ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



29. เปิดฉากสงครามเยเมน
ที่ประชุมกลุ่มสันนิบาตอาหรับที่เมืองตากอากาศชาร์ม เอล-ชีคห์ของอียิปต์ในวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) เห็นชอบจัดตั้งกองกำลังร่วมอาหรับเพื่อรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงในซีเรีย อิรัก เยเมนและลิเบีย ตลอดจนความท้าทายอื่นๆที่ผุดขึ้นในโลกอาหรับหลังปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง” เมื่อปี 2011
อย่างไรก็ดี การตั้งกองกำลังร่วมที่เป็นเอกภาพของชาติอาหรับดังกล่าวที่ถูกเสนอโดยประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซีซี ผู้นำอียิปต์ อาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะสามารถดำเนินการได้เป็นรูปเป็นร่าง
ด้านซาเมห์ ชูครี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์แถลงต่อผู้สื่อข่าวโดยยืนยันว่า การเข้าร่วมในกองกำลังดังกล่าวจะเป็นไปโดยสมัครใจ เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในหมู่สมาชิกสันนิบาตอาหรับ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ระบุว่า ชาติสมาชิกเตรียมคัดเลือกทีมเสนาธิการร่วมสำหรับกำกับดูแลกองกำลังดังกล่าวในไม่ช้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นในขณะที่ซาอุดีอาระเบียได้เป็นแกนนำ 10 ชาติอาหรับเปิดการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มกบฏชีอะห์ฮูธีที่ฝักใฝ่อิหร่านในเยเมนตั้งแต่วันพฤหัสบดี (26) ที่ผ่านมา
(ในภาพ ขวามือสุดคือประธานาธิบดีฮาดีของเยเมนที่ตกกระป๋องที่หนีไปพึ่งใบบุญของซาอุดิฯ และซาอุดิฯต้องการให้เขากลับไปมีอำนาจในเยเมนใหม่ การที่นายฮาดียอมให้กองกำลังต่างชาติทำสงครามถล่มบ้านตัวเอง เพื่อให้ตัวเองกลับไปมีอำนาจถือว่าเป็นคนใช้ไม่ได้)
30/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036412

 

Thanong Fanclub
30. เปิดฉากสงครามเยเมน



2วันก่อนที่พันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯจะเริ่มปฏิบัติการOperation Decisive Stormเพื่อถล่มเยเมน นายAhmad Ali Abdullar Saleh บุตรชายของนายAli Abdullah Salehอดีตผู้นำเยเมนได้แอบเดินทางไปกรุงริยาร์ดเพื่อเจรจาลับกับทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดิฯ แต่ข้อเสนอของเขาถูกปฏิเสธ
นายซาเล้ง เสนอว่าเขาจะจัดการกับพวกกบฎHouthi โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าเขาและพ่อซาเล้ง ซีเนียร์จะต้องได้รับการคุ้มครอง
สำนักข่าวAl Arabiya News Channel แจ้งว่านายซาเล้งได้พบกับนายพล Yousuf Al-Idris รองหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองของซาอุดิฯ ก่อนที่จะพบกับรัฐมนตรีกลาโหมของซาอุดิคือเจ้าชายMohammed bin Salman ซึ่งเป็นพระโอรสของกษัตริย์ Salman bin Abdulaziz.
นอกจากจะขอการคุ้มครองให้ตัวเองและพ่อแล้ว นายซาเล้งยังเสนอว่าซาอุดิฯเสนอให้ยูเอ็นยกเลิกการแซงชั่นเยเมน ซึ่งมีขึ้นหลังจากที่ซาเล้งผู้พ่อลงจากตำแหน่งในปี2012หลังจากปกครองเยเมนมา33ปี
ถ้าซาอุดิฯยอมรับเงื่อนไขนี้ ตระกูลซาเล้งจะกลับไปจัดการกับพวกHouthi โดยใช้กองกำลังทหารพิเศษ5,000นายที่ยังคงภักดีกับซาเล้งผู้พ่อ และใช้ทหารRepublican Guards อีก100,000นาย
แต่ทางซาอุดิฯบอกปัดข้อเสนอของนายซาเล้งอย่างไม่ใยดี เจ้าชายซัลมานย้ำว่าซาอุดิฯมีข้อผูกพันกับความริเริ่มของกลุ่มประเทศในอ่าวเปอร์เซียที่ต้องการเห็นนายซาเล้งออกจากตำแหน่ง ซึ่งเป็นที่เห็นชอบของชาวเยเมนทุกฝ่าย
นอกจากนี้ เจ้าชายซัลมานยังกล่าวต่อไปว่าAbdrabbu Mansour Hadiยังคงเป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมของเยเมน
ทางซาอุดิฯมองว่าซาเล้งเอาพวกHouthiมาป่วนเพื่อทำลายนายฮาดี จึงไม่ต้องการสนับสนุนตระกูลซาเล้ง
หมายเหตุ:
ทั้งนายซาเล้งผู้พ่อและซาเล้งผู้ลูกเจรจาเพื่อเอาตัวเองให้รอด และนายฮาดียอมเป็นหุ่นให้ซาอุดิฯและให้ชาติอาหรับทำสงครามถล่มบ้านตัวเอง แล้วเยเมนจะเหลืออะไร? ประเทศที่มีผู้นำไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมจะมีชะตากรรมเช่นนี้ คือทั้งตัวเองและชาติจะฉิบหายในที่สุด
thanong
30/3/2015
(ภาพประกอบคือนายAhmad Ali Abdullah Saleh บุตรของนาย Ali Abdullah Salehเดินคู่กับนายพล Yousuf Al-Idris รองผู้อำนาวยการสำนักข่าวกรองของซาอุดิฯ)
http://english.alarabiya.net/…/Saleh-offered-Saudi-Arabia-a…

