ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )
    สหรัฐฯพร้อมจะส่งเครื่องบิน B-52 ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไปยังเกาหลีใต้ (ฮึ่ม… เอาเข้าไป เจริญหละเกาหลีใต้)

    [​IMG]

    -----------
    วันนี้ (24 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "US Ready to Deploy B-52 Strategic Bombers in South Korea" (สหรัฐฯพร้อมจะใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ (นิวเคลียร์) ในเกาหลีใต้) (ไม่ได้แปลว่าสหรัฐฯจะทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่เกาหลีใต้นะ แปลว่าจะนำเครื่องบิน B-52 ที่ใช้ในปฏิบัติการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไปประจำการหรือไปจอดเท่ห์ในเกาหลีใต้ เพื่อขู่ใครบางคน อาจจะเป็นเกาหลีเหนือ หรือจีน หรือรัสเซียก็ได้ เพราะว่าตอนนี้เกาหลีใต้กำลังเหงื่อตกซิกๆ รวมทั้งสหรัฐฯด้วยมั๊งที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือมากกว่า 50 ลำได้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะส่งผลให้เกาหลีเหนือได้เปรียบบนโต๊ะเจรจามากขึ้น เมื่อเกาหลีเหนือเล่นมุกเรือดำน้ำ ลูกพี่ใหญ่จะเห็นท่าไม่ดีเพราะว่ามือของเกาหลีใต้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อแล้ว จึงบอกว่าเดี๋ยวจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ไปให้ซักหลายๆลำ ว้าว! เอาจริงดิ?)
    กรุงโตเกียว (สำนักข่าว Sputnik) สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้รายงานว่า "เครื่องบินทิ้งระเบิด (หลายลำ) จะถูกติดตั้งด้วยระเบิด bunker buster ในเกาหลีใต้" เรือดำน้ำ (ของสหรัฐฯ) จะเดินทางออกจากฐานทัพเรือ Yokosuka ในญี่ปุ่น (ไปไหน? ก็แถวคาบสมุทรเกาหลีนั่นแหละมั๊ง?)
    ระเบิด bunker buster bomb นี่มันเป็นอย่างไรหรือ? ข้อมูลเบื้องต้นจากวิกิพีเดียบอกว่ามีหลายชนิด ที่เป็นนิวเคลียร์ก็มี (Nuclear bunker buster) สร้างขึ้นมาเพื่อทำลายฐานปฏิบัติการใต้ดินของฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายที่ตกเป็นเป้าหมาย ที่อยู่ใต้ดิน ภาพประกอบข่าวจาก AFP บอกว่ามันสามารถเจาะผ่านชั้นหินแข็งๆลึกลงไปได้ถึง 40 เมตรแล้วก็จุดชนวนระเบิด บึ้ม! อาจจะมีแผ่นดินไหวเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง (สถานที่ทดสอบอาวุธพวกนี้ก็อยู่ในรัฐ Nevada ของสหรัฐฯนั่นแหละ)
    ตอนนี้ยังไม่มีข่าวความคืบหน้าการเจรจาระหว่างสองเกาหลี เช็กดูข่าวจากฝั่งจีน ซึ่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีความตึงเครียดระหว่างสองเกาหลีนี้ โดยสำนักข่าว People's Daily Online ของจีนพาดหัวข่าวว่า "Commentary: For the two Koreas, dialogue always better than confrontation" (ความคิดเห็น: สำหรับทั้งสองเกาหลี การเจรจากันย่อมดีกว่าการเผชิญหน้ากันเสมอ)
    ผู้สังเกตการณ์จากทหารผ่านศึกมองว่าการพัฒนาความขัดแย้งกันระหว่างสองเกาหลีนี้เหมือนกับเกมชนไก่ (Game of Chicken) อีกครั้งระหว่างสองเกาหลี ซึ่งจะนำคาบสมุทรเกาหลีเข้าสู่ปากแห่งสงคราม และพร้อมที่จะก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในภูมิภาคนี้อีกครั้ง
    นักวิเคราะห์เชื่อว่ามีหลายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของการขยายความตึงเครียดที่น่าเศร้าที่กำลังเกิดขึ้นนี้ในคาบสมุทรเกาหลี เนื่องจากทั้งสองฝ่ายขาดความไว้วางใจกัน (lack of basic trust in each other) อย่างเห็นได้ชัด ตามประวัติศาสตร์ของทั้งสองเกาหลีแล้ว อาจจะไม่ดูสมจริงเท่าไรนักที่จะให้ทั้งสองฝ่ายยอมสละความหวาดระแวงต่อกันที่ฝังรากลึก ในอนาคตอันใกล้นี้
    และอาจจะต้องใช้เวลานานสำหรับทั้งสองฝั่งที่หันเข้าไปโอบกอดกันอย่างพี่น้อง ทั้งสองเกาหลีควรจะพยายามปฏิบัติโดยสุจริตใจและจำไว้ว่า การดำเนินการใดๆที่จะขยายความตึงเครียดออกไปในคาบสมุทร ย่อมจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อพวกเขาเอง และต่อภูมิภาครวมทั้งทั่วโลกด้วย (นี่จีนเตือนสองเกาหลีด้วยเจตนาที่ดี)
    นักวิเคราะห์ฝ่ายจีนกล่าวต่อไปอีกว่า "เนื่องจากเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันและเป็นผู้สนับสนุนสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีอย่างแข็งขัน จีนและสมาชิกประชาคมนานาชาติบางประเทศ ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อช่วยเหลือให้บรรลุสันติภาพอย่างถาวรในคาบสมุทร (เกาหลี) สันติภาพและเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลีไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลให้แก่ประชาชนท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างกว้างขวางอีกด้วย"
    จีนคัดค้านการเคลื่อนไหวใดๆที่อาจจะเพิ่มน้ำหนักในสถานการณ์ที่เปราะบางอยู่แล้วในคาบสมุทร และเชื่อว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้งสองฝั่งจะต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจและจัดการกับความตึงเครียดที่กำลังดำเนินไปได้อย่างถูกต้อง ด้วยการมีส่วนร่วมและการเจรจากัน (พี่จีนก็หวังดี เน้นการเจรจา แต่ดูเหมือนว่าฝั่งจักรวรรดิเฮเกจะไม่เอ่ยถึงการเจรจาเลยนะ และดูเหมือนว่าต้องการจะให้ความตึงเครียดขยายออกไปยิ่งกว่าเดิมซะอีก คล้ายๆกับกรณีของวิกฤตยูเครนที่ฝ่ายอียูและรัสเซียเรียกร้องให้คู่กรณีในยูเครนหันเข้าสู่โต๊ะเจรจา แต่ช่วงเวลานั้นฝ่ายที่สนับสนุนและเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงและเสริมอาวุธหนักให้ยูเครนตลอดก็คือจักรวรรดิเฮเกนั่นเอง จนสุดท้ายถูกเยอรมันและฝั่งเศสถีบออกห่างจากโต๊ะเจรจาสันติภาพที่กรุงมินส์ เพราะเขาไม่มั่นใจว่าพี่แกต้องการให้เกิดสันติภาพขึ้นในยูเครนจริงๆหรือเปล่า จึงไม่ให้เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนั้นด้วย งานนั้นจักรวรรดิเฮเกเสียหน้ามาก)
    อ้อ… วันนี้ลองอ่านบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Global Times ของจีนดูว่าด้วยเรื่องสองเกาหลีนี่แหละ โดยตั้งชื่อเรื่องว่า "Korean tensions won’t take China hostage" (ความตึงเครียดของเกาหลี จะไม่ทำให้จีนตกเป็นตัวประกัน) อัยย๊ะ! ทำไมเป็นอย่างนั้นหละนี่ ต้องมีอะไรซักอย่างสิ จีนถึงรีบออกมาพูดแบบนี้ จะสรุปโดยคร่าวๆให้ฟังนะครับ
    คืออย่างนี้ มีการปล่อยข่าวหรือมีบางคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งข้อสังเกตในทำนองที่ว่า การเกิดสถานการณ์ความตึงเครียดกระทบกระทั่งกันระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในครั้งนี้ อาจจะเกี่ยวกับการจัดงาน V-Day ของจีนในต้นเดือนหน้าที่กำลังจะถึงนี้ก็ได้ (3 กันยายน 2558)
    นักวิเคราะห์บางคนมองว่าทั้งหมดนี้ที่กำลังจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม ก็เพื่อกันไม่ให้ปธน. Park Geun-hye ของเกาหลีใต้เข้าร่วมในขบวนพาเหรดที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำจากหลายประเทศที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้ก็ได้
    นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนจากฝั่งจีนหรือไม่? หรือว่ากองกำลังที่แน่นอนในกรุงเปียงยาง กรุงโซล หรือภายนอกคาบสมุทรอยู่จริง และพวกเขากำลังพนันกับสถานการณ์นี้อยู่? หากเป็นเช่นนั้นจริง จีนก็จะรู้สึกไม่ประทับใจเป็นอย่างมาก (เอาแล้วไง)
    นักวิเคราะห์มองอีกว่า "ถ้าหากว่าขบวนพาเหรดในกรุงปักกิ่งถูกขัดจังหวะจากการรบกวนใดๆที่เป็นอันตราย จีนจะไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ (sit on its hands) หรือไม่ทำอะไรเลยแน่นอน"
    แต่สื่อฯจีนก็ออกมากล่าวว่า "แน่นอนมันเป็นเรื่องยากที่จะบอกความจริงจากความเท็จเกี่ยวกับคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งมีความซับซ้อนมากมายหลายประเด็น การวิเคราะห์เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องมีความหมายอะไร (ไร้สาระว่างั้นเถอะ) กรุงปักกิ่งจะไม่ปล่อยให้จมูกดมกลิ่นเป็นผู้นำ (Beijing will not be led by the nose) (ไม่ถูกชักนำโดยข่าวลือ) และไม่มีกองทัพใดๆในคาบสมุทรเกาหลีที่สามารถจะหลบหลีก (สายตา) จีนได้โดยง่าย"
    สื่อฯจีนกล่าวต่ออีกว่า "ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ มันเป็นไม่ได้ที่จะเฉือนความเข้มแข็งและความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ของจีน พวกที่ต้องการจะฉวยโอกาสจากจีนจะอยู่ภายใต้แรงกดดัน และนี่เป็นความเสี่ยงต่อการสูญเสีย" (จะเล่นกับจีนหรือ? งานนี้เฮียสีเอาจริงหละนะ)
    แน่นอน จีนไม่ต้องการให้ใครมารบกวนการเดินขบวนของกองทัพ แต่ถ้ามีแม้แต่เคสเดียว นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ นอกจากนี้แล้วหากมีความวุ่นวายเช่นนั้นเกิดขึ้น มันจะหมายถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าคาบสมุทร (เกาหลี) เป็นอย่างมาก (ใครจะลองดูไหม?)
    ในฐานะที่เป็นเพื่อนของทั้งกรุงเปียงยางและกรุงโซล การรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีจะช่วยเป็นการรักษาผลประโยชน์ของกรุงปักกิ่ง จีนคัดค้านกิจกรรมใดๆ ไม่ว่าจากฝั่งใดก็แล้วแต่ที่อาจจะนำไปสู่การขยายความตึงเครียด และจีนได้มีมาตรการที่เพียงพอต่อการแสดงให้เห็นถึงการคัดค้านหากสถานการณ์ปีนเกลียวออกนอกการควบคุม
    ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งจีนด้วย แต่จีนก็ไม่ใช่ตัวปัญหาความยุ่งยากนี้ จีนพร้อมที่สนับสนุนสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีให้พ้นจากความกังวลร่วมกัน และจีนก็กำลังดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทั่วไปของทุกประเทศที่อยู่ในภูมิภาคนี้ ซี่งรวมทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ด้วย
    The Eyes
    24/08/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ Raul ARBOLEDA

    ----------
    US Ready to Deploy B-52 Strategic Bombers in South Korea / Sputnik International
    https://en.wikipedia.org/wiki/Bunker_buster
    https://en.wikipedia.org/wiki/Nuclear_bunker_buster
    http://en.people.cn/n/2015/0824/c90000-8940777.html
    Korean tensions won’t take China hostage - Global Times
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )
    ข่าวดี… เกาหลีเหนือส่งเรือโฮเวอร์คราฟต์จู่โจม 20 ลำเข้าสู่ทะเลเหลือง, เกาหลีใต้ยอมถอยพร้อมยุติลำโพงโจมตีเกาหลีเหนือ

    [​IMG]

    ------------
    อัพเดทข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ล่าสุดวันนี้มีรายงานข่าวจากสำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้แจ้งเข้ามาว่า "เกาหลีเหนือได้ส่งยานสะเทินน้ำสะเทินบกจู่โจมโฮเวอร์คราฟต์ (Hovercraft) จำนวน 20 ลำ มีศักยภาพในปฏิบัติการพิเศษเข้ามุ่งหน้าฐานทัพเรือ Goampo ในทะเลเหลือง ห่างจากเส้นแบ่งทางทะเลระหว่างเกาหลีใต้กับน่านน้ำสากลประมาณ 60 กม."
    รายงานข่าวบอกว่ากองทัพเกาหลีเหนือมีเรือโฮเวอร์คราฟต์อยู่ 2 ประเภทคือ ขนาด 35 ตันและ 20 ตัน ซึ่งสามารถทำความเร็วได้เกือบ 100 กม.ต่อชั่วโมง และใช้สำหรับลำเลียงพลในปฏิบัติการเฉพาะกิจด้วย ก่อนหน้านี้ทางเกาหลีเหนือสั่งให้เสริมกำลังปืนใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าตามแนวเขตปลอดกิจกรรมทหาร (DMZ) และส่งเรือดำน้ำหลายสิบลำออกปฏิบัติการ (บางอย่าง) ซึ่งทางเกาหลีใต้บอกว่าไม่สามารถระบุตำแหน่งเรือดำน้ำของเกาหลีเหนือได้มากกว่า 50 ลำ ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังเจรจากันเพื่อหาทางยุติปัญหาความตึงเครียดครั้งล่าสุดหลังจากที่การยิงอาวุธหนักตอบโต้แลกเปลี่ยนกัน
    เพื่อเป็นการตอบโต้ ทางสหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรของเกาหลีใต้ ออกมาปล่อยข่าวข่มว่าจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ (นิวเคลียร์) B-52 และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ (ของตนเอง) เข้าสู่คาบสมุทรเกาหลี (เอากะพี่แกดิ มันเรื่องอะไรที่สหรัฐฯต้องเข้าไปแส่ด้วยหละนี่ จีนกับรัสเซียไม่เห็นต้องทำอย่างสหรัฐฯเลยนิ แล้วก็เที่ยวชี้หน้าชาวบ้านว่าก้าวร้าว ยั่วยุ แต่ไม่เคยที่จะส่องกระจกดูพฤติกรรมของตัวเองเลย)
    รายงานข่าวล่าสุดเมื่อช่วงเย็นนี้ โดยสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "South Korea to Remove Speakers From Border With North if Tensions Ease" แปลว่า "เกาหลีใต้จะนำลำโพงออกจากชายแดนที่ติดกับเกาหลีเหนือหากความตึงเครียดผ่อนคลายลง" (ขอบคุณสวรรค์ และเง็กเซียนฮ่องเต้ ก็แค่นั้นเอง... ปัญหามันมาจากลำโพงสร้าง propaganda ด่าฝ่ายเหนือนี่แหละ)
    ตามรายงานข่าวอ้างแหล่งข่าวจากภายในรัฐบาลของเกาหลีใต้บอกว่า "กรุงโซลพร้อมที่จะหยุดเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองและนำระบบกระจายเสียงออกไป หากว่าความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือลดลง" แหล่งข่าวจากรัฐบาลเกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti ของรัสเซียว่า "ถ้าความตึงเครียดลดลง พวกเราก็จะเคลื่อนย้ายออกไป" (If the tensions ease, we may remove them)
    แหล่งข่าวแจ้งว่า ทั้งสองฝ่ายพยายามที่แก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าการทำงานในครั้งนี้จะอยู่ไกลที่จะประสบความสำเร็จ ก็ตาม (คำว่าความสำเร็จจากฝั่งเกาหลีใต้อาจจะมีความหมายแตกต่างหรือมากน้อยกว่าความสำเร็จของฝั่งเหนือหรือจากความเข้าใจของคนทั่วไปก็ได้ เราไม่รู้ว่าเขายื่นเงื่อนไขอะไรกันบ้างบนโต๊ะเจรจา)
    ทางเกาหลีใต้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารเกาหลีใต้เหยียบกับระเบิดว่า "มันอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อทหารเกาหลีใต้สองนายได้รับบาดเจ็บจากกับระเบิดในเขตปลอดกิจกรรมทางทหารของเกาหลี" (ชื่อมันก็บอกอยู่ว่านั่นคือเขตปลอดทหาร มันเป็นดงระเบิดที่กั้นอยู่ระหว่างสองประเทศ แล้วทหารของเกาหลีใต้เข้าไปทำอะไรในสถานที่แห่งนั้น พอไปเหยียบโดนกับระเบิดเข้า เพื่อจะรักษาหน้าของตัวเองก็เลยบอกว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือซะงั้น อย่างนั้นหรือเปล่า?)
    เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลเกาหลีใต้กล่าวว่า "ดังนั้น พวกเราขอให้เกาหลีเหนือพูดออกมาว่าพวกเขาจะไม่ทำการยั่วยุเช่นนั้นอีก (เอาเข้าปะ) หากพวกเขายอมรับข้อเสนอนี้ ฝ่ายเราก็พร้อมเช่นกัน" (ครั้นเกาหลีใต้บอกตรงๆว่าถอยแล้วจ้า แหมแบบนี้ก็เสียหน้าแย่สิ ก็ต้องมีเชิงกันหน่อย แต่ที่อยากส่งสัญญาณไปถึงฝั่งเหนือก็คือ ถอยแล้วนะ หยุดแล้วนะ ไม่เอาหรอกนะสงครามหนะ)
    ก็แค่นั้นเอง... ไม่ใช่ว่าเขาจะคุยกันไม่รู้เรื่องนะ แต่ถ้าไม่มีจีนออกมาปรามไว้เป็นระยะๆ สถานการณ์อาจจะบานปลายไปกว่านี้ก็ได้ แต่ถึงอย่างไร จีนก็คงจะกระซิบบอกคิมน้อยว่า ยังไงๆก็อย่าให้มีเรื่องรุนแรงก่อนหรือระหว่างงานวัน V-Day ของจีนนะคิมน้อย ไม่งั้นถ้าคิมเปิดก่อน แม้จะเป็นน้องรัก พี่ก็จะตบไม่เลี้ยงเหมือนกันนะคิม ตามนั้นนะ หลังงานนะคิมนะ... ฮ่าๆๆ (อันนี้แอ็ดมินพูดเล่นนะครับ)
    The Eyes
    24/08/2558

    © Photo: Youtube/ RogueStatesMedia

    ---------------
    North Korea Sends 20 Assault Hovercraft to Yellow Sea / Sputnik International
    South Korea to Remove Speakers From Border With North if Tensions Ease / Sputnik International
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2015
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )

    [​IMG]

    Black Monday: ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงระนาว จีนร่วง 3,000 กว่าจุด (ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา) สหรัฐฯเปิดตัวร่วง 1,000 กว่าจุด ไม่ใช่เรื่องเล่นๆซะแล้ว

    ภาพจาก © AP Photo/ Richard Drew

    --------------
    'Black Monday': World Markets Plummet / Sputnik International
    ‘It’s a bloodbath’: Markets plunge worldwide after biggest slide in Chinese stocks since 2007 — RT Business
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    โกอินเตอร์: 40 ประเทศสนใจเข้าร่วมการค้าเสรีกับสหภาพยูเรเซีย ว้าว!!!!

