว่า จีนได้ส่งขีปนาวุธอากาศสู่ภาคพื้น HQ-9 ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศของจีนจำนวนสองกองพันเข้าไปประจำการบนเกาะแห่งนั้นด้วย

    เมื่อต้นสัปดาห์นี้ กระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า "การที่จีนเสริมสร้างระบบป้องกันของตนเองบนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้นั้นก็เหมือนกับที่สหรัฐฯ (เพิ่มการ) ประจำการของตนเองที่ฮาวายนั่นแหละ กรุงวอชิงตันไม่ควรที่จะมีส่วนร่วมในความขัดแย้งเกี่ยวกับเขตแดน"

    "ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันประเทศของจีนในดินแดนของตนเอง และการติดตั้งระบบป้องกันเหล่านี้ก็เหมือนกับที่สหรัฐฯทำในฮาวาย" คุณ Hua Chunying โฆษกหญิงก.ต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในการสรุปข่าวเมื่อวันจันทร์นี้

    [ตรงนี้ขอสรุปสั้นๆดังนี้นะครับ สหรัฐฯใช้ดาวเทียมของตนเองถ่ายภาพการเสริมกำลังทางกองทัพของจีนบนเกาะเทียมที่จีนสร้างขึ้นมาในทะเลจีนใต้ แล้วก็ร้องโววายว่าจีนส่งทหารและกองทัพเข้าไปในทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะเดียวกันสหรัฐฯก็ส่งเรือรบของตนเองเข้าไปยั่วยุป่วนจีนแถวนั้นอยู่เรื่อยๆ

    จีนก็แก้ลำด้วยการส่งดาวเทียมของตนเองไปส่องดูแถวฮาวายบ้าง ปรากฎว่า สหรัฐฯก็เสริมระบบป้องกันของตนเองที่เกาะฮาวายจำนวนมากเช่นกัน อันที่จริงสหรัฐฯเริ่มติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศและอื่นๆในฮาวายตั้งแต่คิมน้อยส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศแล้ว

    จีนก็เลยบอกว่า เมื่อคุณอเมริกาสามารถเสริมระบบป้องกันภัยบนเกาะของคุณได้ ทำไมจีนจะทำบ้างไม่ได้? สหรัฐฯอาจจะอ้างว่าก็ตรงนั้นมันเป็นพื้นที่พิพาทกันอยู่ ล่าสุดจีนก็ออกมาเล่นคำว่า ไม่มีพื้นที่พิพาทบนแผ่นดินหรืออาณาเขตของตนเอง จีนประกาศตั้งนานแล้วว่าตรงนั้นคือของจีน จีนจะติดตั้งระบบป้องกันภัยและกองทัพบนอาณาเขตของจีนซะอย่างใครจะทำไม? - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2559
    ----------
    Not So Stealthy: China Can Reportedly Track Pentagon's 'Undetectable' F-22s
    Show of Force: US F-22 Jets Fly Over S Korea Amid Tensions With North
    https://www.rt.com/news/333431-china-jets-disputed-islands/
    China Claps Back at Reports of Sending Fighter Jets to Disputed Islands
    Beijing Smacks Down US Criticism Over Missiles in South China Sea
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ศุลกาการของสหรัฐฯเปิดซองจดหมายลึกลับ ป่วยกระทันหัน 3 คน กักบริเวณอีกหลายสิบคนที่สำนักงานในแคลิฟอร์เนีย

    [​IMG]

    -------------

    วันที่ 24 ก.พ.59 RT news พาดหัวข่าวว่า "Dozens quarantined, 3 sick, after US Customs receives suspicious envelope at California office"

    รายงานข่าวบอกว่า มีประชาชนราว 50 คนถูกกับบริเวณหลังเปิดซองจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีสะสารคล้ายแป้งต้องสงสัยบรรจุอยู่ภายใน ในสำนักงานศุลกากรเมือง Alameda รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา

