ติดตามสถานะการณ์

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc



FYI ~~~ >>> เคลื่อนไหวขั้วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา
fyi ~~~>>> Polar motion over recent year.

ที่ค่อนข้าง "ส่ายไปส่ายมา" แหม่มอีโมติคอ
that is quite a 'wobble' mam อีโมติคอน wink

 

จูเลียน อัสซานจ์ แฉ สหรัฐฯ กับ อิสราเอล วางแผนโค่นอัสซาดในปี 2006
ข้อมูลจากวิกิลีกส์เปิดเผยว่า ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติและสงครามกลางเมืองในซีเรีย สหรัฐฯ หวังที่จะโค่นล้มอัสซาด และสร้างความบาดหมางระหว่างมุสลิมซุนนีและชีอะฮ์ โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ย. 21, 2015



(ภาพ) ทหารอิสราเอลยืนอยู่บนรถหุ้มเกราะระหว่างการฝึกซ้อมในที่ราบสูงโกลันที่อิสราเอลยึดครอง ใกล้กับชายแดนซีเรีย เมื่อ 17 มิถุนายน 2015 กลุ่มกบฏซีเรียได้โจมตีระยะไกลต่อที่ตั้งของรัฐบาลซีเรียใกล้ที่ราบสูงโกลันเมื่อวันพุธ หลังจากการโจมตีทั้งในและรอบเมืองดามัสกัส ทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 33 คคคน กลุ่มกบฏโจมตีทางภาคใต้ของซีเรียมาตลอดสามเดือนที่ผ่า โดยยึดฐานทหาร หมู่บ้าน และจุดข้ามชายแดนติดกับจอร์แดน
ลอนดอน – จูเลียน อัสซานจ์ พูดจากสถานทูตเอกวาดอร์ในลอนดอน โดยเปิดเผยว่า สหรัฐฯ วางแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่ปี 2006 แล้ว หลายปีก่อนที่จะเริ่มเกิดวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน

ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ได้ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์เมื่อปี 2012 ซึ่งยังมีตำรวจชุดใหญ่ล้อมอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้อัสซานจ์ย่างเท้าออกไปข้างนอก ในการนี้ต้องใช้เงินภาษีเกิน 12 ล้านปอนด์แล้ว

การคุกคามต่อเสรีภาพของเขาไม่ได้ขัดขวางอัสซานจ์จากการทำงานของเขาต่อไป ในการเปิดเผยความลับสกปรกของรัฐบาลต่างๆ การเปิดเผยล่าสุดของเขามีขึ้นในการให้สัมภาษณ์กับ RT เกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ของเขาชื่อ “The WikiLeaks Files” ที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อเดือนที่แล้ว

สหรัฐฯ และพันธมิตรในตะวันออกกลาง ที่ประกอบด้วยตุรกีและอิสราเอล มักจะถูกกล่าวหาอยู่เป็นประจำว่าสนับสนุนให้เกิดความไร้เสถียรภาพที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรีย ในช่วงแรกที่เกิดการก่อจลาจลและต่อมากลายเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2011 แต่จากข้อมูลผ่านสายเคเบิลของวิกิลีกส์ ในบทที่กล่าวถึงซีเรียจากหนังสือของอัสซานจ์ แผนการที่จะก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในภูมิภาคนี้เกิดขึ้นย้อนหลังไปอย่างน้อยห้าปีก่อนหน้านั้น

“ในบทนั้น เป็นข้อมูลผ่านสายเคเบิ้ลจากวิลเลียม โรบั๊ค ทูตสหรัฐฯ ที่ประจำการอยู่ในดามัสกัส ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการหารือกันเกี่ยวกับแผนการที่จะโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรีย” RT รายงาน

ในการปรากฏตัวทางรายการ “Going Underground” ของ RT อัสซานจ์ได้แจงรายละเอียดเนื้อหาของการติดต่อผ่านสายเคเบิลครั้งนั้นว่า

“…แผนนั้นก็คือ การใช้ปัจจัยต่างๆ จำนวนมากเพื่อสร้างความหวาดระแวงขึ้นภายในรัฐบาลซีเรีย เพื่อผลักดันให้รัฐบาลแสดงปฏิกิริยาเกินเลย เพื่อทำให้มันกลัวว่าจะเกิดการรัฐประหาร…”

อัสซานจ์อธิบายต่อไปว่า รัฐบาลสหรัฐฯ หาทางที่จะทำให้รัฐบาลของอัสซาดเกิดความอ่อนแอ โดยทำให้อัสซาดแสดงปฏิกิริยาต่อภัยคุกคามจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ข้ามเข้ามาในประเทศของเขามากเกินไป

ข้อมูลทางเคเบิลครั้งนี้ยังให้รายละเอียดถึงแผนการที่จะสร้างความแตกแยกทางลัทธิความเชื่อขึ้นในภูมิภาคนี้ด้วย และทำให้อิหร่านดูเหมือนเป็นภัยคุกคามต่ออัสซาดมากกว่าที่มันเป็นจริงๆ อัสซานจ์กล่าวต่อไปว่า

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อใช้ข่าวลือที่รู้กันอยู่ว่าเป็นข่าวเท็จ… หรือใช้การพูดเกินจริงและส่งเสริมคำพูดเหล่านั้น ที่ว่าอิหร่านกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อของชาวซุนนีที่ยากจน และเพื่อทำงานร่วมกับซาอุดี้ฯ และอียิปต์เพื่อสนับสนุนความเข้าใจนั้น เพื่อทำให้อิหร่านแผ่อิทธิพลได้ยากขึ้น และเพื่อทำให้รัฐบาลแผ่อิทธิพลต่อประชากรได้ยากขึ้นด้วย”

ข้อมูลทางเคเบิลของวิกิลีกส์เปิดเผยว่า แผนการเหล่านี้มาจากรัฐบาลอิสราเอล และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มีความตั้งใจที่จะทำงานกับซาอุดิอารเบีย, ตุรกี, กาต้าร์ และอียิปต์ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเสียหายให้แก่รัฐบาลอัสซาด ซึ่งเป็นวิธีที่จะสร้างความอ่อนแอนให้กับอิหร่านและฮิซบุลลอฮ์ด้วย

“ถ้าซีเรียไร้เสถียรภาพ มันก็จะอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถเก็บที่ราบสูงโกลันไว้ได้ตลอดไป หรือแม้แต่รุกคืบเข้าไปในอาณาเขตนั้น” อัสซานจ์กล่าว

อัสซานจ์ระบุว่า ข้อมูลทางเคเบิลนั้นแสดงให้เห็นว่า วิกฤติการณ์ในซีเรียปัจจุบันสะท้อนถึงอิทธิพลของสหรัฐฯ ที่มีต่อตะวันออกกลางอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการที่มันใช้พันธมิตรของมันในการสร้างความกดดันต่อประเทศนี้ “ส่วนหนึ่งของปัญหาในซีเรียก็คือ คุณมีพันธมิตรของสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งล้อมรอบมันอยู่ ที่สำคัญคือซาอุดี้ฯ และกาต้าร์ ที่กำลังเป็นช่องทางลำเลียงอาวุธเข้าไป” อัสซานจ์ระบุเสริมว่า มันแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่สหรัฐฯ ใช้ฐานทัพ และเครือข่ายทางการทูตมากกว่า 100 แห่งของมัน เพื่อสร้างผลประโยชน์ในการแผ่อำนาจแบบจักรวรรดินิยมของมัน
สื่อกระแสหลักมักจะนำเสนอมุมมองในแบบง่ายๆ เกี่ยวกับวิกฤติการณ์ในซีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้มันเพื่อสนับสนุนสงคราม โดยไม่ใส่ใจต่อประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ และพันธมิตรที่ขัดแย้งกันอย่างมากมายที่มันมี

สัปดาห์ที่แล้ว มนาร์ มูฮาเวช ผู้ก่อตั้งสำนักข่าว MintPress News ได้พิมพ์เผยแพร่บทวิเคราะห์วิกฤติการณ์ผู้ลี้ภัยในปัจจุบันของเธอ ซึ่งก็ได้ตำหนิพันธมิตรตะวันตกอย่างตุรกี อิสราเอล และซาอุดิอารเบีย ว่าพยายามที่จะทำลายเสถียรภาพของซีเรียเพื่อต้องการที่จะควบคุมแหล่งทรัพยากรพลังงานของภูมิภาค

มูฮาเวชเขียนว่า “ปัจจุบัน ตะวันออกกลางกำลังถูกฉีกทึ้งออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยแผนการบิดเบือนเพื่อเข้าถึงน้ำมันและก๊าซ โดยหลอกล่อให้ประชาชนต่อสู้กันด้วยสาเหตุทางศาสนา” เธอเขียนต่อไปว่า “และในการผลักดันเพื่อพลังงานนี้ ผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุดก็คือประชาชน”

https://youtu.be/W3HWiydFlJc

Assange on 'US Empire', Assad govt overthrow plans & new book 'The WikiLeaks Files' (EXCLUSIVE)

โดย RT
เผยแพร่เมื่อ 9 ก.ย. 2015


Source : MintPress News | Independent, non-partisan journalism
by : Kit O’Connell


เอบีนิวส์ทูเดย์
abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

จูเลียน อัสซานจ์ แฉ สหรัฐฯ กับ อิสราเอล วางแผนโค่นอัสซาดในปี 2006 | abnewstoday

 

