ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ความสุดโต่งอย่างเคร่งจัด, ความเคร่งจัดอย่างสุดโต่ง : นโยบายกวาดล้างทางศาสนาของซาอุดิอารเบียขยายไปทั่วตะวันออกกลาง
    “ไอซิซ และซาอุดิอารเบียโดยผ่านทางไอซิซ ได้ประกาศสงครามกับพหุนิยมทางศาสนา เพื่อบังคับใช้หลักคำสอนและการตีความศาสนาอิสลามอย่างคับแคบของตนในตะวันออกกลาง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่แท้จริงที่นี่กำลังถูกทุกคนทำเป็นหูหนวกตาบอดกับมัน” นักวิชาการทางศาสนาผู้หนึ่งบอกกับ MintPress

    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ย. 10, 2015 320
    แบ่งปันบนเฟสบุ๊ค ทวีตบนทวิตเตอร์


    [​IMG]

    @(ภาพ) เชคอับดุลอาซิซ อัล-เชค ของวะฮาบี มุฟตีใหญ่แห่งซาอุดิอารเบีย และหัวหน้าสภานักวิชาการศาสนาอาวุโส ละหมาดที่มัสยิดอิหม่ามตุรกี บิน อับดุลลอฮ์ ระหว่างการละหมาดเช้าวันอีดิล-ฟิตร์ ในริยาด ซาอุดิอารเบีย
    ลอนดอน – ด้วยฉายา “ต้นน้ำของกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรง” ที่ยูซัฟ บัตต์ ที่ปรึกษาอาวุโสของสภาข้อมูลความมั่นคงอเมริกันอังกฤษตั้งให้ ซาอุดิอารเบียพบว่าตัวเองอยู่ตรงใจกลางของข้อโต้แย้งมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา

    จากการจุดประกายและสนับสนุนอุดมการณ์วะฮาบีของไอซิซ ไปจนถึงการเติมเชื้อไฟแห่งการแบ่งแยกนิกายในตะวันออกกลางเพื่อตอกย้ำวาระแห่งรัฐซุนนีล้วนของตนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะผูกขาดตลาดน้ำมัน เห็นได้ชัดว่าราชอาณาจักรแห่งนี้ได้ประกาศวาระทางศาสนาอันยุ่งยากที่ลากกลับไปสู่ยุค 1930s เมื่อกลุ่มเชิดชูคนผิวขาว (white supremacists) คิดที่จะกวาดล้างการสืบทอดทางพันธุกรรมของพวกเขาเพื่อก่อเกิดมรดกทางชาติพันธุ์ที่ “ควรค่า” กว่า บริสุทธิ์กว่า

    ถึงแม้ริยาดจะไม่ได้ออกมาตะโกนบอกจริงๆ ว่า มุสลิมชีอะฮ์ และชนกลุ่มน้อยทางศาสนาอื่นๆ ควรจะหายไป แต่ฮาซัน ซุฟยานี นักวิเคราะห์การเมืองระดับแนวหน้าของสถาบันซานาอฺเพื่อการศึกษาภาษาอาหรับ แย้งว่าคนของซาอุดี้ฯ กำลังวางรากฐานเพื่อขบวนการกวาดล้างทางศาสนา

    “ชนกลุ่มน้อยทางศาสนาในตะวันออกกลางไม่เคยตกอยู่ภายใต้การคุกคามที่เหิมเกริมขนาดนี้ ชาวคริสเตียนในอิรักและซีเรียถูกสังหารหมู่เป็นจำนวนมาก มุสลิมชีอะฮ์ถูกข่มแหงรังแก ความศรัทธาของพวกเขาถูกดูหมิ่นและถูกลงโทษโดยพวกหัวรุนแรงที่ได้รับเงินเดือนจากริยาด” ซุฟยานีบอกกับสำนักข่าว MintPress

    เขากล่าวเสริมว่า “ที่แย่กว่านั้น ราชอาณาจักรแห่งนี้ยังได้สนับสนุนเงินทุนแก่การรณรงค์ทางการเมืองต่อต้านชีอะฮ์ระดับภูมิภาคควบคู่กันไป เพื่อลิดรอนสิทธิ์ของตัวแทนทางการเมืองและทางศาสนาของชีอะฮ์ ในขณะที่ประชาคมโลกก็มีความคุ้นชินกับการทำร้ายอย่างเปิดเผยเช่นนี้”

    แต่ถ้าศาสนาถูกขับเคลื่อนมาอยู่แถวหน้าของการแบ่งแยกที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ สาเหตุสำคัญของความกราดเกรี้ยวของซาอุดี้ฯ ก็ยังคงผูกติดอยู่กับภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ อันได้แก่ การควบคุมแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซ ศาสนาและความชอบธรรมทางศาสนาเป็นแต่เพียงฉากควันเพื่อปิดบังวาระของราชอาณาจักรนี้ และสร้างประเด็นปลุกระดมสำหรับโลกมุสลิมซุนนี

    ชุมชนชีอะฮ์ค่อนข้างจะมีอยู่หนาแน่นในพื้นที่อุดมน้ำมัน แม้ว่านี่จะเป็นไปโดยไม่เจตนาก็ตาม Times of India ได้รายงานในบทวิเคราะห์บทหนึ่งเมื่อปี 2006 เกี่ยวกับความขัดแย้งจากการแบ่งแยกทางนิกายในอิรักไว้ดังนี้ “บ่อน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศหลายแห่งอยู่ในภาคใต้ของชิอะฮ์ และที่เหลืออยู่ในดินแดนชาวเคิร์ดทางเหนือ ไม่มีน้ำมันอยู่ในบริเวณสามเหลี่ยมของซุนนีตรงกลางของประเทศเลย”

    จอห์น วายแมน นักวิจัยด้านขบวนการหัวรุนแรงของสถาบันซานาอฺ กล่าวว่า ขณะที่การอุปถัมภ์และความกดดันทางการเมืองได้บดบังวาระในการกวาดล้างทางศาสนาของริยาดจากสายตาของสื่อไป แต่หลักฐานการมีอยู่ของมันก็มากล้นจนเกินกว่าจะเมินเฉยได้ เขาอธิบายว่า

    “ถึงแม้ว่าริยาดจะปกปิดแนวทางของตนด้วยการใช้นโยบายแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศในตะวันออกกลาง แต่สาระสำคัญพื้นฐานก็ยังคงเป็นไปเพื่อให้แนวคิดแบบวะฮาบีเป็นรูปแบบทางศาสนาที่ถือปฏิบัติได้เพียงรูปแบบเดียว เหตุการณ์เมื่อปี 2011 ได้ผลักดันความเป็นวะฮาบีของภูมิภาคนี้จากการแอบแฝงมาสู่ความรุนแรงอย่างเปิดเผย”

    ที่จริง เงาแห่งลางร้ายของริยาดได้ตั้งตระหง่านเหนือความน่าสะพรึงกลัวของภูมิภาค ตั้งแต่การแบ่งแยกทางนิกายในเลบานอนไปจนถึงการถอนสัญชาติต่อชาวชีอะฮ์ในบาห์เรน และจากการประหัตประหารชาวชีอะฮ์และชาวคริสเตียนในอิรักไปจนถึงการมุ่งโจมตีเป้าหมายที่เป็นชุมชนชาวซัยดีในเยเมน ตำแหน่งของริยาดในความโหดร้ายป่าเถื่อนเหล่านี้คือความเป็นจริงที่หลายคนเลือกที่จะเมินเฉยหรือไม่ก็ตามืดบอดจนเกินกว่าจะมองเห็น

    เพื่อรักษาความเป็นจ้าวแห่งภูมิภาค และได้นั่งร่วมโต๊ะของกลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ (Big Oil) ราชอาณาจักรแห่งนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรที่มันจะไม่ทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันหมายถึงการขัดขวางการเกิดขึ้นของขบวนการจลาจลที่นำโดยชีอะฮ์และด้วยการจูงใจของอิหร่านทั่วทั้งคาบสมุทรอาหรับและดินแดนของชีอะฮ์ ที่ซึ่งบ่อน้ำมันส่วนใหญ่ในแถบอ่าวตั้งอยู่ เพื่อควบคุมน้ำมัน ซาอุดิอารเบียปลุกปั่นสร้างเรื่องระหว่างซุนนีชีอะฮ์เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน

    มรดกอันตราย หลักคำสอนที่มีพื้นฐานอยู่บนการแบ่งแยกนิกาย

    ระบอบเทวาธิปไตยเบ็ดเสร็จที่มีพื้นฐานอยู่บนการตีความศาสนาอิสลามแบบสุดโต่งและย้อนแย้ง คือระบอบวะฮาบีของซาอุดิอารเบียที่ได้เป็นหัวหอกในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ทางศาสนาอย่างกว้างขวางในตะวันออกกลางมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ด้วยหวังที่จะประกาศการเรียกร้องของผู้ก่อตั้งเพื่อการกวาดล้างทางศาสนาครั้งใหญ่ในโลกอิสลาม

    จักรวรรดิ์อังกฤษ และต่อมาสหรัฐฯ ด้วย มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบอบการปกครองแบบสุดโต่งนี้ มันถูกใช้ประโยชน์โดยกษัตริย์เพื่อเป็นอาวุธในการต่อสู้กับทั้งอาณาจักรออตโตมานและอาณาจักรเปอร์เซีย ลัทธิวะฮาบีถูกใช้เป็นอาวุธในการทำลายเสถียรภาพมวลชนและสร้างความแตกร้าวทางสังคมการเมือง

    “พวกโลกานิยมได้ช่วยกันสร้างและสนับสนุนการเงินแก่องค์กรก่อการร้ายทั้งหมดแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ รวมทั้งกลุ่มภราดรภาพมุสลิมในอียิปต์ ฮามาสในปาเลสไตน์ และมุญาฮิดีนอัฟกัน แต่ประวัติศาสตร์การตีสองหน้านี้ยังย้อนกลับไปได้ไกลจนถึงศตวรรษที่ 18 เมื่อองค์กรฟรีเมสัน (Freemasons) ของอังกฤษได้สร้างลัทธิวะฮาบีแห่งซาอุดิอารเบียขึ้นมาด้วยตัวเอง เพื่อส่งเสริมวัตถุประสงค์ในการแผ่อำนาจของตนเอง” เดวิด ลิวิงสโตน นักประวัติศาสตร์และนักเขียนชาวแคนาดา ได้เขียนในปี 2006 โดยอ้างอิงถึงบทความปี 2002 ของปีเตอร์ กู้ดเกม

    สาระสำคัญอย่างหนึ่งของระบอบนี้ของซาอุดี้ฯ เกี่ยวพันโดยตรงกับมุฮัมมัด อิบนฺ อับดุลวะฮาบ ผู้ก่อตั้งลัทธิวะฮาบี และวิธีที่ความเคร่งครัดอย่างสุดโต่งของเขาถูกนำมาใช้โดยอิบนฺ ซาอูด ผู้สถาปนาราชวงศ์ซาอูด เพื่อบังคับรวบรวมดินแดนฮิญาซ (ชื่อเดิมของซาอุดิอารเบีย) ขณะที่ฝ่ายหลังในเวลานั้นนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้นำชนกลุ่มน้อยคนหนึ่งในบรรดาชาวเผ่าเบดูอินที่รบราปล้นชิงกันไม่หยุดหย่อนในทะเลทรายแห่งนัจญด์ที่ร้อนระอุและยากจนเหลือแสน การยึดมั่นต่อลัทธิวะฮาบีของราชวงศ์ซาอูดได้ก่อให้เกิดอาณาจักรวะฮาบีหัวรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง

    ไม่กี่ชั่วอายุคนต่อมา ลัทธิวะฮาบีได้ผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจที่ทรงอิทธิพลทางศาสนาที่ฝังรากอยู่ในขุมน้ำมันอันยิ่งใหญ่ของอัลซาอูด ที่ยังไม่อาจมองข้ามได้เพราะได้รับการหนุนหลังโดยมหาอำนาจตะวันตก

    ลิวิงสโตนได้เขียนต่อไปว่า

    “ในที่สุด การสนับสนุนเงินปิโตรดอลลาร์อย่างฟุ่มเฟือยของ Rothschild ที่ให้แก่ราชวงศ์ซาอุดี้ฯ นั้น ได้ทำให้มันสามารถเผยแพร่ศาสนาอิสลามฉบับนอกคอกออกไปยังส่วนอื่นๆ ของโลกได้ ที่น่าสังเกตที่สุดคือในอเมริกา ที่พวกเขาได้ให้เงินอุดหนุนแก่มัสยิด 80% ในประเทศ เป็นศาสนาอิสลามในแบบที่ให้ความตระหนักรู้ทางการเมืองถูกแทนที่ด้วยความดึงดันไร้เหตุผลกับความคลั่งไคล้ทางพิธีกรรม”

    ดร.จอห์น แอนดริว มอร์โรว์ ผู้อำนวยการ Covenants Initiative ได้อธิบายว่า ทฤษฎีหนึ่งของหลักคำสอนแบบวะฮาบีได้กระตุ้นให้เกิดแนวคิดตักฟีรีขึ้น ซึ่งเป็นการฆ่าทุกคนที่เห็นว่าอยู่ในสถานะละทิ้งศาสนาได้อย่างถูกกฎหมาย


    “อับดุลวะฮาบประณามมุสลิมทุกคนที่คัดค้านไม่เห็นด้วยกับการตีความคัมภีร์อิสลามแบบถือสันโดษและลดทอนของตน โดยให้เหตุผลว่า ความตายของพวกเขาไม่เพียงแต่เป็นที่อนุญาตเท่านั้น แต่ยังน่าปรารถนาเสียด้วยซ้ำ เพื่อที่อิสลามจะได้สะอาดบริสุทธิ์” มอร์โรว์บอกกับ MintPress

    ผู้ก่อตั้งลัทธิวะฮาบีถือว่า ไม่มีมุสลิม “ที่แท้จริง” คนใดควรจะให้เกียรติแก่คนตาย นักบุญ หรือเทวทูต เขาให้เหตุผลว่า ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้เสียความเคารพเชื่อฟังที่มุสลิมต้องรู้สึกต่อพระเจ้า และพระเจ้าเท่านั้น

    ใครที่ไม่ปฏิบัติตามจะถูกฆ่า ภรรยาและลูกสาวของเขาจะถูกล่วงละเมิด และทรัพย์สินของเขาจะถูกริบ อับดุลวะฮาบแนะนำเอาไว้ เป็นการห่อหุ้มวาระอันน่ากลัวของไอซิซที่มีต่อชุมชนทางศาสนาทั้งหมดในตะวันออกกลางไว้ด้วยการตวัดปลายปากกาครั้งเดียว

    บัญชีรายชื่อของผู้ละทิ้งศาสนาที่ควรได้รับความตายประกอบไปด้วย ชีอะฮ์, ซูฟี และมุสลิมนิกายอื่นๆ ซึ่งอับดุลวะฮาบได้ตราหน้าว่าไม่ได้เป็นมุสลิมโดยเนื้อแท้ และด้วยเหตุนี้จึงสมควรถูกลงโทษ

    คำพูดและคำสอนของเขาได้กระตุ้นให้นักรบทั้งหลายได้ลาดเส้นทางแห่งเลือดและความทุกข์ยากเข้าไปในตะวันออกกลางมาหลายศตวรรษแล้ว อุษมาน อิบนฺ บิชร์ นัจญ์ดี นักประวัติศาสตร์แห่งรัฐซาอุดี้ฯ สมัยแรก ได้บันทึกเกี่ยวกับวิธีการที่อิบนฺ ซาอูด ต้นตระกูลของราชวงศ์ซาอูด ได้กระทำการสังหารหมู่ในกัรบาลา ปี 1801 เขาเล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า “เรายึดกัรบาลา และเข่นฆ่า และจับตัวประชาชน (มาเป็นทาส) และแล้ว การสรรเสริญเป็นของอัลลอฮ์ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก และเราไม่ขอโทษสำหรับสิ่งนั้น และกล่าวว่า : และแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น คือการลงโทษเช่นเดียวกัน”

    ในหนังสือเมื่อปี 2001 ของโจชัว ไทเทลบอม เรื่อง “ Rise and Fall of the Hashimite Kingdom of Arabia” เขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 1803 ที่อิบนฺ ซาอูด ได้เข้าจู่โจมเมืองมะดีนะฮ์อันศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะเข้าสู่มักกะฮ์ในฐานะผู้พิชิต เขาได้เล่ารายละเอียดว่าเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของอิสลามได้ยอมแพ้ต่อผลกระทบของความหวาดกลัวและความเสียขวัญอย่างไร และวะฮาบีได้ทำลายอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งสุสาน และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพอย่างไรบ้างในทั้งสองคราวนั้น โดยได้สร้างความเสียหายให้กับมรดกทางศาสนาของอาหรับด้วยความคลั่งศาสนา

