ติดตามสถานะการณ์

กบฏเยเมนอ้างเครื่องบินรบซาอุฯถล่มพลาดโดนค่ายผู้ลี้ภัย ตายอย่างต่ำ 40 ศพ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2558 04:15 น. (แก้ไขล่าสุด 31 มีนาคม 2558 09:18 น.)



รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมเผยปฏิบัติการทางอากาศคร่าชีวิตชาวบ้านอย่างน้อย 40 คน ณ ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งของเยเมนเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) ในเหตุโจมตีที่พวกกบฏฮูตีกับกองกำลังผู้จงรักภักดีต่อประธานาธิบดี อาเบด-รับบู มันซูร์ ฮาดี ต่างกล่าวโทษกันไปมา

สำนักข่าวซาบา สื่อมวลชนของเยเมนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูติ อ้างว่า ค่ายในเขตฮารัดห์ ทางเหนือของเยเมน ถูกถล่มโดยเครื่องบินรบของซาอุดีอาระเบีย โดยผู้เสียชีวิตนั้นมีทั้งผู้หญิงและเด็กรวมอยู่ด้วย พร้อมกับเผยแพร่ภาพร่างไร้วิญญาณของเด็ก 5 คน นอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ปรับลดตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเดิม 45 คน เหลือ 40 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 200 ราย ในนั้นหลายสิบคนบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตาม นายรายาด ยัสซิน รัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลนายฮาดี กล่าวโทษว่ามันเป็นฝีมือปืนใหญ่ของพวกฮูตี ขณะที่ซาอุดีอาระเบียยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้

ซาอุดีอาระเบีย ภายใต้การสนับสนนจากพันธมิตรมุสลิมสุหนี่ในภูมิภาค ปฏฺิบัติการโจมตีทางอากาศช่วยเหลือนายฮาดี หลังจากประธานาธิบดีรายนี้หลบหนีออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองเอเดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากนั้นเขาก็เดินทางไปร่วมประชุมซัมมิตอาหรับในวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) และยังไม่ได้กลับประเทศนับตั้งแต่นั้น

การสู้รบที่เกิดขึ้นนี้ เท่ากับเป็นการนำสงครามกลางเมืองเข้ามาสู่ประเทศยากจนที่สุดในคาบสมุทรอาระเบียแห่งนี้ หลังจากที่สถานการณ์ในเยเมนกำลังถลำลงไปในความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่แล้ว ทั้งจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ซึ่งสามารถขยายตัวเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และจากการปฏิบัติการลับของสหรัฐฯซึ่งใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ออกโจมตีเล่นงามกลุ่มอัลกออิดะห์ในภาคตะวันออกของประเทศนี้ ถึงแม้ปฏิบัติการลับดังกล่าวได้ยุติลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์สู้รบรุนแรงทำให้อเมริกันตัดสินใจถอนทหารของตนทั้งหมดออกไปจากเยเมน

นอกจากนั้น การที่กลุ่มฮูตี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมุสลิมนิกายชีอะห์ สามารถมีอำนาจอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ยังหมายความว่า เยเมนได้กลายเป็นเวทีล่าสุดของการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจกัน ระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับ อิหร่าน

ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายสุหนี่ และอิหร่าน ที่เป็นผู้นำของฝ่ายชีอะห์ ต่างถือหางกองกำลังคนละฝ่ายที่ทำสงครามกลางเมืองอยู่ในซีเรีย ตลอดจนที่กำลังสู้รบกันอยู่ในเลบานอน นอกจากนั้น เตหะรานยังให้ความสนับสนุนและติดอาวุธแก่กองกำลังท้องถิ่นชาวชีอะห์ในอิรักด้วย ถึงแม้ว่าสำหรับในเยเมนแล้ว เตหะรานยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของริยาดที่ว่า พวกเขาให้การหนุนหลังทางทหารต่อกลุ่มฮูตี

ในกรุงซานา ที่ควบคุมโดยกบฏฮูตี พบเห็นเครื่องบินรบทิ้งระเบิดถล่มรอบๆ ทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อคืนวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) และเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นตลอดทั้งวัน หลังจากก่อนหน้านี้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนใหญ่แล้วมักดำเนินภารกิจเฉพาะตอนกลางคืน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางภาคใต้ของประเทศ พวกนักรบฮูตี กลับรุกประชิดเมืองเอเดน ฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของฮาดีเข้าไปทุกขณะ ส่วนชาวบ้านบอกว่าพบเห็นเรือรบของอียิปต์ยิงปืนเข้าใส่พวกฮูตีที่รุกคืบมาตามถนนริมชายฝั่ง นับเป็นครั้งแรกที่มีรายงานข่าวว่ามีกองทัพเรือเข้าร่วมในความขัดแย้งนี้

ผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้ง และได้เห็นกลุ่มควันดำลอยหนาบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเอเดน รวมทั้งได้เห็นเครื่องบินไอพ่นอย่างน้อยๆ 1 ลำบินผ่านเหนือศีรษะ ขณะที่ก่อนหน้านั้น พวกผู้สนับสนุนฮาดี กล่าวว่า ได้ระดมยิงปืนใหญ่และจรวดเข้าใส่กองกำลังอาวุธซึ่งพยายามบุกเข้ามาในเมืองจากหลายๆ ทิศทาง

ในขณะที่นักรบฮูตียึดครองพื้นที่โดยรอบเมืองเอเดน ปากีสถาน แถลงว่า จะส่งทหารเข้าสนับสนุนพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย “เราพร้อมทำตามคำสัญญาจะให้การสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในปฏิบัติการต่อต้านกบฏและจะเข้าร่วมพันธมิตร” เจ้าหน้าที่ปากีสถานระบุ

เหล่าผู้นำชาติอาหรับเห็นพ้องกัน ณ ที่ประชุมในอียิปต์ สำหรับการจัดตั้งกองกำลังผสมเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่างๆ ที่ขยายวงกว้างมากขึ้นในภูมิภาค อย่างเช่น เหตุขัดแย้งในเยเมน แต่การทำงานด้านพลาธิการทางทหารของกองกำลังนี้จะเป็นกระบวนการที่ยืดเยื้อและปัญหาทางการเมืองของเยเมน ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิงอำนาจภายในและประวัติศาสตร์เมื่อเร็วๆ นี้ ล้วนเป็นความท้าทายใหญ่หลวงต่อปฏิบัติการทางทหารใดๆ

 

น้ำมันลงจับตาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน หุ้นมะกันพุ่ง-ทองคำดิ่ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2558 05:16 น. (แก้ไขล่าสุด 31 มีนาคม 2558 10:24 น.)



เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอชต์ - ราคาน้ำมันปิดลบเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) นักลงทุนจับตาการเจรจาระหว่างชาติมหาอำนาจโลกกับอิหร่านที่อาจนำมาซึ่งการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อชาติผู้ผลิตเชื้อเพลิงรายใหญ่ ส่วนวอลล์สตรีททะยานท่ามกลางข่าวลือจีนจ่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ขณะที่ทองคำขยับลงแรง

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 19 เซ็นต์ ปิดที่ 48.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 12 เซ็นต์ ปิดที่ 56.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน และชาติมหาอำนาจ กำลังประชุมกันที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เร่งรีบเอาชนะเส้นตายในวันอังคาร (31 มี.ค.) ในการบรรลุกรอบข้อตกลงที่พวกเขาหวังว่าจะนำมาซึ่งการยกเลิกโครงการระเบิดปรมาณูของเตหะราน

แนวโน้มในทางบวกของข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย ที่จะอาจนำมาซึ่งการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกต่อชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างอิหร่าน ได้ก่อแรงกดดันทางลบเพิ่มเติมแก่ตลาดที่ต้องเผชิญกับภาวะดอลลาร์แข็งค่าและอุปทานล้นตลาดอยู่ก่อนแล้ว

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (30 มี.ค.) พุ่งขึ้นอย่างมาก จากข่าวคราวข้อตกลงซื้อกิจการในบริษัทเวชภัณฑ์และแรงคาดหมายว่าธนาคารกลางจีนอาจดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 263.65 จุด (1.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,976.31 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 25.22 จุด (1.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,086.24 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 56.22 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,947.44 จุด

ตลาดทุนได้ความคึกคักจากความเห็นของโจวเสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ที่เตือนถึงภาวะเงินฝืดและแย้มว่าอาจใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม

ในส่วนของข้อตกลงของบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ หุ้นของคาตามารัน ทะยานถึงร้อยละ 23.9 สู่ 59.83 ดอลลาร์ต่อหุ้น หลังจากบริษัทยูไนเต็ดเฮลท์แถลงจะเข้าซื้อกิจการในราคา 61.50 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ความเคลื่อนไหวในทางบวกของตลาดทุนและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ได้ผลักให้นักลงทุนเบือนหน้าหนีจากทองคำ และผลักให้โลหะมีค่าชนิดนี้ในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ปิดลบแรงพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 15.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,184.80 ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036902

 

พ่อมดการเงิน “จอร์จ โซรอส” ประกาศพร้อม “ทุ่มเงินพันล้านดอลลาร์” เข้าอุ้มยูเครนที่จ่อปากเหวใกล้ล้มละลาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มีนาคม 2558 20:44 น.



เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – จอร์จ โซรอส นักการเงินที่มีชื่อเสียงระดับโลกประกาศในวันนี้(30)พร้อมอัดฉีดเงินร่วม 1 พันล้านดอลลาร์ลงทุนในยูเครน หากชาติตะวันตกรับปากช่วยเหลือประเทศอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้ที่มีสถานะเกือบเข้าขั้นล้มละลาย หลังการคาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะยูเครนจะมีราว 95% ของจีดีพีปี 2015

หนังสือพิมพ์ออสเตรีย Der Standard ที่ตีพิมพ์ในเยอรมันได้รายงานคำแถลงของจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินชาวสหรัฐฯวันนี้(30)ว่า “ยูเครนปกป้องสหภาพยุโรปจากความก้าวร้าวของรัสเซีย และการช่วยเหลือยูเครนพัฒนาประเทศยังเป็นการบ่อนทำลายประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน อีกทางด้วย” โซรอสกล่าว

และพ่อมดการเงินยังชี้เพิ่มเติมว่า ความจริงแล้วยูเครนจำเป็นต้องใช้เงินร่วม 50 ล้านยูโรเพื่อจะสามารถกอบกู้วิกฤตประเทศให้กลับมาอยู่ได้ด้วยตัวเอง และโซรอสช้ว่า ตัวเขาพร้อมที่จะอัดฉีดเม็ดเงินราว 1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 922 ล้านยูโรในโครงการเกษตรและสาธารณูปโภคของยูเครน

ซึ่งในขณะนี้ยูเครนอยู่ปากเหวที่กำลังเข้าใกล้ล้มละลายเต็มที จากวิกฤตสกุลค่าเงินที่ดิ่งเหว เศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก และสงครามที่เกิดขึ้นในยูเครนตะวันออกซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ทั้งนี้เอเอฟพีรายงานว่า ดูเหมือนหนี้สาธารณะพุ่งสูงถึง 94% ของจีดีพีในปี 2015

นอกจากนี้โซรอสยังชี้ว่า ชาติตะวันตกสามารถช่วยเหลือยูเครนได้ด้วยการทำให้ประเทศแห่งนี้เป็นแหล่งที่น่าลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยการรับประกันความเสี่ยงด้านการเมืองต่อนักลงทุนทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งอาจอยู่ในรูปเงินลงทุนแบบรวมตราสารทุนและตราสารหนี้ (Mezzanine Financing)ที่มีอัตราดอกเบี้ยสหภาพยุโรปที่เข้าใกล้ศูนย์

หลังจากก่อนหน้านี้พ่อมดการเงินประณามสหภาพยุโรป ว่าทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่ยอมช่วยเหลือทางด้านการเงินกับยูเครน ซึ่งโซรอสชี้ว่าการนิ่งเฉยจะทำให้รัสเซียสามารถแบ่งแยกยูเครน และมีอิทธิพลเหนือประเทศแห่งนี้ได้ ซึ้งโซรอสต้องการให้สหภาพยุโรปเข้ามาช่วยเหลือทั้งในด้านการเมือง เช่น การทำให้สัญญาสงบศึกใช้ได้ผลจริง และไม่มีการเกี่ยวข้องโดยตรงทางด้านการทหาร รวมไปถึงการตั้งแหล่งกองทุนช่วยเหลือเศรษฐกิจยูเครน ที่ไม่ใช่เป็นการให้เปล่าโดยไม่จำกัดจำนวนตัวเลขความช่วยเหลือ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036829

 

“เยเมน” รบดุ-กบฏบุกถึงชาน “เอเดน” เครื่องบินซาอุฯ ถล่มหนักกรุงซานา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มีนาคม 2558 22:14 น. (แก้ไขล่าสุด 31 มีนาคม 2558 10:20 น.)



รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - กองกำลังอาวุธกบฏ “ฮูตี” ที่มีอิหร่านเป็นพันธมิตร พยายามบุกเข้ายึดพื้นที่รอบนอกของเอเดน เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของเยเมนเมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) และเกิดการสู้รบอย่างดุเดือดกับกองกำลังผู้จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีอาเบด-รับบู มันซูร์ ฮาดี ซึ่งมีเหล่าชาติอาหรับสุหนี่ที่นำโดยซาอุดีอาระเบียคอยให้ความสนับสนุนด้วยการโจมตีทางอากาศ

ผู้เห็นเหตุการณ์หลายๆ รายในเมืองเอเดนเล่าว่าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้ง และได้เห็นกลุ่มควันดำลอยหนาบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งได้เห็นเครื่องบินไอพ่นบินผ่านเหนือศีรษะ ขณะที่ก่อนหน้านั้นพวกผู้สนับสนุนฮาดีกล่าวว่า ได้ระดมยิงปืนใหญ่และจรวดเข้าใส่กองกำลังอาวุธซึ่งพยายามบุกเข้ามาในเมืองจากหลายๆ ทิศทาง ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่าพวกฮูตีได้เปิดการรุกจากทางตะวันออก ตามแนวถนนเลียบชายฝั่งทะเลอาราเบีย ซึ่งเป็นทิศทางโจมตีใหม่ที่สุด

ขณะเดียวกัน ชาวเมืองตาเลียซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเอเดน บอกว่าพวกนักรบฮูตี ที่หนุนหลังโดยหน่วยทหารซึ่งจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีอาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ ได้ใช้ปืนรถถังและปืนใหญ่ระดมยิงใส่กองกำลังฝ่ายจงรักภักดีต่อฮาดีในวันจันทร์ และมีพลเรือนถูกฆ่าตายไป 5 คนจากการสู้รบอันดุเดือดตามท้องถนน

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันเพื่อชิงเมืองเอเดน ซึ่งถือเป็นที่มั่นแห่งสุดท้ายของฮาดีอยู่นี้ ทางด้านเมืองหลวงซานา ที่เวลานี้ตกอยู่ในความควบคุมของกลุ่มฮูตี เครื่องบินรบจากชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ได้เข้าถล่มเขตทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งอยู่ถัดจากเขตสถานทูตานุทูตต่างๆ รวมทั้งคลังอาวุธบนภูเขานูกุม ซึ่งอยู่เหนือเมืองหลวง ตั้งแต่ก่อนเช้ามืดวันจันทร์ (30) การถล่มคราวนี้อันเป็นวันที่ 5 ต่อเนื่องกันมีความรุนแรงมาก จนกระทั่งนักการทูตชาวเยเมนผู้หนึ่งบรรยายว่า “มันเป็นคืนที่เหมือนอยู่ในนรก”

พวกเจ้าหน้าที่มนุษยธรรมแถลงว่า ยังมีการโจมตีทางอากาศใส่เขตฮารัดห์ ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของเยเมน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 21 คนในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ สถานที่ตั้งทางทหาร ทั้งนี้ในขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อกับซาอุดีอาระเบียเพื่อขอความเห็นได้

ซาอุดีอาระเบียพร้อมด้วยชาติพันธมิตรที่เป็นมุสลิมนิกายสุหนี่ในภูมิภาคแถบนี้ ได้เปิดการรณรงค์ทางอากาศเพื่อสนับสนุนฮาดีตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่เขาต้องหลบหนีออกมาจากเมืองหลวงซานา มายังเมืองเอเดนในเดือนกุมภาพันธ์ ฮาดีได้ออกจากเอเดนในวันพฤหัสบดี (26) ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมการประชุมสันนิบาตอาหรับ ณ เมืองชาม-เอล-ชีค ในอียิปต์ ตอนช่วงสุดสัปดาห์ และเวลานี้ยังไม่ได้กลับคืนประเทศ

การสู้รบที่เกิดขึ้นนี้ เท่ากับเป็นการนำสงครามกลางเมืองเข้ามาสู่ประเทศยากจนที่สุดในคาบสมุทรอาราเบียแห่งนี้ หลังจากที่สถานการณ์ในเยเมนกำลังถลำลงไปในความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่แล้ว ทั้งจากขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ซึ่งสามารถขยายตัวเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และจากการปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ ซึ่งใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) ออกโจมตีเล่นงามกลุ่มอัลกออิดะห์ในภาคตะวันออกของประเทศนี้ ถึงแม้ปฏิบัติการลับดังกล่าวได้ยุติลงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์สู้รบรุนแรงทำให้อเมริกันตัดสินใจถอนทหารของตนทั้งหมดออกไปจากเยเมน

นอกจากนั้น การที่กลุ่มฮูตีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมุสลิมนิกายชีอะห์ สามารถมีอำนาจอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ ยังหมายความว่าเยเมนได้กลายเป็นเวทีล่าสุดของการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจกัน ระหว่างซาอุดีอาระเบีย กับ อิหร่าน

ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายสุหนี่ และอิหร่าน ที่เป็นผู้นำของฝ่ายชีอะห์ ต่างถือหางกองกำลังคนละฝ่ายที่ทำสงครามกลางเมืองอยู่ในซีเรีย ตลอดจนที่กำลังสู้รบกันอยู่ในเลบานอน นอกจากนั้น เตหะรานยังให้ความสนับสนุนและติดอาวุธแก่กองกำลังท้องถิ่นชาวชีอะห์ในอิรักด้วย ถึงแม้ว่าสำหรับในเยเมนแล้ว เตหะรานยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของริยาดที่ว่า พวกเขาให้การหนุนหลังทางทหารต่อกลุ่มฮูตี

จากสถานการณ์การสู้รบรุนแรงในเยเมน ทำให้ในช่วงไม่กี่วันหลังมานี้ประเทศจำนวนมากพากันอพยพพลเมืองของพวกตนออกมา มีรายงานว่าคนสัญชาติปากีสถานราว 500 คนได้เดินทางด้วยเครื่องบินออกมาจากเมืองโอไดดา อันเป็นเมืองท่าริมทะเลแดง เมื่อวันอาทิตย์ ส่วนอินเดียแถลงในวันจันทร์ว่า กำลังเตรียมการเพื่ออพยพพลเมืองของตน 500 คนออกจากกรุงซานา

ด้านกระทรวงกลาโหมจีนแถลงในวันจันทร์ว่า ได้ส่งกองเรือขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเรือฟรีเกตติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีจำนวน 2 ลำ และเรือเสบียง 1 ลำ ที่เดิมปฏิบัติภารกิจป้องกันโจรสลัดในอ่าวเอเดนและน่านน้ำโซมาเลีย ไปอพยพพลเมืองชาวจีน 122 คนออกจากเยเมนแล้ว และกองเรือดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าสู่จิบูตี เพื่อส่งพลเมืองขึ้นเครื่องบินกลับจีน

กระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงเพิ่มเติมว่า ยังมีพลเมืองจีนรออพยพจากเยเมนอีก 400 คน ทว่า เอกอัครราชทูตจีนจะยังคงอยู่ในกรุงซานาต่อไป

 

ปอกเปลือก ทรราช
Breaking News : กลุ่มติดอาวุธฝ่ายซ้ายจับอัยการเมืองอิสตันบุลประเทศตุรกีเป็นตัวประกัน



