ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    อุ๊แม่เจ้า! CAP รายงานว่า มีชาวอเมริกันถูกสังหารด้วยอาวุธปืนในสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมามากว่าในทุกสงครามรวมกันในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯซะอีก!

    [​IMG]

    --------------
    วันนี้ (16 ก.ย.58) มีเรื่องเกี่ยวกับอเมริกามาเม้าท์ให้ฟังต่ออีกซักเรื่องหนึ่งนะครับ สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Report: More Killed by Guns in US Since 1989 Than in All Wars in US History" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างบนนั่นหละครับ) เป็นไปได้ไง ก็ไหนว่าเป็นประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลก และมีเสรีภาพสุดๆไม่รึ? ก็มันเป็นไปแล้วอ่ะ
    รายงานชี้ใหม่เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนในประเทศสหรัฐฯตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมามีมากกว่าจำนวนของชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ในสงครามทหารและในความขัดแย้งตลอดประวัติศาสตร์ทั้งหมดของสหรัฐฯ
    ตามรายงานของศูนย์วิจัยเพื่อความก้าวหน้าของสหรัฐฯ (Center for American Progress - CAP) ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาบอกว่ามียอดการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนถึง 836,290 รายในสหรัฐฯระหว่างปี 1989-2014 (25ปี โดยเฉลี่ยมีผู้เสียชีวิตภายในประเทศด้วยอาวุธปืนปีละ 33,451 คน)
    รายงานของ CAP กล่าวว่าในช่วงระยะเวลา 239 ปีนับตั้งแต่สหรัฐฯได้ประกาศอิสรภาพของตน มีทหารอเมริกันถูกฆ่าตายในสนามรบทั้งสิ้นจำนวน 656,397 นาย เริ่มตั้งแต่สงครามปฏิวัติ (American Revolutionary War 1775–1783) จนถึงความขัดแย้งในอิรัคและอัฟกานิสถาน (40 ปี โดยเฉลี่ยอเมริกาสูญเสียชีวิตทหารของตนเองในสงครามต่างๆไปปีละ 16,409 นาย)
    แต่จากการคาดการณ์ของกรมกิจการทหารผ่านศึก (Department of Veterans Affairs) ของสหรัฐฯ บอกว่าจำนวนทหารของสหรัฐฯที่เสียชีวิตในช่วงสงครามทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในสนามรบหรือไม่ ตั้งแต่ปี 1776 เป็นต้นมาสูงกว่านั้น ซึ่งมีมากกว่า 1.1 ล้านนายด้วยซ้ำไป
    รายงานฉบับนี้ได้ใช้อดีตประธานาธิบดีโรนอลด์ เรแกน (Ronald Reagan) ซึ่งพ้นจากตำแหน่งในปี 1989 เพื่อประเมิณจุดยืนต่างๆของผู้ที่หวังว่าจะเป็นประธานาธิบดีฝ่ายรีพับลิกันในประเด็นต่างๆ เช่น ผู้อพยพ เรื่องเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ ภาษี และการควบคุมอาวุธปืน
    รายงานฉบับนี้ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่าในขณะที่เรแกนไม่เห็นด้วยกับสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association) ในหลายประเด็น รวมถึงการตรวจสอบภูมิหลังและการแบนอาวุธปืนชนิดจู่โจม บรรดาผู้สมัคร GOP หลายคนในปัจจุบันได้รับการจัดอันดับในระดับสูงโดย NRA สำหรับการไม่เห็นด้วยกับการควบคุมอาวุธปืนเป็นอย่างมาก
    รายงานกล่าว่า ผู้สมัคร GOP (พรรครีพับลิกัน) ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการปิดช่องโหว่ในระบบการตรวจสอบภูมิหลัง ซ่องโหว่ที่ทำให้อาชญากรสามารถหลบเลี่ยงระบบและซื้อปืนทางออนไลน์ สถานที่แสดงปืน ในลานจอดรถได้ และในที่อื่นๆที่ไหนก็ได้
    นาย Donald Trump ผู้สมัครของ GOP ระดับแถวหน้าได้พูดในช่วงฤดูร้อนนี้ว่า เขาคัดค้านการขยายการตรวจสอบภูมิหลัง แม้ว่าในหนังสือปี 2000 เขาได้กล่าวเอาไว้ว่าเขาสนับสนุนการห้ามอาวุธปืนจู่โจมและระยะเวลารอยคอยที่ยาวนานสำหรับการขายปืนก็ตาม (มันเป็นธรรมดาของนักการเมือง ลิ้นไม่มีกระดูก ซึ่งแปลว่าสามารถที่จะพลิกหรือตะลบตะแลงได้เสมอเพื่อผลประโยชน์ของตนและพรรคพวก)
    การเข้าข้างกับสมาคม NRA เป็นยุทธศาสตร์ทั่วไปอยู่แล้วระหว่างผู้สมัคร (เป็นตัวแทนในการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ) รายงานฉบับนี้ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า "กลุ่มล็อบบี้ปืนที่มีประสิทธิภาพมากก็คือกลุ่มที่นักการเมืองพรรครีพับลิกันหลายคนไม่กล้าล้ำเส้นนั่นแหละ"
    ตอนนี้ก็มีกลุ่มใหม่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งกลุ่มเป็นกลุ่มที่กำลังมาแรง พยายามพรีเซ็นต์ตัวเองต่อสาธารณชนในการชุมนุมประท้วงที่เฟอร์กูสันและบัลติมอร์ด้วย โดยสมาชิกส่วนใหญ่เป็นอดีตทหารผ่านศึกและเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรืออดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับอาวุธทั้งหลาย มีชื่อเรียกว่า "Oath Keepers" พวกนี้สามารถควงอาวุธปืนลาดตระเวนในเมืองได้โดยไม่เกรงกลัวตำรวจในช่วงที่มีการประท้วงและเคอร์ฟิวที่เฟอร์กูสันและบัลติมอร์ด้วย เป็นพวกผิวขาว มีอุดมการณ์ที่อ้างว่าเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญ เป็นพวก Constitutionalist พร้อมที่จะจับอาวุธปืนต่อสู้กับรัฐบาลของตนเองหากพบว่ารัฐบาลของพวกเขาละเมิดรัฐธรรมนูญ (เป็นไงแนวความคิดเหมือนกับรมต.มือปืนสิบล้านกระบอกป๊ะ?) พวกนี้ไม่ชอบดีโมแครท เชียร์รีพับลกัน โดยเฉพาะนาย Donald Trump สรุปว่า Oath Keepers ก็คือฐานเสียงและเด็กเลี้ยงของรีพับลิกันนั่นเอง พวกนี้มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองด้วย มีการหาสมาชิกเพิ่ม การสมัครเข้าเป็นสมาชิกไม่ใช่ฟรี ต้องจ่ายเงินด้วยเริ่มต้นที่ $40-$100 ต่อปี ถ้าตลอดชีพก็ $1,500 ต่อปี รัฐบาลโอบาม่ากำลังจับตาดูกลุ่มนี้อยู่
    มีอีกข่าวหนึ่งที่น่าสนใจและคิดว่าน่าจะมีเนื้อหาที่สอดคล้องกับข่าวข้างบนนี้ด้วย ในวันเดียวกันนี้ สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียก็รายงานว่า อดีตผู้รับเหมาของสหรัฐฯกล่าวว่า การใช้งานทหารรับจ้างเอกชนเพิ่มมากขึ้นโดยสหรัฐฯอาจจะเป็นอันตรายต่อความรับผิดชอบของกองกำลังติดอาวุธในระบบประชาธิปไตย เนื่องจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯได้รายงานว่าเมื่อเร็วๆนี้จำนวนของผู้รับเหมาเอกชนในสงครามได้ครอบงำผู้ที่ใส่เครื่องแบบของสหรัฐฯ
    รายงานข่าวบอกว่า Sean McFate นักเขียนและอดีตผู้รับเหมา (/ผู้ประสานงาน) ทางกองทัพเอกชนกล่าวกับสำนักข่าว Sputnik news ว่า การใช้งานกองกำลังทหารับจ้างที่เพิ่มขึ้นโดยสหรัฐฯอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อความรับผิดชอบของกองทัพฝ่ายประชาธิปไตย โดยนาย McFate กล่าวว่า "ผมคิดว่าหลายคนได้มีการถกเถียงกันอย่างถูกต้องว่า อุตสาหกรรมทหารรับจ้าง ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดความรับผิดชอบของกองทัพทหารประชาธิปไตย"
    ฮึ่ม! ก็ความคิดใครหละที่ไปจ้างหรือก่อให้เกิดทหารับจ้างขึ้นมาแบบนี้ ก็ไม่ใช่พวกที่ชูธงประชาธิปไตยไม่ใช่รึ? พอคนอื่นเห็นว่าอาชีพนายหน้าจัดหาทหารรับจ้างหรือเปิดบริษัทรับเหมาจัดหากองกำลังติดอาวุธรับจ้างแบบนี้มีรายได้ดี เงินดี คนอื่นก็อยากจะทำด้วย ก็เป็นทุนนิยม เสรีภาพไม่ใช่หรือ? พอมีคู่แข่งมากขึ้นก็แย่งงานกัน แบ่งเค้กไม่ลงตัวจึงต้องออกมาอ้างเรื่องประชาธิปไตยอีกสินะ สงสัยจังว่าตอนจัดหาทหารรับจ้างพวกนั้นมาและตอนไปก่อสงครามในต่างแดนนี้อ้างว่าเพื่อรักษาประชาธิปไตยด้วยหรือเปล่า? คิดว่าก็คงจะอ้างนะเพราะพี่เบิ้มมักจะหาเหตุผลให้กับตัวเองในการก่อสงครามต่างแดนเสมอว่าประเทศนั้นประเทศนี้เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ หากไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ใครมาทวงทองคำคืนจากสหรัฐฯก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯทันทีหากไม่อนุญาตให้สหรัฐฯเข้าไปตั้งกองทัพภายในประเทศนั้นๆได้เป็นต้น เวเนซูเอล่าพึ่งโดนมาหยกๆ ก่อนหน้านี้ก็อิหร่าน ที่ยุโรปยังไม่โดนกล่าวหาอย่างเปิดเผยว่าเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯอยู่นั้นก็เพราะว่าสหรัฐฯยังต้องการพันธมิตร (อันที่จริงต้องเรียกว่าลูกน้องถึงจะถูก) และไม่ต้องการให้ยุโรปแปรพักตร์ ดังนั้นจึงต้องคงฐานทัพของตนเองไว้ในยุโรป ในขณะเดียวกันไม่มีประเทศไหนในยุโรปกล้าที่จะเสนอหรือเรียกร้องที่จะเข้าไปตั้งฐานทัพของตนเองในอเมริกาบ้างเลย
    งานนี้ก็เป็นการซัดกันระหว่างรีพับลิกันและดีโมแครทเองนั่นแหละ เพราะว่าใกล้จะถึงฤดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว ก็ต้องงัดสารพัดลูกไม้มาถล่มใส่กันเต็มที่ พวกเราก็จะได้รู้ว่าเขาแฉอะไรออกมากันบ้าง
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    16/09/2558

    ภาพจาก © Fotolia/ bilderstoeckchen

    ----------
    Report: More Killed by Guns in US Since 1989 Than in All Wars in US History
    US Private Mercenaries' Use Pose Threat to Democratic Accountability
    https://www.americanprogressaction.org/issues/general/report/2015/09/14/120942/right-of-reagan/
    https://cdn.americanprogress.org/wp...92819/ReaganConservatives-report-11.13.15.pdf
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    น้ำมันถูกๆ แลกกับเรือรบมาแล้วจ้านายจ๋าาา.... กองทัพเรือซาอุจะสั่งซื้อ ชุดเรือรบชายฝั่ง (ใกล้ฝั่ง) จากสหรัฐฯ

    [​IMG]

    --------------
    Sputnik พาดหัวข่าวเล็กๆเมื่อ 16 ก.ย.58 ว่ากองทัพเรือซาอุจะสั่งซื้อ ชุดเรือรบชายฝั่ง (ใกล้ฝั่ง) จากสหรัฐฯ งานนี้รู้สึกว่าทั้งแพะทั้งแกะ จะวิ่งชนปากสุนัขอีกแล้ว (ผมใช้คำสุภาพแล้วนะครับ แบบให้เห็นภาพ) หุ หุ...
    ซาอุฯได้ให้ บ.ล็อคฮีด มาร์ติน ซึ่งสร้างเรือรบชนิดฟริเกต (frigate )ให้กับกองทัพสหรัฐ ปรับเปลี่ยนโปรแกรมให้ทันสมัยสร้างเรือรบ เพื่อประจำการในฐานทัพตะวันออก โดยอ้างแหล่งที่มาจากข่าวกลาโหม โห..ซาอุฯกะว่าจะสร้างให้ทันสมัยกว่าเรือรบสหรัฐต้นแบบซะอีก ..อย่างว่าคนรวย ถึงกับธนาคารกลางต้องออกพันธบัตรด้วยเพื่อระดมเงิน ฮ่า ฮา เลยหาทางใช้เงินซะหน่อย ถามประชาชนคนซาอุบ้างแล้วยัง?!
    - การขายเรือฟริเกตครั้งนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญของความสมัยใหม่ให้กับราชนาวีซาอุฯฐานทัพตะวันออก และมันยังแสดงร่องรอยการปรากฎของเรือรบสหรัฐในอ่าวอาหรับ หนังสือร้องขอจากกองทัพเรือซาอุดีอาระเบียระบุถึงข้อกำหนดรายละเอียดของโครงการที่ได้ลงนามกันเมื่อต้นเดือน สิงหาคม 2558 และซาอุยังได้ร้องขอให้กองทัพเรือสหรัฐและล็อคฮีด ทำหนังสือข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ภายในเดือนพฤศจิกายน : จากแหล่งข่าวกลาโหม
    - ดีลครั้งนี้จะเป็นเรือฟริเกต 4 ลำ ที่จะสามารถรองรับขีปนาวุธแนวตั้ง พื้นสู่อากาศ มีความสามารถในการบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky MH-60R Seahawk แล้วยังมีข้อตกลงการซื้อขาย Seahawk ระหว่างซาอุฯกับสหัฐ อีก 10 ลำ มูลค่า 1,900 ล้านเหรียญ เฉลี่ยลำละ 6 พันกว่าล้านบาทเอง เอาไว้ทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำและภารกิจอื่นๆ เอ๋อแบบว่าถ้าจะต่อต้านเรือดำน้ำก็ต้องบิยต่ำ ระวังอย่าบินไปชนจรวดต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่า ลูกละแสนกว่าบาทเสยเอานะ ...55 ราคานี้แพงกว่าบินรบGripen ของไทยซะอีกครับ !!! โอ๊ะโอ๋ว ... ซื้อ 1 แต่ขายได้ 2
    - โครงการการขยายกองเรือภาคตะวันออกทั้งโครงการคาดว่าจะมีค่าใช้จ่าย 16,000 - 20,000 ล้านเหรียญ หรือ 5.76 - 7.20 แสนล้านบาท รวมไปถึงเรือลาดตระเวณ,เครื่องบินลาดตระเวณทางทะเล 3 ลำ และยานบินไร้คนขับตรวจการณ์ (UAV) 30 - 50 ลำ คาดว่าเรือฟริเกต 4 ลำจะมีมูลค่าแค่ 20 - 25 % ของค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด ...แล้วที่เกินมา 75 - 80% ค่าอะไร?? ใครกันหว่า..อยู่เบื้องหลังวางโปรแกรมการจัดซื้ออาวุธให้ซาอุฯ ฮิ ฮิ
    การซื้อขายครั้งนี้ถ้าสรุปจนถึงสุดท้าย (มีการซื้อขาย) จะเป็นเครื่องหมายการขายระหว่างประเทศครั้งแรกของเรือรบใกล้ฝั่งสหรัฐ ....ไม่น่าเชื่อว่า!! เรือรบของมหาอำนาจผู้เกรียงไกร จนเหล่าโปร.เอาไปคุยโม้ได้ 3 โลกกลับไม่เคยมีประเทศใดเคยซื้อ 55555 แหล่งข่าวสหรัฐกล่าวว่า : โครงการการขยายกองเรือของซาอุฯครั้งนี้ เป็นเพราะความกังวลเกี่ยวกับอิหร่าน จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วน...อ้าว..ถ้าไม่กังวล เรือรบสหรัฐก็ยังคงขายไม่ได้ซิ อย่างฮาเลยครับ อเมริกันดันเผากันเองซะแล้ว ฮ่า
    - เมื่อเดือนกรกฎาคม 58 ชาติมหาอำนาจและอิหร่าน ได้บรรลุข้อตกลง วัตถุประสงค์เพื่อระงับยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน แลกเปลี่ยนกับมาตรการการแซงซั่น ตามข่าวบอกว่าบรรดาเพื่อนบ้านในภูมิภาคต่างกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามจากความแข็งแกร่งทางการเงินของอิหร่าน
    ป.ล. นั่นไง! ว่าแล้วเชียว เห็นซาอุดิฯลดแลกแจกแถมน้ำมันราคาถูกให้สหรัฐฯ นึกถูกแล้วว่ามันจะต้องมีอะไรซักอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ที่แท้ก็เรือรบนี่เอง หวังว่าคงจะไม่ยกโครงการก่อสร้างต่างของ SBG ให้บริษัทสัญชาติอเมริกันรับช่วงต่อหรอกนะ
    ขอบคุณผู้แปล: Noraseth Tuntasiri
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    16/09/2558