    ปัจจุบัน ไอซิซกำลังดำเนินการบุกจู่โจมทำลายล้างและเข่นฆ่าในแบบเดียวกัน เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ไอซิซได้เผยแพร่ภาพทางสื่อสังคมที่อ้างว่าเพื่อเป็นหลักฐานการทำลายวิหารพัลไมรา (Palmyra) โบราณสถานแห่งหนึ่งของซีเรีย

    The Guardian ได้รายงานว่า ภาพถ่ายเหล่านั้น “แสดงให้เห็นว่าวิหารนั้นถูกทำลายจนเป็นกองหิน” หนึ่งในข้อความบรรยายภาพโดยไอซิซมีใจความว่า “การทำลายวิหารนอกรีตบาลชามิน (Baal Shamin) จนสิ้นซาก”
    นิตยสารไทม์ ได้เผยแพร่บทความหนึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แสดงความกังวลว่า ไอซิซได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยในอิรัก โดยเน้นไปถึงเรื่องวาระทางศาสนาของกลุ่มก่อการร้ายนี้ และหลักการพื้นฐานของลัทธิวะฮาบี
    วาระแห่งการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์ (eugenics agenda)

    วิลเลียม สเปนเซอร์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิมนุษยชน บอกกับนักข่าวเมื่อต้นปีนี้ว่า “ในขณะที่ปฏิบัติการทางทหารต่อไอซิซครองพื้นที่พาดหัวข่าว แต่ปัจจุบันนี้ยังไม่มีความพยายามอย่างจริงจังที่จะนำผู้กระทำผิดที่ก่ออาชญากรรมต่อชนกลุ่มน้อยมาสู่กระบวนการยุติธรรม”

    เขากล่าวเสริมว่า “ชนกลุ่มน้อยเป็นเป้าหมายแรกของการเลือกปฏิบัติและความรุนแรงก่อนหน้าการมาถึงของไอซิซ ตอนนี้พวกเขาเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ต่อการดำรงอยู่ของพวกเขาจากการโจมตีของไอซิซ”

    ชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นยังคงเป็นกลุ่มเดิมๆ อยู่เรื่อยไป อันได้แก่ ชาวยาซิดี, คริสเตียน, มุสลิมอาลาวียะห์, มุสลิมชีอะฮ์, มุสลิมซูฟี และแม้แต่มุสลิมซุนนี ก็ถูกจับเพราะปฏิเสธลัทธิวะฮาบี

    วาระแห่งการกวาดล้างทางศาสนาของไอซิซถ้าไม่ถูกนำมาเผชิญหน้าโดยตรงก็ถูกเก็บบันทึกไว้เป็นอย่างดี “ไอซิซควรจะหยุดปฏิบัติการอันโหดร้ายที่กระทำต่อชนกลุ่มน้อยทั้งในและรอบเมืองโมซุลทันที” ซาร่าห์ ลีอาห์ วิตสัน ผู้อำนวยการตะวันออกกลางของ Human Rights Watch กล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคม “การเป็นชาวเติร์ก, ชาบัค, ยาซิดี หรือคริสเตียนในอาณาเขตของไอซิซ อาจทำให้คุณต้องเสียการดำรงชีวิต, เสรีภาพ หรือแม้แต่ชีวิตของคุณได้”

    ด้วยความไม่พอใจกับความไม่แยแสของผู้นำโลกก่อนที่จะเกิดภัยคุกคามจากลัทธิเทวะฟาสซิสต์ (theo-fascism) และการกวาดล้างทางศาสนาที่นำโดยวะฮาบี ดร.จอห์น มอร์โรว์เตือนว่า ถ้าไม่มีการดำเนินการใดๆ ในเร็วๆ นี้ โลกจะต้องประสบกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ฮอโลคอสท์ (Holocaust) อีกครั้งหนึ่งด้วยน้ำมือของนาซีเยอรมนีอีกรูปแบบหนึ่ง

    Zahra Aladhab“โลกร่ำร้องเมื่อพระพุทธรูปแห่งบามิยันถูกทำลาย โลกร่ำร้องเมื่อวัดและโบสถ์ในซีเรียและอิรักถูกทำลาย โลกร่ำร้องเมื่อสถานที่อันเป็นมรดกโลกทั่วดินแดนลิแวนท์ถูกทำลาย” มอร์โรว์บอกกับ MintPress “อย่างไรก็ตาม โลกกลับนิ่งเงียบ อยู่ในความมึนงงด้วยความไม่แยแสและเสแสร้ง เมื่อพวกนัจญ์ดีวะฮาบีดำเนินการตามวาระแห่งการแบ่งแยกนิกายและชาติพันธุ์ต่อชนกลุ่มน้อยทางศาสนาทั่วภูมิภาคนี้อย่างเปิดเผย”

    เขาเสริมว่า “ไอซิซ และซาอุดิอารเบียโดยผ่านทางไอซิซ ได้ประกาศสงครามกับพหุนิยมทางศาสนา เพื่อบังคับใช้หลักคำสอนและการตีความศาสนาอิสลามอย่างคับแคบของตนในตะวันออกกลาง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่แท้จริงที่นี่กำลังถูกทุกคนทำเป็นหูหนวกตาบอดกับมัน”

    เอ็ดวิน แบล๊ก ผู้เขียนเรื่อง “War Against the Weak : Eugenics and America’s Campaign to Create a Master Race” ได้ให้นิยามคำว่า การปรับปรุงพันธุ์มนุษย์ (eugenics) ว่าเป็น วิทยาศาสตร์ลวงโลกทางชาติพันธุ์ที่มุ่งมั่นจะกวาดล้างมนุษย์ทั้งหมดที่เห็นว่า “ไม่เหมาะ” และอนุรักษ์ไว้เฉพาะบรรดาผู้ที่เชื่อฟังปฏิบัติตาม ยกตัวอย่างเช่น ภายใต้อาณาจักรที่สาม (Third Reich) ทัศนคติแบบเหมารวมของกลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic) ได้ครอบงำการบอกเล่าเรื่องราว

    แบล๊ก เขียนว่า :

    “การปรับปรุงพันธุ์มนุษย์ คงจะเป็นเรื่องพูดเล่นที่แปลกประหลาดอย่างมากถ้ามันไม่ใช่เรื่องที่ทำเพื่อการจัดหาเงินทุนอย่างครอบคลุมโดยองค์กรผู้ใจบุญทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันคาร์เนกี, มูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ และบริษัทรถไฟแฮร์รี่แมน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นพรรคพวกกันกับนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนับถือมากที่สุดบางคนของอเมริกาที่มาจากมหาวิทยาลัยที่มีเกียรติอย่างเช่น สแตนฟอร์ด, เยล, ฮาร์วาร์ด และพรินซ์ตัน นักการศึกษาเหล่านี้สนับสนุนทฤษฎีเชื้อชาตินิยม (race theory) และวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเชื้อชาติ (race science) และจึงได้อุปโลกน์และดัดแปลงข้อมูลขึ้นมาเพื่อเป้าหมายที่เหยียดเชื้อชาติของการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์”

    และแม้ว่าลัทธิวะฮาบีจะไม่ได้ทะเยอทะยานอยากสร้าง “เชื้อชาติที่บริสุทธิ์” ขึ้นมาใหม่ แต่ถึงอย่างไรมันก็พยายามที่จะยืนยัน “ศาสนาที่บริสุทธิ์” ซึ่งเป็นการตีความศาสนาอิสลามอย่างสุดโต่งและเคร่งจัด

    ตามที่แบล๊กกล่าวไว้ ถ้าเงินและอำนาจในศตวรรษที่ 20 เห็นสมควรที่จะยกระดับการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์จากที่เป็นแนวความคิดหนึ่งให้มาเป็นหลักปรัชญาและขบวนการแล้ว มันเป็นเรื่องยากมากไหมที่จะจินตนาการถึงลัทธิฟาสซิสต์ที่ถูกปรับมาเป็นการแสดงออกซึ่งความเกลียดชังแบบใหม่?

    ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ทั้งแนวคิดการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์และแนวคิดวะฮาบีต่างก็ปฏิบัติตามปรัชญาการกวาดล้างของพวกที่ภูมิใจในความเป็นเลิศของตนเองเหมือนกัน แนวคิดแรกนั้นมีพื้นฐานอยู่บนการเชิดชูเชื้อชาติ ส่วนแนวคิดหลังเชิดชูการแบ่งแยกลัทธิความเชื่อ

    แต่ในขณะที่วาระของไอซิซคือการหลั่งเลือดอย่างปฏิเสธไม่ได้และการแบ่งแยกนิกายอย่างเปิดเผย แล้วส่วนที่เหลือของภูมินี้ภาคนี้เล่าเป็นอย่างไร? “แผน” ของซาอุดิอารเบียได้แสดงออกมาอย่างไรบ้างแล้วที่นั่น?

    ร่องรอยแห่งการปรับปรุงพันธุ์มนุษย์ของซาอุดิอารเบีย

    เดือนที่แล้ว สภากาชาดร่วมกับกลุ่มสิทธิมนุษยชนประณามการทำสงครามในเยเมนของซาอุดิอารเบีย โดยกล่าวถึงความน่ากลัวที่ราชอาณาจักรแห่งนี้น่าจะอยากเก็บให้ห่างไกลจากสื่อมากกว่า

    ปีเตอร์ มอเรอร์ หัวหน้าสภากาชาติสากลบอกับนักข่าวว่าเขาไม่ค่อยได้พบเห็นการทำลายล้างในระดับนี้นัก ในการให้สัมภาษณ์กับ Associated Press มอเรอร์กล่าวว่า “ภาพที่ผมได้จากซานาอฺและเอเดน ทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่ได้พบเห็นในซีเรีย … ดังนั้น เยเมนหลังจากผ่านไปห้าเดือน ดูเหมือนกับซีเรียหลังจากผ่านไปห้าปี”


    เขายังได้กล่าวอีกด้วยว่า “อำนาจกระสุนที่เกิดจากการสู้รบบนพื้นดินและในอากาศของสงครามครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายมากกว่าสังคมอื่นๆ ที่เข้มแข็งกว่า มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่า ประชาชนมีความร่ำรวยกว่า มีทุนสำรอง และสามารถหนีรอดได้”

    ในขณะที่การทำลายล้างเยเมนเป็นความรุนแรงอย่างมีระบบ เห็นได้ชัดว่าการเสียชีวิตของพลเรือนถูกคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือของเยเมน ที่ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ปฏิบัติตามอิสลามสายซัยดียะฮ์ สาขาหนึ่งของชีอะฮ์

    จากการนับอย่างเป็นทางการขององค์กร UNICEF ของวันที่ 15 กรกฎาคม “ประชาชนเกือบ 2,800 คนเสียชีวิต และเกือบ 13,000 คนได้รับบาดเจ็บ (เป็นเด็กเสียชีวิต 279 คน และบาดเจ็บ 402 คน ตามลำดับ) และประชาชนประมาณ 1 ล้านคนต้องพลัดถิ่นภายในประเทศ (เพิ่มขึ้น 122 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วิกฤติการณ์นี้ได้เริ่มต้นขึ้น) และประมาณ 400,000 คน ได้ขอความคุ้มครองในประเทศเพื่อนบ้าน”


    ด้วยความสะเทือนใจจากรูปแบบการฆ่าของราชอาณาจักรนี้ ราวิน่า ชัมดาซานี โฆษกของสำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ได้บอกกับนักข่าวในเจนีวาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมว่า “เราขอย้ำว่า ทุกเหตุการณ์ต้องสงสัยว่าละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมในช่วงการต่อสู้นี้ควรจะได้รับการสอบสวน และการมุ่งเป้าโดยเจตนาไปยังพลเรือนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำสงครามนี้ควรต้องหยุดในทันที”
    ในขณะที่ยอดการเสียชีวิตในเยเมนก็น่ากลัวในตัวมันเองอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้พูดถึงเจตนาเบื้องหลังอาชญากรรมสงคราม และแม้ว่าเจ้าหน้าที่ซาอุดี้ฯ ไม่น่าจะ “ยอมรับความจริง” เกี่ยวกับแรงจูงใจทางการแบ่งแยกนิกายของพวกเขา แต่ทูตซาอุดิอารเบียประจำสหรัฐฯ นายอาเดล อัล-จูบีร ได้เปิดเผยถึงลักษณะที่น่าสนใจของการทำสงครามในเยเมนของราชอาณาจักรนี้เมื่อเขาได้ประกาศในการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนเมษายนว่า “ปฏิบัติการนี้กำลังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในเยเมน และมันยังไม่จบ สำหรับเราแล้วความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือก เราจะทำลายล้างพวกเฮาซีถ้าพวกเขายังไม่เข้าใจเหตุผล”

    อัล-จูบีรยังกล่าวต่อไปอีกว่า

    “เราจะไม่มอง(สงคราม) ครั้งนี้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างซุนนีกับชีอะฮ์ เรามองว่ามันเป็นกลุ่มนักรบติดอาวุธที่มีหัวรุนแรง ที่ปฏิบัติการทางทหารภายนอกรัฐบาลที่ชอบธรรม ที่ขณะนี้ครอบครองขีปณาวุธและกองทัพอากาศที่เป็นภัยคุกคามต่อเยเมน ต่อประชาชนของเยเมน ต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย และต่อภูมิภาคนี้ นี่คือสิ่งที่เราไม่สามารถทนรับได้”
    ถึงแม้ทูตผู้นี้จะยืนยันว่ามันไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างนิกาย แต่การระดมโจมตีภาคเหนือของเยเมนแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่น

    ขณะเดียวกัน บาห์เรน ลัทธิวะฮาบีกำลังปฏิบัติการภายใต้ฉากกำบังใหม่ นั่นก็คือ การถอนสัญชาติ

    ซาอีด อัล-ชีฮาบี หมอและนักเคลื่อนไหวชาวบาห์เรนที่ถูกทำให้กลายเป็นคนไร้รัฐเมื่อปี 2012 ได้อธิบายในการแสดงความคิดเห็นต่อสำนักข่าว Foreign Policy เมื่อเดือนที่แล้วว่า

    “ฝ่ายปกครอง(ราชวงศ์อัล-คอลิฟา) กำลังหมดทางเลือก มันได้ทรมานประชาชน ทำให้อดตายไปหลายพันคน ฆ่าประชาชนหลายร้อยคนอย่างเปิดเผยบนท้องถนน แต่ชาวบาห์เรนก็ยังคงยืนหยัดที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงให้ได้… การเพิกถอนสถานะพลเมืองเป็นเพียงเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่จำให้ประชาชนหวาดกลัวและขัดขวางไม่ให้พวกเขาร้องขอสิทธิของพวกเขา”


    ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกบันทึกเป็นเอกสารยาวเหยียดโดยกลุ่มสิทธิ์ต่างๆ อย่างเช่น องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนบาห์เรน-ยุโรป แต่บาห์เรนก็ยังไม่พบกับความกดดันทางการเมืองจากตะวันตก

    นาตาชา โบว์เลอร์ เขียนในรายงานข่าวให้แก่ Foreign Policy ดังนี้

    “ประชาชนส่วนใหญ่ที่ถูกทำให้เป็นคนไร้รัฐในบาห์เรนมาจากชนกลุ่มใหญ่ที่เป็นชีอะฮ์ ซึ่งสมาชิกในกลุ่มนี้มักจะทำการประท้วงต่อการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบด้วยน้ำมือของรัฐบาล ถึงแม้จะมีขนาดสองในสามของประชากร แต่ชาวชีอะฮ์แทบจะไม่มีตำแหน่งงานในกองทัพ, รัฐบาล, กระบวนการยุติธรรม หรือตำแหน่งสูงอื่นๆ เพราะฝ่ายปกครองที่เป็นซุนนีหวาดกลัวว่าวันหนึ่งชีอะฮ์จะโค่นล้มตน มันจึงหาวิธีที่จะปราบปรามพวกเขาอย่างต่อเนื่อง”

    การต่อต้านชีวิต ต่อต้านพหุนิยมทางศาสนาทั่วทั้งตะวันออกกลางของริยาดได้ชี้นำเรื่องราวอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทำให้ชุมชนต่างๆ เข้าต่อสู้กัน สร้างความชอบธรรมให้กับการละเมิดที่ชั่วร้ายและนโยบายแบ่งแยกนิกาย