------------------
ช่วงบ่ายวันนี้ (31 มี.ค.58) กลุ่มติดอาวุธนิยมฝ่ายซ้าย "พรรคแนวร่วมปลดปล่อยประชาชนปฏิวัติ" (Revolutionary People’s Liberation Party-Front (DHKP-C)) ได้บุกเข้าไปภายในศาลจับนาย Mehmet Selim Kiraz อัยการเมืองอิสตันบุล ประเทศตุรกีเป็นตัวประกัน กลุ่ม DHKP-C ได้โพสต์ภาพของอัยการพร้อมกับจ่อปืนไปที่หัวของเขาผ่านเว็บไซต์ของกลุ่ม DHKP-C รายงานจากโทรทัศน์ท้องถิ่นของตุรกี
รายงานยังไม่ได้ระบุว่ามีผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ที่บุกเข้าไปจับอัยการเป็นตัวประกันด้วยกันทั้งหมดกี่คน ทางการของตุรกีส่งตำรวจหน่วยเฉพาะกิจเข้าล้อมอาคารที่ทำการศาลไว้ ตำรวจบางส่วนได้เข้าไปภายในศาลแล้วในขณะที่อัยการอิสตันบุลยังถูกควบคุมตัวอยู่ภายในศาล
สำหรับสาเหตุของการก่อเหตุในครั้งนี้เนื่องมาจากคดีการเสียชีวิตของเด็กหนุ่มชื่อ Berkin Elvan อายุ 15 ปีถูกตำรวจตุรกียิงเสียชีวิตในเหตุการชุมนุมประท้วงเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2013 ในระหว่างการเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งยิ่งใหญ่ในอิสตันบุล Berkin Elvan เสียชีวิตเนื่องจากอาการโคม่า 269 วันหลังจากถูกยิง การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ยังดำเนินต่อไป กลุ่ม DHKP-C ไม่พอใจกับวิธีการจัดการม็อบของตำรวจ และออกมาเรียกร้องให้ตำรวจออกมาสารภาพผ่านโทรทัศน์เกี่ยวกับคดีนี้ และยังเรียกร้องให้นำคดีนี้ไปพิจารณาในศาลประชาชนด้วย "people’s court" และเรียกร้องให้รัฐบาลถอนฟ้องทุกคดีให้กับผู้ประท้วงที่ร่วมกันชุมนุมในท้องถนนในการเสียชีวิตของ Berkin Elvan
พ่อของ Berkin Elvan ออกมาเรียกร้องให้ กลุ่ม DHKP-C ปล่อยตัวอัยการโดยกล่าวว่า "ลูกชายของฉันเสียชีวิตไปแล้ว ขอให้ปล่อยตัวอัยการ"
รายงานข่าวกล่าวว่า พวก DHKP-C นี้แต่งตัวในเครื่องแบบของผู้นิยมลัทธิมาร์กซิสต์-เลนินิสต์ (Marxist-Leninist) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1978 กลุ่มนี้ออกมายอมรับในการลอบสังหาร ระเบิดพลีชีพหลายครั้ง และถูกมองว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายในตุรกี สหรัฐฯและในอียู กลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดพลีชีพหลายครั้ง ในปี 2544 (2001) ได้ก่อเหตุโจมตีตำรวจตุรกี และเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2544 ได้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพอย่างโหดร้ายทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
ยังสรุปไม่ได้ว่ากลุ่ม DHKP-C เป็นพวกนิยม Marxist-Leninist จริงหรือไม่ เกรงว่าจะเป็นองค์กรก่อการร้ายที่มีบางคนอยู่เบื้องหลังคล้้ายๆกับกรณีของไอซิสและอัลเคด้านั่นแหละ จุดมุ่งหมายก็คังต้องการจะเกิดความวุ่นวายขึ้นในตุรกี
จริงๆแล้วมันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องท่อแก๊สของรัสเซียที่เดินผ่านตุรกีเข้าไปในยุโรปด้วย เนื่องจากในเรื่องพลังงานนั้นตุรกีมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซีย ทั้งเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในตุรกีที่รัสเซียกำลังจะสร้างให้ ซึ่งทำให้ทางอียูไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะอียูไม่ได้มีส่วนแบ่งในโครงการนี้ด้วย แล้วก็กรณีที่กรีซกำลังจะหันมารับแก๊สจากรัสเซียผ่านตุรกีอีก กรณีนี้ทั้งอียูและสหรัฐฯต่างก็ไม่พอใจเช่นกัน พฤติกรรมแบบนี้เคยมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เช่นการจัดม็อบ Blockupy ที่เยอรมันทำท่าว่าจะเผาตึกของธนาคาร ECB ตอนที่อียูกำลังเสียงแตกในการลงมติแซงชั่นรัสเซียรอบล่าสุด จนสุดท้ายเยอรมันต้องโหวตแซงชั่นรัสเซียทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มีแนวโน้มว่าเยอรมันอาจจะโหวตยกเลิกแซงชั่นรัสเซีย แต่อเมริกาไม่ยอม ถ้าเอาเหตุการณ์เหล่านี้มาประมวลประติดประต่อกันก็พอจะเห็นภาพคร่าวๆได้บ้าง
The Eyes
31/03/2558
----------------
Far-Left Turkish Group Takes Istanbul Prosecutor Hostage / Sputnik International
http://rt.com/…/245573-istanbul-prosecutor-hostage-situati…/
http://www.aljazeera.com/…/report-turkish-prosecutor-hostag…
Turkish Stream Pipeline May Boost Energy Ties With Greece – Greek Minister / Sputnik International
US to Never Satisfy Europe's Demand for Russian Gas - Greek Energy Minister / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
อิรัคประกาศยึดเมืองติกริตคืนจากไอซิสได้เป็นผลสำเร็จ



---------------
วันนี้ (31 มี.ค.58) นาย Haidar Abadi นายกรัฐมนตรีของอิรัคส่งtwitter แสดงความยินดีกับกองทัพอิรัคที่สามารถปลดปล่อยเมืองติกริตทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงแบกแดดจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสได้เป็นผลสำเร็จ โดยความร่วมมือของกองกำลังผสม (อิรัค-อิหร่าน-ฮิชบอลเลาะห์) โดยข้อความในทวิตเตอร์ของนายกรัฐมนตรีอิรัคแจ้งว่า "นายกฯ Al-Abadi ขอประกาศการปลดปล่อยติกริตให้เป็นอิสระและขอแสดงความยินดีกับกองกำลังรักษาความสงบของอิรัครวมทั้งอาสาสมัครในความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์นี้"
แปลกดี สหรัฐฯและนาโต้ใช้กองทัพของตนเข้ายึดอิรัคแบบไม่เป็นทางการอ้างเพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิส เปิดฉากโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินอยู่นานเป็นปีๆ แต่ก็ไม่สามารถปราบไอซิสได้ สหรัฐฯทุ่มทั้งเงินและอาวุธลงในตะวันออกกลางบอกว่าเพื่อปราบปรามไอซิส แต่ดูเหมือนว่ายิ่งสหรัฐฯทุ่มงบลงไปมากขึ้นเท่าไร ไอซิสยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นตามไปด้วย แต่พออิรัคหันไปขอการสนับสนุนจากฝ่ายอิหร่านให้มาช่วยปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิส เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือน กองกำลังผสมของอิรัคกับอิหร่านกลับสามารถขับไล่ไอซิสออกจากเมืองติกริตได้ และรัฐบาลอิรัคสามารถยึดเมืองนี้คืนจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิสได้
เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้เปิดการโจมตีทางอากาศโดยใช้โดรนทิ้งระเบิดใส่ที่ปรึกษาด้านการทหารของอิหร่านเสียชีวิตไปสองราย ซึ่งอยู่ใกล้เมืองติกริตในช่วงที่กองกำลังผสมอิรัคและอิหร่านกำลังต่อสู้กับไปซิสอยู่นั้น ทางอิหร่านออกมาประณามการกระทำในครั้งนี้ของสหรัฐฯ ทูตสหรัฐฯประจำกรุงแบกแดกไม่ตอบโต้ในกรณีนี้เพียงแต่พูดว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศมีเป้าหมายอยู่ที่ผู้ก่อการร้ายไอซิส อ้าว! ก็ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ของอิหร่านถูกสหรัฐฯสังหารไปตั้งสองคนนี่ยังจะหน้าด้านบอกว่ามีเป้าหมายโจมตีเฉพาะไอซิสอีกหรือ?
ก็ไม่มีอะไรมาก คือตอนนี้อิรัคให้ฝ่ายอิหร่านเป็นผู้นำในการแวงแผนโจมตีไอซิสแทนสหรัฐฯ แบบนี้ก็ทำให้สหรัฐฯเสียหน้ามาก และไม่มีทางรู้ด้วยว่าแผนการถล่มไอซิสของกองกำลังผสมที่นำโดยอิหร่านนั้นจะถล่มไอซิสแบบไหนบ้าง ไม่มีทางที่สหรัฐฯจะคาบข่าวไปบอกไอซิสให้รู้ทางหนีทีไล่ได้ทันแน่ๆ อีกสาเหตุหนึ่งก็คือพักหลังมานี้การเจรจาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในเวทีโลกร่วมชาติมหาอำนาจ P5+1 นั้น ดูเหมือนว่าทางอิหร่านกำลังจะเดินแต้มได้ดีซะด้วย มีโอกาสที่จะเกิดความร่วมมือที่ดี แต่ฝ่ายที่ไม่อยากให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขด้วยดีก็จะหาทางตัดกำลังอิหร่านอยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็รวมถึงปัญหาในเยเมนที่อิหร่านให้การสนับสนุนกลุ่มฮูติด้วย
The Eyes
31/03/2558
----------
Iraqi Forces Liberate Tikrit From Islamic State / Sputnik International
​US dodges accusation of killing Iranian advisers in Iraq — RT News

 

ปอกเปลือก ทรราช



อิสตันบูล : สมาชิกกลุ่ม DHKP-C ถูกเก็บเรียบ 3 ราย ตัวประกันถูกยิงเสียชีวิต
--------------
สถานการณ์กลุ่มติดอาวุธฝ่ายซ้ายแนวร่วมปลดปล่อยประชาชนปฏิวัติ (DHKP-C) บุกเข้าไปภายในที่ทำการศาลเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีและจับอัยการเป็นตัวประกันเมื่อวานนี้ (ตามที่ได้รายงานให้ทราบในโพสต์ก่อนหน้านี้) ล่าสุดสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากที่ตำรวจเจรจากับกลุ่ม DHKP-C ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 คนนาน 6 ชั่วโมงไม่สำเร็จ ตำรวจจึงตัดสินใจบุกเข้าช่วยตัวประกัน ทำให้คนร้ายทั้ง 3 คนถูกยิงเสียชีวิต ส่วนตัวประกัน (อัยการ) ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส (ข่าวไม่ได้บอกว่าถูกยิงโดยตำรวจหรือคนร้าย) ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เศร้า!…
กรณีนี้คงไม่จบง่ายๆแน่ เพราะหนึ่งชีวิต (เด็กหนุ่มวัย 15 ที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในการเดินประท้วงเมื่อปี 2013) และหนึ่งชีวิตอัยการในวันนี้ (แม้ยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใครที่ยิงอัยการระหว่่างตำรวจกับผู้ร้าย) แต่ก็ทำให้ฝ่าย DHKP-C สูญเสียไปอีก 3 ชีวิต เหตุการณ์เหล่านี้จะนำไปสู่อะไรอีกต้องรอดูต่อไป
The Eyes
01/03/2558
----------
Istanbul Hostage Crisis: Blasts, Gunfire Reported at Courthouse / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
แกะรอยเส้นทางเงิน : วิธีที่สหรัฐฯสนับสนุนการเคลื่อนไหวกลุ่มแบ่งแยกในเยเมน



