ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 2 เม.ย.58 เริ่มแล้วยุทธการให้เบี้ยไปตายแทนตัว
    มีรายงานว่านักรบกลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะห์ ที่หนุนหลังโดยซาอุฯ และอิสราเอล บุกเรือนจำ ในจังหวัดฮาดรามอต ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยเมน แล้วปล่อยนักโทษออกไปกว่า 300 คน ซึ่งมีผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์นายคาลิด บาตาร์ฟี รวมอยู่ด้วย
    เขาเป็นแกนนำอาวุโส ของกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งเป็นนักโทษที่ถูกเยเมน ควบคุมตัวมานานกว่า 4 ปี ส่งผลให้ เจ้าหน้าที่คุ้มกันเรือนจำ 2 คน และนักโทษ 5 คน เสียชีวิตจากการปะทะกัน สถานการณ์ในเยเมนตอนนี้ ซาอุฯ มุ่งโจมตีรุกรานดินแดนรัฐบาลใหม่ฮูซี แห่งเยเมน ในแถบเมืองทางตอนเหนือ
    เพราะซาอุฯ ต้องการคุมช่องแคบเฮอร์มุช ที่เป็นทางผ่านของเรือน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งทางนักรบฮูซี ตอนนี้เข้มแข็งและเป็นเอกภาพกับนักรบชนเผ่าท้องถิ่นต่างๆ ส่งผลให้กองทัพซาอุฯ ที่ไร้ประสบการณ์รบ ที่คุยโวว่ามีกำลังรบถึง 150,000 นาย หัวหดไม่กล้าโผล่ออกไปประจันหน้าทางภาคพื้นดิน
    ทำได้เพียงสั่งกลุ่ม IS และ กลุ่มติดอาวุธอัลกออิดะห์ เข้าลอบโจมตีทีเผลอ แบบกองโจรเท่านั้น เพราะถ้าสู้ซึ่งหน้า ก็แพ้อยู่ดี การปล่อยนักโทษจากคุกครั้งนี้ ก็เป็นมุกเดิมของซาอุฯ ที่จะเอานักโทษพวกนี้มาติดอาวุธ และรบกับรัฐบาลฮูทซีของเยเมน ให้นักโทษพวกนี้เป็นเบี้ยไปตายว่างั้นเถอะ
    คนที่มีความสุขและนอนฝันหวานตอนนี้ คือ อเมริกานั่นเอง เพราะซาอุฯ ยิ่งถลำลึกสู่สงคราม จะยิ่งถอนตัวไม่ได้ เพราะถ้าถอนตัว ก็จะโดนนักรบฮูซี บุกเข้าถึงริยาร์ด เมืองหลวงเหมือนกัน ในขณะที่การเมืองภายในซาอุ ก็ป่วนไปหมด เนื่องจากถูกต่อต้านการเข้าสู่สงครามครั้งนี้ จะมีรัฐประหารชิงอำนาจ วันใดก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    ซาอุฯ เข้าสู่สงครามสัก 1 ปี จะทำให้ประเทศจนกรอบ เพราะต้องซื้ออาวุธจากอเมริกา และยุโรปด้วยเงินมหาศาล คนซาอุฯ ที่ทำงานไม่เป็นเพราะรัฐเลี้ยงดูมาทั้งชีวิต จะลำบากจนก่อจราจล โค่นผู้นำลงแน่ๆ ฟันธงได้เลย
    ถึงจุดนี้อเมริกาจะแทรกแซง ซ้ำเติมยุแยงให้เกิดสงครามกลางเมือง แบ่งซาอุฯ ที่มีน้ำมันมากที่สุดในโลก ออกเป็นประเทศเล็กๆ เมื่อนั้นธุรกิจหินน้ำมัน ของอเมริกาก็จะตัดคู่แข่งขันได้ "การฆ่ามิตรโดยอุตสาหกรรมสงคราม" คืองานถนัดของอเมริกา
    ซาอุฯ ไม่เคยดูบทเรียนของอิหร่าน อิรัก ยูเครน ที่เคยบ้านแตกสาแหรกขาดมาแล้ว ประชาชนตายไปตั้งหลายล้านคน ผู้นำซาอุฯ กำลังเดินตามรอยรุ่นพี่ และพาประชาชนตนเองไปตายเป็นใบไม้ร่วง..รอดูไม่นานนัก !!
    @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    http://www.facebook.com/thailandcoup
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "ชะตากรรมของโอบาม่า : จะซ้ำรอย JFK หรือไม่ ? หลังเปิดโปงโครงการลับและยอมรับว่าอิสราเอลมีอาวุธนิวเคลียร์"
    .
    ... ตั้งแต่เลือกตั้งกลางเทอมที่ส่งผลให้นักการเมืองสายเหยี่ยวของพรรครีพับรีกันที่สนิทสนมกับ "อิสราเอล" ครองทั้งสภาล่างและสูง ทำให้นโยบายการเมืองต่างประเทศของ "อเมริกา" ดุดัน โหดเหี้ย(ม)เลว มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ สงครามในซีเรีย และกรณีโครงการนิวเคลียร์ของ "อิหร่าน" ที่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่าง "โอบาม่ากับเนทันยาฮู"
    ... ทั้งสองนั้นเกาเหลาไม่เอาเส้นกันมานานแล้ว และมาแตกหักกันหนักขึ้น ตอนที่เนทันยาฮู ของอิสราเอล ไปฉีกหน้าโอบาม่าแหลกเป็นกระดาษใช้แล้วของสำนักงานเมื่อไปกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐสถาของอเมริกาโดยที่โอบาม่าไม่เห็นชอบ ในการบีบให้ "รัฐสภาอเมริกา" ( ที่ส่วนใหญ่เป็นสายเหยี่ยวรีพับรีกัน ให้ใช้นโยบาย "ไม้แข็ง" กับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ไม่ต้องการเจรจาด้วย "ไม้นวม" สไตล์โอบาม่าอีกต่อไป
    ... ในตอนนั้น โอบาม่าไม่ได้ให้เนทันยาฮูเข้าพบแต่อย่างใด ซึ่งผิดวิสัยและมารยาทของผู้นำระดับประเทศมาเยือนกัน และล่าสุดเมื่อไม่นานหลังจากการกล่าวสุนรพจน์ ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักข่าวต่างประเทศถึงกับใช้คำว่า "โอบาม่าได้จีฮัดใส่เนทันยาฮู" คือการบอมบ์ครั้งใหญ่ในการเปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับ "โครงการนิวเคลียร์" ของ" อิสราเอล" ที่ปกปิดมานาน
    ... โดย กระทรวงกลาโหม "เพนตากอน" ได้ตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลลับมากของ "โครงการนิวเคลียร์ของอิสราเอล" ที่แสดงรายละเอียดของโครงการมีความหนา 386 หน้ากระดาษ เขียนขึ้นในปี 1987 ( ที่จริงได้ปล่อยออกมาก่อนแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์แต่ยังไม่ประโคมออกสื่อมากนัก )
    ... นี่เป็นครั้งแรกที่ "อเมริกา" ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการและเปิดเผยเองจาก "เพนตากอน" ว่า "อิสราเอล" มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองแล้ว
    ... เพราะตลอดที่ผ่านมา "อิสราเอล" ไม่เคยยอมรับว่ามีอาวุธนิวเคลียร์เพราะจะมีผลให้มีการสะสมอาวุธกันในดินแดนอาหรับ ความตีงเครียดและการเผชิญหน้ากัน ( รวมทั้งการถูกตรวจสอบจากนานาชาติ ทั้งๆที่มีข่าวว่าอิสราเอลมีมานานแล้วตั้งแต่ก่อน "สงคราม 6 วัน" เมื่อปี 1967 โดยมีฝรั่งเศสมาช่วนสอนให้ )
    ... ซึ่งถ้าเกิดข่าวนี้ถูกแพร่ออกไปและมีการสืบสาวราวเรื่องจากนานาชาติ เรื่องจะกระทบต่อความมั่นคงของอิสราเอลเอง ภูมิภาคอาหรับและของโลกเลยที่เดียว และแน่นอนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะร้าวฉานด้วย
    ... ย้อนไปเมื่อก่อนสมัย ประธานาธิบดี "จอห์น เอฟ เคเนดี้" หรือ JFK ช่วงสงครามเย็น ได้พยายามลดความตึงเครียดกับโซเวียตและหนึ่งในนั้นคือการลดการสร้างอาวุธปรมาณู และ "อาวุธนิวเคลียร์" จึงมีการขอร้องให้ "อิสราเอล" หยุดโครงการอาวุธปรมาณูและนิวเคลียร์ความร้อน Dimona Nuclear Facility ต่อทางนายกอิสราเอล Ben Gurion ที่ก็ไม่ยอมทำตามแต่ได้ลาออกด้วยความอับอายเมื่อ 26 มิถุนายน 1963 และนายก Eshkol จากพรรคเดียวกันก็ได้ขึ้นมาแทน
    ... และเคนเนดี้ยังได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จากอเมริกาไปตรวจสอบ ที่โครงการดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอด้วย ( แต่ก็ถูกยิวหลอกให้ไปตรวจส่วนโรงงานปลอม ) ยิ่งได้สร้างความไม่พอใจต่ออิสราเอล โดยฝ่ายยิวที่ตอนนั้นต้องเร่งสร้างอาวุธมาเตรียมรับมือกับชาติอาหรับ ที่ไม่ยอมรับการมีรัฐอิสราเอลรายล้อมอยู่ จึงถือว่าคำสั่งของเคนเนดี้เป็นภัยคุกคามของประเทศ จนในที่สุด 22 พฤษจิกายน 1963 เคนเนดี้ก็ถูกลอบสังหารเสียชีวิต
    ... โดยนาย "โมอัมมา กัดดาฟี่" อดีตผู้นำคนดีและเก่งของลิเบีย ก็เคยกล่าวไว้ในปี 2008 ก่อนที่จะโดนอเมริกาสังหารในปี 2011 ว่าหน่วย Mossad ของอิสราเอลเป็นผู้สังหาร JFK เพราะไม่พอใจที่มาก้าวก่ายโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล
    ... แม้จะมีหลายทฎฤษีเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ JFK แต่จากปากของกัดดาฟี่ ก็ถือว่าข้อมูลนี้คงไม่ธรรมดา เพราะเขาอยู่ในแวดวงที่ปิดล้อมด้วยทั้งจากยุโรป อาหรับและอิสราเอล
    ... ทำให้กลับมามองชะตากรรมของ "โอบาม่า" ที่เปรียบเหมือนเด็กนักเรียนปรกติ จะริอาจมาตีต่อยกับเด็กเกเรแอบโดดเรียนไปตีสนุ๊กเกอร์ในซอยแคบๆหลังตลาดแบบ "เนทันยาฮู" อดีตทหารในหน่วยปฎิบัติการพิเศษอย่าง Sayeret Matkal ในช่วงสงครามหกวัน ได้หรือไม่ ?
    ... ถ้าข่าวเรื่อง "อิสราเอล" มีอาวุธนิวเคลียร์ถูกขยายผลมากกว่านี้ มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะบั่นทอนความมั่นคงจากภายในของประเทศมากเท่านั่น ซึ่งทางแก้ไขปัญหาในอดีตที่อิสราเอลเคยทำคือ "การสังหารศัตรู" อย่างที่ทฤษฏีของกัดดาฟี่ว่าไว้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็น JFK หรือจะรวมทั้ง "โอบาม่า" ด้วยหรือไม่ ?
    .
    http://www.weeklystandard.com/…/shocking-breach-us-declassi…
    https://www.youtube.com/watch?v=jOcPhAiB2ww
    The Missing Link In The JFK Assassination Conspiracy
    US Declassifies Document on Israel's Nuclear Power - News from America - News - Arutz Sheva
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    ความผิดพลาดในอดีต : หรือว่าเยเมนจะกลายเป็นสนามรบเวียตนามของซาอุดิอาระเบีย?

    [​IMG]

    --------------

    มีแฟนเพจขอฟังบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์เยเมนจากนักวิชาการชาวรัสเซียมาดังนี้ "อยากฟังนักวิชาการ รัฐเชีย วิเคราะห์ ประกอบ ซับไทย ..จังเลยครับ..ติดตามอยู่ครับ ผม" แอ็ดมินก็เผลอรับปากไปแล้วอ่ะ... ที่แอ็ดมินวิเคราะห์ให้อ่านทุกวันนี่ไม่ถูกใจบ้างเลยหรือ? แถมมีภาคบังคับด้วยนะว่า "ซับไทย" คือแอ็ดมินอย่ายุ่งนะ แปลเฉยๆ อย่าแสดงความคิดเห็นร่วม ว้าาาาา! มันจะหนุกรึ? ให้เค้าแปลให้ยังมีห้ามแจมด้วย อ๊ะ! แอ็ดมินก็ไปสรรหามาให้ จัดให้ตามคำขอครับผม... (อย่าขอบ่อยนักนะครับ เหนื่อยอ่ะ) เริ่มเลยนะ...

    นักเขียนรางผู้ได้รับรางวัลและนักวิเคราะห์การเมืองเชิงภูมิศาสตร์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว sputnik เกี่ยวกับการที่ซาอุดิอาระเบียเข้าไปมีส่วนร่วมในเยเมนและการพยายามขยายสงครามให้กว้างออกไป โดยดึงกองทัพจากชาติอาหรับอื่นๆเข้ามาร่วมด้วย

    Mahdi Darius Nazemroaya นักเขียนรางวัลผู้ได้รับรางวัลและนักวิเคราะห์ด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นสมาชิกขององค์กร (/สมาคม) คณะกรรมการด้านวิทยาศาสตร์ด้านการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ (Scientific Committee of Geopolitica) ได้ให้สัมภาษณ์กับ sputnik เกี่ยวกับกองกำลังพันธมิตรที่นำโดยซาอุดิฯในเยเมน

    Nazemroaya กล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพทั่วโลกรวมทั้งกลุ่มอเมริกันและกลุ่มอื่นในตะวันออกกลางมีความเห็นร่วมกันว่าการโจมตีทางอากาศจะไม่สามารถเอาชนะกองกำลังใดๆได้

    เขายังพูดถึงลิเบียโดยกล่าวว่าในประเทศนั้น (เยเมน) การโจมตีทางอากาศ (เพียงอย่างเดียว) ไม่เพียงพอ "คุณต้องมีปฏิบัติการภาคพื้นดินด้วย"

    "ซาอุดิฯอาจจะโง่มากๆที่จะเริ่มดำเนินปฏิบัติการในภาคพื้นดิน มันจะกลายเป็นเวียตนามของพวกเขาในตะวันออกกลาง ในแหลมอาระเบีย ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่าการโจมตีทางอากาศไม่เพียงพอที่จะหยุดปฏิบัติการทางทหารของกองทัพใดๆในภาคพื้นดินได้"

    เขากล่าวว่าอันที่จริงแล้ว โดยพื้นฐานแล้วนั้นกลุ่มฮูติได้เข้ายึดเมืองอาดัง (Aden) ในทางตอนใต้ไว้ได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเกรงว่าทางซาอุดิฯกำลังพยายามและขยายสงครามออกไปและดึงกองทัพจากปากีสถานหรือทหารรับจ้างจากทั่วโลกเข้ามาร่วมด้วย

    "กองกำลังเหล่านั้นอาจจะชูธงของซาอุดิอาระเบีย แต่พวกเขาอาจจะเป็นทหารรับจ้างและถูกเกณฑ์มาจากส่วนอื่นทั่วโลกก็ได้"

    เขาอธิบายต่อไปว่า "พวกเขากำลังผลักดันให้อียิปต์เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ดังนั้นข้างซาอุดิอาระเบียก็จะมีบางประเทศที่มีส่วนร่วมเฉพาะในนาม การเข้ามีส่วนร่วมของพวกเขาเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ทำให้ดูเหมือนเป็นปฏิบัติการ Pan-Arab เหมือนกับว่าได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติอย่างกว้างขวาง"

    เขาพูดเกี่ยวกับว่าซาอุดิอาระเบียจะขยายกองกำลังผสมเพื่อเพิ่มกองทัพจากที่อื่นได้อย่างไร ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะมีคนกลาง (contractor) ในการหากองกำลังเสริมส่วนตัวของพวกเขาเองหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ากองกำลังผสมจะมีจำนวนเพ่ิมมากขึ้น

    Nazemroaya ยังได้กล่าวอีกว่า เขามั่นใจว่าซาอุดิอาระเบียกำลังจะผลักดันให้อียิปต์ส่งกองทัพเข้าร่วมใน (สงคราม) ในเยเมน ตามความเห็นของนักวิเคราะห์แล้วนั้น (การตัดสินใจเช่นนั้น) อาจจะกลายเป็นหายนะก็ได้ เพราะว่าในอดีตนั้นอียิปต์ได้เคยส่งกองทัพเข้าไปในเยเมนเมื่่อหลายสิบปีที่แล้ว และพิสูจน์แล้วว่ามันเป็นหายนะจริงๆ

    "มันกำลังจะเป็นมหันตภัยแก่ซาอุดิอาระเบีย ย้อนกลับไปในปี 2009 และปี 2010 ที่พวกเขารุกรานเยเมนเพื่อต่อสู้กับกลุ่มฮูติและพวกเขาพ่ายแพ้มาแล้ว กลุ่มฮูติได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนของซาอุดิอาระเบียเอาไว้ได้" (ว้าว! ชัดเริ่มมันหละ... oopz เขาบอกว่าไม่เอาความคิดเห็นของแอ็ดมิน sorry)

    หมู่บ้านของซาอุดิฯทางตอนใต้ถูกกลุ่มฮูติยึดเอาไว้ได้เบ็ดเสร็จ ดังนั้นหากพวกเขาต้องการจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก พวกเขาก็จะส่งกองทัพภาคพื้นดินเข้าสู่เยเมน (อีกครั้ง)

    "ประเทศอาหรับใดๆที่เข้ามามีส่วนร่วมในเยเมนกำลังจะสร้างความไม่มั่นคงภายใน (ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศของตน) ความไม่มั่นคงในระดับภูมิภาค และในที่สุดซาอุดิอาระเบียเองนั่นแหละจะเจ็บตัว ซาอุดิฯไม่มีกองทัพที่มีศักยภาพมากพอที่จะรุกรานและเข้ายึดเยเมนได้ ดังนั้น พวกเขาจะผลักดันเพื่อขยายสงครามและดึงผู้เล่นคนอื่นๆให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง และก็มีคนอื่นหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วด้วย"

    พอพูดถึงสมาชิกชาติอื่นๆ Nazemroaya ได้พูดว่าสหรัฐฯได้เป็นหนึ่งในสมาชิกเรียบร้อยไแล้ว มีรายงานว่าอิสราเอลก็ช่วยพวกเขาทิ้งระเบิดด้วย

    "อันที่จริงนั้น ในอดีตซาอุดิอาระเบียและอิสราเอลเป็นพันธมิตรกันโดยที่อิสราเอลสนับสนุนอาวุธให้กับซาอุดิฯ และสนับสนุนพวก Royalists (ผู้สนับสนุนฝ่ายกษัตริย์) ในเยเมนเเหนือในช่วงสงครามเย็น เพื่อสร้างแรงกดดันให้กับฝั่งเยเมนใต้ ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นพันธมิตรกับกรุงมอสโคว์ช่วงสงครามเย็น ดังนั้นผมจึงว่ามีน่าสนใจในวงกว้างที่เกี่ยวข้องกันด้วย" Nazemroaya กล่าว

    - จบ -

    ป.ล. ไม่แน่ใจว่า Mahdi Darius Nazemroaya เป็นชาวรัสเซียหรือเปล่านะครับ หาข้อมูลส่วนตัวของเขาไม่ค่อยพบมากนักรู้แต่ว่าเติบโตที่แคนาดา เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องสงคราม การเมืองระหว่างประเทศแนวนี้แหละหลายเล่มเหมือนกัน และมักจะมีบทความหรือความคิดเห็นแนวนี้ออกมาตามสื่อฯต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ เท่าเห็นก็จะเป็นสื่อฯฝั่งรัสเซียและตะวันออกกลาง

    The Eyes
    04/04/2558
    ----------

    Past Mistakes: Will Yemen Become Saudi Arabia's Vietnam? / Sputnik International
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชง"บิ๊กตู่"จัดการ100ขรก.ทุจริต
    04 เมษายน 2558 เวลา 07:56 น.