    ในหนังสือเมื่อปี 2013 ของโทบี แมทธีเซ่น เรื่อง “Sectarian Gulf” เขาได้เตือนว่า ขณะที่ “ภัยคุกคามจากชีอะฮ์” กลายเป็นการตอบสนองต่อคำเรียกร้องเพื่อการปฏิรูปตามระบอบประชาธิปไตยและความรับผิดชอบต่อคาบสมุทรอาหรับ และต่อตะวันออกกลางที่กว้างใหญ่ ยุทธศาสตร์นี้มีความเสี่ยงที่จะฉีกเส้นใยทางสังคมของภูมิภาคนี้ และจะทำให้เกิดความสะดวกแก่ “การเกิดเครือข่ายมุสลิมหัวรุนแรงข้ามชาติ”

    ร้ายไปกว่านั้น ถ้าปล่อยให้ไม่มีการตรวจสอบ ขบวนการกวาดล้างทางศาสนาของซาอุดิอารเบียอาจจะนำไปสู่การสร้างให้เป็นสถาบันเกี่ยวกับการแบ่งแยกนิกายในระดับโลกได้ มันยังอาจจะถูกตีความไปว่าเป็นการอนุมัติให้ไอซิซก่ออาชญากรรมต่อชนกลุ่มน้อยทางศาสนาไปโดยปริยาย

    ซาอุดิอารเบียกำลังให้การอุปถัมภ์นโยบายกวาดล้างทางศาสนาในวงกว้างที่น่ากลัว ภายใต้ข้ออ้างจอมปลอมว่าเป็นการต่อต้านการเติบโตขึ้นของอิหร่าน ซึ่งเป็นอู่ของมุสลิมชีอะฮ์ ในขณะที่ความจริงมันกำลังดำเนินการเพื่อสถาปนาอาณาจักรหนึ่งให้แก่ภาพลักษณ์ที่ไร้เหตุผลของมัน

    Source : MintPress News | Independent, non-partisan journalism
    โดย แคเธอรีน ชัคดัม
    แปล กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    ความสุดโต่งอย่างเคร่งจัด, ความเคร่งจัดอย่างสุดโต่ง : นโยบายกวาดล้างทางศาสนาของซาอุดิอา
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont

    จักวรรดิเฮเกเล่นมุกเดิมอีกแล้วครับท่าน... หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ชิ่งหนีวิกฤตผู้ลี้ภัย มุ่งเป้าความสนใจไปเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนแทน (ฮ่าๆๆ เข้าใจเล่นนะสหรัฐฯ)

    [​IMG]

    -----------
    ลองไปอ่านข่าวจากสื่อฯจีนดูบ้างนะครับ วันนี้ (11 ก.ย.58) บทบรรณาธิการของ Global Times ของจีนตั้งชื่อว่า "NYT shifts refugee crisis attention to China" เป็นการตอบโต้สื่อฯสหรัฐฯที่กำลังหาเรื่องจีนรอบใหม่ เพื่อปิดข่าวเน่าเฟะของตัวเองเกี่ยวกับวิกฤตผู้ลี้ภัยและความล้มเหลวในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิสในตะวันออกกลาง เรื่องอะไรที่จีนจะปล่อยให้สื่อฯสหรัฐฯมาเห่าหอนหลอกประชาชนทั่วโลกและกล่าวหาจีนฝ่ายเดียวอยู่ได้ จีนจึงสวนหมัดกลับทันที ไม่ยอมก้มหน้าเงียบให้ถูกกล่าวหาอีกต่อไป
    "สำหรับประเทศจีน วิกฤตผู้อพยพเป็นความผิดพลาดและความรับผิดชอบของคนอื่น" นั่นเป็นพาดหัวข่าวของบทความเรื่องหนึ่งในหนังสือพิมพ์ New York Times ของสหรัฐฯเมื่อวันพุธที่ผ่านมา บทความดังกล่าวได้วิพากษ์วิจารณ์จีนว่า "ไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมในความพยายามแก้ไขวิกฤตด้านมนุษยธรรม" (เป็นไงเล่าสื่อฯของจักรวรรดิเฮเก เขาชิงเล่นกล่าวหาคนอื่นก่อนแบบนี้แหละ อยากให้จีนเข้าไปช่วยรัสเซียแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรมในซีเรีย อิรัค และตะวันออกกลางก็บอกสิครับคุณจักรวรรดิเฮเก ประชาชนทั่วไปเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศโดยฝีมือของพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯไปตั้งหลายพันคน และอพยพไร้ที่พักอาศัยอยู่ตามค่ายอพยตามแนวชายแดนและทะลักเข้าไปในยุโรปรวมกันตั้งหลายล้านคน นั่นเรียกว่าด้านมนุษยธรรมตามความเข้าใจของสหรัฐฯหรือไม่? การที่รัสเซียจะส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ซีเรีย แล้วสหรัฐฯขวางไม่ให้เครื่องบินของรัสเซียบินผ่านประเทศต่างๆทำแป๊ะอะไรครับ? อ้าวววว แอ็ดมินตอบแทนสื่อฯจีนซะแล้วอ่ะ ขออภัยครับอินไปหน่อย ฮ่าๆๆ อ่านข่าวต่อนะครับ)
    สื่อฯจีนรู้ทันความเจ้าเล่ห์ของสื่อฯจักรวรรดิเฮเกดีจึงสวนกลับไปแบบไม่ต้องเกรงใจว่า... ผู้เขียนได้เปลี่ยนความสนใจของประชาชนอย่างมีเลศนัย (The author slyly shifted people's attention) โดยเฉพาะอย่างยิ่งความไม่พอใจ จากสหรัฐฯไปยังจีนแทน ตั้งแต่เกิดวิกฤตผู้อพยพขึ้นมา สื่อฯของสหรัฐฯส่วนมากได้จงใจที่จะมองข้ามความผิดของกรุงวอชิงตัน (Washington's guilt) ในเรื่องภัยพิบัติและปฏิเสธที่จะพินิจพิเคราะห์ด้วยสติปัญญาอย่างจงใจ แม้กระทั่งในสังคมเอง มีเสียงที่เข้มแข็งเพียงไม่กี่เสียงที่ออกมาเรียกร้องว่า สหรัฐฯเป็นสมมุติฐาน (เป็นต้นเหตุ) ในการแสดงความรับผิดชอบต่อวิกฤตด้านมนุษยธรรม
    ของคุณ "eagle eye" ของนิวยอร์กไทมส์ ที่ยังมีจีนให้ถูกตำหนิ ผู้เขียนได้วิพากษ์วิจารณ์จีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสอง (ของโลก) ที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมน้อยกว่าญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สาม ดูเหมือนว่าตรรกะจะชัดเจน - พลังที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง (with great power comes great responsibility) (ว้าววว! คำนี้คุ้นๆ นะครับ ใครจำได้บ้างไหมว่าเคยได้ยินจากที่ไหนซักแห่งนี่แหละ มันก้องอยู่ในหูนี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าคำนี้จะก้องอยู่ในหูของจักรวรรดิเฮเกบ้างหรือไม่ ว้าวว สื่อฯจีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆครับ ดาบนั้นคืนสนอง! คริๆ)
    ไม่มีหลักการใดที่กล่าวว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่กว่าควรจะช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนานาชาติมากกว่า (ประเทศอื่นๆ) ไม่มีรัฐบาลไหนที่ออกแถลงการณ์เช่นนั้นอย่างเป็นทางการ พวกเราดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยโดยเร็วที่สุดที่เท่าจะเป็นไปได้ แต่พวกเราก็สามารถกระทำได้ภายใต้ขีดความสามารถของพวกเราเท่านั้น
    ในฐานะที่เป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งไม่เพียงแต่เลี้ยงดูประชากรทั้งหมดของตนเองเท่านั้น จีนยังมีปัญหาของตัวเองอีกหลายอย่างด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่จีนยังคงมีประชาชนที่ยากจนอยู่เป็นจำนวนมาก โลกก็ไม่ได้คาดหวังที่จะเห็นจีนเข้าไปมีบทบาทหลักในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยด้วย
    นอกจากนี้แล้ว จีนไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับวิกฤตในทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วย และก็ไม่ได้เป็นรากเหง้าหรือการก่อตัวของปัญหาดังกล่าวเช่นกัน มุมมองจากสังคมโลกไม่ได้คาดหวังให้จีนเข้าไปร่วมแสดงความรับผิดชอบขนาดใหญ่ต่อยุโรปในวิกฤตผู้อพยพในครั้งนี้
    ก็ไปอ้อนวอนขอร้องให้กรุงวอชิงตันให้อ้าแขนรับผู้อพยพเหล่านั้นจากทุกๆแห่งสิ มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อสหรัฐฯกรณีที่เข้าไปทิ้งอี้ (messing up) ไว้ในซีเรีย แต่การปฏิเสธที่จะแก้ไขความผิดของสหรัฐฯกลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง (ที่จีนว่ามานี้จริงหรือเปล่าโอบาม่า? เงยหน้าขึ้นสิครับ!) โชคร้ายจริงๆ ที่สื่อฯสหรัฐฯกับหูหวกจนไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้
    ก็พอจะเป็นที่เข้าใจได้ว่าพวกเขา (สื่อฯจักรวรรดิเฮเก) กำลังพยายามปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ (ปกป้องผลประโยชน์ แหม… คำนี้มันฟังดูดีนะ มิน่าสื่อฯพวกนั้นถึงออกมาเขียนในลักษณะนี้) แต่พวกเขาก็ไม่ควรสับสนกับความว่าถูกและผิด (But they should not confuse right and wrong โอ้… งานสื่อฯจีนสอนจริยธรรมและจรรยาบันให้สื่อฯสหรัฐฯด้วยอ่ะ ไม่รู้ว่าจะสำนึกบ้างหรือเปล่านะ?) และสื่อจีนก็ให้คำแนะนำสื่อฯจักรวรรดิเฮเกต่ออีกว่า "ในกรณีนี้ การหุบปากเงียบจะดีกว่าการเที่ยวกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง" (keeping silent is better than making baseless accusations) (ว้าวววว! ทำให้นึกถึงพวกที่ชอบมาป่วนเพจนี้อยู่บ่อยๆ ที่ชอบชกใต้เข็มขัดบ่อยๆหนะ แบบนี้เลยหละ มิน่าหละ พวกโปรอเมริกาทำไมถึงชอบแถ ชอบชิงกล่าวหาคนอื่น และชอบโวยวายว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำทั้งๆที่ไปหาเรื่องกับคนอื่น เขาคงจะซึมซับพฤติกรรมแย่ๆมาจากสื่อฯของจักรวรรดิเฮเกนั่นเอง นี่ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและมนุษยชาติเลยนะนี่ เพราะเรามักจะพบว่าคนพวกนี้เที่ยวปล่อยข่าวลวง บิดเบือนความจริงให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ และก็ไม่เคยที่จะออกมาแสดงความรับผมชอบต่อสังคมเลย พูดถูกด่าแล้วก็เงียบไป ครั้งหน้าก็เอาอีก เพื่ออะไร? ก็เขาจ้างให้มาเขียนแบบนั้นอ่ะ เงินมันดี โดยไม่สนใจจริยธรรมและจรรยาบรรณของสื่อฯนี่นะ? จรรยาบรรณมันกินไม่ได้ กรรม!)
    สำหรับประเทศจีนแล้ว มันกลายเป็นความจำเป็นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆว่า (เป็น) ประเทศที่ควรจะมีส่วนร่วมในวิกฤตผู้อพยพให้เป็นรูปธรรมที่เห็นได้ชัดขึ้นประเทศที่เหลือทั่วโลก (ในมุมมองของสหรัฐฯและตะวันตกที่ต้องการให้จีนเข้าไปแบ่งรับดูแลผู้อพยพในครั้งนี้?)
    แต่อาจจะมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมา: หากจีนบดบังรัศมีของประเทศอื่นในเรื่องนี้ จีนอาจจะถูกสงสัยว่าอาจจมีแรงจูงใจบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ก็ได้ (ulterior motives) ซึ่งก็มาจากสำนวนที่ใช้กันอยู่บ่อยๆและท่องจนขึ้นใจในโลกตะวันตกว่า "Knowing how to set the balance requires wisdom" (ไม่แน่ใจว่าตรงกับสำนวนไทยอย่างไรบ้าง แต่ขอแปลตามตัวอักษรว่า "การรู้จักถ่วงดุลย่อมต้องใช้ปัญญา" เรื่องนี้ - balance and wisdom - มีพูดถึงอยู่ในภาควิชาปรัชญาและจิตวิทยา โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องปัญญาและญาณวิทยา (Epistemology) และศาสตราจารย์ Robert Sternberg จากมหาวิทยาลัยเยล - Yale University - ได้เขียนหนังสือชื่อ "Why Schools Should Teach for Wisdom: The Balance Theory of Wisdom in Educational Settings" ขึ้นมาด้วย มีการพูดถึงเรื่อง foolishness และ Widom เช่นตอนหนึ่งพูดว่า "ความโง่เขลา (foolishness - ตรงกันข้ามกับ Wisdom - ปัญญา) เป็นผลมาจากการขาดความสมดุลในความคิดของคนเรา ส่วนปัญญานั้นจะต้องมีการถ่วงดุลระหว่างความสนใจต่อการรู้จักตนเอง (intrapersonal) และความสนใจกับบุคคลที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย และกับความสนใจต่อบุคคลภายนอกที่เราพูดถึงด้วย (extrapersonal) ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว... ส่วนความโง่เขลานั้นมักจะรวมเอาความสนใจเหล่านี้ออกไปจากความสมดุล" ก็ประมาณนี้หละนะครับ)
    นอกเรื่องหละ กลับมาอ่านข่าวต่อนะครับ... สื่อจีนกล่าวต่ออีกว่า สหรัฐฯเป็นผู้รับผิดชอบต่อการแสดงความคิดเห็นของสังคมทั่วโลก สหรัฐฯสามารถที่จะฆ่าเชื้อ (-โรค) ที่กระทำความผิดต่างๆ แต่จีนไม่ใช่ (งานนี้จีนขอชิ่งก่อนนะครับ) ขณะนี้จีนไม่สามารถที่จะกระทำอะไรได้เลย ยกเว้นพยายามทำให้ดีกว่าเดิม อาจจะเป็นเรื่องจำเป็นที่ว่าจีนควรจะมีส่วนร่วมทางการทูตในปัญหาผู้อพยพในซีเรีย วิกฤตครั้งนี้อาจจะกำลังทำให้มองเห็นปัญหาได้หลายอย่าง และจีนก็ควรที่จะดำเนินมาตรการที่ยึดถือผลประโยชน์ต่อสังคมมากก่อน
    นั่นไง... ชอบยั่วและหาเรื่องจีนดีนัก เจอสวนกับไปอย่างนี้บ้าง เงียบเลยสิคราวนี้ คิดจะให้จีนช่วยอ้าแขนรับผู้อพยพเพียงอย่างเดียวซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุอย่างที่ตะวันตกกำลังทำอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่ให้เข้าไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุซึ่งสหรัฐฯและตะวันตกนั่นแหละก่อขึ้นมาเอง จีนบอกว่าไม่ได้เด็ดขาด ถ้าจะให้ช่วย งั้นจีนก็จะขอเข้าไปเอี่ยวในซีเรียด้วย สหรัฐฯจะว่าอย่างไรบ้างหละ? นี่ไม่ได้ขู่นะ เฮียสีเอาจริงนะครับ นี่แหละหนา... ปากพาจนแท้ๆสื่อฯแกว่งปากหาเท้า Oopz! แกว่งเท้าหาเสี้ยน!
    ป.ล. มีรายงานข่าวว่าทำเนียบขาวออกมาประกาศว่าจะรับผู้อพยพชาวซีเรียจำนวน 10,000 คน ในปีงบประมาณปีหน้าซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลามคมนี้จำนวน 2,000 คนก่อน ตอนแรกก็ออกมาบอกว่าไม่รับ พอโดนตะวันตกจวกเข้าก็พูดว่างั้นขอรับแค่ 1,500 คน จะบ้ารึ! เยอรมันนีรับเกือบล้านคนแหนะ สหรัฐฯที่เป็นหัวหน้าแก๊งไปสร้างปัญหาจะรับแค่ 1,500 คนได้อย่างไร? จึงออกบอกว่างั้น เก๋าขอรับเพิ่มเป็น 10,000 คนละกัน แต่ปีนี้ขอรับแค่ 2,000 คนก่อนได้ป๊ะ? นิสัย ส่วนอังกฤษตัวแสบบอกว่าจะรับไว้ 20,000 คน แต่มีเงื่อนไข เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในโพสต์ต่อไปว่าอังกฤษแสบขนาดไหน
    The Eyes
    11/09/2558

    ภาพ Soldiers of the People’s Liberation Army drilling at a military base in Jilin Province on Jan. 24. จากCredit Reuters

    ----------
    NYT shifts refugee crisis attention to China - Global Times
    http://sinosphere.blogs.nytimes.com/2015/02/23/u-s-expert-finds-faults-in-chinese-military-command/
    http://worldroom.tamu.edu/Workshops...emmas/Why Schools Should Teach for Wisdom.pdf
    Wisdom (Stanford Encyclopedia of Philosophy)
    Wisdom: The Interval Between the Notes @ Foundations Magazine Ideas to Build Your Life On
    http://www.nytimes.com/2015/09/11/w...o-accept-10000-syrian-refugees.html?ref=world
    US to Take in Up to 10,000 Syrian Refugees Next Fiscal Year - White House
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse

    จงอย่าหวาดกลัว .. จงเตรียมพร้อม ...Don't be scared .. be prepared...