---------------
+ บทนำ
---------------
เนื่องจากตอนนี้สถานการณ์ในเยเมนกำลังฮ็อตสุดๆ ทั้งการสู้รบในพื้นที่และชาวโลกต่างจับตาดูว่าเยเมนจะกลายเป็นซีเรีย2 หรือยูเครนตะวันออก2 หรือไม่ ประจวบกับผู้เขียนก็ได้ให้สัญญากับท่านผู้อ่านและแฟนเพจ "ปอกเปลือก ทรราช" ทั้งหลายว่าจะมาเล่าเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของความขัดแย้งในเยเมนต่อจากตอนแรกที่โพสต์ไปเมื่อวันที่ 29 มี.ค.58 ด้วย ความเดิมบางตอนได้พูดการรวมเยเมนเหนือและเยมเมนใต้เข้าเป็นประเทศเดียวกัน (Republic of Yemen / สาธารณรัฐเยเมน) ในยุคของ Saleh ต่อมาก็มีบางคนบางกลุ่มไม่ชอบใจที่เยเมนหรือประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางมีความสามัคคีได้เช่นนี้ ก็พยายามเสี้ยมให้ประชาชนในเยเมนมีความแตกแยกกัน เพื่อนำไปสู่การแบ่งเป็นเยมเมนเหนือกับเยเมนใต้อีกครั้งหนึ่ง จนนำมาซึ่งสงครามกลางเมืองและสงครามจากภายนอกที่กลุ่มประเทศพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียใช้เครื่องรบมาทิ้งระเบิดใส่เมืองหลวงของเยเมน อ้างว่าเพื่อให้ปธน. Hadi ที่ตอนนี้หนีตายไปอยู่กับซาอุดิฯได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้งเพราะ Hadi มาจากการเลือกตั้ง แค่นั้นแหละคือเหตุผลที่ซาอุดิฯทำสงครามโจมตีเยเมน ไม่ใช่เพื่อความสงบสุขสามัคคีของประชาชนชาวเยเมนเลย แต่เพื่อให้ Hadi กับพวกกลับมามีอำนาจเทียมได้อีกครั้งเท่านั้น (ลิงค์บทความตอนที่ 1 https://www.facebook.com/fisont/posts/1649075565312577)
พอดีช่วงที่กำลังแปลบทความส่วนที่ 1 อยู่นั้นผู้เขียนก็ไปเจอบทความอีกฉบับหนึ่งชื่อ "The Money Trail: How the US Fostered Yemen's Separatist Movement" จาก Sputnik news ของรัสเซีย อ่านดูแล้วเห็นว่าน่าสนใจ เพราะเขานำเอาข้อมูลเกี่ยวกับการสนับสนุนทางการเงินให้กับขบวนการต่างๆในเยเมนโดยสหรัฐฯและตะวันตกมาตีแผ่ให้โลกรับรู้ พฤติกรรมแบบนี้เหมือนกับที่สหรัฐฯดำเนินการอยู่ในประเทศต่างๆรวมทั้งในไทยด้วย ข้อมูลแบบนี้จะไม่ปรากฎในสื่อฯตะวันตกที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลของพวกเขาเด็ดขาด เพื่อให้รู้ทันภัยใกล้ตัวและเล่ห์ของมหาอำนาจอย่างอเมริกาก่อนจะสายเกินไปอย่างเยเมนและยูเครน และเพื่อให้เข้ากับชื่อของเพจนี้ "ปอกเปลือก ทรราช" ที่เน้นเรื่อง "ตีแผ่เรื่องราวทุกๆเรื่องราวที่มีความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นในทุกๆมุมของโลก" จึงได้นำมาเล่าสู่กันฟังอีกต่อหนึ่ง
+ บทความ
---------------
ในขณะที่ซาอุดิอาระเบียและพันธมิตรกำลังบอมเยเมนอย่างเมามันไม่เว้นละวัน กลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนที่ชื่อว่า "รัฐอาระเบียใต้" (State of South Arabia) ก็ถือกำเนิดขึ้น (ฟังคุ้นๆกับบางชื่อในประเทศไทยบ้างไหม?) ขบวนการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยสหรัฐฯ (หากขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ทำสำเร็จ) ก็จะทำให้ฮูติมีิรัฐอริที่มีชายแดนติดกันแถึง 2 รัฐด้วยกัน และจะขวางไม่ให้กลุ่มฮูติเข้าถึงทะเล (อ่าวเอเดน) ได้ด้วย
1.) กำเนิดคณะกรรมการประชาชนภาคใต้ (Southern People's Committees)
หลังจากการปฏิวัติเยเมนในปี 2554 ล้มเหลว (อาหรับสปริงโมเดล > อัพไรซิ่งเยเมน) กลุ่มติดอาวุธฮูติก็เข้ายึดอำนาจจากปธน. Hadi (ในอดีตเป็นรองปธน. Saleh ระหว่างปี 2537 ถึง 2555 ตอนนี้หันมาซัดกันเอง) สหรัฐฯก็เริ่มซุ่มฝึกซ้อมกองกำลังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนขึ้นมาในภาคใต้ของเยเมนอย่างลับๆพร้อมทั้งให้ทุนสนับสนุนด้วย
คณะกรรมการประชาชนภาคใต้ (SPC) ของเยเมนก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดย USAID ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อปฏิบัติการทางเมือง (olitical workshops) SPC เป็นโครงการหนึ่งของสหรัฐฯภายใต้เงินงบประมาณ $695,000 (ประมาณ 22 ล้านบาท) ที่ใช้สำหรับฝึกการเป็นผู้นำในเยเมนเริ่มมาตั้งแต่ปี 2548 (ในปี 2550 ปฏิบัติการฝึกงานก็เริ่มขึ้น โดยมีการจัดม็อบประท้วงเป็นรายสัปดาห์ มีการบริหารจัดการโดยองค์กรเกี่ยวกับผู้หญิงซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเงินทุนในโครงการของสหรัฐฯ) ขบวนการ SPC มีลักษณะเหมือนกันกับขบวนการปฏิวัติสี (color revolution) อื่นๆ เช่นกลุ่ม Otpor ในซีเรีย ในกรณีนี้ขบวนการเหล่านี้ไม่มีผู้นำที่เป็นศูนย์รวม (อย่างเป็นทางการ) แต่จะเป็นองค์กรเคลื่อนไหวอิสระขนาดเล็ก (autonomous cell-based organization) นอกจากนั้นองค์กรหรือกลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังเก่งในเรื่องเทคโนโลยีในโลกโซเชียลมีเดีย การส่งข้อมความ และการหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ทางอินเตอร์เน็ทจากหน่วยงานรัฐบาลเพื่อรวมตัวกันประท้วงด้วย (โมเดลเดียวกันที่ใช้ในเมืองไทยเลยเช่นพวกที่ชู 3 นิ้ว ชูกระดาษ กินข้าวข้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไม่เกิน 5 คน แต่ตากล้องเป็น 10 ถ่ายรูปโพสต์ตามอินเตอร์เน็ทและส่งไปให้สำนักข่าวต่างประเทศ วิธีการนี้สหรัฐฯใช้ที่เยเมนมาก่อนเมืองไทยซะอีก จากนั้นก็ยูเครนจนสามารถเผาไมดานในกรุงเคียฟได้ และกำลังใช้วิธีนี้ที่ไทยแลนด์)
2.) อียูเดินแผนสิทธิมนุษยชน (EU's Human Right Strategy)
ในขณะเดียวกัน (ปี 2552) ทางอียูก็ทุ่มเงินจำนวน $193,000 (ประมาณ 6.3 ล้านบาท) ให้กับศูนย์ศึกษาสิทธิมนุษยชนในเยเมน ซึ่งเป็นมูลนิธิที่อียูกับสหรัฐฯร่วมกันก่อตั้งขึ้นมาสำหรับอนาคต ทำโพลล์ขึ้นมาในเดือนมกราคม ปี 2553 ซึ่งพบว่าร้อยละ 70 เปอร์เซ็นต์ของภาคใต้สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน (เทียบกับพวกที่ออกมาเรียกร้องให้แบ่งแยกประเทศไทยเป็น "อีสานล้านนา" ก็จะเห็นภาพได้ชัดขึ้น พอถูกจับได้และถูกต่อต้านจากประชาชนส่วมมากในประเทศไทย ก็ออกมาพูดแก้เกี้ยวว่าเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง)
3.) สหรัฐฯตั้งโครงการกำกับดูแลเชิงตอบโต้ (Responsive Governance Project)
USAID ของสหรัฐฯทุ่มเงินอีก $43 ล้านเหรียญ (1.4 พันล้านบาท) ให้กับโครงการ "Responsive Governance Project" ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2553 โดยมีจุดประสงค์เพื่อฝึกการใช้สื่อฯในสังคมออนไลน์ให้กับผู้นำกลุ่มเยาวชนในเยเมนใต้ โดยให้ระดับหัวหน้ากลุ่มเหล่านี้ไปฝึกการใช้สื่อสังคมออนไลน์ให้กับเยาวชนชาวเยเมนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการกำหนดประเด็นต่างๆขึ้นมาในสังคม โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างการติดต่อกับรัฐบาลเยเมนและส่งเสริมภาวะความเป็นผู้นำและการฝึกอบรมด้านการศึกษาระดับพลเมืองให้กับกลุ่ม NGO เยาวชน (เมืองไทยก็มี เคยเปิดโปงมาแล้ว 2 องค์กรที่มีลักษณะคล้าย RGP ของเยเมน กลุ่มแรกคือแก๊งประชาไม่ใช่ไทยฯ กลุ่มที่สองคือแก๊งสาระแนออนไลน์ ทั้งสองแก๊งนี้จริงๆแล้วเป็นพวกเดียวกันมีแหล่งเงินทุนบางแหล่งร่วมกันส่งตรงมาจากสหรัฐฯและยุโรป ยุทธวิธีนี้ใช้ได้ผลมาแล้วที่เยเมนและยูเครน แต่ไม่ได้ผลที่ฮ่องกง ไทยไม่แน่ หากเยาวชนไทยยังไม่รู้ทันเล่ห์ของชาติตะวันตกและผู้ใหญ่ยังไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรวันหนึ่งเราอาจจะกลายเป็นแบบเยเมนและยูเครนก็ได้)
4.) สหรัฐฯทุุ่มเงินก่อตั้งโครงการสนับสนุนเยาวชนนัดพบพลเมือง (Promoting Youth for Civic Engagement)
ในปี 2555 USAID ก็ทุ่มเงินอีกจำนวน $3.58 million (ประมาณ 117 ล้านกว่าบาท) ให้กับโครงการหนึ่งที่มีชื่อว่า "Promoting Youth for Civic Engagement" (PYCE) (โครงการสนับสนุนเยาวชนพบพลเมือง) เพื่อฝึกอบรมเยาวชนในเมืองเอเดนในโครงการ PACA (เกี่ยวกับการฝึกอบรมกิจกรรมทางการเมือง) การปฐมพยาบาล การป้องกันตนเอง การถ่ายรูป การทำกราฟิกประดิษฎ์ (calligraphy) และหัวข้ออื่นๆ ซึ่งรวมทั้งทักษะการใช้สื่อฯมีเดีย ตามรายงานประเมินโครงการ PYCE โครงการนี้จัดตั้งขึ้นเฉพาะที่เมืองเอเดนเท่านั้น ไม่มีการทำ workshops ในกรุงซานาเมืองหลวงทางตอนเหนือของเยเมน หลังจากได้รับรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคาม (ปัจจุบันนี้เมืองเอเดนเป็นเขตผู้สนับสนุน Hadi แต่จริงๆแล้วเยาวชนรุ่นใหม่ในเมืองนี้ถูกสหรัฐฯปั่นหัวควบคุมไว้หมดแล้ว เมืองเอเดนจะสนับสนุน Hadi หรือไม่นั้นอยู่ที่สหรัฐฯเป็นคนตัดสินใจ ถ้าวันหนึ่งสหรัฐฯพบว่า Hadi ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้สหรัฐฯได้ตามที่สหรัฐฯต้องการหรือริแข็งข้ออย่าง Saleh ในอดีต สหรัฐฯก็จะใช้คนกลุ่มนี้ที่ตนเองลงทุนไว้เป็นเครื่องมือในการบีบ Hadi เอง ให้ตายสิ! แผนนี้มันช่างสุดชั่วลุ่มลึกจริงๆ ระบบบ่อนทำลายจากภายในนี่นะน่ากลัวจริงๆอ่ะ)
5.) เดินเกมสนับสนุนด้านกีฬาตบตาแต่ฝึกการต่อสู้แทน (Sport Program to Self-defense)
อีกยุทธวิธีหนึ่งในการกลืนเยเมนผ่านเยาวชนโดยฝีมือสหรัฐฯก็คือการชู "โปรแกรมกีฬา" (Sports Program) ให้กับเยาวชน แม้ว่าจะมีกีฬาประเภทบาสเกตบอล แฮนด์บอล และหมากรุก กีฬาเหล่านี้ไม่ใช่จุดประสงค์หลักตามที่ปรากฎในรายงาน ในขณะเดียวกันมีการฝึกด้านการช่วยเหลือปฐมพยาบาล การต่อสู้ป้องกันตนเอง การถ่ายรูป การทำกราฟิกประดิษฐ์ (ทำสัญลักษณ์ประท้วง) ซึ่งฟังดูเหมือนว่าเป็นแท็กติกในการประท้วงมากกว่าจะเป็นเรื่องของกีฬา เดิมทีโปรแกรมนี้ถูกกำหนดไว้ว่าจะมีอายุการใช้งานอยู่ 2 ปี แต่ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆตามที่ปรากฎในรายงานหลังจากเดือนมีนาคมปี 2555 เมื่อปธน. Hadi เข้ากุมอำนาจได้
(ฝึกการต่อสู้ป้องกันตนเองก็เอาไว้สำหรับใช้ในกรณีม็อบปะทะกันหรือก่อการจลาจล ปฐมพยาบาลก็เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการจลาจลที่เป็นฝ่ายเดียวกัน ส่วนที่เหลือก็เพื่อการประท้วงและปลุกระดมพลรวมม็อบก่อเหตุ เงินทุนเหล่านี้ไม่ได้ใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านการศึกษาที่เป็นระบบและการกีฬาเลย แต่เพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองโดยใช้เยาชนเป็นเครื่องมือล้วนๆ น่าเศร้าใจยิ่งนัก)
6.) ขบวนการ SPC เปลี่ยนมาเป็นกองกำลังติดอาวุธอย่างเป็นทางการ (the SPC became more of a military outfit)
หลังจากการปฏิวัติในปี 2554 สมาชิกคณะกรรมการประชาชนภาคใต้ (SPC) ของเยเมนหันมาสวมเครื่องแบบทหารเพิ่มมากขึ้นและเข้าร่วมในการต่อสู้ต่อต้านกลุ่มอัลเอด้าในเยเมน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่ซีไอเอขยายปฏิบัติการ (โจมตีทางอากาศ) ด้วยโดรนในพื้นที่ จุดนี้เองที่ทำให้องค์กรนี้เริ่มเรือนหายไปจากการให้ความสนใจของสาธารณชน เมื่อปรากฎอยู่ในรายงานการให้เงินสนับสนุนจาก USAID และองค์กรนี้เริ่มให้ความสนใจในการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศน้อยลง ในเดือนมิถุนายนปี 2555 ผู้บัญชการภาคสนามของ PSC ให้สัมภาษณ์กับ หนังสือพิมพ์ Yemen Times (หนังสือพิมพ์อิสระภาคภาษาอังกฤษของเยเมน) ซึ่งเขาได้อธิบายถึงการต่อสู้ของกลุ่มต่อต้าน Ansar al-Sharia Islamists ร่วมกันกับรัฐบาล (สุดท้าย SPC ก็เป็นแค่เครืื่องมือของสหรัฐฯที่ใช้สำหรับต่อสู้กับกลุ่มอื่นในเยเมนเท่านั้นเอง จากนั้นก็ค่อยๆตายไปจากความสนใจของประชาชน)
7.) ปลุกผี SPC ขึ้นมาต่อสู้กับกลุ่มฮูติ (SPC was back against Houthis)
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 กลุ่ม SPC ก็กลับมาปรากฎในสายตาของสาธารณชนอีกครั้ง ซึ่งเพียงแค่ 2 วันหลังจากที่กลุ่มฮูติเข้ายึดเมืองซานาได้ กลุ่ม SPC ได้ออกแถลงการณ์ซึ่งพวกเขาออกมาเรียกร้องให้ใช้กองกำลังรักษาความสงบ "เพื่อดำเนินบทบาททางประวัติศาสตร์ในการรักษาความปลอดภัยและคุ้มครองทรัพย์สินของประชาชน เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นไปเพื่อรักษาการปฏิวัติเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนชาวเยเมนจะได้รับ"
ในขณะเดียวกันทางตอนใต้ของเยเมน กลุ่มเคลื่อนไหว SPC มีความกระตูรือร้นทางเฟซบุคและทวิตเตอร์กันมากขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2557 เป็นต้นมา ทั้งเฟซบุคและทวิตเตอร์เพจต่างๆ พากันนำเสนอโฆษณาชวนเชื่อปลุกระดมต่อต้านกลุ่มฮูติ (anti-Houthi propaganda) และเรียกร้องให้มีการแบ่งแยกดินแดน และ "รัฐอาระเบียใต้" ภายในดินแดนที่เคยเป็นเยเมนใต้ในอดีต มีการนำธงชาติของเยเมนใต้ออกมาประกอบการเคลื่่อนไหวด้วย (เมื่อ Hadi ที่อเมริกาสนับสนุนสูญเสียอำนาจในเยเมน ขบวนการ SPC ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก USAID ก็พักการสู้รบกับพวกอัลเคด้าแล้วหันมาต่อต้านกลุ่มฮูติแทน ทายซิว่าใครที่จะสั่งและบงการพวกนี้ได้ น้ำหน้าอย่าง Hadi หรือซาอุดิฯหนะหรือจะมีปัญญาคุมพวกนี้ได้ นายที่แท้จริงของกลุ่มนี้ก็คือผู้ที่จ่ายเงินให้นั่นแหละ)
8.) SPC จับมือกับซาอุดิฯต้อนฮูติให้จนมุม (SPC allies with Saudi to corner Houthis)
ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ขบวนการ SPC ก็เปิดฉากต่อสู้กับกลุ่มฮูติ และมองว่าซาอุดิฯนั้นเป็นพันธมิตรที่คอยอำนวยความสะดวกให้ ทั้งยังสรรเสริญกษัตริย์ของซาอุดิอาระเบียและราชวงศ์ของซาอุดิฯในโซเชียลเน็ทเวิร์กของกลุ่ม SPC ด้วย อย่างไรก็ตามการแบ่งแยกเยมเมนนั้นก็เอื้อประโยชน์ให้กับซาอุดิด้วยเช่นกัน เนื่องจากสามารถโดดเดี่ยวพวกฮูติและทำให้เยเมนเหนือเล็กลงไปกว่าเดิม ซึ่งจะถูกโอบล้อมด้วยรัฐที่ปรปักษ์ทั้งสองรัฐ โดยมีซาอุดิฯล้อมอยู่ทางตอนเหนือและมีรัฐอาระเบียใต้ใหม่ล้อมอยู่ทางตอนใต้ ซึ่งสามารถควบคุมการเข้าถึงทะเลฝั่งอ่าวเอเดนเอาไว้ด้วย (เมื่อกลุ่มฮูติถูกบล็อกจากการเข้าถึงท่าเรือในเมืองเอเดน เศรษฐกิจและการเงินของเยเมนเหนือก็จะแย่ลงเรื่อยๆ กำลังการต่อสู้ก็จะถูกบั่นทอน ความทุกข์ยากมากกว่านี้ก็จะตามมา จลาจลในเมืองก็จะเกิดขึ้น การปลุกให้ประชาชนชาวเยนเมนเหนือลุกฮือขึ้นต่อต้านกองกำลังฮูติในเวลาต่อมาคงทำได้ไม่ยากนัก นั่นคือแผนที่ผู้บงการ SPC และทางซาอุดิฯมองเอาไว้ นั่นหมายความว่าชีวิตผู้คนในเยเมนเหนือจะถูกสังเวยไปเป็นจำนวนมาก คิดแล้วหดหู่ใจยิ่งนัก และที่บอกว่าเป็นประโยชน์ต่อซาอุดิฯด้วยนั้นก็คือซาอุดิฯมั่นใจได้ว่าเส้นทางเดินเรือบรรทุกนั้นมันผ่านอ่าวเอเดนจะไม่ถูกบล็อกโดยกลุ่มฮูติ)
เอาหละครับ ขอจบขบวนการแบ่งแยกดินแดนเยเมนใต้ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ตามบทความต้นฉบับนั้นยังมีต่ออีกนิดหน่อยพูดถึงการเปรียบกรณีเยเมน-ซาอุดิฯกับกรณียูเครน-รัสเซีย และระบบสองมาตรฐานของสหรัฐฯ ซึ่งก็น่าสนใจเช่นกัน เอาไว้จะนำมาเล่าต่อให้ฟังในโพสต์ต่อไปนะครับ โพสต์นี้ยาวมากแล้วเดี๋ยวจะเบื่ออ่านซะก่อน จึงขอจบเพียงเท่านี้
ป.ล. สำหรับการแปลบทความในครั้งนี้ (และหลายๆครั้งที่ผ่านมา) ผู้แปล (The Eyes) อาจจะข้ามข้อความบางตอนไปบ้างแต่ไม่มาก และได้เพิ่มเติมข้อมูลลงไปบ้างเป็นบางช่วง มีการตั้งข้อสังเกตไว้บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วไม่ได้มีการบิดเบือนเนื้อหาจากต้นฉบับเดิม ที่กระทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้อ่าน ส่วนสำนวนในการแปลนั้นก็เคยแจ้งไวให้ทราบแล้วว่าไม่เน้นภาษาที่เป็นทางการ เป็นลักษณะการพูดคุยกันหรือเล่าข่าวให้เพื่อนๆฟังมากกว่าจะแปลหรือเขียนอย่างเป็นทางการ หากท่านใดประสงค์จะอ่านจากต้นฉบับก็สามารถหาอ่านได้จากลิงค์ที่ได้ให้ไว้ข้างล่างนะครับ
คิดเห็นอย่างไรก็เม้นท์คุยกันได้ครับ ไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น ยินต้อนรับทุกท่านที่ไม่มีเจตนามาป่วนเพจ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านข่าวสารจากเพจนี้ คำชม กำลังใจ และที่กรุณาช่วยโปรโมทเพจนี้ให้ด้วยเพื่อให้สังคมได้รับทราบข่าวสารดีๆอีกช่องทางหนึ่งครับผม
The Eyes
01/04/2558
----------
The Money Trail: How the US Fostered Yemen's Separatist Movement / Sputnik International
Military Operation in Yemen / Sputnik International
South Yemen - Wikipedia, the free encyclopedia
Southern Movement - Wikipedia, the free encyclopedia
South Yemen insurgency - Wikipedia, the free encyclopedia