ยูเออี ถอนกองกำลังภาคพื้นดินออกจากเยเมนแล้ว
โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ย. 21, 2015



presstv – สำนักข่าว อาร์ ที รัสเซีย อ้างจากหนังสือพิมพ์ เมเดลอิสต์ อังกฤษ ว่า ประชาชนชาวเอมิเรสต์โกรธเคืองและไม่พอใจที่ทางการรัฐบาลส่งกองกำลังเข้าโจมตีเยเมนร่วมกับพันธมิตรชาติอาหรับภายใต้การนำของซาอุดิอาระเบีย

ตามรายงานดังกล่าว ระบุ ว่า ทางเอมิเรสต์ มีการบังคับบรรดาเยาวชนที่ไม่มีประสบการณ์ ส่งไปยังสนามรบในเยเมน
รายงานกล่าวเสริมว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ทางการเอมิเรสต์ จะไม่มีการส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าเยเมนอีกต่อไป
รายงานระบุว่า เอมิเรสต์ได้ส่งกองกำลังภาคพื้นดินยังเยเมน จำนวน 1500 นาย

เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กันยายน ทหารสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่เข้าร่วมกับซาอุดีอาระเบียในการโจมตีเยเมน ได้ เสียชีวิต 45 นาย และทหารบาห์เรนอีก 5 นาย ในการระเบิดของคลังอาวุธ ทำให้หนังสือพิมพ์ต่างๆในยูเออี พาดหัวข้อข่าวทุกฉบับว่า เป็น “ศุกร์ทมิฬ”

นับจากสถาปนา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ในปี 1971 ถือเป็นครั้งแรกของของยูเออี ที่ทหารของตนถูกฆ่าตายในสงครามมากที่สุดในประวัติศาสตร์

เอบีนิวส์ทูเดย์
abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่
ยูเออี ถอนกองกำลังภาคพื้นดินออกจากเยเมนแล้ว | abnewstoday

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

กำเนิดขบวนการก่อการร้ายไอซิส จาก RT America สื่อฯรัสเซียแฉให้คนอเมริการู้ว่าสหรัฐฯหนุนหลังไอซิสอย่างไรบ้าง (5 พ.ค.58)
----------------
https://www.youtube.com/watch?v=BuYwc20zwxQ

รัสเซียได้บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าได้ส่งทหารส่วนหนึ่งเข้าไปในซีเรียเอง เพื่อช่วยฝึกซ้อมให้กับกองทัพของซีเรีย อยู่ที่เมืองท่า Tartus ดูจากส่วนท้ายของคลิปก็เห็นว่าสถานที่เป็นท่าเรือ น่าจะเป็นการฝึกซ้อมให้ทหารท้องถิ่นมากกว่าการลงสนามจริง ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากฝั่งรัสเซียและรัฐบาลของซีเรียว่ารัสเซียได้ส่งทหารของตนร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับกองทัพของซีเรีย แต่ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลซีเรียก็ออกมาประกาศให้ยูเอ็นทราบอย่างเป็นทางการแล้วว่ารัสเซียมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะเข้้าไปปราบปรามการก่อการ้ายในซีเรีย ซึ่งทางรัสเซียก็บอกว่ารอคำร้องขอจากซีเรียอย่างเป็นทางการเท่านั้น ตามที่ได้รายงานข่่าวให้ทราบไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นนคลิปนี้น่าจะเป็นการฝึกมากกว่าการสู้รบจริง

https://www.youtube.com/watch?v=abYCDit1Cq0
https://www.youtube.com/watch?v=Ys5_ewp9L6I
https://www.youtube.com/watch?v=A7GpnGL92fI

 

ขอบคุณโพสต์คุณสุกิจครับ ข่าวต่างประเทศเร็วที่สุดในสยาม ช่วงเวลาแห่งการฆ่ากันเองที่มากมายที่สุดของชนชาติอาหรับ เพื่อลดจำนวนพลเมืองโลกของชาติตะวันตก จะตายอีกกี่ล้านจึงจะครบจำนวนที่เขาตั้งไว้นะ.

 

บ้านเมืองเหลือแต่ซากก็ยังรบกันต่อ ระวังบ้านเมืองเราใว้ให้ดี อยากให้เสื้อแดงเสื้อเหลืองได้รู้ได้เข้าใจจะได้เลยเกลียดกัน หันมาจับมือกันไว้แน่นๆ ยุคกันดารความมืดและสงครามกำลังย่างกลายเข้ามาบ้านเราแล้ว รักษาแผ่นดินนี้ไว้ให้ได้ด้วยความรักสามัคคีดีที่สุดครับ.