    [​IMG]

    เดือนกันยายนเป็น "เดือนแห่งการเตรียมพร้อม" แห่งชาติ คุณสามารถมีหนึ่งเดือนหลายครั้ง .... ฉันสั่งซื้ออาหารสำหรับ 2 เดือน .. ซึ่งเราสามารถใช้ได้นานกว่า ถ้าจำเป็น
    September is national "preparation month". You can have a months worth of food supplies for about $100 .... lasts up to 25 years.
    I ordered two months worth.. which we could make last longer if needed.

    ฉันคิดว่าเราปกติใช้จ่ายระหว่าง 100-200 เมื่อเราไปช้อปปิ้งร้านขายของชำ
    แล้วใช้จ่าย 100-200 สำหรับสองเดือน สำหรับมูลค่าของอาหารในระยะเวลา 2 เดือน ในช่วงระยะเวลา 25 ปีที่ผ่าน เป็นการลงทุนที่ดี ในกรณีฉุกเฉิน__

    I figure we normally spend between 100-200 when we go full grocery shopping, thus spending 100-200 for TWO MONTHS worth of food that lasts 25 years is a fairly good investment in case of emergencies.
    _____

    ภาพจาก https://www.google.com/shopping/product/


    https://www.google.com/shopping/pro...8McCFUI1Pgodp84IbQ&ei=WY7zVeyqCMLq-AGnnaPoBg…
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse

    [​IMG]

    ฉันสร้างนาฬิกานับถอยหลังกับสิ่งที่กำลังจะมาหลังจากนี้ ซึ่งถูกคาดคะเนว่า "EOTW" (การสิ้นสุดของโลก) วัน!
    I created a countdown clock to the next coming supposed "EOTW" (end of the world) date!
    Countdown to 23 กันยายน 2015 23:59 in UTC

    ในกรณีที่คุณไม่ทราบเกี่ยวกับ "วันสิ้นโลก" ล่าสุด .... มันเป็นวันที่ 23 กันยายนที่จะเข้าสู่วันที่ 24 ....
    In case you don't know about the latest "end of the world" date.... it is September 23rd into 24th....

    นับถอยหลังได้เริ่มอย่างเป็นทางการ

    The countdown has officially begun.
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc

    [​IMG]

    ### >>> เซิร์นทำงานที่อัตราการชนกันที่สูงกว่าเดิม และโล่ของโลกกำลังพังทะลาย <<< ###
    ###>>> CERN IS RUNNING AT HIGHER COLLISION RATES AND THE EARTH'S SHIELDS ARE COLLAPSING <<<###

    .......... สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก การแผ่รังสีกำลัง่รั่วไหลอย่างพลุกพล่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของเรา
    .......... this is very serious guys, radiation is busy leaking into our atmosphere.....................

    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc

    ### >>> เซิร์นทำงานที่อัตราการชนกันที่สูงกว่าเดิม และโล่ของโลกกำลังพังทะลาย <<< ###
    ###>>> CERN IS RUNNING AT HIGHER COLLISION RATES AND THE EARTH'S SHIELDS ARE COLLAPSING <<<###

    .......... สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก การแผ่รังสีกำลัง่รั่วไหลอย่างพลุกพล่านเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของเรา
    .......... this is very serious guys, radiation is busy leaking into our atmosphere.....................

    <iframe width="854" height="480" src="https://www.youtube.com/embed/IUaHaSFP46k" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
    https://www.youtube.com/watch?v=IUaHaSFP46k

    เผยแพร่เมื่อ 11 ก.ย. 2015 โดย BPEarthWatch

    CERN IS RUNNING AT HIGHER COLLISION RATES AND THE EARTH'S SHIELDS ARE COLLAPSING.
    http://www.BPEarthWatch.Com http://www.FukushimaRadiation.Info
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2015
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์โพสต์ของ ‎Nemesis - نيميسيس‎

    [​IMG]

    [​IMG]

    FYI ~~~ >>> รูปภาพ Planet X / Nibiru ถูกแชร์โดยฉัน ซึ่งถูกถ่ายได้ ในวันที่ 8 กันยายน 2015 อีโมติคอนหัวใจ
    fyi ~~~>>> these pic's of Planet X/Nibiru were shared with me taken on the 8th September อีโมติคอน heart

    ดวงอาทิตย์ 2 ดวง ที่แจ่งแจ๋ว
    2 CLEAR SUNS,

    ขอบคุณมาริโอ
    THANK YOU MARIO
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์ลิงก์

    ลูกไฟยักษ์ระเบิดในท้องฟ้าเหนือ Bingol ในประเทศตุรกี ทำให้เกิดเสียงบูมดังสนั่น และสร้างฝนอุกกาบาต Giant fireball explodes in the sky over Bingol in Turkey in a loud boom and creates rain of meteorites

    [​IMG]

    โดยเสียงแปลก - 5 กันยายน 2015
    By Strange Sounds - Sep 5, 2015

    ลูกไฟยักษ์ระเบิดในท้องฟ้าของตุรกีเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2015 ผู้ที่อยู่อาศัยได้หวาดกลัวัทั่วอนาโตเลีย
    A giant fireball exploded in the sky of Turkey on September 2, 2015 scaring residents across Anatolia.

    เสียงบูม และเสียงอื้ออึงมาพร้อมกับแสงไฟสีฟ้าแปลกในท้องฟ้ายามค่ำ​​คืนของ Bingol ในเวลา 23:06 ตามเวลาท้องถิ่น วันรุ่งขึ้นหลังจากหลังคาถูกปกคลุมด้วยอุกกาบาตต่างๆ ใช่มันคือฝนอุกกาบาตตกบน Bingol
    Disintegration booms and hail sound accompanied the strange blue lights in the night sky of Bingol at 23:06 local time. The day after roofs were covered by meteorites. Yes, it rained meteorites on Bingol.

    https://youtu.be/a-txgbXXyjY

    https://youtu.be/Xksft_i4pBU

    Giant fireball explodes over Turkey - loud booms and rain of meteorites - Strange Sounds
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    เปรียบเทียบราคาน้ำมันขายปลีกของไทยกับ 10 ประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน

    [​IMG]

    -------------
    เท่าที่สังเกตและจับตาดูได้มาระยะหนึ่ง พบว่าเริ่มจะมีการปลุกกระแส "ราคาน้ำมันไทยแพงกว่าบางประเทศ" ขึ้นมาอีกรอบ ช่วงต้นปีกระแสนี้แรงมาก มีการปล่อยข่าวทั้งข่าวจริงปนข่าวเท็จ หรือจริงบ้างไม่จริงบ้างเข้าสู่สังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก เหมือนกับบางคนพยายามนำเอา "ข้าวผสมแกลบ" ให้สังคมรับประทาน บางท่านก็อ้างว่าเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ถ้าปรารถนาดีต่อส่วนรวมกันจริงๆ ก็ควรจะแยกแกลบหรือเม็ดกรวดออกจากข้าวก่อนเสริฟให้ผู้บริโภคก็จะดีมากๆ
    เราสนับสนุนการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยไม่ทำให้สังคมเกิดความแตกตื่นวุ่นวาย สับสนอลหม่าน การเผยแพร่ขาวสารใดๆแม้จะอ้างว่าเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่หากปราศจากแหล่งอ้างอิงที่มาอย่างชัดเจน หรือเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองเพื่อใช้โจมตีอีกฝ่าย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าข้อมูลที่นำเสนอออกไปนั้นไม่เป็นความจริง หรือเป็ความจริงเพียงแค่บางส่วน ก็ไม่ต่างอะไรกันกับการนำข้าวผสมแกลบ (เปลือกธัญพืชชนิดหนึ่ง กินไม่ได้ จะติดคอ ยกเว้นสัตว์บางชนิดที่มีความสามารถในการกินข้าวเปลือกได้) ให้กับผู้บริโภค
    เพจนี้ก็ได้ชี้แจงมาหลายเรื่องแล้วเช่น การเปรียบเทียบราคาน้ำมันไทยกับมาเลเซีย หรือไทยกับสิงคโปร์ หรือแม้กระทั่งไทยกับสหรัฐฯ (เมื่อต้นปีนี้) ผ่านไปครึ่งปีกว่าๆ ก็มีการปลุกกระแสนี้ขึ้นมาอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะว่าบางท่านอาจจะไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาโดยละเอียด หรืออาจจะรับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและเพียงพอมาก็ได้ จึงยังคงมีการพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องในลักษณะนั้นอยู่อีก เช่นมีการกล่าวหาว่าราคาน้ำมันของไทยแพงกว่าของสิงคโปร์ ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วกลับปรากฎว่าคำกล่าวอ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริง หรือก่อนหน้านี้ก็มีการเปรียบเทียบราคาน้ำมันของไทยกับมาเลเซียว่าของไทยลดน้อยกว่าของสิงคโปร์ ซึ่งก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดนั้นถูกต้องเป็นบางส่วนเท่านั้น เช่นของไทยเราลดทีละน้อยๆ แต่ลดบ่อยๆ ส่วนของมาเลเซีย (ช่วงต้นปีที่ผ่านมาไม่ลดบ่อย แต่อาศัยลดครั้งเดียวแบบฮวบฮาบ ซึ่งมากกว่าไทยหากเปรียบเทียบปริมาณในการลดในแต่ละครั้ง) แต่เมื่อนำยอดการลดราคาโดยรวมของทั้งสองประเทศมาเปรียบเทียบกันแล้วก็ปรากฎว่าราคาน้ำมันขายปลีกของไทยลดมากกว่าของมาเลเซียซะอีก (นี่คือลักษณะบของการนำเสนอข่าวแบบครึ่งเดียวหรือบางส่วน ซึี่งเป็นผลเสียต่อสังคมทำให้สังคมบางส่วนอาจจะเข้าใจผิดพลาดได้)
    คราวนี้ก็มามุกใหม่อีกว่า น้ำมันของมาเลเซียถูกกว่าของไทย อันนี้จริงครับ ปัญหาก็มีอยู่ว่าทำไมต้องเป็นมาเลเซียประเทศเดียวด้วย? ประเทศอื่นๆทั่วโลกที่ใช้น้ำมันแพงกว่าไทยก็มีตั้งมากมาย เช่นบางประเทศในยุโรปหรือแม้กระทั่งสหรัฐฯอเมริกา (ราคาน้ำมันแต่ละรัฐฯในสหรัฐไม่เท่ากันทุกรัฐเสมอไป แต่โดยเฉลี่ยแล้วของสหรัฐฯแพงกว่าของไทย) ก็มีคนแย้งว่าจะเอาไทยไปเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มยุโรปไม่ได้ เพราะเขามีรายได้สูง อ้าวเป็นไงนั้น แล้วก่อนหน้านี้พากันเอาไปเปรียบเทียบกับสหรัฐฯทำไมหละครับ? ได้ครับ... ไม่มีปัญหา ไม่เทียบกับยุโรปหรือสหรัฐฯก็ได้ งั้นเรามาดูเฉพาะในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนด้วยกันนะครับ
    อ้อ… อันที่จริงในยุโรปเอง ก็ไม่ได้มีการกำหนดราคาน้ำมันที่เท่าหรือใกล้เคียงกันทุกประเทศเสมอไปหรอกนะครับ เช่นราคาน้ำมันดีเซลของอังกกฤษปัจจุบันนี้แพงที่สุดในโลกลิตรละ 61.26 บาท ในขณะของเยอรมันอยู่ที่ 46.05 บาท/ลิตร และของฝรั่งเศสอยู่ที่ 44.59 บาท/ลิตร ส่วนราคาน้ำมันเบนซินนั้นของฮ่องกงแพงที่สุดในโลกอยู่ที่ 68.64 บาท/ลิตร อังกฤตอยู่ที่ 62.10 บาท/ลิตร เยอรมันนีอยู่ที่ 54.87 บาท/ลิตร ฝรั่งเศสอยู่ที่ 53.65 บาท/ลิตร ที่พูดมานี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าขนาดในกลุ่มประเทศยุโรปด้วยกันเอง ของเขาก็ยังมีราคาที่ไม่เท่ากันเลย แล้วทำไมต้องพยายามชี้นำประเด็นราคาน้ำมันของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศด้วย?
    เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น วันนี้จึงนำราคาน้ำมันจากกลุ่มประเทศ ASEAN เพื่อนบ้านของเรามาเปรียบเทียบให้ดูกันทุกประเทศเลย (ยกเว้นประเทศพม่า เพราะในเว็บไซต์ที่อ้างอิงมาไม่ได้ลงข้อมูลเอาไว้)
    จากภาพ "ตารางเปรียบเทียบราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มประเทศ ASEAN" (ภาพที่1) ได้มีการจัดลำดับประเทศที่มีราคาน้ำมันขายปลีกแพงที่สุดในกลุ่ม ASEAN จนไปถึงถูกที่สุด โดยใช้วิธีนำเอาราคาน้ำมันทั้งสองชนิด (ดีเซลกับเบนซิน) มารวมกันแล้วก็หารด้วย 2 เพื่อหาผลเฉลี่ยซึ่งเป็นค่ากลาง ก็จะได้ลำดับตามที่แสดงในภาพนั้น พบว่าประเทศกัมพูชาใช้น้ำมันแพงเป็นอันดับที่1 สิงคโปร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าที่ไทยใช้อ้างอิงนั้นใช้น้ำมันแพงอันอันดับที่สองของอาเซียน (แปลกไหม? นี่ขนาดระยะทางขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางไปยังสิงคโปร์ใกล้กว่าไทยด้วยนะ ยังแพงกว่าของไทยอีก) อันดับที่สามคือพี่น้องลาวเพื่อนบ้านของเราเอง และอันดับที่สี่ก็คือ "ประเทศไทย" อันดับที่ 5 คือเวียดนาม ส่วนที่เหลือซึ่งประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน มีราคาน้ำมันถูกกว่าไทย โดยมาเลเซียอยู่อันดับที่ 8 การเปรียบเทียบเฉพาะราคาน้ำมันดีเซลก็ได้อันดับเดียวกันนี้เช่นกัน
    ส่วนกรณีของราคาน้ำมันเบนซินนั้นสิงคโปร์ครองแชมป์ และอันดับที่สองก็คือกัมพูชา อันดับที่สามคือลาว และไทยก็รั้งตำแหน่งเดิมคืออันดับที่ 4 อีกครั้ง และมาเลเซียก็ครองที่8 อีกเช่นกัน
    เอาหละเมื่อมีการอ้างว่าไม่ควรเอาไปเปรียบเทียบกับยุโรปเพราะเขามีรายได้สูง (และอย่าลืมว่าเขาก็มีรายจ่ายสูงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นอังกฤษคงไม่ตั้งธนาคารอาหารขึ้นมาและแจกคอปองอาหารฟรีให้กับประชาชนของตนเองหรอกนะครับ) เมื่อพูดถึง "รายได้" ซึ่งน่าจะหมายถึง "รายได้ประชากรต่อหัว" (GDP nominal per capita ต่อปี) งั้นเราดูข้อมูลในสองคอลัมน์สุดท้าย (จำนวนประชากร และ GDP nominal per capita in USD) กันนะครับ จากข้อมูลที่ค้นพบในวิกิพีเดียเกี่ยวกับจำนวนประชากรและรายได้ประชากรต่อหัว ในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่าประเทศกัมพูชาที่ใช้ราคาน้ำมันแพงที่สุดในอาเซียนมีประชากรอยู่ประมาณ 15.25 ล้านคนมี GDP nominal per capita อยู่ที่ 934 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 33,157 บาทต่อปีต่อคน) ตรงนี้บางคนอาจจะมองว่าเพราะว่ากัมพูชามีรายได้ต่อหัวโดยเฉลี่ยน้อย ดังนั้นจึงต้องราคาน้ำมันแพง (จริงเหรอ? รู้สึกว่าจะไม่เหมือนกับยุโรปนะที่บอกว่าเขามีรายได้สูงน้ำมันจึงแพงหนะ)
    งั้นมาดูประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดคือสิงคโปร์กันบ้าง สิงคโปร์มี GDP nominal per capita ที่ 51,162 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,816,251 บาทต่อหัวต่อปี ว้าวว! อันนี้คล้ายกับของยุโรปบางประเทศแฮะ แต่สิงคโปร์มีประชากรเพียง 6.9 ล้านคนเองนะ) แล้วของไทยหละ? พี่ไทยเรามีประชากรราว 75.20 ล้านคน มี GDP nominal per capita อยู่ที่ 5,678 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 201,569 บาทต่อหัวต่อปี) อินโดนีเซียที่ใช้น้ำมันถูกกว่าไทย มีประชากรประมาณ 244.47 ล้านคน แต่มีรายได้ตัวหัวโดยเฉลี่ยประมาณ 3,592 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 127,516 บาทต่อหัวต่อปี รายได้ฯน้อยกว่าไทยอีกแหนะ) คราวนี้มาดูประเทศมาเลเซียที่ใช้น้ำมันถูกกว่าไทยกันบ้าง มาเลเซียมาประชากรราว 30.89 ล้านคนซึ่งน้อยกว่าไทยถึง 41.08% มี GDP nominal per capita ประมาณ 10,304 เหรียญสหรัฐฯ (ก็ประมาณ 365,792 บาทต่อหัวต่อปี) ถ้าจะบอกว่าเพราะยุโรปมีรายได้สูงกว่าไทย เขาจึงกำหนดราคาน้ำมันแพงกว่าไทย อ้าวแล้วกรณีของมาเลเซียหละครับจะว่าอย่างไร? มาเลเซียมี GDP nominal per capita สูงกว่าไทย แต่ราคาน้ำมันของมาเลเซียกลับถูกกว่าไทยซะอีก เราจะเอาอะไรเป็นเกณฑ์ว่าราคาน้ำมันในปัจจุบันนี้ของไทยยุติธรรมแล้วหรือว่ายังแพงอยู่ในมุมมองของบางคน? เอาแค่บางประเทศก็พอนะครับส่วนที่เหลือก็ดูจากตารางในภาพที่ 1 ประกอบ
    และที่อ้างว่าที่ยุโรป (อังกฤษ) เขากำหนดราคาน้ำมันแพงนั้น เป็นเพราะว่าเขามี GDP nominal per capita สูงกว่าไทย ถ้าอย่างนั้นก็มีคำถามกลับไปว่าแล้วเราอยากให้ประเทศไทยมีรายได้ต่อหัวประชากร สูงแบบยุโรปหรืออังกฤษไหมครับ? อยากสิ อึ่ม! แน่ใจนะ? แน่ใจสิครับ ใครๆก็อยากรวย อยากอยู่ดีกินดีด้วยกันทั้งนั้นนี่นา มีทางลัดให้มียอด GDP nominal per capita สูงขึ้นรวดเร็วอยากฟังไหมครับ? ก็ขึ้นภาษีน้ำมันเยอะๆ รัฐก็จะมีเงินเยอะและมีรายได้เพิ่มขึ้น แล้วยอด GDP nominal per capita มันก็จะสูงตามไปด้วยแบบของอังกฤษไง ดีไหม? ไม่ดีครับ ทำไมอ่ะ? ก็น้ำมันแพงครับ ฮ่าๆๆ (ย่อหน้าสุดท้ายนี้คุยกันเล่นๆสนุกๆนะครับ)
    ป.ล. ขอแก้ไขคำว่า ""GDP nominal (PPP)- USD"" ในคอลัมน์สุดท้ายเป็นคำว่า "GDP nominal per capita - USD"
    The Eyes
    12/09/2558