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 31 มี.ค.58 ซาอุฯ หลงกลซะแล้ว จะถูกอเมริกาแบ่งเป็น 3 ประเทศ
ใครอยากรู้บ้าง ว่าทำไมอเมริกาจึงไม่ออกหน้า ในการทำสงครามกับเยเมน จะเฉลยว่า มันคือกลศึก เป็นกลลวงที่อเมริกา วางกับดักไว้คล้ายกับ ซัดดัม ฮุดเซ็น แห่งอิรักเคยโดนมาก่อน โดยมะกันเปิดไฟเขียวให้อิรัก บุกโจมตีคูเวต แล้วก็ค่อยหาข้ออ้างมาตลบหลังอีกที
แผนการของอเมริกาในครั้งนี้ คือ การทำลายเยเมน แยกให้เป็นเยเมนตะวันออกใต้ และเยเมนเหนือ ซึ่งข้อนี้สำเร็จได้ยาก ตราบเท่าที่อิหร่านค้้ำรัฐบาลฮูซีเยเมนอยู่ และแยกซาอุฯ ให้เป็นสามส่วน คือ เขตพื้นที่ตะวันออก , ฮิญาซ และ เขตพื้นที่ นัจด์..จุดนี้เป็นไปได้สูงมากที่สุด
สงครามครั้งนี้จะยาวนานไปหลายเดือนหรืออาจเกินปี หายนะทางเศรษฐกิจของซาอุฯ จะเหมือนกับคราวสงครามอิรัก-อิหร่าน ที่หมดตัวไปตามๆ กัน แล้วอเมริกาก็จะรอจังหวะทำลายซาอุฯ ในช่วงนั้น ตอนนี้เครื่องบินซาอุฯ ถูกสอยไม่เว้นแต่ละวัน
และซาอุฯ ระดมกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ราว 5,000 คนมาสู้ในแนวชายแดนแทนทหาร...ผลจะตามมา คือ อนาคตแห่งความปลอดภัย ของซาอุฯ จะสิ้นสุดลง และสร้างความหายนะต่อซาอุฯ แทน
ตอนนี้ราชวงศ์ซาอุฯ ที่มี 3 ตระกูล เริ่มแตกแยกเป็นเสี่ยงแล้ว ถ้าซาอุฯ ไม่หยุด เขียนป้ายแปะข้างฝาไว้ว่า "ลาก่อน ดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง " ล่มสลายเพราะผู้นำที่อ่านเกมส์อเมริกาไม่ออก
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 31 มี.ค.58 รัสเซีย โอดครวญ รวยจะแย่อยู่แล้ว ทองท่วมประเทศ อเมริกาจะว่าไง ??



ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง โดยการบริหารจัดการของธนาคารกลางของรัสเซีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางของรัสเซียประกาศ ทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งประกอบด้วยทองคำ และสกุลเงินต่างประเทศของรัสเซียเพิ่มขึ้น ประมาณ 11.5 ล้านล้านบาท
นักลงทุนจากต่างชาติ กำลังแห่ไปลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะถูกคว่ำบาตร จากสหรัฐฯ และ EU ล่าสุดปูตินได้สั่งให้เปิดเขตการค้าเสรีขึ้นในไครเมียด้วย เพื่อดึงนักลงทุนด้านอื่นๆ ให้ทุ่มเงินไปที่ไคร์เมีย
-------------------------------->
เวรกรรมเลย อเมริกา และ EU เสียโอกาสทองไปเสียแล้ว ยิ่งคว่ำบาตรรัสเซียยิ่งรวยขึ้นจมกระเบื้องจากทองคำ แต่อเมริกาและ EU มีแต่เงินกระดาษ ที่ไร้ค่ากว่าเอาไปเช็ดตูด..ไม่เหลือสภาพต่อสู้จริงๆ ในขณะที่รัสเซีย และจีน รวยทองคำเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่อเมริกา และ EU กลับไม่มีอะไรเลย
นอกจากทำ QE ทางเศรษฐกิจ เอาตัวรอดไปวันๆ แบบไร้อนาคต หมดกันระบอบทุนนิยม ประชาธิปไตย พ่ายแพ้ระบอบอนุรักษ์นิยม ตะวันออกเสียแล้ว..เพจนี้บอกมาล่วงหน้าแล้วราว 4 เดือน แต่บางคนไม่เชื่อ..แล้วตอนนี้เป็นไง ??
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 31 มี.ค.58 อเมริกา ไม่เป็นประชาธิปไตย ยิงคนตายโดยไม่จับกุมอีกแล้ว
เกิดเหตุระทึกขวัญในสหรัฐ หลังมีชายสองคน แต่งกายในชุดของผู้หญิง พยายามขับรถชนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขวางอยู่บุกเข้าไปในประตูทางเข้า สำนักงานใหญ่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ (NSA) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน เจ้าหน้าที่ต้องสั่งการณ์ ให้นำรถตำรวจเข้ามากีดขวางไว้
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ NSA ยิงสกัด จนหนึ่งในชายที่พยายามลงมือก่อเหตุเสียชีวิต ส่วนอีกรายได้รับบาดเจ็บ ...เจ้าข้าเอ้ย อเมริกาทำเกินกว่าเหตุ ยังไม่ได้ปรับทัศนคติเขา หรือจับสอบสวน ขึ้นศาลเลย ก็ยิงเขาตายโดยไม่ประกาศกฎอัยการศึก และมาตรา 44 เสียแล้ว แบบนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยนะ
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Jeerachart Jongsomchai

... "เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ อียู เผย : มีอียูบางประเทศรับซื้อน้ำมันเถื่อนจาก ISIL เสียเอง"


.
... นอกจาก "อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย" จะไม่พยายามบั่นทอนกำลังท่อส่งน้ำอาหารเสบียงทางการเงินกับ ISIL แล้ว กลับกำลังเลี้ยงไข้และส่งเสริมเองเสียอีก โดยมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงระดับเอกอัครราชทูตของอียู EU ประจำอิรัก นาย Jana Hybas-kova เผยว่า มีบางประเทศรับซื้อน้ำมันจาก ISIL เสียเอง เข้าข่าย "ปากว่าตาขยิบ" ทั้งๆที่โดยหลักการพวกเขาต่อต้านพวก ISIL ต่อหน้าสื่อกระแสหลักที่ออกไปทั่วโลก
... แต่เขาได้ปฎิเสธที่จะระบุชื่อว่าประเทศไหนบ้างที่รับซื้อของโจรที่พวกเขาเองด่าออกหน้าสื่อ น้ำมันของ ISIL มาจากสองแหล่งคือทั้งใน "อิรัก และ ซีเรีย" แล้วส่งไปขายใน "ตลาดมืด" ของน้ำมัน ( ที่มีมูลค่าทั้งหมดประมาณ 97 ล้านดอลล่าร์ต่อเดือน หรือประมาณ เกือบๆ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน ) หรือเกือบๆครึ่งหนึ่งของน้ำมันในตลาดสว่างทั่วไป ดังนั้นจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไม ISIL จึงมีเงินมาสู้รบไม่เคยหมด
... นอกจากประเทศ ในอียู บางประเทศ จะรับซื้อเอาน้ำมันจาก ISIL ในตลาดมืดแล้ว ยังรับซื้อน้ำมันจาก กลุ่มชาว "เคิร์ด" ที่อิสราเอล และอเมริกาหนุนอยู่ ที่เอาไว้เป็นทหารรับจ้าง และ "รัฐกันชน" ตรงรอยต่อระหว่าง ซีเรีย ตุรกี อิรัก อิหร่าน อีกด้วย ทำให้กองกำลังชาวเคิร์ด ทำงานให้ อียู และอเมริกาแบบถวายหัว เพราะว่า "สู้แล้วรวย" โดยพยายามวาดฝันว่าจะดันให้เป็นรัฐอิสระและประเทศในอนาคต
... หน่วยข่าวกรองของอเมริกา บอกว่า การส่งน้ำมันไปขายของ ISIL นั้นจะส่งผ่านเครือข่ายในกลุ่มชาว "เคิร์ด" และในประเทศ ตุรกี จอร์แดน และบอกด้วยว่า ISIL กลุ่มเดียวน่าจะได้เงินในการขายน้ำมันประมาณ 3 ล้านดอลล่าร์ต่อวัน ( บางแหล่งข่าวเช่น รอยเตอร์ ก็บอกว่า "อิสราเอล" เองก็เป็นตัวประสานให้ และกำลังจะถูกรัฐบาลอิรักฟ้องร้องเอา ว่าร่วมขโมยน้ำมันอิรักไปขาย ) แม้ว่าทาง "ตุรกี" จะออกมาปฎิเสธก็ตาม
... ซึ่งเรื่องนี้ระดับสูงของ อียู อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ซาอุดิอาระเบีย ต่างรู้ดี ก็เพราะลึกๆ แล้วพวกเขาต้องการหลอกใช้ "ISIL" ให้เป็นเหมือน "ฮิตเล่อร์" ในการทำตัวเป็น "รังแตน" ตามนโยบายที่พวกเขาตั้งขึ้น เพื่อทำให้อิสลามและอาหรับแตกแยกกัน ซึ่งในระยะยาวก็จะทำให้รัฐ "อิสราเอล" ปลอดภัยนั่นเอง
... ถ้ามองแบบเรื่องการบริหารงบการต่อสู้ สรุปใจความง่ายๆก็คือว่า "ขโมยดูดเอาน้ำมันจากประเทศศัตรูมาขาย เพื่อจะเอาเงินที่ขายได้ให้ทหารรับจ้างหุ่นเชิดไปรบทำลายศัตรูเอง" แบบที่ครั้งหนึ่ง อเมริกาเคยหนุนให้ อัฟกานิสถานและม้งวังเปา ปลูกฝิ่นเพื่อเอาเงินขายฝิ่นมารบกับรัสเซียและรัฐบาลประเทศลาวในอดีต โดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
.
http://www.zerohedge.com/…/petrodollar-panic-eu-officials-a…
ISIS Leader Abu Bakr Al Baghdadi Trained by Israeli Mossad, NSA Documents Reveal | Global Research - Centre for Research on Globalization
http://www.reuters.com/…/us-israel-iraq-idUSKBN0EV0X6201406…

 

Chalee Na Roied



หลายวันก่อนผมพูดถึงการสร้างบังเกอร์หลบภัย สำหรับพลเมืองของรัสเซียนะครับ ในขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกาเอง การสร้างบังเกอร์ก็มีกว่า 100 แห่ง ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วสหรัฐ และแน่นอนครับ บังเกอร์เหล่านี้ไม่เพียงพอสำหรับชาวอเมริกัน 300 ล้านคนแน่ๆ ในกรณีเกิดสงครามนิวเคลียร์ ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล นายทหารระดับสูง และคนที่ร่ำรวยจริงๆ และนอกจากนี้ ยังมีอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นใต้ทำเนียบ ปธน.สหรัฐ ที่เชื่อมต่อไปยังศูนย์บัญชาการ ที่เป็นบังเกอร์ชั้นใต้ดิน ซึ่งถูกสร้างขึ้นใหม่ตั้งแต่ปี 2010 https://whitehouse.gov1.info/tunnel/
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้นครับรัสเซีย มีการสร้างบังเกอร์หลบภัย สำหรับพลเมืองในกรุงมอสโคว์ในปี 2010 เช่นกัน โดยบังเกอร์ดังกล่าวสร้างขึ้นไกล้ๆ กับอพาร์ตเม้นและที่อยู่อาศัย ซึ่งสามารถเดินทางจากอพารต์เมนต์ และแม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าต่างๆ ลงมายังบังเกอร์หลบภัย ภายในไม่กี่นาที และบังเกอร์เหล่านี้ แล้วเสร็จตั้งแต่ปี 2012แล้วครับ http://rt.com/ne…/prime-time/moscow-bomb-shelters-outskirts/
ถามว่าถ้ารัฐบาลสหรัฐและรัสเซีย ไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เขาจะทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์ไปทำไม? เพราะบังเกอร์แต่ละแห่ง ไม่ได้ใช้เงินน้อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากภาษีของประเทศทั้งสิ้น แสดงว่ารัฐบาลของมหาอำนาจทั้งคู่ ย่อมเล็งเห็นและคาดเดาได้ว่า ในอนาคตอันไกล้นี้ กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับมวลมนุษยชาติ และสหรัฐเองก็ทราบดีว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 ระหว่างสหรัฐและรัสเซียนั้น รัสเซียมีศักยภาพในการทำลาย สหรัฐด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ที่ได้รับการพัฒนามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในขณะที่สหรัฐหมดงบประมาณ กับสงครามในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะตะวันออกกลางจำนวนมาก จึงไม่ได้มุ่งพัฒนาในด้านการป้องกันตนเอง จากขีปนาวุธของรัสเซีย ซึ่งสามารถยิงทั้งจากเรือดำน้ำ รถไฟ ฐานปล่อยขีปนาวุธบนบก และเครื่องบินทิ้งระเบิด โดยที่สหรัฐหมดสิทธิ์ในการป้องกันนั่นเอง
http://endoftheamericandream.com/…/the-next-generation-weap…