    เวลา 2.43 น.ได้มีการโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉินซึ่งรายงานว่ามีพนักงานจำนวน 6 คนเกิดอาการป่วยกระทันหันหลังจากเปิดซองจดหมายดังกล่าว KNTV รายงาน

    และพบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มอีกสองคน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกล่าวว่าอาการป่วยของผู้คนเหล่านั้นไม่อันตรายถึงชีวิต แต่บรรดาคนงานกำลังได้รับการรักษาภายใต้การกักบริเวณ และพนักงานในชุดนิรภัย (HAZMAT) ที่อยู่ในพื้นที่กำลังบอกให้คนอื่นๆอยู่ห่างจากสถานที่เกิดเหตุ

    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้กำหนดพื้นที่ให้เป็นเขต "hot zone" และมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องการการแพร่ระบาด เจ้าหน้าที่ตำรวจ Lt. Jill Ottaviano กล่าวกับสำนักข่าว El Cerrito Patch ว่าได้มีการอนุญาตให้บางคนออกไปจากตัวอาคารได้แล้ว

    "หลังจากที่พวกเราระบุได้ว่ามันคืออะไร พวกเราก็จะรู้ว่าจะจัดการกับสะสารดังกล่าวอย่างไร และระดับการปนเปื้อนมีอยู่ระดับไหน" - จบข่าว

    [ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมว่า แป้งผงที่ว่านั้นคืออะไร หรือมาจากไหน ชักจะเหมือนในหนังฮอลลิวูดเข้าไปทุกทีแล้วนะนี่ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2559
    ----------
    https://www.rt.com/usa/333536-custom-package-alameda-quarantine/
    U.S. Customs Office In Alameda Quarantined After Hazmat...
    Federal building evacuated in Alameda after employee becomes ill from suspicious package - Story | KTVU
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซาอุฯ เตือนพลเมืองของตนให้ออกจากเลบานอน
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 24, 2016

    [​IMG]

    alarabiya – วานนี้ (อังคาร ที่ 23) ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียได้ออกมาเตือนพลเมืองของตนในการเดินทางไปเลบานอน พร้อมกับกำชับพลเมืองซาอุฯ ที่อยู่ในเลบานอนให้รีบออกจากเลบานอนโดยด่วน

    สำนักข่าวทางการของซาอุฯ อ้างจากแหล่งข่าวของกระทรวงต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ว่า ทางกระทรวงออกมาเตือนให้พลเมืองของตนอย่าได้เดินทางไปเลบานอนเพื่อความปลอดภัยของตนเอง

    ตามรายงานระบุว่า ซาอุดิอาระเบียได้ออกมาเตือนพลเมืองของตนในการเดินทางไปเลบานอน พร้อมกับกำชับให้พลเมืองซาอุฯ ที่อยู่ในเลบานอนรีบออกจากเลบานอน ยกเว้นการเดินทางที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

    กระทรวงต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้พลเมืองของตนมีการระมัดระวังตัวให้มาก และให้ติดต่อสถานทูตซาอุดิอาระเบียในเลบานอนเพื่อได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกและข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

    ซาอุดิอาระเบียมีการเตือนพลเมืองของตนในเลบานอนมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เกิดขึ้นในท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างริยาดกับเบรุต โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทางซาอุฯ มีคำสั่งหยุดให้เงินสนับสนุนแก่กองทัพเลบานอนจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์

    แหลงข่าวซาอุฯ เผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 19 กุมภาพันธ์ ย้ำว่า ทางซาอุดิอาระเบียได้หยุดให้การช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ต่อกองทัพเลบานอน เนื่องจากจุดยืนของเลบานอนไม่สอดคล้องกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

    แหล่งข่าวดังกล่าวยังระบุว่า ด้วยเหตุนี้ทางซาอุดิอาระเบียจึงทำการทบทวนมาตรการความสัมพันธ์กับเลบานอน และบนพื้นฐานจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและด้วยการปกป้องผลประโยชน์ของตนเองจึงทำการตัดสินใจดังกล่าวในการเรียกพลเมืองของตนกลับประเทศ