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

ลีลาการทูตของปูตินกับเนทันยาฮูแห่งอิสราเอล



-----------
เมื่อรัสเซียประกาศชัดเจนว่างานนี้จะไม่หลงคารมสหรัฐฯและไม่ยอมปล่อยให้ซีเรียกลายเป็นลิเบียสองอีกต่อไป เล่นเอาทำเนียบขาวต้องเป็นฝ่ายยื่นขอเจรจาก่อน ตามมาด้วยอิสราเอล งานนี้นายกรัฐมนตรีเบญจามิน บีบี้ เนทันยาฮูถึงกับรีบบินด่วนไปหาปูตินถึงกรุงมอสโคว์ทันที
วันที่ 21 ก.ย.58 สำนักข่าว Sputnik รายงานข่าวเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างผู้นำของสองประเทศ น่าสนใจมาก รายงานข่าวบอกว่านายกฯ Benjamin Netanyahu ผู้นำของอิสราเอลเข้าพบกับปธน.วลาดิมีร์ ปูติน นอกกรุงมอสโคว์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (เอ๊ะทำไมถึงไปคุยกันที่กรุงมอสโคว์เลยนะ หรือว่าบีบี้กลัวจะถูกรัสเซียจับเป็นตัวประกันหรือไง? คริๆ เอ๊ะหรือว่ารัสเซียบอกว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้เข้าประตูกรุงมอสโคว์นะ คริๆ)
บีบี้กล่าวระหว่างการประชุมหารือกับปูตินนอกกรุงมอสโคว์ว่า "มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่จะต้องเดินทางมาที่นี่เพื่ออธิบายจุดยืนของพวกเราและทำทุกอย่างเพื่อไม่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวภูมิภาคของเราหรือของคุณ" (พูดให้ชัดก็คือว่าอิสราเอลไม่ต้องการจะมีความขัดแย้งกับรัสเซีย ดังนั้นจึงต้องรีบเข้ามาเคลียร์กับปูตินซะก่อน)
เนทันยาฮูเน้นย้ำข้อเท็จจริงว่า "แม้ว่ารัสเซียและอิสราเอลจะไม่ได้เห็นพ้องต้องกัน (see eye to eye) (ไปซะทุกเรื่อง) แต่ทั้งสองประเทศก็ยังคงสามารถที่จะเคารพซึ่งกันและกันได้" (นั่น… อิสรากำลังจะบอกว่าแม้ว่าอิสราจะไม่ชอบใจที่รัสเซียสนับสนุนอิหร่านและซีเรีย แต่อิสราเอลก็ไม่กล้าที่จะงัดกับรัสเซียนะ มันเสี่ยงเกินไป)
งานนี้ปูตินปล่อยให้บีบี้ออกหมัดก่อน ดูว่าจะมาไม้ไหน บีบี้พูดกับปูตินว่า "ในการติดต่อกันทั้งหมดระหว่างพวกเรานี้ แม้ว่าพวกเราจะเราเห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง หรือเมื่อพวกเราไม่ได้เห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่งเลย การเจรจาระหว่างพวกเราก็ยังคงมีบรรยากาศของการให้ความเคารพกันอยู่เสมอ และผมก็มั่นใจว่าครั้งนี้ก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนเดิมอีก"
และปูตินก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจของบีบี้ โดยกล่าวตอบไปว่า "และนั่นแหละคือสิ่งที่มันควรจะเป็น ท่านมิสเตอร์นายกรัฐมนตรีที่นับถือของผม (อ้าวก็บีบี้บอกว่าให้เคารพกัน ปูตินก็แสดงความเคารพต่อบีบี้ว่า "ท่านมิสเตอร์นายกรัฐมนตรีที่นับถือของผม" ซะเลย คริๆ เริ่มหนุกหละ) และท่านก็ไม่ควรจะมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนั้นเช่นกัน" (ถ้าท่านเคารพผม ผมก็จะเคารพท่านว่างั้นเถอะ แล้วทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าเคารพหละ? อ้าวจะไปยากอะไร อิสราเอลก็ถอนตัวออกจากวิกฤตซีเรียซะสิ ไม่งั้นก็เท่ากับว่าอิสราเอลไม่เคารพต่อรัสเซีย แล้วจะให้รัสเซียเคารพต่ออิสราเอลได้อย่างไร?)
นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้แสดงทัศนคติของเขาว่า "อิหร่าน (นั่นเริ่มเข้าเรื่องหละ) กำลังหนุนหลังกองทัพซีเรีย (ปูตินก็รู้ว่าบีบี้หมายถึงรัสเซียนี่แหละ เพราะทั้งอิหร่านและรัสเซียต่างก็หนุนซีเรียเต็มที่) และพยายามที่สร้างแนวรบผู้ก่อการร้ายชุดที่สองขึ้นมา (a second terrorist front) เพื่อต่อต้านอิสราเอลในจังหวัด Golan Heights (มีพรมแดนติดกับอิสราเอล พื้นที่บางส่วนอยู่ในการควบคุมของอิสราเอล บางส่วนอยู่ในการควบคุมของซีเรีย) และมันเป็นเรื่องสำคัญที่อาวุธทั้งหลายจะไม่ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรงเฮชบอลเลาะห์" (นี่คือข้ออ้างหรือเหตุผลหรือความหวาดระแวงของอิสราเอล ที่อัดอั้นมานาน และพยายามบอกว่ารัสเซียไม่ควรสนับสนุนอาวุธให้อิหร่านหรือกลุ่มเฮชบอลเลาะห์นะ เพราะบีบี้ไม่ชอบ แต่บีบี้มีอาวุธตุนไว้เพียบเลย คลังแสงขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของอเมริกาก็อยู่ในอิสราเอลนี่แหละ)
บีบี้กล่าวต่อีกว่า "นโยบายของพวกเราก็คือทำทุกอย่างเพื่อหยุดการส่งมอบอาวุธไปให้กลุ่มเอชบอลเลาะห์ และทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อหยุดการเปิดแนวรบชุดที่สองต่อต้านเราใน Golan Heights" (ชัดเจนเลยแบบนี้ แม้อิสราเลจะไม่พูดตรงๆว่าพวกเอชบอลเลาะห์เป็นผู้ก่อการร้ายและแนวรบชั้นที่สอง แต่ก็ไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นไปได้ และที่ชัดเจนอีกก็คืออิสราเอลประกาศเลยว่าจะขัดขวางการส่งมอบอาวุธไปให้กลุ่มเอชบอลเลาะห์ทำวิถีทาง ก็เท่ากับบอกว่าจะขัดขวางรัสเซียที่จะยื่นมือเข้าไปในตะวันออกลางโดยเฉพาะในซีเรียนะสิ นี่กล้ามากเลยนะที่มาขู่ปูตินถึงนอกกรุงมอสโคว์ขนาดนี้หนะ)
เพื่อเป็นการรักษาน้ำใจบีบี้ ปูตินก็ให้ความมั่นใจกับบีบี้ว่า "ในส่วนที่เกี่ยวกับซีเรียนั้น พวกเราทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่ากองทัพซีเรียและประเทศซีเรียเองนั้นไม่มีทางที่จะเปิดแนวรบชุดที่สอง (second front) ขึ้นมา เนื่องจากพวกเขาต้องการจะรักษาสถานะความเป็นประเทศของพวกเขาเอาไว้" (นี่ปูตินพูดแทนซีเรียหมดเลย และที่สำคัญก็คือปูตินใช้คำว่า "second front" ที่แปลว่าแนวรบชุดที่สองเท่านั้น ไม่ได้มีคำว่า "ผู้ก่อการร้าย" รวมอยู่ด้วยอย่างที่บีบี้พยายามกล่าวหาอิหร่านเลย อีกจุดหนึ่งปูตินกำลังบอกบีบี้ว่าซีเรียไม่ได้รุกรานใคร ซีเรียแค่ป้องกันตัวเอง แต่ฝ่ายที่ส่งเครื่องบินรบเข้าไปซีเรียนั้นก็มีอิสราเอลรวมอยู่ด้วย อันนี้เรียกว่าอะไร?)
สื่อฯรัสเซียเน้นย้ำว่า กรุงมอสโคว์ได้พยายามที่จะยุติความขัดแย้งต่างๆในตะวันออกกลาง ปูตินให้สติกับบีบี้ว่า "พวกไม่เคยลืมว่า มีผู้อพยพจำนวนมากจากอดีตสหภาพโซเวียตไปอาศัยอยู่ในอิสราเอล ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างพวกเรา (รัสเซียกับอิสราเอล) การดำเนินการทั้งหมดของรัสเซียในภูมิภาคนี้ได้มีและจะมีความรับผิดชอบมากๆ"
ประธานธิบดีของรัสเซียได้แสดงความเข้าใจต่อความกังวลของอิสราเอล และว่าปูตินรู้สึกยินดีที่เนทันยาฮูได้มาเยี่ยมกรุงมอสโคว์ (แม้จะอยู่ข้างนอกก็ตาม)
รายงานข่าวบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เนทันยาฮูได้พบกับประธานาธิบดีของรัสเซียตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2013 ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้คัดค้านข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน หรืออย่างน้อยที่สุดก็กระชับเงื่อนไข
วันก่อนทางญี่ปุ่นก็รีบส่งรมว.ต่างประเทศของตมายังรัสเซียเพื่อเจรจากข้อขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซียและสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับหมู่เกาะคูริล โดยก่อนหน้านี้ปูตินมีแผนจะเดินทางไปเยือนกรุงโตเกียวอยู่แล้ว แต่เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งในยูเครนตะวันออกขึ้นมาซะก่อน ดังนั้นจึงระงับการเยือนญี่ปุ่นเอาไว้ พอญี่ปุ่นรู้ข่าวว่าทางผู้นำรัสเซียจะเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการ ญี่ปุ่นก็รีบจ้อหน้าสื่อฯทันทีว่าจะหยิบเรื่องข้อพิพาทระหว่างสองประเทศขึ้นมาคุยกัน รัสเซียก็แสดงท่าทีว่างั้นก็ผลัดเรื่องนี้ออกไปก่อนละกัน ต่อมานายกรัฐมนตรีดิมิทรี เมดเวเดฟ ก็ได้เดินทางไปเยือนหมู่เกาะคูริล ซึ่งมีฐานทัพของรัสเซียประจำการอยู่แล้ว และบอกว่าจะเสริมอาวุธและกองทัพเข้าไปเพิ่ม ส่วนญี่ปุ่นก็ออกมาประท้วงการเยือนภูมิภาคนั้นของนายกฯรัสเซีย
ไม่นานนักรัสเซียก็จัดให้ซ้อมรบขึ้นที่นั่นซะเลย ค่อนข้างอลังการเลยหละ หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถส่งทหารออกไปปฏิบัติการนอกประเทศได้ ทางญี่ปุ่นก็ส่งรมว.ต่างประเทศเข้ามาเจรจากับรัสเซีย เพื่อเปิดทางไปสู่การไปเยือนกรุงโตเกียวของผู้นำรัสเซียอย่างเป็นทางการ พักนี้ก็เลยเห็นข่าวผู้นำประเทศต่างๆ ต่างก็พากันวิ่งเข้าหารัสเซียเพื่อขอเจรจากันกับรัสเซียมากเป็นพิเศษ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
22/09/2558

ภาพจาก © AFP 2015/ IVAN SEKRETAREV / POOL

---------
Russia and Israel May Disagree, but Always Respect One Another – Netanyahu
Visit to Russia Signifies Revival of Dialogue on Peace Treaty - Japan FM
Russia, Japan Agree to Consult on Non-Proliferation in Middle East - Lavrov
Japan’s FM Hopes to Discuss Resumption of Talks on Peace Treaty With Russia
Farewell to Pacifism: Japan Passes Bill Allowing Troops to Fight Abroad

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

อัยย๊ะ! สำนักข่าวอิหร่านรายงานว่าเจ้าชายดูไบลูชายนายกฯและรองปธน.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สิ้นพระชนม์เพราะถูกโจมตีในจังหวัด Ma'rib ในเยเมนไม่ใช่เพราะหัวใจวาย



-----------
ไหงเป็นงั้นอ่ะ?... วันที่ 19 ก.ย.58 สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่าเจ้าชาย Sheikh Rashid โอรสของผู้ปกครองนครดูไบประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์สิ้นพระชนม์เนื่องจากหัวใจวาย
แต่วันที่ 21 ก.ย.58 สำนักข่าว FARS ของอิหร่านกลับรายงานข่่าวว่าสำนักข่าว Yemeni Press อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า "เจ้าชาย Sheikh Rashid และกองทัพยูเออีจำนวนหนึี่งถูกสังหารจากการโจมตีโดยกองกำลังของเยเมนในเมือง Katyusha จังหวัด Ma'rib และรายงานข่าวเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ว่ามีสาเหตุมาจากหัวใจวายนั้น เป็นเพียงต้องการหลอกลวงประชาชนชาวเอมริเรตส์ที่ออกมาเรียกร้องให้กองทัพยูเออีถอนกำลังออกจากเยเมนเท่านั้น"
เว็บไซต์ของสำนักข่าวในประเทศ UAE หลายแห่งได้อ้างว่าเจ้าชาย Sheikh Rashid สิ้นพระชนม์เพราะอาการหัวใจวาย แต่ในขณะเดียวกันเว็บไซต์ของสำนักข่าว Al-Ain ภาษาอาหรับได้อ้างคำพูดของบุคคลใกล้ชิด Ansarullah (คณะปฏิวัติเยเมน) ซึ่งยืนยันว่าเจ้าชาย Sheikh Rashid สิ้นพระชนม์เพราะถูกสังหารในจังหวัด Ma'rib ต่างหาก Sheikh Rashid เป็นลูกชายคนโตของ Sheikh Mohammed และ Sheikh Hamdan ซึ่งเป็นน้องชายของ Rashid เป็นมกุฏราชกุมารของดูไบ
วันที่ 21 ก.ย.58 สำนักข่าว FARS รายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กองทัพเยเมนได้ยิงเครื่องบินเฮลิค็อปเตอร์ Apache ของซาอุดิอาระเบียตกด้วยขีปนาวุธ ในพื้นที่ al-Safer ใกล้กับจังหวัด Ma'rib ของเยเมน และก่อนหน้านี้ในวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมากองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของเยเมนก็ได้ยิงฮ. Apache ตกไปหนึ่งลำด้วย ในจังหวัด Ma'rib และเมื่อต้นเดือนนี้เองกองทัพของเยเมนและกลุ่มฮูติก็ได้ยิงฮ. Apache ของกองทัพยูเออีตกไปหนึ่งลำด้วยขีปนาวุธจากภาคพื้นสู่อากาศในภูมิภาค Al-Sa'fer ทางตะวันออกของเยเมน วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ฮ.จู่โจม Apache ของซาอุดิอาระเบียก็ถูกกองทัพและนักรบฮูติสอยไปหนึ่งลำในเขตจังหวัด Jizan ทางใต้ของซาอุดิอาระเบีย
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
22/09/2558

ภาพจาก Farsnews

---------
Farsnews
http://news.yahoo.com/sheikh-rashid-son-dubais-ruler-dies-h…
PressTV-Yemenis shoot down Saudi Apache copter
Farsnews

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

รัสเซียยอมรับว่ามีชาวรัสเซียไม่น้อยกว่า 2,000 คนเข้าร่วมในขบวนการผู้ก่อการร้ายไอซิส แต่สื่อฯบางสำนักบอกว่า "ปัจจุบันมีทหารรัสเซียถึง 2,400 นายกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)" คงไม่ได้ตั้งใจกล่าวหารัสเซียหรอกใช่ไหมครับ?