 

ระทึก"โอเรียนท์ ไทย"เครื่องยนต์ขัดข้องกลางฟ้า ผู้โดยสารหูอื้อ-เลือดออก-หน้ามืด วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13:22 น. ข่าวสดออนไลน์



"เดลี่ เมล์"รายงานเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ว่า เกิดเหตุระทึกขึ้นกับเครื่องบินสายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์เวย์" เที่ยวบินจากไทยไปยังจีน เมื่อเครื่องบินเจอวิกฤตเครื่องยนต์ ขัดข้อง ทำให้ผู้โดยสารจำนวนหลายสิบรายหน้ามืดและเลือดออก เพราะภาวะหูอื้อและขาดอ๊อกซิเจน ขณะที่นักบินต้องนำเครื่องบินจงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเมืองคุนหมิง

รายงานระบุว่าเครื่องบินลำนี้เป็นเที่ยวบินจากจังหวัดภูเก็ตของไทยไปเมืองเฉิงตู ของจีน เที่ยวบิน OX682 ได้บรรทุกผู้โดยสารชาวจีนหลายสิบคนที่เดินทางมาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ต และเดินทางกลับไปยังเมืองเฉิงตู ของจีน เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยเหตุระทึกเกิดขึ้นหลังจากเที่ยวบินเข้าสู่น่านฟ้าประเทศจีนแล้วโดยเครื่องยนต์เครื่องบินได้เกิดปัญหาขัดข้องไม่ทำงานและทำให้เครื่องบินเกิดการลดระดับเพดานบินอย่างฉับพลันโดยลดระดับการบินลงหลายพันฟุต ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่หน้ากากอ๊อกซิเจนบนเพดานเครื่องถึงกับตกห้อยลงมา ในสภาพที่สุดโกลาหล โดยผู้โดยสารต่างพากันกรีดร้อง และร้องไห้ กลัวว่าเครื่องบินอาจระเบิดแตกกลางอากาศ

ขณะที่เหล่าผู้โดยสารบอกว่าเครื่องยนต์บางเครื่องได้เกิดขัดข้องทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องมีอาการหูอื้อและเลือดออกรวมทั้งยังหน้ามืด จากภาวะเครื่องบินสูญเสียระดับการบินอย่างฉับพลันด้วย และมีการแจกจ่ายหน้ากากอ๊อกซิเจนให้แก่เหล่าผู้โดยสาร ท่ามกลางสถานการณ์สุดช็อกระทึก เพราะแม้แต่แอร์โฮสเตสก็ยังร้องไห้กลัวด้วย ขณะที่เหล่าลูกเรือได้ตัดสินใจยกเลิกการบริการเที่ยวบินนี้ โดยได้แวะพักทันทีที่ลงถึงสนามบินเมืองคุนหมิง และมีการย้ายผู้โดยสารไปยังเที่ยวบินของเครื่องบินอื่นเพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองเฉิงตู "

ด้านนายลี่ซุย กู วัย 47 ผู้โดยสารชาวจีน บอกว่า เหตุระทึกทำให้เขานึกถึงเหตุเครืองบินตกในฝรั่งเศส และเขากำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกัน

ขณะที่แพทย์ได้แนะนำให้ผู้โดยสารบางคนงดเว้นการเปลี่ยนเครื่องดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าสุขภาพแย่และอาจเสี่ยงอันตรายหากเดินทางต่อเนื่องบนเครื่องบิน ขณะที่เว็บไซต์เดลี่ เมล์ รายงานว่า ได้พยายามติดต่อสอบถามสายการบินไทยสายการบินนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ

เรียบเรียงโดย มติชนออนไลน์

 

Ammy Chumnankit
รัสเซียเผย จุดยิงนิวเคลียร์คือเยลโล่สโตนและรอยเลื่อนซาน แอนเดรียส์ ...ไม่ใช่เมืองใหญ่



โห.. นี่เล่นสงครามจิตวิทยานี่นา ... แตะจุดความกลัวชาวอเมริกันได้ถูกต้อง
เพราะเค้ากลัวภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใต้เยลโล่สโตนที่กำลังรอวันระเบิดอยู่ ถ้าปะทุเมื่อไหร่ เถ้าถ่านจะปกคลุมทั้งประเทศ ฟ้าจะมืดไปหมดเพราะแสงอาทิตย์ผ่านทะลุไม่ได้ ต้นไม้ตายหมดเพราะไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ แล้วสัตว์และคนจะตายตามมา น้ำผิวดิน ฝนพิษ และอากาศเป็นพิษ ดื่มไม่ได้ หายใจลำบาก น่ากลัวเหมือนภูเขาไฟวิซูเวียสฝังเมืองปอมเปอี ... ซึ่งแม้ที่จริงผลต่อเนื่องจะกระทบทั้งโลก แต่ถึงอย่างไรถ้ามันระเบิด ชาวอเมริกัน 330 ล้านคนก็จะโดนก่อน
ส่วนรอยเลื่อนซาน แอนเดรียส์ที่พาดผ่านยาวตลอด แนวชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ ที่พี่กันกลัวว่าแผ่นดินไหวจะเขย่าถึง 10M เป็น The Big One อีกแห่งที่รอคอยกันอยู่ และถ้าเกิดจะส่งผลให้เมืองที่อยู่บริเวณนั้นพังราบเป็นหน้ากลอง ไม่ว่าจะเป็น ซานฟราน แอลเอ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซีแอตเติ้ล พอร์ทแลนด์ ลาส เวกัส และอื่นๆ แล้วอาจจะรวมถึงแคนาดาและเม็กซิโกที่อาจจะกระทบด้วย
ถ้าข่าวนี้จริง ถือว่ายิงนัดได้เดียวได้นก 330 ล้านตัวเลยทีเดียว
https://theextinctionprotocol.wordp...rk-and-san-andreas-fault-line-to-destroy-u-s/

 

จนท.ดับเพลิงร่วม 200 นาย เร่งดับไฟป่าแคลิฟอร์เนีย
Written by: newmedia2015/04/01 11:03 AM ข่าวทันสถานการณ์



สหรัฐ 1 เม.ย.-เจ้าหน้าที่ดับเพลิงร่วม 200 นาย กำลังเร่งดับไฟป่าทางตะวันออกของนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย

มีรายงานว่าเพลิงลุกลามพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 175 ไร่ และยังควบคุมไม่ได้ ทางการต้องเร่งอพยพชาวบ้านในบริเวณนั้นออกจากบ้านเรือน เปลวเพลิงที่ถูกโหมกระพือจากกระแสลมแรงจัด ยังส่อเค้าจะลุกลามเผาผลาญสิ่งปลูกสร้างบริเวณนั้นอีกกว่า 100 หลัง นอกจากจะระดมกำลังดับไฟทางภาคพื้นดินแล้ว เจ้าหน้าที่ยังระดมดับไฟป่าครั้งนี้จากบนเฮลิคอปเตอร์.-สำนักข่าวไทย

จนท.ดับเพลิงร่วม 200 นาย เร่งดับไฟป่าแคลิฟอร์เนีย | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

ยอดเสียชีวิตและสูญหายจากอุทกภัยในชิลีเพิ่มขึ้น
Written by: กอง บก.ข่าวต่างประเทศ2015/04/01 11:47 AM



ซันติอาโก 1 เม.ย. – เจ้าหน้าที่ชิลีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ทะเลทรายทางภาคเหนือของชิลี เพิ่มขึ้นเป็น 23 คนหลังพบอีก 5 ศพ และมีผู้สูญหาย 57 คน

สำนักงานป้องกันภัยฉุกเฉินแห่งชาติรายงานว่า พายุฝนพัดกระหน่ำในเขตทะเลทรายอาตากามา ซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 23 คน สูญหาย 57 คน และไร้ที่อยู่ 22,381 คน ส่วนความคืบหน้าขณะนี้พบว่ากระแสไฟฟ้ากลับคืนมาร้อยละ 95 แล้ว ส่วนบริการน้ำเป็นปกติร้อยละ 80 ของพื้นที่ได้รับผลกระทบ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลต์ของชิลีเตือนว่า สถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงมากและคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น รัฐบาลแถลงจัดสรรงบช่วยเหลือราว 9.5 ล้านดออลาร์ (311 ล้านบาท) .-สำนักข่าวไทย


ยอดเสียชีวิตและสูญหายจากอุทกภัยในชิลีเพิ่มขึ้น | เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