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ซาอุฯ เตือนพลเมืองของตนให้ออกจากเลบานอน | abnewstoday
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สิงคโปร์สกัดและเนรเทศชาวอินโดฯ 4 คน เตรียมไปร่วมไอซิสในซีเรีย
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 24, 2016

    [​IMG]

    irna – เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ว่า ทางการสิงคโปร์ได้เนรเทศชายชาวอินโดนีเซีย 4 คน ซึ่งต้องสงสัยเป็นกลุ่มหัวรุนแรง กลับประเทศ หลังถูกจับกุมและสอบปากคำพบว่า ทั้ง 4 คนมีแผนจะเดินทางไปเข้าร่วมการสู้รบกับกลุ่มไอซิสที่ประเทศซีเรีย

    กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ ระบุว่า ชาวอินโดนีเซียทั้ง 4 คน ซึ่งรวมถึงเด็กชายวัย 15 ปี ถูกจับกุมเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.พ.) ขณะพยายามเดินทางเข้าสู่สิงคโปร์ จากรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดของอินโดนีเซีย และมีแผนจะเดินทางต่อไปยังประเทศซีเรีย เพื่อเข้าร่วมการสู้รบกับกลุ่มไอซิส และจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบว่า 1 ใน 4 คนเคยเดินทางไปและใช้เวลาอยู่ที่ซีเรียแล้ว

    เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ เผยว่า ได้ส่งตัวชายชาวอินโดนีเซียทั้ง 4 คน และก่อนการส่งตัวได้แจ้งให้ทางการอินโดนีเซียทราบก่อนแล้ว

    เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการสิงคโปร์ได้เนรเทศแรงงานก่อสร้างความบังกลาเทศ 27 คน กลับประเทศ ฐานเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบการก่อตั้งกลุ่มศึกษาศาสนา ซึ่งมีการเผยแพร่อุดมการณ์ของกลุ่มอัล-กออิดะห์ และกลุ่มไอซิส

    เจ้าหน้าที่ของสิงคโปร์ เชื่อว่า ภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นพื้นที่เอื้ออำนวยที่สุดในการก่อการร้ายของกลุ่มไอซิส เนื่องจากความล้มเหลวของผู้นำในภูมิภาคที่เป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการปฏิบัติการก่อการร้ายในนามของ “ศาสนา”


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    สิงคโปร์สกัดและเนรเทศชาวอินโดฯ 4 คน เตรียมไปร่วมไอซิสในซีเรีย | abnewstoday
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “เชคอัซฮัร” ชี้ ซุนนีและชีอะห์คือสองปีกของอิสลาม
    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 24, 2016

    [​IMG]

    เชค "อะห์มัด ฏ็อยยิบ"
    alalam – เชคอัซฮัร ชี้ ชีอะฮ์และอะฮฺลิซซุนนะฮ์คือสองปีกของอิสลาม และการสร้างความใกล้ชิดระหว่างทั้งสองเป็นสิ่งที่จำเป็น

    ดร. อะห์มัด เชคอัซฮัร ที่กำลังเยือนอินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้เตือนเกี่ยวกับความขัดแย้งต่างๆ ที่มีอยู่ในระหว่างนักวิชาการของประชาชาติอิสลาม ที่นำมาสู่ความอคติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดสุดโต่งและความคลั่งไคล้ในมัซฮับ (สำนักคิด)

    เชค “อะห์มัด ฏ็อยยิบ” ยังได้ชี้ถึงการดำเนินการต่างๆ ของคนบางกลุ่มที่จะบีบบังคับผู้อื่นให้ยอมรับในมัซฮับ (สำนักคิด) หนึ่งเป็นการเฉพาะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และย้ำว่า การกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่สงครามระหว่างมัซฮับ อิสลามยอมรับทุกมัซฮับของอิสลามโดยปราศจากอคติและความคลั่งไคล้ใดๆ