    [​IMG]

    รัฐบาลเอาจริง เตรียมฟัน ขรก.เอี่ยวทุจริต พบเบื้องต้น 100 รายผ่านการตรวจสอบชี้มูลจาก ป.ป.ท.-ป.ป.ช.แล้ว
    ที่ประชุมศูนย์อำนวยการ ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้เสนอรายชื่อข้าราชการที่พัวพันการทุจริตในโครงการต่างๆ กว่า 100 ราย เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ดำเนินการปรับย้าย
    พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และประธาน ศอตช. เปิดเผยว่า หน่วยงานที่ได้เสนอชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต ประกอบด้วย คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)
    ทั้งนี้ มีการตรวจสอบหลักฐานกันชัดเจน พบว่า บางคน ป.ป.ท.และ ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้ว โดยสัปดาห์หน้า ศอตช.จะทำหนังสือไปที่เลขาธิการ ป.ป.ท. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขาฯ ของ ศอตช. เพื่อรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์
    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า กรอบการทำงานมี 2 ระดับ คือ ระดับที่จะต้องพิจารณาโดยนายกรัฐมนตรี และระดับหัวหน้าส่วนราชการ เช่น คำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี ปลัดกระทรวง บางคำสั่งอาจจะต้องใช้ระดับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับย้ายออกจากจุดที่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องของวินัยและปกครองไม่ใช่เรื่องของอาญา แต่ในส่วนของคดีอาญาก็จะดำเนินไป
    อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดจะต้องได้รับการตรวจสอบและเห็นชอบจากประธาน คตช. คือ นายกรัฐมนตรี
    พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า 4 หน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องทุจริต จะไม่ทำอะไรที่เป็นการรังแกข้าราชการ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งเสมอว่า ต้องมีคุณธรรมจริยธรรม
    "4 หน่วยงานต้องรอบคอบ อย่าทำให้ท่านนายกฯ เสียความ เป็นผู้นำเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม จากนี้จะเรียกประชุม ศอตช. ทุกเดือน ดังนั้นก็จะมีแบบนี้ ทุกปี ถ้ามีหลักฐานชัดเจนจะส่งรายชื่อทุกเดือน" รมว.ยุติธรรม กล่าว
    รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การปรับย้ายข้าราชการที่ทุจริตไม่เกี่ยวข้องกับขั้วการเมือง รัฐบาลนี้ต้องการแก้ปัญหาทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ
    ขณะที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร หรือแม่โจ้โพลล์ ได้สำรวจความเห็นหัวข้อ "ทุจริต คอร์รัปชั่น ปัญหาที่รอการแก้ไข" พบว่า 49% กังวลต่อปัญหาคอร์รัปชั่น และเห็นว่าต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน รองลงมา 30% รู้สึกกังวลแต่ไม่มากนัก เพราะเชื่อว่าประเทศจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะที่ 16% รู้สึกเฉยๆ เพราะสังคมไทยมีมานานแล้ว
    http://www.posttoday.com/…/%E0%B8%8A%E0%B8%87-%E0%B8%9A%E0%…


    “ศอตช.” สรุปรายชื่อขรก.เอี่ยวทุจริตให้ “ประยุทธ์” ฟัน ด้าน “ไพบูลย์” เผยมี100กว่ารายส่งได้สัปดาห์หน้า
    พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันนี้ที่ประชุมโดยหน่วยงานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ,สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ,สำนักงานคณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีการเสนอรายชื่อข้าราชการ 100 กว่าราย ที่พัวพันการทุจริต นำกรณีและหลักฐานมาหารือกันเป็นที่เรียบร้อย มีการตรวจสอบหลักฐานกันชัดเจน พบว่า บางคนป.ป.ช.ก็ชี้มูลไปแล้ว ป.ป.ท.ดำเนินการแล้วก็มี และสัปดาห์หน้าศอตช.จะทำหนังสือไปที่เลขาธิการป.ป.ท. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขาของศอตช.เพื่อรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) ทั้งนี้กรอบการทำงานมี2ระดับ คือ ระดับที่จะต้องพิจารณาโดยนายกรััฐมนตรีและระดับหัวหน้าส่วนราชการเพื่อดำเนินการปรับย้ายออกจากจุดที่มีปัญหา เพราะเป็นเรื่องของวินัยและปกครองไม่ใช่เรื่องของอาญา แต่ในส่วนของคดีอาญาก็ว่ากันไป
    พลเอกไพบูลย์ กล่าวอีกว่า จะมีการเรียกประชุมศอตช.ทุกเดือน ดังนั้นก็จะมีแบบนี้ทุกปี ถ้ามีหลักฐานชัดเจนก็จะส่งรายชื่อทุกเดือน ถ้าเดือนไหนไม่มีหลักฐาน ไม่เรียบร้อยก็ไม่เป็นไร จะมีกี่รายศอตช.ก็จะดู
    เมื่อถามว่าการประชุมในวันนี้พิจารณากรณีทุจริตทั่วไปหรือเฉพาะกรณีรุกที่ป่าสงวนของโบนันซ่า รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ทุกกรณีทั้งหมด ทั้งประเทศทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องที่มีปัญหามานานแล้ว ส่วนตรวจสอบย้อนหลังไปกี่ปีตนไม่ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ เพราะไม่ได้มีการสรุปเนื้อหาละเอียด
    เมื่อถามว่ากรณีของโบนันซ่ามีข้าราชการเกี่ยวข้องกี่ราย พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า อย่ากำหนดเลย เพราะตนพูดในภาพรวม แต่ท่านถามเฉพาะเหตุการณ์ ทั้งนี้โบนันซ่าอาจจะต้องสอบสวน ยังไม่เรียบร้อย เพราะคดีเพิ่งดำเนินการ แต่ในที่ประชุมก็มีการพูดถึงแต่เมื่อสอบถามแล้วยังอยู่ในขั้นของการตรวจสอบหลักฐาน แต่ก็พอรู้แล้วว่าใครอยู่ตรงไหน ณ เวลาตรงนั้น ตรงนี้ เห็นภาพแล้ว แต่ต้องรอให้ชัดเจน เพราะตนบอกแล้วว่าต้องชัดเจน
    เมื่อถามว่าแสดงว่าข้าราชการ100กว่ารายที่ว่ายังไม่มีกรณีของโบนันซ่าใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ยัง แต่เรารู้หมด แต่เดี๋ยวเกิดความไม่เป็นธรรม แต่เห็นโครงสร้างแล้ว เห็นเรื่องราวมันมีแนวทางอยู่แล้ว แต่ขอให้เราดำเนินการและให้เขาได้รับความเป็นธรรม เราต้องมีคุณธรรม ไปแกล้งเขาไม่ได้
    “เรื่องโบนันซ่าเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เขาทำ ผมต้องเรียกเขาถามมารายงานรายละเอียด รู้ว่าเขาไปปฏิบัติการบริเวณไหนบ้าง แต่ไม่รู้จุดด้วยซ้ำไป และต้องให้ความเป็นธรรมโบนันซ่าเพราะเรื่องมันยังไม่จบ ก็ต้องสอบถามทุกหน่วย ทั้งฝ่ายดูแลพื้นที่ เจ้าหน้าที่ ต้องใช้เวลา”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
    เมื่อถามว่าใน100กว่ารายที่จะมีการเสนอชื่อให้นายกรัฐมนตรีหากเขาไม่ไ่ด้รับความเป็นธรรมจะมีช่องทางอย่างไร พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็เสนอมา มีกระบวนการอยู่แล้ว ก็เอาหลักฐานมา แต่ตนมัั่นใจว่าป.ป.ช. สตง. คตร. และป.ป.ท. 4หน่วยงานหลักที่ดูแลเรื่องทุจริตให้บ้านเมืองไม่ทำอะไรที่เป็นการรังแกคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งเสมอว่าอย่าไปรังแก ต้องมีคุณธรรมจริยธรรม
    เมื่อถามว่าการปรับย้ายจะเป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคสช.หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ เพราะบางคนอาจจะเป็นแค่คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี ปลัดกระทรวง บางคำสั่งอาจจะต้องใช้ระดับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะอย่างที่บอกว่าการทำงานจะมี2ระดับให้ดำเนินการแต่ทั้งหมดจะได้รับการตรวจสอบจากประธาน คตช.คือ นายกรัฐมนตรี ที่ต้องตรวจสอบและเห็นชอบ เราจึงจะส่งหนังสือไปยังหน่วยงาน และเมื่อเสนอชื่อให้นายกฯแล้วท่านก็จะเรียกประชุมคตช. เชื่อว่าท่านจะตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นท่านจะถูกหาว่าไม่มีคุณธรรม เพราะเราต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการเขาด้วย และตนเองก็ทำด้วยความรอบคอบ ซึ่งตนย้ำกับ4หน่วยงานว่า ต้องรอบคอบ อย่าทำให้ท่านนายกฯเสียความเป็นผู้นำเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม
    เมื่อถามว่าการจะปรับย้ายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรับขั้วการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มี ตนยังไม่รู้เลย คิดว่าตนจำชื่อข้าราชการประเทศไทยได้ทั้งหมดหรือ ไม่มีใครจำได้
    “ผมยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับขั้ว ถ้ามีชื่อแล้วนายกเห็นสอดคล้องแล้วก็ทำจริง ท่านก็จะเห็นได้เลยว่าเราไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้ ท่านอย่าเอาเรื่องพวกการเมืองมาเกี่ยวข้อง ผมทำเรื่องทุจริตคือสิ่งที่เป็นวาระแห่งชาติ คือสิ่งที่ประชาชนต้องการให้จัดการ ผมทำเรื่องนี้ ท่านอย่าผูกเรื่อง เหมือนโบนันซ่าท่านก็พยายามผูกผมไปเรื่อย ท่านต้องแยกประเด็นไม่เช่นนั้นปัญหาบ้านเมืองมันแก้ไม่ได้ ผมเดินเรื่องทุจริตอย่างเดียว”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
    เมื่อถามว่าสังคมก็กังวลว่าเมื่อตรวจสอบทุจริตแล้วสุดท้ายไปเจอคนนามสกุลใหญ่ก็จะจัดการไม่ได้ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวยืนยันว่า "ไม่มีหรอกครับ คุณต้องเอามาสิ ต้องมาบอกผมว่าใครอย่างไร คือสงสัยให้มาถามได้เลย นามสกุลนี้มาถามได้เลยแล้วเราก็จะบอก บางทีเราเข้าใจว่าทำไมไม่จัดการแล้วไหนหละหลักฐาน เหมือนเรื่องโบนันซ่าผมก็บอกว่ายังไม่มี ต้องให้เวลาในการสอบสวน แต่โดยพฤตินัยมันน่าจะชัดเจน
    เมื่อถามว่าโบนันซ่าระบุว่าเขามี ภทบ.5 กับ น.ส.3ก. พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เอาน่า อย่าไปลงลึก ตนเข้าใจ แต่ประชาชนต้องเข้าใจด้วยอย่าไปเร่งรัด แต่เรามีระบบนี้ขึ้นมาแล้วจะได้ตอบได้ว่าทำไม 3-4 ปีถึงไม่ดำเนินการ
    สรุปรายชื่อ100ขรก. เอี่ยวทุจริต ให้ 'ประยุทธ์' จัดการ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
    เมษา ๕๘ เดือด

    [​IMG]

    ในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ จะเกิดปรากฎการณ์ทางดวงดาวที่ส่อไปในทางร้ายดังนี้
    ๑. จันทรคราส สรรพคราส ๒๐ องศาเศษ ณ ราศีกันย์ ๔ เม.ย. ๕๘ "ซ้ำคราสเมื่อ ๖ เดือนที่แล้ว"
    ๒. ดาวมฤตยูดับ ๒๒ องศา ณ ราศีมิน ๖ เม.ย. ๕๘ "ส่งกระแสไปที่ตำแหน่งจันทรคราส"
    ๓. ดาวอังคารทำมุมร้าย ๑๕๐ องศากับเสาร์ "เสมือนอังคารทับเสาร์" ณ ราศีพิจิก ๑๐ องศาเศษ
    ๔. ดาวพฤหัสบดีวิกลคติเพื่อที่จะเดินปกติ ณ ราศีกรกฎ ๑๘ องศา ๓๑ ลิปดา วันที่ ๘ เม.ษ. ๕๘ +/- ๕ วัน
    ๕. ดาวพุธดับ ณ ราศีมิน ๒๕ องศาเศษ
    ๖. ดาวพลูโตวิกลคติเพื่อที่จะพักร ณ ราศีธนู ๒๑ องศาเศษ ช่วงวันที่ ๑๓-๒๒ เม.ย.๕๘
    ในช่วงเดือนนี้มีโอกาสที่จะเกิดภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุใหญ่ๆ ความวุ่นวายในทางการทหาร การก่อการร้าย ความปั่นป่วนในเรื่องการเงิน การคลัง และความผิดพลาดในหนังสือสัญญา การเจรจาความ ฯลฯ ได้สูงมาก
    เราท่านที่มี "ลัคนา ดาว จุดศูนย์กลางภพหรือตำแหน่งสำคัญใดๆ" ในตำแหน่งที่เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว ให้พึงระมัดระวังในเรื่องอุปัทวอันตรายใหัจงหนัก โดยเฉพาะ "ราศีกันย์และราศีธนู" ขอให้มีสติมากๆ กว่าเดิมก่อนที่จะกระทำการใด
    การสวดมนต์ภาวนา เจริญเมตตา การทำบุญสุนทานและอุทิศกุศลผลบุญดังกล่าวให้กับเจ้ากรรมนายเวร คงจะช่วยบรรเทาทุกข์โทษให้ได้บ้างพอควร
    admin ดิลก แสงอุทัย
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]

    [​IMG]


    วันนี้ก็เป็นวันที่จะเกิดพระจันทร์สีเลือดอีกครั้งแล้วน่ะครับ ในช่วงปี 2014-2015 มาดูกันต่อไปน่ะครับว่าการเกิดพระจันทร์สีเลือดครั้งที่ 3 จาก 4 ครั้ง และครั้งที่4 ในวันที่ 28 กันยายนนี จะมีเหตุการณ์อะไรตามมา้ ซึ่งจากความเชื่อของนักดาราศาสตร์ต่างชาติที่ผมได้ติดตามผลงานทางวิชาการ ว่าเป็นสัญญานแห่งการเปิดขึ้นของผลึก ที่ 3;4 และ 5 และหลังจากนั้นเราต้องรอไปอีก 5 เดือนผลึกที่ 6 และ 7 จะเปิดขึ้นในวันที่ 26 มีนาคม 2016 (2559) ซึ่งสุดท้ายจะเป็นการมาถึง ของ ดาวเคราะห์ 7 x
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    [​IMG]

    เตือน 4 เมษาจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ราศีสยองอีกรอบ ชี้ระวังภัยทางน้ำแรง!
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 เม.ย. 2558 05:35

    กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อีกครั้ง หลังหมอดูชื่อดัง อย่างหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา หมอดูชื่อดังออกมาทำนายแม่นยำผ่านไทยรัฐออนไลน์ว่าในรอบ 2 สัปดาห์คือวันที่ 20 มีนาคม จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญครั้งแรกในรอบปีบนท้องฟ้าทั้งราหูอมอาทิตย์แบบเต็มดวง อีกครั้งวันที่ 4 เมษายนนี้ ภาพใหญ่จะเกิดปรากฏการณ์ราหูอมจันทร์อมแบบเต็มดวงภาพใหญ่ให้ระวังเรื่องภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว และอุบัติเหตุใหญ่ให้ดี

    ทั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว อุบัติเหตุใหญ่ และภัยธรรมชาติแบบที่ทำนาย พร้อมกันนี้เรื่องส่วนบุคคลยังออกมาเตือน 2 ราศีได้แก่ ลัคนาและราศี 'กันย์' กับ ลัคนาและราศี 'มีน' และคนที่เกิดวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันพุธกลางคืนต้องระวัง (อ่านเพิ่ม : 2 ราศีสยอง หมอช้างเตือน ราหูอมอาทิตย์ - อมจันทร์แบบเต็มดวงระวังอันตราย)

    ล่าสุดวันนี้ (4 เมษายน) จะเกิดปรากฏการณ์ “จันทรุปราคาเต็มดวง” ในลักษณะที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าในประเทศไทย ช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 18.58-19.03 น. นาน 5 นาที ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้คนที่เกิด 2 ราศี อันได้แก่กันย์กับมีนและคนที่เกิดวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันพุธกลางคืนต้องระวังให้มากกว่าเก่าเนื่องจากเมืองไทยสามารถมองเห็นปรากฏการณ์นี้ด้วยตาเปล่าได้

    ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังให้มากๆ นอกจากเรื่องที่เคยเตือนไป อาทิ ระมัดระวังเรื่องอารมณ์แปรปรวน เรื่องการตัดสินใจที่ผิดพลาด ความผิดพลาดในทำงาน ชีวิตสับสน วุ่นวาย และขาดสติได้ง่ายแล้ว เรื่องการเดินทางก็ต้องใช้ความระมัดระวัง ส่วนภาพใหญ่ในช่วง 2 อาทิตย์ (7 วันก่อนและหลังวันที่ 4 เมษายน) นับจากนี้ให้ระวังเรื่องภัยธรรมชาติ อาจจะเกิดสึนามิ หรือมีภัยเกี่ยวกับน้ำ เพราะพระจันทร์เป็นตัวแทนน้ำขึ้นน้ำลง โดยความแรงจากนี้จะมากขึ้น เพราะประเทศไทยสามารถเห็นด้วยตาเปล่าได้ ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวให้ดีๆ

    สำหรับวิธีแก้ไขย้ำชัดอีกทีว่า ครั้งนี้ไม่ใช่อีเวนต์ในการไหว้ราหู ไม่ต้องไหว้ แต่เป็นเรื่องของผลของพระราหูที่แรงขึ้นมากขึ้นกว่าปกติ วิธีแก้ไขคือ การสวดมนต์มีคาถาที่ป้องกันจากสุริยุปราคาอยู่แล้วอันได้แก่ 'พระคาถาสุริยประภา' กับ 'คาถาจันทรประภา' ป้องกันภัยจากพระอาทิตย์ พระจันทร์

    ส่วนเครื่องประดับแนะนำเครื่องประดับแนะนำเน้นสีเงินสะท้อนแสง อีกทั้งสีเงินมันเกี่ยวข้องกับพระราหู สุดท้ายสิ่งที่จะเตือนให้ปฏิบัติให้เคร่งครัดก็คือช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ห้ามออกไปอาบแสงจันทร์เด็ดขาด ให้สวดมนต์บูชาคาถา 2 บทดังกล่าวที่แนะนำ โดยอิทธิพลความแรงของครั้งนี้จะกินระยะเวลานาน 2 อาทิตย์ตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์นี้หรือจากวันที่ 4-11 เมษายนนี้นั่นเอง.