    ภาพจาก © AP Photo/ Lockheed-Martin via U.S. Navy, File

    Read more: Saudi Navy Set to Order American Littoral Combat Ships

    ----------
    Saudi Navy Set to Order American Littoral Combat Ships
    อีกลิงค์ข่าวฝั่งสหรัฐฯ จากเว็บไซด์ด้านการทหาร :
    Saudis Said To Zero In on Lockheed LCS
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    กองกำลัง Hezbollah (พันธมิตรของรัฐบาลซีเรีย) ยิงจรวดทำลายรถถังใส่ยานพาหนะทางทหารของกลุ่มติดอาวุธในซีเรีย และกองทัพซีเรียบุกทำลายอุโมงใต้ดินของกลุ่มติดอาวุธผู้ก่อการร้ายระยะทางประมาณ 5 กม. จากเมือง Zabadani ไปยังเมือง Madaya ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสราว 40 กม. เห็นคลิปนี้แล้วทำให้นึกถึงทางลับของพวกเวียตกงสมัยสงครามเวียตนามเลยอ่ะ
    -------------
    https://www.youtube.com/watch?v=J1AklHAv8pI
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    ·
    เอาคลิปนักรบฮูติซุ่มโจมตีขบวนรถทหารของกองทัพซาอุดิอาระเบียและยูเออีมาฝาก ฝั่งพันธมิตรอาหรับไม่สามารถเข้าใกล้เนินเขาของฮูติได้เลย ฮูติยิงแม่นมาก บึ้ม เละ เล่นเอากองกำลังพันธมิตรอาหรับหนีกระเจิง ตอนสุดท้ายนี่ไม่รู้ว่าฝั่งฮูติใช้อาวุธอะไรยิงถล่มซาอุดิฯ เห็นแต่ควันระเบิดขนาดใหญ่พึ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากระยะไกล
    ยังมีบางคนเชื่อว่าฮูติไม่ได้บุกเข้าไปในซาอุดิฯ และยังเชื่อว่าการที่พันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯส่งทหารเข้าไปในเยเมนนั้นก็เพื่อช่วยเหลือเยเมนให้ลอดพ้นจากกลุ่มกบฏฮูติที่ยึดอำนาจรัฐบาลเก่าของเยเมน กรรม! สงสัยเสพข่าวจากอัลจาซีร่าและสื่อฯสหรัฐฯและตะวันตกมากไป เฮ้อออ!
    -----------------
    https://www.youtube.com/watch?v=2DJExSXyFGc
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    นี่อีกคลิปหนึ่งเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมานี้เอง ขบวนรถทหารของกองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯ เจอกลุ่มฮูติดักซุ่มโจมตีเสร็จไปหนึ่งคัน ที่เหลือโกยแน็บ ไม่เอาแล้วจ้านาย ไม่อยู่แล้ว ไปหละ ฮ่าๆๆ... จากนั้นก็มีทั้งรถถัง รถฮัมวี่ของซาอุดิฯถูกซุ่มโจมตีอีก ไม่รู้ว่าโดนอะไรเข้าไปจอดแน่นิ่งเลย ฮูติส่งนักรบเข้าสำรวจผลงาน มีแต่รถเปล่าๆ ไม่เห็นมีทหารซาอุดิฯเหลืออยู่ซักนาย ฝั่งเยเมนนี่เขาจะหิ้วนักข่าวกับตากล้องติดไปด้วยเสมอ พร้อมกับกล้องคุณภาพสูงซูมได้จากระยะไกลคอยถ่ายคลิปมาลงข่าว ถ้าไม่มีคลิปเป็นหลักฐานเดี๋ยวสื่อฯฝั่งซาอุดิก็จะหาว่าโม้ งั้นก็ซูมให้ดูกันใกล้ๆ จ่อๆ เห็นๆเลยว่ารถทหารและระถังแบบนี้ ที่ถูกสอยแบบนี้ ยี่ห้อของอเมริกาและอังกฤษแบบนี้ ของฝั่งเยเมนไม่มีใช้ มีแต่ของซาอุดิฯกับยูเออีและพันธมิตรเท่านั้น
    ----------------
    https://www.youtube.com/watch?v=rPTpL7NDfd4
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    อุ๊แม่เจ้า! สภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะจับมือกันขยายเพดาหนี้ - นักวิเคราะห์กล่าว, สหรัฐฯกำลังจะ Shutdown รัฐบาลอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้

    [​IMG]

    ------------
    เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวแบบเอาใจสหรัฐฯว่า "US Congress, White House to Agree on New Debt Limit – Analyst" ว้าว! seriously?
    เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานักเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้าของสหรัฐฯออกมากล่าวว่า "ยังไม่เต็มใจที่จะชัดดาวน์ทำเนียบขาวอีกรอบ ดูเหมือนว่าสภาคองเกรสจะขยายวงเงินเพดานหนี้ในปีงบประมาณครั้งใหม่นี้" (อ้าว! ก็ไหนว่าร่ำรวยมีทองคำสำรองอยู่ตั้ง 8,000 กว่าตันมากที่สุดในโลกไม่ใช่รึ? แล้วจะเพิ่มเพดานหนี้ประเทศทำไมหละนี่? นั่นนะสิ)
    นาย Dean Baker กรรมการผู้จัดการร่วมของศูนย์วิจัยทางเศรษฐศาสตร์และนโยบาย (ของสหรัฐฯ) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียว่า "มีแนวโน้มว่าสภาคองเกรสจะใช้เรื่องการขึ้นเพดานหนี้เป็นข้ออ้าง (pretext) สำหรับการเผชิญหน้ากับฝ่ายบริหาร แต่เนื่องจากการเลือกตั้งกำลังจะมาถึง ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้านำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด และผมคิดว่าพวกเขาจะบรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีโอบามาก่อนที่พวกเรา (สหรัฐฯ) จะชนเพดาน" (นี่คือการออกมาส่งสัญญาณให้โลกรับรู้ว่า สหรัฐฯเตรียมจะขยายเพดานหนี้แล้วนะ ใครมีตังค์ให้กู้เพิ่มบ้างเอ่ยยยย? คริๆ เอ… หรือว่าจะขอกู้จากเฮียสีตอนที่กำลังจะไปเยือนกรุงวอชิงตันดีนะ?)
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเดินมีนาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ (Treasury Department) ได้ร้อขอให้สภาคองเกรสปรับเพดานหนี้ (debt limit) ของประเทศรอบใหม่ ซึ่งระดับปัจจุบันอยู่ราว $18.1 trillion (18.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็ประมาณ $18,100,000,000,000 * 35.5 = 642,550,000,000,000 บาทเองไม่มากไม่มายอะไร ใช้ให้ตายก็ไม่มีทางหมด ส่วนของกรีซนั้นปัจจุบันนี้อยู่ที่ $422,000,000,000 คิดเป็น 2.33% ของหนี้สินทั้งประเทศของสหรัฐฯ)
    คำร้องขอครั้งล่าสุดนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมาและ หลายคนก็ยังสงสัยอยู่ว่าสหรัฐฯจะขยายเพดานหนี้ของตนเองเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน
    ในช่วงที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างยาวนานนั้น สมาชิกพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ในวุฒิสภาสหรัฐฯได้พยายามอย่างหนักเพื่อร้อยหวายฝ่ายบริหารของพรรคดีโมแครทซึ่งมีข้อจำกัดทางการเงิน นาย John Boehner โฆษกพรรครีพับริกันจากสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯขู่ว่าจะใช้เครื่องมือทางการเงินทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อตกลงเกิดขึ้น (เชื่อได้รึ? ถ้าเขาพูดอย่างนี้โปรดจงเข้าใจว่าพวกเขากำลังจะหันหน้าไปจูจุ๊บกัน แต่ก็ทำเป็นออกมาขู่อีกฝ่ายเพื่อรักษาฐานเสียงของตัวเองเท่านั้น มันเป็นปรกติของนักการเมืองพวกนี้อยู่แล้ว ดูกรณีขู่ว่าจะแซงชั่นจีนเป็นตัวอย่าง สุดท้ายก็หงอไม่เป็นท่า)
    รายงานข่าวบอกว่าขณะนี้หนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐฯอยู่ที่ $18,150,483,186,000 คาดว่า ณ สิ้นปีงประมาณ 2015 นี้หนี้สินของรัฐบาลสหรัฐฯจะพุ่งถึง $21.7 trillion (ว้าววว! เพิ่มขึ้น 19.88% นั่นยังไม่พอแน่ แสดงว่าถ้าจะปรับเพดาหนี้ครั้งใหม่อาจจะเพิ่มขึ้นราว 20-25% ถึงจะอยู่รอดได้)
    และเมื่อวานนี้ (15 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ก็พาดหัวข่าวอีกข่าวหนึ่งว่า "US Likely to Face Government Shutdown in October - Former Congressman" แปลว่า "ดูเหมือนว่าสหรัฐฯกำลังเผชิญการชัดดาวน์รัฐบาลในเดือนตุลาคมนี้ - อดีตสมาชิกสภาคองเกรสกล่าว" (นั่นไง! เสียงลือเสียงเล่าอ้างชักจะหนาหูขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว ยังมีข่าวเกี่ยวกับทองคำอีกด้วยนะ ซีแหงม่องเท่งแน่ๆสหรัฐฯเอ๋ย กะจะก่อสงครามรอบใหม่หลายๆที่ซะหน่อยก็โดนรัสเซียกับจีนรู้ทันและเข้าสะกัดแผน (ชั่ว) เอาไว้เกือบหมด ก็เลยขายอาวุธสงครามไม่ค่อยได้ออก อ้อ…ออกอยู่เหมือนกันนะ ล่าสุดเห็นสื่อฯรัสเซียลงข่าวว่าไปบีบคอให้ซาอุดิฯสั่งต่อเรือรบรุ่น frigate โดยบริษัท Lockheed Martin ของสหรัฐฯว่างั้นนะ เดี๋ยวให้มืออาชีพเขาช่วยแปลข่าวนี้ให้นะครับ)
    กลับมาต่อที่ข่าวนี้นะครับ Sputnik เกริ่นนำว่า "อดีตสมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯไว่าว่ากรุงวอชิงตันและบรรดาลูกจ้างรัฐบาลพันคนควรจะฉุดรั้งการซัดดาวน์รัฐบาลในเดือนหน้า โดยให้มุ่งเน้นไปที่ Planned Parenthood เป็นเหตุผลหลัก"
    รายงานข่าวบอกว่านาย Jim Moran อดีตสมาชิกของวุฒิสภาสหรัฐให้สัมภาษณ์กับ WTOP สื่อฯของสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์นี้ว่ากรุงวอชิงตันและพนักงานหลายพันคนควรจะเหนี่ยวรั้ง government shutdown ในเดือนหน้า และ Jim Moran กล่าวอีกว่า "ผมเกรงว่าพวกเรากำลังจะปิดมันลง เกี่ยวกับองค์กร Planned Parenthood Federation of America (PPFA) เป็นส่วนมาก แต่พวกเราก็ไม่สามารถนำมันรวมไว้ด้วยกันได้"
    การตั้งข้อสังเกตของนาย Moran เกิดขึ้นหลังจากที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯกับพยายามที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งได้เสกมนต์เป่าคาถาใส่เป็นครั้งสุดท้ายในสิ้นปีงบประมาณของสหรัฐฯ ถ้าสภาคองเกรสไม่ผ่านงบประมาณในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ารัฐบาลสหรัฐฯก็จะต้องพบกับการซัดดาวน์ และจะไม่สามารถจ่ายให้กับการปฏิบัติงานทั่วไปได้
    นาย Moran กล่าวว่า "ผมได้คุยกับผู้ที่ทำหน้าที่จัดสรรทุกคนมาแล้ว และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเราจะผ่านจุดนี้ไปได้อย่างไร (อึ่ม! กรรมอีกหละ เรื่องของชาวบ้านอยู่ไกลถึงดาวอังคารก็ยังรู้ แต่พอเรื่องงบประมาณในสภาคองเกรสกับไม่รู้ว่าจะหาทางออกได้อย่างไร นั่นแหละสหรัฐฯหละ คริๆ มันเป็นความคิดเห็นต่างอ่ะนะครับผม อย่าคิดมากหละ คริๆ) สิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเราสามารถทำได้ก็คือเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง... แค่ไม่มีใครมีทางออกได้ ณ เวลานี้"
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำเนียบขาวได้เตือนว่าการปิดรัฐบาล (government shutdown) อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯอย่างรุนแรงและสร้างความไม่มีเสถียรภาพให้เกิดขึ้นได้ (เอาเลยเจ้าค่า! งั้นก็เชียร์เต็มที่ ปิดเลยครับ ฮี่ๆๆ เป็นความเห็นต่างอีกหละ ไม่ผิดกฎหมายใช่ป๊ะ? คริๆ)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายบริหารของโอบาม่าก็ได้กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีโอบาม่าจะไม่ลงนามในเอกสารงบประมาณให้เป็นกฎหมายซึ่งจะเป็นการล็อกระดับการใช้จ่ายด้วยการตัดงบประมาณไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งรู้กันโดยทั่วไปว่า "sequestration" (หมายความว่าถ้าไม่ลงนาม ก็จะสามารถลดงบประมาณค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่งอย่างนั้นหรือ? มันมีทางลัดอย่างนี้ด้วยรึ? ทำบ่อยๆสิครับท่านโอบาม่า)
    หากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านงบประมาณหรือมีการคัดค้านร่างกฎหมาย พวกส.ว.อาจจะใช้วิธีผ่านกฎหมายระดมทุนระยะสั้นเพื่อป้องกันการซัดดาวรัฐบาลกระทันหันก็ได้
    แล้วภาพปูตินเกี่ยวอะไรกับข่าวนี้ด้วยหละ? อ้อ ปูตินกำลังดูโอบามาจะชัดดาวน์ทำเนียบขาวอย่างมีความสุขอย่างไรหละครับ ดูสีหน้าเฮียปูสิ ฮี่ๆๆ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    16/09/2558