Pst Nong



ตุรกีโกลาหล!ไฟดับใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ตัดประเด็นก่อการร้ายโจมตี
เอเอฟพี - เกิดไฟดับครั้งใหญ่ทั่วตุรกีเมื่อวันอังคาร(31มี.ค.) ก่อความสับสนอลหม่านแก่ประชาชน ขณะที่ระบบขนส่ง ภาคบริการและธุรกิจต่างๆต้องหยุดชะงัก โดยแม้บริษัทผู้ดูแลอ้างว่าเกิดปัญหาที่เครือข่ายจ่ายกระแสไฟ แต่รัฐบาลไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ระบบไฟฟ้าอาจตกเป็นเหยื่อของเหตุโจมตี
สำนักข่าวแห่งรัฐอนาโตเลียรายงานโดยอ้างคำชี้แจงจากบริษัทตุรกี อิเล็กทริซิตี ทรานส์มิสชัน(TEIAS)ระบุว่าเหตุไฟฟ้าดับทั่วประเทศครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 15 ปีเริ่มต้นตอนเวลาประมาณ 10.36น.ในอิสตันบูล(ตรงกับเมืองไทย(14.36น.) พร้อมยืนยันปัญหาไฟฟ้าดับครอบคลุม 49 จังหวัดจากทั้งหมด 81 จังหวัด ไล่ตั้งแต่ตามแนวชายแดนติดกับกรีซไปจนถึงตามแนวชายแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับอิหร่านและอิรัก และยังรวมถึงอิสตันบูลกับกรุงอังการาด้วย
หลายชั่วโมงผ่านไป พื้นที่อันกว้างขวางของตุรกี ในนั้นรวมถึงส่วนใหญ่ของอิสตันบูลยังคงต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้ แม้ระบบจนส่งสาธารณะอย่างเช่นรถไฟฟ้าสามารถกลับมาให้บริการได้แล้ว "เป็นไปได้ทุกอย่าง ในนั้นรวมถึงการโจมตีของก่อการร้าย เรากำลังดำเนินการสืบสวน" นายกรัฐมนตรีอาห์เมด ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีบอก พร้อมระบุว่ารัฐบาลได้มีการตัดตั้งหน่วยฉุกเฉินที่กระทรวงพลงงานเพื่อจัดการกับสถานการณ์ ซึ่งเกิดขึ้นในตอนที่ประธานาธิบดีเรเซพ ตอยยิบ เออร์โดกัน อยู่ระหว่างเดินทางเยือนสโลวาเกีย
ทาเนอร์ ยิลดิซ รัฐมนตรีพลังงานบอกเช่นกันว่าเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนว่าเหตุไฟฟ้าดับครั้งนี้เกิดจากเหตุขัดข้องทางเทคนิคหรือว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ "สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการกู้ระบบคืนมา มันเป็นอะไรที่เราไม่ค่อยประสบพบเจอบ่อยนัก" อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาเขาพยายามหาทางบรรเทาความตึงเครียด ด้วยบอกว่าไฟฟ้าเริ่มคืนมาแล้วในหลายจังหวัดและทั่วประเทศจะมีพลังงานใช้อย่างครบครันเร็วๆนี้"
เหตุไฟดับครั้งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากติดอยู่ตามลิฟต์ของอาคารต่างๆ ส่วนระบบรถไฟฟ้าในอังการา อิสตันบูลและอิซเมียร์ ล้วนต้องหยุดให้บริการนานหลายชั่วโมง ขณะที่ทีมกู้ภัยต้องรุดไปตามสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเข้าอพยพนักเดินทางที่ติดค้างและพาพวกเขาขึ้นสู่พื้นผิว ด้านรถไฟความเร็วสูงจากเมืองหลวงตกอยู่ในภาวะชะงักงันเช่นกัน
ไฟจราจรในอิสตันบูลและอังการาก็ไม่ทำงานหลายจุด เป็นต้นเหตุให้การสัญจรติดขัดอย่างหนัก จนเจ้าหน้าที่ต้องลงไปโบกรถเองเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ทั้งนี้เว็บไซต์ต่างๆเตือนผู้ขับขี่ระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนน
ราว 3 ชั่วโมงหลังจากไฟดับในอิสตันบูล ระบบรถไฟฟ้า รถรางและรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็กลับมาให้บริการได้อีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ค่อยๆกู้ไฟฟ้าคืนมาได้ตามลำดับ โดยรายงานข่าวบางแห่งระบุว่าตอนนี้ราวร้อยละ 80 ของเมืองมีไฟฟ้าใช้แล้ว แต่ก็ยังมีบ้านเรือนและสำนักงานอีกจำนวนมากที่ยังต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้า ขณะที่ในเมืองอิซเมียร์ เมืองอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้ๆกัน ปัญหาไฟดับก่อผลกระทบต่อโรงงานจำนวนมาก
ในรายงานข่าวเบื้องต้นมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับต้นตอของไฟดับครั้งนี้ โดยทาง TEIAS บอกว่าเป็นผลมาจากความขัดข้องของสายไฟฟ้าระหว่างยุโรปและตุรกี และเตือนว่าอาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงถึงจะกู้คืนมาได้ อย่างไรก็ตามทางสภาวิศวกรไฟฟ้าตุรกี อ้างว่ามันเกิดขึ้นเพราะผู้จ่ายไฟเอกชนบางแห่งไม่ยอมขายไฟฟ้าเนื่องจากมีราคาต่ำ

 

เจรจา “นิวเคลียร์” อิหร่านล่วงพ้นเส้นตาย-รัสเซียแย้มตกลง “ประเด็นสำคัญ” ได้แล้ว โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 เมษายน 2558 10:07 น. (แก้ไขล่าสุด 1 เมษายน 2558 10:19 น.)


โรงแรม โบ ริวาจ พาเลซ ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมระหว่างมหาอำนาจ P5+1 กับอิหร่าน

รอยเตอร์/เอเอฟพี – การเจรจามาราธอนระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจทั้ง 6 ล่วงพ้นกำหนดเส้นตายเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 มี.ค. โดยยังไม่สามารถบรรลุกรอบข้อตกลงนิวเคลียร์เบื้องต้น รวมไปถึงหัวข้อสำคัญ เช่น การยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียออกมาให้ข่าวว่า ที่ประชุมเห็นพ้องใน “ประเด็นหลักๆ” ทุกข้อ และเตรียมที่จะหารือกันต่อในเช้าวันนี้ (1 เม.ย.)

การเจรจาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกระงับไว้ชั่วคราวเมื่อล่วงเข้าสู่วันใหม่ โดยคณะผู้แทนทั้ง 7 ชาติจะเริ่มพูดคุยกันต่อในช่วงเช้า

ผู้แทนอิหร่านและรัสเซียต่างแสดงความมั่นใจว่า กรอบเบื้องต้นซึ่งจะนำไปสู่ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์นั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

“ผมค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่า พวกเราในระดับรัฐมนตรีได้บรรลุหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับประเด็นสำคัญๆ ทุกข้อ” เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์

มหาอำนาจ P5+1 ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส บวกเยอรมนี คาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงฉบับสมบูรณ์กับอิหร่านภายในวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งจะทำให้เตหะรานต้องยอมลดทอนศักยภาพด้านนิวเคลียร์ลงจนไม่สามารถใช้โครงการนิวเคลียร์พลเรือนเป็นฉากอำพรางการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง แต่ชาติตะวันตกก็จะยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจให้เป็นการตอบแทนด้วย

การเจรจาครั้งนี้มีเดิมพันสูงมาก เพราะถ้าไม่สำเร็จ สหรัฐฯ และอิสราเอลอาจต้องหันไปใช้ “มาตรการทางทหาร” เพื่อสกัดโครงการนิวเคลียร์อิหร่านไว้ให้ได้

การถกเถียงที่ยืดเยื้อเลยกำหนดเส้นตายทำให้หลายฝ่ายเริ่มสับสนว่า สถานะของการเจรจานิวเคลียร์เวลานี้เป็นอย่างไรแน่

“ข้อตกลงโดยหลักการจะถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในอีกไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจภายในวันนี้” ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว อาร์ไอเอ โนโวสติ ของรัสเซีย

ด้าน จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ก็แสดงความคาดหวังว่ากรอบข้อตกลงเบื้องต้นจะสำเร็จลุล่วงได้ภายในวันนี้ (1)

“เราตกลงกันได้แล้วพอสมควร แต่คณะผู้แทนจำเป็นต้องพักผ่อนเอาแรงเพื่อพูดคุยกันต่อในช่วงเช้า... ผมหวังว่าเราจะบรรลุกรอบข้อตกลงภายในวันนี้”ซารีฟ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ กลับออกมาปฏิเสธเรื่องที่รัสเซียอ้างว่าตกลงกันแล้วได้ในทุกประเด็นสำคัญ

“เรายังตกลงกันได้ไม่ครบทุกเรื่อง” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บอกกับเอเอฟพี

จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สรุปผลการเจรจาเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา รับทราบผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์

“ประธานาธิบดีได้รับทราบความคืบหน้าล่าสุดของการเจรจาแล้ว” เบอร์นาแด็ตต์ มีฮาน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เผย

นักการทูตตะวันตกอีกคนหนึ่งก็บอกเช่นกันว่า ที่ประชุมยังไม่สามารถบรรลุกรอบข้อตกลงได้

หลังสิ้นสุดการหารือเมื่อคืนนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส โลรองต์ ฟาเบียส ได้เดินทางออกจากเมืองโลซานน์ไปพร้อมๆ กับ หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน โดย ฟาเบียส ระบุว่า ตนจะกลับมาร่วมวงเจรจาอีกครั้ง “ถ้ามีประโยชน์”

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ที่กรุงเบอร์ลินว่า หากได้ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ไม่ดี “สู้ไม่ทำเสียเลยจะดีกว่า”

ผลของมาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกประกาศใช้ทำให้ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันมาตั้งแต่ปี 2012

เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายระบุว่า ประเด็นสำคัญที่ผู้เจรจายังตกลงกันไม่ได้ก็คือ การยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และเงื่อนไขในการบังคับใช้ใหม่ในกรณีที่อิหร่านผิดสัญญา รวมไปถึงเรื่องที่อิหร่านเรียกร้องสิทธิในการวิจัยและพัฒนาเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์ หลังจากที่ข้อตกลง “แช่แข็ง” กิจกรรมนิวเคลียร์อย่างน้อย 10 ปีสิ้นอายุลง


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000037473

 

อียูเผยเงินฝืดในยูโรโซนเริ่มเบาลง แต่ฟิทช์ชี้วิกฤติหนี้สินยังน่าห่วง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 มีนาคม 2558 20:47 น.



เอเอฟพี - อียูเผยรายงานข้อมูลตัวเลขในวันนี้ (31 มี.ค.) ว่าภาวะเงินฝืดในยูโรโซนลดความรุนแรงลงในเดือนมีนาคม ช่วยคลายความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจยุโรปกำลังเผชิญกับอันตรายหลังจากเงินเฟ้ออยู่ในแดนลบต่อเนื่อง 4 เดือน ด้าน "ฟิตช์ เรตติ้ง" ชี้วิกฤติหนี้สินยูโรโซนถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจโลก

ยูโรสแตท หน่วยงานด้านสถิติของสหภาพยุโรป ระบุว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนขยับมาอยู่ที่ -0.1 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมีนาคม น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งร่วงลงไปอยู่ที่ -0.3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนราคาพลังงานที่ตกต่ำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ

อัตราการว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์อยู่ที่ 11.3 เปอร์เซ็นต์ ลดลงเล็กน้อยจากเดือนมกราคมที่เคยมีตัวเลขอยู่ที่ 11.4 เปอร์เซ็นต์ กับตัวเลข 11.8 เปอร์เซ็นต์ในปีก่อน ซึ่งถือเป็นสัญญาณในเชิงบวก

ภัยคุกคามของภาวะเงินฝืดในยูโรโซนยังคงเป็นเรื่องที่ทั่วโลกกังวล ด้วยเกรงว่าการซื้อพันธบัตรมูลค่ามหาศาลโดยธนาคารกลางยุโรปนั้นอาจจะสายเกินกว่าที่จะไปรับมือกับผลกระทบเชิงลบของเงินเฟ้อที่ตกต่ำ

เงินเฟ้อนั้นเริ่มตกต่ำลงไปสู่แดนลบเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยตัวเลข -0.2 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นในเดือนมกราคมตัวเลขก็ขยับไปอยู่ที่ -0.6 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ดูเหมือนจะดีขึ้นเมื่อตัวเลขขยับไปอยู่ที่ -0.3 เปอร์เซ็นต์

ทางด้าน "ฟิตช์ เรตติ้ง" ได้ออกมาระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 มี.ค.) ว่าวิกฤติหนี้สินรอบใหม่ของยูโรโซนถือเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจโลก มากยิ่งกว่าเรื่องราคาน้ำมันที่ผันผวน

อัตราการว่างงานยังคงมีสัดส่วนตัวเลขที่หลากหลายใน 19 ชาติแถบยูโรโซน ต่ำสุดคือเยอรมัน 4.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนประเทศที่อัตราการว่างงานสูงจนน่าวิตกคือสเปน ที่ตัวเลข 23.2 เปอร์เซ็นต์ กับกรีซที่มีตัวเลขว่างงาน 26 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงที่สุดในยุโรป ส่วนอัตราการว่างงานของเยาวชนในกรีซนั้นมีมากถึง 51.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่สเปนมี 50.7 เปอร์เซ็นต์

ด้านข้อมูลตัวเลขของอิตาลี ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซนนั้นยังคงน่าเป็นห่วง ด้วยอัตราการว่างงาน 12.7 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ กับอัตราการว่างงานของเยาวชน 42.6 เปอร์เซ็นต์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000037348