    [​IMG]

    -----------
    พักเรื่องแรงๆเอาไว้ก่อนนะครับ เกรงว่าแฟนเพจจะเกิดอาการเครียดเกี่ยวกับเรื่องสงครามลำโพงเกาหลีซะก่อน... อันไปคุยเรื่องสบายๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจบ้างดีกว่า (ถ้าคุยเรื่องตลาดหุ้นเดี๋ยวจะหนักกว่าเรื่องสงครามลำโพงอีก ไม่ชำนาญก็บอกไปเหอะแอ็ดมิน คริๆ อ่ะน่า รู้ทันอีกแหละ)
    เมื่อวานนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งว่า "Going Global: 40 States Interested in Free Trade Zone With Eurasian Union" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างบนนั่นแหละครับ) แล้ว Sputnik ก็เกริ่นนำอีกนิดหน่อยว่า "มากกว่า 40 ประเทศและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งรวมทัง จีน ไทยแลนด์ (ฮิ้วววว กำลังรออยู่เชียว ชื่อนี้หลุดโผไม่ได้เด็ดขาด) อินโดนีเซีย และกัมพูชา (ฮุนเซ็นก็เอาด้วย ว้าว!) ต่างก็มีความสนใจในการลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีร่วมกับสหภาพเศรษกิจยูเรเซีย (EEU) Alexey Ulyukaev รมว.พัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียกล่าวเมื่อวันจันทร์นี้"
    กรุงกัวลา ลัมเปอร์ (สำนักข่าว Sputnik) สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union) ซึ่งประกอบด้วย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กิสถาน และรัสเซีย เป็นองค์ระหว่างประเทศ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของสินค้าและบริการระหว่างประเทศสมาชิก เวียตนามได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับกลุ่ม EEU เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อินเดียและอียิปต์ซึ่งเป็นสองในชาติต่างก็กำลังเจรจาต่อรองข้อตกลงในลักษณะเดียวกันนี้
    Ulyukaev กล่าวในที่ประชุม East Asia Summit (EAS) ที่ประเทศมาเลเซียว่า "ความร่วมมือทั่วโลกถือว่าเป็นแนวโน้มที่สำคัญในขณะนี้ ประเทศต่างๆมากกว่า 40 ประเทศและองค์ต่างๆระหว่างประเทศต่างก็มีความประสงค์ที่จะก่อตั้งเขตการค้าเสรีร่วมกับ EEU"
    ท่านรัฐมนตรีของรัสเซียกล่าวเพิ่มเติมว่า "GDP ของกลุ่มประเทศ EAS พึ่งขึ้นถึง $60.5 billion (ประมาณ 2.14 ล้านล้านบาท) ในปี 2014 ซึ่งเทียบเท่ากับ 55.8% ของ GDP โลก" (เอเซียตะวันออกประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น มองโกล เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และไต้หวัน)
    Ulyukaev กล่าวว่ารัสเซียมีความสนใจที่จะก่อตั้งกลไกใหม่ๆเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆในเอเซียตะวันออกกับ EEU รัฐมนตรี Ulyukaev มองว่าการมีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นจะนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้มแข็งความสัมพันธ์ในระดับภูมิภาค, การสร้างบรรยายกาศที่น่าลงทุนในภูมิภาค และเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆของรัสเซีย และเข้าถึงตลาดใหม่ๆเพิ่มขึ้นด้วย (เอ… ดูเหมือนว่าสมาชิกและหุ้นส่วนของ EEU จะมีมากกว่าของ TPP ของสหรัฐฯซะอีกนะนี่ รัสเซียกับจีนช่างน่ากลัวจริงๆอ่ะ ดูดิใครๆก็พากันวิ่งเข้าหาโดยไม่ต้องใช้อาวุธหรือสงครามหรือเที่ยวแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆด้วย คริๆ)
    The Eyes
    25/08/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Alexander Astafyev

    ----------
    Going Global: 40 States Interested in Free Trade Zone With Eurasian Union / Sputnik International
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=nf )

    เอ่เอ๋... ฮ.กองทัพสหรัฐฯตกที่เกาหลีใต้ (ไม่เกี่ยวกับคิมน้อยนะครับ คริๆๆ)

    [​IMG]

    -------------
    เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.58) สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้รายงานว่าเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Bell OH-58D Kiowa ของกองทัพสหรัฐฯประสบอุบัติเหตุลงจอดฉุกเฉินในหุบเขา Asan จังหวัด South Chungcheong ของเกาหลีใต้ เวลา 11.40 น.พร้อมด้วยนักบิน 2 นายไม่ได้รับบาดเจ็บ (ว้าว! แอ็ดมินหันไปอ่านข่าวภาษาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไรนี่? ฮี่ๆๆ ไม่ได้อ่านภาษาเกาหลีเกาเหลาออกหรอกครับ ไปเอาข่าวมาจากเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอีกทีหนึ่งหนะ เห็นเขาอ้างว่ามาจากสื่อฯเกาหลีก็เลยตามไปดูว่าจริงหรือเปล่า ก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวจริง จึงนำมาเล่าสู่กันฟังนิดหน่อย)
    รายงานข่าวบอกว่าเฮลิค็อปเตอร์ลำดังกล่าวเป็นของกองทัพบกสหรัฐฯหน่วยที่ 24 ลงจอดฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องจากการทำงานผิดพลาดของใบพัดส่วนหาง (tail rotor) แต่ทางการรายงานว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้มีการสูญเสียชีวิตแต่อย่างใด
    เมื่อทีมกู้ภัยเดินทางไปถึงก็พบว่า นักบินทั้งสองคนยืนอยู่ข้างนอกฮ.ลำดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯกล่าวว่าโดยทั่วไปแล้วเครื่องบินเฮลิค็อปเตอร์อยู่ในสภาพที่ดี (the helicopter is also in generally good condition) (ฮ่าๆๆ เขาคงจะหมายถึงเฮลิค็อปเตอร์ลำอื่นอ่ะ) แต่สื่อฯเกาหลีใต้หยิกนิดหน่อยว่า เอิ่ม… อย่างไรก็ตามภาพของเฮลิค็อปเตอร์ที่ประสบอุบัติเหตุข้างบนนั้นแสดงให้เห็นว่า "ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก" (substantial damage) (คือภาพมันฟ้องอ่ะว่าเดี้ยงแล้ว แต่สหรัฐฯก็ยังพูดแบบรักษาหน้าตัวเองว่า มันยังเจ๋งอยู่ คริๆ เอากะเขาดิ อ่ะเจ๋งก็เจ๋งครับ เครื่องบินของคุณนี่ คุณย่อมรู้ดีที่สุด งั้นขึ้นบินต่อสิครับ ให้คนที่แถลงข่าวนั่นหละบินเองเลยหรือบินไปด้วย จะได้พิสูจน์ว่ามันยังอยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยมอยู่หรือเปล่า กล้าป๊ะ? อ้องานนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับเกาหลีเหนือนะ เพราะดูจากแผนที่แล้วจังหวัด South Chungcheong อยู่ห่างจากเกาหลีเหนือมาก)
    The Eyes
    25/08/2558

    ภาพจาก Metropolitan Engineering Consulting & Forensics - Expert Engineers

    ----------
    충남 아산서 미군 헬기 불시착…인명피해 없어(종합2보) | 연합뉴스
    USFK helicopter crash-lands after tail rotor failure
    Metropolitan Engineering Consulting & Forensics - Expert Engineers : A Bell OH-58D Kiowa U.S. Army helicopter crash-lands in Asan, South Korea after tail rotor failure
    https://en.wikipedia.org/wiki/South_Chungcheong_Province
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=nf )

    สหรัฐฯกระตุ้น (ให้เกิด) ความขัดแย้งระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย - ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันกล่าว

    [​IMG]

    -------------
    เอาแล้วไง แฉกันเข้าปะ... ฮ่าๆๆ ชอบครับท่าน... เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "US Seeks to Provoke Conflict Between Germany, Russia – German Expert" (แปลตามชื่อโพสต์ข้างต้น) ศ.ดร. Michael Schneider ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันกล่าวว่า "ยุโรปต้องคุยกับรัสเซียเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างประเทศ" (ปัญหาก็คือว่าอันตรายจากใครหละครับท่านศาสตราจารย์?)
    ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งจากเยอรมันนั้นมองว่า เยอรมันนีและรัสเซียมีประวัติศาสตร์ร่วมกันที่ยาวนานนนนนน และพลเมืองส่วนใหญ่ของเยอรมันก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้ความขัดแย้งขยายออกไป ศาสตราจารย์ Schneider กล่าวว่า "ผมคิดว่า สหรัฐฯมีความจุดมุ่งหมายที่่แน่วแน่ในการกระตุ้นสหภาพยุโรปและ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเยอรมันนีให้มีความขัดแย้งกับรัสเซียและ เหนือสิ่งอื่นใด (ก็คือ) บีบให้ยุโรปขึ้นตรงต่อ (/พึ่งพา) ทรัพยากรของสหรัฐฯ ในด้านพลังงาน" (ก่อนหน้านี้ก็มีบทความที่คล้ายๆกันนี้วิจารณ์โดยชาวอเมริกัน ในหัวข้อข่าวของ Sputnik news ว่า "EU’s Dependency on US Created Series of Crises in Europe – US Expert" แปลว่าการที่อียูหันไปพึ่งพาสหรัฐฯนั้นเป็นการสร้างวิกฤตต่างๆให้เกิดขึ้นในยุโรป - ผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ-โปลิช เขียวไว้ในนิตยสาร American Interest)
    ศาสตราจารย์ Schneider กล่าวต่อไปว่า "ความหวาดกลัวในการเสริมสมรรถนะทางกองทัพของรัสเซีย เป็นสิ่งที่พอจะเข้าใจได้ และมีรากฐานในทางประวัติศาสตร์ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมสถานการณ์จะดูว่าง่ายกว่านี้หากตะวันตกจะให้ความเคารพต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซีย และเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าที่มีผลร่วมกัน"
    อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯให้ความสนใจในเรื่องความมั่นคงของจักรวรรดิดอลล่าร์ที่มีน้ำมันอยู่บนพื้นฐานของน้ำมัน (oil-based dollar-imperialism) การรวมตัวกับของสหภาพทางเศรษฐฯระหว่างยุโรปกับยูเรเซียอาจจะกลายเป็นฝันร้าย (nightmare) ของชาวอเมริกัน เนื่องจากมันจะกลายเป็นภัยคุกคามอำนาจเจ้าโลกของพวกเขา (it would threaten their hegemony) (ชัดนะ... ขนาดนักวิชาการชาวเยอรมันก็ยังเรียกสหรัฐฯว่าเป็น "เฮเกโมนี" เลย เพราะฉะนั้นหากเพจนี้จะใช้คำว่า "จักรวรรดิเฮเก/จักรวรรดิเฮเกโมนี" บ้างจะเป็นไรไป คริๆ)
    ผู้เชี่ยวชาญชาวเยอรมันกล่าวต่ออีกว่า "โศกนาฏกรรมความขัดแย้งในยูเครน นอนเนื่องอยู่ในความจำเป็นที่ต้องเลือกระหว่างกลุ่มเศรษฐกิจทั้งสองฝั่ง: ของอียูหรือของรัสเซีย แน่นอนว่าสำหรับรัสเซียแล้ว นั่นคือความร้ายแรงหากยูเครน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญมากที่สุดในประตูบ้านของตนหันเขาไปร่วมค่ายเดียวกันกับตะวันตก" (หมายถึงอียูต้องการให้ยูเครนเข้าร่วมกับตน หลังจากที่รัสเซียประกาศรวมกลุ่มใหม่สร้าง EEU ขึ้นมาจึงเกิดศึกแย่งยูเครนกัน ส่วนจักรวรรดิเฮเกนั้นเป็นตาอยู่ ไม่อยากให้ยูเครนตกเป็นของฝ่ายไหนทั้งนั้นหากตะเองไม่ได้ผลประโยชน์ด้วยจึงต้องแส่เข้าไปเอี่ยวด้วย เอ… ทำไมศาสตราจารย์คนนี้คิดเหมือนกับแอ็ดมินเพจนี้ที่เคยพูดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้วเลยแฮะ ไม่ได้ชมตัวเองนะครับ คริๆๆ)
    ศาสตร์จารย์ Scheider ได้เสนอแนะให้มีการกลับมาสร้างความร่วมมือกันระหว่างนาโต้กับรัสเซียอีกครั้ง และเชิญรัสเซียกลับเข้าสู่ G8 (ฝันไปเหอะ ตอนนี้รัสเซียกับจีนเขามี SCO, AIIB, BRICS และ EEU แล้วจะไปง้อ G8 ไม่สหรัฐฯกับตะวันตกคอยกดหัวอยู่ทำไม แบบนั้นมันคือการกินน้ำใต้ศอกกันชัดๆนิ) กลุ่มประเทศตะวันตกควรที่จะยุดิการแซงชั่นต่อต้านรัสเซีย เนื่องจาก "วิธีการเหล่านั้นเป็นแนวทางที่ very bad ที่จะบังคับให้รัสเซียคุกเข่าให้" (จักรวรรดิเฮเกได้ยินหรือเปล่า นักวิชาการชาวเยอรมันบอกว่า very baddddd!)
    The Eyes
    25/08/2558

    ภาพจาก © Flickr/ Morning Calm Weekly Newspaper Installation

    ----------
    US Seeks to Provoke Conflict Between Germany, Russia – German Expert / Sputnik International
    EU’s Dependency on US Created Series of Crises in Europe – US Expert / Sputnik International
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=nf )

    สหรัฐฯพร้อมที่จะทำลายยุโรปเพื่อเอาชนะรัสเซีย - นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันกล่าว (US Ready to Destroy Europe to Defeat Russia - American Historian)

    [​IMG]

    ----------
    จริงๆแล้วตั้งใจเอาไว้ว่าจะแปลข่าว/บทความนี้ให้แฟนเพจได้อ่านกันตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่มีข่าวด่วนอื่นๆมาตัดหน้าซะก่อน จึงต้องพักข่าวนี้ไว้ วันนี้ได้ฤกษ์หละจึงจัดให้ เมื่อสัปดาห์ก่อนแอ็ดมินไปอ่านเจอบทความหนึ่งจากสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียตามชื่อเรื่องของโพสต์ข้างบนนั่นแหละครับ เป็นบทความที่สื่อฯรัสเซียสรุปมาจากที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ DWN ของเยอรมัน โดยต้นฉบับจริงๆนั้นตีเผยแพร่ครั้งแรกในเว็บไซต์ strategic-culture.org เขียนเป็นภาษาอังกฤษเขียนโดย Eric ZUESSE นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกกัน วิจารณ์บทบาทและพฤติกรรมของรัฐบาลอสหรัฐฯให้ชาวโลกได้รับรู้ในมุมที่สื่อฯทั่วไปของสหรัฐฯและตะวันตกไม่ค่อยจะนำเสนอสักเท่าไรนัก สื่อเยอรมันก็เอามาแปลเป็นภาษาเยอรมันเผยแพร่ต่อ และสื่อฯรัสเซียก็นำมาสรุปเป็นภาษาอังกฤษอีกต่อหนึ่ง ส่วนเพจ "ปอกเปลือก ทรราช" ก็เอามาแปลเป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยเผยแพร่ให้คนไทยหรือผู้ที่อ่านภาษาไทยเข้าใจได้รับรู้อีกต่อหนึ่ง (เราจะช่วยกันแฉ... ดีป๊ะ? ฮ่าๆๆ) จริงๆแล้วอยากจะแปลจากบทความต้นฉบับของ Eric ZUESSE ให้อ่านกันจุใจไปเลยนะครับ แต่มันยาวอ่ะ สงสารแอ็ดมินเหอะนะ... เอาเวอร์ชั่นย่อจากฝั่งรัสเซียก็พอนะครับ (ส่วนต้นฉบับทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมันนั้นแอ็ดมินใส่ลิ้งค์ไว้ให้แล้ว)
    สำนักข่าว Sputnik ลงข่าวนี้เมื่อวันที่ 22 ส.ค.58 ที่ผ่านมาโดยเกริ่นนำว่า "เพื่อที่จะทำให้รัสเซียอ่อนแอ สหรัฐฯพร้อมที่จะใช้วิธีการใดๆก็ได้ และต่อสู้จนกระทั่งสุดลมหายใจ Eric Zuess นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเขียน (ว้าว! ต้องการล้มรัสเซียให้ได้จริงๆรึ? รัสเซียเขาไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์แล้วนะ เขาเป็นประชาธิปไตยนานแล้ว จะเอาข้อหาอะไรไปใส่ร้ายเขาอีกหละ? มีเยอะแยะ...) กรุงวอชิงตันไม่แยแสผลประโยชน์ของบรรดาพันธมิตรของตน และพร้อมที่จะยอมรับความเสียหายจากการต่อสู้ของพวกเขา"
    สำนักข่่าว DWN อ้างคำพูดของผู้เชี่ยวชาญ (ชาวอเมริกัน) ว่า "ข้อเท็จจริงที่ว่าการแซงชั่นต่อต้านรัสเซียได้เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจของยุโรป และว่าอียูกำลังดิ้นรนเพื่อแก้ไขวิกฤตปัญหาผู้ลี้ภัยในปัจจุบันนั้น เป็นเรื่องที่สามารถยอมรับได้สำหรับยุทธศาสตร์ของอเมริกัน" (เห็นมะ... ขนาดคนอเมริกัน (บางคน) เขาก็ยังมองออกด้วยว่าอะไรเป็นอะไร และปัญหาผู้ลี้ภัยต่างชาติในยุโรปนี้ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์และเล่ห์ของจักรวรรดิเฮเกด้วย แอ็ดมินก็เคยวิเคราะห์ให้ฟังแล้ว ชาวโลกสวยก็มองว่าเราไปใส่ร้ายโจมตีอเมริกาซะงั้น งานนี้อเมริกันแฉอเมริกันด้วยกันเองนะครับ แอ็ดมินมะเกี่ยวนะ แต่เชียร์ให้แฉเยอะกว่านี้ ชอบ ฮ่าๆๆ)
    เพื่อที่จะทำให้รัสเซียอ่อนแอนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯได้ดำเนินนโยบายการทำลายเสถียรภาพในลิเบีย ซีเรีย ยูเครน และประเทศอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อกลุ่มประเทศในยุโรป
    Zuess กล่วว่า "ก่อนสหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการทิ้งระเบิดในลิเบียในปี 2011 ประชากรของประเทศลิเบียมีชีวิตอยู่อย่างสงบและอยู่ดีกินดี (the country’s population lived in peace and prosperity) แต่ว่าบัดนี้ลิเบียได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของยุโรป ประชาชนชาวลิเบียหลายล้านคนกำลังพากันหลบหนีออกจากความวุ่นวายภายในประเทศเพื่อขอลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนใต้ของอิตาลี รวมถึงที่อื่นๆในยุโรปด้วย"
    ซีเรียเป็นอีกประเทศหนึ่งที่กำลังถูกทำลายโดยสหรัฐฯเพื่อที่จะเอาชนะรัสเซียให้ได้ ปฏิบัติการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯในซีเรียนั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อโค่นล้มอำนาจของปธน. Bashar al-Assad พันธมิตรของรัสเซีย และแทนที่ด้วยพลเรือนด้วยกลุ่ม (ผู้ก่อการร้ายไอซิส) อิสลาม (ผู้เขียนใช้คำว่า "with an Islamic one" น่าจะหมายถึงพวกไอซิส แต่เหมือนพยายามเลี่ยงบางอย่าง เพราะว่าอัสซาดก็เป็นมุสลิมเช่นกัน) วาทกรรม "Anti-ISIS" (ต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิส) เป็นวิธีหนึ่งในการปกปิดเป้าหมายที่แท้จริงของสหรัฐฯในการขยายจักรวรรดิอเมริกาออกไป (American empire) มันเป็นเพียงการแสดงต่อสาธารณชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกระวนกระวายใจได้อย่างชัดเจนมากในการต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายไอซิส มากกว่าต่อสู้กับประเทศที่อยู่ห่างไกลอย่างเช่นรัสเซีย
    Shamus Cooke ได้เขียนไว้ในเว็บไซต์ off-guardian.org เมื่อวันที่ 3 ส.ค.58 ว่า "พื้นที่ Safe Zone ของโอบามาในซีเรียนั้นมีเจตนาเพื่อเปลี่ยนให้มันเป็น New Libya โอบามาได้อนุมัติให้มีการสนับสนุนทางด้านอากาศจากสหรัฐฯเขตห้ามบินที่ไม่มีผลบังคับใช้ก่อนหน้านี้เหนือซีเรียให้กับตุรกี คราวนี้สหรัฐฯก็จะยิงเครื่องบินของประธานาธิบดี Bashar al-Assad ของซีเรียซึ่งมุ่งเป้าโจมตีกลุ่มหัวรุนแรงให้ร่วงได้ ซึ่งรวมทั้งพวกผู้ก่อการร้ายไอซิสที่เข้ายึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในดินแดนของซีเรีย"
    (กรรม! จักรวรรดิเฮเกมีอำนาจอะไรไปเที่ยวประกาศพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้เหนืออธิปไตยของประเทศอื่นว่าเป็นเขตนั้นเขตนี้ตั้งแต่เมื่อไรนี่? ก็เขาเป็นเจ้าโลกอ่ะ (hegemony) เขาจะพูดจะทำอะไรก็ได้แม้โดยจะขัดกับสายตาของประชาชนทั่วไปว่ามันขัดกับหลักพื้นฐานในเรื่องเสรีภาพก็ตาม จักรวรรดิเฮเกจะทำซะอย่างใครจะทำไม?)
    Shamus Cooke กล่าวต่ออีกว่า "ตุรกีมีความต้องการ (ให้มี) เขตห้ามบินนี้ (no-fly zone) จากโอบามา ตั้งแต่เริ่มสงครามซีเรียแล้ว มีการถกเถียงกันตลอดช่วงเวลาของความขัดแย้ง และแม้กระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้นั้นจะเป็นรัฐบาลซีเรียเสมอก็ตาม และทันใดนั้น no-fly zone ก็บังเกิดขึ้น - ตรงนั้นเลย ตรงที่ตุรกีต้องการมันเสมอมา - มันถูกติดป้ายตั้งชื่อให้เป็น 'เขตปลอดภัยต่อต้านไอซิส' (‘anti-ISIS’ safe zone) แทนชื่อที่ถูกต้องของมันซึ่งก็คือ 'เขตต่อต้านชาวเคิร์ด และต่อต้านรัฐบาลซีเรีย' (Anti Kurdish and anti-Syrian government’ safe zone)" (กรรม!)
    กรรมมาที่บทความส่วนที่ Sputnik พูดถึงยุโรปต่อนะครับ Zuess กล่าวต่ออีกว่า "ในทำนองเดียวกันนี้ ได้เล่นบทบาทบางส่วนในการปฏิวัติยึดอำนาจของปธน. Viktor Yanukovych ในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2014 แต่ครั้งนี้ มันประสบผลสำเร็จภายใต้หน้ากากของการแสดงออกในนามของประชาธิปไตย" (อ้าวก็รัฐบาลของอดีตปธน. Viktor Yanukovych ก็มาจากการเลือกตั้งและเป็นปชต.ไม่ใช่รึ? แล้วจักรวรรดิเฮเกกับอียูไปล้มเขาทำไม? คำตอบนี้ได้กล่าวไว้แล้วในบทความก่อนหน้านี้เพราะว่าเขาแย่งยูเครนกัน รัสเซียชวนยูเครนให้เข้ากับ EEU แต่ยุโรปต้องการให้ยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ EU ไม่ว่ายูเครนจะเข้าฝ่ายไหน ล้วนไม่เป็นผลดีต่อการขยายอำนาจของจักรวรรดิเฮเกด้วยประการทั้งปวง ดังนั้นเมื่อจักรวรรดิเฮเกแกล้งร่วมมือกับอียูล้มรัฐบาลเก่าของยูเครนได้แล้ว ก็ถือโอกาสเป็นผู้จัดการแต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดโปโรเชนโก้ขึ้นมาตัดหน้าอียูซะเลย คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันก็คือจักรวรรดิเฮเกนั่นเอง แต่อียูก็ยังแอบหวังอยู่ว่าวันหนึ่งอาจจะได้ยูเครนมาเป็นพวก ฝ่ายจักรวรรดิเฮเกก็บอกว่าปล่อยให้อียูฝันแห้งลมๆแล้งๆไปเหอะ เพราะกำลังช่วยยูเครนสร้างหนี้ท่วมหัวแบบกรีซจนในที่สุดแล้วอียูจะไม่ต้องการยูเครนไปเอง ประจวบกับให้ท้ายพวกนีโอนาซีหัวรุนแรงด้วย ทำให้เศรษฐกิจของยูเครนย่อยยับ ผ่านการให้ท้ายพวกนักการเมืองคอรัปชั่นและส่งคนของตัวเองเข้าไปคุมเมืองสำคัญๆไว้ อียูจะยึดยูเครนได้อย่างไร เสร็จตาอยู่ไปแล้ว เม้าท์ซะเพลินเชียว)
    ต่อนะครับ... ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า "ตามความเห็นของนักประวัติศาสตร์นั้น เป้าหมายหลักของนโยบายเชิงทำลายของโอบามาก็คืออาชนะรัสซีย เพื่อบีบให้มีการ 'เปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง' (regime change) ที่นั่น (ในรัสเซีย?) และเพื่อทำให้ (รัสเซีย) กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอเมริกา สหรัฐฯต้องการให้รัสเซียสูญเสียสถานะของตนเองในฐานหนึ่งในมหาอำนาจโลกซึ่งตรงกันข้ามกับการของควบคุมของกรุงวอชิงตัน" (ว้าววว! นี่ชาวอเมริกันมองการดำเนินนโยบายบางอย่างของรัฐบาลอเมริกันนะครับผม โปรอเมริกาอ่านแล้วบอกว่า เซ็งอ่ะ... ฮ่าๆๆๆ)
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก US-Präsident Obama betreibe mit seiner Außenpolitik die gezielte Destabilisierung Europas, so der US-Historiker Eric Zuesse. (Foto: dpa)