 

Thanong Fanclub
31. เปิดฉากสงครามเยเมน
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมัสกัต โอมาน แจ้งข้อมูลเบื้องต้นให้ทราบแล้ว ว่า ทางสถานทูตไทยเตรียมอพยพคนไทยในเยเมนกลับประเทศ เนื่องจากเหตุสถานการณ์รบในเยเมนมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามข้อมูลอีกครั้งในเช้าวันนี้ (30 มี.ค.) ว่าสถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไร โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจมีการประชุมในช่วงบ่ายของวันที่ 30 หรือ 31 มีนาคม
สำหรับแผนการอพยพยังเป็นแผนปกติที่เคยปฏิบัติกันมาแล้ว ยกเว้นกรณีที่สถานการณ์ในเยเมนจะมีลักษณะที่ต่างจากที่เคยประสบมา อาจปรับรายละเอียดของแผน อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ยังไม่ได้แจ้งขอความช่วยเหลือใดๆ จากหน่วยงานในไทย
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ แต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเยเมนเพื่อประสานงานกับญาติในไทย พร้อมกับจัดตั้งศูนย์ประสานงานที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ระหว่างเวลา 08.30-22.00 น. โทร. 02-5751047 โทรสาร 02-5751052 โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม เวลา 12.00-22.00 น. และวันที่ 30 มีนาคม ระหว่างเวลา 08.30-22.00น.
30/3/2015

 

แผ่นดินไหว 7.5 เขย่า “ปาปัวนิวกินี” มีประกาศเตือน “สึนามิ” ระดับท้องถิ่น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มีนาคม 2558 08:20 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มีนาคม 2558 09:36 น.)



รอยเตอร์ - เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลขนาด 7.5 ตามมาตราแมกนิจูดที่นอกชายฝั่งปาปัวนิวกินี เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 มี.ค.) ส่งผลให้มีประกาศเตือนภัยสึนามิในระดับท้องถิ่น

สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) รายงานว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้พื้นทะเลราว 33 กิโลเมตร ใกล้กับเมืองราบาอูล (Rabaul) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของปาปัวนิวกินี

ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งมีฐานในรัฐฮาวาย ได้ประกาศเตือน “ความเสี่ยงเกิดสึนามิในรัศมี 1,000 กิโลเมตร รอบศูนย์กลางแผ่นดินไหว ครอบคลุมชายฝั่งปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโซโลมอน” โดยในส่วนของปาปัวนิวกินีอาจเกิดคลื่นสึนามิสูง 1- 3 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล

ทั้งนี้ ทางศูนย์คาดว่าจะไม่เกิดสึนามิขนาดใหญ่ที่แผ่วงไปทั่วทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก

“ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งทะเลในจุดเสี่ยงควรรอฟังข้อมูลจากรัฐบาลกลางและหน่วยงานท้องถิ่น และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด”

เมืองราบาอูลบนเกาะนิวบริเทนตะวันออก ยังเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟตาวูร์วูร์ ซึ่งเคยระเบิดอย่างรุนแรงจนสร้างความเสียหายต่อเมืองแห่งนี้มาแล้วเมื่อปี 1994

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036437

 

ซาอุฯ ลั่นจะไม่หยุดถล่ม “กบฏฮูตี” จนกว่า “ปธน.เยเมน” จะปกครองประเทศได้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มีนาคม 2558 09:35 น.


@เหตุระเบิดที่คลังแสงภายในค่ายทหาร ญาบัล ฮาดีด ในเมืองท่าเอเดนทางตอนใต้ของเยเมน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค.)

รอยเตอร์ – ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมนโดยกองทัพซาอุดีอาระเบียและชาติพันธมิตรจะดำเนินต่อไปไม่หยุด จนกว่าประธานาธิบดี อับดุร-รับบู มันซูร์ ฮาดี แห่งเยเมนซึ่งถูกพวกกบฏฮูตีไล่ล่าจนต้องหนีออกนอกประเทศ จะสามารถกลับไปเป็นผู้นำรัฐบาลปกครองเยเมนได้อย่างราบรื่น โฆษกกองทัพซาอุดีอาระเบียแถลงเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.)

วันพฤหัสบดีที่แล้ว (26) ริยาดได้ประกาศจับมือกับชาติอาหรับมุสลิมสุหนี่อีก 9 ประเทศส่งเครื่องบินไปถล่มฐานที่มั่นของกบฏฮูตีนิกายชีอะห์ ซึ่งเชื่อกันว่ามีอิหร่านหนุนหลังอยู่ ขณะที่รัฐบาลเตหะรานออกมาปฏิเสธข้อหาช่วยกบฏฮูตีและประณามมาตรการก้าวร้าวของซาอุดีระเบีย

“เราจะสร้างเงื่อนไขที่จำเป็น เพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีและรัฐบาลเยเมนบริหารประเทศต่อไปได้” พลจัตวา อาเหม็ด อัสเซรี โฆษกของกลุ่มพันธมิตรซาอุฯ กล่าว

“กองทัพเยเมนแตกแยกรุนแรง (หลังเกิดการลุกฮือภายในประเทศเมื่อปี 2011)... หนึ่งในเงื่อนไขของเราคือต้องให้กองทัพเข้ามาควบคุมสถานการณ์ ส่วนเราก็จะช่วยโจมตีเพื่อกดดันกลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าสถานการณ์จะเอื้ออำนวยให้กองทัพเยเมนควบคุมอำนาจได้”

อัสเซรี ซึ่งให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกลุ่มเล็กๆ ภายหลังแถลงข่าวที่กรุงริยาด ระบุว่า การโจมตีทางอากาศสามารถสกัดกั้นไม่ให้กบฏฮูตีรุกคืบไปถึงเมืองท่าเอเดน และยังเป็นกดดันต่อพวกกบฏที่กระจายตัวอยู่ทั่วเยเมน

“เรารู้สึกได้ว่าพวกเขาสูญเสียมากขึ้นทุกวัน... เราจะกดดันต่อไปเพื่อหยุดยั้งพวกเขาให้ได้ เชื่อว่าสถานการณ์รอบๆ เมืองเอเดนจะดีขึ้นเป็นลำดับ”