-----------
วันนี้จะนำข่าว 3 ข่าวมาเปรียบเทียบกันให้ดูนะครับ.... วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ชาวรัสเซียจำนวน 2,000 คนได้เข้าไปในอิรัค, ซีเรีย รวมทั้งเข้าร่วมกับพวกไอซิสด้วย" (2,000 Russians Gone to Iraq, Syria Including to Join ISIL)
รางานข่าวบอกว่านาย Igor Barinov ประธานองค์กรกิจการกลุ่มชาติพันธุ์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (Federal Agency for Ethnic Affairs) ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Kommersant ว่า มีชาวรัสเซียจำนวนประมาณ 2,000 คนเดินทางออกจากประเทศรัสเซียเพื่อเข้าร่วมองค์กรก่อร้ายไอซิสหัวรุนแรงในซีเรียและอิรัค
นาย Igor Barinov กล่าวเพิ่มเติมว่าองค์กรกิจการกลุ่มชาติพันธุ์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย กำลังร่วมมือกับฝ่ายกิจการพิเศษของรัสเซียเพื่อสร้างระบบที่มีเอกภาพซึ่งจะสามารถวิเคราะห์เว็บไซต์และสื่อฯเพื่อตรวจจับ propaganda ของพวกหัวรุนแรงและกลุ่มก่อการร้าย และบล็อคทรัพยากรทางอินเตอร์เน็ทในภายหลังซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่เป็นอันตรายด้วย (ฮึ่ม อันนี้ไทยควรจะเอามาใช้บ้างก็ดีนะครับ)
นาย Igor Barinov กล่าวว่า "แน่นอนว่าพวกเราพร้อมที่จะร่วมมือกับพวกเขา (ชุมชนมุสลิมในรัสเซีย) มากเท่าที่จำเป็น ซึ่งรวมทั้งในสิ่งที่เกี่ยวกับการเตรียมการ และการอบรมบุคคลากรทางศาสนาสำหรับผู้ที่ต้องการมีความสามารถยืนหยัดต่อสู้กับพวกสร้างโฆษณาชวนเชื่อในความเชื่อผิดทั้งด้านจิตใจและจิตวิญญาณของศาสนิกวัยรุ่นได้"
และ Alexander Bortnikov ผอ.ของหน่วย FSB (KGB เก่า) ของรัสเซียกล่าวว่าปัจจุบันนี้มีพลเมืองจากประเทศต่างๆมากว่า 100 ประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและองค์กรก่อการร้ายก็ได้เปรียบในการสร้าง propadanda ด้วย
วันที่ 18 ก.ย.58 สำนักข่าวรอยเตอร์สพาดหัวข่าวว่า "กรุงมอสโคว์กล่าวว่ามีชาวรัสเซียประมาณ 2,400 คนต่อสู้ร่วมกับผู้ก่อการร้ายไอซิส : สำนักข่าว RIA" (Moscow says about 2,400 Russians fighting with Islamic State: RIA)
รายงานข่าวจากรอยเตอร์สบอกว่า มีชาวรัสเซียประมาณ 2,400 คนกำลังต่อสู้ร่วมกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (Islamic State militants - ผู้ก่อการร้ายไอซิส) นาย Sergei Smirnov รองผอ.สำนักความมั่นคงแห่งชาติ (Federal Security) ของรัสเซียกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (สังเกตให้ดี รองผอ.สำนักความมั่นคงแห่งชาติ ใช้คำว่า "About 2,400 Russian nationals" และรอยเตอร์สก็ใช้คำนี้ด้วย ไม่ได้ใช้คำว่า "ทหาร" หรือคำว่า "กองทัพ" ของรัสเซีย หมายถึงคนธรรมดาสามัญทั่วไปที่ถือสัญชาติรัสเซียแต่เข้าไปร่วมแก๊งเดียวกันกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสในตะวันออกกลาง เน้นว่าเป็นบุคคลทั่วไป ไม่ใช่ทหาร!)
และรอยเตอร์สก็อ้างข่าวจาก RIA ของรัสเซียโดยอ้างคำพูดของ Sergei Smirnov ว่ามีบุคคลจาก (กลุ่มประเทศใน) เอเซียกลางประมาณ 3,000 คนเข้าร่วมในกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสด้วยเช่นกัน
นาย Sergei Smirnov กล่าวกับผู้สื่อฯข่าวว่า ปัญหาเกี่ยวกับผู้อพยพที่หนีออกจากตะวันออกกลางเข้าไปยังยุโรปดูเหมือนว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น และอาจจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อรัสเซียด้วย
Sergei Smirnov กล่าวว่า "การยืนยันว่าการสนับสนุนของกรุงมอสโคว์ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในซีเรียในแง่ลบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้มีการไหลทะลักของผู้อพยพนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสในภูมิภาค"
Sergei Smirnov พูดพาดพิงถึงสหรัฐฯว่า "มีบางประเทศที่พยายามจะหลีกเลี่ยงความร่วมมือกับนานาชาติในการต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย มีความร่วมมือกันบ้าง แต่ไม่ใช่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศสหรัฐฯอเมริกา "
วันที่ 18 ก.ย.58 ASTV ผู้จัดการออนไลน์ พาดหัวข่าวว่า "สนง.ความมั่นคงหมีขาวเผยมีทหารรัสเซีย 2,400 นายกำลังต่อสู้กลุ่มไอเอส" (กรรม! RIA และรอยเตอร์สไม่ได้บอกว่า "มีทหารรัสเซีย..." เขาบอกแค่ว่ามีชาวรัสเซียเท่านั้น แล้วคุณไปเอาคำว่า "ทหาร" มาจากไหนไม่ทราบ?)
แล้ว ASTVผู้จัดการออนไลน์ เอาข่าวมาจากไหน? ย่อหน้าแรกของข่าวนี้บอกว่า "รอยเตอร์ – สำนักข่าวอาร์ไอเอของรัสเซียอ้างคำพูด เซียร์เก สมีร์นอฟ รองผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งระบุว่า ปัจจุบันมีทหารรัสเซียถึง 2,400 นายกำลังต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)" (อ้าว! ก็เอามาจากรอยเตอร์สนี่เอง แต่ทำไมพอแปลเป็นภาษาไทยแล้วกลายเป็นว่า "มีทหารรัสเซียถึง 2,400 นาย… " ซะงั้นหละนี่? เอ๊ะหรือว่าเราแปลผิด? งงครับท่าน!)
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
21/09/2558

ภาพจาก © AP Photo/ Jake Simkin

---------
2,000 Russians Gone to Iraq, Syria Including to Join ISIL
Moscow says about 2,400 Russians fighting with Islamic State: RIA | Reuters
ʹ

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

"ชาวมุสลิมไม่สามารถลงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯได้" Ben Carson ผู้สมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน (GOP) กล่าว (เป็นไงประเทศประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลกที่บอกว่าทุกคนมีสิทธิ์และเสรีภาพเท่าเทียมกัน พลเมืองอเมริกันทุกคนมีสิทธิ์เป็นประธานาธิบดีของอเมริกาได้นี่นะ ยังมีคนคิดแบบนี้อยู่อีกรึ?)