    กำลังถูกกลืน
    *รู้ไว้ใช่ว่า*

    พระคาถาจันทบัพพา ยัตถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตังมะมะตัง วะติตัง เสกามะมะกาเสตัง กาติยังมะมะ ยะติกาฯ

    พระคาถาสุริยะบัพพา กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะโตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะโทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ

    เตือน 4 เมษาจันทรุปราคาเต็มดวง 2 ราศีสยองอีกรอบ ชี้ระวังภัยทางน้ำแรง! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    นาโต้ : ไม่ว่าข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านจะออกมาอย่างไร นาโต้ก็จะเดินหน้าติดตั้งระบบขีปนาวุธในยุโรปตะวันออก

    [​IMG]

    --------------
    หลังจากทางเพนตาก้อนของสหรัฐฯออกมาบอกว่าไม่ว่าอิหร่านจะมีอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ สหรัฐฯก็จะหาเรื่องบอมอิหร่านอยู่ดี ชัดนะ เมื่อวานนี้สำนักข่าว sputnik news ของรัสเซียก็เลยไปสัมภาษณ์นาโต้บ้าง ซึ่งก็มีอเมริกานั่นแหละที่กุมหัวเรือใหญ่ของนาโต้อยู่ โดยสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านที่ได้ข้อยุติร่วมกันแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่านนี้ มีบทความความที่สำนักข่าว rt ของรัสเซียเขาเรียบเรียงประเด็น ถาม-ตอบ ปัญหาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ในลักษณะเดียวกันกับบทความเรื่อง 5 จุดที่ควรรู้เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในเยเมน ตามที่เคยแปลให้อ่านกันแล้ว น่าสนใจมาก แต่เหนื่อยอ่ะ ถ้าสะดวกแล้วจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปนะครับ
    ทางนาโต้บอกว่า นาโต้จะยังเดินหน้าตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้เพื่อติดตั้งเครือข่ายขีปนาวุธเต็มรูปแบบในยุโรป โดยไม่สนใจเกี่ยวกับข้อตกลงเมื่อเร็วๆนี้กับกรุงเตหะรานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ นาง Oana Lungescu โฆษกหญิงของนาโต้กล่าวต่อ sputnik news เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
    เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว (2557) ปธน.ปูติน ได้กล่าวว่ากรุงวอชิงตันได้ทำการคุกคามต่อรัสเซีย ด้วยการขยายระบบป้องกันขีปนาวุธด้วยการติดตั้งขีปนาวุธ (หลายตำแหน่ง) ในยุโรปตะวันออกใกล้กับชายแดนรัสเซีย
    และเมื่อเร็วๆนี้นาโต้กล่าวอ้างว่าระบบขีปนาวุธของนาโต้ที่ติดตั้งในประเทศสมาชิกในยุโรปตะวันออกนั้นมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อปกป้องภัยให้กับชาติพันธมิตร ที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากอิหร่านและเกาหลีเหนือ
    เห็นมะ! พวกนี้ "กะล่อนทองสุดๆ" จริงๆ เอาขีปนาวุธของตนมาจ่อชายแดนของรัสเซียล้อมไว้แทบทุกด้านจากยุโรปตะวันออกแล้วบอกว่าเตรียมจะยิงอิหร่านกับเกาหลีเหนือซะงั้น ไปหลอกเด็กอมมือก็ยังไม่เชื่อเลย แต่คนพวกนี้ก็ด้านที่จะพูดอย่างนั้นออกมา คราวนี้พออิหร่านบอกว่างั้นไม่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หละ แล้วนาโต้จะถอนขีปนาวุธของตนเองออกจากชายแดนรัสเซียได้หรือยัง นาโต้บอกว่าไม่ถอน จะเก็บไว้ยิงเกาหลีเหนือ เอากะเขาดิ
    ก็คล้ายกับกรณีที่สหรัฐฯพยายามจะขายระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ให้กับเกาหลีใต้โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือที่ถูกจีนเบรกจนหัวทิ่มมาแล้วครั้งหนึ่งนั่นแหละ สหรัฐฯก็ยังไม่ละความพยายามที่จะยัดเยียด THAAD ให้กับเกาหลีใต้อีก ล่าสุดรัสเซียก็ออกมาช่วยจีนเบรกโปรแกรมนี้อีกแรงว่าไม่เห็นด้วยที่เกาหลีใต้จะซื้อ THAAD สหรัฐฯ เพราะอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อจีนก็ได้ ผู้ชำนาญการ (ด้านอาวุธ) ฝั่งรัสเซียบอกว่าในรัศมีทำการจริงขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯนั้น มันสามารถยิงไปได้ไกลกว่าแหลมเกาหลีซะอีก ยิงไปไหนหละครับ? ก็จีนไง อย่าคิดนะว่าฝั่งรัสเซียกับจีนจะไม่รู้ทันแผนนี้ของสหรัฐฯ ไม่ได้กินหรอก
    The Eyes
    04/04/2558
    ----------
    NATO: Iran Deal or Not, Missile Shield Will Stay / Sputnik International
    Old Habits Die Hard: US Reluctant to Scrap European Missile Defense System / Sputnik International
    US THAAD Installation in South Korea Poses Security Threat to Russia? / Sputnik International
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    ออสเตรเลียเจอเข้าจนได้... ปลุกม็อบต่อต้้านอิสลามหลายเมืองทั่วออสเตรเลีย

    [​IMG]

    --------------
    เมื่อวันก่อนพึ่งเล่าข่าวว่าออสเตรเลียตัดสินใจเข้าร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB กับจีนและชาติอื่นๆ ไม่สนคำทัดทานจากลูกพี่ใหญ่อเมริกา ขนาดเยอรมัน ฝรั่งเศส แคนาดา และแม้กระทั่งอังกฤษยังโดนเลย มีรึที่ออสเตรเลียจะได้รับการยกเว้น ของแบบนี้เขาไม่เล่นกันตรงๆหรอกครับ มันต้องมีชั้นเชิงในการตักเตือนไม่ให้แตกแถว ถ้าไม่เชื่อฟังพี่ใหญ่แล้วหายนะจะตามมาครั้งนี้แค่เตือนให้ได้สติเท่านั้น ยังไงอ่ะ? อยากรู้อ่ะดิ ฮ่าๆๆๆ เซ็งอ่ะ... มามุกนี้อีกหละ
    วันนี้ (วันเสาร์ที่ 4 เมษายน) พวกต่อต้านอิสลามในออสเตรเลียซึ่งเรียกตัวเองว่าม็อบ "ทวงคืนออสเตรเลีย" (Reclaim Australia) ประกาศจะเดินขบวนใน 16 เมืองทั่วประเทศออสเตรเลีย อ้างว่าชาวมุสลิมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศออสเตรเลีย จึงไม่รับชาวมุสลิมเพิ่มอีกในออสเตรเลีย และอ้างว่าเพื่อเป็นการปกป้องคุณค่าของคริสเตียนแบบดั้งเดิม แกนนำของม็อบทวงคืนออสเตรเลียกล่าวว่าพวเขาต้องการ "แสดงให้ประชาชนเห็นว่าออสเตรเลียมีชนกลุ่มน้อยมากพอแล้ว พวกเขาเข้ากับที่นี่ไม่ได้และพวกเขาพยายามเปลี่ยนแปลงออสเตรเลีย เราไม่ได้ออกมาเพื่อแบ่งแยกประชากรมุสลิมจำนวนมาก เพราะว่าพวกเราสามารถมองเห็นสิ่งที่ดีที่พวกเขาได้กระทำไว้ คุณก็เห็นนี่ว่าพวกเขาได้ประณามการก่อการร้าย"
    ส่วนฝ่ายผู้ต่อต้านม็อบทวงคืนออสเตรเลียก็ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้เช่นกันโดยกล่าวว่า "พวกเราไม่ใช่พวกเหยียดผิว พวกเราเป็นพวกรักชาติ และนอกจากนี้แล้ว อิสลามไม่ใช่เชื้อชาติ" (We’re not the racists, we’re patriots. And besides, Islam is not a race) และกลุ่มนี้กล่าวว่าพวกทวงคืนออสเตรเลียนั้นเป็นพวกนาซี
    นั่น! คุ้นๆไหม? ในยุโรปมีม็อบเพจิด้า ในออสเตรเลียมีม็อบทวงคืนออสเตรเลีย แนวทางการเคลื่อนไหวและสิ่งที่ออกมาเรียกร้องไม่ต่างกันเลย ถอดแบบกันมาเป๊ะ! ขาดแต่สัญลักษณ์นาซีเท่านั้น ประเด็นก็คือบางคนต้องการจะให้เกิดภาพความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นมาในออสเตรเลีย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการเคลื่อนไหวเหล่านี้ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถควบคุมและสั่งการคนพวกนี้ได้ และต้องการจะแสดงให้รัฐบาลประเทศนั้นๆรู้ว่าหากไม่ดำเนินนโยบายตามที่พวกเขาต้องการ มันก็จะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในประเทศของพวกคุณตามมา ก็เป็นเช่นนี้แล
    The Eyes
    04/04/2558
    ----------
    http://rt.com/n…/246437-reclaim-australia-rally-controversy/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯสร้างสงคราม จีนและรัสเซียเล่นบทให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

    [​IMG]

    --------------
    สงครามเยเมน จีนได้เครดิตมากที่สุดทั้งได้ใจนานาชาติด้วย เพราะอะไร? เล่าให้ฟังแล้วในตอนท้ายของโพสต์ก่อนหน้านี้ กรณีเยเมนนี้ สหรัฐฯสนับสนุนและอยู่เบื้องหลังของสงคราม และไม่ได้ออกมาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมใดๆแม้แต่น้อยกับประเทศพันธมิตรของตน ที่พลเรือนเหล่านั้นติดอยู่กลางสนามรบในเยเมน จนทางรัฐบาลเยเมนเป็นคนออกปากขอให้กองทัพเรือจีนเป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออพยพประชาชนต่างชาติที่ไปทำงานอยู่ในเยเมนถึง 10 ประเทศให้ขึ้นเรือรบของจีนออกจากเมืองอาดัง (Aden) ของเยเมนแทน จะยกความดีความชอบในครั้งนี้ให้อเมริกาอย่างนั้นหรือ ต้องเสียสติแน่ๆ
    ในปี 2011 เกิดสงครามการสู้รบกันในลีเบีย มีผู้คนกว่า 30,000 คนอพยพหนีตายจากสงคราม จีนก็เอาเรือรบของตนไปรับ แต่ในครั้งนั้นจีนรับเฉพาะพลเรือนของตนเองเท่านั้น จึงไม่ได้รับคำชมจากนานาชาติ ต่อมาจีนก็ได้รับคำชมจากนานาชาติเมื่อครั้งส่งกองทัพของตนเข้าไปในลิเบียเพื่อช่วยสร้างศูนย์รักษาพยาบาลและสนับสนุนด้านการขนส่งเวชภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ติดเชื้ออีโบล่า ต่อมาในปี 2013 จีนก็ส่งเรือโรงพยาบาลไปช่วยเหลือฟิลิปินส์หลังจากเกิดพายุใต้ฝุ่น Haiyan
    ทูตอาวุโสของตะวันตกประจำกรุงปักกิ่งกล่าวว่า "จีนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศอื่นในการอพยพผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในลิเบีย เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นจีนให้ความสนใจในเรื่องนี้" แหม… ไอ้เราก็อยากจะพูดแทนจีนจังเลยว่า ใช่แล้วจีนเรียนรู้จากการกระทำของพวกตะวันตกนั่นแหละ แล้วพวกตะวันตกหละเรียนรู้อะไรบ้างจากการกระทำของตัวเอง และเรียนรู้อะไรบ้างจากการกระทำของจีนในครั้งนี้? พวกนี้เก่งแต่เสนอหน้าออกสื่อฯอย่างเดียวจริงๆอ่ะ
    ส่วนปูตินก็ไม่น้อยหน้านะ... ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา รัสเซียก็จัดส่งขบวนรถคอนวอยช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ชาวยูเครนตะวันออก (ภูมิภาคดอนบาส์ส - โดเน็ทส์ก และลูฮานส์ก) เป็นครั้งที่ 23 แล้วตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครนตะวันออกเป็นต้นมา ในขบวนรถสิบล้อจำนวน 120 คันนี้ก็จะประกอบด้วย เสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค อุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์การเรียนการสอนของเด็กนักเรียนเป็นต้น จำได้ว่าเห็นมีข่าวกาชาดสากลส่งไปช่วยเหลืออยู่ครั้งหนึ่งออกข่าวซะใหญ่โต จากนั้นก็เงียบ สหรัฐฯกับอียูหนะหรือ? ฝันไปเหอะ อเมริกาจะสนับสนุนแต่อาวุธให้รัฐบาลยูเครนเท่านั้น ส่วนแคนาดากับอียูก็ส่งทหารไปช่วยฝึกให้กองทัพยูเครน ชาวบ้านที่เดือดร้อนจากภัยสงครามในตะวันออกของยูเครนไม่อยู่ในสายตาของสหรัฐฯหรอก
    ล่าสุดกลุ่มแบ่งแยกตนเอง DPR/LPR ได้ยกเลิกการใช้เงิน Hryvnia ของยูเครนแล้ว และได้เปลี่ยนมาใช้เงินรูเบิลของรัสเซียในการแลกเปลี่ยนซื้อขายทั่วไปในทั้งโดเน็ทส์กและลูฮานส์ก เพราะรัฐบาลยูเครนสั่งตัดระบบการเงินในพื้นที่เหล่านั้นทั้งหมด แล้วอย่างนี้ยังจะหวังว่าทั้งสองสาธารณรัฐนี้จะร่วมประเทศเดียวกันกับยูเครนอยู่อีกหรือ ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ พอชาวบ้านที่ลี้ภัยสงครามในช่วงสู้รบกันออกไปอยู่ที่อื่น บ้านเมืองถูกกองทัพยูเครนถล่มยับกลับมาดูบ้านตัวเองเพื่อทำการสร้างขึ้นมาใหม่ ทหารยูเครนไปบอกชาวบ้านเจ้าของที่ดินว่าที่ดินของพวกเขา (ของชาวบ้านเหล่านั้น) ถูกขายให้นายทุนไปแล้ว กรรม! มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในยูเครนที่สหรัฐฯควบคุมอยู่ด้วยหรือนี่?
    The Eyes
    04/04/2558
    ----------
    Show of Force: Chinese Navy Rescues Foreigners from Yemen's Aden / Sputnik International
    Russia Sends 23rd Humanitarian Aid Convoy to Eastern Ukraine / Sputnik International
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    เยเมน : อัพเดทสถานการณ์ในเยเมน, จีนขยับส่งเรือรบเข้าอ่าวเอเดนส่องกิจกรรมทางทหารของชาติพันธมิตรอาหรับและสหรัฐฯเยเมนภายใต้ภารกิจ "ต่อต้านการละเมิดสิทธิ์"

    [​IMG]