    ----------
    US Ready to Destroy Europe to Defeat Russia - American Historian / Sputnik International
    The U.S. Is Destroying Europe Washington's Blog
    Eric Zuesse - U.S. is Destroying Europe - Strategic Culture Foundation - on-line journal > U.S. is Destroying Europe > Strategic-Culture.org - Strategic Culture Foundation
    US-Historiker: Die USA zerstören Europa | Nachrichten – DEUTSCHE WIRTSCHAFTS NACHRICHTEN
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )

    เยเมน vs ซาอุดิอาระเบีย: กองทัพเยเมนและกองกำลัง popular forces ประกาศจะยึดจังหวัด Jizan และ Najran ของซาอุดิฯ ในเร็วๆนี้

    [​IMG]

    ------------
    ซวยแล้วไหมหละซาอุดิอาระเบียดันไปแหย่รังต่อเข้าให้แล้ว... หันไปส่งสงครามระหว่างกองกำลังผสมชาติอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียที่มีจักรวรรดิเฮเกเป็นแบ็คให้บ้างนะครับ วันนี้จะรวบรวมข่าวจากสำนักข่าว FARS ของอิหร่านมาเล่าให้ฟัง เพราะข่าวแบบนี้ไม่ค่อยปรากฎในสื่อฯกระแสหลักของฝั่งสหรัฐฯและตะวันตกซักเท่าไร
    - 23 ส.ค.58 สำนักข่าว FARS รายงานว่า กองทัพเยเมนมุ่งเป้าโจมตีขบวนคอนวอยของกองทัพซาอุดิอาระเบียในจังหวัด Jizan (อยู่ติดกับชายแดนทางตอนเหนือของเยเมน) ขบวนคอนวอยของกองทัพซาอุดิฯซึ่งประกอบด้วยรถถังและรถขนอาวุธประจำกายทหารหลายคันถูกกองทัพเยเมนโจมตีในพื้นที่จังหวัด Jizan ทางตอนใต้ของประเทศซาอุดิอาระเบีย
    ฝ่ายเยเมนบอกว่าการโจมตีดังกล่าวก็เพื่อเป็นการตอบโต้สำหรับความก้าวร้าวของซาอุดิฯที่โจมตีเยเมนก่อน (ฝ่ายซาอุดิฯก็ยังขยันส่งเครื่องบินรบเข้าไปทิ้งระเบิดโจมตีเยเมนต่อไป) มีทหารซาอุดิฯหลายนายถูกสังหารในการโจมตีขบวนรถคอนวอยในครั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กองทัพของเยเมนได้ทำลายฐานที่มั่นทางทหาร al-Mamout ของซาอุดิฯซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของซาอุดิฯ การโจมตีครั้งนี้ทางเยเมนบอกว่าใช้ขีปนาวุธยิงถล่มขบวนคอนวอยของฝั่งซาอุดิฯ (เละไม่เป็นท่า)
    24 ส.ค.58 เวลา 1.33 น. สำนักข่าว FARS ของอิหร่านอ้างรายงานข่าวจากทางการของกรุงริยาดห์และจากสำนักข่าว AFP ว่า ทหารซาอุดิหลายนายถูกสังหารโดยปืนใหญ่จากฝั่งเยเมน ในขณะที่อีกคนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากยานพาหนะลาดตระเวนของเขาถูกโจมตีตามแนวชายแดน โฆษก ก.มหาดไทยของซาอุดิฯแถลงข่าวกับสำนักข่าว SPA ว่า "มีทหารหนึ่งนายเสียชีวิต และอีก 3 นายได้รับบาดเจ็บ อีกเหตุการณ์หนึ่ง ทหารซาอุดิฯที่กำลังปฏิภารกิจอยู่ตามแนวชายแดนติดกับเยเมนถูกสังหารเมื่อพาหนะของเขาพลิกคว่ำ" (ไม่บอกว่าพลิกคว่ำเพราะอะไร โดน RPG หรือปืนใหญ่จากฝั่งฮูติหรือเปล่า?)
    - 24 ส.ค.58 เวลา 3.22 น. สำนักข่าว FARS รายงานว่า ทางซาอุดิอาระเบียยืนยันว่าผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพซาอุดิฯถูกสังหารในการโจมตีจากฝั่งเยเมนในพื้นที่พรมแดนทางตอนใต้ของซาอุดิฯ ผู้บัญชาการฯ ที่ว่านี้ชื่อ Abdul Rahman bin Saad al-Shahrani
    - 24 ส.ค.58 เวลา 4.19 น. สำนักข่าว FARS รายงานว่าพลตรี Abdulrahman bin Saad Al Shahrani ผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 18 (18th Brigade) ของซาอุดิฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมกองทัพของซาอุดิฯที่ประจำการอยู่ในแนวหน้าตามพื้นที่ทางภาคใต้ของซาอุดิฯซึ่งถูกกองทัพของเยเมนถล่มอย่างหนัก นายพล Shahrani ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วรายงานข่าวบอกว่าเขายอมจำนนต่อพิษบาดแผลของเขา (แปลว่าไปเยี่ยมท่านยมฯแล้วครับ) พล.ต. Shahrani เป็น 1 ใน 2 นายพลระดับสูงของซาอุดิฯที่ถูกสังหารบริเวณชายแดน (เนื่องจากการสู้รบกันระหว่างกองทัพเยเมนกับซาอุดิฯ)
    - 24 ส.ค.58 เวลา 4.30 น. สำนักข่าว FARS รายงานว่า กองทัพเยเมนสังหาร Malek Saleh al-Heshami ผู้บัญชาการโปรฮาดี้ ในการยิงต่อสู้กันระหว่างกองทัพเยเมนและกลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ฮาดี้ (หุ่นเชิดของซาอุดิฯและจักรวรรดิเฮเก) ในจังหวัด Al-Bayda ภาคกลางของเยเมน
    - 24 ส.ค.58 เวลา 5.56 น. สำนักข่าว FARS รายงานว่า กองทัพของเยเมนสามารถเข้ายึดยอดเขาหลายแห่งในพื้นที่จังหวัด Jizan ทางภาคใต้ของซาอุดิอาระเบียได้ - กองทัพเยเมนออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
    - 24 ส.ค.58 เวลา 8.03 น. สำนักข่าว FARS รายงานว่ากองทัพเยเมนได้เตือนผู้อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัด Jizan ของซาอุดิฯให้อยู่ห่างๆจากเขตสู้รบปฏิบัติการทางทหาร สมาชิกของคณะปฏิวัติเยเมนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว FARS ของอิหร่านว่า "คณะปฏิวัติเยเมน (ฮูติ) ได้ขอให้พลเมืองชาวซาอุดิที่อาศัยอยู่ในจังหวัด Jizan รักษาระยะห่างจากฐานทัพต่างๆของซาอุดิฯ" (ไม่อยากให้ประชาชนชาวซาอุดิฯที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยได้รับบาดเจ็บล้มตายไปด้วยว่างั้นเถอะ แต่ไม่เห็นฝั่งซาอุดิฯเตือนประชาชนชาวเยเมนอย่างนี้บ้างเลยนะ มีแต่ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่แทบจะทุกวัน มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้่อย 5,518 ราย) ในช่วงเช้ามืดของวันเดียวกันรายงานข่าวจากฝั่งเยเมนบอกว่า กองทัพของเยเมนสามารถยึดพื้นที่บางส่วนในจังหวัด Jizan ของซาอุดิฯได้แล้ว
    25 ส.ค.58 เวลา 3.51 น. สำนักข่าว FARS พาดหัวข่าวว่า "Politician: Yemeni Forces to Gain Great Victories in Jizan, Najran Soon" (นักการเมืองกล่าวว่า: กองทัพเยเมนจะได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในจังหวัด Jizan และ Najran ในเร็วๆนี้) สมาชิกของพรรค Yemen's Free Party กล่าวกับสำนักข่าว FNA ของอิหร่านว่า "ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพเยเมนและกองกำลัง popular กำลังจะมาถึงในพื้นที่ยึดครองทั้งในจังหวัด Jizan และ Najran (ของซาอุดิฯ)"
    25 ส.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย (อ้างข่าวจาก FNA) รายงานว่าโดนสอดแนมของสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ถูกสอยร่วงในเยเมน (ฮ่าๆๆ ฝีมือใครหรือครับ แม่นจัง?) โดรนของยูเออีถูกยิงตกที่จังหวัด Mukayris ทางตอนใต้ของประเทศเยเมน (นั่นมันเขตอิทธิพลของพวกโปรฮาดี้กับอัลเคด้าและซาอุดิฯนิ ไปเคลียร์กันเองละกันนะ) ไม่มีรายละเอียดว่าโดรนดังกล่าวถูกยิงด้วยอาวุธชนิดใด
    นักการเมืองของเยเมนกล่าวต่ออีกว่า "ซาอุดิฯกำลังทำสงครามตัวแทนในนามของอิสราเอลต่อต้านประเทศเยเมน ชัยชนะ (หลายครั้ง) เมื่อเร็วๆนี้ในการต่อสู้กับพวกผู้ก่อการร้ายและพวกทหารฝ่ายซาอุดิฯ จะไม่สามารถบรรลุผลได้เลย หากปราศจากความพยายามของกองทัพเยเมนและกองกำลัง popular"
    จบกันซาอุดิอาระเบีย...ดูเหมือนว่าฝ่ายเยเมนมุ่งจะยึดจังหวัด Jizan ที่อยู่ติดกับทะเลแดงให้ได้จริงๆซะด้วยสินี่ จังหวัด Asir ที่อยู่ติดกับ Jizan และ Najran ก็เสี่ยงเพราะเคยถูกโจมตีจากฝั่งเยเมนมาแล้วด้วย ถ้ากองทัพเยเมนได้ 3 จังหวัดนี้มา ก็แหล่มเลย บทเรียนนี้ราคาแพงยิ่งนัก ซาอุดิฯยังไม่ยอมตื่นรู้อีก ยังคิดว่าตัวเองมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าและเหนือกว่าเหล่านักรบโสร่งของเยเมนมาก แต่ในการรบกันจริงๆ แล้วนั้นเห็นได้ชัดเลยว่ายิ่งสถานการณ์ยืดเยื้อออกไปนานเท่าไร ฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือซาอุดิฯนั่นเอง ในขณะเดียวกันฝ่ายกองทัพเยเมนที่นำโดยคณะปฏิวัติฮูติกลับได้ชัยมากขึ้น หลอกให้ซาอุดิฯส่งทหารเข้าไปทางตอนใต้ของเยเมนแล้วก็ซุ่มโจมตีแบบกองโจร ในขณะเดียวกันกองทัพเยเมนก็บุกขึ้นเหนือรุกเข้าไปในบ้านของซาอุดิฯซะเลย ว้าววว! หมากตานี้เจ็บจริงๆ
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก © REUTERS/ Khaled Abdullah

    ----------
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    Farsnews
    UAE Spy Drone Shot Down in Southern Yemen
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )

    Oilageddon มหาโลกาวินาศศึกชิงตลาดน้ำมันใกล้เข้ามาแล้ว เหตุที่ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง - นักวิเคราะห์กล่าว

    [​IMG]

    ------------
    กลับมาดูเรื่องราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกันอีกซะยกนะครับ วันที่ 24 ส.ค.58 ที่ผ่านมา ช่วงที่ราคาน้ำมันดิบกำลังดิ่งลงเรื่อยๆนั่นแหละ (ตอนนี้ปรับตัวขึ้นมาหน่อยนึง โดย WTI ของสหรัฐฯยังไม่ขึ้นถึง $40 ต่อบาร์เรล) สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียก็ลงบทวิเคราะห์ชาวต่างชาติผู้คว่ำหวอดในวงการพลังงานของประเทศบาห์เรนมาเผยแพร่ โดยพาดหัวข่าวว่า "‘Oilageddon’ is Nearing as Oil Producers Scramble for Last bits of Market" อุ้ยโย๋!... คำว่า "Oilageddon" มันคืออะไรรึ? หาอยู่ตั้งนาน สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการผสมคำระหว่างคำว่า Oil + Armageddon (ที่มาจากคัมภีร์ไบเบิล New Testament ซึ่งหมายถึงมหาสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างความดีกับความชั่วก่อนวันพิพากษา สงครามล้างโลกว่างั้นเถอะ) ก็เลยได้คำว่า "Oilageddon" น่าจะแปลว่า "สงครามน้ำมันมหาวิบัติล้างโลก" แปลให้เหมือนหนังฮอลลีวูตหน่อย ฮ่าๆๆ เอ้า... มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึ? สำหรับชาวบ้านหนะไม่น่ากลัวเท่าไรหรอก (ในระยะแรกๆนะ) เพราะว่าพวกที่จะเจ๊งก่อนก็คือพวกพ่อค้าน้ำมัน แต่ถ้าเศรษฐกิจของพวกเศรษฐีน้ำมันเจ๊ง มันก็จะลามไปทั่วโลกหละคราวนี้ ไม่แพ้ตลาดหุ้นทั่วโลกที่กำลังปั่นป่วนอย่างหนักอยู่ในขณะนี้แน่ โลกเรานี่ก็แปลกดีนะ สินค้าแพงเกินไปก็บ่น สินค้ามีราคาถูกเกินไปก็บ่น ผู้ได้ประโยชน์พากันดีใจไชโยโห่ฮิ้ววว ส่วนผู้ที่เสียผลประโยชน์ก็จะหน้ามุ่ยบ่นงุมงำ
    กลับมาอ่านข่าวต่อดีกว่านะครับ Muhammad As-Sayyad อดีตหัวหน้าองค์การน้ำมันและแก๊สแห่งชาติของบาห์เรน (NOGA) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Sputnik ของรัสเซียว่า "ท่ามกลางภาวะราคามน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงอย่างหนักซึ่งต่ำกว่า $40 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์นี้ ประเทศต่างๆผู้ผลิตน้ำมันได้เริ่มต่อสู้กันในตลาดน้ำมันแล้ว โดยพยายามที่จะขายน้ำมันของตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์เข้าไปอีก"
    รายงานข่าวบอกว่า การที่ราคาพลังงานลดลงในปัจจุบันนี้ก็เนื่องมาจากการผลิตน้ำมันมากกว่าความต้องการ (oversupply) โดยปรกติแล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มประเทศโอเปก (Algeria, Angola, Ecuador, Iran, Iraq, Kuwait, Libya, Nigeria, Qatar, Saudi Arabia, the United Arab Emirates และ Venezuela) ก็จะเข้าแทรกแซงและลดการผลิตน้ำมันลง อย่างไรก็ตาม แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นแบบนั้น - OPEC ซึ่งนำโดยซาอุดิอาระเบียได้ปฏิเสธที่จะลดการผลิตน้ำมัน แต่กลับเพิ่มปริมาณการผลิตจากโรงกลั่นน้ำมันให้มากขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันจะลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม (กำลังจะโทษซาอุดิฯหรือโอเปกฝ่ายเดียวว่างั้นเถอะ แล้ว NON-OPEC อย่างสหรัฐฯและยุโรปหละลดการผลิตลงหรือเปล่า? ฝันไปเหอะ เพราะว่าแคนี้คนก็ตกงานกันมากอยู่แล้ว ถ้าให้สหรัฐฯลดก่อน มีหวังเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะซวยหนักกว่านี้แน่ แต่กลุ่ม NON-OPEC ก็จะชี้นิ้วไปที่ OPEC ว่าพวกคุณลดสิ เราจะได้ขายได้มากขึ้น ซาอุดิฯบอกว่าฮ่าๆๆพูดเป็นตลกคาเฟ่ไปได้นะพี่กัน ก็แล้วทำไมพี่ไม่ลดก่อนหละครับ?)
    As-Sayyad อธิบายว่า "สิ่งนี้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า free-for-all ในกรณีที่ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปฏิเสธที่จะเสียสละส่วนแบ่งของตนเองในการผลิตน้ำมันเพื่อผลประโยชน์ในการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันโลก (ผลประโยชน์ของพวกพ่อค้าน้ำมันนะสิครับท่าน ถามผู้บริโภคหรือยังว่าเขาอยากจะใช้น้ำมันราคาแพงหรือถูก?) และคราวนี้เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงอย่างต่ำเนื่อง ก็นำไปสู่การดิ้นรนต่อสู้กันในตลาดน้ำมันและแย่งลูกค้ากัน เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตพยายามที่จะขายน้ำมันของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถขายได้" (ดี… ชอบ)
    อดีตหัวหน้า NOGA กล่าวต่ออีกว่า "คาดว่าสถาการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิมอีกเพื่อพิจารณาถึงอิหร่านด้วย ซึ่งพึ่งจะเป็นอิสระจากการยกเลิกแซงชั่นเมื่อเร็วๆนี้ และดังนั้นก็จะมีโควต้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในตลาดที่ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอิหร่านกำลังจ้องจะปล่อยน้ำมันดิบเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย เป็นที่แน่นอนว่ามีลูกค้าที่มีศักยภาพหลายเจ้าต้องการจะซื้อน้ำมันจากอิหร่าน และนั่นก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงยิ่งกว่านี้อีก"
    สุดท้าย As-Sayyad กล่าวว่า "ประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะเผชิญกับสถานการณ์ที่หนักหนาอย่างที่สุดยิ่งกว่าปัจจุบันนี้อีก ยกตัวอย่างเช่น งบประมาณของกลุ่มรัฐอาหรับอ่าวเปอร์เซีย 80% ขึ้นอยู่กับรายได้จากการค้าขายน้ำมัน (โดยเฉลี่ย) หลังจากที่ราคาน้ำมันในปัจจุบันลดลงไปอีก เป็นที่แน่ชัดเลยว่า งบประมาณในอนาคตของประเทศเหล่านี้จะประสบกับความทุกข์ยากอย่างสาหัส ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเหล่านั้น (ประเทศมหาเศรษฐีน้ำมันในตะวันออกกลาง) ก็จะ (หาทาง) เพิ่มรายได้ทางอื่นที่ไม่ใช่จากน้ำมัน หรือลดการใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่ามาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดต่างๆก็จะเกิดขึ้นตามมา" (กรีซกำลังจะมีเพื่อนแล้ว... ฮ่าๆๆ)
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก © AP Photo/ Vahid Salemi

    ----------
    ‘Oilageddon’ is Nearing as Oil Producers Scramble for Last bits of Market
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )

    เฟซบุคแบนโพสต์ที่พูดถึงเรื่องผู้อพยพ รับงานจากอเมริกา, เฟซบุคเก็บข้อมูลผู้ใช้งานชาวรัสเซียไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ในรัสเซียตามกฎหมายใหม่ของรัสเซีย

    [​IMG]