    ภาพจาก © Flickr/ Kramchang

    ----------
    US Congress, White House to Agree on New Debt Limit – Analyst
    Greece Debt Clock :: National Debt of Greece
    US Likely to Face Government Shutdown in October - Former Congressman
     
  7. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    แสดงว่ามีการแทรกซึมไปแล้วไม่ใช่น้อยแต่ก็มีฮังการีที่ไม่เล่นด้วยและก็โดนนายบัน คี มูน ประนามว่ารับไม่ได้กับการกระทำของฮังการี ผมขอตั้งข้อสังเกตุครับว่า
    ๑.คลื่นผู้อพยพเตรียมการเดินทางเหมือนไปแค้มปิงค์วันหยุด(ต้องดูข่าวจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่การยัดเยียดจากโปรอเมริกา)หลายๆคนมีท่าทีร่าเริงแจ่มใสไม่เหมือนผู้ลี้ภัยสงคราม
    ๒.ทำไมคลื่นผู้อพยพเหล่านี้ถึงพยายามซอกซอนไปหลายๆประเทศและทำไมไม่มีองกรค์สากลมาจัดการปล่อยให้เป็นภาระของแต่ละประเทศซะงั้นทำไมไม่ใช้พื้นที่พรมแดนที่เป็นเขตโนแมนแลนด์ตั้งค่ายผู้อพยพสักจุดหนึ่งหรือจะขยายไปตามจำนวนผู้อพยพก็ได้แล้วให้หน่วยงานสากลมาช่วยเหลือด้านอาหารและที่พักพิงเพราะเมื่อสงครามสงบก็จะง่ายต่อการผลัดดันกลับ ผมเห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลไทยที่จะไม่รับผู้ลี้ภัยหรือลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฏหมายขึ้นแผ่นดินแต่จะให้เสบียงและผลักดันออกไป
     
  8. Apinya17

    Apinya17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    775
    ค่าพลัง:
    +3,022
    เวลานี้ที่ญี่ปุ่นมีเรื่องยุ่งๆมาหลายวันแล้ว แต่ผมยังไม่อยากจะเขียน แต่ข่าววันนี้มันออกมาหนักหนาขึ้นถึงในสภาแล้วเลยต้องเอามเขียนให้อ่านกัน

    นายอาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเจอศึกหนักมากเกี่ยวกับการสร้างแสนยานุภาพทางทหารให้ญี่ปุ่นอีกครั้ง ซึ่งนายอาเบะได้พัฒนากองทัพขึ้นมาเรื่อยๆในช่วงที่นั่งเก้าอี้มาหลายสมัย เวลานี้ที่ญี่ปุ่นเองก็มีปัญหาเรื่องปัญหาการจะทิ้งทุ่นของฐานทัพอเมริกาที่ให้ญี่ปุ่นรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งหลายๆคนคงไม่รู้ว่าที่ฐานทัพอเมริกาอยู่ในญี่ปุ่นและซาอุดิอาระเบียนั่นไม่ใช่ของฟรีนะครับ ทางญี่ปุ่นและซาอุดิอาระเบียต้องจ่ายเงินค่าคุ้มครองกันหูตูบนับพันล้านเหรียญในแต่ละปี ซึ่งทางญี่ปุ่นเองก็คิดว่าญี่ปุ่นน่าจะยืนบนขาตัวเองได้บ้างน่าจะคุ้มค่ากว่า ดังนั้นในช่วงไม่กีปีที่ผ่านมาทางญี่ปุ่นเองก็เพิ่มงบประมาณทางด้านกองทัพอยู่มากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งฝ่ายสนับสนุนก็เห็นว่าดีแล้ว เพราะเมื่อไรที่อเมริกาออกไปญี่ปุ่นจะได้ยืนบนขาตัวเองได้

    แต่จุดที่เหมือนระเบิดเวลาแตกใส่หน้านายอาเบะคือการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญให้ญี่ปุ่นออกไปปฎิบัติการทางทหารนอกประเทศได้นั้นโดนต่อต้านอย่างมาก นั่นหมายความว่ากองทัพญี่ปุ่นจะกลับออกไปรบนอกประเทศได้อีกครั้งในรอบ 70ปีหลังสงครามโลก ซึ่งคนส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นไม่สนับสนุนในเรื่องนี้เพราะยังกลัวสงครามไม่หาย เพราะยังมีคนอีกหลายล้านคนที่ยังเกิดทันที่จะเห็นสภาพอันโหดร้ายของสงครามโลกครั้งที่แล้วเล่าเรื่องให้ลูกหลานฟังได้

    เวลานี้เกิดการประท้วงของนักศึกษาและประชาชนหลายหมื่นคนออกมาหน้าสภาร้องตะโกน Abe wa yamero หรือ "นายอาเบะออกไป" ใส่ทำนอง ฮิบฮอป (ตามข่าวเขาว่าแบบนั้น ผมลองไปเปิดยูทูปดูก็จริงอย่างที่ข่าวออกมา ใส่ทำนองสนุกกว่า "ยิ่งลักษณ์ออกไป" สมัยม็อบลุงกำนันหลายเท่า) เวลานี้ม็อหน้าสภาไล่นายอาเบะอยู่ห้าวันเข้ามาแล้ว ดูแล้วน่าจะยืดเยื้อไปอีกไม่น้อย แต่ในสภาก็รุนแรงไม่น้อยกว่ากัน ร่างเปลี่ยนกฎหมายและรัฐธรรมนูญผ่านสภาล่างไปแล้ว เพราะเสียงของพรรครัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน แต่พอร่างขึ้นมาที่วุฒิสภาก็เกิดการต่อต้านกันหนักขึ้นถึงขั้นเกิดจลาจลเล็กๆ ในสภาเลยก็ว่าได้ ส.ว.ฝ่ายค้านขัดขวางประธานสภา ไม่ให้เปิดอภิปรายร่างเพิ่มหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองฉบับนี้ จนถึงขั้นชกต่อยกันชุลมุนวุ่นวายกลางสภา

    วุฒิสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ได้เข้าไปรุมนายโยชิตาดะ โกโนอิเกะ ประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงเพื่อไม่ให้มีการเปิดอภิปรายเกี่ยวกับร่างกฎหมายเพิ่มหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นให้ออกไปทำการนอกประเทศได้ ส.ว.ของพรรครัฐบาลก็เข้าไปช่วยนายโกโนอิเกะ จนเกิดการต่อยกันกับ ส.ว.ฝ่ายวุ่นวายไปหมด ซึ่งก่อนหน้านั้น ส.ว. ฝ่ายค้านได้ไปปิดทางเข้าออกห้องพักในสภาไม่ให้นายอาเบะ และคณะรัฐมนตรีฝั่งรัฐบาลสามารถออกจากห้องมาแถลงในสภาได้

    เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ หรอกครับ ความน่ากลัวของสงครามยังตามหลอกหลอนประชาชนชาวญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อเดือนที่แล้วตอนผมยังอยู่ที่โตเกียวก็นั่งดูสาระคดีสงครามโลกช่อง NHK-G ตอนหัวค่ำทุกวันอยู่ครึ่งเดือนเต็มๆ เพราะครบรอบปีที่ญี่ปุ่นโดนทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ครบ 70ปี ขนาดเข้าวัดไปฟังพระสวดมนต์ยังมีเทศนาปิดท้ายให้แผ่สวนบุญให้คนตายที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิเลยครับ

    Pat Hemasuk

    [​IMG]



    ญี่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้าไทยน่ะเนี่ย สส ขายตัว นายกโสเภณี ขี้ข้าอีแร้ง
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราชhttps://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    [​IMG]