    --------------
    ติดตามสถานการณ์ล่าสุดในเยเมน... ในวันศุกร์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งมีดังนี้
    - รัสเซียส่งเครื่องบินไปรับพลเรือนของตนเองและชาติอื่นๆที่ติดอยู่ในกรุงซานาเมืองหลวงประเทศเยเมนลงจอดที่กรุงมอสโคว์เรียบร้อยแล้ว มีผู้โดยสารทั้งหมด 162 คน ประกอบด้วยชาวรัสเซีย 120 คน, เบลารุส 15, โปแลนด์ 10, ยูเครน 8 (ฟังไม่ผิดหรอกครับมียูเครนขอขึ้นเครื่องรัสเซียหนีตายจากสงครามในเยเมนมาด้วย), คีร์กิสถานและอุซเบกิสถาน 3, เยเมน 2 และชาวทาจิกิสถานอีก 1 คน (อีก 3 คนรายงานไม่ระบุสัญชาติ) ในจำนวนนี้มีวัยรุ่นรวมอยู่ด้วย 60 คนและเด็กเล็ก 15 คน
    - ยูเอ็นรายงานว่าตลอดช่วงสองสัปดาห์ของการสู้รบในเยเมนที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตแล้วทั้งสิ้น 519 ราย ซึ่งมีทั้งพลเรือนและเด็กรวมอยู่ด้วย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,700 คน แค่นั้นแหละหน้าที่ของยูเอ็น เพราะอเมริกาสั่งให้ทำแค่รายงานตัวเลขแค่นั้น อย่ามาออกคำสั่งหรือเรียกร้องให้หยุดยิงหรือหันมาเจรจากันอย่างที่รัสเซียแนะนำ ยูเอ็นจะออกมาประท้วงว่าพันธมิตรอาหรับ 10 ประเทศนำโดยซาอุดิฯที่มีสหรัฐฯคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องว่าระเมิดอธิปไตยของเยเมนก็ไม่ได้ทั้งๆที่รู้ว่าผิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่ก็ห้ามพูด
    - รมว.กลาโหมของรัสเซียแถลงกับสื่อฯว่า "เราจะใช้มาตรการที่จำเป็นทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนของเราในเยเมนจะได้รับความปลอดภัย" (ตอนนี้ก็ขนออกมาหมดแล้วมั๊ง? ก็แสดงว่าปลอดภัยแล้ว)
    - ซาอุดิฯยังคงส่งเครื่องบินรบของตัวเองเข้าทิ้งระเบิดถล่มอาคารสำคัญในสนามบินนานาชาติในกรุงซานาอย่างต่อเนื่องทุกคืน แต่รันเวย์ไม่ได้รับความเสียหาย เครื่องบินยังคงสามารถขึ้นลงได้ แต่ไม่ได้บอกว่าหอบังคับการบินได้รับความเสียหายด้วยหรือไม่ ชักจะเริ่มเหมือนสนามบินโดเน็ทส์กในยูเครนตะวันออกแล้วนะนี่
    - เรือ frigate ของกองทัพเรือตุรกีเข้าสู่อ่าวเอเดนเพื่อช่วยเหลืออพยพพลเมืองของตนเองจำนวน 55 คน ออกจากเมืองเอเดนของเยเมน
    - รมว.ต่างประเทศของโปแลนด์กล่าวขอบคุณรัสเซียที่ให้ความช่วยเหลืออพยพพลเมืองของตนออกจากเยเมนมาที่รัสเซีย (รายงานนี้บอกว่ารัสเซียช่วยเหลือชาวโปแลนด์ 20 คน ตัวเลขอาจจะไม่ตรงกันเท่าไรนักแต่ที่แน่ๆก็คือได้ช่วยเหลือออกมาแล้ว) เออ… ตอนแรกก็ทำเป็นต่อต้านรัสเซียอยากจะแซงชั่นรัสเซียเชื่อคำยุของอเมริกา จนทำให้สินค้าเกษตรของประเทศตนเองส่งออกมาที่รัสเซียไม่ได้ แล้วก็ปลูกฝังความแค้นรัสเซียให้เกิดขึ้นในประชาชนของตนเอง วันนี้กำลังจะเกิดภัยขึ้นกับพลเมืองของตัวเองในเยเมน ไม่เห็นอเมริกาเข้าไปช่วยเหลือหรืออพยพพลเมืองประเทศไหนรวมทั้งโปแลนด์ด้วยเลย ยกเว้นคนของสหรัฐฯเองที่เผ่นป่าราบตั้งแต่ซาอุดิฯยังไม่ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่แล้ว รัสเซียคงนึกในใจว่าโปแลนด์จงจำบุญคุณในครั้งนี้ไว้ให้ดีว่าใครกันแน่ที่ช่วยเหลือชาวโปแลนด์ออกจากเยเมน รัสเซียหรือสหรัฐฯ?
    - สื่อฯฝั่งซาอุดิฯประโคมข่าวว่ากลุ่มฮูติบุกเข้าสถานกงสุลของรัสเซียและหยิบเอาเอกสารสำคัญหลายฉบับออกไปด้วย ล่าสุดบอกว่ากลุ่มฮูติเข้ายึดสถานกงสุลของรัสเซียในเยเมนเป็นที่กำบังในการต่อสู้กับฝ่ายผู้สนับสนุน Hadi รัสเซียก็เฉยๆ แผนยุให้รัสเซียหันไปถล่มกลุ่มฮูติแบบนี้มันตื้นไป ไม่ได้ผลหรอกครับ
    - วันก่อนมีรายงานว่าเกิดการปะทะกันภาคพื้นดินระหว่างกลุ่มฮูติกับทหารซาอุดิฯที่บริเวณชายแดนของเยเมน-ซาอุดิฯ ทำให้ทหารซาอุดิฯ เสียชีวิตไปประมาณ 10 กว่านาย (ปัดโธ่เก่งแต่ส่งเครื่องบินรบมาถล่มเขากลางอากาศ เจอนักรบชนเผ่าฮูติสั่งสอนภาคพื้นดินเข้าให้ถอยกรูไม่เป็นท่า ขี้แมวเอ้ย)
    - รายงานข่าวจาก Al Arabiya ของฝั่งซาอุบอกว่าเกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพของเยเมนกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอัลเคด้าที่ฐานทัพของเยเมนทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Al Mukalla ทำให้ฝ่ายรัฐบาลเยเมนภายใต้การนำของฮูติเสียชีวิตไปหลายสิบคน (สื่อฯซาอุดิฯเริ่มจะเหมือนสื่อฯฝั่งยูเครนแหละ ขอแนะนำว่าเวลาอ่านข่าวจากฝั่งตะวันตก ยูเครน และซาอุดิฯนี่จะต้องหารด้วย 2 เสมอ การปะทะกันนั้นมีจริง แต่พวกนี้ไม่รายงานความเสียหายของอีกฝั่งหนึ่งเลย ตลกหละ) ก่อนหน้านี้ผู้ก่อการร้ายอัลเคด้าได้โจมตีที่ทำการรัฐบาลหลายแห่งและบุกเข้าไปปล่อยตัวนักโทษ (พวกเดียวกับผู้ก่อการร้าย?) จำนวน 300 คนให้ออกมาสู้กับกองทัพรัฐบาลเยเมน สหรัฐฯ อียู ยูเอ็น และซาอุดิฯก็เฉยๆกับเรื่องนี้จะเป็นผู้ก่อการร้ายหรือโจรกลุ่มไหนก็ได้ทั้งนั้นที่มาต่อสู้กับพวกฮูติ สหรัฐฯและยูเอ็นรับได้ทั้งนั้น
    - เรือรบ frigate ของกองทัพเรือจีนได้ช่วยอพยพประชาชนสัญชาติต่างๆจำนวน 225 คนออกจากสงครามกลางเมืองในเมืองเอเดน (พอดูแผนที่ในกูเกิลคำนี้ "Aden"เขาออกเสียงเป็น "อาดัง" เรียกผิดมาตั้งนานขออภัยขอรับ) รัฐบาลของ ปากีสถาน, เอธิโอเปีย, สิงคโปร์, อิตาลี, เยอรมันนี, โปแลนด์, ไอร์แลนด์, แคนาดา, และเยเมน ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากจีนด้วย ตลกอ่ะ! อียูและสหรัฐฯไม่ส่งเรือรบไปช่วยชาชนชาวยุโรปของตนเองเลยรึ? จะปล่อยให้ประชาชนของตัวเองตายในสนามรบในเยเมนรึ แล้วมาขอให้จีนเป็นฝ่ายไปช่วยแทนนี่นะ อย่างนี้ก็มีด้วย จะอ้างว่าเรือรบของจีนไปถึงก่อนก็อ้างได้ แต่เรือรบของยุโรปก็มีอยู่เต็มน่านน้ำในทะเลอาหรับด้วยไม่ใช่รึ?
    - วันก่อนมีรายงานข่าวว่ากลุ่มฮูติสามารถเข้ายึดที่พักของปธน. Hadi ของเยเมนในเมือง Aden ได้แล้ว เมื่อวานนี้มีรายงานออกมาอีกว่าตอนนี้กลุ่มฮูติถอนกำลังออกจากที่พักของปธน. Hadi หลังจากที่เครื่องบินรบของซาอุดิฯเข้าโจมตีอย่างหนัก แหม… วันก่อน Hadi บอกว่าจะกลับมาที่เยเมนหลังจากที่ทำเนียบปธน.ของตนใน Aden สร้างเสร็จแล้ว สงสัยว่าโอกาสที่ Hadi จะกลับมาที่เยเมนอีกครั้งคงจะริบหรี่เต็มที เพราะว่าสร้างขึ้นมาก็ถูกพวกฮูติบุกเข้ายึดแล้วแกล้งถอยออกมาหลอกให้เครื่องบินซาอุดิฯมาบอมใส่อีกอย่างนี้เรื่อยๆอ่ะ เมื่อไหร่มันจะเสร็จสักทีหละนี่
    โอ้! ว่าจะเล่าย่อๆ นะนี่ เกือบหมดพื้นที่ข่าวหละ งั้นขอไปต่อที่การเดินหมากของจีนกรณีสงครามเยเมนบ้างนะครับ นอกจากจีนจะส่งเรือรบเข้าไปช่วยอพยพพลเมืองของหลายประเทศออกจากเยเมนแล้ว จีนยังส่งเรือรบบรรทุกเฮลิค็อปเตอร์สองลำ และทหารชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจอีกกว่า 800 นายเข้าประจำอ่าวอาดังด้วย ซึ่งจะมุ่งความสนใจไปที่กิจกรรมเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล (piracy activities) และมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่
    จีนส่งเรือรบจำนวน 3 ลำจากกองทัพเรือที่ 20 ของตนเข้าสู่อ่าวอาดังและชายฝั่งโซมาเลีย (Somalia) เพื่อปกป้องและคุ้มกันเรือพลเรือน กองเรือรบดังกล่าวประกอบด้วยเรือพิฆาตจี่หนานทำลายมิสไซล์ (missile destroyer Jinan), เรือ missile frigate Yijang และเรือสนับสนุน Qiandaohu
    เรือรบของจีนได้เริ่มปฏิบัติการคุ้นกันภัยในอ่าวอาดังและในน่านน้ำของโซมาเลียมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ซึ่งได้คอยคุ้มกันภัยให้กับเรือบรรทุสินค้า บรรทุกน้ำมันของจีนและต่างชาติมาแล้วถึง 6,000 ลำในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
    สรุป ภารกิจแรกของเรือรบจีนก็คือเพื่อคุ้มกันเรือบรรทุกสินค้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน เดิมทีจากโจรสลัดในน่านน้ำของโซมาเลีย จากนั้นก็ช่วยเหลืออพยพพลเรือนหนีภัยสงครามในเยเมน และคอยจับตาดูพฤติกรรมของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรอาหรับว่าจะมีลูกไม้ตุกติกอะไรบ้างหรือไม่ มีข่าวว่าทางการของเยเมนก็ได้ขอให้ทางกองทัพเรือของจีนช่วยเหลือในการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่สู้รบในเยเมนด้วย เห็นมะอเมริกาจะเหลิงระเริงดีใจว่าตัวเองคุมเกมฝ่ายเดียวจะทำอะไรตามใจชอบไม่ได้นะ จีนก็คอยจับตาดูอยู่เช่นกัน เรือรบอียิปต์ที่เข้ามาแอบยิงจรวดถล่มเมืองอาดังในวันแรกๆ ตอนนี้พอเห็นเรือรบจีนเข้าประจำการในอ่าวอาดัง อียิปต์เงียบเลย รัสเซียก็ไม่อยากจะขัดแย้งกับอียิปต์เพราะว่าพึ่งจะตกลงการต้ากันมาหมาดๆ งั้นให้พี่สีออกหน้าให้ละกัน จะได้ช่วยปรามอียิปต์เอาไว้บ้าง
    The Eyes
    04/04/2558
    ----------
    Gulf coalition airstrikes against Houthi rebels in Yemen LIVE UPDATES — RT News
    China Sends Three Warships to Gulf of Aden to Escort Civil Ships / Sputnik International
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “เยเมน” ดุลยภาพของมหาอำนาจโลก
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby ยูซุฟ ญาวาดี - เม.ย. 2, 2015

    [​IMG]

    ประเทศ “เยเมน” ในการรับรู้ของประชาคมโลกส่วนใหญ่อาจมีเพียงแค่ว่า เป็นเพียงประเทศที่ยากจนที่สุดของตะวันออกกลางที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและการรบราฆ่าฟัน และมิได้มีความสำคัญอันใดต่อการเมืองระหว่างประเทศ หากแต่ความจริงเยเมนตั้งอยู่บนภูมิศาสตร์ที่มีความสำคัญ เพราะเยเมนเป็นดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างทะเลแดงกับมหาสมุทรอินเดีย และเชื่อมต่อทะลุไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นับตั้งแต่มีการเปิดคลองสุเอซครั้งใหม่ในปี 1975 โดยมีเมืองท่าเอเดนที่แสดงบทบาทสำคัญต่อการขนส่งของโลก นอกจากนั้นแล้วเยเมนยังแวดล้อมไปด้วยกลุ่มประเทศที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลก

    ดังนั้นแล้ว เยเมนคือจุดยุทธศาสตร์สำคัญของโลกที่มหาอำนาจจับจ้องตาเป็นมัน และมิอาจยินยอมให้ตกไปอยู่ในการครอบครองของขั้วตรงกันข้าม กระทั่งเมื่อดุลยภาพของเยเมนเริ่มแปรเปลี่ยนเหนือการควบคุม การก่อสงครามโดยผ่านตัวแทนจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!!



    ประวัติย่อ

    ประเทศเยเมนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ใน ตะวันตกเฉียงใต้ของเอเซีย หรือ ทางภาคใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มีพื้นที่ประมาณ 536,869 ตร.กม. มี 20 จังหวัด โดยมีเมืองหลวงคือ กรุงซานา นับเป็นประเทศที่มีความเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานอีกประเทศหนึ่ง มีประชากรประมาณ 24 ล้านคน โดย 99 เปอร์เซ็น เป็นชาวมุสลิม โดยมี 65 เปอร์เซน เป็นชาวอะฮลิซุนนะฮ มัซฮับ ชาฟีอีย์ และ 35-40 เปอร์เซน เป็น ชีอะฮ ซัยดียะฮ และส่วนที่เหลือ คือ อิสมาอีลียะฮ และ อิมามียะฮ ประชากรส่วนใหญ่เป็น อาหรับ และ อาหรับแอฟริกัน มีเผ่าตามเทือกเขาต่างๆประมาณ 400 เผ่า



    ภูมิศาสตร์ทางการเมือง และความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศเยเมน

    เยเมนนับเป็น หนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญ และนับเป็นจุดยุทธศาสตร์ ประเทศหนึ่งของคาบสมุทรอาหรับ และนับเป็นประเทศเป้าหมายของนักล่าอาณานิคม ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะประเทศนี้ ในภาคใต้ของเยเมน คือ ภาคเหนือของตะวันตก และยังครอบคลุมภาคตะวันออก โดยมี ช่องแคบบาบุลมันดิบ (Bab-el-Mandeb) เป็นที่ตั้ง ช่องแคบนี้ ยังอยู่ระหว่างทะเลแดง และมหาสมุทรอินเดีย และยังเป็นน่านน้ำที่ใกล้ที่สุดระหว่างตะวันตก และตะวันออก อีกด้วย

    จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ประเทศเยเมน เป็นประเทศจุดยุทธศาสตร์ระหว่าง ตะวันตก และตะวันออกเลยทีเดียว และไม่แปลกที่เหล่ามหาอำนาจ ต่างหมายปองที่จะครอบครองแผ่นดินนี้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตะวันออกหรือตะวันตกก็ตาม เพราะหากใครสามารถยึด ช่องแคบมันดิบได้ เขาก็จะสามารถยึดทะเลแดงได้ และยังสามารถปิดเกาะสำคัญอย่าง “บัรยัม” อย่างง่ายดาย โดยเกาะนี้ ได้แบ่งทางเดินน้ำของช่องแคบ มันดิบ ออกเป็นสองส่วน คือ ทางเดินน้ำตะวันออก และทางเดินน้ำตะวันตก โดยทางตะวันออกเรียกว่า “บาบุลอิสกันดาร์” และทางเดินน้ำตะวันตกเรียกว่า “มีวัน” อย่างไรก็ตามเราสามารถวิเคราะห์เพิ่มเติมถึงการเป็นจุดยุทธศาสตร์ของเยเมน ได้ดังนี้

    1 เยเมนเป็นประเทศที่ใกล้กับแหลมของแอฟริกามากที่สุด ซึ่งในช่วงกลางของสองศตวรรษล่าสุด เนื่องจากความขัดแย้งของมหาอำนาจ จึงทำให้แผ่นดินนี้ เป็นแผ่นดินที่มีสถานการณ์ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    2 การปิดล้อม ช่องแคบบาบุลมันดิบ ในปี 1946 โดยกองทัพอิยิปต์ ในสงคราม 6 วัน ถือเป็นประบการณ์สำคัญของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถึงความสำคัญของช่องแคบนี้ ดังนั้น ประเด็นเรื่องความมั่นคงของเยเมน จึงมีผลต่ออิสราเอลเป็นอย่างยิ่ง

    3 เยเมนเป็นประเทศที่อยู่ทางภาคเหนือของแผ่นดินอาหรับ ซึ่งมีชายแดนร่วมกันระหว่างซาอุดิอาราเบีย และยังมีความสำคัญต่อซาอุดิอาราเบีย ในด้านการผลิตน้ำมัน ซึ่งตั้งแต่ปี 1962-1970 ซาอุได้สนับสนุน ฝ่ายนิยมซาร์เพื่อชนกับ พรรคลิพับลิกัน ซึ่งทางอิยิปต์ได้หนุนหลังอยู่ช่วงเวลานั้น เนื่องด้วยความวิตกว่า ทางอิยิปต์จะขยายอิทธิพล ในทางภาคใต้ และก่อความไม่สงบขึ้น

    4เยเมนเป็นประเทศที่มีระยะของชายหาดยาวกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งทะเลแดง ทะเลอาหรับ และเนื่องด้วยการมีอ่าวสำคัญๆอย่าง เอเดน ,ฮะดีด ฟุฮาอฺ จึงทำให้ประเทศนี้มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ไม่น้อยเลยทีเดียว



    map-yemen

    ความสำคัญทางด้านกำลังพลและประชากร

    ตามสถิติของปี 1993 เยเมนมีประชากรประมาณ 13 ล้านคน จึงทำให้เยเมนกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากในคาบสมุทรอาหรับ และเพราะประชากรส่วนใหญ่ล้วนมาจากเผ่าต่างๆที่ติดอาวุธ และเป็นนักรบ มีประสบการณ์เกี่ยวกับสงครามมาแล้ว เรื่องนี้จึงบอกกับเราว่า หากมีสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลเยเมนสามารถจัดทหารอาสามากกว่าล้านคนได้ในทันที ซึ่งสำหรับซาอุดิอาราเบีย ความพร้อมในด้านนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าวิตก เพราะเมื่อถึงยามคับขัน เยเมนสามารถจัดทับตามเขตชายแดนได้เร็วกว่า ซาอุ ได้ถึงหลายเท่า ในการจัดทัพเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนักสำหรับซาอุดิอาราเบียแต่อย่างใด

    ความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ

    เนื่องจากเยเมนเป็นประเทศที่มีระยะชายหาดยาวกว่าประเทศอื่นๆ จึงทำให้สามารถกอบโกยผลประโยชน์จากธุรกิจทางด้านการประมงได้เป็นอย่างดี แต่เนื่องจากสงครามยาวนาน ,ความขัดแย้งภายใน และการแย่งชิงอำนาจของเหล่ามหาอำนาจ ทำให้ประเทศนี้ไม่มีโอกาศใช้ประโยชน์จากทรัพยากรล้ำค่าเหล่านี้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลกปี 2013 ชาวเยเมนมากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ดำรงชีพด้วยเงินน้อยกว่า 2 ดอลล่าร์ต่อวัน เนื่องจากความยากจน การทุจริตที่แพร่หลาย ความไม่มั่นคงและความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ทำให้เยเมนเป็นประเทศที่อยู่ในขอบนรกและความวุ่นวายทางเศรษฐกิจสังคม นอกจากนี้ การขุดเจาะน้ำมันยังทำให้ เยเมน และ ซาอุดิอาราเบีย มีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด และทางซาอุพยายามที่จะครอบครองผลประโยชน์จากคลังน้ำมันของเยเมนมาครอบครองเป็นของตัวเอง อีกด้วยเช่นกัน

    ความสำคัญทางด้านวัฒนธรรม

    เยเมนเป็นประเทศที่มีอารยธรรมเก่าแก่ และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของศาสนา ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมบางส่วนก็มีกล่าวไว้ในอัลกุรอ่าน เช่นกัน เหล่านักค้นคว้าพยายามค้นหาร่องรอยเหล่านี้ และนอกจากนี้ ยังมีห้องสมุดที่เก็บตำราทางประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่และทรงคุณค่า ซึ่งช่วยเพิ่มความสำคัญของประเทศนี้ในอีกด้านหนึ่ง



    ศาสนาและนิกาย

    อิสลาม คือ ศาสนาอย่างเป็นทางการของประเทศเยเมน มีศาสนาอื่นปะปนอยู่เช่นกันแต่ถือว่าน้อยมาก ประชากรส่วนใหญ่คือ มุสลิม โดยมีนิกายต่างๆ อย่างเช่น ซัยดียะฮ ชาฟีอีย์



    การเมืองศาสนา และการปกครอง

    ก่อนการรวมกันระหว่าง เยเมนทั้งสองฝ่าย ในปี 1990 ชาวเยเมนทางตอนใต้นิยมในระบบสังคมนิยม แต่ก็มีการเข้าร่วมการประชุมเสวนาอิสลาม และภายหลังจากการรวมเยเมนเป็นหนึ่ง จึงมีการประกาศ ให้อิสลามเป็นศาสนาอย่างเป็นทางการ โดยประชาชนสามารถนับถือศาสนาได้อย่างเสรี



    อิทธิพลทางศาสนาต่อการเมืองและวัฒนธรรมสังคม

    ภายหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ผลคือ ศาสนาได้เข้ามามีอิทธิในเวทีการเมืองและสังคมของเยเมน แน่นอนว่า ศาสนาอิสลามได้แผ่ขยายตั้งแต่ยุคสมัยแรก แต่การหารือให้ใช้ ชะรีอัตอิลาม ในเวทีการเมือง เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ภายหลังจากการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน ชาวเยเมนนับเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางมายังอิหร่าน และเข้าพบกับอิม่ามโคมัยนี ต่อมาการมีอิทธิพลของอิสลาม จึงเป็นหนึ่งในความต้องการของประชาชนที่จะนำชะรีอัตเป็นพื้นฐานในการร่างรัฐธรรมนูญ



    ข้อกล่าวอ้าง ที่ซาอุดิอาราเบีย ใช้เปิดสงครามถล่มเยเมน

    การจะเข้าใจสถานการณ์และบทของแต่ละฝ่าย เบื้องต้น เราต้องเปิดดูที่มาของประเทศเยเมนสักเล็กน้อย ซึ่งผู้เขียนก็ได้นำเสนอในตอนต้นไว้แล้ว หลังจากนั้น เราต้องมาดูเหตุผลของแต่ละฝ่ายกันบ้าง โดยเริ่มจาก ซาอุ ซึ่งเหตุผลหลักที่ ทางการซาอุ ได้ประกาศแก่ชาวโลก ถึงสาเหตุการเปิดสงครามถล่มเยเมน มีสามประการด้วยกันดังนี้

    1 เพื่อคืนอำนาจให้กับ มันศูร ฮาดีย์ ในฐานะ ประธานาธิบดี

    2 สถานะใหม่ของเยเมน ถือ เป็นภัยคุกคามต่อ ซาอุดิอาราเบีย และประเทศในเขตอ่าวเปอร์เซีย

    3 เพื่อทำลายอิทธิพลของอิหร่านที่มีต่อเยเมน



    วิพากษ์

    1 การคืนอำนาจในกับ มันศูร ฮาดีย์

    ทางการซาอุเห็นว่า พวกเขาจะต้องแทรกแซง ประเทศอาหรับที่มีความยากจนที่สุดคือ เยเมน เพื่อคืนอำนาจให้กับ อดีต ประธานาธิบดี มันศูร ฮาดีย์ ด้วยการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน บางคนอ้างว่า การโจมตีของซาอุ เป็นการโจมตี ชีอะฮ ไม่ใช่โจมตีซุนนี่ คำกล่าวอ้างเช่นนี้ แน่นอนว่ามันไม่มีน้ำหนัก เพราะหลังจากการรุกรานเยเมน ประชาชน ทั้งซุนนี่ และ ชีอะฮ ต่างก็ออกมารวมตัวกัน ในเมืองซันอา ร่วมกันประนามการกระทำของรัฐบาลซาอุ พร้อมทั้งประกาศสนับสนุนพรรคอันศอรุลลอฮ ที่เพิ่งจะปฏิวัติสำเร็จได้ไปหมาดๆ

    ก่อนอื่นเราคงจะสงสัยกันว่า มันศูร ฮาดีย์ คือ ใคร ทำไมถึงถูกถอดออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี เขาทำอะไรผิด ประชาชนถึงต้องประท้วง และทำไมซาอุ ถึงได้ใช้เหตุผลในการบุกโจมตี โดยการพาดพิงถึงนายคนนี้