-----------
วันนี้ (21 ก.ย.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียอ้างรายงานข่าวจากสำนักข่าว NBC News ของสหรัฐฯเองนั่นแหละโดยรายงานว่า นาย Ben Carson หนึ่งในผู้สมัครชิงตัวแทนเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกันได้ทำให้ประชาชนของเขาเกิดความสับสนฟั่นเฟือนโดยการประกาศต่อสาธารณชนว่า เขาจะไม่รับรองชาวมุสลิมในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากเขากล่าวว่ามุสลิมเข้ากันไม่ได้กับรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ (he would not endorse a Muslim as President of the United States, as he claims that Islam is not compatible with the US constitution กรรม! ที่นำเสนอข่าวนี้ไม่ใช่ว่าผู้แปลข่าวเห็นด้วยกับแนวความคิดของนาย Ben Carson นะครับ แต่ต้องการให้เห็นว่า ขนาดคนที่ลงสมัครแข่งขันเป็นผู้นำของประเทศที่อ้างว่ามีเสรีภาพมากที่สุดในโลกแล้ออกมาเรียกร้องเรื่องความยุติธรรมและต่อต้านการเหยียดผิวระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวสีในสหรัฐฯก็ยังคิดอย่างนี้และพูดอย่างนี้เลย ก็เป็นคำถามว่าในประเทศสหรัฐฯนั้นมีเสรีภาพตามคำโฆษณาของเขาจริงๆหรือ?)
นาย Ben Carson ได้ในรายงาน Meet the Press ของสำนักข่าว NBC Newsว่า เขา "จะไม่สนับสนุนว่าพวกเราจะให้คนมุสลิมเข้ามาดูแลประเทศนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นอย่างเต็มที่" สำหรับเหตุผลในมุมมองของศัลยแพทย์ทางสมองที่ปลดเกษียณแล้วก็คือ เขากล่าวอ้างว่าข้อเท็จจริงก็คือว่าความเชื่อบางอย่างไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ (ถ้ายึดรัฐธรรมนูยเป็นหลัก งั้นสหรัฐฯก็ควรที่จะเคารพในอธิปไตยและรัฐธรรมนูญของประเทศอื่นด้วย อย่างได้เที่ยวไปเสี้ยมหรือสนับสนุนปลุกระดมให้ประชาชนในหลายๆประเทศทั่วโลกไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านั้น และก็ไม่ต้องอ้างเรื่องประชาธิปไตยบังหน้าอีก เพราะว่าพิสูจน์ได้ระดับหนึ่งแล้วว่าคนอเมริกันบางคนไม่ได้ส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียมและเสรีภาพตามหลักการของประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย)
นาย Ben Carson พยายามที่แก้ตัวและกล่อมผู้ฟังอีกว่า "ผมเดาว่ามันขึ้นอยู่กับความเชื่อ (ศัทธา) นั้นคืออะไร ถ้าความศัทธานั้นไม่สอดคล้องกับคุณค่าและหลักการของอเมริกา ดังนั้น แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเรื่อง แต่ถ้าหากว่าความศัทธานั้นเข้ากันได้กับอาณาจักรของอเมริกาและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีปัญหาอะไร" (โดยปรกติแล้วคนที่อพยพเข้าไปอยู่ในอเมริกาเขาก็ปฏิบัติตามกฏหมายของอเมริกาอยู่แล้วนี่ จะพูดขึ้นมาทำไม? ไม่มีอะไรมาก ตอนนี้กำลังมีแก๊งพิทักษ์รัฐธรรมนูญที่ถืออาวุธขึ้นมาอ้างว่าพร้อมที่จะล้มรัฐบาลของพวกเขาหากประธานาธิบดีและรัฐบาลของพวกเขาละเมิดรัฐธรรมนูญ พวกเขาเลือกรัฐธรรมนูญมากกว่ารัฐบาลและผู้นำ กลุ่มที่เคลื่อนไหวนี้ก็เป็นหัวคะแนนของพรรครีพับลิกันนี่แหละ เพื่อที่จะเบี่ยงความสนใจออกจากความน่าอัปยศนี้ จึงโยนไปให้ชาวมุสลิมซะงั้น)
ส่วนนาย Ibrahim Hooper โฆษกสภาความสัมพันธ์อเมริกันกับอิสลาม (CAIR) ออกมากล่าวว่า "เขาล้ำเส้นเกินไปแล้ว และเขาควรจะถอนตัวออกไปซะ" ส่วนนาย Nihad Awad ผอ.ของ CAIR กล่าวว่า "เขาขาดคุณสมบัติที่จะเป็นประธานาธิบดี คำแนะนำของผมต่อผู้สมัครเป็นประธานาธิบดีจากพรรค GOP ก็คือ: ไปอ่านรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ ถ้าหากคุณยังไม่ได้อ่าน! มันทำให้อเมริกายิ่งใหญ่"
ส.ส. Keith Ellison ซึ่งเป็นชาวมุสลิมคนแรกที่ได้คัดเลือกเข้าไปนั่งในสภาคองเกรสกล่าวว่า "ชาวอเมริกันทุกคนอาจจะถูกรบกวนทำให้ไม่สบายใจได้ว่า ภาพลักษณ์เหล่านี้ของประเทศได้มีส่วนร่วมในการกระทำที่โอ้อวดเรื่องความอดทนอดกลั้นที่เห็นได้ชัดในเรื่องการคลั่งศาสนา มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะจินตนาการได้ว่า ผู้สมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดีจากพรรค GOP แถวหน้าจะหันไปนิยมการสร้างความหวาดกลัวเพียงเพื่อหวังผลในแคมเปญจ์ของพวกเขา"
ส่วนวุฒิสมาชิก Bernie Sander ผู้สมัครจากพรรดีโมแครทกล่าวว่า เขารู้สึกผิดหวังในตัวนาย Carson พวกเราได้ใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมากเพื่อเอาชนะอคติต่อต้านการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เป็นแคธอริกหรือแอฟริกัน-อเมริกัน ผู้สมัครควรจะถูกเลือกให้มาเป็นรัฐบาลโดยขึ้นอยู่กับแนวความคิดของเขา ไม่ใช่ศาสนา หรือผิวสี
ก็เป็นอันว่างานนี้นาย Ben Carson ถูกรุมยำเละ ปลาหมอตายเพราะปาก เป็นถึงด็อกเตอร์ด้านสมองก็ใช่ว่าจะมีความเป็นเลิศในการเลือกใช้คำพูดที่ฉลาดเสมอไปหรอกนะ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
21/09/2558

ภาพจาก © Chris Keane / Reuters

---------
Muslim can't be elected US president, says GOP candidate Carson — RT USA

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
ฝรั่งเศสสั่งปิดหอไอเฟลกลัวก่อเหตุร้าย!



-----------
วันนี้ (21 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝรั่งเศสได้ปิดหอไอเฟล (Eiffel Tower) ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมในวันอาทิตย์ หลังจากมีพยานแจ้งว่าเห็นชายสามคนสบายเป้อยู่ใกล้ๆกับเสาหอไอเฟล (รายงานข่าวไม่ได้บอกว่าคนหนึ่งหน้าตาเหมือนโอบามา คนหนึ่งหน้าตาคล้ายออลลองด์ และอีกคนหนึ่งหน้าตาคล้ายคาเมรอน คริๆ)
รายงานข่าวบอกว่ามีผู้พบเห็นชายสามคนมีเป้สะพายหลังขนาดใหญ่อยู่ใกล้กับหอไอเฟล ตำรวจหาผู้ต้องสงสัยไม่พบ จึงตัดสินใจสั่งปิดหอไอเฟลเป็นเวลาหลายชั่วโมง
หนังสือพิมพ์ Le Figaro ของฝรั่งเศสรายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวจากตำรวจว่า "มีความเป็นไปได้เป็นอย่างมากว่าผู้ต้องสงสัยได้หลบหนีไปโดยการกระโดดร่มชูชีพในตอนเช้า ก่อนที่ทีมรักษาความปลอดภัยจะเดินทางไปถึง" (กรรม!)
สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นหลังจากที่รปภ.พบว่ามีชายสามคนกำลังปีนโครงสร้างหอไอเฟลผ่านกล้องวงจรปิด ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหอไอเฟลได้เข้าตรวจค้นบริเวณหอไอเฟลอย่างเป็นระบบ โดยใช้ทีงานสุนัขตำรวจที่ฝึกมาให้ดมหาวัตถุระเบิด แต่ก็ไม่พบวี่แววของผู้บุกรุก
ในที่สุดทางหอไอเฟลก็กลับมาเปิดให้บริการอีครั้งในเวลา 1.30 p.m. ตามทฤษฎีของตำรวจต่อแรงจูงใจของกลุ่มบุคคลผู้ต้องสงสัยมีความเป็นไปได้ในความพยายามก่อเหตุโจมตีจากผู้ก่อการร้าย หรือไม่ก็ผู้บุกรุกเป็นพวกที่ชื่นชอบกีฬาบ้าบิ่นเสี่ยงตายที่ต้องการจะกระโดดจากหอไอเฟล
แม้ว่าหอไอเฟลจะเป็นชื่นชอบของบรรดานักกระโดดสูงเสี่ยงตายหลายคน แต่รายงานข่าวก็บอกว่าสถานที่ดังกล่าวได้ตกเป็นเป้าหมายของการก่อเหตุร้าย ซึ่งรวมถึงพวกอัลเคด้าที่มีการเปิดเผยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2014 โดยมีเป้าหมายที่โครงสร้างของของหอไอเฟลและพิพิธภัณฑ์ Louvre ด้วย
ก็เนี่ยล่าสุดพี่เบิ้มสั่งให้ฝรั่งเศสเอาเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดถล่มซีเรียอ้างว่าเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้าย แต่ฝรั่งเศสกลับทำแค่เอาเครื่องบินรบขึ้นไปบินลาดตระเวนสอดแนมพอเป็นพิธีเท่านั้น ผลงานไม่เข้าตาลูกพี่ใหญ่เท่าไรนัก นี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งมาตรการในการกระตุ้นฝรั่งเศสหรือเปล่า? ตอนนี้พวกสื่อฯตะวันตกที่เป็นโปร-ต่อต้านผู้อพยพและชาวต่างชาติ ก็ออกมาประโคมข่าวว่ามีไอซิสแอบแฝงเข้าไปในยุโรปร่วมกับกลุ่มผู้อพยพด้วย วันก่อนป้าแมร์เกล นายกรัฐมนตรีเยอรมันก็เลยออกมาบอกว่า การปลุกปั่นปั้นน้ำเป็นตัวสร้างกระให้เกิดความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ (xenophobia) ต่อกรณีของวิกฤตผู้อพยพ มีแต่จะทำให้กลุ่มประเทศในยุโรปมีความร้าวฉานลึกลงไปอีก และเยอรมันนี้บอกว่าจะส่งตัวผู้อพยพยที่ไม่ได้มาจากประเทศที่ไม่มีภัยหรือความขัดแย้งออกไปจากเยอรมัน
และวันก่อนนี้ป้าแมร์ก็พึ่งจะปลดรมต.ที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องการขึ้นทะเบียนผู้อพยพออกไป โดยตั้งคนใหม่ขึ้นมาแทน โดยให้เหตุผลว่า ผลงานของคนเก่าไม่เป็นที่ประทับใจ (ไม่เข้าตากรรมการ) เพราะว่ามีการขึ้นทะเบียนผู้ลี้ภัยได้น้อย ในขณะที่มีคนรออยู่อีกเป็นจำนวนมาก จึงเอาคนที่มีฝีมือเข้าไปดูแลแทน ว้าววว! เฉียบขาดเลย เหมือนใครนะ ฮั่นแน่เจ๊แมร์แอบเอาบิ๊กตู่โมเดลไปใช้หละสินี่ ใครทำงานช้าทำงานอืดออกไป อย่างขวางทาง คริๆ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
21/09/2558