    ภาพจาก ปอกเปลือก ทรราช

    ----------
    Diesel prices around the world, 07-Sep-2015 | GlobalPetrolPrices.com
    Gasoline prices around the world, 07-Sep-2015 | GlobalPetrolPrices.com
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_ASEAN_countries_by_GDP_(nominal)
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse and Tatoott1009 ผ่าน tatoott1009

    [​IMG]

    ความลับเซิร์นที่กำลังซ่อนอยู่ในการรับรู้โดยปรกติ ภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ที่กำลังมาหรือ?
    CERN Secrets Hiding IN Plain Sight THE BIGGEST DISASTER OF MANKIND IS IT COMING ?

    วิดีโอเหล่านี้จะปรากฏอยู่ในคลิปหลายๆ คลิป จากภาพยนต์ชุด เรื่อง เลาะปมพิศวงโลก (Fringe)ุ (วอร์เนอร์บราเธอร์ส, โทรทัศน์) คลิปทั้งหมดมาจากภาค 1 ของ เลาะปมพิศวงโลก (Fringe) (ฉายรอบปฐมทัศน์ในเดือนกันยายน 2008 ฟ็อกซ์) โดยเฉพาะจากตอนที่ 7, 14, 19 และ 20 และจากภาพยนตร์ตัวอย่าง เลาะปมพิศวงโลก (Fringe)
    These videos is based on several clips from the series Fringe (Warner Bros. Television). All clips are from Season 1 of Fringe (premiered in September 2008 on Fox), specifically from episodes 7, 14, 19, and 20, and also from a Fringe trailer.

    ตอนที่ไม่ได้นำเสนอในลำดับที่เฉพาะเจาะจง แต่คลิปจะถูกจัดกลุ่มตามด้วยกันในหัวข้อเรื่อง มีความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ของเซิร์น, 9/23 และอุปมาอุปไมยการพยากรณ์ล่วงหน้า [มากกว่า35 คำ ]
    The episodes are not presented in a specific order, but rather clips are grouped together based on subject. There is a tremendous amount of CERN, 9/23, and apocalyptic imagery. [ 35 more words. ]

    ในวิดีโอนี้ คลิปภาพยนตร์, โฆษณา และมิวสิควิดีโอที่ปรากฏจะแสดงให้เห็นเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ คล้ายๆกับ เซิร์นที่ "ข้าม" เหนือกว่ามนุษย์โลกไปยังโลกอื่น และ ระบุไว้วันที่ 22-28 กันยายน 2015
    in this video, several recent clips of movies, commercials, and music videos appear to be depicting things like CERN, the “crossing” over of humans to another worldly race, and the September 22-28, 2015 dating

    https://youtu.be/uSA0Pq2woTI

    ความลับเซิร์นที่กำลังซ่อนอยู่ในการรับรู้โดยปรกติ ภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ที่กำลังมาหรือ? โดย tatoott1009
    CERN Secrets Hiding IN Plain Sight THE BIGGEST DISASTER OF MANKIND IT IS COMING ?
    By tatoott1009
    เผยแพร่เมื่อ 12 กันยายน 2015
    Published on Sep 12, 2015

    https://youtu.be/nHF6Z3FdEkI

    (คำเตือน) 23 กันยายน 2015: ความลับเซิร์นซ่อนอยู่ในการรับรู้โดยปรกติ โดยC. Ervana 09232015
    (warning) September 23, 2015: CERN SECRETS HIDING IN PLAIN SIGHT โดย C. Ervana 09232015

    เผยแพร่เมื่อ 2 กันยายน 2015
    เชื่อในพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอด ผู้กอบกู้ และกษัตริย์ของเรา เขาเป็นทางเข้าของเรา!
    Published on Sep 2, 2015
    Believe in the LORD Jesus Christ, our Savior and King. HE IS OUR DOOR!

    CERN Secrets Hiding IN Plain Sight THE BIGGEST DISASTER OF MANKIND IS IT COMING ? | Tat's Revolution


    CERN Secrets Hiding IN Plain Sight THE BIGGEST DISASTER OF MANKIND IS IT COMING ? | Tat's Revolution
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Dutchsinse and Tatoott1009 ได้แชร์ลิงก์

    การเตือน FEMA 15 กันยายน 2015 ภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติกำลังจะมา? ว้าวจริงหรือ ศุกร์ 11 กันยายน, 2015 16:48
    FEMA Warning September 15 , 2015 the Biggest Disaster of Mankind, it Is Coming? Wow, Really Friday, September 11, 2015 16:48

    https://youtu.be/or82na34lHM

    คำเตือน FEMA ในจอร์เจีย: มี 30 วันสำหรับอาหาร, อุปกรณ์ต่างๆ โดย 15 กันยายน โดย DAHBOO777
    FEMA Warning In Georgia: Have 30 Days of Food, Supplies by September 15th โดย DAHBOO777

    เผยแพร่เมื่อ 10 กันยายน 2015
    Published on Sep 10, 2015
    Underground World News | Breaking Truth News

    ฉันส่งภาพนี้ที่ถูกนำมาด้านนอกของสถานีบริการน้ำมันในจอร์เจีย คนที่มีความกังวล ก็อาจคิดว่าจะเป็นคำใบ้ที่บางสิ่งบางอย่างที่จะมีอันเป็นไปหลังจากวันที่ 15 กันยายน ฉันได้เห็นสัญญาณ FEMA อื่น ๆ ในพื้นที่ที่แตกต่างกันในอดีตที่ผ่านมา
    I was sent this image that was taken outside of a gas station in Georgia. The people were concerned it may actually be a hint at something going down after September 15th. I have seen other FEMA Signs in different areas in the past.

    แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับบุคคลที่ได้เห็นพวกมันในจอร์เจีย หากคุณเห็นสัญญาณเช่นนี้ หรือสิ่งที่น่าสงสัยอื่น ๆ แจ้งให้เราทราบ มันสำคัญที่เราทุกคนเห็นคืออะไรเกิดขึ้นทั่วกระดานและในพื้นที่อื่น ๆ
    But this is the first time i have heard about people seeing them in Georgia. If you see signs like this or other suspicious things, Let me know. Its important we all see whats happening across the board and in other areas.

    [​IMG]
    https://usasearch.fema.gov/search?affiliate=fema&query=FEMA+Warning+September+15th+2015

    [​IMG]

    https://www.youtube.com/watch?v=1oz4FdHs9TE

    อย่ารอ (15) โดย FEMA
    Don't Wait. :)15) โดย FEMA

    เผยแพร่เมื่อ 1 กันยายน 2015
    ออกอากาศ 15 วินาที ประกาศบริการสาธารณะถึงคุณเพื่อรณรงค์การเตรียมพร้อมและสำคัญของการสร้างแผนการสื่อสารฉุกเฉินสำหรับครอบครัว สำหรับเคล็ดลับเพิ่มเติมและข้อมูลการเข้าชม Make A Plan | Ready.gov
    Published on Sep 1, 2015
    A 15-second broadcast Public Service Announcement brought to you by the Ready Campaign and the Ad Council on the importance of creating a family emergency communication plan. For more tips and information visit Make A Plan | Ready.gov.

    [​IMG]

    [​IMG]

    FEMA Warning September 15 , 2015 the Biggest Disaster of Mankind, it Is Coming? Wow, Really | Alternative
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    [​IMG]

    ประมวลภาพเครนยักษ์ถล่มที่มัสยิดหลวงในนครเมกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย 11 ก.ย. 2015 (9/11 of Saudi Arabia) มีผู้แสวงบุญเสียชีวิต 107 ราย บาดเจ็บราว 150-238 คน พยานบางคนบอกว่าสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้อาจจะมาจากฟ้าผ่าเครนยักษ์ ซึ่งเกิดจากพายุทรายขนาดใหญ่
    -------------
    Crane crash at Grand Mosque of Makkah — RT News
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    [​IMG]

    Another event on 9/11 day in USA: ประกาศภาวะฉุกเฉินไฟป่าลุกไหม้ในแคลิฟอร์เนีย อพยพผู้คนราว 2,700 คน อาคารที่พักอาศัยราย 6,000 หลังตกอยู่ในความเสี่ยง
    -------------
    รายงานข่าววันที่ 11 ก.ย.58 จากสำนักข่าว RT news ของรัสเซียบอกว่ามีการอพยพประชาชนราว 2,700 คนออกจากเมือง San Andreas รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ในวงล้อมของไฟป่า อ้างรายงานข่าวจากสำนักข่าว AP มีการประกาศภาวะฉุกเฉินด้วย
    รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาไฟป่าได้ลุกไหม้กินเนื้อที่ไปหลายร้อยเอเคอร์ และยังได้ลุกลามไปอีกถึง 50,000 เอเคอร์ในวันศุกร์ ขณะนี้ไฟป่าอยู่ห่างจากเมือง San Andress เพียงไม่กี่ไมล์เท่านั้น นาย Jerry Brown ผู้ว่าการรัฐ California ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเขต Amador County และ Calaveras County ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมือง San Adress เพื่อต่อสู้กับไฟป่า สิ่งปลูกสร้างราว 6,000 หลังตกอยู่ในอันตราย
    มีอีกข่าวหนึี่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ของสหรัฐฯเช่นกัน ไม่ใช่งานรำลึกเหตุการณ์ฯ แต่รายงานข่าวบอกว่า ตำรวจสหรัฐฯได้จับกุมชายคนหนึ่งซึ่งวางแผนจะโจมตี (ก่อวินาศกรรม?) ที่อนุสรณ์สถาน 9/11 ใน Kansas City, Missouri รายงานข่าวบอกว่าชายคนดังกล่าวถูกกล่าวหาว่าวางแผนก่อเหตุระเบิดที่อนุสรณ์สถาน 9/11 กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
    ก.ยุติธรรมของสหรัฐฯแถลงว่า "อัยยการ A. Lee Bentley III ได้ประกาศว่าได้มีการจับกุมนาย Joshua Ryne Goldberg อายุ 20 ปีจาก Orange Park, Florida ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด ทำลายล้าง และอาวุธที่มีอานุภาพในการทำลายล้างได้อย่างมหาศาล" หากพิสูจน์ว่ามีความผิด นาย Goldberg ก็จะถูกจำคุกเป็นเวลา 20 ปี
    อีกซักข่าวไหมครับ? And another 9/11 เกิดเหตุการก่ออาชญากรรมอุยกูร์โมเดลขึ้นในสหรัฐฯอีกแห่ง มีผู้ชายคนหนึ่งเอามีจิ้มผู้หญิงคนหนึ่งที่สถานทีรถไฟ Union Station ในกรุงวอชิงตัน ดีซี มีการอพยพผู้คนออกจากสถานีหลังจากหน่วยรักษาความปลอดภัย Securities and Exchange Commission ได้ยิงผู้ชายคนที่ควงอาวุธมีดและแทงผู้หญิงคนหนึ่ง มีการหยุดให้บริการรถไฟชั่วคราว
    พยานในที่เกิดเหตุรายงานเบื้องต้นว่ามีการยิงปืนหลายนัดในศูนย์อาหารเวลาประมาณ 12:45 p.m. ตามเวลาท้องถิ่น โดยตำรวจตระโกนว่า "วิ่ง! หลีกไป วิ่ง!" (run, get out, run!) ใส่ผู้คนที่อยู่ภายใน แต่ทางตำรวจนครบาลของดีซี (DC’s Metropolitan Police Department) บอกว่ามีการยิงปืนแค่นัดเดียวเอง (ฮ่าๆๆ) แล้วก็รีบส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์โดยเร็วว่า "ไม่มีมือปืนอยู่ในสถานีรถไฟยูเนียนสเตชั่น กำลังมีการตรวจสอบ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป" (NO Active Shooter at Union Station. Investigation underway. More to follow.) (ข่าวเขาก็ไม่ได้บอกว่ามีมือปืน มีแต่มือมีด แบบที่อุยกูร์ไล่จ้วงคนในซินเจียง (หรือเปล่า?) เท่านั้นเอง ส่วนมือยิงนั้นก็คือตำรวจสหรัฐฯนั่นแหละ จะเรียกว่าเป็นมือปืนได้หรือไม่?)
    และ 30 นาทีต่อมาสำนักงานตำรวจ DC ก็ทวิตข้อความอีกว่า "อัพเดทข่าวที่สถานี Union Station: มีผู้หญิงถูกแทง ชายต้องสงสัยถูกยิงโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทั้งสองคนกำลังถูกนำไปรักษาอาการบาดเจ็บ การสืบสวนสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป" (Investigation continuing) (ถ้าเปลี่ยนคำว่า "underway" เป็นคำว่า "continuing" คิดว่าคงจะมีอีกโป้งแน่ๆ เพราะตอนแรกตำรวจดีซีส่งทวิตเตอร์บอกว่าไม่มีมือปืน และว่า "…Investigation underway" ต่อมาก็รายงานข่าวว่า จ๊ะ! โป้งจ๊ะ...โป้งจริงๆจ๊ะ)
    The Eyes
    12/09/2558