    มีเรื่องราวของ มันศูร ฮาดีย์ ที่สามารถนำเสนอได้อย่างมากมาย ในที่นี้ เราจะขอนำสนอข้อมูลที่หาไม่ได้จากแหล่งข่าวของตะวันตก และแหล่งข่าวที่เอียงไปทางซาอุดิอาราเบียให้วิเคราะห์กัน

    หากกล่าวสรุป แบบสั้นๆ ถึงสาเหตุการทำรัฐประหาร ต่อ ประธานาธิบดีคนนี้ โดยประชาชนชาวเยเมน สาเหตุที่ทำให้ประชาชนชาวเยเมนรู้สึกไม่พอใจ ต่อ ปธน.คนนี้ หลักๆก็คือ นโยบายที่ก่อให้เกิดความแตกแยกภายในทางการเมืองของชายคนนี้ โดยมีซาอุเป็นผู้หนุนหลัง และการโยกย้ายอำนาจให้ประเทศอื่นมาควบคุมกิจการภายใน

    ทางคณะกรรมการสูงสุดของการปฏิวัติในเยเมน ได้รับเรื่องเนื่องด้วยการเรียกร้องจากประชาชนในประเทศ โดยทางประชาชนได้รวมตัวกันในเมืองซันอา (ซานา) เมืองหลวงของเยเมน ด้วยสโลแกน” เพื่อสร้างความมั่นคง” และ เราจะยืนหยัดปฏิวัติต่อไป” ในวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2015

    ก่อนหน้านี้ ในวัน พฤหัสบดีที่ 5 มีนา มีการจัดตั้งการประชุมขึ้น โดยมีพรรคการเมืองกลุ่มต่างๆ ในเมืองซันอา โดยมี นาย ญะมาล บิน อุมัร เป็นตัวแทนเฉพาะกิจของ สหประชาชาติ ในกิจการเยเมน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ เป็นการหารือ กันเรื่อง การจัดตั้งประธานสภาภายในประเทศ และรัฐมนตรีในรัฐบาลชั่วคราว

    โดยในการเสวนาในครั้งนี้ แต่ละพรรคการเมืองต่างมีความเห็นตรงกัน ซึ่งในอนาคตรัฐบาลชั่วคราวจะมี รมต. ถึง 35 คน แต่ในกรณีการบริหารนั้นแต่ละพรรคยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ ซึ่งตามกฎหมายที่ร่างขึ้นใหม่ของเยเมน มีการประกาศในวันที่ 6 กุมพาพันธ์ คือให้มี คณะกรรมการ จำนวน 5 คน ทำหน้าที่รับผิดชอบและตรวจสอบ กิจการต่างๆของประธานาธิบดี โดยให้มีสภาชุดใหม่ แทน สภาเก่าที่ถูกถอดถอน และให้มีการจัดตั้ง ประธานสภาคนใหม่ขึ้น การทำข้อตกลงของแต่ละพรรคการเมืองกำลังอยู่ในช่วงดำเนินการ ทุกอย่างกำลังไปได้ดี อนาคตประเทศเริ่มสดใสขึ้น แต่ ประธานาธีบดี อับดุลรอบบิฮ มันศูร ฮาดีย์ ก็ยังคงดำเนินนโยบายในการทำลายข้อตกลง ซึ่งในเยเมนนั้น เป็นที่รู้กันว่า ปธน คนนี้ เป็นคนของซาอุ เขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซาอุในการดำเนินนโยบายต่างๆอีกด้วย เป้าหมายของ มันศูร ฮาดีย คือ การตัดงบประมาณของพรรคอันศอรุลลอฮ และการโยกย้าย งบประมาณของรัฐบาลเยเมน โดยการนำเอางบประมาณเหล่านี้ ไปเก็บไว้ในธนาคารกลางของเยเมนในอเดน แทนเมืองหลวงคือ ซันอา ซึ่งนั่นทำให้ การบริหารของเขาเริ่มแสดงออกถึงความไม่โปร่งใส

    ต่อมา มันศูร ฮาดีย์ ได้จ่ายเงินให้กับทหาร เขาพยายามซื้อกองทัพ และพยายามควบคุมกองทัพให้อยู่ในกำมือ หลังจากนั้น วันที่ 20 กุมพา เขาได้ทิ้งเมืองหลวงซันอา ไปสู่เมือง เอเดน อย่างลับๆ ในช่วงที่อยู่เอเดน มันศูร ได้พยายาม จัดตั้งรัฐบาลซ้อนขึ้น ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการประกาศการเป็นประธานาธิบดีของเขาในเมืองนี้อย่างเป็นทางการ

    ต่อมา เหตุการณ์เกิดขึ้นใน เมืองเดียวกัน มันศูรได้ออกคำสั่ง แก่ อับดุลฮาฟิศ อัซซักกอฟ ผู้บัญชาการกองทัพสายความมั่นคง แต่ อับดุลฮาฟิศ ได้ปฏิเสธ คำสั่งของ มันศูร คำสั่งดังกล่าว คือ ให้ ผบ อับดุลฮาฟิศ นำกองทัพภายใต้อำนาจของตน วางกำลังไว้รอบค่ายทหารหลักของเยเมน เพื่อเตรียมการโจมตี ทหารของประเทศ เมื่อประชาชนรู้ข่าวจึงเกิดกระแสความไม่พอใจต่อมันศูร

    นาซีร มันศูร ฮาดีย น้องชาย ของ มันศูร ฮาดีย์ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ตามจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้ เช่น เอเดน เอบิน ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ดำเนินนโยบายสร้างความแตกแยกและความวุ่นวายภายในประเทศ เขาได้ปล่อยตัว สมาชิก อัลกออิดะฮ ที่ถูกขังอยู่ในเมือง เอบีนถึง 40 คน เป็นอิสระ

    ฝ่าย มันศูร ฮาดีย์เองก็เช่นกัน เขาได้ปล่อยตัว สมาชิกอัลกออิดะฮ จำนวนมาก เช่น นาย ฏอริค อัลฟุฎลา หนึ่งในผู้นำพรรคเยเมนใต้ และได้นำชายคนนี้ออกนอกนอกประเทศ ในเวลาต่อมา

    ชาวเยเมนจึงไม่ต้องการให้ ชายคนนี้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป ในอีกทางหนึ่ง การคืนอำนาจให้กับ มันศูร ฮาดีย์ จะทำให้ อิทธิพลของซาอุเฟื่องฟูในเยเมนอีกครั้ง กล่าวคือ มันศูร ฮาดีย์ จริงๆแล้ว ก็คือ หุ่นเชิดของซาอุ ที่มีไว้เพื่อควบคุมเยเมน

    2. สมมติว่า การคืนอำนาจให้ มันศูร ฮาดีย์ ถือเป็นความชอบธรรม นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ชอบธรรม และเพียงพอ ที่จะทำให้ ซาอุดิอาราเบีย ถึงกับต้องเปิดสงครามถล่มประเทศที่ยากจนเช่นนี้

    เพราะก่อนหน้านี้มีการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจเก่าในตูนีเซีย ซาอุก็ไม่ได้ทำอะไร หรือใน อิยิปต์ ก็มีการโค้นล่มประธานาธิบดี ฮอสนีย์ มุบารอกซึ่งทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า การล้มฮอสนีย์ ทำให้รัฐบาลซาอุดี้ แสดงโทสะเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ ปฏิบัติการทางทหารเหมือนที่เกิดขึ้นในเยเมน

    น่าแปลกว่า พอถึงคราวเยเมน ซาอุถึงกับต้องดิ้นรนจนกลายเป็นผู้จุดชนวนสงครามขึ้นมา เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเมื่อมองจากวิธีการนี้ไม่ใช่การคืนอำนาจให้กับ ประธานาธิบดี อย่างถูกต้องเลย กล่าวคือ การโจมตีในครั้งนี้ ในอีกมุมหนึ่ง ซาอุ ใช้วิธีไปถล่มเยเมน เพื่อให้ คนของตนกลับสู่อำนาจอีกครั้ง วิธีการแบบนี้ดูคล้ายสมัยที่ซัดดัม เปิดสงครามบุกอิหร่าน แต่ต่างกันตรงที่ อดีต ซาอุสนับสนุนซัดดัมล้มอิหร่าน ปัจจุบัน ซาอุลงสนามเอง เพื่อล้มเยเมน

    อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ อย่าคิดว่า ใครก็ตามที่ได้เป็นผู้ครอบครองแผ่นดินที่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิของศาสนา แสดงว่าการตัดสินใจของเขาคนนั้น ถูกต้อง กษัตริย์ซาอุไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศอย่างชอบธรรมมาตั้งแต่แรกแล้ว การที่หลายๆ คนชอบที่จะอ้างว่า กษัตริย์ซาอุ เป็นผู้พิทักษ์แผ่นดินฮารอมัยน ดังนั้น ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ถูกต้องทั้งนั้น คิดแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรเลย กับการยอมรับ ยะซีด หรือ ผู้ปกครองที่ฉ้อฉล ว่าเป็นผู้นำประชาชาติอิสลาม

    3.บางฝ่ายอ้างว่า การบุกโจมตีเยเมนโดย ซาอุดิอาราเบีย เป็นการทำสงครามนิกาย กล่าวคือ การบุกโจมตีของซุนนี่ ต่อชีอะฮ

    แน่นอนว่าในตอนนี้ หลายๆคนเริ่มจะสร้างความชอบธรรม โดยการใช้ศาสนามาบังหน้าเสียแล้ว ดังที่มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เพื่อตอบคำถามถึงความชอบธรรมในการจู่โจมของซาอุ ซึ่งเมื่อมองจากความเป็นจริง ในหลายๆเหตุผล เราพบว่า ข้ออ้างดังกล่าวไม่เป็นความจริงเลย เพราะ

    3.1 กลุ่มที่ออกมาประนามการกระทำของซาอุในครั้งนี้ ไม่ได้มีแต่ชีอะฮ แต่เพียงกลุ่มเดียว มุสลิมกลุ่มอื่นๆ ก็ได้ร่วมออกมาประนามการกระทำของซาอุด้วยเช่นเดียวกัน ดังที่เราได้ติดตามจากข่าวแล้ว มีการรวมตัวประท้วงเพื่อต่อต้าน การรุกรานของซาอุ ไม่ว่าจะใน ซันอา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเยเมน หรือ ปาเลสไตน์ หรือ ในปากีสถาน แต่ละกลุ่มต่างรวมตัวกัน ซึ่งรวมทั้งซุนนี่ และชีอะฮ ต่างก็ออกมาประนามการกระทำของซาอุดิอาราเบีย ที่พยายามเข้ายึดอำนาจจากประชาชนชาวเยเมน อย่าให้คนที่คลั่งหรือศรัทธาต่อซาอุ มายัดเยียดความคิดนี้ใส่ เรามีความคิด มีความสามารถที่จะตรวจสอบความจริง และฟังเรื่องราวจากหลายๆด้าน ดังนั้น คำพูดทีว่าการโจมตีซาอุเป็นสงคราม ระหว่าง ซุนนี่-ชีอะฮ จึงเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นความจริง เมื่อพิจารณาจากมุมมองของมุสลิมทั่วโลก

    3.2 หากสาเหตุที่ ซาอุ บุกโจมตี ชีอะฮ เพราะ ชาวเยเมนเป็นชีอะฮ คำถามแรกก็คือ ในยุคนี้ หากใครที่ไม่ได้ตามแนวทางวะฮาบี หรือมีความเชื่อเหมือนกับพวกเขา โทษของพวกเขาคือ ความตายกระนั้นหรือ ? เพียงเพราะความเชื่อที่แตกต่าง ถึงขั้นต้อง สำเร็จโทษด้วยการประหารชีวิตคนๆนั้นหรือ ? ตรรกะวิบัติที่มุสลิม มักถูกหลอกให้ฆ่ากันเอง ในยุคสมัยนี้ มากที่สุด คือ ใครก็ตามที่ไม่ใช่มีความเชื่อเหมือนกับพวกเขา เขาคนนั้น จะตกอยู่ในสถานะของ กาเฟร หรือ ผู้ปฏิเสธศรัทธา หรือ มุรตัด คือ ผู้ตกศาสนา ซึ่งเรียกว่า การตักฟีร เหตุผลที่ต้องมีการตักฟีร ก็เพื่อปิดปากของผู้คน เมื่อถามหาความชอบธรรมในการฆ่าสังหารมุสลิมคนหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อมุสลิม คนหนึ่ง ถูกถือว่า ตกศรัทธา การฆ่าเขาจึงไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ในขณะที่ศาสนาไม่ได้สอนเช่นนั้นเลย) การตักฟีร เป็น ข้ออ้างที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ในสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ซึ่งวิธีการเช่นนี้ นับเป็นวิธีการที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง (ศาสนาสอนเช่นนี้หรือไม่ มีคำสอนในลักษณะนี้หรือ จำเป็นต้องศึกษาในวาระอื่นๆ ซึ่งหากนำเสนอ ก็จะอยู่นอกประเด็นนี้)

    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อพูดถึงซัยดียะฮ คนที่เรียน และศึกษา ศาสนวิทยา ต่างก็รู้ดีว่า กลุ่มซัยดียะฮ มีความเชื่อที่ใกล้เคียง กับ อะฮลิซุนนะฮ กล่าวคือ ซัยดียะฮ ยอมรับในการเป็นคอลีฟะฮ ของท่าน อบูบักร์ และท่านอุมัร ดังที่ชะฮเรสฏานี ได้กล่าวอธิบายถึงนิกายนี้ไว้ใน หนังสือ มิลัล วะ นิฮัล ของเขา (เล่มหนึ่ง หน้า 155 )นอกจากนี้ หลักการทางศาสนบัญญัติ กลุ่ม ซัยดียะฮ ยังยึดตาม อบูฮานีฟะฮ , ชาฟีอีย์,ฟิกฮของชีอะฮ อีกด้วย นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่า ซัยดียะฮ มีความใกล้ชิดกับซุนนี่

    4.ข้อกล่าวอ้างเรื่องการขยายอำนาจของอิหร่าน คือ อีกสาเหตุหนึ่งที่ซาอุใช้อธิบายถึงการทำสงคราม

    ในประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่พูดถึงเรื่อง “สงครามตัวแทน” คือ ระหว่าง ซาอุดิอาราเบีย กับ อิหร่านในภูมิภาค มันคือ เหตุผลทางการเมืองที่ซาอุ ใช้ เพื่อ ยิงระเบิดใส่เยเมน หลายๆคนอ้างว่า กลุ่มอันศอรุลลอฮ คือ หุ่นเชิด ที่อิหร่าน ใช้คุมเยเมน เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากหลายมุมมอง จะเห็นว่า จริงๆแล้ว ซาอุดิอาราเบียเองต่างหากที่ได้แทรกแซงเยเมน และแสดงเจตจำนงค์ในการเข้าควบคุมเยเมนอย่างเปิดเผย เพราะถ้าข้อหานี้เป็นความจริง จะต้องมีหลักฐานที่ปรากฎว่า อิหร่านคือผู้สร้างสถานการณ์ในเยเมน แต่ความเป็นจริงอิหร่าน ไม่ได้สร้างสถานการณ์การปฏิวัติขึ้นมา แต่เป็นคนเยเมนเองที่ได้เรียกร้องให้ประเทศเกิดการปฏิวัติ ใครบอกว่าไม่ใช่ แสดงว่าโกหกแล้วละครับ ตรงข้ามในขณะที่ เมื่อเรา ดูการเมืองต่างประเทศของซาอุดิอาราเบีย กลับกลายเป็น กระแสการยุยงให้เกิดความแตกแยก เช่น การทำสงครามระหว่างซุนนี่-ชีอะฮ การตักฟีร ล้วนถูกปล่อยออกมาจากซาอุดิอาราเบีย และในบางครั้ง พวกเขาก็สร้าง ,สนับสนุน ISIS ให้ไปก่อกวนในประเทศที่เป็นเป้าหมายเหล่านี้ และยังได้ยุให้เกิดการโค่นล้มอำนาจของบะชัร อัลอะซัด ในซีเรีย อย่างเปิดเผย

    หากจะถามว่า หลักฐานที่ยืนยันถึงคำกล่าวเหล่านี้อยู่ที่ไหน การหาคำตอบเป็นเรื่องง่าย ลองสังเกตดูว่า ผู้รู้หรือกลุ่มองค์กรที่ปฏิบัติตามนโนบายของซาอุดิอาราเบีย เขามีความเห็นอย่างไรต่อมุสลิมด้วยกัน ที่ไม่ใช่นิกายเดียวกัน ในประเทศไทยเอง ก็มีการตักฟีร กล่าวหาว่า มุสลิมกลุ่มอื่นตกจากศาสนา นอกจากนี้บางแหล่งข่าวรายงานว่า อิหร่านส่งอาวุธให้เฮาซี แต่จากหลักฐานยังไม่มีการพบว่า เฮาซีใช้อาวุธที่ทันสมัยในการต่อสู้เลย

    5. ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอาหรับ กลายเป็นภัยคุกคามประเทศที่ร่ำรวยที่สุด

    เมื่อพูดถึงภัยคุกคาม คำถามหลักที่ต้องคำนึงคือ คุกคามใคร คุกคามอะไร และการคุกคามดังกล่าวมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน

    ในมุมหนึ่ง การเปิดสงครามของซาอุ ในครั้งนี้ มีความคล้ายคลึงกับ การเปิดสงครามของซัดดัม ที่ได้เคยถล่มอิหร่าน เมื่อสมัยสงคราม 8 ปี ต่างกันตรงที่ สมัยนั้น ซาอุดิอาราเบีย ไม่ได้ลงสนามเอง และเหมือนกันตรงที่ ซาอุดิอาราเบีย มองว่า การปฏิวัติของอิหร่านในวันนั้น และการปฏิวัติของเยเมนในวันนี้ เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา มันเป็นข้อกล่าวหาที่โมฆะ เพราะ ข้ออ้างที่ซาอุใช้อธิบายถึงคำถามว่าทำไมต้องบุกเยเมน คือ เยเมน กลายเป็นประเทศที่เป็นอันตรายต่อประเทศในอ่าวเปอร์เซีย

    ข้อแรก คือ เยเมน เป็นประเทศอาหรับที่ยากจนที่สุด และยังเป็นประเทศที่ล้าหลังที่สุด ในบรรดาประเทศอาหรับทั้งหมด
    ข้อที่สอง คือ ภายในประเทศเองก็ยังมีปัญหา เศรษฐกิจ ปัญหากลุ่มก่อการร้าย และการพัฒนาชาติ ประเทศที่มีปัญหาภายใน และฐานะความมั่นคงในระดับนี้ ไปคุกคามประเทศที่ร่ำรวยที่สุดอย่างซาอุยังไง? แล้วคำว่า คุกคาม ที่ทางการซาอุเลือกใช้ มันหมายถึงอะไร หมายถึง คุกคามทางการทหาร หรือ หมายถึง คุกคามทางเศรษฐกิจ ?