ภาพจาก © AFP 2015/ JOEL SAGET

---------
Eiffel Tower Shut Down Following Terror Scare
Merkel Hits Out at European Xenophobia Amid Refugee Crisis

 

มีอีกแหล่งข่าวจากคุณ Dutchsinse เขาให้ดูวันที่ 23 กันยายน 2558 เวลา 23.59 UTM ก็เป็นวันที่ 24 กันยายน 2558 เวลา 06.59 น. เวลาประเทศไทยน่ะครับ และจากนิตยสารTime ฉบับวันที่ 23 กันยายน 255 ก็นำรูปพระสันตปาปา ฟรานซิส ขึ้นหน้าปกโดย ใส่หัวเรื่องว่า จักรวรรดิโรมันใหม่

Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์รูปภาพของตน



FYI ~~~ >>> พวกสวัสดีผมโพสต์เมื่อวานนี้ ..... ไม่ได้เป็นหนึ่งแสดงความคิดเห็น ... ??? <<< ~~~
fyi ~~~>>> hi guys, I posted this yesterday..... NOT ONE Comment...??? <<<~~~

>>> ...... สมเด็จพระสันตะปาปาจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 23 กันยายน เขาจะประกาศรัฐบาลกสนจัดระเบียบโลกใหม่ <<<

>>> ......the Pope will be in the USA on the 23rd September, he will announce THE NEW WORLD ORDER GOVERNMENT. <<<

 

นายกรัฐฯประยุทธ์ก็ไปรับคำสั่งโลกใหม่กะเขาด้วย กลับมาครั้งนี้คงมีการแก้กฎหมายและออกกฎหมายใหม่ๆอีกหลายฉบับให้เท่าทันระเบียบโลกใหม่ ว่าแต่มีข้อไหน อะไรบ้างที่คนไทยควรรับรู้ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครับคุณสุกิจ New world order อิลูมิเนติ แต่ก่อนเป็นเพียงนิยาย ปัจจุบันดูแล้วกลับกลายคล้ายจะเป็นจริง เหมือนดูในหนังจากฮอลีวูด 555..

 

....NWO, Iluminati...Project Blue Beam, False Flag Operation..etc..

..สมันน้อยทั้งหลายไม่เคยรู้เลยว่ามันเป็นของจริงที่ครอบงำไปทั่วโลก..มัวแต่วิ่งเตาะแตะกันอยู่อย่างร่าเริง ..

 

Dutchsinse

การค้นพบใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวที่ดำเนินการโดยนักวิจัยอิตาลี!
A NEW DISCOVERY related to earthquakes has been made by Italian researchers!


2015/09/22 - นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการถ่ายโอนความดันจากแผ่นดินไหวได้ถึง 1,000 กม - ซึ่งกำลังเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว

9/22/2015 — Scientists ‘discover’ that seismic pressure transfers up to 1,000km — Causing other earthquakes

ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ "ค้นพบ" บางสิ่ง ที่ผมได้บอก (และแสดง) ผู้ชมของฉัน / ผู้อ่านเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมา
Scientists have now “discovered” something that I have been telling (and showing) my viewers / readers for the past several years.

ความดันที่เกิดจากแผ่นดินไหวซึ่งเกิดจากกิจกรรมแผ่นดินไหวขนาดใหญ่เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวในที่อื่น ๆ ออกไปได้ไหลถึง 1,000 กม
Seismic pressure caused by large earthquake activity is causing other earthquakes up to 1,000km away.

ความคืบหน้าแผ่นดินไหวที่ 12 มิถุนายน 2015
earthquake progression june 12 2015



ตัวอย่างของการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของแผ่นดินไหวทั่วพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 6,700 ไมล์ ตลอดวันที่ 12 มิถุนายน 2015 แผ่นดินไหวสี่ครั้งที่กำลังทอดข้ามในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกทั้งหมดตาม "เส้นตรง" ที่เกิดขึ้นได้ อย่างต่อเนื่องติดๆกัน จาก การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าซึ่งกันและกัน จากตะวันออกไปตะวันตก ทั้งสี่เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันเดียวกัน
Example of earthquake progression across a vast area over 6,700 miles long on June 12, 2015 . Four earthquakes spanning the entire West Pacific along a “straight” line , occurring back to back from one another in progression from East to West. All four events occurred in the same day.

ค้นพบใหม่เหล่านี้ทำโดยนักวิทยาศาสตร์อิตาลี ระบุว่าความดันแผ่นดินไหวเป็นสาเหตุของ "อนุภาค" ในเปลือกโลกสั่นสะเทือน (สะท้อน) บนความถี่บางอย่างที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองที่จะลอยละล่อง ห่างไกลจากเขตลอยเลื่อนที่อยู่ติดกัน
These new findings, made by Italian scientists, indicate seismic pressure is causing “particles” in the Earth’s crust to vibrate (resonate) on a certain frequency which induces particulate matter to slip along far adjacent fault zones.

ใน ความหมายอื่น, แรงกดดันจากการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในชั้นของเปลือกโลกหลายร้อยกิโลเมตร จนถึงมากกว่า 1,000 กม ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวเดิม
In otherwords, pressure from a large earthquake can cause vibration on layers of the crust several hundred to over a 1,000km away from the original earthquake epicenter.

อธิบายอย่างง่ายๆ คือเพียงแค่แผ่นดินไหวขนาดใหญ่สามารถก่อให้เกิดแผ่นดินไหวอีกที่อยู่ห่างไกลออกไปได้
Simply put, a large earthquake can cause another earthquake far away.

เราพบว่าปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วหินฐานธรณีที่ทวีปอเมริกาเหนือ ทุกสองสามสัปดาห์ การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าของแผ่นดินไหว ที่ความดันแผ่นดินไหวในพื้นที่หนึ่งที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวในภูมิภาคอื่น
We see this happen across the North American Craton every few weeks, earthquake progression where seismic pressure in one area causes an earthquake in another region.

แผ่นดินไหวหินฐานธรณี ในวันที่ 28 มกราคม 2015 เป็นครั้งสุดท้าย
craton earthquakes jan 28 2015 final



Up until now, professionals have literally been frequenting my pages (and videos) DENYING that earthquakes are related across large distances like this.

Now these denying professionals are corrected by other professional researchers. As if showing everyone via my videos for the past few years isn’t proof enough.

I just talked about this topic, the fact that earthquakes are related over a distance, in my most recent Earthquake Forecast video:

https://youtu.be/1C2EFmmbHhg

9/22/2015 — Scientists ‘discover’ that seismic pressure transfers up to 1,000km — Causing other earthquakes | Dutchsinse

 

ศาสนาจะรวมกันเป็นศาสนาเดียวแล้วกระมัง คงได้รบกับมุสลิมตายกันครึ่งโลก สงครามครูเสดรอบ2 นัดล้างตา หลังจากที่เคยพ่ายแพ้ฝ่ายมุสลิมมาในสงครามครูเสด1. Holy Roman Empire Rules Today

 

เวรกรรมตามสนองที่ไปฆ่าชนชาติเดียวกันเอง.

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

วินาทีบีบหัวใจ... สหรัฐฯพร้อมเจรจากับรัสเซียทันทีกรณีซีเรีย! ทำไมหละ? (US Ready for 'Immediate Discussions' With Russia On Syria - Kerry)