เมื่อวานนี้ (29) กลุ่มติดอาวุธที่ภักดีต่อประธานาธิบดี ฮาดี ได้ปะทะกับกบฏฮูตีบริเวณชานเมืองเอเดน ซึ่งถือเป็นที่มั่นสุดท้ายของผู้นำเยเมน ก่อนจะต้องหลบหนีออกนอกประเทศ

อัสเซรี เผยด้วยว่า ซาอุฯและพันธมิตรได้ส่งเครื่องบินไปถล่มฐานทัพอากาศ อัล-รูบายี ในเมืองตาอิซ (Taiz) เมื่อวันเสาร์ (28) เพื่อทำลายเครื่องบินของกองทัพอากาศเยเมนที่ถูกพวกกบฏเคลื่อนย้ายไปจากกรุงซานา

โฆษกกองทัพซาอุฯ ชี้ด้วยว่า อิหร่านช่วยให้กบฏฮูตีได้ครอบครองเครื่องบินรบ 2-3 ลำของกองทัพอากาศเยเมน ซึ่งอากาศยานเหล่านี้ได้ถูกส่งออกไปโจมตีสำนักงานของ ฮาดี ที่เมืองเอเดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เวลานี้มีเครื่องบินเหลืออยู่ในมือกบฏน้อยมากและจะตกเป็นเป้าหมายการทำลายต่อไป

อัสเซรี ประเมินคร่าวๆ ว่ากบฏฮูตีมีนักรบอยู่ประมาณ 25,000-30,000 คน แต่ละคนได้รับค่าจ้างถึงวันละ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 3,200 บาท) โดยมีอิหร่านเป็นสปอนเซอร์ใหญ่

เขาชี้ว่า หากเงินทุนเหล่านี้หมดไป กำลังพลของกบฏฮูตีก็จะลดลงมาก

เขายังอ้างว่า กบฏฮูตีได้รับปืนต่อต้านอากาศยาน กระสุนปืน และอาวุธอื่นๆ ซึ่งถูกลำเลียงมากับเที่ยวบินจากกรุงเตหะราน 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ในช่วงเวลา 1 เดือนมานี้ แต่ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของซาอุดีอาระเบียก็สกัดความช่วยเหลือของอิหร่านไว้ได้ ซึ่งข้อมูลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศเยเมนได้ให้สัมภาษณ์ไว้

ทั้งอิหร่านและกบฏฮูตีต่างยืนยันเสียงแข็งว่าเตหะรานไม่เคยให้การสนับสนุน ไม่ว่าจะในด้านอาวุธ เงินทอง หรือการฝึกฝนก็ตาม


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036455

 

ประท้วงต้าน กม.รัฐอินเดียนา “เสรีภาพศาสนา” เอื้อเหยียดเกย์-รักร่วมเพศ ลามขั้นบอยคอตธุรกิจ เจ้าพ่อแอปเปิลกระโดดร่วมแจม โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
29 มีนาคม 2558 16:38 น. (แก้ไขล่าสุด 30 มีนาคม 2558 10:09 น.)



เอเจนซีส์ - ผู้ประท้วงชาวอเมริกันหลายร้อยคนรวมตัวด้านนอกรัฐสภารัฐอินเดียนา สหรัฐฯ ในวันเสาร์ (28 มี.ค.) หลังจากรัฐอินเดียนาถือเป็นรัฐแห่งแรกในสหรัฐฯที่ผ่านกฏหมายเสรีภาพทางศาสนา อนุญาตให้ธุรกิจร้านค้าสามารถใช้ความเชื่อทางศาสนาปฎิเสธให้บริการ หรือทำธุรกิจกับกลุ่มบุคคล หรือบุคคลใดก็ตามที่เชื่อว่าขัดต่อความเชื่อทางศาสนา เช่น กลุ่มรักร่วมเพศ สร้างความไม่พอใจใหกับชาวอเมริกันส่วนมากที่มองว่ากฎหมายฉบับนี้ส่งเสริมการแบ่งแยกชนชั้น สีผิว และกลุ่มคน ทำใหเกิดการรวมตัวประท้วง และถึงขั้นประกาศคว่ำบาตรธุรกิจของรัฐอินเดียนา และยังรวมไปถึงผู้บริหารธุรกิจแนวหน้าระดับโลกของสหรัฐฯหลายคน หนึ่งในนั้นคือ ทิม คุ๊ก ผู้บริหารบริษัทแอปเปิลที่ออกโรงประนามกฏหมายฉบับใหม่นี้ผ่านทวีตเตอร์

NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (29) ว่า กลุ่มผู้สนับสนุนกฎหมาย “เสรีภาพศาสนา” ของรัฐอินเดียนา อ้างว่าคำกล่าวหาเรื่องการกีดกันนั้นเป็นคำกล่าวที่ดูหนักไป และยืนยันว่ากฎหมายใหม่ฉบับนี้จะไม่ทำให้รัฐต้องบังคับให้ธุรกิจร้านค้าในรัฐอินเดียนาต้องให้บริการกับกลุ่มคนที่ทางผู้ประกอบการเห็นว่าขัดแย้งต่อความเชื่อทางศาสนา

และนับตั้งแต่ผู้ว่าการรัฐอินเดียนาสายรีพับลิกัน ไมค์ เพนซ์ ( Mike Pence) ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (26) รัฐอินเดียนาตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วประเทศ รวมไปถึงโซเชียลมีเดียที่มี #boycottindiana หรือร่วมบอยคอตอินเดียนาระบาดไปทั่ว

ทั้งนี้ ธุรกิจท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่รัฐระดับท้องถิ่นหวังที่จะหยุดยั้งการบอยคอตครั้งนี้ ถึงแม้ว่าไซต์การจัดลำดับการให้บริการ Angie's List ออกแถลงการณ์ในวันเสาร์ (28) ได้ระงับแผนการขยายธุรกิจที่รัฐอินเดียนาเนื่องมาจากกฎหมายเสรีภาพทางศาสนานี้ และนายกเทศมนตรีเมืองซีแอตเติล เอ็ด เมอร์เรย์ (Ed Murray) ได้ประกาศห้ามไม่ให้ใช้เงินของเมืองซีแอตเติลในการให้เจ้าหน้าที่เมืองเดินทางท่องเที่ยวที่รัฐอินเดียนาเนื่องมาจากกฎหมายฉบับนี้ “ซีแอตเติลทราบดีว่ากฎหมายเหยียดชนชั้นวรรณะเพศสีผิวไม่มีที่ยืนในเมืองของเรา จากสิ่งเรียนรู้ในวิชาความเท่าเทียมเบื้องต้น 101” เมอร์เรย์แถลง

สื่อสหรัฐฯ รายงานเพิ่มเติมว่า กฎหมายฉบับนี้ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ได้ห้ามกฎหมายรัฐอินเดียนาให้บังคับให้คนหรือกลุ่มคนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ขัดกับหลักความเชื่อ หรือ “Substantial Burden” Requirement โดยระบุว่า คน หรือกลุ่มคนนี้รวมไปถึงบุคคลธรรมดา หรือองค์กรทางศาสนา ธุรกิจร้านค้า และสมาคมต่างๆ

ในการประท้วงเมื่อวานนี้ (28) ที่บริเวณด้านหน้ารัฐสภารัฐอินเดียนา ประชาชนชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยในกฏหมายฉบับใหม่นี้ได้รวมตัวอย่างแออันที่ทางขึ้นทางทิศใต้ของตัวตึกรัฐสภาอินเดียนา รวมไปถึงบริเวณสนามหญ้าด้านหน้าของตัวอาคาร บางส่วนถือป้ายประท้วง “ผมเชื่ออย่างสุดจริตใจว่าพระเจ้าไม่ได้เกลียดทุกคน” และ “จะต้องไม่มีความเกลียดชังเกิดขึ้นในรัฐของเรา” และส่วนมากต่างเปล่งเสียงตะโกนว่า “ผู้ว่าการรัฐเพนซ์ต้องออกไป” และยังรวมไปถึงสติกเกอร์ข้อความว่า “ร้านแห่งนี้ต้อนรับทุกท่าน” ถูกติดกระจายไปทั่วตามห้างร้านภายในรัฐอินเดียนาในวันเสาร์(28)