    ------------
    ว่าจะพูดเรื่องเศรษฐกิจซาอุดิฯต่อซักหน่อย เจอแจ็กพ็อตจากเฟซบุคเข้าให้ ไม่รู้ว่าเป็นมาตรการใหม่ของเขาหรือว่าเพราะเพจนี้นำด้านมืดของจักรวรรดิเฮเกและสื่อฯกระบอกเสียงของพวกเขามาแฉมากเกินไปก็ไม่รู้ได้ หรือเขาอาจจะน้อยใจที่เพจนี้เอาข่าวมาจากสื่อฯรัสเซียและสื่อฯจีนเป็นหลัก ทำให้เรตติ้งของสื่อฯกระบอกเสียงของจักรวรรดิเฮเกตกก็เป็นได้ ก็เลยแย็บมาหนึ่งหมัดก่อน เพื่อบอกให้รู้ว่าเอ้ย... อย่าเชียร์ปูตินกับเฮียสีมาก อย่าแฉจักรวรรดิเฮเกมาก ไม่งั้นจะโดน... โธ่เอ๋ยข่าวพวกนี้ก็มีปรากฎตามสื่อฯทั่วไปมากมาย ใช่ว่าเราจะไปแฮ็กมาซะที่ไหนหละ ทำเป็นเคืองไปได้ งั้นเราก็จะจัดให้อีกซักสองข่าว อันนี้เกี่ยวกับเฟซบุคโดยตรงเลยนะครับ ไม่ได้นั่งเทียนเขียนข่าวมั่วๆนะ แปลมาจากตั้งฉบับเลยหละ มีอ้างอิงให้ด้วย
    + เฟซบุคแบนโพสต์ที่พูดถึงเรื่องผู้อพยพ รับงานจากอเมริกา
    -------------
    ข่าวแรก เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.58) สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Facebook Bans Posts About Immigrants Taking Jobs From Americans" อัยย๊ะ! จริงดิ? จริงแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์เจ้าาาา รายงานข่าวบอกว่า "หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าเซ็นเซอร์รายงานเกี่ยวกับผู้อพยพที่เผยแพร่โดยศูนย์การศึกษาผู้อพยพ (Center for Immigration Studies - CIS) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระและไม่ฝักใฝ่การเมือง ในเว็บไซต์ เฟซบุคได้ออกมาแถลงการณ์ขออภัย และอธิบายว่าการสั่งแบนข้อมูลดังกล่าวเป็นเรื่องของความผิดพลาดเท่านั้นเอง" (ฮ่าๆๆ เป็นไงเล่าลูกเล่นจักรวรรดิเฮเก? ลองคิดดูว่ามีกี่รายที่โพสต์ข้อมูลที่เป็นจริง แต่เป็นลบต่อจักรวรรดิเฮเกแล้วถูกแบนแบบนี้ แล้วจะมีซักกี่รายที่กล้าลูกขึ้นมาประท้วงโวยวาย และได้รับการขออภัยจากเฟซบุคแบบนี้)
    รายงานข่าวบอกว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา CIS ได้พยายามโพสต์รายงานเมื่อเร็วๆนี้ 4 โพสต์ขึ้นบนเฟซบุค ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอิทธิพลของผู้อพยพในตลาดแรงงานและอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ ตามข้อมูลของฝ่ายตรวจสอบประจำกรุงวอชิงตัน พบว่ารายงานเหล่านั้นอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ได้จากองค์กรหน่วยงานต่างๆของรัฐบาลกลาง เช่นสำมโนประชากรสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐ (US Census Bureau of Labor Statistics)
    อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะโพสต์และแชร์รายงานต่างๆได้ถูกกีดกันโดยเว็บไซต์ที่แสดงกล่องข้อความ (popup) ขึ้นมาแจ้งให้ทราบว่า "ข้อความของคุณอาจจะไม่ถูกส่งออกไป เนื่องจากมันมีเนื้อหาที่คนอื่นๆบนเฟซบุคได้รายงานว่าไม่เหมาะสม" (Your message could not be sent because it includes content that other people on Facebook have reported as abusive.) (ฮิ้วววว เป็นไงเล่าเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงในประเทศสหรัฐฯ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสรีภาพในการพูด ถูกปิดกั้นแบบนี้นี่เองรึ? abusive พูดไปได้ รู้หรือยังหละคราวนี้ว่าใครคุมเฟซบุคกันแน่)
    การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพ (ในสหรัฐฯอเมริกา) และรายงานของ CIS นั้นมี ดร. Steven Camarota เป็นผู้เขียน ท่านดร.ก็รีบสวนหมัดกลับใส่เฟซบุคอย่างรวดเร็วเพื่อกล่าวโทษเฟซบุคที่เซ็นเซอร์เนื้อหาของเขา การออกมาตำหนิกล่าวโทษในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ส่วน pro-immigration ของนาย Mark Zuckerberg เจ้าของเฟซบุคเลย ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เว็บไซต์ที่แบนเนื้อหาในรายงานของเขา (หมายความว่าทางเฟซบุคก็ยังหน้าด้านแบนสิ่งที่เขาเข้าไปต่อว่าในครั้งนี้อีก)
    ดร. Steven Camarota ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เป็นไงเป็นกัน อุตส่าห์ลงแรงเป็นอย่างมากกว่าจะได้ข้อมูลและทำรายงานนี้ได้สำเร็จพอจะเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับรู้ ดันถูกปิดกั้นจากมือที่มองไม่เห็นซะงั้น ดังนั้น ดร. Steven Camarota จึงเข้าไปโพสต์ในบล็อกของ CIS ว่า "การโต้เถียงกันในเชิงให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ ต้องการข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของปัญหานี้ มีเพียงข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆเท่านั้นที่ชาวอเมริกันสามารถที่พยายามทำความเข้าใจในนโยบายปัจจุบันของพวกเราได้ การประเมินการเปลี่ยนแปลงตามที่มีการเสนอมา และตัดสินเลือกผู้สมัครในการเข้าไปทำงานในที่ทำงานด้านการเมือง (ทำเนียบรัฐบาล)"
    ดร. Steven Camarota กล่าวต่ออีกว่า "นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจเป็นอย่างยิ่งที่เฟซบุค ซึ่งเป็นเจ้าโดยนายมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก นักรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพ (immigration-expansionist) ได้แบนรายงานทั้ง 4 ฉบับที่เผยแพร่โดยศูนย์การศึกษาปัญหาผู้อพยพ ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานและแรงงานต่างชาติ" (ว้าว! เล่นกับใครไม่เล่น เจอคนจริงเข้าให้แล้วไหมหละ ลูกไม้แบบนี้จักรวรรดิเฮเกชอบใช้กับประเทศอื่นๆ พอเจ้าเข้ากับตัวเอง แฉโดยคนของตัวเองเข้าให้ ก็จะมีอาการแบบนี้แหละครับท่าน tit-for-tat ดาบนั้นคืนสนอง)
    ปัญหาเรื่องผู้อพยพในสหรัฐฯนี้ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในการหาเสียงชิงผู้สมัครลงแข่งขันคัดเลือกเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯจากพรรคริพับลิกัน (GOP presidential primary race คำว่า GOP ย่อมาจากคำว่า "Grand Old Party" เป็นชื่อที่ใช้เรียกพรรครีพับลิกันโดยทั่วไป) Donald Trump กำลังจะเป็นแชมเปียนในการปฏิรูปเกี่ยวกับผู้อพยพ ได้นำปัญหานี้เข้าสู่เวทีการโต้เถียงกันในระดับชาติ มีการโพสต์ข้อความที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์โต้เถียงกันเกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพในประเทศ (สหรัฐฯ) กันอยู่บ่อยๆ (เพจนี้ก็เคยเอาข้อมูลจากหน่วยงานของทางการสหรัฐฯมาลงให้อ่านแล้ว และก็เอามาจากสื่อฯของสหรัฐฯเองนั่นแหละ เป็นการแฉใส่กันระหว่างสองพรรคว่าช่วงรัฐบาลไหนมีผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐฯและถูกผลักดันออกนอกประเทศมากที่สุด ตัวเลขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ล่าสุดรัฐบาลโอมาบาครองแชมป์เพราะมีการส่งผู้อพยพออกนอกประเทศสหรัฐฯถึง 400,000 กว่าคนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา)
    กลับมาที่เรื่องเฟซบุคต่อ... อย่างไรก็ตาม โฆษกของเฟซบุคได้ออกมายืนยันว่าการแบนดังกล่าวไม่ใช่แรงจูงใจทางการเมือง (ฮ่าๆๆ จะพยายามเชื่อนะครับ) และว่ามันเป็นเพียงความผิดพลาด (it was simply an error) (เล็กๆน้อยๆ) ซึ่งได้รับการแก้ไขโดยยักษ์ใหญ่ในโซเชียลมีเดียแล้ว (ถ้าไม่มีการประท้วงหรือออกไปโวยวายในที่อื่นเขาจะยอมแก้ไขไหมนี่? ตกลงว่าปัญหามันเป็นเพราะระบบมันผิดพลาด (system error) หรือว่ามนุษย์ที่คุมระบบผิดพลาด (human error) กันแน่?)
    เฟซบุคออกมายอมรับผิดและกล่าวขอโทษดังนี้: "เรื่องนี้เป็นความผิดพลาดและคราวนี้พวกเขาจะไม่มีปัญหาใดๆในการแชร์ลิ้งค์ต่างๆอีก ความผิดพลาดในระบบของเราซึ่งช่วยให้บล็อกลิ้งค์แย่ๆ ในเฟซบุคได้แจ้งเตือนบางลิ้งค์ URL ไม่ถูกต้อง เช่นลิ้งค์ที่เป็นอันตรายและไม่เหมาะสม พวกเราได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว และขออภัย (apologize) ที่ก่อให้เกิดความไม่สะดวกในครั้งนี้" (ขนาดเขาไปอธิบายในหน้าเฟซบุคของนายมาร์ค ซักเกอร์เบิร์กก็ยังแบนเม้นท์ของเขา พอถูกเล่นหนักเข้าก็ออกมาแถว่าเป็นความผิดพลาดของระบบซะงั้น เอากะอเมริกาสิครับท่าน)
    + เฟซบุคเก็บข้อมูลผู้ใช้งานชาวรัสเซียไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ในรัสเซียตามกฎหมายใหม่ของรัสเซีย
    -------------
    ส่วนอีกข่าวหนึ่งจาก Sputnik เช่นกัน เอาย่อๆก็พอนะครับ รายงานข่าวบอกว่า เฟซบุคยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียไม่มีแผนจะส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานชาวรัสเซียที่อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ในรัสเซีย (ออกไปเก็บไว้ที่ประเทศอื่น) เนื่องจากขัดกับกฎหมายด้านความมั่นคงฉบับใหม่ของประเทศรัสเซีย ทางการรัสเซียประกาศว่าบริษัทผู้ประกอบการเกี่ยวกับกับอินเตอร์เน็ทจะต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้งานชาวรัสเซียทั้งหมดไว้ภายในประเทศรัสเซียเท่านั้น จะมีผลบังคับใช้ ณ วันที่ 1 กันยายนนี้ งานนี้จักรวรรดิเฮเกก็แฮ้วรับประทานอีกแล้วครับท่าน
    อันที่จริงรัสเซียเองก็มีเฟซบุคเวอร์ชั่นรัสเซียเหมือนกันนะ เขาพัฒนาของเขาขึ้นมาเอง เป็นระบบโซเชียลเน็ทเวอร์แบบนี้แหละชื่อ VK ชื่อเดิมคือ VKontakte เป็นเครือข่ายโซเชียลของชาวรัสเซีย (Russian social network) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (เขาคุยว่างั้นนะ) มีหลายภาษา ได้รับความนิยมใน รัสเซีย, ยูเครน, เบลารุส, คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 โดย Pavel Durov (ว้าว! สงสัยต้องทำเผื่อไว้ซักแอ็คเค้าท์ซะหละมั๊งนี่ เผื่อเฟซบุคเดี้ยงจะได้ให้แฟนเพจสามารถเข้าไปอ่านได้จาก VK ของรัสเซียบ้างนะครับ ดีป๊ะ? เพจ "ปอกเปลือก ทรราช" เวอร์ชั่น VK ฮ่าๆๆ)
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก © Photo: Pixabay

    ----------
    Facebook Bans Posts About Immigrants Taking Jobs From Americans
    Facebook Plans to Keep Russian User Data Out of Russian Servers
    VK mobile version
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผมไปสมัครเรียบร้อยแล้วน่ะครับ

    ปอกเปลือก ทรราช ( https://www.facebook.com/fisont?fref=ts )

    [​IMG]

    เพจสำรองของ "ปอกเปลือก ทรราช" เวอร์ชั่นรัสเซีย (แต่เป็นภาษาไทย)
    -------------
    อะแฮ่ม... เพจสำรองของ "ปอกเปลือก ทรราช" ในเฟซบุคเวอร์ชั่นรัสเซียนะครับ ในกรณีฉุกเฉินที่แฟนเพจแสดงความกังวลใจว่าเพจนี้อาจจะเดี้ยงหรือถูกสอยได้ง่ายๆ เนื่องจากนำเสนอข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับจักรวรรดิเฮเกและหลายประเทศทั่วโลก จึงสร้างเพจสำรองที่ไม่ใช่เฟซบุคของสหรัฐฯไว้ให้ครับผม แต่เป็น VK ของฝั่งรัสเซีย สร้างเสร็จแล้ว และก็ทดลองโพสต์ข่าวล่าสุดก่อนหน้านี้ดู ก็ใช้ได้ดีครับผม สำหรับอ่านข่าวทั่วไป แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดเกี่ยวกับข้อความยาวๆ ที่ไม่สามารถแสดงในโพสต์เดียวได้ทั้งหมดจึงต้องแบ่งเป็นสองโพสต์ ไม่มีปัญหา ขอให้โพสต์ได้ก็พอครับ แหล่ม... ฮ่าๆๆ
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก เฟสบุ๊ก ปอกเปลือก ทรราช

    ---------------
    https://vk.com/theeyesproject
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ซาอุดิอาระเบียอาจจะตัดงบประมาณหลายพันล้านดอลล่าร์ในช่วงที่ราคาน้ำมันดิ่ง - รายงาน

    [​IMG]

    -------------
    แก้ปัญหาเรื่องเฟซไปได้เปาะหนึ่งแล้วนะครับ โดยการสร้างเพจสำรองไว้ที่โซเชียลเนทเวิร์คของรัสเซียซะเลย เอาแบบที่จักรวรรดิเฮเกตามไปป่วนไม่ได้ สะใจดี คริๆ กลับมาต่อที่ข่าวเศรษฐกิจของฝั่งซาอุดิฯบ้างนะ ก่อนหน้านี้มีนักวิเคราะห์จากบาห์เรนออกมาวิเคราะห์ว่าซาอุดิฯอาจจะปรับลดงบประมาณหรือเพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดก็ได้ พูดยังไม่ทันขาดคำเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.58) สำนักข่าว RT news ของรัสเซียก็พาดหัวข่าวว่า "Saudi Arabia ‘could cut billions’ from budget amid plunging oil prices – report" อุบ๊ะ! ฝันใกล้จะเป็นจริงแล้วสินะซาอุดิอาระเบียจ๋า ฮ่าๆๆ
    รายงานข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กบอกว่า ประเทศซาอุดิอาระเบียกำลังเตรียมการเพื่อตัดลดงบประมาณจำนวนหลายพันล้านดอลล่าร์ ระหว่างที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งเหวตลอด รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้กรุงริยาดห์กำลังทำงานร่วมกับที่ปรึกษาเพื่อทบทวนแผนการใช้จ่ายเงินทุนและชะลอโครงการต่างๆบางโครงการเอาไว้ (นึกไม่ถึงว่าอภิมหาเศรษฐีน้ำมันจะมีวันนี้กับเขาเหมือนกันนะ)
    สำนักข่าว Bloomberg ได้เขียนเอาไว้ว่า "รัฐบาล (ซาอุดิฯ) อยู่ในช่วงแรกของการทบทวนและอาจจะเล็งไปที่การตัดงบค่าใช้จ่ายในการลงทุน คาดว่าน่าจะประมาณ 382 billion riyals ($102 billion หรือประมาณ 3.62 ล้านล้านบาท ว้าว! สูงกว่าโครงการกู้เงินสร้างรถไฟความเร็วสูงของบางรัฐบาลซะอีกนะนี่) ภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์หรืออาจจะมากกว่านี้"
    ตามคำพูดของแหล่งข่าวที่บลูมเบิร์กอ้างมา (แต่ไม่เอ่ยนาม) บอกว่านอกจากจะมีการทบทวนเรื่องค่าใช้จ่ายในการลงทุนแล้ว รัฐบาลซาอุดิฯอาจจะชะลอหรือลดโครงการบางอย่างด้วยเพื่อเป็นการประหยัดเงิน อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวบอกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่กระต่อค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆเช่นเงินเดือนของภาครัฐ
    งบประมาณของซาอุดิฯ ซึ่ง 90% ได้มาจากรายได้ในภาคปิโตเลียม ได้รับผลกระทบอย่างหนักเนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลงถึง 50% และคาดว่า (ซาอุดิฯ) จะขาดดุลประมาณ 20% ของ GDP ในปี 2015 IMF ประมาณการ (หนักเข้าไปอีก จะเป็นไรไป จักรวรรดิเฮเกขาดดุลมากว่านั้นและทำ QE ไปตั้งหลายรอบแล้ว ถ้าซาอุดิฯลูกน้องจะทำบ้างก็ไม่เห็นเป็นไรนิ)
    Fahad Alturki หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าทีมวิจัยของบริษัท adwa Investment Co. ได้กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเอาไว้ว่า "นี่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อราคาน้ำมันดิบที่ลดลง แต่ก็ยังรวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าการใช้จ่ายเงินทุนได้มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา" (หมายความว่าซาอุดิฯมีการใช้จ่ายมากขึ้น เอาไปทำอะไร? อ้าว… ก็ซื้ออาวุธจากจักรรวดิเฮเกไปถล่มเยเมนไงครับ นี่ก็กำลังจะซื้อจรวดแพทริออตตกรุ่นจากจักรวรรดิเฮเกไปประจำการอยู่อีกนะ ขนาดเยอรมันนีบอกว่าไม่เอา ก็ยังโดนยัดเยียดให้ซื้อจนได้ และแล้่วคดีการดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำเยอรมันนีก็เงียบไป อัยการเยอรมันถอนคดีออกเฉยเลย เคยเล่าให้ฟังแล้วนะครับ)
    Fahad Alturki กล่าวว่า "แม้ว่าการตัดค่าใช้จ่ายลงจะมีผลกระทบต่อความเติบโตทางเศรษฐกิจ ภาคส่วนที่ไม่เกี่ยวกับน้ำมันที่ไม่พึ่งพาการใช้จ่ายจากภาครัฐ เนื่องจากส่วนนี้ได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ 20 หรือ 30 ปีที่แล้ว" รายงานบอกว่าในขณะเดียวกัน รมว.คลังของซาอุดิฯได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ (ชัวร์ แบบนี้ลดแน่ๆ)
    เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Financial Times ได้รายงานว่า กรุงริยาดห์กำหนดแผนการที่จะออกพันธบัตร (ตราสารหนี้) มีค่า 27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในตลาดตราสารหนี้ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรักษาดุลงบประมาณของตนเอง ซึ่งได้มีการเตรียมการเอาไว้ในช่วงที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ที่ $106 ต่อบาร์เรล (แต่ตอนนี้มันต่ำกว่า $40 ต่อบาร์เรลแล้วนะครับท่าน งั้นท่านก็ต้องปล่อยกู้พันธบัตรมากกว่านั้นอีก 1 เท่าตัวกว่าๆจากที่กำหนดไว้ในครั้งแรกแล้วหละ) รายงานข่าวยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไงซะก็จะไม่มีประเทศสมาชิกโอเปกรายใดยอมเฉือนเนื้อของตัวเองเพื่อลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงเด็ดขาด ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯอยู่ที่ $38.74 ลดลงอีก $0.42 ต่อบาร์เรล ส่วน BRENT ของอังกฤษอยู่ที่ $43.44 ลดลง $0.18 เหรียญต่อบาร์เรล (ข้อมูลนะวันที่ 26 Aug 2015 Last updated at 19:56 จาก bbc)
    The Eyes
    26/08/2558

    ภาพจาก © Faisal Nasser / Reuters

    ----------
    http://www.rt.com/business/313425-saudi-arabia-cut-budget-oil/
    http://www.bbc.com/news/business
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    เกาหลีใต้พร้อมเจรจายกเลิกแซงชั่นเกาหลีเหนือ!