    สหรัฐฯเข่าอ่อนไม่คัดค้านการสนับสนุนซีเรียที่สร้างสรรค์ของรัสเซีย ทูตซีเรียประจำยูเอ็นประกาศรัสเซียมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย ส่วนอิรัคก็ออกมาประกาศว่าไม่อนุญาตให้ทหารต่างชาติซึ่งทั้งสหรัฐฯด้วยเข้าไปในดินแดนของอิรัคอีกต่อไป (เปรี้ยง! ฟ้าผ่าลงทำเนียบขาวอีกรอบแล้วครับท่าน)
    -------------
    มันส์พะยะค่ะ... วันที่ 15 ก.ย.58 ทางสหรัฐฯยังเล่นไม่แข็งแบบปากกล้าขาสั่น โดยได้ส่งนาย John Kirby โฆษกก.ต่างประเทศของสหรัฐฯออกมาพูดด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างพันธมิตรใหม่ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธไอซิส เนื่องจากพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯกำลัง (ล้มเหลว คริๆ) ปฏิบัติการได้อย่างสำเร็จทั้งในซีเรียและอิรัค (หนึ่งปีนี่นะ? สำเร็จตรงไหนครับท่านโฆษก หลับหูหลับตาพูดหรือเปล่า ดูเหมือนว่าสหรัฐฯยิ่งปราบไอซิสนานเท่าไร ไอซิสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมนะ และที่ชิหายอยู่นั้นก็คือบ้านเมืองและประเทศซีเรียนะ ประชาชนชาวซีเรียอพยพหนีภัยสงครามและผู้ก่อการร้ายไอซิสไปอยู่ตามแนวชายแดนถึง 4 ล้านคน อีกหลายล้านหนีทะลักเข้าไปอยู่ในยุโรป จนป่านนี้ก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับไปฟื้นฟูประเทศของเขาได้เลย ในขณะที่พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯก็ยังเดินหน้าส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่ซีเรียรายวัน นี่หรือที่สหรัฐฯเรียกว่าประสบความสำเร็จ)
    นาย John Kirby กล่าวต่ออีกว่า "ไม่มีความจำเป็นสำหรับกองกำลังผสมพันธมิตรนานาชาติต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิส เมื่อมีประเทศต่างๆถึง 60 กว่าประเทศ (กำลังรุมยำซีเรียประเทศเดียว?) มีความเห็นสอดคล้องกัน และมีประสิทธิผลในการต่อสู้กับเหล่าผู้ก่อการร้ายไอซิส ไม่ใช่เฉพาะในซีเรีย แต่ยังรวมถึงในอิรัคด้วย" (อยากฟังคำพูดจากทางอิรัคบ้างไหมหละว่าล่าสุดอิรัคออกมาพูดอย่างไรบ้าง?)
    รายงานข่าวบอกว่ากองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ (อ้างว่า) เพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในอิรัคในเดือนสิงหาคม แล้วก็ขยายแคมเปญจ์นี้ไปยังซีเรียในเดือนกันยายน (ปีที่แล้ว) โดยไม่มีการรับรองจากรัฐบาลของซีเรีย (อ้าว! แบบนี้ก็ถือว่าบุกรุกหรือรุกรานอธิปไตยประเทศอื่นชัดๆเลยนี่! ใช่ก็ประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ข้าคือเจ้าโลกจะบุกประเทศไหนก็ถูกต้องตามกฎหมายของสหรัฐฯอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเจ้าของประเทศนั้นๆ) พันธมิตรนำโดยสหรัฐฯได้มีปฏิบัติการโจมตีทางอากาศไปแล้วมากกว่า 6,500 เที่ยวและกำจัดกลุ่มก่อการร้ายไอซิสไปได้ประมาณ 10,000 ราย Sputnik news อ้างรายงานจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ
    คำนวณดูแล้วปรากฎว่ากองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯสามารถทิ้งระเบิดสังหารกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้เที่ยวบินละ 1.5 คน ฮ่าๆๆ ค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวทั้งเชื้อเพลิงเครื่องบินรบที่แพงมหาโหดและค่าระเบิดต่อเที่ยวปาเข้าไปกี่ล้านบาทหนะนี่? ค่าหัวไอซิสแพงขนาดนั้นเลยน้อ นี่ยังไม่รวมถึงค่าเสียหายอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากการทำลายภายใต้แคมเปญจ์นี้นะซึ่งรวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจด้วย แล้วพวกพันธมิตรได้อะไรเป็นการตอบแทน? อ้าวก็น้ำมันเถื่อนและน้ำมันราคาถูกๆจากทั้งอิรัคและซีเรียที่รับซื้อจากแหล่งที่ไอซิสยึดไว้ได้ไงหละครับ? น้ำมันเหล่านั้นรัฐบาลหรือใครได้? พ่อค้าน้ำมันที่ชักใยอยู่ข้างหลังรัฐบาลมหาอำนาจเหล่านั้นแหละได้
    วันที่ 15 ก.ย.58 นาย Dmitry Peskov โฆษกรัฐบาลกรุงเครมลินแถลงข่าวว่า "ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเปิดรับการเจรจาตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนของท่าน ซึ่งก็คือประธานาธิบดีโอบาม่า" ก่อนหน้านี้โฆษกกรุงเครมลินกล่าวว่าปูตินและโอบาม่าอาจจะจ๊ะเอ๋กันในนครนิวยอร์ก รอบนอกการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย (นี่ทางรัสเซียส่งสัญญาณที่เป็นบวกและไม่ก้าวร้าวหรือยั่วยุใดๆไปให้ทางอเมริการับทราบแบบนี้)
    วันที่ 16 ก.ย.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Obama Welcomes Putin’s ‘Constructive’ Support on Syria" (โอบาม่ายินดีต้อนรับการสนับสนุน "เชิงสร้างสรรค์" ของปูตินในซีเรีย) อัยย๊ะ! กลับคำพลิกลิ้นอีกแล้วครับท่าน แหม… พญาอินทรีย์เจ้าสำนักประชาธิปไตยโลกนี่มีสุดยอดวิทยายุทธ์ชั้นหนึ่งที่เลื่องชื่อลือนามว่า "ลิ้นพิฆาต" อย่างนี้นี่เอง ข้าน้อยนับถือจริงๆ
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่า "กรุงวอชิงตันอาจจะต้อนรับความพยายามที่บูรณาการณ์ สร้างสรรค์ร่วมกันจากรัสเซียเพื่อสนับสนุนพันธมิตรต่อต้านไอซิสนำโดยสหรัฐฯในซีเรีย" (ฮั่นแน่... อยากจะออกคำสั่งคำกองทัพรัสเซียเพื่อยืมดาบปูตินไปถล่มซีเรียว่างั้นเหอะ ลูกไม้นี้ตื้นไปหน่อยมั๊ง ถามจริงๆเหอะ ในทำเนียบขาวมีคนคิดแผนการณ์ดีสุดเท่านี้เองรึ?)
    นาย Josh Earnest เลขานุการโฆษกทำเนียบขาวกล่าวเพิ่มเติมว่า "สหรัฐฯค่อนข้างชัดเจน (แค่ค่อนข้างเองอ่ะ แสดงว่ายังมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งภาษาชาวบ้านเรียกว่าอึมครึม หรือคลุมเคลือ หรือเทาๆอยู่อ่ะดิ? คริๆ) เกี่ยวกับการสนับสนุนที่สร้างสรรค์ของรัสเซียสำหรับกองกำลังพันธมิตร [ต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิส] ในอิรัคและซีเรีย"
    อย่างไรก็ตาม นาย Josh Earnest ได้หยุดอยู่ที่การกำหนดตำแหน่งของสหรัฐฯ โดยปฏิเสธที่จะพูดถึงหรือเสนอการชี้นำใดๆว่าสหรัฐฯได้ทำงานร่วมกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาด และรัฐบาลของซีเรียที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกองกำลังติดอาวุธต่อต้านขบวนการก่อการร้ายไอซิสเรียบร้อยแล้ว
    นาย Josh Earnest กล่าวว่า เหตุผลที่สหรัฐฯได้เสนอให้มีความร่วมมือกับรัสเซียก็เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการขัดแย้งหรืออาจจะก่อให้เกิดความสับสนในการทำงานร่วมกันระหว่างกองกำลังของรัสเซียและกองกำลังที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่ในซีเรีย
    กองกำลังอะไร วันก่อนนี้ผบ.ศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐฯพึ่งจะแถลงต่อวุฒิสภาไปเองว่าเหลือนักรบกบฎสายกลางที่สหรัฐฯให้การสนับสนุนและฝึกขึ้นมาเพียงแค่ 4-5 คนเองนะ 5 คนเขาเรียกว่ากองทัพแล้วรึ? ที่น่าเกียจมาก็คือ พวกนี้ด้านสุดๆครับท่าน พูดมาได้อย่างไรว่า "เหตุผลที่สหรัฐฯได้เสนอให้มีความร่วมมือกับรัสเซีย..." ใครเป็นคนเสนอกันแน่ รัสเซียเสอนตั้งแต่แรกแล้ว ฝ่ายที่ค้านหัวยันฝาตั้งแต่แรกด้วยการวิ่งกดดันไม่ให้ทั้งบัลแกเรีย กรีซ และอิรัคเปิดน่านฟ้าให้เครื่องบินส่งการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ซีเรียก็คือสหรัฐฯนี่แหละ แล้วจะมาบอกว่าสหรัฐฯเป็นผู้เสนอได้อย่างไร เหลือเชื่อเลยจริงๆกับความหน้าด้านของรัฐบาลจักรวรรดิเฮเก นี่พวกนักการเมืองของเขาก็ชอบแสดงพฤติกรรมกระล่อนปลิ้นปล้อนแบบนี้ออกมา แล้วสื่อฯของเขาก็เลียนแบบ จากนั้นทั้งสื่อฯอื่นๆทั้งในและต่างประเทศรวมทั้งพวกนักวิชาเกินทั้งหลายก็ทำตามบ้าง โดยสำคัญว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำซะงั้น แล้วสังคมจะเดินไปอย่างไรหละนี่?
    นาย Josh Earnest ยังกล่าวถึงแผนบีเอาไว้ด้วยว่า "หากไม่มีความร่วมมือกัน (ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย) อาจจะมีความเป็นไปได้ในการแทรกแซงในความพยายามของบุคคลากรรัสเซียบางคน"
    ยังไง? หมายถึงว่าสหรัฐฯเกรงว่าถ้าสหรัฐฯไม่ยอมร่วมมือกับรัสเซียในกรณีของซีเรีย รัสเซียก็จะเข้าไปแทรกแซง (ตามคำพูดของสหรัฐ) อยู่ดี แต่รัสเซียไม่ได้บอกว่าเข้าไปแทรกแซงในซีเรียนะ รัสเซียบอกว่าเข้าไปให้ความช่วยเหลือซีเรียต่างหาก และตอนนี้ก็ตั้งค่ายผู้ลี้ภัยขึ้นมาในซีเรียแล้ว โดยความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับซีเรีย
    แล้วสหรัฐฯกลัวอะไรถึงต้องยอมบอกว่าขอร่วมมือกับรัสเซียดีกว่า แต่งานนี้ขอให้สหรัฐฯคุมเกมเหมือนเดิมนะ โดยให้รัสเซียเป็นผู้ตามหรือเป็นลูกน้อง? ก็คงจะเกรงว่าทหารซีเรียที่ฝึกโดยรัสเซียจะไปยิงกบฎสายกลางลูกเลี้ยงของสหรัฐฯที่เก็บมาฝึกให้เองกับมือนะสิ พอฝึกเสร็จก็แปรพักตร์ไปอยู่กับอัลเคด้าซะงั้น และถ้ากองกำลังของรัฐบาลซีเรียสามารถเอาชนะและยึดพื้นที่รวมทั้งคลังน้ำมันและบ่อน้ำมันคืนจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ ใครหละจะเสียผลประโยชน์ เพราะช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำมากๆ บริษัทขุดเจาะน้ำมันใต้ชั้นหินดานภายในประเทศของสหรัฐฯปิดกิจการลดการผลิตไปเป็นจำนวนมากเนื่องจากไม่คุ้มทุน แต่สหรัฐฯอยู่ได้อย่างไร? เพราะว่าพึ่งจะได้สิทธิพิเศษน้ำมันราคาถูกจากซาอุดิฯเมื่อเร็วๆนี้เอง และไนจีเรียก็พึ่งจะเปิดให้เรือที่มีประวัติบรรทุกน้ำมันเถื่อนที่ถูกแบนก่อนหน้านี้เข้าไปบรรทุกน้ำมันของไนจีเรียต่อได้อีก ก็คงจะมีน้ำมันเถื่อนจากลิเบียและซีเรียนี่แหละที่ไปหล่อเลี้ยงให้ถึงอยู่รอดมาได้
    ตามที่ได้เกริ่นไว้ในตอนต้นเกี่ยวกับท่าทีของอิรัค วันที่ 16 ก.ย.58 รายงานข่าวจาก Sputnik บอกว่านาย Ahmed Jamal โฆษกรัฐมนตรีต่างประเทศของอิรัคประกาศว่า "อิรัคค้าค้านการอนุญาตให้กองทัพต่างชาติซึ่งทั้งของสหรัฐฯเข้าไปในดินแดนของอิรัค" (เปรี้ยง! ฟ้าผ่าทำเนียบขาวรอบที่สองครับท่าน)
    Ahmed Jamal กล่าวต่ออีกว่า "ผู้บัญชาการทางกองทัพของสหรัฐฯหลายคนและนายพลต่างๆจากกองกำลังพันธมิตรนานาชาติต่อต้านขบวนการก่อการร้ายบ่งบอกว่าจะมีการส่งกองกำลังภาคพื้นดิน (ชุดใหม่) เข้าไปในอิรัคเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย (แต่) ประเทศอิรัคไม่ต้อนรับไอเดียนี้" (the country did not welcome the idea) (ชัดนะโอบาม่า! จะมีการปลุกระดมผู้คนออกมาประท้วงขับไล่ผู้นำและรัฐบาลชุดปัจจุบันของอีรัคเหมือนตอนที่โค่นล้มซัดดัม ฮุสเซนหรือเปล่านี่?)
    โฆษกก.ต่างประเทศของอิรัคกล่าวต่ออีกว่า "กองทัพของอิรัคไม่ได้ตกอยู่ในสถานะความทุกข์ยาก (สิ้นไร้ไม้ตอก) นะ อย่างไรก็ตามอิรัคก็ยกย่องการสนับสนุนของนานาชาติ แทนที่จะส่งทหารต่างชาติเข้ามา (ก็ให้ส่งไปที่สหรัฐฯโน่นเลย คริๆ) กรุงแบกแดดต้องการการสนับสนุนทางโลจิสติก อาวุธ และข่าวกรองจากประเทศต่างๆที่เป็นพันธมิตรนานาชาติต่อต้านขบวนการก่อการร้ายไอซิสนำโดยสหรัฐฯ (มากกว่า)" ตายหละหว่า... ตอนนี้อิรัคกำลังมีกำลังใจจากใครบางคนให้แข็งข้อต่อจักรวรรดิเฮเก แสดงว่าอิรัคต้องได้รับสัญญาณที่มีความแรงและชัดเจนมากยิ่งกว่า 5G แน่ๆถึงได้ออกมาปฏิเสธไม่ยอมให้ทหารของสหรัฐฯเข้าไปยังอิรัคได้อีก
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    18/09/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Aleksey Nikolskyi

    -----------
    Putin, Saudi King Discuss Israeli-Palestinian Conflict Settlement
    Muslims clash with Israeli police at Al-Aqsa mosque in Jerusalem before Jewish New Year start | Daily Mail Online
    Jerusalem's al-Aqsa mosque sees Israeli-Palestinian clashes - BBC News
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    ปูตินยุหูโทรศัพท์หารือกับคิงซาอุดิอาระเบียเพื่อข้อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์

    [​IMG]

    -------------
    เป็นไปได้ไง? ปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์เกี่ยวกับอะไรกับซาอุดิฯด้วย? นั่นสิ เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Putin, Saudi King Discuss Israeli-Palestinian Conflict Settlement" กรุงเครมลินแถลงข่าวว่า "ในวันพุธนี้ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้หารือข้อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์กับกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียเกี่ยวกับการปะทะกันในเยรูซาเลม(เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา)"
    แถลงการณ์จากโฆษกกรุงเครมลินกล่าวว่า "ทั้งสองฝ่ายได้กล่าวถึงแนวโน้มของการยุติ (ปัญหาความขัดแย้ง) ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการปะทะกันครั้งใหญ่ระหว่างชาวปาเลสไตน์และเจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอลที่วิหาร Temple Mount และ Al-Aqsa Mosque"
    คำถามที่เกิดขึ้นมาทันทีก็คือว่า แล้วซาอุดิอาระเบียไปเกี่ยวอะไรกับปัญหาความขัดแย้งในครั้งนี้ด้วย? ก็รู้กันโดยทั่วไปว่าซาอุดิอาระเบียเป็นเพันธมิตรที่เหนียวแน่นของอิสราเอลและสหรัฐฯรวมทั้งมหาอำนาจในยุโรปด้วย และที่สำคัญดูเหมือนว่ามหาอำนาจอย่างสหรัฐฯและตะวันตกจะไม่ค่อยให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั่งๆที่ยูเอ็นก็ออกมาเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสันติภาพระหว่างสองรัฐนี้ แต่กลับกลายเป็นว่ารัสเซียที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรด้วยเป็นฝ่ายเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยให้ซะงั้น ยิ่งกว่านั้นแทนที่จะคุยกับผู้นำของอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ปูตินกลับไปเจรจากับซาอุดิฯ เพื่อระงับปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ หมากตานี้ซั่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆแฮะ
    วันที่ 15 ก.ย.58 Sputnik news รายงานว่าเกิดการปะทะกันระหว่างคนหนุ่มชาวปาเลสไตน์กับตำรวจอิสราเอลติดต่อกันเป็นวันที่สามในวันอังคาร
    รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า "พวกเราเรียกร้องหให้ทั้งฝ่ายปาเลสไตน์และอิสราเอลมีความอดทนอดกลั้นและดำเนินการทันทีเพื่อป้องกันการขยายสถานการณ์ออกไปมากกว่านี้ในเยรูซาเลมตะวันออก การทำให้ความตึงเครียดเลวร้ายลงโดยรอบวิหารศักดิ์สิทธิ์ในเยรูซาเลมเป็นการคุกคามเป็นข่มขู่ว่าจะมีการเลื่อนความยุติธรรม การแก้ไขปัญหาโดยกฎหมายต่อปัญหาชาวปาเลสไตน์ออกไป และเป็นการขยายสถานการณ์ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือออกไปด้วย"
    แล้วปัญหาในครั้งนี้มันมาจากอะไรหละ? วันที่ 13 ก.ย.58 Sputnik news รายงานว่า เกิดการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์กับตำรวจอิสราเอลที่มัสยิด al-Aqsa ในย่านที่พักอาศัย Temple Mount เยรูซาเลมตะวันออก อ้างคำพูดของตำรวจอิสราเอล
    รายงานข่าวจาก Jerusalem Post ในวันเสาร์บอกว่าตำรวจอิสราเอลเข้าไปปฏิบัติการด้านการรักษาความปลอดภัยในตอนดึก ค้นหาวัตถุระเบิดที่ซ่อนอยู่ในเยรูซาเลมตะวันออก ตำรวจได้ไล่ล่ากลุ่มวัยรุ่นหลายคนซึ่งสงสัยว่าเป็นชาวอาหรับที่หลบหนีเข้าไปในมัสยิด al-Aqsa และหลบซ่อนอยู่ภายใน
    ฝ่ายบังคับกฎหมาย (ของอิสราเอล) ได้ระเบิดสถานที่ศักดิ์ในช่วงเช้าวันจันทร์ (กรรม!) ผู้ต้องสงสัยชาวอาหรับที่สวมหน้ากากได้ตอบโต้ด้วยการขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ สื่อฯอิสราเอลอ้างคำพูดของตำรวจ (เอ่อ… อันนี้ก็ต้องฟังหูไว้หูเช่นกันนะครับ) ต่อมากลุ่มวันรุ่นเหล่านั้นก็ถูกจับกุม และนักท่องเที่ยวได้รับอนุญาตให้เข้าไปในมัสยิดได้
    นี่ปัญหามันก็มีอยู่แค่นี้เอง แล้วซาอุดิฯกับรัสเซียไปเอี่ยวตรงด้วยตรงไหน เรื่องรัสเซียเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยนี้พอจะเข้าใจได้ แต่ซาอุดิฯนี่สิไปเกี่ยวอะไรด้วย เพราะว่าซาอุดิฯอยู่ฝั่งอิสราเอล ส่วนอิหร่านหนุนปาเลสไตน์ตะวันตกบางประเทศก็หนุนปาเลสไตน์ แต่สู้อิทธิพลของอิสราเอลกับสหรัฐฯไม่ได้ และก็มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลกำลังจะเดินทางเยือนรัสเซียด้วย คู่กรณีที่ปูตินควรจะคุยด้วยน่าจะเป็นบีบี้มากกว่าจะเป็นคิงซัลมาน หรือว่าปูตินรู้อะไรลึกๆมากกว่าที่เป็นข่าวปรากฎตามสื่อฯทั่วไป? และคิดว่าครั้งนี้ปูตินก็คงจะไม่ได้คุยกับซาอุดิฯเฉพาะเรื่องเยรูซาเลมเป็นแน่ อาจจะรวมถึงเรื่องซีเรียด้วย อันนี้ชัดเจน ซาอุดิฯมีเอี่ยวด้วยแหง็มๆ
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    17/09/2558
    -----------
    Putin, Saudi King Discuss Israeli-Palestinian Conflict Settlement
    Muslims clash with Israeli police at Al-Aqsa mosque in Jerusalem before Jewish New Year start | Daily Mail Online
    Jerusalem's al-Aqsa mosque sees Israeli-Palestinian clashes - BBC News
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    ยุคใหม่แห่งการล่าอาณานิคมของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก (สหรัฐอเมริกากับบทบาทนักล่าอาณานิคมยุคใหม่)