-----------
วันที่ 22 ก.ย.58 สำนักข่าว Sputnik news รายงานด่วนว่านายจอห์น แคร์รี่ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯกล่าวว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะเจรจากรณีวิกฤตซีเรียกับรัสเซีย
นายแคร์รี่ยังกล่าวอีกว่า การที่มีเครื่องบินของรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในซีเรียนั้น แสดงให้เห็นถึงการป้องกันที่รุนแรง (force protection) ในภูมิภาค
ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯในกรุงวอชิงตัน นายแคร์รี่กล่าวว่า สหรัฐฯและรัสเซียได้ตกลงกันว่าจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรียกันอย่างไร
รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯกล่าวว่า "พวกเขา [รัสเซีย] ได้เพิ่มเครื่องบิน (รบ) ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดคำถามบางอย่างขึ้นมา (ก็ถามมาสิ ปูตินมีคำตอบให้อยู่แล้ว จะเอาแบบปูพรมสไตล์นาโต้ หรือจะเอาแบบที่รัสเซียพึ่งจะซ้อมรบไปในปฏิบัติการ Center-2015 เมื่อเร็วๆนี้?) แต่สำหรับช่วงเวลานี้ มันเป็นการวินิจฉัยโดยกองทัพของพวกเรา (สหรัฐฯ) และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นระดับและลักษณะที่แสดงออกถึงการป้องกันด้วยการใช้กำลัง" (กลัวหละสิ?)
สื่อฯตะวันตกและของสหรัฐฯพากันเล่นข่าวนี้มาก โดยนำภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านได้แสดงให้เห็นว่ามีเครื่องบินรบจู่โจมของรัสเซียจำนวน 16 ลำประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ Bassel al Assad ใกล้กับเมือง Latakia ในซีเรีย โดยสื่อฯตะวันตกบอกว่า เมื่อดูตามภาพถ่ายแล้วมีเครื่องบินรบซึ่งอาจจะเป็น Su-30 จำนวน 4 ลำ และอาจจะเป็น Su-25 จำนวน 12 ลำ และอาจจะเป็น Mi-24 อีก 7 ลำ - The Telegraph ส่วนสื่อฯอื่นๆก็บอกว่ามีเครื่องบินรบของรัสเซียอยู่ในซีเรียประมาณ 28 ลำ เช่นสำนักข่าว ABC News ของสหรัฐฯบอกว่า มี Su-25 จำนวน 12 ลำและ Su-24 จำนวน 12 ลำเช่นกัน ส่วนอีก 4 ลำน่าจะเป็น Su-30 และมีเฮลิค็อปเตอร์โจมตีอย่าง Mi-17 และ Mi-24 อีก 15 ลำเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากสัปดาห์ที่ผ่านมา
นั่นแหละที่กำลังทำให้สหรัฐฯและตะวันตกอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษกำลังเยี่ยวปริอยู่ในขณะนี้ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯพึ่งจะส่งกลุ่มติดอาวุธที่เรียกว่า "กบฏสายกลาง" จำนวน 71 คน ที่สหรัฐฯฝึกมาเองกับมือในตุรกีเข้าไปในซีเรียหยกๆ โดยมีเครื่องบินรบของพันธมิตรคอยคุ้มกันทางอากาศให้อย่างดี แน่นอนว่างานนี้ไม่อาจจะลอดพ้นสายตาดาวเทียมทางทหารของรัสเซียไปได้เช่นกัน รู้หมดว่าไปอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะมีขบวนรถติดอาวุธตั้งสิบกว่าคนเข้าไปด้วย
สำนักข่าว ABC news รายงานว่าเจ้าหน้าที่จากเพนตากอนได้ตำหนิกระบวนการที่เข้มงวดในการจัดหา (กบฏ) ที่มีศักยภาพซึ่งทำให้โปรแกรมการฝึกมีความล่าช้าอย่างเห็นได้ชัดซึ่งเดิมทีคาดว่าจะฝึกนักรบให้ได้ถึง 5,400 คนภายในปีนี้ (ว้าววว! ตกลงว่าไอ้ที่เขาสู้กันจนบาดเจ็บล้มตายบ้านเมืองพังพินาศไปนักต่อนักนี่ก็คือผลงานและความต้องการของสหรัฐฯเองหรอกรึ? แล้วมันจะสงบได้อย่างไร? ก็พี่แกดันฝึกเข้าไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอส่งเข้าไปแล้วก็แปลงร่างไปอยู่กับกลุ่มหัวรุนแรงติดอาวุธและผู้ก่อการร้ายซะงั้น จนในที่สุดสหรัฐฯก็ออกมายอมรับเองว่า แฮ่ๆๆ... ตอนนี้สามารถติดต่อได้เพียงแค่ 4-5 คนเท่านั้นจากทั้งหมดประมาณ 54-100 คนที่ส่งเข้าไปในชุดก่อนหน้านี้ แล้วเขาไปกันหมดหละ ม่ายรู้... เขาไม่ได้บอกเอาวไว้ ฮ่าๆๆ ยังจะหน้าด้านฝึกต่อและส่งเข้าไปใหม่อีกนะ แล้วก็ยังเดินหน้าหาสมาชิกเพิ่มอีกด้วย)
งานนี้สื่อฯรัสเซียยังไม่ออกมายันยืนตัวเลขที่แน่ชัดว่าได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปในซีเรียแล้วทั้งหมดกี่ลำ แต่มีการยืนยันก่อนหน้านี้แล้วว่าได้ส่งเครื่องบินขนส่งทางทหารเพื่อนำส่งเครื่องบรรเทาทุกข์และการเชื่อเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ซีเรียหลายสิบเที่ยวบินแล้ว พร้อมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางกองทัพไปให้กองทัพรัฐบาลซีเรียด้วย และที่สำคัญก็คือรัสเซียบอกว่า รัสเซียจะส่งทหารไปฝึกซ้อมการใช้อาวุธและยุทโธปกรณ์ให้กับทหารซีเรีย ส่วนสหรัฐฯจะฝึกให้พวกกบฏก็ตามใจ จุดประสงค์หลักของพวกกบฏลูกสมุนของสหรัฐฯก็คือต่อสู้กองทัพของรัฐบาลซีเรีย ส่วนจุดประสงค์ของกองทัพซีเรียก็คือปกป้องและรักษาความมั่นคงของประเทศทั้งจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสและจากกบฏลูกกระเป๋งของสหรัฐฯนั่นเอง ก็เพราะเหตุนี้ไง สหรัฐฯถึงได้กระโดดโหยงออกมาบอกว่าพร้อมที่จะเจรจาทันที (immediate Discussions) กับรัสเซีย
และในวันเดียวกันนี้สำนักข่าว FARS ของอิหร่านก็พาดหัวข่าวว่า "Army Source: Damascus Receives New Warplanes from Moscow" (แหล่งข่าวทางกองทัพยืนยันว่า กรุงดามัสกัสได้รับเครื่องบิน (รบ) ใหม่เอี่ยมจากกรุงมอสโควแล้ว) อัยย๊ะ! แบบนี้ไม่ใช่ล้อเล่นหรือขู่เล่นๆอีกต่อไปแล้วครับท่าน สื่อฯอิหร่านอ้างอิงข่าวจากสำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสซึ่งอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ไม่เอ่ยนามว่า "กองทัพอากาศของพวกเราได้ส่งมอบเครื่องบินรบอย่างน้อยจำนวน 5 ลำจากกรุงมอสโคว์พร้อมทั้งเครื่องบินลาดตระเวนซึ่งจะทำให้เรากำหนดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำด้วย"
เจ้าหน้าที่ยังกล่าวต่ออีกว่า "กรุงมอสโคว์ยังได้ขนส่งอุปกรณ์ทางกองทัพอื่นๆที่มีความซับซ้อนสำหรับใช้ในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสด้วย" ก่อนหน้านี้สื่อฯอิหร่านก็ออกมาพูดก่อนสื่อฯรัสเซียเลยว่ารัสเซียได้สนับสนุนภาพถ่ายทางดาวเทียมทหารให้กับกองทัพของซีเรีย เพื่อระบุตำแหน่งของเป้าหมาย ไม่ค่อยมีคนเชื่อเท่าไรนัก แต่ปรากฎว่าเครื่องบินรบและกองทัพของซีเรียสามารถโจมตีและสังหารกลุ่มก่อการร้ายได้เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน
แล้วสหรัฐฯกับนาโต้จะทำอย่างไรหละคราวนี้? มันเป็นแผนขู่จะตีตลบหลังหรือเจาะหลังบ้านของปูตินนะสิครับ วันเดียวกันนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า เครื่องบินรบ A-10 Thunderbolt II จำนวน 12 ลำและกองทัพของสหรัฐฯจำนวน 350 นายได้เดินทางไปถึงประเทศเอสโตเนียเพื่อเข้าซ้อมรบร่วมกับนาโต้ ภายใต้ปฏิบัติการ "Operation Atlantic Resolve" นาโต้ซ้อมรบแถวกลุ่มประเทศบอลติกได้ รัสเซียก็ซ้อมรบแถวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกได้เช่นกันใกล้กับซีเรียนั่นแหละ
อ้อ… มีอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับยุโรป วันที่ 22 ก.ย.58 สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "สหรัฐฯส่งระเบิดนิวเคลียร์รุ่นใหม่ไปยังเยอรมันนี" (กรรม!) รายงานข่าวบอกว่า กองทัพอากาศของสหรัฐฯกำลังเตรียมการเพื่อนำระเบิดนิวเคลียร์ B61 รุ่นใหม่ไปไว้ยังฐานทัพอากาศ Luftwaffe’s Büchel ของเยอรมัน ตามรายงานข่าวของ ZDF TV (B61 เป็นชื่อของระเบิดนิวเคลียร์ ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่าปัจจุบันนี้มีอยู่จำนวน 3,155 ลูก น้ำหนัก 320 กก.) ก่อนหน้านี้รัฐสภาของเยอรมันนีได้ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯนักนู๊กของเมริกาออกไปจากเยอรมัน (ด้านซะอย่าง มีแต่จะเพิ่มเข้าไปอีกนะสิ)
ปากบอกว่าอยากจะเจรจากับรัสเซียกรณีซีเรีย แต่อีกด้านหนึ่งก็ขยันซ้อมรบใกล้บ้านรัสเซีย ก่อนหน้านี้ก็ออกมาบอกว่าจะเอาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯไปไว้ใจกลางกรุงลอนดอน ซวยแล้วไหมหละอังกฤษ วันนี้ก็บอกว่าจะเอาระเบิดนิวเคลียร์รุ่นใหม่เอี่ยมไปฝากเจ้แมร์เกิ้ลเก็บไว้ให้ซะหน่อยซะงั้น วันดีคืนดีก็คงเราก็คงจะได้ยินข่าวว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 ของสหรัฐฯที่เก็บอยู่ในเยอรมันนีถูกแฮ็กเกอร์เจาะระบบอย่างกรณีของขีปนาวุธแพทริอ็อทเมื่อไม่นานมานี้เป็นแน่ รายงานข่าวบอกว่าตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา มีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ในฐานทัพของเยอรมันจำนวน 20 ลูก ไม่ใช่ของเยอรมันนีนะ เป็นของอเมริกา และที่เยอรมันได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของ P5+1 นี้ก็ไม่ใช่เพราะว่าเยอรมันนีมีอาวุธนิวเคลียร์เป็นของตัวเองหรอกนะ เป็นของอเมริกาเอาไปฝากไว้ ถ้าจะใช้ต้องได้รับอนุญาตจากสหรัฐฯซะก่อน ก็เพื่อดึงเยอรมันที่มีเงินมากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้วย ก็จำเป็นต้องยกให้ยกให้เยอรมันนีเป็นหนึ่งในสมาชิกของมหาอำนาจทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ซะเลย (P5+1)
ประเทศอื่นๆที่เป็นสถานที่เก็บหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯอย่างเป็นทางการก็คือ เบลเยี่ยม (10-20 ลูก) อิตาลี (50 ลูก) เนเธอแลนด์ (10-20 ลูก) ตุรกี (60-70 ลูก บางแห่งบอกว่าประมาณ 90 ลูก) ส่วนอิสราเอลนั้นยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีหลายคนกำลังตั้งข้อสงสัยว่าอิสราเอลก็อาจจะมีหัวรบนิวเคลียร์หรือระเบิดนิวเคลียร์ซ่อนอยู่เช่นกัน ก็ทำเป็นแกล้งออกมาโวยวายอิหร่านไปอย่างนั้นแหละ แต่ก็ไม่เห็นมีหน่วยงานไหนเข้าไปตรวจหาอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศอิสราเอลบ้างเลย
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
23/09/25588