    แต่ถ้าการคุกคามที่ซาอุดิอาราเบีย ความหมายหนึ่ง คือ การถอนรากอิทธิพลของซาอุดิอาราเบีย ให้หมดสิ้นไปจากเยเมน, การปลดแอกเยเมนจากความเป็นทาศ และการขึ้นตรงกับซาอุดิอาราเบีย , การปลดอิทธิพลทางเศรษฐกิจออกจากคำสั่งของซาอุ และแน่นอน ที่คุกคามซาอุดิอาราเบียมากที่สุด คือ การขยายวงกว้างของแนวคิดในการล้มล้างระบอบเผด็จการที่สวมหน้ากากอิสลาม นั่นพวกเขามีสิทธิที่จะสร้างชาติ และประเทศของตนเอง มีด้วยหรือ ดังนั้น คำว่าคุกคามจริงๆที่ซาอุดิอาราเบียไม่ได้พูดถึง คือ ต่อไปในอนาคตซาอุไม่สามารถควบคุม และกอบโกยผลประโยชน์จากประเทศนี้ได้อีก เพราะเยเมนจะปลดแอก และหลุดพ้นจากโซ่แห่งอิทธิพลของซาอุดิอาราเบียแล้ว นี่คือการคุกคามที่ซาอุดิอาราเบีย ไม่ได้พูดถึง

    ถ้าหากจะอ้างว่า ต้องบุก เพราะถ้าไม่บุก อันศอรุลลอฮ จะถล่มประเทศในอ่าวเปอร์เซีย นั่นโกหกคำโตแล้ว อย่างที่เราอธิบายไปแล้วว่า ประเทศนี้มีสถานะการเงิน และปัญหาภายในอย่างไรบ้าง

    6.ถ้าจะให้ซาอุดิอาราเบีย บุก อิสราเอล อิสราเอล จะต้องเป็นชีอะฮเสียก่อน

    นี่ก็เป็นอีกข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ชี้ว่า จริงๆแล้ว ซาอุไม่ได้สนใจพี่น้องมุสิม อย่างที่สมควรจะเป็น เพราะถ้าซาอุสนใจจริงๆ ป่านนี้เราคงได้เห็นจรวดหรือขีปนาวุธยี่ห้อซาอุดิอาราเบีย หล่นในอิสราเอลบ้างแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น รอมานานแล้วก็ยังไม่เคยเห็นสักที

    อีกประเด็นหนึ่งที่หลายๆ คนตั้งคำถามว่า ทำไมนโยบายของซาอุดิอาราเบีย ถึงไม่เคยปรากฎให้เห็นเลยว่า พวกเขาคิดจะต่อต้าน หรือ ช่วยเหลือ ชาวปาเลสไตน์ ในการปลดปล่อยประเทศให้เป็นอิสระบ้างไหม น่าเศร้าที่ศัตรูกลุ่มเดียวที่ ซาอุ มองว่าเป็นภัยมาโดยตลอดคือ ชีอะฮ ถามว่าทำไม อิสราเอล ไม่เคยเป็นเป้าหมายของกลุ่มเหล่านี้เลย คำถามนี้ เป็นปริศนาที่ผู้อ่านจะต้องไขด้วยตัวเอง

    อย่างไรก็ตาม บางกลุ่มได้ให้คำตอบว่า สาเหตุที่ซาอุดิอาราเบีย ไม่มีนโยบาย หรือ สนับสนุนให้การจัดการประท้วง หรือ กล่าวประนามอิสราเอล เพราะ พวกเขาถือว่า กลุ่มแรกที่ต้องจัดการคือ อิสลามของปลอม ดังนั้น คำถามจึงอยู่ที่ ใครอยู่ในสังกัดของอิสลามแบบปลอมๆ นี้ ?

    ถ้าย้อนกลับไปที่หัวใจ หรือ จิตวิญญาณของ สำนักคิดวะฮาบี โดยมีผู้ก่อตั้งคือ อิบนุตัยมียะฮ ทุกกลุ่มที่ไม่ได้เดินตามแนวทางของเขา ในมุมมองของเขาถือเป็นอิสลามจอมปลอม ไม่ว่าจะเป็นซุนนี่ หรือ ชีอะฮ ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไม นโยบายหลักของสำนักคิดนี้ จึงเป็นการกล่าว ตักฟีร หรือ การกล่าวหามุสลิม กลุ่มอื่น ว่า หลงผิด หรือ บิดเบือน จึงกลายเป็นนโยบายหลัก ตั้งแต่มีการเผยแพร่แนวคิดสุของอิบนุตัยมียะฮ แนวคิดนี้ก็ได้สร้างปัญหาให้กับสังคมจะขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อย อิบนุกะซีร หนึ่งในลูกศิษย์ของอิบนุตัยมียะฮ ได้กล่าวว่า “ในวันที่ 8 ของเดือนชะอฺบาน ได้มีการจัดตั้งประชุม ต่อหน้าผู้ปกครองเมืองดามัสกัส ซึ่ง ณ สถานที่แห่งนั้น ถูกคนลงความเห็นเป็นมติเดียวกันว่า ถ้าหากอิบนุตัยมียะฮ ยังไม่หยุด เผยแพร่เเนวคิดอันบาฏิลของเขา จะต้องถูกจำคุก ดังนั้น บรรดากอฎีย์ หรือ ผู้พิพากพา จึงส่งอิบนุตัยมียะฮ ให้ไปอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งในอิยิปต์. ในเวลานั้น ชัมซุดดีนอัดนาน ได้มีโอกาศสนทนากับเขา แต่อิบนุตัยมียะฮ ก็ยังคงพูดเรื่องอะกีดะฮความเชื่อของตนเองอย่างเปิดเผย เมื่อการเป็นเช่นนี้ กอฎีจึงได้สั่งจำคุก และหลังจากนั้น อิบนุตัยมียะฮ จึงถูกย้ายไปอยู่ในคุกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง นามว่า ((ญับ)) ในเวลาต่อมา” ((อัลบิดายะฮ วันนิฮายะฮ เล่มที่ 14 หน้า 4))

    มองสงครามนี้จากพันธมิตรของแต่ละฝ่าย จะทำให้เราเข้าใจจุดยืน และแนวคิดของซาอุดิอาราเบีย ได้ดียิ่งขึ้น

    เช่นเดียวกัน เขายังได้กล่าวต่ออีกว่า “ในคืนอีดุลฟิตร ปีเดียวกัน อมีรซัยฟุดดีน ตัวแทนผู้นำอิยิปต์ ได้ออกหมายเชิญ ผู้พิพากษาจากสามมัซฮับ โดยในสาส์นเทียบเชิญได้กำหนดข้อเสนอว่า ให้ปล่อยตัวอิบนุตัยมียะฮ โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องละทิ้งความเชื่อเช่นนี้ของเขาเสียก่อน. เมื่อได้ข้อสรุปพวกเขาจึงส่งคนไปเจรจากับอิบนุตัยมียะฮ แต่เขาก็ไม่พร้อมที่จะยอมรับในเงื่อนไขอันนี้.

    ในปีต่อมา อิบนุตัยมียะฮ ถูกส่งไปขังจำคุกที่ ยอดเขาญะบัล ประเทศอิยิปต์ จนกระทั้งเขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในวันที่ 23 เดือนรอบีอุลเอาวัล และมีได้รับสิทธิโดยให้เลือกระหว่างอยู่ต่อที่อิยิปต์ หรือ กลับถิ่นฐานเดิมของเมืองชาม อิบนุตัยมียะฮ เลือกจะอยู่ในอิยิปต์ และไม่หยุุดการเผยแพร่แนวคิดของเขาต่อไป

    และในยุคสมัยของอิบนุอับดุลวะฮาบเอง มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่อธิบายถึงการ กล่าว ตักฟีร มุสลิมกลุ่มอื่นๆไปจนถึงขั้นนองเลือด ซึ่งหลายๆคนก็คงพอทราบถึงประวัติในเรื่องนี้กันแล้ว และที่ยกเรื่องอดีตมา ผู้เขียนต้องการชี้ว่า ทำไม แนวคิดในการ”ตักฟีร” แบบนี้ ในยุคนี้ มีที่มาที่ไปอย่างไร(แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ก็มีการกล่าวตักฟีร) ดังนั้น จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นว่า เมื่อจิตวิญญาณของสำนักคิดวะฮาบี ไปปรากฎอยู่ที่ใด ความขัดแย้งก็จะไปปรากฎ ณ ที่แห่งนั้น
    ต่อมาก็มาถึง ประเด็นในหัวข้อนี้ คือ ถ้าหากสาเหตุที่ซาอุไม่เคยนับว่า อิสราเอล คือ ศัตรู เพราะ ต้องการถอนรากถอนโคนอิสลามจอมปลอม อีก 2,000 ปี ซาอุ ก็จะไม่มีวันรบกับอิสราเอลครับ เพราะไม่ใช่มุสลิมทุกกลุ่มที่จะยอมรับแนวคิดแบบวะฮาบีย์ และแม้แต่ภายในประเทศซาอุดิอาราเบียเอง ก็ยังมีนิกายที่หลากหลาย ดังนั้น การอ้างว่า ต้องกำจัดอิสลามของปลอมก่อน แล้วจึงค่อยมาจัดการกับอิสราเอล จึงเป็นเพียงแค่คำกล่าวอ้าง ที่ใช้ตอบ และปลอบใจ มุสลิม บางกลุ่มที่ยังคงหวังและศรัทธาว่า วันหนึ่ง ซาอุดิอาราเบีย จะต่อสู้กับอิสราเอล และทวงสิทธิ์ ให้กับชาวปาเลสไตน์อย่างจริงจัง

    บางกลุ่มอาจจะอ้างว่า ภาวะทางการเมืองของซาอุยังไม่เหมาะสมพอ ที่จะต่อสู้กับอิสราเอล ในทางทหาร เราอยากจะตั้งคำถามว่า มีภาวะ หรือ ปัจจัยไหน ที่เป็นตัวยับยั้งไม่ให้ ซาอุดิอาราเบีย ทวงสิทธ์ให้พี่น้องชาวปาเลสไตน์ ? พวกเขายากจนหรือ ? พวกเขาไม่มีอาวุธที่ทันสมัยหรือ ? พวกเขามีกำลังพลไม่พอหรือ ? อะไรเป็นตัวขัดขวางพวกเขา ? คำตอบคือ ไม่มีอะไรขัดขวางพวกเขาหรอกครับ หากคิดจะทำจริง และหากไม่ทำสงครามโดยตรง อย่างน้อย ทางการซาอุ ก็น่าจะช่วยเหลือ โดยการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ หรือความช่วยเหลือทางด้านอื่นๆให้กับชาวปาเลสไตน์บ้าง เพื่อให้พวกเขาได้ปกป้องตนเอง แต่กลายเป็นว่า กลุ่มที่ส่งอาวุธและเงินสนับสนุนให้ปาเลสไตน์ มาหลายสิบปี กลับกลายเป็นกลุ่ม ที่ มุสลิมบางกลุ่ม ดาหน้าว่า ไม่ใช่มุสลิม คือ อิหร่าน และยังเป็นกลุ่มที่ตั้งวันปลดปล่อยปาเลสไตน์ของทั่วโลก เพื่อระลึก และเตือนผู้คนให้จดจำถึงสิ่งที่อิสราเอลได้ทำกับปาเลสไตน์อยู่เสมอ คือ กลุ่มเดียวกันที่ เนทันยาฮุ เคยออกมาโวยว่า ได้แอบส่งขีปนาวุธไปให้ฮามาส รบกับอิสราเอล และยังเป็นกลุ่มที่คอยช่วยเหลือ และประกาศถึงความชอบธรรมของฮามาส ในการทำสงคราม 50 วัน ในครั้งล่าสุด ซาอุดิอาราเบียอยู่ที่ไหน เวลาที่ปาเลสไตน์ถูกอิสราเอลรุกราน ?
    แต่พอ เกิดการปฏิวัติขึ้นในเยเมน ซาอุดิอาราเบีย กลับกลายเป็นประเทศแรกที่บุกเยเมน ด้วยข้ออ้างภัยคุกคาม ? แล้วที่ผ่านมา ซาอุดิอาราเบีย ไม่เคยรู้เลยหรือว่า อิสราเอล เป็นภัยคุกคามกับมุสลิมมาโดยตลอด ? เพราะอะไร ?

    9 กลุ่มพันธมิตรที่เข้าร่วมและเห็นดีเห็นงามกับการโจมตี ดันกลายเป็นพวกที่ไม่มีประวัติขาวสะอาดเอาเสียเลย

    เมื่อมองในมุมของชาติที่ร่วมกับซาอุดิอาราเบีย ในการถล่มเยเมน ผู้นำของแต่ละชาติล้วนมีประวัติที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นอิยิปต์ โดย นายพลซีซีย์ ที่ได้ทำรัฐประหารต่อ นาย มูฮัมมัด มอรซีย์ หรือ ตุรกี ที่ก่อนหน้านี้มีแหล่งข่าวปล่อยออกมาว่าเป็นประเทศที่คอยช่วยเหลือ ISIS ในการสร้างความปั่นป่วนต่อภูมิภาค หรือ สหรัฐอเมริกา ที่ ชอบทำตัวเป็นไม้บรรทัด ชี้ผิด ชี้ถูก ชี้เป็นชี้ตาย ชาติต่างๆ พร้อมทั้งๆแผนต่างๆในการเปลี่ยนแปลงการเมืองในตะวันออกกลาง ประเทศอาหรับใหญ่ๆที่มีความร่ำรวยมหาศาล ได้เรียกปฏิบัติการ กำราบเยเมนในครั้งนี้ว่า พายุแกร่ง หรือ พายุอันน่าสะพรึงกลัว แน่นอน ประเทศที่สนับสนุนให้ยำเยเมน ยังมีผู้นำที่มีปัญหากับประชาชนในประเทศของตนเอง และบางประเทศยังเป็นประเทศที่ใช้อำนาจแบบเผด็จการอีกด้วย การจะดูว่า ใครถูกใครผิด ในด้านหนึ่ง จึงสามารถพิจารณาได้ว่า ศัตรู และมิตรของพวกเขาคือใคร

    โดยสรุปแล้ว จาก ข้อวิจารณ์เหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า การที่ซาอุดิอาราเบีย ประเทศที่ร่ำรวย และมีอิทธิพลมากที่สุดในอาหรับ ได้บุกโจมตี ประเทศเยเมน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความยากจนมากที่สุด เป็นสงครามผลประโยชน์ไม่ใช่สงครามที่รากของมันมาจากความขัดแย้งทางศาสนา และเมื่อนำเหตุผลต่างที่ทางซาอุได้ใช้อ้างถึงความชอบธรรมในการเปิดสงครามกับความเป็นจริง ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า ข้ออ้างเหล่านั้นเป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุสมผล และจากมุมมองทั้ง 9 ทำให้ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่มหาอำนาจเหล่านี้ กำลังทำอยู่ คือ การทำลาย ไม่ใช่การสร้างสรรค์….





    อ้างอิง

    30 กว่าองค์กรสิทธิมนุษย์ชนในโลกอาหรับ ประณามซาอุฯ “รุกราน” เยเมน | abnewstoday

    กษัตริย์โอมานส่ง “สาส์น” ถึงกษัตริย์ซัลมาน ย้ำ การโจมตีเยเมนเป็น “กลลวง” ของอเมริกา | abnewstoda

    นายกฯเลบานอนชี้ การแทรกแซงทางทหารในเยเมนเป็นภัยคุกคามความมั่นคงในภูมิภาค | abnewstoday

    มุสลิมโลก ร่วมประณามซาอุฯ “ผู้รุกราน” บุกโจมตีเยเมน | abnewstoday

    สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับปัญหาเยเมน

    เกาะติดสถานการณ์ร้อน ตรวจรายชื่อชาติที่เข้าร่วมกับซาอุฯโจมตีเยเมน | abnewstoday

    สรุปสถานการณ์ร้อนในเยเมน | abnewstoday

    เฮาซี กล่าวตำหนิ ปธน.เยเมน ขาดความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับการก่อการร้าย | abnewstoday

    ขบวนการปฏิวัติประชาชนในเยเมน | abnewstoday

    “เยเมน” ดุลยภาพของมหาอำนาจโลก | abnewstoday
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เรือรบของอเมริกา ร่วมสมทบกับซาอุฯ โจมตีเยเมน
    ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 2, 2015

    [​IMG]

    สำนักข่าวเพรสทีวีรายงานระบุ แหล่งข่าวทางทหาร ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซีย ว่า เรือรบของอเมริกา เข้าร่วมสมทบกับซาอุฯ ผู้รุกรานในการโจมตีเยเมน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

    แหล่งข่าวดังกล่าว เผยเมื่อวันอังคาร (วานนี้) โดยให้สัมภาษณ์ กับสื่อ Sputnik รัสเซีย ว่า

    เรือรบอเมริกันมีส่วนร่วมในการโจมตีทางอากาศเมื่อวานนี้ ในกรุงซานา และเป็นที่ประจักษ์ว่า ในการโจมตีขีปนาวุธเพื่อทำลายกองพันขีปนาวุธปกป้องของกลุ่มเฮาซี

    แหล่งข่าวระบุว่า การดำเนินการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้น หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียล้มเหลวในการโจมตีคลังอาวุธของกลุ่มเฮาซีในเยเมน

    ผู้เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้นำการโจมตีทางอากาศในวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเป้าโจมตีแหล่งเก็บขีปนาวุธของกลุ่มเฮาซี ณ กรุงซานา

    การประกาศข่าวดังกล่าว เผยให้ถึงความร่วมมือครั้งแรกทางทหารของอเมริกาและซาอุดีอาระเบียในการโจมตีเยเมนในครั้งนี้

    บารัก โอบามาประธานาธิบดีอเมริกา ออกมาให้การสนับสนุนซาอุฯ ผู้รุกรานโจมตีเยเมน หลังจากวันแรกที่เยเมนถูกซาอุฯ โจมตีทางอากาศ

    ตั้งแต่ซาอุฯ ผู้รุกราน เริ่มโจมตีทางอากาศในเยเมน ทำให้ พลเรือนรวมทั้งผู้หญิงและเด็กถูกฆ่าตาย ร้อยกว่าคนแล้ว



    PressTV-US warships join Saudi attack on Yemen

    PressTV-شرکت ناوهای امریکا در حمله عربستان به یمن

    เรือรบของอเมริกา ร่วมสมทบกับซาอุฯ โจมตีเยเมน | abnewstoday
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เบื้องหลังฉากควันทางการเมือง – อะไรคือวาระที่แท้จริงของเยเมน?
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 3, 2015

    [​IMG]

    ในขณะที่สื่อกระแสหลักเน้นความสนใจไปในเรื่องน่าตื่นเต้นของเยเมน หรือที่ตะวันตกเรียกขานว่าเป็นการชักขะเย่อกันทางนิกายและการเมือง ระหว่างชีอะฮ์เฮาซีฝ่ายหนึ่ง กับกลุ่มต่อต้านซุนนีฝ่ายหนึ่ง ประชาชนทั่วไปก็ถูกทิ้งไว้ในความมืดอีกครั้งหนึ่ง ยังมีอะไรมากกว่าที่ตามองเห็นแน่นอนในวิกฤตของเยเมน

    ในความเป็นจริงทั้งหมด สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเยเมนจะเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของตะวันออกกลางได้หลายด้านกว่าที่ซีเรียและอิรักจะกำหนด ในขณะที่อิรักและซีเรียกลายเป็นเหยื่อแรกของแนวคิดจารีตนิยม หรือแนวหน้าของลัทธิวะฮาบีใหม่ เยเมนจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลังของอูฐหัก ในกรณีนี้คือ “ซาอุดิอารเบีย”

    วิกฤตทางการเมืองของเยเมนจำเป็นต้องทำความเข้าใจจากแง่มุมระดับภูมิภาคและระดับโลก ในหนึ่งประเทศแห่งคาบสมุทรอาหรับนี้ สามมหาอำนาจได้เข้ามาปะทะ ขัดแย้ง และทับซ้อนกัน ในลักษณะที่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ตะวันออกกลางและโลกจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

    ไม่ว่าเยเมนจะรู้หรือไม่ก็ตาม การจลาจลเมื่อปี 2011 ได้เริ่มต้นความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดการขึ้นและลงของมหาอำนาจที่ควบคุมดุลยภาพในภูมิภาคนี้อยู่จนถึงขณะนี้ นั่นก็คือ สหรัฐฯ, ซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน

    ด้วยการลุกขึ้นต่อต้านการสถาปนา ชาวเยเมนไม่พอใจกับดุลอำนาจที่ซับซ้อน การปะทะกันทางความคิด ภูมิศาสตร์การเมือง และความทะเยอทะยานที่หลุดพ้นออกนอกแกนของพวกเขา จึงทำให้คนในชาติและฝ่ายต่างๆ ต้องคิดใหม่ระบุสถานะของพวกตนใหม่ภายในเครือข่ายนั้น

    ไม่ว่าจะยากจนและปกครองยากแค่ไหน ไม่ว่าจะด้อยพัฒนาและคาดเดาไม่ได้ทางการเมืองเพียงใด แต่เยเมนก็ยังคงเป็นเพชรทางภูมิศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งจนมหาอำนาจทั้งสามของโลกเตรียมพร้อมจะทำสงครามต่อกันเพื่อให้ได้อำนาจควบคุมดินแดนของมัน

    ในขณะที่มหาอำนาจของโลกให้ความเคารพต่อสถานะเดิมทั้งในซีเรียและอิรัก เพราะกลัวว่าจะมีการปลดปล่อยกำลังทางทหารกันเต็มที่ แต่เยเมนได้เล่นบทบาทที่แตกต่างไป แค่นั้นก็น่าจะบอกได้แล้วว่า แผ่นดินที่แผ่กว้างแห่งนี้คือกุญแจที่จะไขไปสู่อาณาจักรนี้ คือการมีอำนาจควบคุมตะวันออกกลาง

    ดังนั้น กำลังเกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้กันแน่? วิกฤตทางการเมืองของเยเมนเข้ามามีบทบาทในเกมอันยิ่งใหญ่ที่มหาอำนาจเล่นกันอยู่ได้อย่างไร?