    [​IMG]

    -----------
    โดย : Tor Teerawat
    สถานการณ์โลก ในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง เต็มไปด้วยความวุ่นวายและไฟสงคราม สาเหตุหลักคือประเทศมหาอำนาจทางตะวันตก อย่างอเมริกา กับ พันธมิตรยุโรป ได้ดำเนินนโยบาย การต่างประเทศ ที่คุกคาม นานาประเทศ ที่เป็นเป้าหมาย
    ในปัจจุบันนี้นโยบายทางด้าน การต่างประเทศของ อเมริกา ล้วนอยู่ใน ขั้นตอนการดำเนินการ ที่จะทำให้ชาวโลก ต้องยอมรับ การตกเป็นทาส เป็นเมืองขึ้น เหมือนในครั้งอตีด "ของยุคล่าอาณานิคม"
    เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับ วิกฤตการณ์ทางการเมือง / การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง / การจุดชนวนไฟสงคราม / การก่อการร้าย / นโยบายกีดกันทางการค้า / การจุดชนวนความขัดแย้งทางศาสนา
    การสร้างสถานการณ์เพื่อรุกราน ทางทหารกับชาติ ต่างๆ ที่ด้อยกว่า ล้วนมีเป้าหมาย ทำให้ชาติต่างๆ อ่อนแอ เพื่อที่จะได้เข้าไปครอบครองและปกครอง ให้ประเทศต่างๆ ที่เป็นเป้าหมาย ตกเป็นทาสของชาติมหาอำนาจในที่สุด และอยู่ภายใต้การปกครองของชาติตะวันตก อย่างสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรยุโรป โดยมีทุนนิยม และ ระบอบการปกครองอย่างประชาธิปไตย และอีกหลายเหตุปัจจัย ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง เป็นเครื่องมือ
    นโยบายของ สหรัฐฯ และ พันธมิตร ที่ถือว่าตัวเอง มีสิทธิต่างๆ แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น โดยผู้ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ถือเป็น
    "ภัยคุกคาม ต่อสหรัฐ และพันธมิตร" ซึ่งนโยบายการต่างประเทศ ของอเมริกา และพันมิตรยุโรป เริ่มแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นมาแล้วว่า ชาติตะวันตก มีสิทธิตัดสินใจ และมีสิทธิเลือก ที่จะใช้มาตรการใดๆก็ได้ ในการดำเนินการต่างๆ กับประเทศที่ตกเป็นเป้าหมาย ไม่ว่าประชาคมโลก จะท้วงติง หรือไม่ก็ตาม
    ในอดีตเมื่อ อเมริกา ต้องการที่จะโจมตี อิรัก อเมริกา ใช้เพียง ข้ออ้างว่า อีรัก มีอาวุธร้ายแรงอย่างอาวุธชีวภาพ อยู่ในครอบครอง แล้วเริ่มปฏิบัติการทางทหาร เข้าไปทำสงครามในอีรัก เมื่อสงครามอีรักสิ้นสุดลง มาจนถึงปัจจุบันนี้ อาวุธร้ายแรงดังกล่าว ที่อเมริกา กล่าวอ้างถึง ยังไม่ถูกค้นพบแต่อย่างใด และอีรัก ก็ไม่เคยได้พบกับความสงบสุบอีกเลย นับตั้งแต่นั้น มาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าอเมริกาจะได้ถอนกำลังทหารออกมาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีกลุ่มก่อการร้ายเกิดขึ้นมาแทนที่ ทำให้ไฟสงครามไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ที่สำคัญมหาอำนาจตะวันตกไม่ได้ใส่ใจว่าเหตุผลและหลักฐานต่างๆ ที่ใช่เพื่อโจมตีประเทศเป้าหมาย จะมีเพียงพอหรือไม่ หรือประชาคมโลกจะเห็นด้วยหรือไม่
    ความพยายามในการก่อสงคราม ของชาติมหาอำนาจทางตะวันตกยังไม่ยุติลงที่อีรักเพียงเท่านั้น ความไม่สงบวุ่นวาย ได้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เงื่อนไขต่างๆ เป็นตัวจุดชนวนในอีกหลายประเทศ และเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่นสงครามในซีเรีย / เยเมน / ยูเครน กรณี ไคร์เมีย / เหตุการณ์โค่นล้มอำนาจผู้ปกครองในประเทศ อียิปต์ / ลีเบีย / ตูนิเซีย การต่อต้านรัฐบาล ในประเทศ บาห์เรน / เหตุการณ์ประท้วงใหญ่ ในประเทศ อัลจีเรีย / จอร์แดน / คูเวต / โมร็อคโค / ซูดาน เป็นต้น
    สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรยุโรปกำลังเริ่มดำเนินการล่าอาณานิยมยุคใหม่อย่างเห็นได้ชัด การเข้าไปแทรกแซงกิจการภายใน การปรับเปลี่ยนระบอบการปกครอง การใช้เรื่องเชื้อชาติศาสนา ในการจุดชนวนความแตกแยก จนนำไปสู่สงคราม รวมถึง การก่อการร้ายทั้งในแอฟริกาและในตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา หรือแม้กระทั่งในเอเชียบางประเทศ
    ถ้าหากพิจารณาอย่างลึกซึ้ง นี่คือการล่าอาณานิคมยุคใหม่เพื่อนำมนุษยชาติมาเป็นทาสทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง โดยมี “อำนาจ” และ “ทุน” เป็นอาวุธ
    แม้แต่ข้ออ้างอย่าง "การปราบปรามการก่อการร้าย" ก็ยังถูกหยิบยกมาเพื่อเข้าไปทำสงคราม การก่อการร้ายที่ยิ่งปราบปรามเนิ่นนานเท่าไร ประเทศที่เป็นเป้าหมายก็ยิ่งจะพังพินาศย่อยยับ เกิดความไร้เสถียรภาพและขาดความมั่นคง ส่งผลให้เป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งขึ้นในการเข้าไปครอบครองและชักใย โดยจัดการตั้งรัฐบาลใหม่ที่อยู่ในความควบคุมของชาติตะวันตกในประเทศที่เป็นเป้าหมาย (อย่างกรณีของรัฐบาลชุดปัจจุบันของยูเครนเป็นต้น) และเป็นรัฐบาลที่เอื้อผลประโยชน์ให้กับชาติตะวันตกเป็นหลัก
    หรือสุดท้ายอาจนำไปสู่การก่อตั้งรัฐอิสระ รัฐปกครองตนเอง เกิดขึ้นในประเทศที่อเมริกาเข้าไปยุ่งเกี่ยว ตัวอย่างเช่น กรณี "ชาวเคิร์ด" ในอีรักที่ต้องการจะแยกตัวตั้งเป็นรัฐอิสระจากอีรัก ซึ่งรัฐอิสระเหล่านี้จะไม่ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลอีรักเป็นต้น ซึ่งจะขึ้นตรงกับชาติตะวันตกเสียมากกว่า การแผ่ขยายของสงครามที่ดูแล้วเกือบจะครอบคลุม ไปทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและมีทีท่า ว่าจะขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆทั่วโลก ปัญหาไฟสงครามที่เกิดขึ้นดูจะซับซ้อนและคลุมเครือ มากยิ่งขึ้น.
    ดังที่กล่าวในข้างต้น เราจะเห็นได้ว่า หลักการของการ ล่าอาณานิคมยุคใหม่ คือการใช้เหตุปัจจัยต่างๆ หลายๆอย่าง เพื่อที่จะทำให้ประเทศที่เป็นเป้าหมาย อ่อนแอ แล้วเข้าทำการปกครอง เช่น การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ของประเทศนั้นๆ หรือ การทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองจนนำไปสู่ ความแตกแยกของคนในชาติ ที่เป็นเป้าหมาย จนกลายเป็นสงคราม รวมถึงการใช้ภัยคุกคามจากการก่อการร้าย และเหตุปัจจัยอื่นๆ เพื่อจุดมุ่งหมายเข้ายึดครองประเทศเป้าหมาย ได้ในที่สุด
    ป.ล. โดยการล่าอาณานิคมยุคใหม่นี้ แม้แต่ ชาติพันธมิตร ยุโรป บางประเทศ ก็อาจตกเป็นเป้าหมายไปด้วยเช่นกัน จากกรณีการกล่าวถึง สถานการณ์ การก่อการร้าย ของผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วราดิเมียร์ ปูติน กล่าวในที่ประชุมองค์กรสนธิสัญญารักษาความปลอดภัยร่วมกัน (Collective Security Treaty Organization - CSTO ที่กรุง Dushanbe เมืองหลวงของ ทาจิกิสถาน) คำกล่าว ของประธานาธิบดี วราดิเมียร์ ปูติน ดังนี้ "สถาการณ์ตึงเครียดมาก กรุงมอสโคกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ก่อการร้าย ไอซิส กำลังประกาศต่อสาธารณะ ถึงการมุ่งเป้าหมายของพวกเขาไปยัง นครเมกกะ เมดินา และเยรูซาเลม พวก Jihadist ยังได้วางแผน ที่จะกระจายไปสร้างกิจกรรมต่างๆ ต่อยุโรป รัสเซีย และเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ซึ่งทางมอสโค ที่มีหน่วยข่าวกรองมากมาย น่าจะทราบถึงความเคลื่อนไหวต่างๆได้เป็นอย่างดี ดังนั้น เรากำลังเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมแบบใหม่ ซึ่งความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มีความสลับซับซ้อน กว่าในอดีตมากมายนัก.
    อ้างอิงสงคราม อีรัก อาวุธเคมี อาวุธทำลายล้างสูง
    17/09/2558
    ----------
    อ้างอิงสงคราม อีรัก อาวุธเคมี อาวุธทำลายล้างสูง:
    https://th.m.wikipedia.org/wiki/การบุกครองอิรัก_พ.ศ._2546
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    สหรัฐฯประเทศประชาธิปไตยเบอร์1ของโลกมีฐานทัพในต่างประเทศเกือบ 800 แห่ง!

    [​IMG]