    เชค “อะห์มัด ฏ็อยยิบ” ขณะที่ใช้เวลาอยู่ร่วมกับคณะผู้แทนของนักวิชาการศาสนาแห่งมหาวิทยาอัลอัซฮัรในประเทศอินโดนีเซียนั้น ได้ย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า การสังหารมุสลิมทุกคนไม่ว่าจะเป็นซุนนีหรือชีอะฮ์ ถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) และได้เรียกร้องทุกคนให้หันกลับมาสู่วิญญาณของมรดกอิสลามที่เรียกร้องเชิญชวนไปสู่ความเมตตาและความสุภาพอ่อนโยน หลีกห่างจากความคลั่งไคล้และความสุดโต่ง

    เชค “อะห์มัด ฏ็อยยิบ” ยังได้ชี้ถึงการดำเนินการต่างๆ ของคนบางกลุ่มที่จะบีบบังคับผู้อื่นให้ยอมรับในมัซฮับ (สำนักคิด) หนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยกล่าวเสริมว่า : การกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่สงครามระหว่างมัซฮับ อิสลามยอมรับทุกมัซฮับของอิสลามโดยปราศจากอคติและความคลั่งไคล้ใดๆ

    เชคอัซฮัรถือว่าการ “ตักฟีร” หรือการกล่าวหาผู้ใดก็ตามที่ผินหน้าไปสู่ทิศกิบลัตในการนมาซว่าเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น เป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) และกล่าวว่า การตักฟีรนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างมาก และใครก็ตามไม่มีสิทธิ์ที่จะตักฟีรหรือกล่าวหาผู้อื่นว่า “ไม่ใช่มุสลิม”

    เชคอะห์มัด อัฏฏ็อยยิบ ยังได้เรียกร้องให้มีการพบปะพูดคุยกันระหว่างนักวิชาการของอัลอัซฮัรและนักวิชาการชาวชีอะฮ์

    เชคอะห์มัด ฏ็อยยิบ ได้เรียกร้องให้มีความสมานฉันท์และเอกภาพในหมู่นักวิชาการมุสลิม และย้ำว่า “เอกภาพ” (วะฮ์ดะฮ์) นั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีความคิดและความเชื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากว่าการมีความแตกต่างทางความคิดและความเชื่อนั้น เป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่งที่อิสลามยอมรับมัน

    เชคอัซฮัร ได้อธิบายว่า วิธีการสอนของคนบางกลุ่มนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่ความสุดโต่งและความรุนแรง โดยย้ำว่า ระบบการศึกษาบางระบบนั้น ได้ผลักไสนักเรียนและนักศึกษาไปสู่ประเด็นที่ว่า จะต้องปฏิบัติตามมัซฮับ (สำนักคิด) หนึ่งเดียวเป็นการเฉพาะ และถือว่ามัซฮับดังกล่าวเป็นเพียงมัซฮับเดียวที่ถูกต้อง


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    “เชคอัซฮัร” ชี้ ซุนนีและชีอะห์คือสองปีกของอิสลาม | abnewstoday
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    [​IMG]

    จะเป็นเรื่องง่ายที่จะเอาชนะ ISIS ถ้าตุรกีและซาอุดีอาระเบียไม่สนับสนุน - ที่ปรึกษาของอัสซาดบอกกับ RT เวลาที่เผยแพร่: 25 กุมภาพันธ์ 2016 00:27

    เงินและทรัพยากรไหลไปยังรัฐอิสลามมาจากจากผู้บงการในระดับภูมิภาค เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการต่อสู้กับการก่อการร้าย ที่ปรึกษาประธานาธิบดีของซีเรียได้บอกแก่ RT และได้บอกเพิ่มเติมว่าการเจรจาทางการเมืองยังได้รับการขัดขวางโดยกลุ่มต่อต้านที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐต่างประเทศ