    [​IMG]

    ---------
    อุ๊แม่เจ้า!…. โปรอเมริกามีเคืองแน่งานนี้ เกาหลีใต้ประเทศประชาธิปไตยอีกหนึ่งประเทศกำลังหันไปอี๋อ๋อกับคอมมิวนิสต์เผด็จการเกาหลีเหนือซะงั้น ก่อนหน้านี้ก็ประชาธิปไตยสหรัฐฯหันไปสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับคอมมิวนิสต์คิวบาทั้งๆที่ตัดสายสัมพันธ์บอกว่าไม่คบกับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างคิวบามาตั้ง 50 กว่าปี สุดท้ายก็กลืนน้ำลายตัวเอง หันไปออเซาะคิวบาซะงั้น งานนี้หลังจากสองเกาหลีปรับความเข้าใจกันได้เรื่องลำโพงเจ้าปัญหา ล่าสุดเกาหลีใต้ดันบอกว่าจะยกเลิกแซงชั่นเกาหลีเหนือเฉยเลย แล้วจักรวรรดิเฮเกกับลูกสมุนจะไม่ดิ้นพล่านเป็นผีเข้าหรือไงนะ ฮ่าๆๆ
    วันที่ 26 ส.ค.58 สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Seoul Ready to Discuss Lifting Sanctions Against Pyongyang" ยุ่งหละสิงานนี้เป็นข่าวดังไปทั่วโลกแน่ เกาหลีใต้ไหงกล้าฝ่าฝืนคำสั่งลูกพี่ใหญ่หันไปจับมือกับคิมน้อยซะงั้น ก่อนหน้านี้ก็ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งขันว่าจะไม่ร่วมมือกับจักรวรรดิเฮเกแซงชั่นรัสเซียแม้จะถูกกดดันก็ตาม จึงโดนสารพัดมาตรเข้าไปเช่นไวรัสเมิร์ส แบ็คทรีมรณะแอนแทร็กที่อ้างว่าส่งผิด ล่าสุดก็ถูกยุให้เกือบทำสงครามเข่นฆ่ากันเองระหว่างพี่น้องเกาหลีด้วยกัน แล้วคราวต่อไปจะเจออะไรอีกบ้างหละนี่?
    รายงานข่าวกล่าวว่านาย Jeong Joon-hee โฆษกกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า "เกาหลีใต้อาจจะเริ่มเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อยกเลิกการแซงชั่นกรุงเปียงยาง" เกาหลีใต้ต้องการที่จะเจรจาเพื่อหาทางยกเลิกการแซงชั่นต่อเกาหลีเหนือ หลังจากที่สถานการณ์ความตึงเครียดผ่อนคลายลง โฆษกกระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
    เมื่อเดือนพฤษภาคม 2010 กรุงโซลได้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดต่อกรุงเปียงยาง โดยกล่าวโทษว่าเกาหลีเหนือจมเรือรบของเกาหลีใต้ที่มีลูกเรือจำนวน 104 คน มีผู้เสียชีวิต 46 ราย เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว (เอ๊ะทำไมเกาหลีใต้ถึงไม่สงสัยมือที่มองไม่เห็นอย่างจักรวรรดิเฮเกบ้างนะ?)
    สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้อ้างคำพูดของ Jeong ว่า "ในประเด็นของการแซงชั่นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม (2010) นั้น หากมีการจัดการเจรจาระดับรัฐบาลขึ้นมาและมีการประชุมย่อยในหลายระดับภายใต้กรอบการเจรจาข้อตกลงนี้ ผมเชื่อว่าทางฝ่ายเหนือซึ่งได้มีความสนใจในประเด็นนี้ ก็จะนำเรื่องนี้ขึ้นมา (พิจารณา) ได้ ปัญหานี้สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยการเจรจากัน"
    ก็ใช่นะสิ แล้วก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่พูดอย่างนี้? แซงชั่นเกาหลีเหนือแล้วเกาหลีใต้ได้อะไร? มีแต่ความสะใจแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้เลย เกาหลีเหนือก็ยังเป็นเกาหลีเหนืออยู่ดี ไม่แคร์ก็ไม่ง้อ คิมน้อยบอก สุดท้ายแล้วเกาหลีใต้ก็เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอพร้อมที่จะยกเลิกการแซงชั่นเกาหลีเหนือ แต่ก็ต้องวางมาดซะหน่อย จู่ๆจะบอกว่ายกเลิกแซงชั่นแล้วก็ยังไงอยู่ ต้องทำให้เหมือนว่าเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายขอเจรจา แต่รอแล้วรอเล่าเกาหลีเหนือก็ไม่ใจอ่อนซะที สุดท้ายเกาหลีใต้ก็ใจอ่อนซะเอง อาจจะเพราะสงสารเกาหลีเหนือด้วยอยากจะช่วยเหลือ หรือเพราะเกรงว่าขืนปล่อยไว้นานเสร็จจีนกับรัสเซียแน่ หรืออาจจะเกรงว่านับวันเกาหลีเหนือก็ยิ่งพัฒนาอาวุธต่างๆที่ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ขืนทะเลาะกันอีก ถ้าวันไหนคิมน้อยเอาจริงขึ้นมารับรองเดือดร้อนกันทั้งประเทศเกาหลีใต้แน่ เศรษฐกิจและความเจริญที่อุตส่าห์สร้างมาตั้งหลายสิบปีมีหวังพังพินาศในชั่วพริบตาแน่ๆ ถ้ายังฟังคำยุแยงตะแคงรั่วจากจักรวรรดิเฮเกผู้คลั่งสงครามอีกต่อไป หรือว่าเกาหลีใต้อาจจะมีแผนการอย่างอื่น?
    แต่ไม่ว่าเกาหลีใต้จะมีแผนการอย่างอื่นซ่อนอยู่หรือไม่ งานนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่เป็นบวกแก่ทั้งสองประเทศ เพราะจะช่วยให้เกาหลีเหนือสามารถพื้นฟูด้านเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น ส่วนเกาหลีใต้ก็จะสามารถทำมาค้าขายกับเกาหลีเหนือได้มากขึ้นด้วย เปิดโอกาสให้ประเทศต่างๆหันไปคบกับเกาหลีเหนือมากขึ้น เพราะว่าขนาดเกาหลีใต้ยังหันไปคบกับเกาหลีเหนือได้ แล้วทำไมประเทศอื่นถึงจะต้องกลัวเกาหลีเหนือด้วยหละ งานนี้ใครไวใครได้หละครับ โอกาสสร้างธุรกิจดีๆและขยายการตลาดเพิ่มขึ้นมาถึงแล้ว ถ้ารอแต่ให้จักรวรรดิเฮเกเดินนำหน้าก่อนถึงจะก้าวเท้าออกได้ ก็รอกินแกลบละกันนะพวก ข.ข.ทางความคิดของอเมริกาทั้งหลาย
    The Eyes
    https://vk.com/theeyesproject
    27/08/2558

    ภาพจาก © REUTERS/ Unification Ministry


    ----------
    Seoul Ready to Discuss Lifting Sanctions Against Pyongyang
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Nibiru Facts/Elenin Facts/2012/NWO/FEMA/Earth Quakes/T Cyclones etc ได้แชร์โพสต์ของ Firdaus Surbakti

    สินาบัง - ระเบิดปะทุ 2015/08/26
    ~~~>>> wOw guys, check out these high res pic's อีโมติคอน smile <<<~~~
    Sinabung - explosive eruption 26.08.2015


    tengkiu..bujur...makasih...
    mama, mami,turang,senina, abang, impal, permen, anak, agi, serta sahabat dan rekan ,,dan semuanya....
    atas ucapan selamat..doanya..di Hari Jadiku......
    mohon maaf bila selama ini ada bahasa tutur kata atau statusku tidak berkenan di pesbok ini..
    mejuah-juah......

    bersama.. Nursheri Pandia, Jessica Chi Dedeg Kecil, Gilbert Karo Karo


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    ยูเครนและสหรัฐฯลืมเรื่องแซงชั่นรัสเซีย ขอร่วมงาน MAKS-2015 air show ที่กรุงมอสโคว์ด้วย ฮ่าๆๆ

    [​IMG]

    ------------
    โอกาสทำมาหากิน โอกาสที่จะขายสินค้าได้แบบนี้ใครจะยอมพลาดหละครับท่าน แม้ปากจะบอกว่าไม่ชอบรัสเซีย ต้องต่อต้านรัสเซีย แต่พอรัสเซียจัดงาน MAKS-2015 เพื่อแสดงเครื่องบินนานาชาติขึ้น ยูเครนกับสหรัฐฯรวมถึงอียูด้วยดันไม่พลาดงานนี้ซะงั้น ฮิ้วววว
    เมื่อวานนี้ สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซีย พาดหัวข่าวว่า "Despite Tensions, Ukrainian Aerospace Chiefs Come to Moscow Airshow" (แม้จะมีความตึงเครียด, เหล่าหัวหน้าการบินและอวกาศของยูเครนก็เดินทางไปร่วมงานแอร์โชว์ที่กรุงมอสโคว์ด้วย) (ฮ่าๆๆ อย่างนี้แล้วจักรวรรดิเฮเกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนหละนี่?)
    Sputnik อ้างรายงานข่าวจากสำนักข่าว Vedomosti หนังสือพิมพ์ด้านธุรกิจในรัสเซียว่า "หัวหน้าผู้ผลิตเครื่องยนต์เฮลิค็อปเตอร์ Motor Sich ของยูเครน ได้เดินทางเข้าร่วมงาน Moscow Air Show (MAKS-2015) รวมทั้งบรรดาผู้บริหารระดับสูงจากบริษัท Antonov ซึ่งเป็นผู้ผลิตด้านการบินและอวกาศอีกรายของยูเครนด้วย"
    รายงานข่าวบอกว่า "แม้ว่าความตึงเครียดทางทางการเมือง และยูเครนจะสั่งห้ามส่งออกเทคโนโลยีต่างๆไปยังรัสเซีย แต่อุตสาหกรรมด้านการบินและอวกาศของยูเครนก็ยังคงเข้าร่วมงาน MARKS-2015 อย่างไม่เป็นทางการ" (ใจก็อยากจะทำใ้หเป็นทางการอยู่หรอก แต่ยูเครนบางส่วนก็ถูกจักรวรรดิเฮเกบีบไข่จนหน้าเขียวเพื่อไม่ให้หวนกลับไปดีกันกับรัสเซียอีกครั้ง ก็ต้องแอบคบกันแบบนี้แหละ ช่างหน้าเห็นใจในความรักที่วงการการบินและอวกาศของยูเครนมีต่อรัสเซียจริงๆ ที่ถูกจักรวรรดิเฮเกกีดกันแบบนี้อ่ะ คริๆ)
    กองทัพของรัสเซียคาดว่าจะเครื่องบินและเฮลิค็อปเตอร์มากกว่า 250 ลำเข้าประจำการในปี 2015 นี้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดในการนำเข้าเครื่องยนต์เฮลิค็อปเตอร์ก็ตาม ตามคำพูดของ Viktor Bondarev ผู้บัญชาการกองทัพอากาศรัสเซียบอกว่าการขส่งบางอาจจะมีการจัดส่งมาก่อนกำหนด
    Bondarev ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti ว่า "พวกเราจะได้รับทั้งเครื่องบินและเฮลิค็อปเตอร์ 250 กว่าลำภายในปีนี้ และไม่มีข้อกังขาใดๆที่ว่าเราจะได้รับอุปกรณ์นี้จากอุตสาหกรรม (หรือไม่)"
    แหล่งข่าวจากบริษัท Rostec ของรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าว Vedomosti ว่า บริษัทผู้ผลิตเฮลิค็อปเตอร์ของรัสเซียคาดว่าจะเซ็นสัญญาอีกสัญญาหนึ่งซึ่งมีมูลค่า $100 million (ประมาณ 3.55 พันล้านบาท) เพื่อสั่งซื้อเครื่องยนต์เฮลิค็อปเตอร์จากบริษัท Motor Sich ของยูเครนในปี 2016 ในขณะที่สัญญาก่อนหน้านี้ซึ่งมีค่าถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.55 หมื่นล้านบาท) กำลังจะหมดอายุลงในปี 2015 นี้ การผลิตเครื่องยนต์ TV3-117 แบบเต็มรูปแบบซึ่งมีความจำเป็นต่อเฮลิค็อปเตอร์ของรัสเซียจะเริ่มขึ้นในปี 2017 (ก็ขนาดมีความขัดแย้งกันในทางการเมือง แต่ในบางมิตินั้นทั้งสองประเทศก็ยังคงค้าขายระหว่างกันอยู่ ปัญหามันมาจากมือที่สามนี่แหละที่ไปทำให้เขาทะเลาะกันหนะ)
    เมื่อวันที่ 25 ส.ค.58 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "25 Countries Defy Sanctions to Attend MAKS-2015 Air Show" (25 ประเทศขัดขืนการแซงชั่น เข้าร่วมงานแสงอากาศยาน MAKS-2015) รายงานข่าวบอกว่า "ไม่สน (Ignoring) การแซงชั่นในปัจจุบันที่ตะวันตกกระทำต่อรัสเซีย บริษัทผู้ผลิตอากาศยานในยุโรปหลายบริษัท พร้อมรับคำเชิญให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานแอร์โชว์ MAKS-2015 นานาชาติซึ่งจัดขึ้นนอกกรุงมอสโคว์ระหว่างวันอังคารถึงวันเสาร์นี้" รายงานข่าวยังบอกอีกว่า มีบริษัทต่างๆมากกว่า 150 บริษัทจาก 25 ประเทศซึ่งรวมทั้ง ออสเตรีย อังกฤษ เยอรมันนี และฝรั่งเศสเข้าร่วมในงานนี้ด้วย (อ้าว…บริษัทสัญชาติตะวันตกเหล่านี้ลืมไปแล้วว่าตอนนี้จักรวรรดิเฮเกกับอียูกำลังแซงชั่นรัสเซียอยู่นะ ฮ่าๆๆ งานนี้รัสเซียถือโอกาสนำเครื่องบินรบล่องหนรุ่นที่ 5 (G5) อย่าง Sukhoi T-50 PAK FA ออกมาบินผาดโผนโชว์ด้วยซะเลย)
    แต่ที่มันเจ็บสุดๆก็คือข่าวนี้ครับท่าน... เมื่อวานนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Number of US Firms at MAKS Air Show Unchanged Despite Sanctions" แปลว่า "บริษัทของสหรัฐฯจำนวนมาก (ยืนยัน) ไปปรากฎตัวที่งาน MAKS Air Show ไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะมีการแซงชั่นต่างๆ" อัยย๊ะ! จักรวรรดิเฮเกคุณแซงชั่นเขาไม่ใช่รึ แล้วคุณจะหน้าด้านเอาสินค้าของตัวเองไปโชว์ในรัสเซียทำไมหละครับท่าน? นี่แหละที่เขาเรียกว่า พวกเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง
    รายงานข่าวบอกว่า นาย Thomas Kallman ประธานและ CEO ของ Kallman Worldwide ซึ่งเป็นออร์แกไนเซอร์จัดงานนี้กล่าวว่า "บริษัทของสหรัฐฯจำนวนมากไม่ยอมพลาดที่่จะมาแสดงตัวในงานแอร์โชว์ MAKS-2015 ของรัสเซีย แม้ว่าจะมีความยุ่งยากต่างๆในปัจจุบันเกี่ยวกับกรณีสหรัฐฯแซงชั่นรัสเซียก็ตาม"
    Thomas Kallman กล่าวต่ออีกว่า "นี่เป็นปีที่ 10 ของพวกเราที่จัดซุ้มแสดงงานไว้ให้สหรัฐฯในงาน MAKS ขนาดซุ้มแสดงยังคงสวยงานมากเช่นเดิม สิ่งที่ผมสามารถกระทำได้ก็คือหาบริษัทต่างๆที่กำลังมองหาโอกาสให้กับธุรกิจใหม่ (ในรัสเซีย) บริษัทต่างที่เข้าร่วมงาน MAKS แสดงสินค้าในครั้งนี้ส่วนมากมีการก่อตั้งธุรกิจอยู่ในรัสเซีย" รายงานข่าวบอกว่าขณะนี้มีบริษัทด้านการบินและอวกาศของสหรัฐฯมากกว่า 10 บริษัทเข้าร่วมงานนี้
    CEO ของ Kallman Worldwide กล่าวตอนหนึ่งว่า "การทำงานร่วมกันระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในรัสเซียและผลิตในอเมริกา เป็นความท้าทายที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ชาวอเมริกันได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมที่จะข้ามมหาสมุทรไปทำธุรกิจ (และแทรกแซงก่อสงครามและยึดครองประเทศอื่น - อันนี้แอ็ดมินเพิ่มให้) การร่วมทุน และแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการ แต่พวกเขา (จักรวรรดิเฮเก) ไม่ได้ไปไกลว่ารัสเซีย สิ่งที่นักธุรกิจชาวอเมริกันไม่เข้าใจก็คือความเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่อยู่ที่นี้ ในรัสเซีย และโอกาสที่สร้างผลิตภัณฑ์ในรัสเซียภายใต้ใบอนุญาตหรือผ่านการเป็นหุ้นส่วนในรูปแบบอื่นๆ"
    The Eyes
    (https://vk.com/theeyesproject)
    27/08/2558

    ภาพจาก © Sputnik/ Vladimir Astapkovich

    ----------
    Despite Tensions, Ukrainian Aerospace Chiefs Come to Moscow Airshow
    Number of US Firms at MAKS Air Show Unchanged Despite Sanctions
    25 Countries Defy Sanctions to Attend MAKS-2015 Air Show
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts

    ขยับเข้าไปอีกก้าวหนึ่งของสันติภาพ... กรุงโซลประกาศจะพัฒนาโครงการต่างๆเพื่อมุ่งปรองดองกับกรุงเปียงยาง

    [​IMG]

    ------------
    ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อย... วันนี้ (27 ส.ค.58) เห็นสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "Seoul to Develop Projects Aimed at Reconciliation With Pyongyang" แหล่มป๊ะ? เห็นว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดีจากฝั่งเกาหลีใต้ และน่าจะเป็นข่าวดีต่อจากโพสต์ก่อนหน้านี้ที่พูดถึงสองเกาหลีด้วย จึงนำมาเล่าสู่กันฟังอีกซักข่าว แล้วค่อยไปดูฝั่งรัสเซียบ้างนะครับ กำลังคึกคักกันเลยหละ
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Choi Kyoung-hwan รมว.ยุทธศาสตร์และคลังของเกาหลีใต้ออกมากล่าวว่ากรุงโซลจะดำเนินโครงการต่างๆจำนวนมากให้สำเร็จโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ดีกับกรุงเปียงยาง ท่านรัฐมนตรี Choi Kyoung-hwan ได้กล่าวในที่ประชุมของพรรค Saenuri Party ซึ่งเป็นรัฐบาลว่า "พวกเราจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสร้างสวนสันติภาพ (Peace Park) ขึ้นในเขตปลอดทหาร (DMZ) ในขณะเดียวกันก็จะฟื้นฟูการคมนาคมทางรถไฟผ่านเมือง Gyeongui เชื่อมไปยังกรุงโซลและท่าเรือ Wonsan ในเกาหลีเหนือด้วย"
    ในขณะเดียวกันกรุงโซลก็กล่าวว่าจะเพิ่มงบประมาณทางทหารขึ้นในปี 2016 เพื่อปรับปรุงกองทัพเตรียมพร้อมรับมือการยั่วยุที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากกรุงเปียงยาง
    เป็นไงเล่าการเดินเกมของเกาหลีใต้ ในขณะที่จักรวรรดิเฮเกประกาศก้องว่าห้ามไม่ให้ประเทศไหนไปคบกับประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ตัวเองหันไปจับมือกับคอมมิวนิสต์คิวบาเฉยเลย เพราะอดใจไม่ได้เกรงว่าคิวบาจะเทใจให้กับจีนและรัสเซียหมด เกาหลีใต้สนที่ไหนหละคราวนี้ จะคบกับคิมน้อยซะอย่างใครจะทำไม ส่วนพวกลูกกะเป๋งของจักรวรรดิเฮเกก็พากันดาหน้าออกมาวิจารณ์ประมาณว่าไม่อยากให้รัฐบาลคสช.หันไปสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งด้านการค้าการลงทุนกันประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ไม่อยู่เงาปีกของจักรวรรดิเฮเก เพราะเกรงว่าไทยจะเข้าไปกินไข่แดงก่อนจักรวรรดิเฮเก เราเป็นผู้น้อยต้องให้เฮเกอันธพาลโลกกินมูมมามก่อนจากนั้นเราค่อยไปเก็บกินเศษอาหารติดจานชามทีหลัง แค่นี้ลูกกะเป๋งจักรวรรดิเฮเกก็พอใจแล้ว
    แต่งานนี้เกาหลีใต้ไม่คิดอย่างนั้น เรื่องอะไรจะทิ้งโอกาสดีๆอย่างนี้ให้หลุดมือไป ไม่อย่างนั้นในอนาคตธุรกิจดีๆในเกาหลีเหนือได้ถูกต่างชาติเข้าชิงส่วนแบ่งหมดแน่ เกาหลีใต้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสซะเลย หยิบยื่นความร่วมมือในผลประโยชน์ร่วมกันให้กับเกาหลีเหนือชนิดที่เกาหลีเหนือยากจะตัดใจได้ แทนการหยิบกระสุนปืนใหญ่ส่งคืนให้เกาหลีเหนืออย่างที่เคยทำมา แต่เกาหลีใต้ก็ไม่ประมาท ก็ต้องเผื่อทางหนีทีไล่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นหากเกิดความตึงเครียดกันขึ้นมาอีกครั้งไม่ว่าด้วยเหตุใดก็แล้วแต่ การมีศักยภาพทางกองทัพที่เหนือกว่าอีกฝ่ายย่อมนำมาซึ่งความได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาอยู่แล้ว อย่างครั้งล่าสุดนี้เห็นได้ชัดมาก เกาหลีเหนือเพียงแค่ส่งเรือดำน้ำออกจากฐานทัพของตนเอง 50 ลำ เกาหลีใต้กับจักวรรดิเฮเกก็หาไม่เจอแล้ว เล่นเอาเกาหลีใต้เหงื่อตกไปเลย ไม่รบหละ หันมาสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้วยกันดีกว่า
    The Eyes
    https://vk.com/theeyesproject
    27/08/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ SAUL LOEB