    -------------
    วันนี้ (17 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "เครือข่ายฐานทัพของสหรัฐฯทั่วโลกโอบล้อมความปลอดภัยคุกคามทั่วโลก" (Worldwide Net of US Military Bases Encircles the Globe Threatening Security)
    David Vine ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านมนุษยวิทยาที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันเชื่อว่า หลังจากที่สหรัฐฯถอนกองทัพของตนเองออกจากอัฟกานิสถานและอิรัค ชาวอเมริกันส่วนมากได้ลืมไปว่าฐานทัพของสหรัฐฯอีกหลายร้อยแห่งยังคงโอบล้อมโลกนี้เอาไว้อยู่
    David Vine เน้นย้ำว่า ปัจจุบันนี้สหรัฐฯมีฐานทัพกระจายอยู่ในต่างประเทศทั่วโลกเกือบ 800 แห่ง เจ็ดสิบปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง และ 62 ปีหลังสงครามเกาหลี สหรัฐฯมีฐานทัพถึง 172 แห่งในประเทศเยอรมันนี 113 แห่งในญี่ปุ่น และ 83 แห่งในเกาหลีใต้ และอีกหลายร้อยที่ประจำการอยู่ 80 ประเทศซึ่งทั้งออสเตรเลีย บัลแกเรีย โคลัมเบีย กาต้าร์ และเคนยา
    David Vine กล่าวว่า "แม้ว่าจะมีชาวอเมริกันเพียงไม่กี่คนที่รับรู้เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าสหรัฐฯได้มีฐานทัพของตนอยู่ในดินแดนของต่างประเทศมากกว่าคน ประเทศ หรือ จักรวรรดิอื่นๆในประวัติศาสตร์" (อึ่ม… เป็นไงเล่านี่มันซุปเปอร์จักรวรรดิประชาธิปไตยของแท้เลยนิ พวกที่ชอบออกมาต่อต้านทหารแล้วชูธงประชาธิปไตยก็รู้ไว้บ้างนะ ประเทศประชาธิปไตยเบอร์หนึ่ง (ในนาม) เขานิยมทหารขนาดมากขนาดไหน ในขณะที่จีนสร้างสนามบินขึ้นมาบนเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯรีบออกมาโวยวายชี้ว่าจีนก้าร้าวอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จีนสร้างเสร็จแล้วบอกว่ายกให้กองทัพอเมริกาใช้ สหรัฐฯก็คงจะบอกว่าจีนรักสันติภาพอย่างแท้จริงสินะ)
    คาดว่าค่าใช้จ่ายสำหรับฐานทัพของสหรัฐฯทั้งหมดในต่างประเทศตกปีละ $156,000,000,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 5.46 ล้านล้านบาท ประมาณสองเท่าของงบประมาณรายจ่ายทั่วประเทศปี58ของไทย - 2.57 ล้านล้านบาท) ข้อมูลจาก องค์กร RAND บอกว่าผู้เสียภาษีชาวอเมริกันได้จ่ายเงินประมาณ $10,000 to $40,000 (355,000 - 1,420,000 บาท) ต่อปีให้กับทหารสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในต่างประเทศ
    ฐานทัพบางแห่งของสหรัฐฯมีขนาดเท่ากับเมืองของชาวอเมริกันขนาดย่อมๆแห่งหนึ่งเลยทีเดียว (city-sized Little Americas) เช่นฐานทัพอากาศ Ramstein ในเยอรมันนี หรือฐานทัพอากาศ Kaden บนเกาะโอกินาว่า (ในญี่ปุ่น) และมีค่าใช้จ่ายสูงสุดๆ อาคารสถานที่และสิ่งปลูกสร้างต่างๆซึ่งรวมทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า และคอมเพล็กซ์ที่อยู่อาศัยด้วย
    ยังมีฐานทัพขนาดเล็กซึ่งรู้กันโดยทั่วไปว่า "สถานที่รักษาความปลอดภัยร่วม" (cooperative security locations) ซึ่งใช้เป็นที่พักของโดรน อากาศยานสอดแนม หรือเก็บยุทโธปรกรณ์ชั่วคราวและซัพพลายต่างๆอีกด้วย ส่วนสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วโลกนั้นเช่น ท่าเรือ สนามบิน สถานที่ซ่อมบำรุง พื้นที่ฝึกซ้อม สถานที่ทดลองขีปนาวุธ และอื่นๆอีกมากมาย
    ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีทหารหรือบุคคลากรทางกองทัพของสหรัฐฯอยู่ในต่างประเทศเกือบ 160 ประเทศและในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินอีก 11 ลำด้วย (นี่แหละประชาธิปไตยต้นแบบของจริงมันต้องมีทหารและกองทัพเยอะแบบนี้ ยิ่งเยอะก็ดูเหมอืนว่าจะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นในสายตาของชาวอเมริกันและยุโรปสินะ จริงป๊ะโปรอเมริกา?)
    เรือบรรทุกเครื่องบินแต่ละแห่งนั้นควรจะมองว่าเป็นฐานทัพลอยน้ำ ในที่สุดสหรัฐฯก็ขยายกองทัพของตนเองไปทั่วพื้นที่ (ทุกพื้นที่)
    David Vine เขียนไว้ในนิตยสาร The Nation (ของสหรัฐฯ) ว่า "ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามเย็น แนวความคิดที่ว่าประเทศของเราควรจะมีการสะสมฐานทัพต่างๆและกองทัพเป็นแสนๆประจำการถาวรอยู่ในต่างประเทศนั้นยังคงเป็นภาษิตกึ่งศาสนา (quasi-religious dictum) ในนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงภายในประเทศ" (ก็เมื่อสหรัฐฯสนับสนุนให้รัสเซียและประเทศอื่นๆเป็นประชาธิปไตย แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนให้รัสเซียมีฐานทัพเป็นจำนวนมากในต่างประเทศอย่างอเมริกาบ้างหละ? เพราะว่าตอนนี้รัสเซียก็ได้เปลี่ยนจากคอมมิวนิสต์มาเป็นประชาธิปไตยแล้วนี่นา เพื่อให้รัสเซียเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบอย่างสหรัฐฯ สหรัฐฯก็ควรจะสนับสนุนให้รัสเซียมีฐานทัพและกองทัพมากๆอย่างสหรัฐฯด้วยสิ อ้อ… และเพื่อให้จีนมีก้าวเข้าใกล้ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสหรัฐฯด้วย งั้นก็ควรจะส่งเสริมให้จีนมีฐานทัพและทหารมากๆทั้งในและต่างประเทศอย่างสหรัฐฯด้วยหรือเปล่านะ? คริๆ)
    นโยบายนี้เรียกว่า "forward strategy" (ยุทธศาสตร์เดินหน้า) และในตอนเริ่มต้นนั้นได้เชื่อมโยงเข้ากับนโยบายการป้องปรามซึ่งมุ่งไปยังอดีตสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลายแล้ว ยุทธศาสตร์นี้ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีมูลและอันตรายด้วย (groundless and even dangerous) ผู้เชี่ยวชาญทางกองทัพกล่าว
    มีเหตุผลอะไรสนับสนุนคำกล่าวหาพ่อนักประชาธิปไตยใหญ่ที่ใช้กองทัพนำหน้าอย่างนั้นบ้างไหม? นักวิเคราะห์ได้ยกตัวอย่างว่า เช่นฐานทัพของสหรัฐฯในตะวันออกกลางถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกในการขจัดพวกลัทธินิยมความรุนแรง (radicalism) และแนวความคิดต่อต้านอเมริกาในพื้นที่ (เอ่อ… คำนี้ anti-American ideas นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันเขาพูดเองนะ แอ็ดมินไม่ได้พูดนะครับ และเพจเราก็ไม่ใช่พวกต่อต้านอเมริกาด้วย แต่มักจะนำเสนอข่าวอีกมุมหนึ่งที่สื่อฯกระแสหลักทั่วไปทั้งของสหรัฐฯ ตะวันตก และในประเทศที่เกี่ยวกับอเมริกาไม่ค่อยนำเสนอให้สังคมได้รับเท่าไรนัก ให้ได้รับรู้ข้อมูลและความจริงอีกด้านหนึ่งบ้าง)
    David Vine ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "Base Nation: How U.S. Military Bases Abroad Harm America and the World (American Empire Project)" ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้ได้อธิบายว่า "การปรากฎขึ้นของกองทัพใกล้ๆกับสถานที่ศักดิ์ของชาวมุสลิมในซาอุดิอาระเบีย เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งในการสรรหาสมาชิกให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลเคด้า และเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่ยอมรับโอซามะบินลาเดนสำหรับการโจมตีในวันที่ 11 กันยายน 2001" (อันนี้ชาวอเมริกันพูดเองนะครับ แอ็ดมินไม่เกี่ยวนะ ไปเคลียร์กันเองนะท่านโอบาม่า คริๆ)
    นักวิเคราะห์ชาวอเมริกันกล่าวเพิ่มเติมว่า "ยกตัวอย่างเช่น ในโอกินาว่า กองทัพของสหรัฐฯได้กระทำการข่มขืนผู้หญิงท้องถิ่นซ้ำแล้วซ้ำอีก" (กรรม! ทหารแห่งจักรวรรดิเฮเกประชาธิปไตยเบอร์หนึ่งของโลกทำอย่างนี้ด้วยรึ? อย่าบอกนะว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายหรือหลักการประชาธิปไตยฉบับเฮเกด้วย?)
    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ได้ยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งและความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรขึ้นมาเป็นอย่างมาก และได้สร้างความเสียหายอย่างยิ่งให้กับชื่อเสียงของสหรัฐฯต่อประชาชนในท้องถิ่นต่างๆ
    David Vine กล่าวว่า "มันยังไม่เป็นที่ชัดเจนด้วยว่าฐานทัพต่างๆได้ช่วยเพิ่มความมั่นคงของประเทศและสันติภาพทั่วโลกในหนทางใดทางหนึี่ง ในกรณีที่ไม่มีศัตรูมหาอำนาจนั้น การโต้เถียงกันว่าฐานทัพจำนวนมากที่อยู่ห่างจากชายฝั่งของสหรัฐฯออกไปหลายพันไมล์มีความจำเป็นที่จะปกป้องสหรัฐฯ - หรือแม้กระทั่งพันธมิตร - เป็นประเด็นถกเถียงที่ยากที่จะหาข้อสรุปได้"
    นักวิเคราะห์ได้อ้างคำพูดของ Catherine Lutz นักมนุษยวิทยาว่า "เมื่อทั้งหมดที่คุณมีในชุดเครื่องมือด้านนโยบายต่างประเทศคือค้อน (hammer) ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเริ่มจะดูเหมือนว่าเป็นตะปู" (When all you have in your foreign policy toolbox is a hammer, everything starts to look like a nail) (จริงหรือครับท่านโอบาม่า?)
    สนุกอ่ะ... อ่านต่อหรือเปล่าหรือเปล่าครับ? ต่อนะ... David Vine ได้เขียนเอาไว้ว่า "แทนที่จะเป็นผู้คำประกันความปลอดภัยและเสถียรภาพในภูมิภาค กองทัพสหรัฐฯมักจะก่อให้เกิดความตึงเครียดและสร้างอุปสรรคสำหรับความพยายามทางการทูตต่างๆด้วย" (ก็ยังมีชาวอเมริกันที่ไม่ได้ตาบอดอยู่บ้างนะครับ)
    ยกตัวอย่างเช่น การตั้งฐานทัพของสหรัฐนไว้ใกล้ๆชายแดนของประเทศต่างๆเช่นรัสเซีย จีน หรือ อิหร่าน ได้เพิ่มความเสี่ยงจากมาตรการตอบโต้จากประเทศเหล่านั้น
    นักวิเคราะห์ได้ชี้ให้เห็นว่า "เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาที่อันตรายมากที่สุดสมัยสงครามเย็น - วิกฤตขีปนาวุธในคิวบาปี 1962 - ได้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเกี่ยวกับขีปนาวุธนิวเคลียร์ของโซเวียต โดยคร่าวๆประมาณ 90 ห่างจากชายแดนของสหรัฐฯ" (เจ็บมาแล้วไม่จำ!)
    อาจารย์มหาวิทยาลัยท่านนี้กล่าวว่า "สหรัฐฯกำลังบ่มเพาะลัทธิทหาร (militarism) เพื่อขยายอาวุธรุ่นใหม่และการแข่งขันสร้างฐานทัพ และเพ่ิมความไรเสถียรภาพในเวทีภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก"
    ผู้เขียนได้เน้นย้ำว่า "สงครามในเรื่องผู้ก่อการร้ายได้เปลี่ยนไปสู่ความขัดแย้งทั่วโลก ได้เติมเชื้อไฟให้กับจุดยืนของการใช้ความรุนแรงและการก่อการร้ายอย่างแท้จริง ในสถานการณ์นี้ การสร้างฐานทัพต่างๆของอเมริกันก็เพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่ลึกลับจากรัสเซียหรือจีน ซึ่งมีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจโลกให้ขยายความรุนแรงออกไปเท่านั้น"
    สุดท้าย David Vine สรุปว่า "ผลที่ตามมาก็คือ ฐานทัพและกองทัพของสหรัฐฯได้แพร่กระจายไปทั่วโลก ดูเหมือนว่าจะสร้างสงครามมากกว่ารักษาความปลอดภัยของประเทศ (ตนเอง)" (จำได้ว่ามีนักวิเคราะห์หลายคนออกมาวิจารณ์ว่าการที่จักรวรรดิเฮเกออกไปสร้างสงครามต่างถิ่นนั่นแหละคือการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศของตนเอง และอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามภัยในประเทศของตนเอง และมันเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมอาวุธสงครามของจักรวรรดิเฮเกและพันธมิตรของเขาด้วย)
    The Eyes
    เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
    17/09/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ SVEN NACKSTRAND

    -----------
    Worldwide Net of US Military Bases Encircles the Globe Threatening Security
    The United States Probably Has More Foreign Military Bases Than Any Other People, Nation, or Empire in History | The Nation
    Garrisoning the Globe: How U.S. Military Bases Abroad Undermine National Security and Harm Us All - Truthdig
    How U.S. Military Bases Abroad Undermine National Security and Harm Us All | David Vine
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    โอ๊ะโอ!... สหรัฐฯยอมรับโปรแกรมฝึกกบฏซีเรียเหลวไม่เป็นท่าฝีกมาเป็นร้อยเหลือแค่ไม่ถึงครึ่งโหล ยังกล้าเสนอโปรแกรมเตรียมผลาญงบประภาษีต่อไปอีก