    "เป็นเวลาห้าปีแล้ว พวกเขา [ฝ่ายค้านซีเรีย] ยังไม่สามารถที่จะจัดให้มีการเจรจาเนื่องจากแต่ละกลุ่มขึ้นตรงกับผู้ให้การสนับสนุน/การรับเงินสนับสนุนจากประเทศที่แตกต่างกัน พวกเขาไม่ได้ขัดแย้งเกี่ยวกับพรรคการเมืองหนึ่งในซีเรีย และพวกเขาได้เติบโตขึ้นจากประชากรซีเรีย นี่คือความขัดแย้งที่เดียวในโลก ที่เป็นตัวแทนของต่างประเทศ (บรรดากลุ่มกบฏทั้งหลาย) กับประเทศของตัวเอง ที่ปรึกษาทางการเมือง "บาชาร์ อัสซาด" Bouthaina Shaaban กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ RT

    การเจรจาโดยตรงระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาลจะจัดขึ้น "เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายค้านสามารถที่จะให้ความร่วมมือ และอยู่ที่โต๊ะเจรจา" เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะที่รัฐบาลพร้อมสำหรับการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามของ แต่ฝ่ายต่อต้านก็ได้ล้มเหลวในการจะเห็นด้วยกับคณะผู้แทนของตัวเอง (ตัวแทนจากกลุ่มกบฏต่างๆ)

    อ่านเพิ่มเติม: อัสซาดซีเรียเรียกร้องการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนเมษายน

    "เรากำลังทำงานอยู่ในประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ... เรากำลังต่อสู้กับการก่อการร้ายตามที่เราควรทำ และเรามีการเตรียมพร้อมในการใฝ่หาวิธีการแก้ปัญหาทางการเมืองใด ๆ " เธอกล่าวเพิ่มว่าทั้งในกองทัพซีเรียและอิรักกองทัพได้มี "ความพยายามจากพวกเขามาก ดีที่สุด "ที่จะเอาชนะรัฐอิสลาม (IS เดิม ISIS / ISIL)

    อย่างไรก็ตามการแทรกแซงของผู้บงการในบางภูมิภาคได้ขัดขวางความสำเร็จของกระบวนการดังกล่าว Shaaban กล่าวว่า

    "ถ้าไม่ใช่เพราะได้รับการสนับสนุน [กับกลุ่มก่อการร้าย] โดยบุคคลในระดับภูมิภาค - โดยเฉพาะประเทศตุรกีและซาอุดีอาระเบีย มันไม่เป็นเรื่องยากที่จะเอาชนะ ISIL แต่เงิน และทรัพยากรอำนวยความสะดวกที่มาจากประเทศเหล่านี้ก็คือ "เธอบอก RT รัฐอิสลาม "ไม่ได้อาศัยอยู่ในสูญญากาศ" เธอกล่าวบอกว่าการก่อการร้ายได้รับการสนับสนุน ไม่เพียง มาจากประเทศในภูมิภาคนี้ แต่ยัง "การสนับสนุนทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก."

    https://www.rt.com/news/333537-isis-turkey-saudi-support/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,670
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ช็อคโลก! สหรัฐฯส่งนักการเมืองระดับสูงไปดูงานและคำแนะนำจากคิวบาหลังจากพบว่าสถิติตัวเลขการรู้หนังสือของเด็กที่ยากจนและหิวอาหารมากที่สุดของสหรัฐฯต่ำกว่าคิวบา

    [​IMG]

    -------------

    วันที่ 25 ก.พ.59 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ว่าไงนะ? กรุงวอชิงตันขอบทเรียนเกี่ยวกับการรู้หนังสือจากกรุงฮาวานา" (Say What? Washington Looks to Havana for Lessons on Literacy) ชาวอเมริกันยังคงสับสนเนื่องจากไม่รู้ว่าทำไมเด็กๆที่ยากจนที่สุดและหิวอาหารมากที่สุดของสหรัฐฯถึงไม่สามารถอ่านออกเขียนได้ [ท่านโอบาม่าก็มึนตึ๊บเหมือนกันครับ - ผู้แปล]