    ----------
    Seoul to Develop Projects Aimed at Reconciliation With Pyongyang
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    อองซาน ซูจี ค้านกลุ่มกบฏลงนามเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลพม่า กรรม!
    ------------
    หันมาดูสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านของเราบ้างนะครับ วันนี้ไปแง็บข่าวมาจากฝั่งตะวันตก เพื่อเอาใจโปรตะวันตกและโปรอเมริกาซะหน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราลำเอียง เล่นแต่ข่าวจากรัสเซียกับจีน วันนี้สำนักข่าว AP ของฝรั่งเศสพาดหัวข่าวเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับพม่าว่า "Suu Kyi: Myanmar rebels should think carefully on peace deal" แปลว่า "นางอองซาน ซูจี กล่าวว่า พวกกบฏพม่าควรจะคิดให้ดีเกี่ยวกับเรื่องข้อตกลงสันติภาพ" (อุ๊แม่เจ้า!... นางกำลังคิดอะไรของนางอยู่นี่? เขาจะจับมือกันสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของตนเอง นางกลับออกมาค้านการเจรจาสันติภาพซะงั้น)
    รายงานข่าวบอกว่า นางอองซาน ซูจี (Aung San Suu Kyi) ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน (NLD) ของเมียนม่า (Myanmar) ได้ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยคิดด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (nationwide cease-fire agreement) นี่เป็นจุดยืนที่เธอยกขึ้นมาต่อสู้ในทางการเมืองกับปธน.เต็ง เส่ง (Thein Sein) ของพม่า ในการเลือกทั้งทั่วไปที่จะจัดให้มีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้
    การเจรจากันระหว่างกลุ่มกบฏต่างๆสิบกว่ากลุ่มกับรัฐบาลกลางได้มีขึ้นหลายรอบตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา Win Htein ผู้บริหารระดับสูงของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของเมียนมาร์กล่าวว่า นางซูจีได้แสดงความคิดเห็นของเธอในที่ประชุมกับ พล.ต.Htoo Htoo Lay จากกองทัพสหภาพกะเหรี่ยงแห่งชาติ (Karen National Union - KNU) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งประกาศว่าพร้อมที่จะลงนาม (ในข้อตกลงสันติภาพกับรัฐบาลกลางของพม่า) กลุ่ม KNU เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งได้สู้รบกับรัฐบาลกลางมาเป็นเวลาหลายสิบปี เพื่อให้ได้สิทธิ์ในการปกครองตนเองเพิ่มขึ้น
    Win Htein กล่าวว่า "นางอองซาน ซูจีกล่าวว่าพวกกลุ่มชาติพันธุ์ควรจะพิจารณาไม่ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 8 พฤศจิกายน" Win Htein กล่าวว่า "มันจะต้องมีความหมาย" (หมายถึงคำพูดของนางซูจี ที่ฟังดูแล้วน่าจะมีความหมาย และพวกกลุ่มกบถควรจะเชื่อคำพูดของนาง กล่าวคือไม่ต้องหยุดยิง ให้ยิงกันต่อไป! กรรม!)
    สื่อฯตะวัน (แม้จะรู้สึกขัดๆกับคำพูดและท่าทีของนางอองซาน ซูจี แต่เพราะว่านางอยู่ฝั่งประชาธิปไตย จึงไม่ยอมวิจารณ์นาง แต่หันไปดิสเครดิตรัฐบาลทหารพม่าแทน) โดยกล่าวว่า "การก่อความไม่สงบ (unrest) ทางชาติพันธุ์ถูกใช้เป็นข้ออ้างของกองทัพเพื่อควบคุมอำนาจในการบริหารประเทศมาเป็นเวลานาน และเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อน เพราะว่าเกี่ยวข้องกับความสามัคคีของประเทศ" (แต่ดูจากจุดนี้แล้ว เหมือนกับว่านางอองซาน ซูจีไม่ต้องการให้เกิดความสามัคคีขึ้นมาในประเทศพม่าซะงั้น ในขณะที่สื่อฯตะวันตกกำลังบอกว่ารัฐบาลทหารพม่าใช้ข้ออ้างเรื่องความไม่สงบภายในประเทศเพื่อกุมอำนาจในการบริหารประเทศเอาไว้ แต่ดูเหมือนว่าสื่อฯตะวันตกรายนี้จะลืมมองไปที่อิรัค ที่รัฐบาลจักรวรรดิเฮเกกับพวกยกกองทัพเข้าไปก่อสงครามอ้างว่าเพื่อปราบปรามพวกผู้ก่อการร้ายในตะวันออกกลางแล้วก็ควบคุมรัฐบาลหุ่นเชิดเหล่านั้นแทน ที่ยูเครนก็อ้างเหตุผลคล้ายกันกับที่พม่านี้ไม่ใช่หรือ? แต่ในกรณีของยูเครนนั้นเห็นได้ชัดว่าจักรวรรดิเฮเกจะสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามกลุ่มกบฏ และสนับสนุนรัฐบาลหุ่นเชิดของตัวเองซะด้วย จะเอาอะไรกับสื่อฯตะวันตกที่หลายมาตรฐานหละ?)
    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า บางพรรคของกลุ่มชาติพันธุ์คลายความเป็นพันธมิตรกับพรรคของนางอองซาน ซูจี ลง โดยเปลี่ยนไปสนับสนุนแนวความคิดพรรค Union Solidarity ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายทหาร และ Development Party ซึ่งเป็นปฏิปักษ์ของชนกลุ่มน้อย (มาก่อน)
    สื่อฯตะวันตกมองว่า มันไม่ดูเหมือนว่านางอองซาน ซูจีจะมีอิทธิพลเหนือจุดยืนของกลุ่มชาติพันธุ์ในเรื่องการหยุดยิงเลย ยกเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าพรรคของนางสามารถครองอำนาจและหยิบยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้
    เป็นไงเล่าลีลาการเสี้ยมของสื่อฯตะวันตก? "…ยกเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะเชื่อว่าพรรคของนางสามารถครองอำนาจและหยิบยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าให้" แล้วอะไรหละคือ "ข้อเสนอที่ดีกว่า" ที่ว่านั้น? ก็ให้สิทธิ์ในการปกครองตนเอง แบ่งแยกประเทศ แบ่งแยกดินแดนไปเลยยังไงหละครับท่าน นางอองซาน ซูจี จะยอมเอาแผ่นดินของประเทศพม่าบางส่วนที่บรรพบุรุษสร้างเอาไว้ไปแลกกับการได้ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งปธน.หญิงคนแรกของพม่าหรือ?
    ความหิวกระหายในอำนาจทางการเมืองบดบังตา เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพกล้าที่จะออกมาคัดค้านการลงนามสงบศึกระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆกับรัฐบาลกลางของพม่าซะงั้น เปิดหน้าให้เห็นกันไปเลยว่าที่ผ่านมานั้นจริงหรือเสแสร้งแสดงละครกันแน่ รัฐบาลทหารพม่าใช้การปราบปรามกับกลุ่มชาติพันธุ์เหล่านั้นด้วยความรุนแรงมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ก็ปราบไม่ได้ซักที
    แต่พอวันนี้รัฐบาลพม่าหันมาใช้ไม้นวม เน้นการเจรจาสันติภาพแทนการสู้รบ แม้ในบางครั้งจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ทำให้ฝ่ายที่ชูธงประชาธิปไตยมาโดยตลอดกำลังจะสูญเสียคะแนนนิยมและฝ่ายสนับสนุน ทนไม่ได้ที่จะเห็นรัฐบาลทหารพม่ากำลังจะประสบความสำเร็จในการเจรจาหยุดยิงกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ กะเอาไว้ว่าจะสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงหลังจากที่ชนะการเลือกตั้งแล้วซะหน่อยว่า นี่เห็นไหมพอเปลี่ยนรัฐบาลปุ๊บการลงนามเจรจาหยุดยิงเกิดขึ้นทันที ความสามัคคีของคนในชาติเกิดขึ้นทันที ดูเหมือนว่ารัฐบาลพม่าจะอ่านเกมของนางออกนะ จึงชิงลงนามในข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งซะเลย สุดท้ายนางก็ออกมาคัดค้านการลงนามในข้อตกลงนี้ซะงั้น ภาพลักษณ์ของนางเอกกำลังจะกลายเป็นอดีตไปซะแล้วหละซูจีเอ๋ย
    นโยบายแบ่งแยกแล้วปกครองนี้มันคุ้นๆอยู่นะ... ใครนะที่อยู่เบื้องหลังแผนการสกัดกั้นการลงนามสันติภาพในครั้งนี้ ถ้ามีความสามัคคีของคนในชาตินั้นๆเกิดขึ้น มือที่มองไม่เห็นซึ่งเป็นแบ็คให้กับพรรคฝ่ายค้านของนางอองซาน ซูจีจะขายอาวุธให้ใครหละครับท่าน? หมดแล้วอุดมกง อุดมการณ์ ตอนนี้มีแต่คำว่า "อำนาจ" เท่านั้น
    The Eyes
    (https://vk.com/theeyesproject)
    27/08/2558
    ----------
    Suu Kyi: Myanmar rebels should think carefully on peace deal
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    เยอรมันและยูเครนอาจจะแบ่งแยกโปแลนด์หากอียูล่มสลาย - นักการเมืองชาวโปแลนด์กล่าว

    [​IMG]

    ------------
    ว้าว... วันที่ 25 ส.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียลงข่าวหนึ่งน่าสนใจซึ่งนำเอาการวิเคราะห์ของนาย Janusz Korwin-Mikke นักการเมืองชาวโปลิชออกมาเผยแพร่อีกต่อหนึ่งว่า "รัสเซียไม่ได้เป็นศัตรูหลักของโปแลนด์ โปแลนด์ควรที่จะกลัวเพื่อนบ้านรายอื่นๆของตนด้วย เช่นเยอรมันนีและยูเครน ซึ่งมีการกล่าวอ้างดินแดนเหนือประเทศโปแลนด์และอาจจะแบ่งแยกประเทศโปแลนด์ก็ได้"
    รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่าทั้งเยอรมันและยูเครนต่างก็กล่าวอ้างเรื่องดินแดน (บางส่วน) เหนือโปแลนด์ และอาจจะเป็นอันตรายต่อประเทศโปแลนด์ก็ได้หากสหภาพยุโรปล่มสลายลง และสถานการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ นักการเมืองโปแลนด์กล่าว
    Korwin-Mikke กล่าวว่า "ในกรณีที่อียูล่มสลาย เยอรมันและยูเครนอาจจะพยายามบีบบังคับเอาดินแดนส่วนที่พวกเขาเรียกร้อง และแบ่งแยกโปแลนด์ ดังนั้นนอกจากความกังวลเกี่ยวกับเรื่องรัสเซียแล้ว โปแลนด์ยังมีอีกหลายปัญหาที่ยุ่งยากที่จะต้องกังวลด้วย
    ประธานาธิบดี Andrzej Duda ของโปแลนด์ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำพูดของ Korwin-Mikke ในการเดินทางไปเยือนประเทศเอสโตเนีย (หนึ่งในสามของกลุ่มประเทศบอลติก) ว่า "อึ่ม!… ก้าวย่างนี้ฟังดูมีเหตุผล" (such a step was reasonable) ส่วนนาย Korwin-Mikke กล่าวต่อไปอีกว่า "ที่เลือกเอสโตเนีย - ไม่ใช่เยอรมันนี, รัสเซีย, หรืออเมริกา - ในฐานะเป็นประเทศแรกที่ประธานาธิบดีเดินทางไปเยือนนี้สมเหตุผล มิฉะนั้นแล้วบางคนอาจจะแสดงความไม่พอใจได้ การเลือกประเทศที่เป็นกลาง (neutral state) ถือว่าเป็นเรื่องที่ฉลาด" (เอสโตเนียนี่ยังไม่ค่อยโปรอเมริกาเท่ากับลิทัวเนีย นังปธน.ลิทัวเนียนี่สไตล์คล้ายๆกับโปโรเชนโก้ของยูเครนเลย สุดๆ)
    นักการเมืองโปแลนด์กล่าวว่า "ในทางกลับกัน เอสโตเนียไม่ได้มีกองทัพมากพอและไม่อาจจะปกป้องโปแลนด์ได้ในกรณีที่ถูกโจมตี โปแลนด์ควรจะพัฒนาในส่วนของกองทัพของตนเองให้มากขึ้นและป้องกันประเทศตนเอง (และเมื่อวันก่อนปธน.ของโปแลนด์ก็พึ่งจะกวักมือเรียกให้นาโต้เข้าไปตั้งฐานทัพภายในประเทศของตนเองอยู่ไหวๆ ทีอย่างนี้ไม่บอกว่าประเทศโปแลนด์ถูกนาโต้หรือจักรวรรดิเฮเกรุกรานเลยนะ กินเงียบกันเห็นๆ รัสเซียถูกเขายกขึ้นมาให้เป็นผู้ร้ายในสายตาชาวโลกเพื่อที่พวกเขาจะได้หาข้ออ้างขยายกองกำลังนาโต้ปิดล้อมรัสเซียให้มากขึ้น แล้วใครหละคุมนาโต้อยู่ทุกวันนี้? ก็จักรวรรดิเฮเกนะสิครับ งานนี้ขายอาวุธได้อีกเยอะ จักรวรรดิเฮเกบอกว่าขอโทษนะปูตินที่ต้องให้นายรับบทผู้ร้ายอีกครั้ง แบบว่าตอนนี้เราถังแตกมากๆอ่ะ ช่วยให้ความร่วมมือด้วยนะรัสเซีย)
    สุดท้ายเพื่อลดแรงกดดันจากรัสเซีย (?) นักการเมืองชาวโปแลนด์ก็หันไปเล่นเยอรมันกับยูเครน หรือเขาอาจจะระแคะระคายบางอย่างมาก็ได้ถึงได้ออกมาพูดในลักษณะนี้ว่า "และพวกเรา (โปแลนด์) ก็จะอยู่ระหว่างเยอรมันนีกับยูเครน ทั้งสองประเทศได้มีการกล่าวอ้างเรื่องดินแดนของพวกเรา โปแลนด์ควรที่จะติดอาวุธให้กับตัวเอง (เอาแล้วไง ตอนแรกก็หาเรื่องติดอาวุธให้กับตัวเองโดยยกกรณีของรัสเซียมาเป็นข้ออ้าง ต่อมาก็บอกว่าเพื่อป้องกันตัวเองจากเยอรมันกับยูเครนเอากะนักการเมืองพวกนี้สิ ก็บอกไปเลยว่ารับใบสั่งจากจักรวรรดิมาเพื่อหางบซื้ออาวุธของจักรวรรดิเฮเกก็รู้เรื่องแล้ว) เราอาจจะพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเรากลายเป็นตัวประกันในมือของเยอรมัน และตัวประกันในมือของยูเครน สำหรับเหตุผลนี้พวกเราจะต้องดูแลกองกำลังติดอาวุธของและปกป้องอาณาเขตของพวกเราเอง" (แล้วถ้าอย่างนั้นจะเรียกให้นาโต้เข้าไปตั้งฐานทัพอยู่ในโปแลนด์ทำแป๊ะอะไรหละครับท่านนักการเมืองโปแลนด์?)
    ถ้าสมมุติการมโนของนาย Korwin-Mikke กลายเป็นจริงขึ้นมา สมมุติว่าโปแลนด์ถูกแบ่งเป็นสองหรือสามส่วนคือส่วนหนึ่งถูกยูเครนครอบครอง ส่วนกลางก็ยังคงเป็นของโปแลนด์ส่วนตรงกันข้ามก็จะเป็นของเยอรมัน แต่ส่วนที่จะเป็นของยูเครนนี้แน่ใจหรือว่าจะเป็นของยูเครนจริงๆ เพราะว่ายูเครนตอนนี้มีสถานไม่ต่างอะไรจากการเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิเฮเกไปแล้ว จักรวรรดิเฮเกสามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ตลอดเวลา เป็นของยูเครนก็เหมือนเป็นของจักรวรรดิเฮเกนั้นเอง
    ปัญหาอีกข้อหนึ่งก็มีอยู่ว่าทำไมนักการเมืองโปลิชคนนี้ถึงมองว่าอียูจะล่มสลาย หรือเขาพูดขึ้นมาอย่างนั้นเองเพื่อให้ฟังดูสมเหตุสมผลในการใช้เป็นข้ออ้างในการจัดซื้ออาวุธเพิ่มขึ้น? ฟังๆดูแล้วก็มีหลายเหตุผลที่สนับสนุนแนวความคิดของเขาเกี่ยวกับการล่มสลายของอียูเหมือนกัน เช่นเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังแย่ การแผ่อำนาจของจักรวรรดิเฮเกเข้าไปในอียูเพิ่มมากขึ้น การที่นักการเมืองชาวเยอรมันออกมารับลูกจากประธานคณะกรรมธิการยุโรปว่าจะก่อตั้งกองทัพยุโรปขึ้นมาเองเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งดูท่าจะเกาเหลากับนาโต้ซะด้วยสิ พอมีข่าวปล่อยออกมาว่าเยอรมันรับมุกนี้ แต่ยังไม่บอกว่าจะจัดตั้งกองทัพอียูขึ้นมาอย่างเป็นทางการเมื่อไร (น่าจะอีกนาน) ทางนาโต้ก็จัดซ้อมรบทหารพลร่มจำนวน 1,000 นายโดดร่มในประเทศเยอรมันภายใต้ปฏิบัติการ Exercise Swift Response โชว์ซะเลยนำโดยกองทัพของจักรวรรดิเฮเก
    รัสเซียก็ไม่น้อยหน้า เมื่อทหารนาโต้ซ้อมโดดร่มในเยอรมันได้ ทำไมรัสเซียจะจัดบ้างไม่ได้ แต่ไม่ได้จัดที่เยอรมันหรอกนะ งานนี้รัสเซียจัดซ้อมรบร่วมกันระหว่างกองทัพเรือ Northern Fleet และทหารพลร่ม Airborne Troops ที่เมือง Norilsk ของรัสเซียเองทางมหาสมุทรอาร์กติก ภายใต้ปฏิบัติการ Arctic Drill อยู่คนละที่หนะ โปแลนด์ไม่ต้องกังวลไป
    The Eyes
    (https://vk.com/theeyesproject)
    28/08/2558

    ภาพจาก © AFP 2015/ PHILIPP GUELLAND

    ----------
    Germany, Ukraine May Divide Poland if EU Collapses – Polish Politician
    Over 1,000 NATO Airborne Forces Take the Plunge Over Germany During Drills
    Russia's Northern Fleet, Airborne Troops Begin Active Phase of Arctic Drill
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    อ็อคคิวพายกรีซ: เยอรมันชนะประกวดราคาท่าอากาศยานภายในประเทศของกรีซ

    [​IMG]