ภาพจาก © AP Photo/ Pool photo via AP

-----------
US Ready for 'Immediate Discussions' With Russia on Syria - Kerry
Increased Level of Russian Aircraft in Syria Represents 'Force Protection'
Russia begins military operations in Syria as Putin sends 28 jets - Telegraph
Russia Now Has 28 Fighter Aircraft in Syria, US Officials Say - ABC News
US to bring in new advanced nuclear bombs to Germany – report — RT News
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_states_with_nuclear_weapons

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

อีกสนามรบหนึ่งในเมือง Al-Zabadani ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซีเรีย 19 ก.ย.58 ยิงกันหูดับตับไหม้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=gPKCqWHSdNc

เมื่อทหารเยเมนและฮูติจับเป็นทหารซาอุดิอาระเบียได้เขาก็ไม่ได้กระทำการที่โหดร้ายอะไรเลยนิ
https://www.youtube.com/watch?v=iAjqoii7xxM

 

ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

From Russia with Sub… อัยย๊ะ! อินโดนีเซียตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำรัสเซียใหม่เอี่ยม 5 ลำ (ของไทยก็กำลังจะมี ใจเย็นๆครับ คริๆ)



-----------
วันนี้ (22 ก.ย.58) สำนักข่าว TASS ของรัสเซียรายงานจาก BANGKOK ว่าประเทศอินโดนีเซียกำลังพิจารณาผู้จัดหาที่มีศักยภาพเกี่ยวกับเรือดำน้ำใหม่สำหรับกองทัพเรือ Ryamizard Ryacudu รมว.กลาโหมของอินโดนีเซียกล่าวหลังการประชุมกับเจ้าหน้าที่รัฐสภาแห่งชาติเมื่อวันจันทร์นี้เอง
รายงานข่าวบอกว่าการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมภายใน (ลับ) ส่วนเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำรุ่นใหม่นี้ได้ลงนามรับรองโดยประธานาธิบดีของอินโดนีเซีย และรมว.กลาโหมของอินโดนีเซียกล่าวเพิ่มเติมว่า จะเป็นการดีกว่าที่จะซื้อเรือดำน้ำรุ่นใหม่จำนวน 5 ลำแทนทีจะซื้อเรือดำน้ำมือสองจำนวน 10 ลำ (โปรดฟังอีกครั้ง "การซื้อของใหม่ย่อมดีกว่าซื้อของมือสอง นะครับ" it was much better to buy five new submarines than ten second-hand ones. คริๆ พวกโปรตะวันตกที่เชียร์ให้ซื้อเรือดำน้ำมือสองราคาถูกๆ และถูกปลดอะไรต่อมิอะไรออกไปแล้วก็ฟังคำพูดของท่านรมว.กลาโหมของอินโดนีเซียบ้างก็ดีนะครับ คริๆ)
Ryamizard Ryacudu ได้ระบุชื่อ "รัสเซีย" ในฐานะที่เป็นผู้ขายเรือดำน้ำที่หมายตาเอาไว้ โดยกล่าว่าเรือดำน้ำของรัสเซีย (เจ๋งที่สุดในโลก! อันนี้ก็เวอร์ไปหละแอ็ดมิน เดี๋ยวก็มีคนมาเหน็บว่าเชียร์ปูตินออกหน้าออกตาอีกหละ คริๆ) อาจจะปฏิบัติภารกิจใต้น้ำและระดับผิวน้ำในเขตน้ำตื้นได้นานกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเรือดำน้ำของประเทศอื่นๆ (ทำไมถึงไม่บอกไปชัดๆเลยว่าประเทศสรัฐฯหละครับท่าน? คริๆ)
ท่านรัฐมนตรีกลาโหมของอินโดนีเซียไม่ได้ระบุประเภทของเรือดำน้ำที่กองทัพเรือของอินโดนีเซียมีความสนใจ หรือวันที่ที่จะลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายกัน
Denis Manturov รมว.อุตสาหกรรมและพลังงานของรัสเซียได้กล่าวในการเยือนกรุงจาการ์ต้าเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ว่าอินโดนีเซียกำลังพิจารณาซื้อเรือดำน้ำพลังงานดีเซล (diesel-powered submarines) รุ่น Varshavyanka class… จบข่าว
จริงแล้วรุ่น Varshavyanka class นี้เป็นเรือดำน้ำประเภท ดีเซล-ไฟฟ้า (diesel-electric submarine) นะครับ นาโต้เรียกว่า "Kilo class" พัฒนามาจาก Project 877 Paltus (Halibut) ตัวที่อินโดนีเซียจะซื้อไปนี้ก็คือ Project 636.3 Varshavyanka-class ออกแบบมาเพื่อต่อต้านเรือรบบนผิวน้ำและเรือดำน้ำ ปฏิบัติการในเขตน้ำตื้น และที่สำคัญก็คือมันเป็นเรือดำน้ำรุ่น Stealth technology นะสิครับ เงียบกริ๊บ ไปมาไร้ร่องรอย ยังกะเรือผีอย่างนั้นแหละ และมีระวางขับน้ำอยู่ที่ 3,125 ตัน ยาว 74 เมตร กว้าง 9.9 เมตร ดำน้ำลึกได้ 300 เมตร ทำความเร็วเมื่ออยู่ระดับผิวน้ำได้ 11 น็อต และ 20 น็อตเมื่ออยู่ใต้น้ำ รัศมีปฏิบัติการ 640 กม.นาน 45 วัน
ปัจจุบันนี้ อินโดนีเซียมีเรือดำน้ำประจำการอยู่ 2 ลำเป็นของเยอรมันรุ่น Cakra class 401 และ 402 ประจำการตั้งแต่ปี 1981 จนถึงปัจจุบัน ส่วนอีก 3 ลำที่ให้เกาหลีใต้ต่อให้นั้นไม่รู้ว่าเสร็จหรือยัง



ส่วนของไทยนั้นที่มีข่าวว่ากำลังจะซื้อเรือดำน้ำชั้น Yuan Class S26T จากจีนจำนวน 3 ลำมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาทนั้นตอนนี้ทางทร.กำลังทำสมุดปกเขียวชี้แจง "ทุกปม" อยู่นะครับครับ ก็ประมาณว่าน่าจะ 99.99% หละอีกนิดเดียวก็ตัดสินใจลงนามอย่างเป็นทางการได้หละ คริๆ
ข้อมูลจากธนาคารโลกบอกว่าในปี 2014 อินโดนีเซียมีรายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเฉลี่ยต่อหัว (GDP per capita) อยู่ที่ 3,491.9 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ไทยอยู่ที่ 5,519.4 เหรียญสหรัฐฯ ส่วน GDP นั้นของเราเทียบของอินโดนีเซียไม่ติดฝุ่นเลย อินโดนีเซียอยู่ที่ 8.88 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ 3.73 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ (ในปี 2014 ข้อมูลจาก World Bank) ส่วนจำนวนประชากรของประเทศนั้นอินโดนีเซียมีประชากรจำนวนประมาณ 250 ล้านคน ส่วนของไทยมีประมาณ 65 ล้านคน (2014) สรุปประชาชนคนไทยมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าอินโดนีเซีย แต่ไทยยังไม่มีเรือดำน้ำซักลำ เพราะมีบางคนอ้างว่าประชาชนยังยากจนอยู่ จึงไม่เห็นด้วย แต่อินโดนีเซียมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวแล้วต่ำกว่าไทยเกือบครึ่งหนึ่ง เขามี 2 ลำกำลังต่ออีก 3 ลำและกำลังจะซื้อเพิ่มอีก 5 ลำ
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
22/09/25588

ภาพจาก RT

-----------
TASS: Military & Defense - Indonesia ready to buy new submarines in Russia — defense minister
Maritime ‘black hole’: Russia launches new ‘stealth’ submarine — RT News
Kilo Class - Project 636
https://en.wikipedia.org/wiki/Kilo-class_submarine
https://www.plymouth.ac.uk/business...css-news/russian-varshavyanka-class-submarine
Indonesia Military Strength
GDP per capita (current US$) | Data | Graph