    เราลองมามองย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น และดูว่ามันอยู่ในภาพที่กว้างขึ้นอย่างไร เมื่อพูดถึงเยเมน มีกฎอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่มันน่าจะเป็น


    เกมอำพราง

    จวบจนกระทั่งถึงเดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา กลุ่มสำคัญหนึ่งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการจลาจลของเยเมนปี 2011 ก็คือ อัล-อิสลาห์ กลุ่มซุนนีสายสุดโต่งที่เป็นร่มเงาให้แก่กลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) และกลุ่มย่อยของซาลาฟีกับเผ่าต่างๆ อัล-อิสลาห์เป็นการแผ่ขยายทางการเมืองของตระกูลอัล-อะห์มารฺในหลายด้าน ซึ่งตระกูลนี้เป็นเผ่าที่แข็งแกร่งและมีอำนาจมากที่สุดของเยเมน กษัตริย์แห่งเยเมนตามที่หลายคนเรียก ได้ปกครองอำนาจทั้งหมดของประเทศโดยผ่านการอุปถัมภ์อย่างเต็มที่จากซาอุดี้ฯ

    ด้วยการถูกเลี้ยงให้ทำหน้าที่เป็นกลุ่มต่อต้านอำนาจของอดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลลอฮ์ ซาเลห์ ตระกูลอัล-อะห์มารฺ ได้ขับเคลื่อนการปฏิวัติเยเมนเพื่อให้ได้เป็นผู้ปกครองที่ไม่มีใครคัดค้านของอาหรับตอนใต้ เว้นเสียแต่ว่า การอ้างสิทธิ์ของพวกเขาถูกท้าทายโดยศัตรูคู่อาฆาตทางการเมืองและศาสนาที่สำคัญของพวกเขา นั่นก็คือ กลุ่มเฮาซี

    ในขณะที่อัล-ซาลาห์เพิ่งจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ของเยเมน เหตุการณ์ต่างๆ ในอียิปต์และซาอุดิอารเบียก็กลับไม่เป็นไปตามความชอบของกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (ที่พวกเขาให้การสนับสนุนและริยาดให้การอุ้มชู เพื่ออำนวยผลประโยชน์แก่ตนทั่วตะวันออกกลาง จนกระทั่งมีอำนาจมากเกินความสบายใจ) มันได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง และทำให้มีความเป็นไปได้ที่เฮาซีจะกลับมาใหม่

    ใช่แล้ว กลับมาใหม่!

    ถ้าเฮาซีถูกอธิบายว่าเป็นกองทหารอาสาฝ่ายกบฏที่หายเข้าไปในป่าทึบของพื้นที่ราบสูงทางเหนือของเยเมน ขอให้เราจำไว้ว่า “กบฏชีอะฮ์” ตามที่ผู้เชี่ยวชาญเลือกที่จะขนานนามพวกเขากลุ่มนี้ ได้ฝังรากลึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของเยเมน

    เพราะฉะนั้น การเข้ามาสู่ฉากการเมืองของพวกเขาจึงเหมาะสมที่จะเรียกว่าการกลับมาใหม่มากกว่าการผงาดขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ

    ขอให้เราจำไว้ว่า ก่อนหน้าที่จะกลายเป็นสาธารณรัฐ เยเมนเคยเป็นราชอาณาจักรซัยดี

    เฮาซีคือทายาทของประเพณีเก่าแก่นี้ และแม้ว่าความทะเยอทะยานทางการเมืองของพวกเขาจะเป็นไปในทางประชาธิปไตย แต่ประวัติศาสตร์ของพวกเขายังคงผูกพันอยู่กับสายตระกูลนี้ พวกเขาไม่ได้แสดงออกมาเพียงแค่อากาศธาตุ

    แต่ขอให้เราย้อนกลับไปยังเดือนกันยายน 2014 เมื่อกลุ่มเฮาซี ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแรงกล้าจากชาวเยเมนหลายแสนคน ทั้งสายซัยดีและซุนนี ภายใต้การนำของอับดุล-มาลิก อัลเฮาซี ได้ตีฝ่าการยึดเมืองซานาอฺของเผ่าอัล-อะห์มารฺ ไว้ได้ เป็นการสิ้นสุดการถืออำนาจทางการเมืองในเยเมนของกลุ่มอัล-อิสลาห์ไปในทางปฏิบัติ

    ที่ติดอยู่ในสมรภูมิแห่งเจตนารมณ์นี้ก็คือ ประธานาธิบดีฮาดี นักการเมืองหุ่นเชิดที่มีความจงรักภักดีแกว่งไปมาระหว่างริยาดกับวอชิงตัน ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงิน

    ก่อนจะพบกับอำนาจของเฮาซี ก่อนจะถูกกดดันทั้งจากการบีบคั้นทางการเมืองและเจตนารมณ์ของประชาชน ฮาดียอมแพ้อย่างง่ายดาย เขาเลือกที่จะลาออกแทนที่จะถูกขับออกไปด้วยความไม่รู้จักพอของตัวเอง

    สี่เดือนหลังจากเฮาซีเข้ามาในซานาอฺ ขับไล่กลุ่มภราดรภาพมุสลิมออกจากเก้าอี้ ประธานาธิบดีฮาดีได้เสนอการลาออก โดยอ้างเหตุผลถึงความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองกันได้

    ภายในไม่กี่วัน ฮาดีและรัฐบาลชุดเก่าของเขาถูกกักบริเวณอยู่ในบ้าน เฮาซีทำงานเพื่อเยียวยารักษาความแตกแยกทางการเมืองและระหว่างเผ่าของเยเมนอย่างช้าๆ และระมัดระวัง

    แต่ถ้าหากฮาดีกระตือรือร้นที่จะยอมแพ้ ซาอุดิอารเบียยังไม่พร้อมที่จะโยนผ้าขาว

    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ริยาดไม่สามารถจะยอมให้เมืองหลวงของอาหรับอีกแห่งหนึ่งตกไปอยู่กับศัตรูของตนได้อีก ซึ่งก็คืออิหร่าน แม้ไม่ต้องใช้ทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิด ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเฮาซีและอิหร่านมีความผูกพันฉันท์มิตรที่ใกล้ชิดต่อกัน ถึงแม้ว่าทั้งสองจะตกอยู่ในบ่อแห่งอุดมการณ์เดียวกัน

    นับตั้งแต่เกมที่ริยาดริเริ่มขึ้นจะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เฮาซีและอัล-อิสลาห์ก็เริ่มที่จะทำลายล้างกันและกัน ปล่อยให้อัล-ซาอูดทำอะไรก็ได้ในประเทศที่น่าอนาถนี้ ซึ่งซาอุดี้ฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหันกลับมาสนับสนุนอัล-อิสลาห์ แม้ว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการจุดประกายไฟของกลุ่มภราดรภาพขึ้นมาใหม่และเป็นอันตรายที่สุดต่อดุลยภาพทางการเมืองของภูมิภาค แม้ว่าจะยากลำบาก แต่ทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอียิปต์ก็ให้การสนับสนุนการดำเนินการของอัล-ซาอูด



    มิติใหม่ของความซับซ้อน

    ดังนั้น การหนีรอดของฮาดีจึงถูกจัดเตรียมขึ้น แต่ไม่ใช่โดยปราศจากความช่วยเหลือทั้งจากอังกฤษและสหรัฐฯ ภายใต้การปกป้องจากเครื่องบินโดรนหลายลำ ประธานาธิบดีฮาดีที่ลาออกแล้วได้เดินทางผ่านเยเมนไปจนถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คือ เอเดน อดีตเมืองหลวงของเยเมนใต้

    ภายในไม่กี่วันของการกลับมาใหม่อย่างเริงร่า ชาติตะวันตกทั้งหมดและกลุ่มประเทศ GCC ได้ประกาศว่าจะปิดสถานทูตของตน ซานาอฺได้กลายเป็นเมืองนอกกฎหมายทางการทูต ตั้งแต่เวลานั้น อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้

    เฮาซีกลายเป็นศัตรูชีอะฮ์ และฮาดีก็ตัดสินใจในทันทีนั้นว่าการลาออกของเขาเป็นโมฆะ ประธานาธิบดีที่ลาออกอย่างเป็นทางการและกลับเข้าสู่ตำแหน่งอีกครั้งด้วยตัวเองของเยเมนในขณะนี้ ประกาศว่าเอเดนเป็นเมืองหลวงใหม่ชั่วคราวของเยเมน กระตุ้นให้นักการทูตกลับมาหาที่ตั้งใหม่กันอย่างเอิกเกริก

    เอเดนกลับมามีชีวิตใหม่ สองทศวรรษหลังจากเสียสถานะความเป็นเมืองหลวงไป เอเดนได้กลับมาอยู่บนแผนที่อีกครั้ง ฟื้นฟูบทบาทการเป็นแนวหน้าใหม่ในการต่อต้านกับแรงดึงดูดของอิหร่าน

    แต่นี่คือจุดติดขัดในแผนการของริยาด สี่ปีในการปฏิวัติสู่การเปลี่ยนผ่านทำให้เยเมนเป็นอสูรทางการเมืองที่แตกต่างไปอย่างมาก กฎเกณฑ์ของอัล-ซาอูดไม่ใช่กฎที่ไม่มีใครโต้แย้งในคาบสมุทรแห่งนี้อีกต่อไป ชาวเยเมนและฝ่ายต่างๆ ในเยเมนได้เรียนรู้แล้วว่า มีความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ถูกราชวงศ์อัล-ซาอูดชักใยอยู่

    เยเมนมีทางเลือก และมีความเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ซาอุดิอารเบียคว้าเอาไว้ไม่ได้

    เยเมนไม่ใช่บริวารของซาอุดี้ฯ อีกต่อไป เพียงไม่กี่เดือนที่ออกมาจากเงาอันน่าอึดอัดของอัล-ซาอูด ก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้เกิดเยเมนใหม่ขึ้น เยเมนที่เป็นเอกราชที่หลักจารีตนิยมทางศาสนาไม่ต้องเป็นความเป็นจริงที่ชาวเยเมนจะต้องยึดติดอีกต่อไป ที่ริยาดจะไม่มาควบคุมอนาคตของพวกเขา

    ดังนั้น ตอนนี้เรามีเฮาซีอยู่ในภาคเหนือ และฮาดีอยู่ในภาคใต้

    ฮาดีเป็นประธานาธิบดีที่ไม่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี และยังเป็นนักการเมืองที่ไม่มีฝ่าย ขณะที่แนวรบได้ดึงเอาสภาประชาชนทั่วไป (General People’s Congress – GPC) เข้ามาร่วมด้วย อดีตประธานาธิบดีซาเลห์ ได้เข้ามาร่วมชะตากรรมกับเฮาซี พันธมิตรใหม่ในการต่อต้านซาอุดิอารเบีย

    ในเอเดน ฮาดีกำลังเป็นผู้นำแนวร่วมทางการเมืองที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างซึ่งประกอบด้วยอัล-อิสลาห์ และฝ่ายต่างๆ ทางการเมืองและเผ่าอื่นๆ

    ริยาดหวังว่า การเริ่มต้นนี้จะนำไปสู่การสลายตัวของเฮาซี และการมรณะทางการเมืองของอดีตประธานาธิบดีซาเลห์
    เพียงแต่ว่า ยังไม่มีใครต้องการให้เฮาซีและซาเลห์จากไป

    ถ้าวอชิงตันจะไม่สบายใจกับการยินยอมให้เฮาซีปกครองเยเมน มันก็เข้าใจเช่นกันว่าเฮาซีและซาเลห์สามารถต้านทานการปกครองแบบเทวาธิปไตยที่ทำลายตัวเองของอัล-ซาอูดในภูมิภาคนี้ได้ทางยุทธวิธี

    เพื่อปิโตรดอลลาร์ ราชอาณาจักรซาอุดิอารเบียกำลังเปลี่ยนแปลง เมื่อถูกห้อมล้อมด้วยมะเร็งที่มันสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการแผ่ขยายอำนาจ หรือพวกมุสลิมก่อการร้าย และถูกท้าทายจากความไม่พอใจของประชาชนที่กำลังเพิ่มมากขึ้น ซาอุดิอารเบียพบว่าตัวเองกำลังจนมุมให้กับอิหร่าน ตั้งแต่ลีแวนท์ไปจนถึงอ่าว เงาของอิหร่านได้บดบังแสงอาทิตย์ของอัล-ซาอูด

    วอชิงตันเข้าใจว่าพันธมิตรยาวนานของตนนั้นอาจจะเปลี่ยนเป็นภาระทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของมันได้ในไม่ช้า มันจึงจัดเตรียมการไว้เพื่ออนาคต ด้วยการเหยียบเรือไว้ทั้งสองแคม

    สถานการณ์เป็นเช่นนี้ : อิหร่านต้องการที่จะผลักซาอุดิอารเบียออกไปจากตะวันออกกลาง และในการนั้น จำเป็นต้องมีเยเมน หรือจำเป็นต้องมีเยเมนเหนือ ด้วยการมีประชากรส่วนใหญ่เป็นสายซัยดี เยเมนเหนือจึงเป็นพันธมิตรโดยธรรมชาติของอิหร่านในการต่อต้านซาอุดิอารเบียที่เป็นวะฮาบี และถึงแม้ว่าเยเมนโดยรวมจะเป็นทรัพย์สินที่ไม่น่าเชื่อถือ แต่เตหะรานก็เข้าใจว่ามันต้องมีความยากลำบากในการใช้อิทธิพลกับเยเมนใต้ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นซุนนี

    สิ่งแรกและเหนือสิ่งอื่นใดที่สหรัฐฯ ต้องการก็คือการรักษาผลประโยชน์ทั้งทางการทหารและทางการเงินในเยเมนเอาไว้ ในขณะที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในความขัดแย้งที่ยืดเยื้อซึ่งเห็นได้ว่าจะมีตัวละครใหม่ๆ เกิดขึ้น และทำให้สถานการณ์ทางการเมืองที่ซับซ้อนอยู่แล้วยุ่งยากขึ้นไปอีก เพื่อประโยชน์ต่อการทาบทามทางการเมืองของตนที่เพิ่งจะมีกับอิหร่าน และในมุมมองที่จะรักษาสัมพันธมิตรกับหนึ่งในมหาอำนาจของภูมิภาค วอชิงตันน่าจะผลักดันให้เกิดการพักรบชั่วคราว โดยที่ถ้าไม่เรียกร้องให้มีการแบ่งส่วนของเยเมน ก็จะให้มีการรวมเยเมนเหนือและใต้เข้าด้วยกัน

    เฮาซีจะปกครองเยเมนเหนือ โดยการถอนเขตแดนที่ตั้งขึ้นในปี 1990 ไป และอัล-อิสลาห์จะขึ้นเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของเยเมนใต้ภายใต้การอุปถัมภ์ของซาอุดี้ฯ

    ผู้แพ้ที่แท้จริงแต่เพียงผู้เดียวในที่นี้คือ ซาอุดิอารเบีย

    อัล-ซาอูดต้องการให้เฮาซีและซาเลห์ออกไปเสียทั้งคู่

    และแม้ว่ามันจะแสดงตัวว่าเป็นประชาคมระหว่างประเทศ โดยผ่านการเข้ามามีบทบาทของ UNSC ที่ขู่ว่าจะฟ้องร้องและยึดทรัพย์ คำพูดเช่นนั้นเป็นแค่เพียงคำขู่ที่มุ่งหมายจะเพิ่มระดับในการเจรจา

    ท้ายที่สุด วอชิงตันต้องการที่จะทำข้อตกลง

    วิกฤตครั้งนี้จะแสดงออกมาในวิธีใด สงครามจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ริยาดก็ยังคงจะแพ้อยู่ดี ราชอาณาจักรนี้จะไม่ได้เยเมนกลับมาอยู่ใต้อาณัติของตนอีก


    by Catherine Shakdam
    Source New Eastern Outlook
    แปล/เรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์*** หมายเหตุ รายงานชิ้นนี้เขียนเมื่อวันที่ 6/3/58 ก่อนซาอุฯจะถล่มเยเมน

    เบื้องหลังฉากควันทางการเมือง – อะไรคือวาระที่แท้จริงของเยเมน? | abnewstoday
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    HRW กังวล ซาอุฯใช้ “คลัสเตอร์บอมบ์” โจมตีเยเมน
    ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 2, 2015

    [​IMG]

    อัลอาลัม – ผู้สังเกตการณ์ ฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW ) แสดงความกังวลและเตือนซาอุฯ และชาติพันธมิตรมิตร งดใช้ “คลัสเตอร์บอมบ์” โจมตีเยเมน

    หลังครื่องบินรบซาอุและชาติพันธมิตร ได้โจมตีและถล่มเขตชุมชนในกรุงซานา ทำให้พลเรือนเสียชีวิตหลายราย ผู้สังเกตการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ (HRW ) ได้ออกรายงานแสดงความกังวล กรณีที่ซาอุฯ และชาติพันธมิตรจะใช้ “คลัสเตอร์บอมบ์” อาวุธต้องห้ามขององค์กรระหว่างประเทศในการบุกโจมตีเยเมนอย่างไม่หยุดยั้ง

    ในรายงานยังชี้ถึงหลักฐาน บ่งบอกว่า ซาอุฯ มีประวัติเคยใช้อาวุธต้องห้าม “คลัสเตอร์บอมบ์” โจมตีเยเมน เมื่อธันวาคม 2009

    Joe Stork รองผู้อำนวยการบริหารสิทธิมนุษย์ชนด้านตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ เผยว่า กองกำลังซาอุฯ ต้องออกมาปฏิเสธให้ประชาคมโลกได้รับรู้ว่าไม่ได้ใช้ “คลัสเตอร์บอมบ์” อาวุธต้องห้ามดังกล่าว และต้องตระหนักด้วยว่า อาวุธดังกล่าวมีผลกระทบที่ร้ายแรงต่อพลเรือน

    ทำความรู้จัก “คลัสเตอร์บอมบ์”

    Cluster Bomb (คลัสเตอร์บอมบ์) เป็นอาวุธแบบระเบิดที่ใช้การทิ้งจากอากาศยาน หรือ ยิงจากภาคพื้นดิน ตัวหัวรบที่ใช้จะบรรจุลูกระเบิดย่อย หรือ smaller munitions โดยเมื่อยิงหัวรบหลักออกมา เมื่อถึงเหนือเป้าหมาย ตัวเปลือกหุ้มจะถูกสลัดออกมาจากนั้นจะปล่อยลูกระเบิดย่อยออกมา สำหรับลูกระเบิดย่อยที่ใช้งานปัจจุบันมีหลากหลายแบบ เช่น ระเบิดแรงสูง อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรือ กับระเบิด เป็นต้น ลงสู่เป้าหมาย โดยมุ่งหมายให้เกิดการทำลายเป็นบริเวณกว้างต่อบุคคล สิ่งปลูกสร้าง ทางวิ่งของสนามบิน และยานพาหนะ ยานพาหนะหุ้มเกราะ รวมถึงระบบการสื่อสารต่างๆ