    ------------
    วันนี้ขอเล่าข่าวย้อนหลังซักข่าวนะครับ วันที่ 18 ส.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "Occupy Greece: Germany Wins Bid to Run Regional Airports" แปลว่า "ยึดครองกรีซ: เยอรมันชนะประกวดราคาสนาบินภูมิภาคภายในประเทศของกรีซ" หมดกันกรีซเอ๋ย... ว่าแล้วเชียวงานนี้เจ้ามือ/เจ้าหนี้ กินเรียบ
    รายงานข่าวบอกว่า "The sale is on but the money isn't in the bank yet…" การขายยังเดินหน้าต่อ แต่เงินยังไม่เข้าธนาคาร... (กรรม!) ในขณะที่กำลังรอให้สภายุโรปอนุมัติเงินช่วยเหลือให้ประเทศต่างๆ บริษัท FRAPORT ผู้ประกอบการสนามบินสัญชาติเยอรมันได้ชนะการยื่นซองประกวดราคาเพื่อเข้าเทคโอเวอร์และดำเนินกิจการสนามบินภูมิภาคจำนวน 14 แห่งของกรีซ ในการทำให้เป็นกิจการส่วนตัวของเยอรมันตามข้อตกลงที่กระทำโดยรัฐบาลพรรค Syriza
    บริษัท FRAPORT จะเข้าควบคุมและดำเนินกิจการสนามบินต่างๆในเกาะสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรีซเป็นระยะเวลา 40 ปีเพื่อแลกกับเงินจำนวน $1.36 billion (€1.23bn) (ประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท) ซึ่งรวมทั้งสนามบิน Mykonos, Rhodes, Santorini, Corfu และ Kos
    เช็กข้อมูลเบื้องต้นจากวิกิพีเดียกรีซมีสนามบินทั้งสิ้นประมาณ 39 แห่งน่าจะหมายถึงสนามบินพาณิชย์ และของเอกชนด้วย แต่จากวิกิอีกที่หนึ่งบอกว่ากรีซมีสนามบินนานาชาติอยู่ 15 แห่ง ภายในประเทศ 20 แห่ง อื่นๆ 7 แห่ง ของกองทัพ 11 แห่ง สนามบินที่ปิดไปแล้ว 8 แห่ง และกำลังจะเปิดอีก 1 แห่ง
    เฮ้อ… พูดไม่ออกเลยอ่ะ ขายสนามบิน 14 แห่ง เสร็จเยอรมันเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของกรีซจนได้ ส่วนเรื่องขายเกาะนั้นคงจะขายไปแล้วหลายเกาะเหมือนกัน การขายเกาะและสนามบินในครั้งนี้ (เพื่อเอามาใช้หนี้) เกิดขึ้นหลังจากที่ Yanis Varoufakis ลาออกจากรมว.คลังของกรีซ คนนี้แข็งมากไม่รับเงื่อนไขมาตรการรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้ เถียงกันมา 5 เดือนตั้งแต่ Alexis Tsipras ชนะการเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล แต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ เพราะเจ้าหนี้ไม่ยอม ส่วนคู่เจรจาจากกรีซซึ่งก็คือ Yanis Varoufakis ก็ไม่ยอมเช่นกัน สุดท้ายพวกเจ้าหนี้ก็บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของ Yanis Varoufakis ด้วยการปล่อยข่าวตามสื่อฯต่างๆของตะวันตกว่า Yanis Varoufakis เป็นม้าไม้เมืองทรอยที่บางคนส่งเข้าไปทำลายกรีซและยุโรป และพวกเจ้าหนี้ก็กดดันให้ Yanis Varoufakis ลาออก ก็สมใจพวกเจ้าหนี้
    หลังจากที่ Yanis Varoufakis ก้าวลงจากเก้าอี้อย่างสง่างามแล้ว ปรากฎว่านายกฯ Alexis Tsipras เปลี่ยนแผนจากท่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้ หันไปรับเงื่อนไขของพวกเจ้าหนี้ซะงั้น เกิดความแตกแยกภายในพรรค Syriza ซึ่งเป็นพรรคที่ครองเสียงข้างมากในรัฐบาลกรีซ
    ก่อนหน้าที่รัฐสภากรีซจะลงมติอนุมัติข้อตกลงตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ทรอยก้า ท่าน Yanis Varoufakis อดีตรมว.คลังของกรีซ ก็ออกมาเสนอว่า กรีซควรจะมีแผน B ควบคู่ไปกับแผนปฏิรูปหนี้ที่เขียนโดยพวกเจ้าหนี้ ไม่นานนัก Yanis Varoufakis ก็โดนอัยการสูงสุดของกรีซฟ้องด้วย 2 ข้อหาต่อรัฐสภาของกรีซ โดยกล่าวหาว่า Yanis Varoufakis พยายามจัดระเบียบระบบชำระเงินทางเลือกที่อาจจะผ่านการต่อรองจากกรุงเอเธนส์กับพวกเจ้าหนี้ (ข่าวเมื่อวันที่ 29 ก.ค.58) ส่วนข้อหาหนึ่งก็ประมาณว่าข้อเสนอของ อดีตรมว.คลัง Yanis Varoufakis ส่งผลให้ประเทศสมาชิกของอียูสร้างแรงกดดันต่อกรีซเพิ่มมากขึ้น
    แล้วแผนบีของท่านยานิส วารูฟากิส คืออะไรหละครับ? อยากรู้ป๊ะ? ฮี่ๆๆ เอาตามคำพูดของพวกที่ออกมากล่าวหานะครับ รายงานข่าวบอกว่ามีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง (น่าจะเป็นกลุ่มของท่านยานิสฯนี่แหละ) กำลังทำงานร่วมกันและหาแนวทางการสร้างระบบชำระเงินแบบคู่ขนาน (parallel payment system) โดยตั้งใจจะนำสกุลเงิน drachma ของกรีซกลับมาใช้ให้เป็นสกุลเงินหลักของประเทศแทนเงินยูโร แค่นี้แหละ พวกเจ้าหนี้และสมาชิกยูโรโซนดิ้นเป็นผีเข้าทันที บีบให้อัยการสูงสุดซึ่งน่าจะเป็นคนของพวกเจ้าหนี้นั่นแหละยื่นฟ้อง Yanis Varoufakis ต่อรัฐสภากรีซซะเลย เพื่อให้ศาลสูงของกรีซพิจารณาตัดสินไม่ให้ Yanis Varoufakis มีสิทธิ์ทางการเมืองอีกต่อไป
    ฮ่าๆๆ... ขำพวกนักประชาธิปไตยชาวตะวันตก ปากบอกว่าเสรีภาพ คาบคัมภีร์ประชาธิปไตย แต่พอมีคนออกมาแสดงความคิดเห็นต่างจากนักเลือกตั้ง พวกนี้ก็สั่งให้ดำเนินคดีตัดสิทธิ์ทางการเมืองสำหรับผู้ที่มีความเห็นต่างจากนักเลือกตั้งลูกน้องเจ้าหนี้ซะงั้น นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศยุโรปในสมัยปัจจุบัน เป็นไงครับเสรีภาพจริงๆแบบตะวันตกอ่ะ ท่านยานิสคงจะขำก๊ากกับอัยการสูงสุดของประเทศตัวเอง มันคิดได้ยังไงฟระะะะ ช่างกล้าเล่นมุกนี้ ช่วงนั้น (ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา) เรื่อง Plan B ของท่านยานิสฯนี้ฮ็อตมาก เล่นเอา Alexis Tsipras กับพวกเจ้าหนี้นั่งไม่ติดเลย พวกเจ้าก็ไม่ค่อยจะไว้ใจ Alexis Tsipras สักเท่าไรจึงโยนอี้ไปให้รัสเซียว่า Alexis Tsipras กำลังวางแผนร่วมกับรัสเซียเพื่อให้รัสเซียพิมพ์เงิน drachma ของกรีซสำรองไว้ หลังจากที่ได้รับเงินกู้ก้อนใหม่จากเจ้าหนี้แล้ว กรีซอาจจะเปลี่ยนมาใช้แผน B ของยานิสฯก็ได้ ฝั่งรัสเซียฉุนจัด เซ็งกับพวกเจ้าหนี้อียูจริงๆ พับผ่าสิเกี่ยวอะไรรัสเซียด้วย อย่าหาเรื่องแกว่งเท้าหาเสี้ยนนะอียู อุตส่าห์ไม่ยุ่ง ไม่เข้าไปแข่งประมูลสมบัติกรีซแล้วนะ ยังไม่วายจะโดนกล่าวหาอีก รัสเซียจึงรีบออกมาปฏิเสธทันทีว่าไม่มีเรื่องบ้าบออย่างนั้นเกิดขึ้น รัสเซียไม่คิดทำอย่างนั้นและไม่คิดจะทำด้วย ประมาณนี้แหละ แล้วข่าวนี้ก็เงียบไป
    เล่าย่อๆก็พอนะครับ เล่ามากแล้วพิมพ์ไม่ไหว ฮ่าๆๆ... ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ส.ค.58 สิงห์นักบิดบิ๊กไบค์ Yanis Varoufakis ก็ออกมาพูดอีกว่า "เอ้ยยย... ข้อตกลงระหว่าง Alexis Tsipras กับพวกเจ้าหนี้หนะเป็นความผิดพลาด (Mistake) นะเฟ้ยยย" ซวยแล้ว... ไซปราสกับเจ้าหนี้ทั้งหลาย
    สำนักข่าว Le Soir อ้างคำพูดของ Varoufakis ว่า "เขา [Tsipras] เชื่อว่ามีเหตุผลที่ยากจะขัดขืนได้ในการลงนามข้อตกลง (กับพวกเจ้าหนี้) ในครั้งนี้ และมีก็มีจริงๆ แต่ทั้งหลายทั้งมวลนั้น ผมคิดว่าเขาได้ทำความผิดพลาด"
    มาถึงจุดนี้ก็สามารถที่จะมองได้ว่าทั้ง Alexis Tsipras และ Yanis Varoufakis ได้แยกทางกันเดินแล้ว Yanis Varoufakis เป็นพวกฝ่ายซ้าของจริง ส่วน Alexis Tsipras นั้นปากบอกว่าเป็นฝ่ายซ้าย แต่พฤติกรรมดูเหมือนจะเอียงไปทางขวา แต่ด้วยความที่ศาสตราจารย์ Yanis Varoufakis เป็นผู้ใหญ่กว่าไม่ถือสาเด็กกระดูกอ่อนอย่าง Alexis Tsipras ก็เลยไม่ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีและเบื้องหลังการตัดสินใจของ Alexis Tsipras ในขณะเดียวกัน Alexis Tsipras ก็ไม่วิจารณ์แนวความคิดของ Yanis Varoufakis เช่นกัน เหมือนกับว่าทั้งสองคนนี้ยังให้เกียรติกันอยู่
    ทั้งสองคนต้องการนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตหนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็ใช้วิธีที่ต่างกัน แม้ในตอนแรกจะไปในทิศทางเดียวกัน Yanis Varoufakis ยังคงเชื่อมันในทฤษฎีและวิธีการของเขาเพราะเขาเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ไม่ใช่นักการเมืองโดยสายเลือด ส่วน Alexis Tsipras เป็นนักการเมืองหนุ่มไฟแรง จะยอมแพ้ให้กับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ และจะถูกตราหน้าว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินไม่ได้ หากสองคนนี้แยกทางกันเดินจริง ก็แสดงว่า Alexis Tsipras เลือกเก้าอี้และอำนาจทางการเมืองก่อน แม้ว่าจะขัดกับนโยบายคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของพวกเจ้าหนี้ที่ได้หาเสียงไว้แต่แรกก็ตาม
    มีบางคนมองว่า Alexis Tsipras เป็นม้าโทรจันของพวกเจ้าหนี้ โดยให้เหตุผลว่าสุดท้ายแล้วก็ยอมแพ้พวกเจ้าหนี้คือยอมขายสมบัติชาติใช้หนี้เพื่อแลกกับการสนับสนุนจากพวกเจ้าหนี้ให้ตัวเองสามารถอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองได้ ก็มีข้อสงสัยต่อไปอีกว่า ถ้า Alexis Tsipras เป็นเด็กของพวกเจ้าหนี้จริงๆ แล้วเขาจะไปทำข้อตกลงเรื่องท่อแก๊สสาย Turkish Stream กับรัสเซียกันทำไม? เพราะว่าทั้งจักรวรรดิเฮเกและมหาอำนาจในอียูไม่ต้องการให้ท่อแก๊สสายนี้ของรัสเซียผ่านเข้าไปในยุโรปได้ ถ้าโครงการนี้สำเร็จก็จะทำให้รัสเซียมีความเข้มแข็งมากขึ้น แล้ว Alexis Tsipras จะช่วยให้รัสเซียสมหวังทำไมหละถ้ามองว่า Alexis Tsipras เป็นเด็กของพวกเจ้าหนี้จริงๆ
    จึงมองว่าโดยผิวเผินแล้วที่ Alexis Tsipras ตกลงรับเงื่อนไขของพวกเจ้าหนี้นั้นเพราะอาจจะโดนขู่เอาไว้เยอะ และไม่มีทางเลือก หากไม่ทำตามที่เจ้าหนี้ต้องการ เขาก็จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปไม่ได้ และพวกเจ้าหนี้อาจจะไม่ปล่อยเงินเข้าระบบธนาคารในกรีซให้ด้วย ซึ่งกรีซพึ่งจะโดนสั่งสอนมาแล้วรอบหนึ่งจนถึงกลับต้องสั่งปิดธนาคารไปหลายวันและจำกัดการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มด้วย นี่คือไม้ตายอย่างหนึ่งของพวกเจ้าหนี้ที่จะใช้บีบให้ Alexis Tsipras ยอมรับเงื่อนไขของพวกเจ้าหนี้ ถ้าโดนแบบนี้ติดต่อกันซัก 2-3 รอบ รับรองว่ากรีซเจ๊งแน่ๆ ไหนจะปัญหาผู้อพยพที่ไหลเข้าไปในกรีซเป็นจำนวนมากอีก
    หลังจาก Alexis Tsipras ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ หวังว่าจะได้รับคะแนนเสียงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างที่เขาคาดหวังเอาไว้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ภายในพรรค Syriza ก็แตกเป็นสองกลุ่มแล้ว โดยกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับ Alexis Tsipras ได้แยกตัวออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่ ตอนนี้ก็มีประมาณ 35 คนเห็นจะได้ พวกนี้ยึดอุดมการณ์เดิมคือต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด ไม่รู้ว่างานนี้จะเป็นลูกไม้อะไรของ Alexis Tsipras หรือเปล่า? ไม่อยากจะคิดว่าเขากำลังเจริญรอยตาม Yanis Varoufakis เพื่อหาทางลงให้กับตัวเองแบบสวยๆ อย่างที่ Yanis Varoufakis ได้จัดให้ทำประชามติไม่รับเงื่อนไขเจ้าหนี้จนชนะ แล้วก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งรมว.คลัง
    The Eyes
    (https://vk.com/theeyesproject)
    28/08/2558

    ภาพจาก © Flickr/ Melissa Maples

    ----------
    Occupy Greece: Germany Wins Bid to Run Regional Airports
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_the_busiest_airports_in_Greece
    https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_airports_in_Greece
    Varoufakis Describes Tsipras’s Agreement With Creditors As 'Mistake'
    Syriza Central Committee Members Quitting Over Broken Election Promises
    Greek Finance Minister Varoufakis Resigns, and Here is Why
    Varoufakis Describes Tsipras’s Agreement With Creditors As 'Mistake'
    After Greece Spain Comes Next – Ex-Greek Finance Minister
    Greek Prosecutor General Submits Two Claims Against Ex-Finance Minister
    Varoufakis Confirms 'Plan B' Payment System in Case of Grexit
    Greek Deputy Finance Chief Denies Parallel Payment System Plans
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,212
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช https://www.facebook.com/fisont?fref=ts
    เยเมน-ซาอุดิอาระบีย: เยเมนถล่มสนามบิน Najran และยิง Scud โจมตีโรงไฟฟ้าจุดยุทธศาสตร์ในจังหวัด Jizan ของซาอุดิฯ, 3 จังหวัด (Jizan, Najran, Asir) กำลังจะกลับมาสู่อ้อมกอดแผ่นดินแม่กับเยเมนอีกครั้ง ย้อนรอยสงครามซาอุดิฯ-เยเมน 1934

    [​IMG]