    นาย Muriel Bowser นายกเทศมนตรีของกรุงวอชิงตันดีซี และนาง Kaya Henderson นายกเทศมนตรีโรงเรียนรัฐเขต Columbia ได้เดินทางไปเยือนกรุงฮาวานาเป็นเวลาห้าวันด้วยเงินภาษีของประชาชน ทั้งสองคนออกเดินทางไปยังเกาะเขตร้อนที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดวิธีการที่ประเทศที่มีความยากจนสามารถเสริมสร้างอัตราการรู้หนังสือได้ถึง 99.8% ในขณะที่อัตราการรู้หนังสือในเมืองหลวงของสหรัฐฯอยู่ที่ 64% เท่านั้น ตามรายงานจากหน่วยกระทรวงการศึกษาของสหรัฐฯเปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้

    [เอ่อ… ก็อยากจะถามท่านประธานาธิบดีของสหรัฐฯว่า "เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไรครับท่าน? จุดที่ประเทศมหาอำนาจทั้งด้านอาวุธและเศรษฐกิจและอวดอ้างว่าเป็นประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลก มีอัตราการอ่านออกเขียนได้ของประชากรของตนเองต่ำกว่าบางประเทศที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยและยากจนมากๆทั้งยังเคยถูกสหรัฐฯแซงชั่นยาวนานมาถึง 50 ปีด้วย?" - ผู้แปล]

    รายงานข่าวบอกว่า หลังจากเดินทางกลับมา นายกเทศมนตรี Bowser ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับว่าองค์ประกอบในระบบการศึกษาของคิวบาจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบการศึกษาของโรงเรียนที่มีปัญหาในเขตได้อย่างไร ซึ่งได้ใช้จ่ายงบประมาณมากกว่า $16,000 (ประมาณ 568,000 บาท) ต่อนักเรียนหนึ่งคน หรือมากถึง 67 เท่าของรายได้โดยเฉลี่ยทั้งปีของคนงานในประเทศคิวบา

    [เอาแบบอดีตรัฐบาลไทยบางรัฐบาลไหมครับครับท่านนายกเทศมนตรี แจกแท็บเล็ตไงครับ แต่ก็ไม่ได้ตัวชี้วัดว่าเด็กนักเรียนป.1 ของไทยฉลาดขึ้นหรือรู้หนังสือเพิ่มมากขึ้นนะครับ? แต่ที่แน่ๆก็คือเงินในกระเป๋าของพวกนักการเมืองในโครงการนี้คงจะเพิ่มขึ้นมากโขอยู่ - ผู้แปล]

    แม้ว่าจะมีความยากจนนานนับหลายสิบปี แต่ประเทศในคาบสมุทรแคริบเบียนก็สามารถเสริมสร้างอัตราการรู้หนังสือได้เกือบจะสมบูรณ์อย่างยาวนาน และยังได้สามารถขยายอัตราเฉลี่ยช่วงอายุขัยของประชาชนให้ยาวนานได้กว่าอัตราเฉลี่ยของสหรัฐฯได้อีกด้วย

    [ว้าวววว! อันนี้ไม่อยากจะสรุปว่า "ประชาธิปไตยทำให้คนอายุสั้นและโง่ลง คอมมิวนิสต์คิวบาทำให้มีเด็กรู้หนังสือเพิ่มมากขึ้นและอายุยืนขึ้น" หรอกนะครับ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้อ่ะ - ผู้แปล]

    ความสำเร็จทางด้านการศึกษาของคิวบา เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Fidel Castro อดีตผู้นำของคิวบาอยู่เสมอ หลังการปฏิวัตคอมมิวนิสต์ในปี 1959 ฟิเดล คาสโตร ได้เน้นย้ำถึงการขยายโอกาสทางด้านการศึกษาออกไปยังเขตชนบทที่ยากจนข้นแค้นเพื่อที่จะขจัดการไม่รู้หนังสือออกไป

    ในหนังสือของคาสโตรที่เขียนในปี 1993 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยากจนที่เขาได้เห็นด้วยตาของตัวเองในเขตชนบทของประเทศคิวบา และสะท้อนให้เห็นว่าคาสโตรมองว่าการศึกษาเป็นกัญแจสำคัญที่จะปลดล็อกโซ่ตรวนที่กดขี่ประชากรที่ยากจนได้อย่างไร