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news รายงานว่านาย Johs Earnest โฆกษกทำเนียบขาวได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพียงสั้นๆเมื่อวันพุธว่า โปรแกรมฝึกซ้อมและติดอาวุธให้ (กลุ่มกบฎสายกลาง) ชาวซีเรียของสหรัฐฯเพื่อต่อสู้กับไอซิส (อันที่จริงกลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย) ไม่ได้ปฏิบัติการตามที่รัฐบาลของโอบาม่าคาดหวังไว้ และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง (change อีกแล้วครับท่าน โอบาม่าเขาหละ) เพื่อปรับปรุง (improve) โปรแกรมใหม่ (อ้าว! ก็สรุปว่าที่แล้วนี่โปรแกรมของสหรัฐฯห่วยและไม่ได้ผลนะสิ? อันนี้เป็นการตั้งคำถามโดยสรุปจากคำพูดของโฆษกทำเนียบขาวนะครับ ไม่ใช่การดูถูก ภายใต้หลักการประชาธิปไตยและเสรีภาพของสหรัฐฯประชาชนและบุคคลทั่วไปมีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯได้ใช่ไหม? คริๆ อ้อ… และที่บอกว่า "…ไม่ได้ปฏิบัติการตามที่รัฐบาลของโอบาม่าคาดหวังไว้..." แล้วหลังจากผ่านการฝึกและติดอาวุธพร้อมทั้งรับเงินแล้วกบฏพวกนั้นไปทำอะไรหละถึงบอว่าไม่ "ไม่ปฏิบัติรามที่รัฐบาลของโอบาม่าคาดหวังไว้" สหรัฐฯไม่รู้เลยหรือว่าเด็กของตนเองไปทำอะไร? เอ… หรือว่ารู้แต่ไม่กล้าบอกนะ? หรือว่าจะเป็นอย่างที่มีข่าวลือจริงๆอ่ะ? ข่าวลืออะไรหรือครับแอ็ดมิน? ฮั่นแน่! ถ้าอยากรู้ก็ต้องอ่านต่อนะครับ)
    นาย Earnest ได้แสดงความคิดเห็นต่อคำให้การ (testimony) ของนายพล Lloyd Austin ผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐฯ (US Central Command - CENTCOM) ซึ่งยอมรับเมื่อวันพุธนี้ว่า โปรแกรมการฝึกซ้อมและติดอาวุธ (train-and equip program) ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ (underperformed/ไม่ได้ผล)
    โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า "ผมคิดว่า [คำให้การของ Austin] ได้ก่อให้เกิดคำถามที่ถูกชอบธรรมบางอย่างขึ้นมาแน่นอน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแบบไหนในโปรแกรมนี้และว่าจริงๆแล้วนายพลออสตินได้เสนอแนะอะไรในวันนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะทำ" (ขนาดฝ่ายวางแผนด้านยุทธศาสตร์กับทำเนียบขาวก็ยังตั้งข้อสงสัยใส่กันเลย เอากะอเมริกาสิ)
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผบ.ศูนย์บัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ ได้กล่าวในการรับฟังรายงานต่อวุฒิสภาว่า ปัจจุบันนี้มีนักรบที่ฝึกโดยสหรัฐฯเพียงแค่ครึ่งโหลเท่านั้นที่ยังมีส่วนในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในซีเรีย (กรรม! ก็ไหนว่าฝึกไปเป็นร้อยเป็นพันและเห็นลงข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะส่งเข้าไปเพิ่มอีกราย 20,000 คนด้วย แล้วพวกที่ฝึกมาก่อนหน้านี้หายไปไหนหละ ทำไมเหลือแค่ 6 คนเองที่ไปต่อสู้กับไอซิส แล้วที่เหลือไปต่อสู้กับใคร? หรือว่าไปเข้าร่วมกับกลุ่มไหนซะแล้ว? อย่าบอกนะว่าแปลงร่างไปเป็นไอซิสและอัลเคด้าไปซะแล้ว? สหรัฐฯอาจจะรู้ แต่บอกไม่ได้ นี่คำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับผบ.ทางกองทัพของสหรัฐฯสารภาพต่อวุฒิสภาเองเลยนะ)
    รายงานข่าวบอกว่าคำสารภาพของนายพล Austin เกิดขึ้นหลังจากที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯได้ยอมรับเมื่อเดือนที่ผ่านมานี้ว่า สหรัฐฯขาดการติดต่อกับนักรบส่วนใหญ่เกือบ 60 คนที่พวกเขาได้ฝึกให้ และมีความล่าช้าในการหาชาวซีเรียมาฝึกผ่านงบประมาณจำนวน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.77 หมื่นล้านบาท)
    ก่อนหน้านี้มีการปล่อยข่าวออกมาว่า พอสหรัฐฯปล่อยตัวพวกที่อ้างว่าเป็นกบฏสายกลางหลังจากฝึกแล้วออกไปปฏิบัติการก็ถูกฝั่งตุรกีส่งข่าวให้เด็กของตนดักซุ่มโจมตีชิงเอาอาวุธและเงินทุนไปเหลือเด็กเลี้ยงของสหรัฐฯเพียงแคหยิบมือเดียว ตามที่ได้รายงานให้ทราบก่อนหน้านี้ จริงเท็จอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ข่าวที่ตรงกันก็คือเหลือนักรบที่สหรัฐฯฝึกเพียงไม่กี่คน ครั้นจะบอกว่าส่วนที่เหลือถูกส่งไปก่อกวน ก่อความวุ่นวายในภูมิภาคต่างๆตามที่ปธน.ปูตินกล่าวออกมาพูดที่ทาจีกิสถานเมื่อวันก่อนนี้ว่าพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสกำลังแทรกซึมเข้าไปในหลายประเทศ ก็กระไรอยู่ งานนี้ก็เลยโยนอี้ไปให้ตุรกีหนึ่งมุก ส่วนอีกมุกหนึ่งก็บอกว่าขาดการติดต่อซะงั้น ชาวโลกก็มีสิทธิ์ที่จะตั้งข้อสงสัยได้เช่นกันว่าตกลงว่ากบฏสายกลางของสหรัฐฯที่บอกว่าฝึกขึ้นมาเพื่อให้ไปต่อสู้กับไอซิสและโค่นล้มรัฐบาลอัสซาดในซีเรียนี่คือพวกเดียวกันกับผู้ก่อการร้ายไอซิสหรือเปล่า? อันนี้ไม่ได้กล่าวหานะ เป็นการตั้งข้อสงสัย ซึ่งจากรายงานข่าวต่างๆอย่างเป็นทางการก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเช่นนี้
    วันที่ 16 ก.ย.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "CENTCOM Confesses: Only ‘4 or 5’ US-Trained Syrian Rebels Fight ISIL" แปลว่า "CENTCOM สารภาพ: มีพวกกบฏซีเรียที่ฝึกโดยกองทัพสหรัฐฯเหลือเพียง 4 หรือ 5 คนเท่านั้นที่ไปต่อสู้กับไอซิส" อ้าวเอ้ยยยย! จากที่ตอนแรกบอกว่าหลือครึ่งโหล ตอนนี้บอกว่าเหลือแค่ 4-5 คนเองจ๊ะ ฮ่าๆๆ ฮิ้วววว เอากะอเมริกาดิ
    เดี๋ยวจะหาว่าสื่อฯรัสเซียใส่ร้ายพระเอกหนังฮอลลิวูด งั้นงัดหลักฐานมาให้ดูกันเลย รายงานข่าวบอกว่า เมื่อต้นเดือนนี้นาย Peter Cook ที่ตั้งของกลุ่มกบฏซีเรียที่เข้าร่วมการฝึกจากสหรัฐฯเพื่อต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธไอซิสไม่ชัดเจน และกล่าวเพิ่มเติมว่า กรุงวอชิงตันรู้สึกเป็นกังวลใจว่า กลุ่มกบฎบางคนอาจจะเข้าร่วมกับกลุ่ม al-Nusra Front ซึ่งเป็นสาขาของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า (al-Qaeda) ในซีเรียก็ได้ (นั่นไง! เริ่มสารภาพออกมาทีละนิดๆ แล้ว)
    นายพลออสตินกล่าวว่า "[พวกนักรบ] ฝ่ายที่กำลังต่อสู้อยู่ในตอนนี้มี (จำนวนเหลือเพียง) เออ… เรากำลังบอกว่า 4 หรือ 5 " หลังจากที่ถูกตั้งคำถามถึงจำนวนที่แท้จริงของนักรบซีเรียที่ฝึกโดย (กองทัพ) สหรัฐฯที่มีส่วนในการสู้รบกับพวกไอซิสอยู่ในปัจจุบันนี้ (ฮ้ิววว! เหลือแค่ 4-5 คนเองครับท่าน แล้วที่เหลือหายไปไหนหมดหละครับท่าน?)
    คำตอบอยู่ตรงนี้... รายงานข่าวจากสำนักข่าว Hurriyet Daily News ของตุรกีเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 พาดหัวข่าวว่า "ตุรกีปฏิเสธส่งสัญญาณให้กลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้าถล่มนักรบ (กบฏสายกลาง) ที่ฝึกโดยสหรัฐฯ" รายงาข่าวจาก Sputnik news บอกว่าเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กบฎชาวซีเรียที่ได้รับการฝึกโดยสหรัฐฯจำนวน 54 คนและผู้บัญชาการได้ถูกส่งเข้าไปในเมืองแห่งหนึ่งของซีเรีย ตามแนวชายแดนของตุรกี ซึ่งถูกโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธ Nusra Front ทันที ผู้บัญชาการและกบฏสายกลางซีเรียเด็กเลี้ยงของสหรัฐจำนวน 20 คนถูกกลุ่ม Nusra Front จับตัวไว้ รายงานจาก McClatchy
    มุกนี้ตื้นไปหรือเปล่า? มีอะไรเป็นหลักฐานว่าถูกจับไปหรือเป็นเพียงการจัดฉากเล่นละครตบตาชาวโลกว่าถูกซุ่มโจมตีและถูกกลุ่มติดอาวุธ Nusra Front ควบคุมตัว แทนการบอกว่าพวกนั้นก็เป็นพวกเดียวกันนี่เอง ตอนอ้างจะผลาญงบประมาณเงินภาษีประชาชนของชาวอเมริกันก็บอกว่าเป็นพวก "กบฏสายกลาง" สหรัฐฯฝึกขึ้นมาเพื่อให้ไปต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายและรัฐบาลอัสซาด พอจบหลักฐานแถมอาวุธให้ฟรีและมีพ็อกเก็ตมันนี่ให้ด้วย แล้วส่งออกไปก็บอกว่าหายตัวไปแล้ว ถูกกลุ่มอัลเคด้าจับตัวไปแล้ว จากนั้นก็ลงข่าวว่ากลุ่มอัลเคเด้ออกมาประกาศว่าจะต่อสู้กับพวกไอซิส เพื่ออะไร? ก็เพื่อรักษาภาพพจน์ของอัลเคด้าเอาไว้ใช้งานในโอกาสต่อไปว่าไม่ใช่พวกไอซิส อย่างกรณีของตาลีบันในอัฟกานิสถานที่ตอนแรกสหัฐฯออกมาประกาศว่าเป็นพวกก่อการร้าย แต่ต่อมาโอบาม่าบอกว่าอัลเคด้าไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เป็นแค่พวกติดอาวุธหัวรุงเท่านั้น ล่าสุดอดีตผอ.ซีไอเอก็ออกมาเสนอแผนให้ใช้กลุ่มตาลีบันต่อสู้กับกลุ่มไอซิสซะงั้น เอากะอเมริกาดิ ก็เขามีรัฐบาลอยู่แล้วทำไมถึงไม่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลท้องถิ่นของเขาหละ? ทำไมจะต้องไปให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธ กลุ่มกบฏต่างๆด้วย ก็จะเลี้ยงไว้ใช้งานป่วนประเทศเหล่านั้นไปเรื่อยๆอย่างนี้แหละ ใครคือพี่เบิ้มของผู้ก่อการร้ายตัวจริงกันแน่?
    วันที่ 15 ก.ย.58 Sputnik พาดหัวข่าวอีกว่า "สหรัฐฯเลือกที่จะทำงานร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้าต่อกรณีของรัสเซียในซีเรีย" (US Chooses to Work With Al-Qaeda Over Russia on Syrian Issue) เอาแล้วไง หันไปจับมือกับโจรอีกแล้ว เรื่องคบกับโจรนี่รู้สึกว่าจะเป็นงานถนัดของจักรวรรดิเฮเกจริงๆเลยนะนี่
    Alexandre del Valle นักการเมืองชาวฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sputnik news ว่า เมื่อมาถึงการให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงไอซิสในซีเรียเพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดี บาชาร์ อัสซาด พวกตะวันตกก็ไม่มีความคิดเห็น
    ข้อเท็จจริงก็คือว่า ขณะนี้สหรัฐฯสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้าในการต่อสู้กับพวกไอซิส และประธานาธิบดีอัลอัสซาดเป็นความผิดมหันต์ซึ่งมีแต่จะสร้างปัญหาความวุ่นวายขนาดหนักให้กรุงวอชิงตันในอนาคต
    Alexandre del Valle กล่าวว่า "การออกมากล่าว (-หา) ว่าปธน.บาชาร์ อัลอัสซาดเป็นปีศาจร้ายยิ่งกว่าพวกไอซิสที่เป็นอันตราย และการกล่าวว่าสามารถเจรจาต่อรองกับพวก jihadists กลุ่มอื่นได้ [al-Qaeda และกลุ่มที่เรียกว่ากบฏซีเรียสายกลาง] นั้นเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง... ยุทธศาสตร์นี้บ้าบอสิ้นดี (This strategy is insane)"
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ (ภูมิรัฐศาสตร์) ชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า "ตะวันตกจะต้องจ่ายหนักสำหรับการเดินตามยุทธศาสตร์สงครามเย็นในครั้งนี้ เมื่อกรุงวอชิงตันและพันธมิตรให้การสนับสนุนเป็นอย่างมากกับทุกๆคนที่ต่อต้านพันธมิตรของรัสเซียและอิหร่าน ซึี่งเป็น (/ถูกจักรวรรดิเฮเกกับพวกตราหน้าว่าเป็น) "คนเลว (bad guys)" ในทุกวันนี้ ยุทธศาสตร์นี้เป็นเรื่องงี่เง่าบัดซบชัดๆ (This strategy is foolish ขออภัยที่ไม่สุภาพ ถ้าแปลอย่างอื่นเกรงว่าความหมายอาจจะผิดเพี้ยนจากเจตนาเดิมของผู้พูด) เป็นอันตราย และไม่สร้างสรรค์ เนื่องจากมันจะตกไปอยู่ในมือของพวกไอซิส อัลเคด้า และกลุ่มหัวรุนแรงอื่นๆอีกหลายกลุ่ม"
    คราวนี้ก็มาวิแคะกันเล่นๆดูบ้างนะครับ... ตอนแรกก็ถล่มอัฟกานิสถานซะยับเยินอ้างว่าเพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายตาลีบันและไล่ล่าบินลาเดนเพื่อแก้แค้นเหตุการณ์ 9/11 ยกกองทัพนาโต้เข้าไปช่วยกันรุมยำอัฟกานิสถานเต็มที่ หลังจากที่ธุรกิจฝิ่นและเฮโรอีนในอัฟกานิสถานเข้าที่เข้าทางแล้วโดยส่งองค์กร Blackwater ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Academi ที่อยู่ภายใต้การดูแลของซีไอเอเข้าไปรับช่วงต่อ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าตาลีบันจะหมดไปจากอัฟกานิสถาน มิหนำซ้ำยังสมนาคุณให้โดยบอกว่ากลุ่มตาลีบันไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายอีกต่อไป (เพราะว่านี่คือคำสั่งของเจ้าโลกจักรวรรดิเฮเก ที่ไม่มีใครขัดขืนได้)
    จากนั้นก็ถล่มอิรัครอบสองหลังจากที่โค่นซัดดัมได้แล้ว โดยอ้างว่าเพื่อปราปปรามไอซิส แต่ดูเหมือนว่ายิ่งปราบนานเท่าไร ไอซิสในอิรัคก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ปราบไม่หมดซักที และพักหลังมานี้ไอซิสในอิรัคก็นิยมให้อาวุธเมดอินยูเอสเอซะด้วย จากนั้นก็ฝึกนักรบขึ้นมาใหม่ตั้งชื่อให้ว่าเป็นกลุ่มกบฏสายกลาง (moderate rebel) สนับสนุนทั้งด้านการฝึกซ้อม อาวุธ และเงินทุน อ้างว่าเพื่อไปต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายไอซิส และรัฐบาลซีเรีย พอฝึกเสร็จก็บอกว่าพวกกบฏหายเข้ากรีบเมฆไปแล้ว หาตัวไมเจอ ที่พอจะติดต่อได้เหลือแค่ 4-5 คนเท่านั้น กรรม! จากนั้นก็ผุดไอเดียว่า งั้นก็รวมพลังพวกกลุ่มติดอาวุธและผู้ก่อการร้ายกลุ่มต่างๆให้ต่อสู้กับไอซิสซะเลย และต่อสู้กับรัฐบาลซีเรียด้วยเพราะว่ารัฐบาลซีเรียเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย จะต้องโค่นให้ได้
    ซีเรียจึงเละเกือบจะเท่ากับลิเบียแล้ว วันหนึ่งจักรวรรดิเฮเกอาจจะบอกว่าพันธมิตรของตนในตะวันออกกลางที่เคยให้สหรัฐฯใช้สถานที่ฝึกกลุ่มกบฏสายกลางเหล่านั้น เป็นผู้สนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายซะเอง อย่างกรณีของตุรกีเป็นต้นพึ่งจะโดนมาหยกๆ แม้จะไม่พูดตรงๆก็ตาม พอมีการก่อเหตุร้ายในประเทศเหล่านั้นถี่ขึ้น ก็มีความชอบธรรมที่จักรวรรดิเฮเกจะไปก่อสงครามค้าอาวุธอีกแห่งหรือหลายแห่งเพิ่มขึ้นอ้างว่าเพื่อสิทธิมนุษยชนและปราบปรามการก่อการร้าย หารัฐบาลของประเทศนั้นๆตีตัวออกห่างจากจักรวรรดิเฮเก สุดท้ายก็เลยแยกไม่ออกเลยว่าตกลงว่ากบฏสายกลางของจักรวรรดิเฮเกในซีเรียนี้เป็นผู้ก่อการร้ายซะเองหรือไม่?
    ป.ล.ถ้าเป็นไอซิสจะขับฮัมวี่ แต่ถ้าเป็นอัลเคด้าจะขับ BMW แต่มีธงดำเขียนตัวอักษรภาษาอาหรับสีขาวเหมือนกัน บางครั้งก็ปิดหน้าปิดตา บางครั้งก็เปิดหน้า ก็เลยแยกไม่ออกว่า พวกไหนคือไอซิสและพวกไหนคืออัลเคด้า
    The Eyes
    17/09/2558