    -----------
    หันมาอัพเดทข่าวสงครามการสู้รบชิงดินแดนและสงครามตัวแทนระหว่างซาอุดิอาระเบียกับเยเมนบ้างนะครับ มีอยู่ 2 ข่าวจะเหล่าให้ฟัง
    1.) วันที่ 26 ส.ค.58 สำนักข่าว FARS ของอิหร่านพาดหัวข่าวว่า "Yemeni Scud Missile Hits Strategic Power Plant in Southern Saudi Arabia" (เยเมนยิงจรวดสกั๊ดโจมตีโรงไฟฟ้าทางยุทธศาสตร์ทางตอนใต้ของซาอุดิอาระเบีย) รายงานข่าวบอกว่า วันนี้ (26 ส.ค.58) กองทัพเยเมนได้โจมตีโรงไฟฟ้า (Power Plant) ในจังหวัด Jizan ทางตอนใต้ของซาอุดิฯ (ชายแดนติดกันกับเยเมน) ด้วยขีปนาวุธแบบ Scud
    นายพล Sharaf Qaleb Luqman โฆษกกองพลน้อยของกองทัพเยเมนแถลงข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า "กองทัพได้ยิงขีปนาวุธ Scud ไปที่โรงไฟฟ้าของจังหวัด Jizan และขีปนาวุธก็ยิงเข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ" (บึ้ม! เยส…)
    นายพล Sharaf Qaleb Luqman กล่าวตำหนิการรุกรานจากฝั่งซาอุดิฯที่โจมตีเยเมนว่า "ประชาชนผู้บริสุทธิ์ชาวเยเมนได้เผชิญกับความเงียบของประชาคมนานาชาติซึ่งเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงของพวกเขา สำหรับเหตุผลเดียวกันนี้ กองทัพเยเมนและกองกำลังยอดนิยม (popular forces) มีความจำเป็นต้องแสดงการตอบโต้อย่างหนักหน่วง"
    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน คณะปฏิวัติ Ansarullah ของเยเมนได้กล่าวว่า "ตอนนี้เยเมนมุ่งเป้าไปที่การยึดจังหวัดทางยุทธศาสตร์ 3 แห่งทางตอนใต้ของประเทศซาอุดิฯ" สำนักข่าว FARS รายงานต่อไปว่า ยุทธศาสตร์ของคณะปฏิวัติ Ansarullah (ฮูติ) ในตอนนี้ก็คือเข้าควบคุมจังหวัด Jizan, Najran และ Asir ในภาคใต้ของซาอุดิอาระเบียให้ได้
    พักหลังนี้สำนักข่าว FARS ของอิหร่านจะใส่ข้อความนี้แทรกไปในข่าวต่างๆเกี่ยวกับสงครามซาอุดิฯ-เยเมนเสมอ: The three provinces were part of Yemen before they were occupied by the Saudi kingdom in 1934 (สามจังหวัดนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยเมนมาก่อนที่จะถูกยึดไปครอบครองโดยราชอาณาจักรซาอุดิฯในปี 1934) อัยย๊ะ!… น่าสนใจขึ้นมาแล้วสินี่ มันยังไงกันนี่? ลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้ว เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังในตอนท้ายของโพสต์นี้นะครับ (อดใจรออีกนิดนึง ขอเล่าข่าวสถานการณ์ปัจจุบันให้จบก่อน)
    ผู้เชี่ยวชาญกล่าวต่อไปอีกว่า "ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามานั้น ซาอุดิอาระเบียย่อมรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกเสียจากความลังเลในการรุกราน (เยเมน - halting its aggression) เนื่องจากประชาชนชาวเยเมนไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกต่อไป (the people of Yemen do not have anything to lose ถ้าไม่สู้ก็จะถูกรังแกอยู่ร่ำไป) แต่รัฐบาลของกรุงริยาดห์จะต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่วทั้งด้านการเมืองและกองทัพ หากสงครามยืดเยื้อยาวนาน"
    2.) ข่าวที่สอง ในวันเดียวกันนี้สำนักข่าว FARS ของอิหร่านพาดหัวข่าวอีกว่า "Yemeni Missiles Hit Najran Airport in Southern Saudi Arabia" (เยเมนยิงขีปนาวุธใส่สนามบิน Najran ในภาคใต้ของซาอุดิอาระเบีย) (ว้าว! งานนี้กองทัพเยเมนกับนักรบกลุ่มฮูติรุกหนักเข้าไปทุกทีแล้ว) แหล่งข่าวรายงานว่า "ได้ยินเสียงระเบิดครั้งใหญ่ในสนามบิน Najran Airport วันนี้" แหล่งข่าวบอกว่ากองทัพเยเมนได้ระดมยิงขีปนาวุธเข้าใส่สนามบิน Najran จำนวนมาก การปะทะกันในพื้นที่จังหวัด Najran มีความรุนแรงมากระหว่างกองกำลังชนเผ่าของเยเมนกับกลุ่มติดอาวุธโปร-ซาอุดิฯ สนาบิน Najran Airport อยู่ห่างจากใจกลางจังหวัด Naran ออกไป 10 กิโลเมตร
    กลยุทธ์นี้เยเมนเรียนรู้จากฝั่งซาอุดิฯนั่นแหละที่โจมตีสนามบินต่างๆในเยเมนก่อน รวมทั้่งฐานที่มั่นทางทหารของเยเมนที่เป็นฝ่ายฮูติกับกองทัพเยเมนด้วย งานนี้ซาอุดิฯโดนแก้เผ็ดด้วยกลยุทธ์แบบเกลือจิ้มเกลือด้วยฝีมือนักรบโสร่งฮูติเข้าให้แล้ว อย่าโวยวายทีหลังละกัน ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย... นะ ฮี่ๆๆ ฮูติกระซิบมา
    อ่ะ… คราวนี้ก็มีไขปัญหาคาใจที่อยากรู้ว่าทำไมฝั่งเยเมนถึงต้องเน้นบุกสามจังหวัดภาคใต้ของซาอุดิฯแบบเอาเป็นเอาตายให้ได้ และทำไมเยเมนถึงบอกว่าสามจังหวัดนี้เคยเป็นของเยเมนมาก่อนปี 1934?
    ก็ไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสงครามระหว่างซาอุดิอาระเบียกับเยเมนในปี 1934 (Saudi-Yemen War of 1934) และสนธิสัญญา The Treaty of Taif, 1934 ระหว่างสองประเทศ จากหลายๆแห่งมา ก็พอจะเข้าใจจุดมุ่งหมายหลักของฝั่งเยเมนบ้างแล้ว มันเป็นโอกาสที่เหมาะเหม็งมากที่จะทวง 3 จังหวัดภาคใต้ของซาอุดิฯคืนมาเป็นของเยเมนอีกครั้ง โดยอาศัยสงครามที่ฝั่งซาอุดิฯเปิดฉากโจมตีเยเมนก่อนในปัจจุบันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในการทวงคืนดินแดนของเยเมนคืนจากซาอุดิฯ
    3.) สงคราม ซาอุดิอาระเบีย-เยเมน ปี 1934 (อันนี้แปลมาจากวิกิพีเดีย นะครับ) สงคราม Saudi–Yemeni War เป็นสงครามระหว่างซาอุดิอาระเบียกับเยเมนในปี 1934 (พ.ศ.2477) Ibn Saud ผู้ก่อตั้งประเทศซาอุดิอาระเบียขึ้นมาในปี 1932 ได้สถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่ง Nejd (King of the Nejd) หลังจากการล่มสลายของอำนาจจักรวรรดิอ็อตโตมัน (Ottoman Empire) ระหว่างมหาสงคราม Great War (เป็นอีกชื่อหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ระหว่างวันที่ 18 ก.ค.1914 - 11 พ.ย.1918 เริ่มสงครามโดยจักรวรรดิอ็อตโตมันซึ่งก็คือตุรกีในปัจจุบันนี้) ในปี 1925 Ibn Saud ได้เข้าขึดราชอาณาจักร Hejaz มาจากราชวงศ์ Hashemites (1916–1925) ราชวงศ์นี้ปกครองอิรัคอยู่ในช่วง 1921–1958 และจอร์แดนตั้งแต่ปี 1921 จนถึงปัจจุบัน ในปี 1932 Ibn Saud ได้ผนวกรวมดินแดน Nejd (/Najd เป็นพื้นที่ศูนย์กลางของซาอุดิฯ ครอบคลุมไปถึง Riyadh, Al-Qassim, และ Ha'il) และราชอาณาจักร Hejaz เข้าไว้ด้วยกัน และประกาศก่อตั้งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียขึ้นมา (Saudi Arabian Kingdom) เขตแดนส่วนมากยังไม่มีการทำแผนที่ เครื่องหมาย และยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดน (อย่างเป็นทางการ)
    ในปี 1932 กษัตริย์ Ibn Saud เข้าควบคุมพื้นที่ส่วนมาในคาบสมุทรอาระเบีย ยกเว้นเยเมน และรัฐชายฝั่งเล็กๆบางแห่งที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ ซึ่งประกอบด้วย โอมาน, คูเวต, บาห์เรน Aden เป็นต้น ปัจจุบันนี้ Aden คือเมืองท่าที่สำคัญของเยเมนอยู่ในเขตอิทธิพลของปธน.ฮาดี้โปรซาอุดิฯกับจักรวรรดิเฮเก) พื้นที่ระหว่างอาณาจักร Hejaz กับเยเมนนี้เป็นภูมิภาคที่มีกลุ่มชนเผ่าต่างๆอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตลอดช่วงอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอ็อตโตมันนั้นมีความอ่อนแอทางอำนาจการปกครอง ทั้ง Ibn Saud และอิหม่ามของเยเมน (Imam of Yemen) ต่างก็ต้องการที่จะเข้่ายึดครองแผ่นดินนี้
    สงครามเกิดขึ้นเมื่อ (ปฐม) กษัตริย์พระองค์ใหม่ถอดด้าม (Ibn Saud) ของซาอุดิฯเริ่มขยายอาณาเขตรุกล้ำเข้าไปในเขตปกครองของเยเมนซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า ""Greater Yemen (ภูมิภาคนี้เป็นเขตปกครองตนเองสามจังหวัดแต่อยู่ในการดูแลของเยเมนประกอบด้วย: Al-Baha, Asir, Jazan และ Najran ถ้ารวม Al-Baha ด้วยก็ต้องเป็น 4 จังหวัดสิ)
    ในทางภูมิศาสตร์นั้นจังหวัด Jizan เป็นพื้นที่ชายฝั่งติดกับทะเลแดงทางตอนเหนือของเยเมน จังหวัด Asir และ Al-Baha เป็นพื้นเต็มไปด้วยที่ภูเขาเป็นส่วนมากอยู่ทางตอนเหนือของเยเมนในปัจจุบันเช่นกัน ส่วน Najran เป็นดินแดนที่ลึกเข้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเยเมน (ไม่ติดทะเล) จังหวัด Asir และ Jizan เคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนราชวงศ์ Idrisid Asir ช่วงปี 1920s (อาณาจักรแห่งนี้ต่อต้านจักรวรรดิอ็อตโตมันในสมัยนั้น และได้รับการสนับสุนจากสหราชอาณาจักรในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วย)
    สงครามเกิดขึ้นเมื่อ Emir Idrissi แห่ง Jizan และ Abu Arish ละทิ้งการสวามิภักดิ์ชั่วคราวต่อกษัตริย์ Ibn Saud ของซาอุดิฯ โดยหลบหนีไปยังเยเมนเพื่อเข้าร่วมกับ Imam Yahya Muhammad Hamid ed-Din กษัตริย์ของเยเมน (แสดง ณ จุดนี้ซาอุดิฯ เข้าไปยึดดินแดน Idrisid Asir ก่อนบีบให้สวามิภักดิ์ต่อตนเอง และ Idrisid Asir ก็ไม่มีทางเลือกจึงต้องยอมๆไปก่อน พอซาอุดิฯเผลอทางผู้ปกครองของ Idrisid Asir ก็หลบหนีออกไปพึ่งใบบุญจากกษัตริย์เยเมนในสมัยนั้น ทำให้ซาอุดิฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก) ก่อนหน้านี้ได้มีการทำสนธิสัญญากันมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 1931 แต่ไม่นานก็ถูกทำลายลง ในเดือนพฤศจิกายนปี 1933 เยเมน (ยกทัพ) เข้าไปในจังหวัด Najran
    เดือนกุมภาพันธ์ปี 1934 ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม รัฐบาลเยเมนและผู้แทนของอังกฤษในเมือง Aden ได้ลงนามร่วมกันในสนธิสัญญามิตรภาพ (treaty of friendship) ซึ่งเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างเยเมนกับสหราชอาณาจักรกรณีเมือง Aden และชายแดนระหว่างเยเมนกับเขตคุ้มครอง Aden ของอังกฤษ (หมายความว่าดินแดนเมืองท่า Aden ที่สำคัญถูกอังกฤษฮุบไปกินแบบเนียนๆ ถ้ารัฐบาลเยเมนในสมัยนั้นไม่ยอมยก Aden ให้อังกฤษก็อาจจะเจอศึกสองด้าน เลือกเอา สุดท้าย Aden ก็โดน ม.ค.ป.ด.จนได้ ลูกไม้นี้อังกฤษและชาติตะวันตกใช้มาบ่อยๆในสมัยล่าอาณานิคม ยุคนี้ก็จักรวรรดิเฮเกก็เอาอย่างบ้าง สายเลือดเดียวกัน ศึกษามาจากสำนักเดียวกัน) และภายใต้สนธิสัญญาฉบับนี้อังกฤษก็รับประกันการประกาศเอกราชของเยเมนเป็นเวลา 40 ปี (ทำไมต้อง 40 ปี? ทำไมถึงไม่รับประกันตลอดไป? นั่นสิ... อังกฤษกำลังวางแผนอะไรไว้หรือเปล่า? หลังจาก 40 ปีแล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเยเมนหรือ? น่าสงสัยจริงๆ) อิหม่ามของเยเมนหยุดโจมตี Aden ณ จุดนี้สหราชอาณาจักรได้ทำสนธิสัญญา treaty of friendship กับทั้งสองฝ่ายคือทั้งซาอุดิฯและทั้งเยเมนในช่วงสงคราม (นักประวัติศาสตร์ตะวันตกเขาไม่ได้บอกไว้หรอกว่ามือที่สามไปเสี้ยมให้ซาอุดิฯกับเยเมนซัดกันอย่างไรบ้าง สุดท้าย Aden ก็เสร็จตาอยู่เป็นเวลา 40 ปี กลยุทธ์นี้กำลังถูกนำมาใช้อีกครั้งในปัจจุบันนี้โดยจักรวรรดิเฮเก คู่ขัดแย้งก็เจ้าเดิมคือซาอุดิฯและเยเมน)
    เดือนพฤษภาคม 1934 หลังจากที่ยึดจังหวัด Hodeida ได้แล้ว (ปัจจุบันนี้เรียกว่า Al Hudaydah อังกฤษมักเรียกว่า Hodeda, Hodeida, Hudaida, และ Hodeidah เป็นจังหวัดใหญ่อันดับที่ 4 ของเยเมน ใต้กรุง Sanaa อยู่ติดกับทะเลแดง) กองทัพของซาอุดก็รุกคืบมุ่งหน้าสู่กรุง Sanaa เมืองหลวงของเยเมน (งานนี้ซาอุดิฯคงจะย่ามใจมาก หวังยึดกรุง Sanaa และเยเมนให้ได้โดยเบ็ดเสร็จ ว้า… ฝันเปียกไปก่อนนะซาอุดิฯอาระเบียเอ๋ย) ภูเขาต่างๆกลายเป็นปัญหาอย่างหนักทั้งยานพาหนะทางทหารและรถถังของกองทัพซาอุดิฯ กองทัพของอังกฤษและอิตาลีที่อยู่ในพื้นที่ไม่คิดที่จะเข้าแทรกแซง (อ้าวก็ตอนแรกไหนบอกว่าจะรับประกันเอกราชให้กับเยเมนไง แต่พอเยเมนโดนซาอุดิฯบุกไงอังกฤษทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะหละ ถ้าอยากให้ช่วยก็ต้องมาเจรจาตกลงกันใหม่ว่าเยเมนจะยกแผ่นดินส่วนไหนให้อังกฤษเพิ่มขึ้น ประมาณนี้หรือเปล่า?)
    แม้ว่าซาอุดิฯจะมีอาวุธที่เหนือกว่า รวมทั้งรถถังด้วย แต่ฝั่งเยเมนมีประสบการณ์มากกว่าเกี่ยวกับเรื่องทำเลตามภูเขาต่างๆ (เพราะเป็นคนในพื้นที่นี่ ก็ย่อมชำนาญกว่าอยู่แล้ว ในวิกิไม่ได้บอกว่าซาอุดิฯไม่ประสบผลสำเร็จในการบุกเข้ากรุงซานา แต่เขียนแค่นี้ก็พอจะรู้แล้วว่า งานนี้ซาอุดิฯกินแห้วและไม่สามารถบุกไปถึงเมืองหลวงของเยเมนได้) แม้ว่าความขัดแย้งจะปะทุขึ้นมาเป็นครั้งคราว นักสังเกตการณ์ฝั่งอังกฤษทำนายว่าผลลัพธ์จะไม่เด็ดขาด (แน่นอนว่าอังกฤษคงไม่อยากเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะอีกฝ่ายโดยเบ็ดเสร็จแน่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อพื้นที่ในความคุ้มครองของอังกฤษแถวนั้นด้วย จึงต้องเลี้ยงสงครามเอาไว้ก่อน ให้คู่ขัดแย้งทะเลาะกันไปเรื่อยๆจะได้ไม่มีโอกาสพัฒนาประเทศให้เข้มแข็งได้ ส่วนตาอยู่ก็คอยเก็บกินค่าต๋งที่เมืองท่าต่างๆไปเรื่อยๆ) Imam แห่งเยเมนขอให้กษัตริย์ Fuad แห่งอียิปต์เข้าแทรกแซงในสงครามครั้งนี้ด้วย เรือสำเภา Penzance ของอังกฤษขนคนอังกฤษและคนอิตาลีและชาวต่างชาติราว 300 คนออกจากจังหวัด Hodeida ไปยังเกาะ Karaman ที่ปลอดภัยจากสงคราม
    วันที่ 10 พ.ค.1934 รายงานข่าวจากสงครามมีความขัดแย้งกัน บางรายงานบอกว่า กรุง Sanaa กำลังเกิดกลียุคจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ แม้ว่า Imam อ้างว่ายังควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ กองทัพเยเมนล่าถอยออกจากจังหวัด Hodeida และประกาศว่าได้รับชัยชนะในจังหวัด Najran (พื้นที่ทางตอนใต้ของซาอุดิฯติดกับชายแดนเยเมนในปัจจุบัน) และ Imam ของเยเมนประกาศว่าจะยกทัพจำนวน 200,000 นายเข้าไปยังกรุงริยาดห์ (ซวยแล้ว! นี่เป็นการเล่นสงครามทางจิตวิทยาแบบลับลวงพรางกันน่าดูเลวมีการปล่อยโจมตีอีกฝ่ายหนึ่ง ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่าได้รับชัยชนะทางตอนเหนือและถอนทัพออกจากทางใต้กำลังจะมุ่งขึ้นเหนือเพื่อถล่มกรุงริยาดห์ คราวนี้ซาอุดิฯจะทำอย่างไรหละครับ?)
    วันที่ 12 พ.ค.1934 ข่าวบอกว่ามีการจัดเจรจาสันติภาพเกิดขึ้น (peace negotiations) ก่อนหน้านี้กษัตริย์ซาอุดิฯได้เรียกร้องให้ Imam ของเยเมนสละราชสมบัติ แต่คราวนี้กษัตริย์ของซาอุดิฯยกเลิกข้อเรียกร้องดังกล่าว แต่หันมาเรียกร้องการพักรบอย่างน้อยเป็นเวลา 20 ปีแทน (นักประวัติศาสตร์ตะวันตก?เขียนเอาไว้ว่า) รายงานบอกว่ามกุฏราชกุมารของเยเมนสนับสนุนสงคราม ในขณะที่ Imam ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระองค์เป็นผู้ใฝ่สันติ (แต่ไม่บอกว่าฝั่งซาอุดิฯนั้นคลั่งสงครามทั้งพ่อทั้งลูกเลย ของอังกฤษยิ่งหนักกว่าเยเมนอีกถ้าจะพูดถึงเรื่องการฝักใฝ่สงครามแล้ว)
    วันที่ 26 พ.ค.1934 รายงานข่าวบอกว่าเกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีกรอบ และดูเหมือนว่าจะเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง (แต่ก็ไม่เกิด) อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 มิ.ย.1934 ทั้งกษัตริย์ของซาอุดิอาระเบียและอิหม่ามของเยเมนได้ลงนามในสนธิสัญญา Treaty of Taif ร่วมกันเพื่อรับประกันสันติภาพตลอดระยะเวลา 20 ปี (ทำไมต้องแค่ 20 ปี? ทำไมถึงไม่รับประกันตลอดไป นี่มันโมเดลของอังกฤษชัดๆเลยนี่) ซาอุดิฯยอมถอนทัพออกจากจังหวัด Hodeida และชายฝั่งของเยเมน ส่วนพื้นที่พิพาทอื่นๆ Jizan/Jizin, Asir, และ Najran ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของซาอุดิมาจนถึงทุกวันนี้ สงครามจบลงเมื่อวันที่ 20 พ.ค.1934 ในการลงนามสนธิสัญญา Taif ร่วมกันระหว่าง King Ibn Saud ของซาอุดิอาระเบียและ King Yahya ของเยเมน ในตอนท้ายของวิกิพีเดียบอกว่า พื้นที่ 3 จังหวัดได้ตกเป็นของซาอุดิฯ ในทางกลับกันชาวเยเมนก็สามารถเดินทางเข้าไปในซาอุดิอาระเบียได้อย่างอิสระ และจังหวัด Najran, Asir และ Jizan จะกลับไปเป็นของเยเมนอีกครั้งใน 60 ปีข้างหน้า ยอดการสูญเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้มีจำนวน 2,100 ราย
    เมื่อคำนวนเวลาแล้ว ตอนแรกบอกว่า 3 จังหวัดจะอยู่ในการปกครองของซาอุดิฯเพียง 20 ปี (1934 + 20 = 1954) แต่ต่อมาก็บอกว่าจะคืนให้ในอีก 60 ปี (1934 + 60 = 1994) จนป่านนี้ทั้งสามจังหวัดนั้นก็ยังเป็นของซาอุดิฯอยู่ดี เกิดอะไรขึ้น? แล้ววิกิฯเอาตัวเลข 60 ปีนี้มาจากไหน? ตามไปดูสนธิสัญญา Treaty of Taif, 1934 ของจริงเลยดีกว่า
    ในมาตราที่ 2 (Article 2) ตอนหนึ่งกล่าวถึงพื้นที่ 3 จังหวัดนี้ว่า "…โดยสนธิสัญญาฉบับนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอิหม่ามกษัตริย์ Abdul Aziz ได้ทรงสละซึ่งสิทธิ์ใดๆในการป้องกันหรือยึดครองหรือสิทธิ์อื่นใด ซึ่งพระองค์ได้กล่าวอ้างในประเทศที่ ตามสนธิสัญญาฉบับนี้ ตกเป็นของประเทศเยเมนและที่ (ก่อนหน้านี้) ได้อยู่ในความครอบครองของราชวงค์ Idrisis และอื่นๆ โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว Imam Yahya ได้ทรงสละสิทธิ์ใดๆที่เหมือนกันนี้ที่พระองค์กล่าวอ้างในนามของการรวมเอกภาพเยเมนหรือที่อื่นใด ในประเทศ (ก่อนหน้านี้) ที่อยู่ในการครอบครองของ Idrisis หรือของ ชาว Al-Aidh หรือในจังหวัด Najran หรือในประเทศของกลุ่มชนเผ่า Yam ซึ่งตามสนธิสัญญาฉบับนี้ ได้ตกเป็นของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย"
    สนธิสัญญาฉบับนี้มีด้วยกันทั้งหมด 23 มาตรา และในมาตราที่ 20 ได้กล่าวเอาไว้ว่า "…สนธิสัญญาฉบับนี้จะยังคงอยู่เป็นระยะเวลา 20 ปีบริบูรณ์ทางจันทรคติ อาจจะมีการต่ออายุหรือแก้ไขในช่วงเวลา 6 เดือนก่อนหมดอายุ หากไม่ต่ออายุหรือแก้ไขตามวันที่นั้น สนธิสัญญาฉบับนี้กจะมีผลบังคับใช้จนถึง 6 เดือนหลังจากเลยเวลากำหนดแล้ว ให้ฝ่ายหนึ่งแจ้งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งเกี่ยวกับความประสงค์ที่จะแก้ไขสนธิสัญญาฉบับนี้"
    เช็กดูจากเว็บไซต์ Peacemaker ของยูเอ็นเกี่ยวกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ระหว่างซาอุดิฯกับเยเมนก็มีของปี 1934, และ MOU ในปี 1995 และล่าสุดในปี 2000 ก็ไม่เห็นมีการพูดถึงการขยายอายุการครองครอบดินแดนทาง 3 จังหวัดออกไปจาก 20 ปีเป็น 60 ปี หรือมาจนถึงปัจจุบันนี้เลย และในมาตราที่ 10 ของ MOU (26th of February 1995) บอกชัดเจนเลยว่า "This Memorandum contains no amendment to the "Treaty of Taif" and its annexes, including the border reports." (บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีส่วนแก้ไขในสนธิสัญญา Treaty of Taif และภาคผนวนต่างๆของสนธิสัญญา รวมรายงานเกี่ยวกับชายแดนด้วย)
    ดูเหมือนว่า วันที่ 21 มิ.ย.2000 ทั้งซาอุดิฯและเยเมนจะมีการทำสนธิสัญญาเกี่ยวกับเรื่องการปักปันเขตแดนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง (ข้อมูลจาก peacemaker ของยูเอ็น) แต่ก็ไม่เห็นพูดถึงเรื่องการขยายเวลาการครอบครองดินแดน 3 จังหวัดที่เคยเป็นของเยเมนจากฝั่งซาอุดิฯเช่นกัน (ยังไม่มีข้อมูลตรงนี้อย่างเพียงพอ จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไรซาอุดิฯจึงยังมีสิทธิ์ครอบครองดินแดน 3 จังหวัดนี้อยู่อีก ทั้งๆที่ในสนธิสัญญา Treaty of Taif ระบุไว้ให้ซาอุดิฯครอบครองได้เพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น? อ้อ… King Adulaziz Ibn Saud ของซาอุดิฯที่ลงนามในสนธิสัญญาฉบับดังกล่าวร่วมกับกษัตริย์เยเมน ได้สวรรคตในปี 1953 ก่อนสนธิสัญญาจะหมดอายุ 1 ปี)
    สรุป… ดูเหมือนว่างานนี้ฮูติกับกองทัพเยเมนต้องการจะเอาสามจังหวัดภาคใต้ของซาอุดิอาระเบียกลับคืนมารวมกับแผ่นดินแม่ของเยเมนอีกครั้งให้ได้ซะด้วยสิ ยกเว้นเสียแต่ว่าซาอุดิฯจะยื่นขอเจรจาสงบศึกและทำสนธิสัญญาสันติภาพกันอีกครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้เยเมนจะเชื่อถือคำพูดของซาอุดิฯหรือเปล่านะ
    The Eyes
    28/08/2558


    ภาพจาก Farsnews , TEHRAN (FNA)- The Yemeni army and the popular forces fired several missiles at a strategic airport in Southern Saudi Arabia.

    +ขบวนคอนวอยของซาอุดิฯถูกโจมตีโดยกองทัพเยเมนและกองกำลัง popular ในจังหวัด Jizan ของซาอุดิฯ เละไม่เป็นท่า สื่อฯตะวันตกไม่กล้านำเสนอ
    https://www.youtube.com/watch?v=zJhd8Xdp0yQ

    +ทหารเยเมนเข้ายึดฐานที่มั่นทางทหารของซาอุดิฯ หลังจากที่ยิงระเบิดถล่มไปก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าทหารซาอุดิฯ หายไปไหนหมด ข่าวแบบนี้สื่อฯตะวันตกและสหรัฐฯไม่กล้าลงแน่ๆ แต่ฝั่งเยเมนอัพขึ้นยูทูปเยอะมาก ฮ่าๆๆ https://www.youtube.com/watch?v=xXFnVB8MdsI

    ----------
    Farsnews
    Farsnews
    https://en.wikipedia.org/wiki/Saudi–Yemeni_War_(1934)
    Saudi-Yemeni War - the Polynational War Memorial
    The Treaty of Taif, 1934
    https://en.wikipedia.org/wiki/Idrisid_Emirate_of_Asir
    Yemen Crisis in Five Maps
    https://en.wikipedia.org/wiki/Greater_Yemen
    MORE THAN JUST A BOUNDARY DISPUTE THE REGIONAL GEOPOLITICS OF SAUDI-YEMENI RELATIONS | Fadhl Almaghafi - Academia.edu
    Yemen and Saudi Arabia Land Dispute: Sovereignty, Resources and Politics <div style="display:none">married men who cheat with men <a href="http://www.damske.com/page/reasonsmarriedmencheat.aspx">why do guys cheat</a> how to cheat husband</div><div st
    Yemen and Saudi Arabia: A historical review of relations
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...