    ภาพโดย © Noah Berger /

    ----------
    Evacuations as California wildfire burns 65,000 acres, threatens 6,000 structures — RT USA
    US Police Arrest Man Accused of 9/11 Memorial Bomb Plot in Kansas City
    Alleged terror plot aimed at 9/11 anniversary foiled - CBS News
    DC’s Union Station evacuated after SEC guard fatally shoots knife-wielding man involved in stabbing — RT USA
    Woman Stabbed at Washington's Train Station, Suspect Shot
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    [​IMG]

    ข่าวบันเทิง: Oopz! โอบามาและทีมงานไม่กล้าเข้าพักในโรงแรม Waldorf-Astoria Hotel สุดหรูในแมนฮัตตันหลังจากถูกจีนซื้อไปในปี 2014 อ้างว่าเกรงจะไม่ปลอดภัย... ในประเทศอเมริกานี่นะ? ฮิ้ววววว!
    -------------
    มีเรื่องมาเม้าท์ให้ฟังอีกแล้วจ้าวววววว.... วันนี้ (12 ก.ย.58) สำนักข่าวต่างประเทศหลายยยยยแห่ง รวมทั้งสื่อฯกระแสหลักของสหรัฐฯหลายสำนักและของตะวันตกด้วยต่างก็พากันประโคมข่าวนี้ แต่เราไม่อ้างสื่อฯพวกนั้น (ใครอยากอ่านจากสื่อฯอเมริกาและตะวันตกให้หาอ่านเองนะครับ เพราะเขาด่าประเทศไทยบ่อย) เราจะอ้างจากสื่อฯรัสเซียแทน สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "So Long, Waldorf: Obama Forsakes Historic Hotel After Sale to Chinese Co" ตะลึงตึงโป๊ะ! แปลว่า "บั๊บบาย โรงแรมวอลดอร์ฟ: โอบาม่าตัดสัมพันธ์โรงแรมทางประวัติศาสตร์หลังจากขายให้บริษัทจีน" (ว้าวว! เฮียสีมีความสามารถเทคโอเวอร์โรงแรงระดับ 5 ดาวทางประวัติศาสตร์ของอเมริกาได้แล้วหรือนี่? ไม่รวยจริงทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ ตอนนี้อเมริกาหันมาขายสมบัติเก่ากินกันแล้วนะหรือนี่? ฮี่ๆๆ มันสะใจไงไม่รู้อ่ะ)
    เล่าข่าวต่อนะครับ... สำนักข่าว Sputnik ตั้งคำถามเอาไว้ว่า "แท้ที่จริงแล้วอะไรอยู่เบื้องหลังที่ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาและทีมงานของเขาย้ายสถานที่พักอาศัยระดับประธานาธิบดีตามประเพณีที่โรงแรม Waldorf-Astoria Hotel ในแมนฮัตตันในสัปดาห์หน้า ในงานประชุมสมัชชาแห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly) ประจำปี 2015?"
    รายงานข่าวบอกว่าท่านโอบาม่าจะกำลังจะฉีกม่านประเพณีที่มีมายาวนานในการเข้าพักอาศัยในโรงแรม Waldorf-Astoria นาย Josh Earnest เลขานุการโฆษกทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และแล้วก็มาถึงจุดสิ้นสุดของการคาดเดามาหลายเดือนว่าประธานาธิบดีและทีมงานของเขาอาจจะละทิ้งโรงแรมแห่งนี้ หลังจากโรงแรม Waldorf-Astoria ได้ถูกขายให้บริษัทสัญชาติจีน แล้วจะให้ทำอย่างไรดีหละ? ประท้วงเลยเอาไหม? (So what gives? An act of protest? ชอบสื่อฯรัสเซียตรงนี้แหละ หยิกได้หนุกดีครับ) แท้ที่จริงแล้วความกังวลมากจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์จากกรุงปักกิ่งตามที่มีการกล่าวหากันหรือเปล่า? (เออ… นั่นสิ! อเมริกากลัวจีนด้วยรึ? นั่นสิ... ก่อนหน้านี้เห็นปากดีนักและคุยโวว่าตัวเองเป็นเลิศทุกด้านไม่ใช่รึ? ไหงคราวนี้ถึงไม่กล้าเข้าพักในโรงแรมที่อดีตปธน.สหรัฐฯคนอื่นๆต่างก็เคยเข้าพักมาแล้วทั้งนั้นซะหละ ป๊อดอ่ะดิ คริๆ)
    CNN รายงานว่า "เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวว่า ทีมงานประธานาธิบดีจะเข้าพักในที่อื่น เนื่องจากค่าใช้จ่ายและพื้นที่ (costs and space) มีความจำเป็นสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเรื่องความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยด้วย" เจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ประสงค์จะเอ่ยนามไม่ได้เจาะจงอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ (อเมริกานี่นะอ้างเรื่องประหยัดค่าใช้จ่าย ฮ่าๆๆ... หรือว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะถังแตกจริงๆหละนี่?)
    รายงานข่าวบอกว่ามันไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปที่ว่าสหรัฐฯได้ตั้งข้อสงสัยจีน (dubious อันที่จริงกล่าวหาเลยหละ) เกี่ยวกับสายลับไซเบอร์ แม้ว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถในการสร้างหลักฐานขึ้นมาพิสูจน์ข้อกล่าวหาจากฝ่ายสหรัฐฯ (ว้าว! สำบัดสำนวนของสื่อฯรัสเซีย สุดยอดครับท่าน)
    แล้วท่านโอบามาและทีมงานจะไปพักที่ไหนหละคราวนี้? รายงานข่าวบอกว่า จะเปลี่ยนจาก Waldorf ไปพักที่โรงแรม New York Palace Hotel แทน
    James Clapper ผอ.หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ (US Director of National Intelligence) ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้ชี้นิ้วไปที่จีนว่าเป็น "ผู้ต้องสงสัยหลัก" ในการโจมตีสำนักงานบริหารงานบุคคล (Office of Personnel Management) ซึี่งมีผลกระทบต่อลูกจ้างของรัฐบาลกลางสหรัฐฯถึง 20 ล้านคน โดยกล่าวว่า "ความน่าจะเป็นในการบ่อนทำลายด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ในวงกว้าง (large-scale) ต่อสหรัฐฯนั้นดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีแล้ว แต่จะมีภัยคุกคามระดับล่างแทน"
    นั่นไง... ก่อนหน้านี้ก็โทษเกาหลีเหนือ ในกรณีของการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทโซนีพิกเจอร์ โดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ FBI วันนี้หยิบมุกเก่ามาเล่นอีกแล้ว แต่ให้ NSA พูด โดยเปลี่ยนไปเล่นงานจีนแทน เพื่ออะไร? อ้าวก็คุณพี่จักรวรรดิเฮเกแกขึ้นชื่อเรื่องถ้ำมองชาวบ้านไม่เว้นแม้กระทั่งพันธมิตรของตัวเอง เช่นเยอรมันนี และญี่ปุ่น ที่ออกมาโวยวายเป็นข่าวอื้อฉาวงามหน้าไปทั่วโลกนั่นไง งานถนัดของจักรวรรดิเฮเกและสื่อฯของพวกเขาก็รีบแสร้งโวยวายแล้วสร้างเรื่องแบบเดียวกันนี้ขึ้นมาแล้่วโยนความผิดไปให้คนอื่นหรือรีบกล่าวหาคนอื่นแทน เพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมถ่อยๆของตนเอง ดราม่ามากๆ
    แต่จะว่าไปแล้วจีนก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ... เล่นเอาปธน.จักรวรรดิเฮเกและทีมงานปอดได้ขนาดนี้อ่ะ... ฮ่าๆๆ อ้อ… วิกิบอกว่า กลุ่มบริษัท Anbang Insurance Group ของจีนคือเจ้าของคนใหม่ของโรงแรม Waldorf Astoria New York ซื้อไปเมื่อเดือนตุลาคม 2014 ในราคา US$1.95 billion (ประมาณ 69.22 หมื่นล้านบาท)
    The Eyes
    12/09/2558

    ภาพโดย © Flickr/ Kevin Harber

    ----------
    So Long, Waldorf: Obama Forsakes Historic Hotel After Sale to Chinese Co
    https://en.wikipedia.org/wiki/Waldorf_Astoria_New_York
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    Oopz! ผลสำรวจบอกว่าเกือบ 1 ใน 3 ของชาวอเมริกันสนับสนุนให้ทหารทำรัฐประหารต่อต้านรัฐบาล ยุ่งหละสิ!

    [​IMG]

    -------------
    วันนี้ (12 ก.ย.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียพาดหัวข่าวให้ผู้อ่านอ่านแล้วจะรู้สึกว่ามีความสุขมากว่า "Nearly 1/3 of Americans would back military coup against government – poll" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างบน) (มันยังไงหละนี่อเมริกาครับ?)
    รายงานข่าวจากฝั่งรัสเซียซึ่งอ้างมาจากฝั่งยุโรปอีกทีหนึ่งว่า ชาวอเมริกันเกือบหนึ่งในสามสามารถจินตนาการได้ว่าพวกเขาสนับสนุนการทำปฏิวัติรัฐประหารต่อต้าน (โค่นล้ม) รัฐบาลสหรัฐฯ! จากผลสำรวจครั้งใหม่ มีน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่ "โดยสมมุติฐานแล้ว" สนับสนุนกองทัพให้ยึดอำนาจหากรัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญ (เหมือนประเทศไหนน๊าาาาา? คริๆ ลุงตู่อาจจะกำลังจะเป็นไอดอลของอเมริกันชนแล้วนะครับ)
    ผลลัพธ์นี้ได้มาจากการทำการสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งจัดทำโดยสำนัก YouGov ซึ่งตั้งอยู่ที่อังกฤษ (อังกฤษกล้าเล่นแรงขนาดนี้เลยหรือ? ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร) ซึ่งผลโพลนี้ได้จากประชาชนจำนวน 1,000 คนระหว่างวันที่ 2-3 ก.ย.58 ที่ผ่านมา
    เมื่อถูกถามว่า หากมีสถานการณ์ที่ผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าพวกเขาสนับสนุนการทำรัฐประหารโดยทหาร (military coup) ต่อต้านรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง (หรือไม่?) 29 เปอร์เซ็นต์ตอบว่า "Yes" ในขณะที่ 41 เปอร์เซ็นต์พูดว่า "No" ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์บอกว่า "ไม่แน่ใจ" (ลังเล) (ทำเป็นเล่นไป ดูตัวเลขฝั่งที่ตอบ No สิ แค่ 41% เองที่บอกว่าไม่สนับสุนให้ทำรัฐประหาร ซึ่งก็แปลว่าชอบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ประเทศอเมริกาที่ชูธงเรื่องประชาธิปไตยนี่นะมีประชาชนชาวอเมริกัน (ตามผลสำรวจ) ชอบประชาธิปไตย ไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ตัวเลขนี้สะท้อนให้นักประชาธิปไตยนิยมทั้งหลายคิดอะไรได้บ้างหรือไม่? บางคนอาจจะบอกว่า อย่าไปเชื่อ โพลโกหก อึ่ม! ตามใจ ฮ่าๆๆ)
    ผลโพลยังบอกด้วยว่า พวกรีพับลิกัน (43%) มากกว่ากว่าพวกดีโมแครท (20%) ถึงสองเท่าที่สนับสนุนการทำรัฐประหารในสหรัฐอเมริกา ในกลุ่มที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (ไม่สังกัดพรรคการเมือง) ส่วนใหญ่ (38%) บอกว่าพวกเขาคิดว่าอาจจะไม่สนับสนุนการทำรัฐประหาร ในขณะที่อีก 29% บอกว่า "อาจจะเห็นด้วยครับ!"
    แต่ผลสำรวจกลับกัน (พลิกล็อค) เมื่อมีการนำเสนอสถานการณ์พิเศษให้กับผู้ตอบผลแบบสอบถามในกรณีที่รัฐบาลละเมิดรัฐธรรมนูญ ในกรณีเช่นนี้ 43 เปอร์เซ็นต์บอกว่า "โดยสมมุติฐานแล้ว" พวกเขาจะสนับสนุนให้ทหารยึดอำนาจ และ 29 เปอร์เซ็นต์บอกว่าจะไม่สนับสนุน (กรรมหละสิ!)
    ยังมีอีกนะ ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามจำนวจ 70% เชื่อว่าโดยปรกติแล้วเจ้าหน้าที่ทหาร "ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ" (military officers generally "want what is the best for the country") และ 50 กว่าเปอร์เซ็นต์เชื่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศมากที่สุด (จริงเหรอ? รู้สึกว่าตำรวจที่นั่นจะขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย (police brutality) เป็นพิเศษเลยนะ จีนยังออกมาประท้วงเรื่องนี้เลยนะครับ)
    ก็เพราะรัฐบาลสหรัฐฯเองนั่นแหละที่ทำเป็นตัวอย่างให้ประชาชนและทหารของพวกเขาเห็นเอง เพราะรัฐบาลสหรัฐฯไปสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังการทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยูเครนชุดที่แล้วซึ่งเป็นประชาธิปไตยและมาจากเลือกตั้งด้วย และตอนนี้สหรัฐฯก็หนุนหลังพวกกบฏซีเรียให้โค่นล้มรัฐบาลอัสซาดซะงั้น ครั้นจะอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตยและนิยมประชาธิปไตยก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะว่าหลักฐานมันมีให้เห็นอยู่ทนโท่
    The Eyes
    12/09/2558

    ภาพจาก Texas governor Greg Abbott (Rreuters / Larry Downing) / Reuters

    ----------
    Nearly 1/3 of Americans would back military coup against government – poll — RT USA
    ‘Martial law exercise?’ Texas jittery over US military drills — RT USA
    Many Americans Could Imagine Supporting A Military Coup | The Daily Caller
    https://today.yougov.com/news/2015/09/09/could-coup-happen-in-united-states/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    หรือจะเป็น BRICSA? อาร์เจนตินาอ้อนบราซิลให้สนับสนุนเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS

    [​IMG]