    เนื่องจากการที่มีหัวรบย่อยแตกตัวออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้รัศมีการทำลายล้างจึงเป็นวงกว้าง เกิดความเสี่ยงต่อประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้การสู้รบ หรือหากเป็นพื้นที่ที่มีการอาศัยอยู่หนาแน่น จะทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น จึงได้มีการห้ามใช้งานคลัสเตอร์ บอมบ์ในกว่า 30 ประเทศ ตามข้อตกลงเมื่อปี 2008 ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ โดยล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค.ปี 2554 มี 108 รัฐลงนามในสัญญา และอีก 55 ประเทศ รวมทั้งไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา แต่ยังคงมีสะสมอยู่ในกองทัพ

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหัวรบที่เลือกใช้มักเป็นแบบ Mine-laying หรือ ทุ่นระเบิด สำหรับสังหารบุคคล และรถถัง เมื่อตกพื้นจึงยังไม่ระเบิดทันที แต่เป็น “นักฆ่าไร้เสียงและเงา” ที่รอเวลาให้คน สัตว์ หรือ ยานพาหนะมาเหยียบเพื่อจุดระเบิด แต่ในระเบิดซับมิวเตชันรุ่นใหม่ ที่สหรัฐฯ ใช้งานถูกออกแบบมาให้ลูกระเบิดย่อยทำลายตัวเองภายในเวลา 4-48 ชั่วโมง โดยมีความพยายามเจรจาต่อรองโดยชาติมหาอำนาจ ที่จะไม่ให้มีการผนวกคลัสเตอร์บอมบ์ แบบซับมิวเตชัน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของระเบิดแบบทุ่นระเบิด หรือ กับระเบิด ที่มีการห้ามใช้ตามสนธิสัญญาออตตาวา แต่ในที่สุดก็มีการผนวกรวมใหม่ในภายหลัง

    ในกองทัพยุคใหม่จึงมักจะมีกระสุนแบบนี้ในประจำการ ตามหน่วยทหารปืนใหญ่ แต่หัวรบย่อยรุ่นใหม่ๆ จะมีระยะยิงที่ไกลขึ้น แม่นยำขึ้น และไม่ค่อยด้าน หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น ฝาครอบระสุนไม่สลัด ระเบิดหัวรบย่อยไม่แตกตัวออกมา ก็จะมีระบบทำลายตัวเอง เพื่อไม่ให้ผิดข้อตกลงตามสนธิสัญญาออตตาวา เพราะหากไม่มีการทำลายตัวเองประชาชนที่ไม่รู้เรื่อง หรือ ผู้ที่พักอาศัยบริเวณที่มีการสู้รบ อาจเดินพลาดไปเหยียบ หรือ เด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องไปเก็บลูกคลัสเตอร์บอมบ์มาโยนเล่นแล้ว ทำให้ระบบจุดระเบิดทำงานก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บ พิการเสียอวัยวะ หรือ ถึงแก่ชีวิตได้

    ในทางทหารการมีอาวุธทำลายล้างแบบนี้ย่อมสร้างความเสียหาย และข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้มาก อย่างไรก็ตามอาวุธทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธสงครามที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อประหัตประหารชีวิตมนุษย์ ทั้งในสงคราม และความขัดแย้งต่างๆ ไม่ว่าจะยิงแม่นยำ อำนาจการทำลายสูง แต่หากนำเอามาใช้ในการทำลายชีวิตมนุษย์ด้วยแล้ว เลือกที่จะไม่นำออกมาใช้คงเป็นการดีที่สุด

ข้อมูล



    อ้างอิง

    Yemen: Saudi-Led Airstrikes Take Civilian Toll | Human Rights Watch

    استفاده عربستان از بمبهای خوشه ای علیه مردم یمن

    Shell (projectile) - Wikipedia, the free encyclopedia

    Cluster munition - Wikipedia, the free encyclopedia

    HRW กังวล ซาอุฯใช้ “คลัสเตอร์บอมบ์” โจมตีเยเมน | abnewstoday
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ซาอุฯ ถล่มเยเมน พลเรือนตาย-เจ็บเพียบ
    ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - เม.ย. 2, 2015

    [​IMG]

    อัลอาลัม – เครื่องบินของซาอุฯ ผู้รุกราน ได้บุกถล่มเยเมน เข้าสู่วันที่เจ็ดที่แล้ว โดยมุ่งเป้าหมายยังเขตชุมชนและที่พักอาศัยของพลเรือน ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

    เครื่องบินรบซาอุฯ ได้ถล่มเขตหมู่บ้าน “ยีม” เมือง “อับ” ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 31 คน

    นอกจากนั้นเครื่องบินรบซาอุฯ ได้ถล่มเขตที่พักอาศัยของพลเรือนทางภาคเหนือของกรุงซานา ทำให้มีผู้เสยชีวิตและบาดเจ็บนับสิบ อีกทั้งอาคารบ้านเรือนเสียหายย่อยยับ

    ในการยิงขีปนาวุธจากชายแดนซาอุฯ ยังเยเมน ทำให้เขตพื้นที่ ศอดีย์ และ อัลศุศอมะห์ เมือง ศ็ออดะห์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

    เครื่องบินของซาอุฯ ยังโจมตีศูนย์พยาบาลที่อยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ ประจำค่ายลี้ภัย อัลมัรซัก ในเขตพื้นที่ ตะฮามะห์ เมือง ฮัจญา อีกด้วย



    alalam_635634816452809709_25f_4x3 alalam_635634816753379763_25f_4x3 فيديو+ صور/ ضحايا القصف السعودي لليمن بينهم أطفال alalam_635634816659380364_25f_4x3 alalam_635634816847709195_25f_4x3

    ซาอุฯ ถล่มเยเมน พลเรือนตาย-เจ็บเพียบ | abnewstoday
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    สถิติตำรวจอเมริกาฆ่าประชาชนโดยเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 3 คนในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    [​IMG]

    --------------
    ช่วงนี้ทั้งสหรัฐฯและอียูต่างก็ตบเท้ากันออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยกันมากเป็นพิเศษ งั้นเราลองหันไปสำรวจเรื่องสิทธิและเสรีภาพในอเมริกาบ้างครับ อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้สื่อฯตะวันตกไม่ค่อยมีเวลาและพื้นที่ในการนำเสนอเรื่องเน่าๆในประเทศของตัวเองเนื่องจากมัวแต่ให้ความสนใจเล่นงานประเทศอื่นอยู่ สื่อฯฝั่งรัสเซียก็เลยอาสาจัดโปรโมชั่นพิเศษนำเสนอข่าวของอเมริกาและอียูให้ซะเลย มีทุกวัน วันละหลายข่าวด้วย สาระพัดเรื่องที่อ่านแล้วล้วนแต่งามหน้าอเมริกาและอียูด้วยกันทั้งนั้น
    ล่าสุด sputnik news พาดหัวข่าวเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.58) ว่า "ตำรวจอเมริกันสังหารประชาชนในเดือนมีนาคมมากกว่าตำรวจอังกฤษตั้งแต่ปี 2443 เป็นต้นมา" นี่เป็นตัวเลขทางสถิติที่ตำรวจอเมริกาฆ่าคนในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้มากกว่าที่ตำรวจอังกฤษเคยทำมาแล้ว 100 กว่าปีในอดีต
    ตัวเลขสถิตินี้ปรากฎอยู่ในรายงานของหน่วยงานการตรวจสอบเกี่ยวกับการปฏิบัติการของตำรวจในศตวรรษที่ 21 ของทำเนียบขาว (White House Task Force on 21st Century Policing) รายงานได้สรุปว่าตัวเลขการผู้เสียชีวิตจากกรฆ่าสังหารที่ตำรวจอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้องมีมากกว่า 100 ราย ซึ่งตัวเลขตรงๆก็คือ 111 ราย เมื่อคำนวณโดยเฉลี่ยแล้วก็ตกประมาณวันละ 3 คนขึ้นไปในสหรัฐฯ นี่ไงอีกมุมหนึ่งของเสรีภาพแบบอเมริกัน ไม่มีอาวุธก็ฆ่าได้ ล็อกคอให้ตายข้างถนนก็ยังทำมาแล้ว เห็นคนแก่ชาวอินเดียที่มาเยี่ยมลูกชายในสหรัฐฯออกมาเดินออกกำลังกายข้างถนน ตำรวจอเมริกันก็จับทุ่มลงกับพื้นริมฟุตบาทขาหักจนหามส่งโรงพยาบาลเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์โทษฐานคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเหยื่อพูดภาพอังกฤษไม่ได้ก็เคยมีมาแล้ว
    The Eyes
    04/04/2558
    ----------
    American Police Killed More People in March Than UK Cops Have Since 1900 / Sputnik International
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช
    อเมริกาส่งพาหนะทางทหารให้กองทัพยูเครนจากฮัมวี่เป็น Ford Rangers ซะงั้น

    [​IMG]

    ------------
    ฮ่าๆๆ... ฮิ้ววววว มันเป็นไปแล้ว! ตอนแรกอเมริกาก็ทำเป็นคุยว่าจะสนับสนุนยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ไม่ใช่อาวุธหนักให้กับกองทัพยูเครน (หลังจากตอนแรกพยายามกล่อมอียูให้สนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครนแต่ไม่สำเร็จเพราะเจอปูตินเบรกไว้ก่อน) เมื่อประมาณวันที่ 25 มี.ค.58 ที่ผ่านมาอเมริกาก็ส่งรถ Humvee จำนวน 10 คันไปให้โปโรเชนโก้ขับออกข่าวเอาหน้าก่อน จากที่คุยกันไว้ว่าจะจัดส่งมาให้ทั้งหมด 230 คัน งบหมดหรือว่าอเมริกาจะเอาอย่างญี่ปุ่นที่ขายรถกระบะให้ตะวันออกกลางและนิยมใช้ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสเป็นสามารถบ้าง ล่าสุดไม่รู้เป็นยังสถานทูตสหรัฐฯประจำยูเครนจัดส่งรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ดัดแปลงเสริมกันชนหน้าขึ้มานิดหน่อยส่งไปให้หน่วยตระเวนชายแดนของยูเครนจำนวน 17 คันซะงั้น งานนี้ไม่เห็นโปโรเชนโก้ออกมาขับโชว์ออกสื่อฯเหมือนตอนส่งมอบฮัมวี่งวดแรกเลย สื่อฯยูเครนก็ไม่กล้าลงข่าวนี้ เสร็จสื่อฯฝั่งรัสเซียและพวกโซเชียลเน็ทเวิร์กรัสเซียก็เอามาโพสต์แชร์ล้อเลียนยูเครนสนุกสนานกันไป รู้จักอเมริกาน้อยไปซะแล้ว
    อ้อหรือว่าหลังจากที่ส่งฮัมวี่มางวดแรกแล้วถูกพวก DPR/LRP ในยูเครนตะวันออกขู่ว่าจะยึดมาเป็นของพวกเขาให้หมดเหมือนอย่างที่กองทัพยูเครนเคยถูกพวก NAF ยึดรถฮัมวี่มาแล้วครั้งหนึ่งในช่วงสู้รบกันก่อนหน้านี้ กลัวเสียของราคาแพงหละสิท่า?
    The Eyes
    03/04/2558
    -----------
    https://www.facebook.com/usdos.ukraine
    http://www.unian.net/…/1062522-ssha-peredali-ukrainskim-pog…
    https://www.whitehouse.gov/…/fact-sheet-us-security-assista…
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช ·
    เพนตาก้อนบอกว่า เราอาจจะบอมอิหร่าน! แม้ว่าการเจรจาปัญหานิวเคลียร์จะบรรลุผลแล้ว

    [​IMG]

    ------------
    แม้ว่าการเจรจาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านกับมหาอำนาจ P5+1 เพื่อแสวงหาสันติภาพในอนาคตของตะวันออกกลางจะประสบผลสำเร็จแล้ว แต่นาย Ashton Carter เลขาธิการด้านความมั่นคงของสหรัฐฯกลับออกมาขู่อิหร่านอีกรอบว่า แม้ว่าข้อตกลงจะบรรลุผล แต่สหรัฐฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะทิ้งระเบิดในอิหร่านไว้ กรรม! เออ… ไม่ว่าอิหร่านจะมีระเบิดนิวเคลียร์หรือไม่ มันสำคัญหรอก เพราะถึงยังไงอเมริกาก็มีแผนจะบอมอิหร่านอยู่ดี เห็นธาตุแท้ของสหรัฐฯหรือยัง?
    คาร์เตอร์พูดว่า "แน่นอนทางเลือกทางทหารยังอยู่บนโต๊ะ หนึ่งในงานของผมก็คือทำให้มั่นใจว่าตัวเลือกทั้งหมดอยู่บนโต๊ะ" การแทรกแซงโดยกองทัพนั้นอาจจะเป็นเรื่องจำเป็นหากอิหร่านทำลายข้อตกลง ซึ่ง (สหรัฐฯ) ได้หาวิธีจำกัดจำนวนเครื่องหมุนแยกยูเรเนียมประสิทธิ์ภาพสูงที่ทางกรุงเตหะรานจะได้รับอนุญาตให้ใช้งานได้ หากพบว่ารัฐอิสลาม (ฟังให้ดีนะเขาใช้คำว่า "Islamic Republic" ไม่ใช้คำว่า "ตะวันออกกลาง" ที่รวมถึงอิสราเอลด้วย) มีเครื่อง centrifuge มากกว่าที่ตกลงกันไว้ และใช้ยูเรเนียมในอัตราที่เกินกว่าที่กำหนดไว้เพื่อพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ แล้วโจมตีระบบสาธารณูปโภคทั้งหลายซึ่งโดยทฤษฎีแล้วอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งก็ได้
    คาร์เตอร์พูดต่ออีกว่า ข้อตกลง "ไม่อาจจะเชื่อถือได้ (คิดว่าคนอื่นจะมีนิสัยเหมือนตัวเองหรือไง?) ข้อตกลงจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการตรวจสอบ (นั่นไง! รู้นะคิดอะไรอยู่) จะต้องมีคนเข้าไปทำให้พวกเรา (สหรัฐฯ) และภูมิภาคปลอดภัย หากนั่นถือว่าเป็นข้อตกลง แน่นอนว่ามันคุ้มค่าที่จะรอคอย" (คุ้มสิ บ่อน้ำมันทั้งนั้นนี่ ทำไมจะไม่คุ้ม)
    ถ้าสหรัฐฯไม่เข้าไปแส่หนะปลอดภัยทุกประเทศนั่นแหละ แต่ถ้าประเทศไหนถูกแทรกแซงโดยสหรัฐฯเชื่อเถอะว่าไม่มีประเทศไหนปลอดภัยหรอก ดูอิรัค ซีเรีย ลิเบีย ยูเครน และล่าสุดเยเมนสิ ก่อนนี้ก็เวียตนามรบกันจะเป็นจะตาย พอสหรัฐฯถอนตัวออกมาเพราะแพ้สงคราม แล้วหันมาดูเวียตนามทุกวันนี้สิสงบสุขไร้สงคราม เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า อเมริกายังไม่เข้าใจอีกหรือ?
    หมอนี่พูดเยอะอ่ะ ขี้เกียจอ่านแหละ สรุปสหรัฐฯหาทางจะนำกองทัพของตัวเองเข้าไปตั้งฐานทัพในอิหร่านให้ได้ โดยอ้างว่าเพื่อคุมและดูแลไม่ให้อิหร่านสร้างอาวุธนิวเคลียร์ แต่จริงๆแล้วเพื่อเปิดทางให้ไอซิสและผู้ก่อการร้ายรายอื่นๆทั้งที่จะสร้างขึ้นในอนาคตเข้าไปก่อการร้ายในอิหร่านได้ตะหาก ถ้าอิหร่านไม่ยอมให้สหรัฐฯแทรกแซงทางการทหาร สหรัฐฯก็จะหาข้ออ้างบอมอิหร่านอยู่ดี แผนตื้นๆแบบนี้มีหรือที่อิหร่านจะไม่รู้ทัน จีนก็มีอาวุธนิวเคลียร์ รัสเซียก็มี ไม่ให้สร้างที่อิหร่าน ไปสร้างที่อื่นที่สามารถคุ้มครองอิหร่านได้ก็ได้ หรือสั่งนำเข้าจากจีนหรือรัสเซียก็ได้ ตอนนี้ก็ตามน้ำไปก่อนเพื่อให้สหรัฐฯและตะวันตกยกเลิกแซงชั่นอิหร่าน จะได้มีโอกาสพื้นฟูทางเศรษฐกิจบ้าง จากนั้นค่อยว่ากันใหม่
    The Eyes
    03/04/2558
    -----------
    Pentagon Chief: We Might Bomb Iran Even if Nuclear Deal Reached / Sputnik International
    Pentagon Declassifies Documents Confirming Israel Has Nukes / Sputnik International
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,221
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    คำเตือน! ทานผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงลดปริมาณสเปอร์มลง 49%

    [​IMG]

    ------------
    รอยเตอร์รายงานว่าการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Harvard University ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างอสุจิจากผู้ชายจำนวน 155 คนที่เข้ารับบริการในคลีนิกด้านการเจริญพันธุ์ในช่วงปี 2550 - 2555 ซึ่งถูกถามเกี่ยวกับอาหารที่พวกเขาทาน ซึ่งรวมถึงถามว่าพวกเขาทานอาหารประเภทผลไม้ ผัก เช่นแอ็ปเปิล อะโวคาโด้ และแคนตาลูป อย่างไร
    จากนั้นนักวิจัยก็ตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯเพื่อตรวจวัดว่าการบริโภคอาหารของผู้ชายเหล่านี้มีปริมาณยาฆ่าแมลงศัตรูพืชตกค้าง (pesticide residue) ในปริมาณที่สูง ปานกลาง หรือต่ำอย่างไรบ้าง นักวิจัยพบว่าอาหารเช่น พริก ผักขม สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล และลูกแพร์ มีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในอัตราที่สูง ในขณะที่ถั่วลันเตา ถั่ว ผลไม้จำพวกส้ม และหัวหอมมีอัตราของสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในระดับต่ำถึงปานกลาง
    ผู้ชายที่ทานผลไม้และผักซึ่งมีสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในอัตราที่สูงจะทำให้ปริมาณของอสุจิลดลงถึง 49% และลดลงถึง 32% ของอสุจิที่เกิดขึ้นโดยปรกติต่ำกว่ากลุ่มผู้ชายที่ทานอาหารมีสารพิษตกค้างน้อยกว่า ฝ่ายวิจัยบอกว่าการค้นพบนี้ไม่ได้ทำให้กลัวการทานผักและผลไม้ตามปรกติ
    จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในปี 2556 ของ Harvard’s School of Public Health ซึ่งศึกษาจากตัวอย่างในเรื่องเดียวกันนี้ได้แสดงให้เห็นว่า การทานเนื้อสัตว์สีแดง (สด/ไม่สุก?) ทำให้ลดทั้งคุณภาพและปริมาณของอสุจิลง การวิจัยยังได้แนะนำให้หันมาบริโภคเนื้อปลาสีขาวและสีดำแทน
    คุณผู้ชายทั้งหลายอ่านแล้วก็คิดให้ดีนะในการเลือกซื้ออาหารประเภทผักผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างและทานโดยไม่ล้างก่อน ส่วนคุณแม่บ้านก็ควรจะให้ความสนใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ทานบ่อยๆเข้าอาจจะไม่ใช่แค่ลดอย่างเดียวนะ อาจจะถึงขั้นทำให้เป็นหมันหรือนกเขาไม่ขันเอาก็ได้นะ (อันหลังนี้พูดเล่นนะครับยังไม่มีงานวิจัยออกมา) นั่นเรื่องของอเมริกาเขา เขาปลูกกันเอง แล้วก็ใส่ยาฆ่าแมลงกันเอง ทำหมันทางอ้อมกันเอง เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับ ม.44 ของไทยหรอกมั๊ง... น้อ? ส่วนผู้หญิงนั้นยังไม่เห็นงานวิจัยในเรื่องนี้เผยแพร่ออกมานะครับ
    The Eyes
    03/04/2558
    -----------
    Pesticides on fruits and vegetables could account for 49 percent loss in sperm — RT USA
     

แชร์หน้านี้

Loading...