    ในช่วงเวลาสองปีที่ฟิเดล คาสโตรบริหารประเทศ คาสโตรได้ส่งนักการศึกษาวัยหนุ่มสาวหลายแสนคนออกไปยังเขตชนบท เพื่สร้างโรงเรียน และให้คำแนะนำแก่ประชาชน

    รัฐบาลคิวบาได้กำหนดให้การศึกษาเป็นความสำคัญอันดับแรก เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเป็นยารักษาความป่วยไข้ทางสังคมจำนวนมาก (…treats education as a priority, a right, and a solvent for many social ills) รัฐบาลคิวบาได้กำหนดงบประมาณด้านการศึกษาเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 10% ด้วยการเปรียบเทียบกันแล้ว สหรัฐฯใช้งบประมาณเพียง 2% ในงบประมาณด้านการศึกษาของตนเอง

    [ของไทยในปี 2559 อยู่ที่ 20.3% และจากการสำรวจสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปพบว่าไทยมีอัตราการรู้หนังสืออยู่ที่ 94.1% เป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน - ผู้แปล]

    แต่ไม่เหมือนสหรัฐฯ ซึ่งมาตรฐานด้านการศึกษาถูกกำหนดและบริหารในระดับรัฐ ท้องถิ่น และมักจะมีความลำเอียงสูง มาตรฐานด้านการศึกษาในคิวบาถูกกำหนดโดยระดับรัฐบาลกลางเท่านั้น

    บางทีสิ่งที่บอกได้มากที่สุดน่าจะเป็นการจัดการเงินทุนเพื่อการศึกษาของประชาชนซึ่งรัฐบาลคิวบาไม่ได้กำหนดให้ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่อยู่อาศัยหรือรหัสไปรษณีย์ของบุคคล ในทางตรงกันข้าม ในประเทศสหรัฐฯนั้น จำนวนของเงินทุนเพื่อโรงเรียนสาธารณะมีความแตกต่างในแต่ละรัฐ และมักจะโยงไปที่มูลค่าของทรัพย์สินอยู่บ่อยๆ ในหลายกรณีเด็กๆในชุมชนที่ยากจนได้รับเงินทุนทางด้านการศึกษาน้อยกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตที่มั่งคั่งด้วยภาษี

    ช่วงเวลาในโรงเรียนสำหรับเด็กคิวบามีความยากลำบากกว่าโรงเรียนอเมริกันมาก โดยเด็กนักเรียนคิวบาจะเรียนหนังสือตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม (7AM to 7PM) ปีการศึกษาหนึ่งมี 10 เดือน และมีเพียงแค่สองเดือนเท่านั้นที่ลดเวลาลงมาคือในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก โรงเรียนในคิวบาให้อาหารเช้าและอาหารกลางวัน ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับเด็กๆชาวอเมริกันที่ยากจน ซึ่งตกเป็นเหยื่อของการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายงัดข้อกันระหว่างรัฐบาลกลางกับสำนักงานของแต่ละรัฐเกี่ยวกับโครงการอาหารโรงเรียน เด็กๆเหล่านั้นจะไม่กระตือรือร้นที่จะเข้าห้องเรียน ในที่สุด ซึ่งไม่เหมือนโรงเรียนอเมริกัน โรงเรียนในคิวบาจะให้ชุดนักเรียนฟรีแก่เด็กนักเรียน

    [อึ้งเลยครับท่านโอบาม่า อเมริกาทำไม่ได้อย่างนี้ แต่อเมริกาเขาฉลาด ในโรงเรียนรัฐทั่วไปเด็กนักเรียนไม่ต้องสวมชุดนักเรียน ใส่ชุดทั่วไปก็เข้าไปนั่งเรียนในห้องเรียนได้ เป็นการประหยัดงบประมาณในส่วนนี้ โดยอ้างว่าเป็นเสรีภาพในการแต่งตัว การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและแย่งงบประมาณในการจัดการศึกษาแบบสหรัฐฯที่ล้มเหลวนี้ ได้มีพวกนักการเมืองไทยบางส่วนพยายามเลียนแบบโดยเสนอให้อบต.เป็นฝ่ายบริหารจัดการด้านการศึกษาท้องถิ่นเอง เจริญหละครับท่าน! - ผู้แปล]