    --------------
    เมื่อวานนี้ (12 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่านาง Cristina Fernandez de Kirchner ประธานาธิบดีของอาร์เจนตินาได้ขอให้อดีตปธน.ของบราซิลช่วยสนับสนุนให้อาร์เจนติน่าเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ด้วย (ว้าววว! จริงอ่ะ จริงครับ รายงานข่าวก็บอกว่าอย่างนั้นแหละ)
    รายงานข่าวบอกว่าระหว่างการพบปะกับนาย Luiz Inacio Lula da Silva อดีตผู้นำบราซิล ปธน.ของอาร์เจนตินาได้ขอให้ทางบราซิลช่วยเหลือเธอให้ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS ซึ่งประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa
    สำนักข่าว Prensa Latina รายงานว่าถ้อยแถลงของนาง Kirchner ได้เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในช่วงที่มีการรณรงค์หาเสียงสนับสนุนนาย Daniel Scioli ในการสรรหาตัวแทนลงสมัครแข่งขันเป็นประธานาธิบดีของอาร์เจนตินาจากพรรค Justicialist Party (Frente para la Victoria) ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับผู้นำอาร์เจนตินาคนปัจจุบัน
    รายงานข่าวบอกว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าเรื่องที่อาร์เจนตินามีความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ BRICS ได้อยู่ในวาระการประชุมของการประชุม BRICS summit ที่เมือง Fortaleza ประเทศบราซิลเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งปธน. Kirchner ของอาร์เจนตินาได้พบกับปธน. Vladimir Putin ผู้นำรัสเซียและปธน. Xi Jinping ผู้นำของจีนด้วย (จริงๆแล้วอาร์เจนตินาก็ได้เข้าร่วมประชุมครั้งสำคัญต่างๆในกลุ่ม BRICS มาโดยตลอด และหันมากระชับความสัมพันธ์ด้านการต่่างประเทศและทางเศรษฐกิจกับรัสเซียมากขึ้นด้วย ทั้งด้านอาวุธ เทคโนโลยี และแม้กระทั่งกรณีพิพาทหมู่เกาะ Falkland Islands/ Malvinas Islands ที่มีปัญหากับอังกฤษด้วย)
    ในขณะเดียวกันก็มีผู้เชี่ยวชาญ (ข่าวไม่ได้บอกว่าเป็นฝ่ายไหน) ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เอ้ยยยย! มันเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องอาเจนตินาจะเข้าร่วมในกลุ่ม BRICS หนะ (เพราะอะไรครับท่าน?) ก็เพราะว่าประเทศนี้ (อาร์เจนตินา) ได้กลายเป็นประเทศที่ผิดชำระหนี้ในทางเทคนิกแล้ว เนื่องจากปฏิเสธรับเงินกองทุน Hedge funds (บางคนเรียกกองทุนนี้ว่า กองทุนเห็ด/กองทุนพ่อมด/กองทุนปีศาจ/กองทุนยมทูต) เพื่อปรับโครงสร้างหน้ี้สาธารณะของกรุง Buenos Aires (เมืองหลวงของอาร์เจนติน่า) (น่าสนใจ มีความเป็นไปได้ว่าคนที่ออกมาแย้งในครั้งนี้ก็คือพวกที่จ้องจะกินตับอาร์เจนตินาต่อนั่นแหละ เพราะไม่อยากให้ BRICS เข้าไปขวาง ประมาณว่า "หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานมาสอด" ยังแทะอาร์เจนตินาไม่หมดเลย อย่าพึ่งเข้าไปช่วยอาร์เจนตินาสิ)
    อย่างก็ตาม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมัชชาสหประชาชาติ (UN General Assembly) ได้อนุมัติแนวทางแก้ไขปัญหาแบบไม่ผูกพันฉบับใหม่ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่การสร้างกรอบทางกฎหมายใหม่เพื่อปรับโครงสร้างหนี้สินของประเทศ (national debt) แนวทางดังกล่าวได้กำหนดหลักการขึ้นมาเก้าข้อเพื่อใช้ในการปรับโครงสร้างหนี้สินของประเทศ โดยเรียกร้องให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ "ให้ปฏิบัติโดยสุจริตและด้วยจิตวิญญาณในความร่วมมือกัน" (to act in good faith and with cooperative spirit)
    สื่อฯของอาร์เจนติน่ารายงานว่า การตัดสินใจในครั้งนี้ได้ชี้ให้เห็นว่าสหประชาชาติมีความพยายามที่จะช่วยเหลือปกป้องอาร์เจนติน่าและประเทศอื่นๆจากพวกกองทุนที่เรียกว่า "กองทุนอีแร้ง" ทั้งหลาย (vulture funds)
    รายงานข่าวยังบอกอีกว่าในขณะเดียวกัน ยูเอ็นและ IMF ได้จัดอันดับให้สี่ประเทศต้นกำเนิดของกลุ่ม BRICS ว่าอยู่กลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดใน 10 ประเทศทั่วโลกด้วย ในความหมายของ GDP ทั่วไป ส่วนแอฟริกาใต้ถูกจัดอันดับไว้ที่ 33 ซึ่งต่ำกว่าอาร์เจนตินา อย่างไรก็ตาม แอฟริกาใต้ก็ควบคุมทรัพยากรเหมืองแร่ที่มีความสำคัญมากเช่นกัน (ก็มองว่ามีโอกาสและความเป็นไปได้สูงทีเดียว ที่อาร์เจนตินาจะได้อนุมัติให้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม BRICS ด้วย และกลุ่ม BRICS ก็ไม่ได้ปิดประตูที่จะเปิดรับสมาชิกใหม่ด้วยเช่นกัน ที่แน่ๆ หนึ่งในนั้นก็อิหร่านนี่แหละ)
    ในขณะเดียวกัน ประเทศซูดาน (Sudan) ก็ได้เซ็นลงนามพร้อมที่จะอยู่ในสถานะรัฐผู้สังเกตการณ์ภายในกลุ่ม BRICS ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้เพิ่มอิทธิพลของตนเองในระดับนานาชาติอย่างเห็นได้ชัดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ (และในงานวัน V-Day ของจีนเมื่อวันที่ 3 ก.ย.58 ที่ผ่านมาจีนก็อ้าแขนรับผู้นำซูดานด้วย ไม่สนคำทักท้วงของจักรวรรดิเฮเก้สักนิด เห็นได้ชัดว่าทั้งจีนและรัสเซียต่างก็พยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งทั้งในแอฟริกาและในตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น)
    The Eyes
    13/09/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ JUAN MABROMATA

    ----------
    BRICSA? Argentina Asks Brazil to Promote Its Access to Five-Member Group
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ฉลุย! ไปโลดลูกเพ่!... กรีซไฟเขียวให้เครื่องบินรัสเซียขนสิ่งของบรรเทาทุกข์บินผ่านน่านฟ้าไปช่วยซีเรียได้ (มนตร์ดำของจักรวรรดิเฮเกเสื่อมซะแล้ว คริๆ)

    [​IMG]

    --------------
    สั้นแต่ทำให้บางใครบางคนตัวสั่นแน่ๆ! (ส่วนพวกเราก็สั่นเหมือนกัน เพราะหัวเราะมากเนื่องจากอ่านแล้วมีความสุข ฮี่ๆๆ) เมื่อวันนี้ (12 ก.ย.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวแบบไม่เยาะเย้ยจักรวรรดิเฮเก เนื่องจากเกมนี้รัสเซียรุกฆาต จึงต้องเก็บอาการหน่อยโดยพาดหัวข่าวว่า "รัสเซียสนับสนุนจุดยืนของกรีซในเรื่องการขนส่งความช่วยเหลือ (ด้านมนุษยธรรม) ไปให้ซีเรีย" (รัสเซียไม่ได้บอกว่ากรีซสนับสนุนนะ แต่ใช้คำว่ารัสเซียสนับสนุนจุดยืนของกรีซแทน ที่กรีซสนับสนุนรัสเซียนั่นแหละ ฮี่ๆ)
    รายงานข่าวบอกว่านาง Maria Zakharova โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียให้กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "กรุงมอสโคว์รู้สึกขอบคุณจุดยืนของกรุงเอเธนต่อกรณีเที่ยวบินของรัสเซียที่ขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ซีเรียโดยผ่านน่านฟ้ากรีซ"
    โฆษกก.ต่างประเทศของรัสเซียยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกว่า "พวกเราขอขอบคุณ (appreciate) หุ้นส่วนชาวกรีซที่ยึดมั่นในหลักการและเคารพต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของพวกเรา... จุดยืนของกรุงเอเธนได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจที่ลึกซึ้งของกรีซเกี่ยวกับความยากลำบากต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในซีเรีย"
    รายงานข่าวบอกว่า ทางการกรีซได้ปฏิเสธคำร้องขอห้ามไม่ให้เครื่องบินสนับสนุนของรัสเซียบินผ่านน่านฟ้าของกรีซเข้าไปในซีเรีย แม้จะเป็นคำร้องขอ (แกมบังคับและกดดัน) ของสหรัฐฯก็ตาม
    เป็นไงเล่า ดูเหมือนว่าอิทธิพลของท่านเจ้าโลกจักวรรดิเฮเกจะเสื่อมลงเรื่อยๆแล้วนะ สั่งบัลแกเรียไม่ให้สนับสนุนรัสเซียในเรื่องนี้ บัลแกเรียก็รับมุกอยู่ 1-2 สองวัน ต่อมาก็เปลี่ยนใจให้เครื่องบินของรัสเซียผ่านน่านฟ้าของบัลแกเรียได้ มาวันนี้กรีซก็เอาบ้าง ไปเลยเฮียปูติน บินผ่านกรีซไปได้เลย มะมีปัญหา เดี๋ยวน้องจะส่งเครื่องบินรบคอยคุ้มกันให้เอง ส่วนอิหร่านนั้นก็ไม่มีปัญหาเช่นกัน
    The Eyes
    13/09/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Andrey Stenin

    ----------
    Moscow Supports Athens Stance on Russian Aid Delivery to Syria
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FBI ระบุ “นักรบไอซิซออสเตรเลีย” ที่ยุให้ก่อเหตุระเบิดในวันครบรอบ 9/11 ที่แท้เป็นชาวยิวอเมริกัน

    ในการสนทนาทางสื่อออนไลน์ โกลด์เบิร์กกล่าวว่า “ผมอยากทำให้องค์การนิรโทษกรรมและมาเรียม วีซซาเดห์ แปดเปื้อน... องค์การนิรโทษกรรมอยู่ในภาวะลำบากอยู่แล้วเพราะเกี่ยวข้องกับกลุ่ม CAGE ผมอยากจะตอกย้ำถึงความเกี่ยวข้องกับนักรบญีฮาดของพวกเขาและทำลายชื่อเสียงของพวกเขา และมาเรียมเป็นโสเภณีมุสลิม ดังนั้นการจะทำให้เธอแปดเปื้อนในฐานะนักรบญีฮาดคนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องง่าย”

    โดย เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.ย. 13, 2015 54

    [​IMG]
    #(ภาพ) โจชัว ไรน์ โกลด์เบิกร์ วัย 20 ปี จากออเรนจ์ พาร์ค รัฐฟลอริด้า ที่ใช้ชื่อในสื่อออนไลน์ว่า “Australi Witness’ ตัวแทนของไอซิซที่อยู่ในเพิร์ธ เขาถูกจับกุมที่บ้านพ่อแม่ของเขาในฟลอริด้าในข้อหาวางแผนก่อเหตุระเบิดในงานรำลึกเหตุการณ์ 9/11

    mintpressnews – หนุ่มอเมริกันชาวยิวถูกตั้งข้อหาว่า ทำทีเป็นนักรบกลุ่มรัฐอิสลามที่อยู่ในออสเตรเลีย หลังจากที่ FBI ได้ทำการสืบสวนร่วมกับสำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย(Australian Federal Police-AFP) ตามข้อมูลที่ได้จาก Fairfax Media

    โจชัว ไรน์ โกลด์เบิร์ก วัย 20 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเขาในรัฐฟลอริด้า ของสหรัฐฯ เขาถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความในสื่อออนไลน์โดยใช้ชื่อ “Australi Witness” ผู้สนับสนุนคนหนึ่งของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ที่เรียกร้องต่อสาธารณชนให้ทำการโจมตีต่อบุคคลและงานต่างๆ ในประเทศตะวันตกหลายครั้ง

    เมื่อเร็วๆ นี้ Australi Witness ได้อ้างทางสื่อออนไลน์ว่า เขากำลังทำงานกับนักรบญีฮาดคนอื่นๆ เพื่อวางแผนก่อเหตุในออสเตรเลียและสหรัฐฯ เขาเผยแพร่รูปภาพของระเบิดลูกหนึ่งที่เขากำลังทำอยู่โดยมี “วัตถุระเบิดขนาด 2 ปอนด์อยู่ข้างใน”

    [​IMG]
    #อุปกรณ์นี้มีลักษณะเหมือนกับ “ระเบิดหม้ออัดแรงดัน” คล้ายกับระเบิดประเภทที่ใช้ในเหตุการณ์โจมตีการวิ่งมาราธอนที่บอสตัน

    ช่วงเช้าวันศุกร์ ตามเวลาออสเตรเลีย โกลด์เบิร์ก ผู้ซึ่งไม่ใช่มุสลิม และในชีวิตจริงไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวรุนแรง ถูกจับกุมที่บ้านของเขาโดยตำรวจฟลอริด้าเนื่องจาก “ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด, อุปกรณ์ทำลายล้าง และอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง”

    กฎหมายพลเมืองและความมั่นคงแห่งชาติออสเตรเลียได้เพิ่มความเข้มงวดขึ้นเมื่อปีที่แล้วเพื่อการป้องกันการสนับสนุนการก่อการร้าย ส่วนหนึ่งเพื่อหยุดการเกณฑ์นักรบญีฮาดทางสื่อออนไลน์ และนายกรัฐมนตรีโทนี่ แอบบอตต์ ได้จัดสรรเงินทุนครั้งสำคัญให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง เพราะ “ชาวออสเตรเลียถูกลัทธิแห่งความตายกลุ่มนี้ล้างสมองทางสื่อออนไลน์มากเกินไปแล้ว”

    อย่างไรก็ตาม หนึ่งในบรรดาตัวแทนของกลุ่มรัฐอิสลามที่ชัดเจนเหล่านั้น ขณะนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้วว่าเป็นคนหลอกลวงทางสื่อออนไลน์ที่ไม่ใช่มุสลิมและอยู่ในอเมริกา

    สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียไม่มีความตั้งใจที่จะยื่นขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนสำหรับโกลด์เบิกร์ แต่กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาจะต้องรับโทษจำคุก 20 ปี ถ้าถูกตัดสินว่าผิด

    “การสืบสวนของ AFP เมื่อเดือนมิถุนายน 2015 พบว่าไม่มีภัยคุกคามในเบื้องต้นต่อชุมชนของชาวออสเตรเลีย เมื่อการสืบสวนแน่ใจว่าผู้ที่น่าจะเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับการข่มขู่เหล่านี้อยู่ในสหรัฐฯ การสืบสวนจึงตกไปอยู่ในอำนาจของ FBI โดยที่ AFP มีบทบาทในการช่วยเหลือ”

    นีล กอฮาน รักษาการรองผู้บัญชาการด้านความมั่นคงแห่งชาติของ AFP กล่าวหาว่า โกลด์เบิร์ก “วางใจว่าอินเทอร์เน็ตจะช่วยปกปิดชื่อเสียงเรียงนามได้”

    “ปฏิบัติการครั้งนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า การบังคับใช้กฎหมายสามารถสืบสวนคนในโลกออนไลน์ได้ และใช้ความร่วมมือที่มีมายาวนานของเราเพื่อทำงานร่วมกับหน่วยงานในต่างประเทศเพื่อนำผู้คนมารับผิดชอบการกระทำของเขา”
    คำเบิกความในขณะจับกุมระบุว่า ระหว่างวันที่ 19 ถึง 28 สิงหาคม นายโกลด์เบร์ “ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตวัตถุระเบิด, เครื่องมือทำลายล้าง หรืออาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง อันเป็นการส่งเสริมกิจกรรมที่ถือว่าเป็นอาชญากรรมรุนแรงของสหพันธรัฐ”

    อัยการ ลี เบนท์ลีย์ ที่ 2 ของสหรัฐฯ กล่าวว่า โกลด์เบิร์กได้แนะนำแหล่งที่เป็นความลับเกี่ยวกับวิธีการทำระเบิดที่เหมือนกันกับระเบิดสองลูกที่ใช้ก่อเหตุระเบิดงานวิ่งมาราธอนที่บอสตันเมื่อสองปีที่แล้ว ท่ำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บมากกว่า 260 คน

    เขาถูกกล่าวหาว่าได้แนะนำวิธีการเติมระเบิดด้วยตะปู โลหะ และวัตถุอื่นๆ ที่จุ่มในยาเบื่อหนู

    ตำรวจตั้งข้อหาเขาจากการสื่อสารของเขาในห้าเว็บไซต์ที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่ให้คำแนะนำที่สามารถนำไปใช้เพื่อทำวัตถุระเบิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะวางระเบิดในวันที่ 13 กันยายน ที่งานพิธีในเมืองแคนซัสที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ก่อการร้าย 9/11

    คำเบิกความของ วิลเลียม เบอร์รี่ เจ้าหน้าที่พิเศษหน่วยป้องกันเขตแดนและศุลกากรสหรัฐฯ (US Customs and Border Protection) กล่าวว่า ตอนแรกโกลด์เบิกร์ให้การปฏิเสธต่อเจ้าหน้าที่ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำระเบิด แต่ก็ได้ยอมรับในภายหลัง

    “โกลด์เบิร์กยังยอมรับอีกว่า เขาเชื่อว่าข้อมูลนี้จะสร้างระเบิดจริงได้” เจ้าหน้าที่เบอร์รี่กล่าวอ้าง

    อย่างไรก็ตาม โกลด์เบิกร์ยังอ้างด้วยว่า เขาตั้งใจว่าถ้าคนที่เขาติดต่อด้วยไม่ฆ่าตัวเองด้วยการทำระเบิด โกลด์เบิกร์ก็ตั้งใจที่จะแจ้งตำรวจให้ทันเวลา เพื่อที่เขาจะได้รับ “ความเชื่อถือจากการหยุดการเกิดเหตุได้”

    ในการพูดคุยกับ Fairfax Media ซึ่งได้ถูกนำมาอ้างถึงในคำเบิกความด้วยนั้น นายโกลด์เบิร์กระบุว่า เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีนักรบญีฮาดคนใดดำเนินการก่อเหตุจริงๆ เพราะ “คนพวกนี้เป็นแค่นักรบหน้าคีย์บอร์ด”