    ภาพจาก © AP Photo/ Muhammed Muheisen

    -----------
    US Train-Equip Program in Syria Needs Changes - White House
    CENTCOM Confesses: Only ‘4 or 5’ US-Trained Syrian Rebels Fight ISIL
    US, Turkey Struggle to Define Syrian 'Moderates' for Proposed 'Safe Zone'
    US Starts Training New Group of Syrian Rebels to Fight ISIL – CENTCOM
    Turkey refutes tipping al-Qaeda group to US-trained fighters - DIPLOMACY
    Syrian rebels: Turkey tipped al Qaida group to U.S.-trained fighters | McClatchy DC
    Turkey Denies Alerting Abductors of US-Trained 'Moderate' Syrian Fighters
    Al-Qaeda Declares War on ISIL
    US Taps Al-Qaeda to Fight ‘Insane’ Asymmetric War in Syria
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    พิธีกรเยเมน สวมชุดอิห์รอม ออกรายการ เพื่อประท้วงซาอุฯ ไม่ออกวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญชาวเยเมน โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ย. 13, 2015

    [​IMG]

    พิธีกรเยเมน สวมชุดอิห์รอม และกล่าว “ลับบัยกัลลอฮ์” ออกรายการ ต่อหน้าสาธารณชน เพื่อประท้วงซาอุฯ ที่ไม่ยอมออกวิซ่าให้กับผู้แสวงบุญชาวเยเมน

    อิรน่า อ้างจากสถานีทีวีอาหรับ 21 จากกรุงซานา ว่า ก่อนที่จะเข้าสู่รายการ พิธีกรคนดังกล่าว ได้เริ่มกล่าวทักทายรายการ ด้วยประโยค “ ลับบัย กัลลอฮ์ ฮุม มาลับบัยก”

    ในเรื่องนี้ พลเมืองเยเมนนับพันคน ออกมาเดินประท้วงในใจกลางกรุงซานา เพื่อประณามซาอุดิอาระเบีย ที่ไม่ยอมออกวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญชาวเยเมน

    บรรดาผู้ประท้วง ยังได้สวมใส่ชุดอิห์รอม พร้อมกับตะโกนคำขวัญ “ ลับบัย กัลลอฮ์ ฮุมมาลับบัยก” ตลอดเส้นทางในการเดินประท้วง

    ผู้เข้าร่วมประท้วงแสดงความประหลาดใจที่ทางการซาอุฯ ไม่ออกวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญชาวเยเมน และประณามการเข้าแทรกแซงเรื่องศาสนาจากเหตุสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างสองประเทศ ที่ซาอุฯบุกโจมตีเยเมน และนี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์เยเมน ที่ถูกซาอุฯสั่งห้ามไม่ให้ไปประกอบพิธีฮัจญ์

    ผู้ประท้วงยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าซาอุฯ มีการทบทวนการตัดสินใจดังกล่าวใหม่อีกครั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้พลเมืองเยเมน ได้ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในนครมักกะห์



    การเดินประท้วงประณามซาอุฯ ไม่ออกวิซ่า มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา
    ایرنا - مجری تلویزیون یمن با لباس احرام در مقابل دوربین

    รายงานภาพ การเดินประท้วงประณาม ซาอุ กรณีไม่ยอมออกวิซ่า ให้กับผู้แสวงบุญชาเยเมน
    تظاهرات مسلحانه یمنی‌ها علیه رژیم سعودی/ رمی جمرات نمادین حجاج در صنعاء + تصاویر - خبرگزاری اهل بیت (علیهم‌السلام) - ابنا - اخبار شیعیان و ت

    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    พิธีกรเยเมน สวมชุดอิห์รอม ออกรายการ เพื่อประท้วงซาอุฯ ไม่ออกวีซ่าให้กับผู้แสวงบุญชาวเย
     
  15. pornch

    pornch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2013
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +159
    มัวไปปลอกเปลือกทรราชที่ไหน ทรราชในประเทศไทยนี่ทำความฉิบหายมาเท่าไรแล้วกำลังจะฉิบหายต่อไปอีกเศรษฐกิจก็เจ๊งแล้วเจ๊งอีกหลับตาทำไม่รู้ไม่ชี้ ไปปลอกที่อื่นทำไม
     
  16. อริยะบาป

    อริยะบาป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +121
    เขาก็กำลังเร่งพิพากษาคดีอยู่ไง คดีกรุงไทย คดีข้าว คดี AIS และอีกเยอะแยะ ถูกต้อง...ประเทศฉิบหายมากมายจริงๆ...แต่จะฉิบหายต่อไป...ถ้าคนไทยไม่ใช้สมองไตร่ตรองอย่างแท้จริง ว่าใครกัน ที่ทำให้ประเทศฉิบหาย...

    คนที่เข้ามาอ่านในนี้ เขาอยากรู้รอบด้าน รอบโลก ความเห็น การวิเคราะห์ที่หลากหลาย ก็ไม่ค่อยจะเห็นใครเขาว่าติติงอะไรเลยนะ อีกอย่าง เขาก็แชร์จากที่อื่นมา ถ้าอยากต่อว่า ก็ไปต่อว่าที่เวปเพจจริงๆเขาเลยสิ

    คนหนึ่งไม่พอใจ ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นอีกมากมาย จะไม่พอใจด้วย ส่วนใหญ่ก็น่าจะอยากอ่านอยู่ ไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้ามาอ่านสิ มีกระทู้อีกเป็นร้อยเป็นพันให้อ่าน หรือไม่ก็ตั้งกระทู้ใหม่ไปเลย เขียนในสิ่งที่ชอบ เชียร์คนที่คุณชอบไปเลย...
     
  17. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    นิสัยคนไทยขี้สงสาร เลือกตั้งทีก็นะ :boo:
     
  18. เห็ดถอบ

    เห็ดถอบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +300
    ประเทศกำลังก้าวเดินแต่ต้องกำจัดผีเปรตทั้งหลายที่คอยขัดขวางและดูดกินผลประโยชน์ของชาติ คดีข้าวกันยานี้จบแน่นอนในส่วนของเพ่งซึ่งมูลค่าความเสียหายมากกว่า5แสนล้านและคอยจับตาพวกเปรตและอสุรกายทั้งหลายที่หนีตายจากอาญาทหาร อ่อออ บอกอะไรอย่างการที่คุณไปไล่เจ้าของบ้านนี่มันตลกอุบาทว์สิ้นดี หากไม่ชอบไม่พอใจก็อย่าเข้ามาไปเปิดหน้าเป็นของตัวเองซิ
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทรราชในไทย เอาข่าวมาลงไม่ได้น่ะครับ ลืม พรบ ลิขสิทธิ์ ฉบับใหม่หรือเปล่าครับ เมื่อก่อนผมชอบเอาข่าวมาลงตอนนี้ยังไม่กล้าเลยครับ กลัว คุกน่ะครับ
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    สงครามในซีเรีย ผู้ก่อการร้ายไอซิสและโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของตะวันตก: 10 คำพูดจากบทสัมภาษณ์ปธน.อัสซาด

    [​IMG]

    -------------
    ในการให้สัมภาษณ์ที่หาได้ยากกับสื่อฯรัสเซียซึ่งรวมทั้ง RT ด้วย ประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซาดได้เปิดประเด็นเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย วิกฤตผู้ลี้ภัย และ propaganda ของพวกตะวันตก อัสซาดได้ย้อนกลับในประวัติศาสตร์ โดยกล่าวว่าการที่สหรัฐฯรุกรานอิรัคได้ตั้งเวทีความไม่สงบขึ้นมาในซีเรีย
    ต่อไปนี้เป็นบางส่วนของคำพูดของปธน.อัสซาดที่สำนักข่าวตัดมาจากบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มที่ยาวมาก ซึ่ง RT ได้นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา
    1.) ว่าด้วยเรื่องสาเหตุของสงครามกลางเมืองในซีเรีย
    "มันเป็นสงครามอิรัคในปี 2003 เมื่อสหรัฐฯรุกราน (invaded) อิรัค เราได้คัดค้านเต็มที่ต่อการรุกรานครั้งนั้น เพราะว่าพวกเรารู้ว่าหลายสิ่งกำลังดำเนินไปในทิศทางของความแตกแยกในสังคม และก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นมา และพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านของอิรัคด้วย"
    2.) ว่าด้วยเรื่องไอซิสและขบวนการก่อการร้าย
    "มีกำลังกำลัง (หลายฝ่าย) ที่ต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายร่วมกับประเทศรัสเซียอยู่ในขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ต่อสู้กับประเทศซีเรีย (Syrian state) พวกเรามีความก้าวหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมอยากจะถือโอกาสนี้เพื่อเรียกร้องให้กองกำลังทั้งหมดร่วมมือกันต่อสู่กับขบวนการก่อการร้าย (all to unite against terrorism) เพราะว่ามันเป็นหนทางที่จะทำให้ได้รับจุดประสงค์ทางการเมืองซึ่งพวกเราในฐานะชาวซีเรีย ต้องการผ่านการเจรจา (dialoque) และการดำเนินการทางการเมือง (political action)"
    3.) ว่าด้วยเรื่องกองกำลังพันธมิตรต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิสนำโดยสหรัฐฯ
    "พวกเราไม่ได้โหวดค้าค้าน (veto) [ในฐานะหุ้นส่วน] ต่อประเทศใดๆที่เสนอว่ามีความประสงค์ที่จะต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย และไม่คัดค้านเมื่อพวกเขากำลังจะทำในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า 'กองกำลังพันธมิตรนานาชาติ' (the international coalition) ซึ่งนำโดยประเทศสหรัฐฯ ในความเป็นจริงนั้น นับตั้งแต่กองกำลังพันธมิตรนี้ได้เริ่มปฏิบัติการมา พวกไอซิสกลับได้ขยายออกไปอีก กล่าวคือพันธมิตรได้ล้มเหลวและไม่มีผลกระทบที่แท้จริงบนภาคพื้นดิน" (หมายถึงไม่มีผลกระต่อพวกไอซิส มีแต่ความพินาศย่อยยับของซีเรีย แต่นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลโอบาม่าและสื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตกป่าวร้องให้ประชาชนทั่วโลกว่า "ชัยชนะ" บนความย่อยยับของซีเรียนี่นะ?)
    4.) ว่าด้วยเรื่องวิกฤตผู้ลี้ภัย
    "ถ้าพวกคุณมีความกังวลเกี่ยวกับ [ผู้ลี้ภัย - refugees] จงหยุดให้การสนุนพวกผู้ก่อการร้ายซะ นั่นคือสิ่งที่พวกเราคำนึงเกี่ยวกับวิกฤตนี้ นี่เป็นแกนหลักของปัญหาผู้อพยพทั้งหมด"
    5.) ว่าด้วยเรื่องความร่วมมือกับสหรัฐฯ
    "ไม่มีความร่วมมือหรือการติดต่อระหว่างรัฐบาลซีเรียและรัฐบาลสหรัฐฯ หรือระหว่างกองทัพซีเรียและกองทัพสหรัฐฯแม้แต่ครั้งเดียว" (จะร่วมมือได้ยังไง เพราะว่าเป้าหมายหลักของสหรัฐฯและตะวันตกก็คือโค่นล้มอัสซาด แม้อัสซาดจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนมิถุนายน 2014 ด้วยคณะแนนเสียงถึง 88.7% ผู้มาออกเสียงลงคะแนน 73.42% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด 11.63 ล้านคน ก็ตามแต่สหรัฐฯและตะวันตกที่บอกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยกลับไม่ยอมรับชัยชนะของเขาในครั้งนี้)
    6.) ว่าด้วยเรื่องกองทัพของซีเรียกับหน่วยข่าวกรองของฝ่ายผู้ก่อการร้าย
    "ปัจจุบันนี้พวกเรามีนักรบผู้ก่อการร้ายจาก 80-90 ประเทศ ดังนั้นศัตรูของพวกเราจึงเพลิดเพลินเป็นอย่างมากกับการสนับสนุนในต่างๆ จากกลุ่มคนที่เข้ามาต่อสู้เคียงข้างกับเหล่าผู้ก่อการร้าย ในส่วนของกองทัพนั้น มีเฉพาะที่สร้างขึ้นมาจากซีเรียเท่านั้น ดังนั้นเราจึงได้สำรองกองกำลังไว้ และนี่คือสิ่งที่ทำให้เรายังสามารถดำเนินการต่อไปได้"
    7.) ว่าด้วยเรื่องโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองของตะวันตกที่ตำหนิอัสซาดในเรื่องสงครามกลางเมือง
    "Propaganda ของพวกตะวันตก นับตั้งแต่เริ่มต้นแล้วนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาในการเป็นประธานาธิบดี ทำไมหนะหรือ? ก็เพราะว่าพวกเขาต้องการที่จะโยนปัญหาทั้งหมดที่แผ่นอยู่ในซีเรียมาไว้ที่คนๆเดียวนะสิ"
    8.) ว่าด้วยเรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาทางการเมืองต่อวิกฤตซีเรีย
    "ผมคิดว่าพวกเราจะต้องดำเนินการเจรจากันต่อไป ระหว่างฝ่ายต่างๆในซีเรีย ระหว่างกลุ่มการเมือง หรือระหว่างกระแสการเมืองต่างๆ ควบคู่กันไปกับการต่อสู้กับขบวนการก่อการร้าย เพื่อให้บรรลุผล หรือให้เข้าถึงฉันทามติเกี่ยวกับอนาคตของซีเรีย ดังนั้น นั่นคือสิ่งที่พวกเราจะต้องดำเนินต่อไป"
    9.) ว่าด้วยความร่วมมือกับอิหร่าน
    "ความสัมพันธ์ระหว่างซีเรียกับอิหร่านเป็นความสัมพันธ์ที่เก่าแก่ (มีมานาน) มันเป็นความสัมพันธ์ที่มีมานานถึงสามสิบปีห้าปีแล้ว มีความสัมพันธ์กันที่อยู่ในระดับของความไว้วางใจที่ดีเลิศ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเราถึงเชื่อว่าบทบาทของอิหร่านเป็นสิ่งที่สำคัญ"
    10.) ว่าด้วยเรื่องชาวเคิร์ด
    "สำหรับพวกเราแล้ว ชาวเคิร์ด (Kurds) เป็นส่วนหนึ่งของผืนผ้าซีเรีย พวกเขาไม่ได้เป็นชาวต่างชาติ - พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ในภูมิภาคนี้เหมือนกับชาวอาหรับ เคอร์คัสเซียน อาร์เมเมียน และกลุ่มชาติพันธุ์และนิกายอื่นๆอีกมากมายที่ใช้ชีวิตอยู่ในซีเรียมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว" (ปัจจุบันนี้ชาวเคิร์ดในซีเรียร่วมือกับรัฐบาลซีเรียจับอาวุธขึ้นต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายไอซิส มีนักรบหญิงชาวเคิร์ดเข้าร่วมฝึกทหารและต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายเป็นจำนวนมาก)
    The Eyes
    19/09/2558
    เพจ: ปอกเปลือก ทรหราช
    --------------
    Syrian war, ISIS & Western propaganda: Assad interview in 10 quotes — RT News
    ‘West crying for refugees with one eye, aiming gun with the other’ – Assad (FULL INTERVIEW) — RT News
     

แชร์หน้านี้

Loading...