    อาจกล่าวได้ว่าเกาะคอมมิวนิสต์ขนาดเล็กแห่งนี้ฟังดูเหมือนบางอย่างที่มาจากโพสต์แนวนวนิยายของแฟนคลับ Bernie Sanders ที่เสนอให้มีการเรียนฟรี โดยเริ่มต้นในโรงเรียนประถม และต่อไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ในอเมริกาผู้ที่ไม่ค่อยมีโชคจะรู้ว่ามีโอกาสน้อยมากจนถึงไม่มีเลยที่จะเข้ารับการศึกษาในระดับวิทยาลัย และมีแรงจูงใจน้อยที่จะขยันศึกษาเล่าเรียน

    เด็กคิวบารู้ว่าจะมีช่วงเวลาที่ลำบากมากขนาดไหนก็ตาม พวกเขาก็จะมีอาหารอยู่ในท้องของพวกเขาเสมอ และการศึกษาระดับวิทยาลัยก็กำลังรอคอยพวกเขาอยู่

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้ว่าฯ Bowser แห่งดีซี และนายกเทศมนตรี Henderson จะสามารถรวบรวมพื้นฐานเหล่านั้นได้บ้าง บางคนอาจจะกล่าวว่าเป็นบทเรียนระดับอนุบาล [อันนี้สื่อฯรัสเซียเหน็บได้แสบมาก - ผู้แปล] ระหว่างการเดินทางไปเที่ยวเขตร้อนอาบแดดบนชายหาดสวรรค์ก็ได้

    [เราถูกสหรัฐฯและตะวันตกสอนและชี้นำมาเป็นเวลานานว่า ประเทศคอมมิวนิสต์ล้าสมััย ด้อยพัฒนา โหดร้ายอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นจริงในบางส่วน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประเทศเหล่านั้นกลับมีการพัฒนาและปรับตัวเองขึ้นมาตามลำดับ ดูอย่างจีนเป็นตัวอย่างเศรษฐกิจของจีนใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ระบบการศึกษาของจีนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นทั่วโลก ตอนนี้แม้ว่าคิวบาจะดูว่าเป็นประเทศที่ยากจนประเทศหนึ่ง

    แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คิวบาถูกสหรัฐฯและตะวันตกปิดกั้นโอกาสด้วยการแซงชั่นทางเศรษฐกิจต่างๆไม่ให้ประชาชนของคิวบามีโอกาสพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็วต่างหาก แม้จะถูกสหรัฐฯกลั่นแกล้งต่างๆนานาถึง 50 ปี แต่คิวบาก็ไม่ได้งอมืองอเท้า และเห็นได้ชัดว่าการพัฒนาด้านการศึกษาแม้ว่าในภาพรวมจะไม่เจริญเท่าของสหรัฐฯ แต่อัตราการรู้หนังสืออ่านออกเขียนได้ของเด็กคิวบามีสูงกว่าเด็กอเมริกันเป็นจำนวนมาก

    หวังว่ารัฐบาลไทยในสมัยต่อไปที่จะมาจากการเลือกตั้งคงจะไม่ใช้นโยบายลดอัตราการไม่รู้หนังสือของเด็กนักเรียนลงด้วยการสั่งยุบโรงเรียนเหมือนกับที่บางรัฐบาลเคยทำมาแล้วอีกนะครับ - ผู้แปล]

    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    https://www.facebook.com/fisont
    https://vk.com/theeyesproject
    25/02/2559
    ----------
    Say What? Washington Looks to Havana for Lessons on Literacy
    http://library2.parliament.go.th/ebook/content-ebspa/pbo-report3-2558.pdf
    http://www.uasean.com/kerobow01/592
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กุมภาพันธ์ 2016

แชร์หน้านี้

Loading...