    Fairfax Media ยังสามารถเปิดเผยได้อีกด้วยว่า โกลด์เบิร์ก ถูกสงสัยว่าใช้ชื่อ Australi Witness เป็นหนึ่งในจำนวนหลายชื่อหลอกลวงทางสื่อออนไลน์อื่นๆ รวมถึงการโพสต์ทางสื่อออน์ไลน์ในฐานะเป็นนักกฎหมายผู้มีชื่อเสียงชาวออสเตรเลียที่ชื่อ Josh Bornstein

    การกระทำทางสื่อออน์ไลน์ของ Australi Witness อาจส่งผลตามมาที่ร้ายแรงในโลกของความเป็นจริงในเดือนพฤษภาคม

    ก่อนหน้าที่จะถึงงานนิทรรศการณ์ในการ์แลนด์ รัฐเท็กซัส ที่จะมีการจัดแสดงภาพของศาสดามุฮัมมัด “Australi Witness” ได้ทวีตที่ตั้งของงาน และโพสต์ทวีตซ้ำๆ เพื่อกระตุ้นให้คนไปที่นั่นพร้อมด้วย “อาวุธ, ระเบิด หรือมีด”
    ชายมุสลิมสองคนได้พยายามที่จะก่อเหตุโจมตีงานนิทรรศการนั้น และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฯ ไป Australi Witness จึงได้สรรเสริญเขาทั้งสองทางสื่อออนไลน์ว่าเป็น ผู้พลีชีพ


    Australi Witness ยังได้กระตุ้นให้ผู้ติดตามโจมตีนักเขียนการ์ตูนชาวออสเตรเลีย แลร์รี่ พิกเคอริง ที่ได้วาดภาพศาสดามุฮัมมัดก่อนหน้านี้


    Australi Witness ได้หลอกลวงสมาชิกของหน่วยงานข่าวกรองระหว่างประเทศ รวมถึงนักข่าวหลายคน โดยที่ ริต้า แคทซ์ นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก SITE Intelligence Group กล่าวว่า “ผู้สนับสนุน IS” คนนี้ มีตำแหน่งที่ “ทรงอิทธิพล” ในแวดวงญีฮาดออนไลน์ และเป็น “ส่วนหนึ่งของกลุ่มบุคคลที่เป็นฮาร์ดคอร์ ที่มองหาเป้าหมายให้คนอื่นโจมตีอยู่ตลอดเวลา”

    ก่อนหน้านี้ ริต้า แคทซ์ ได้ทำหน้าที่เป็น ที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ และต่างประเทศ และเคยให้การต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับกิจกรรมของผู้ก่อการร้ายทางสื่อออนไลน์

    สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียไม่เคยรู้เลยว่าตัวตนที่แท้จริงของ Australi Witness คือโกลด์เบิร์ก จนกระทั่งได้รับการติดต่อจากนักข่าวที่เป็นตัวแทนของ Fairfax Media

    ในชื่อหลอกของ Bornstein โกลด์เบิร์กได้สร้างบล็อกบน Times of Israel ด้วยชื่อของนักกฎหมายผู้นี้ ก่อนที่จะโพสต์บทความเผ็ดร้อนเรียกร้องให้ “ถอนรากถอนโคน” ชาวปาเลสไตน์ให้สิ้นซาก Times of Israel ได้ถอดบทความนี้ออกและได้ขอโทษ และ Bornstein ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะด้วยเรื่องที่ระบุว่า “ผมเวทนาการเหยียดเชื้อชาติ… ผมต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ”

    เมื่อถูกเผชิญหน้า โกลด์เบิร์ก เขาโม้ว่าเขาเลี่ยงการตรวจจับได้ โดยบอกว่า “ผู้ชายคนนั้นไม่รู้อะไรเลย เขาคิดว่า (เว็บไซต์กลุ่มขวาจัด) Daily Storer เป็นคนทำ” เขายังกล่าวด้วยว่า เขาอยากจะได้ที่อยู่จริงของ Bornstein เพื่อที่จะ “ทำให้เขาหลุดโลกมากขึ้นอีก”

    ในบทสนทนา และในบทความที่เขียนด้วยชื่อจริงของเขา โกลด์เบิร์กแสดงตัวบ่อยๆ ว่าเป็นผู้สนับสนุนเสรีภาพในการพูด และแสดงความรังเกียจต่อองค์กรหรือบุคคลที่เรียกร้องให้มีขีดจำกัดในการพูดสร้างความเกลียดชัง หรือกฎหมายเกี่ยวกับการพูดสร้างความเกลียดชัง

    ในฐานะ Australi Witness เขาแสดงความเกี่ยวข้องอย่างเปิดเผยกับองค์การนิรโทษกรรมสากล โดยบอกว่าเขาเคยทำงานที่นั่น นักรบญีฮาดปลอมคนนี้ยังอ้างอีกด้วยว่าเขาเป็นเพื่อนกับ มาเรียม วีซซาเดห์ นักรณรงค์ต่อต้านโรคเกลียดกลัวอิสลาม แต่กลับมีแต่ทำให้ชื่อเสียงของเธอแปดเปื้อน

    ในการสนทนาทางสื่อออนไลน์ โกลด์เบิร์กกล่าวว่า “ผมอยากทำให้องค์การนิรโทษกรรมและมาเรียม วีซซาเดห์ แปดเปื้อน… องค์การนิรโษกรรมอยู่ในภาวะลำบากอยู่แล้วเพราะเกี่ยวข้องกับกลุ่ม CAGE ผมอยากจะตอกย้ำถึงความเกี่ยวข้องกับนักรบญีฮาดของพวกเขาและทำลายชื่อเสียงของพวกเขา และมาเรียมเป็นโสเภณีมุสลิม ดังนั้นการจะทำให้เธอแปดเปื้อนในฐานะนักรบญีฮาดคนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องง่าย”

    มาเรียม วีซซาเดห์ กล่าวว่า เธอไม่ประหลาดใจเลยที่โกลด์เบิร์กถูกจับกุม โดยกล่าวว่า เธอ “ตกอยู่ในเรดาร์ของเขา” เนื่องจากการรณรงค์ของกลุ่มเกลียดชังต่อต้านมุสลิมกลุ่มหนึ่งที่ชื่อ Australian Defence League ที่รณรงค์เพื่อ “ปลุกระดมให้เกลียดชังและสร้างความรุนแรงกับฉันไปทั่วโลก”

    ส่วน Bornstein ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น


    เอบีนิวส์ทูเดย์
    abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์
    เอบีนิวส์ทูเดย์ยินดีเป็นอย่างยิ่งให้นำข่าวและเนื้อหาอื่นๆ ของเราไปเผยแพร่ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่จะต้องให้เครดิตกับเอบีนิวส์ทูเดย์สำหรับเนื้อหาทุกชิ้นที่นำไปเผยแพร่

    FBI ระบุ “นักรบไอซิซออสเตรเลีย” ที่ยุให้ก่อเหตุระเบิดในวันครบรอบ 9/11 ที่แท้เป็นชาวยิวอเมริ
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf
    ·
    องค์กรสอดแนมของอังกฤษวอนผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ให้ตั้งรหัสอินเตอร์เน็ทง่ายๆหน่อย (เพราะมันทำให้สายลับเจาะข้อมูลยาก กรรม!)

    [​IMG]

    --------------
    นึกว่ามีแต่ด็อกเตอร์ ngo ทุนต่างชาติ (บางคน) ที่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีความคิดพิลึกพิลั่นผิดมนุษย์มนา อังกฤษก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน วันนี้ Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "UK Spy Agency Urges Users to Make Easier Internet Passwords"
    รายงานข่าวบอกว่าหน่วยข่าวกรอง GCHQ ของอังกฤษได้เผยแพร่รายงานความปลอดภัยในโลกอินเตอร์เน็ทซึ่งแนะนำว่า "ควรจะใช้รหัสผ่านที่ไม่เพียงกี่ตัวอักษรและไม่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์ แทนที่จะจะเพิ่มอักขระมากๆและหลากหลายในการยกระดับการรักษาความปลอดภัย"
    "การแพร่หลายของการใช้รหัสผ่าน (password) และความต้องการรหัสผ่านที่ซับซ้อนมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการกำหนดความต้องการที่ไม่เป็นจริงสำหรับผู้ใช้งานส่วนมาก" (อีกหละ! กรรมจริงๆ โลกนี้มันเกิดอะไรขึ้นนี่ ถ้าใช้รหัสผ่านแบบง่ายๆ ก็อาจจะถูกแฮ็กและล้วงข้อมูลได้โดยง่าย ก็เหมือนกุญแจบ้านหรือระบบรักษาความปลอดภัยของรถยนต์นั่นแหละ แต่งานนี้หน่วยข่าวกรองของอังกฤษกลับไม่เห็นด้วยในการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ทจะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยของตนเองให้สูงขึ้น อ้างว่า การใช้รหัสง่ายๆ จะช่วยให้มีความปลอดภัยสูงซะงั้น เขาขับเรือดำน้ำไปชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือมาพูดหรือไงนะ?)
    แค่นี้ยังไม่พอนะ หน่วยข่าวกรองของอังกฤษยังแนะนำอีกว่า "ผู้ใช้งานที่คิดระหัสผ่านขึ้นมาด้วยตัวเองก็จะเผชิญกับอาการ "รหัสล้น" (password overload) โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ (ควร)จะใช้การจด (ลงบนกระดาษ)ไว้ การใช้ระหัสเดิมซ้ำในระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ หรือใช้เทคนคิกการสร้างรหรัสง่ายๆและคาดเดาได้"
    นี่เป็นการกลับลำแบบ 180 องศาจากคำแนะนำก่อนหน้านี้ของหน่วยงานนี้ที่สนับสนุนให้ผู้ใช้งานระบบคอมพิวเตอร์เพิ่มความซับซ้อนในการตั้งรหัสผ่านให้ "ยาก" ขึ้น โดยองค์กรณ์นี้ได้เขียนเอาไว้ว่า "ความหลากหลายของเว็บไซต์และการให้บริการต่างๆที่ต้องการรหัสผ่านนั้นย่อมหมายความว่าผู้ใช้งานจะต้องตามกฎต่างๆในการตั้งรหัสที่เป็นไปไม่ได้ (เจาะไม่ได้) เพื่อรักษาความปลอดภัย"
    GCHQ พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้ใช้งานเคลิ้มตามว่า "วิธีที่สำคัญที่สุดในการลดภาระเกี่ยวกับรหัสผ่าน (กลายเป็นภาระตั้งแต่เมื่อไหร่นี่?) ก็คือใช้รหัสก็ต่อเมื่อพวกเขา (ผู้ใช้งานเจ้าของแอ็คเค้าท์) มีความต้องการจริงๆเท่านั้น" (อึ่ม… หมายความว่าเขากำลังพยายามจะบอกว่าถ้าล็อกอินเข้าไปแล้ว แม้จะเลิกใช้งานก็ไม่ต้องล็อกเอาท์ออกก็ได้ ปิดบราวเซอร์ไปแต่คุกกี้มันก็ยังอยู่ พอเปิดบราวเซอร์เข้าเว็บหรือเช็กอีเมล์อีกครั้งก็ไม่ต้องป้อนรหัสซ้ำอีก ให้เปิดอ้าซ่าไว้อย่างนั้นและ หน่วยสอดแนมของอังกฤษและแฮ็กเกอร์ทั้งหลายจะได้พากันแห่มาล้วงลับจับลึกข้อมูลของคุณได้ง่ายๆ และอาจจะขโมยบัญชีผู้ใช้งานของคุณไปเลย หรืออาจจะแอบส่งบางอย่างออกไปในนามของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวก็ได้ วันหนึ่งตำรวจอาจจะมาเคาะประตูบ้านคุณแล้วก็บอกว่าคุณได้กระทำผิดกฎหมายพรบ.คอมพิวเตอร์นะ โชคดีตามคำแนะนำของหน่วยข่าวกรองอังกฤษ ซึี่งดูเหมือนว่าจะเป็นคำแนะนำที่พูดดีประสงค์ร้าย น่าปลื้มใจจนน้ำหูหน้าตาไหลเลยหละ)
    รายงานข่าวบอกว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา GCHQ และ NSA หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯได้ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยและซอฟแวร์ป้องกันไวรัสใหม่ เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับช่องโหว่าในโปรแกรมรักษาความปลอดภัย และสอดแนมเกี่ยวกับผู้ใช้งานซอฟแวร์นั้นๆ
    ว้า… รายงานข่าวไม่ได้บอกเอาไว้ซะด้วยว่าเป็น anti-virus ยี่ห้ออะไร ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวเกี่ยวซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ของอิสราเอลที่ไม่ปลอดภัย เพราะมีการแอบล้วงข้อมูลของผู้ใช้งาน ซึ่งเคยลงข่าวให้ทราบแล้ว ตอนนี้จำชื่อไม่ได้แล้ว แล้วก็มาทำเป็นโวยวายว่าโดนแฮ็กเกอร์ของเกาหลีเหนือบ้างหละ จีนบ้างหละแฮ็กซะงั้น ก็รู้ๆกันอยู่นะไม่งั้นพี่แกคงจะไม่รายงานแถลงการณ์เชิญชวนให้ประชาชนลดมาตรการด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับรหัสผ่านในโลกไซเบอร์อย่างนี้แน่
    The Eyes
    13/09/2558
    ----------
    UK Spy Agency Urges Users to Make Easier Internet Passwords
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=nf

    เข้าใจผิดนึกว่าเป็นขบวนรถของกลุ่มติดอาวุธ กองทัพอียิปต์ยิงถล่มขบวนรถของนักท่องเที่ยวชาวเมกซิกันเสียชีวิต 12 บาดเจ็บ 10

    [​IMG]

    --------------
    วันนี้ (14 ก.ย.58) ข่าวด่วนจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของอียิปต์ได้โจมตีขบวนรถของนักท่องเที่ยวชาวเมซิกันจำนวน 12 รายและได้รับบาดเจ็บอีก 10 คน ในขณะในปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายในทะเลทรายทางตะวันตกของประเทศ กระทรวงมหาดไทยของอียิปต์แถลงการณ์ในวันจันทร์นี้
    โดยกระทรวงมหาดไทยของอียิปต์ได้ออกแถลงการณ์ว่า "ในขณะที่กองกำลังผสมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร (ของอียิปต์) กำลังไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายในพื้นที่โอเอซิสในทะเลทรายทางตะวันตกเมื่อคืนนี้ ก็ได้เจอขบวนรถสี่ล้อจำนวน 4 คันของกลุ่มนักท่องเทีี่ยวชาวเมกซิกันเข้าโดยบังเอิญ และทางกองทัพก็ได้ยิงถล่ม เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นขบวนรถของกลุ่มติดอาวุธซึ่งเป็นผู้ก่อการร้าย"
    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาสำนักข่าว Sputnik news รายงานข่าวว่าปธน. Abdel Fatah Sisi ได้ลงนามรับรองการลาออกของคณะรัฐมนตรี การลาออกยกชุดนี้เกิดขึ้นหลังจากได้มีการจับกุมนาย Selah Helal รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรข้อหาคอรัปชั่นและรับสินบน
    ในวันเดียวกันนี้รายงานข่าวบอกว่าปธน.ของอียิปต์ได้สั่งให้นาย Sherif Ismail รมว.ปิโตรเลียมและทรัพยากรเหมืองแร่ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นมาภายใน 1 สัปดาห์
    The Eyes
    14/09/2558

    ภาพจาก © Amr Dalsh / Reuters

    ----------
    12 killed, 10 injured in tourist convoy as Egyptian forces ‘hunting ISIS’ shoot Mexicans by mistake — RT News
    Egyptian President Accepts Resignation of Cabinet
    Egyptian President Instructs Petroleum Minister to Form New Cabinet
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วันที่ 15 - 17 กันยายน 2558 ผมมีธุระต้องไปติดต่องานในพื้นที่ครับ เลยอาจไม่ได้เข้ามาโพสข้อมูลเลย หรือมาลงบ้างในบางวันที่กลับมาทันน่ะครับ เลยขอแจ้งให้ทราบก่อน ขอบคุณที่ติดตามอ่านข่าวสารที่นำมาลงเสมอ พยายามหาข่าวที่เป็นจริง ไม่สร้างกระแส แต่ถ้าข่าวไหนไม่ถูกต้องก็ต้องขอโทษครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...