ในขณะที่ทิม คุ้ก ผู้บริหารบริษัทแอปเปิล ที่ไม่นานมานี้เปิดตัวต่อสาธารณะว่า เป็นพวกรักร่วมเพศ ได้กล่าวตำหนิถึงกฎหมาย “เสรีภาพทางศาสนา” ของรัฐอินเดียนาว่า “บริษัทแอปเปิลเป็นบริษัทที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน ทางเรารู้สึกผิดหวังในกฎหมายใหม่ของรัฐอินเดียนา และขอเรียกร้องให้ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอใช้สิทธิ์วีโต้กฎหมายที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ซึ่งทั่วโลกบริษัทแอปเปิลให้บริการต่อทุกคนเท่าเทียมไม่เลือกว่าจะมีความเชื่อเช่นใด หรือจะเลือกที่จะรักใคร” คุ๊กให้ความเห็นผ่านทางโซเชียลมีเดีย ทวีตเตอร์เมื่อวานนี้(28)

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000036283

 

ชาติอาหรับเล็งตั้งกองกำลังร่วม รับมือภัยคุกคามในภูมิภาค
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 30 มี.ค. 2558 03:04



@ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี แห่งประเทศอียิปต์ (ภาพ: AP Photo)

ผู้นำชาติอาหรับเห็นชอบร่วมกันว่าจะจัดตั้งกองกำลังร่วมขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามในภูมิภาค ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในเยเมน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี อับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี แห่งประเทศอียิปต์ กล่าวในการปิดประชุมสุดยอดผู้นำประเทศสมาชิก สันนิบาตอาหรับ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ ที่เมืองชาร์ม เอล-ชีคห์ ประเทศอียิปต์ ว่า ผู้นำชาติอาหรับเห็นชอบร่วมกันว่าจะจัดตั้ง กองกำลังร่วม ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามในภูมิภาค ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในเยเมนและลิเบีย

ผู้นำอียิปต์ระบุว่า คณะกรรมการระดับสูงจะจัดการเรื่องการวางโครงสร้างและกลไกของกองกำลังร่วม ภายใต้การดูแลของเสนาธิการกองทัพชาติอาหรับ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของอียิปต์เปิดเผยต่อสื่อว่า กองกำลังร่วมดังกล่าวอาจประกอบด้วยทหารราบชั้นยอดจำนวนประมาณ 40,000 นาย และได้รับการสนับสนุนจากเครื่องบินรบ, เรือรบ และรถเกราะเบา

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ไม่ใช่ทุกประเทศในชาติสมาชิกสันนิบาตอาหรับทั้ง 21 ชาติ ที่จะต้องส่งทหารเข้าร่วมกองกำลังร่วมนี้ โดยนายซาเมห์ ชูครี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งอียิปต์ระบุว่า การส่งทหารจะเป็นไปด้วยความสมัครใจ และต้องมีอย่างน้อย 2 ประเทศเข้าร่วมจึงจะสามารถจัดตั้งกองกำลังร่วมได้

ทั้งนี้ แนวทางการจัดตั้งกองกำลังร่วม เกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มพันธมิตรซึ่งนำโดยประเทศซาอุดีอาระเบีย กำลังดำเนินการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มกบฏ ฮูธิ ซึ่งก่อการลุกฮือในประเทศเยเมน จนทำให้ประธานาธิบดีต้องหลบหนีออกจากเมืองหลวง และต้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากซาอุดีอาระเบีย.

ชาติอาหรับเล็งตั้งกองกำลังร่วม รับมือภัยคุกคามในภูมิภาค - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เครื่องบินรบซาอุฯปูพรมถล่มกบฏทั่วเยเมน



เครื่องบินรบของกองทัพซาอุดีอาระเบียขยายขอบเขตการโจมตีทางอากาศในเยเมนเป็นทั่วประเทศ เพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏฮูซีที่ยึดครองเยเมนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงสูงกว่า 30 ศพ

วันจันทร์ 30 มีนาคม 2558 เวลา 08:39 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่ากระทรวงสาธารณสุขเยเมนซึ่งยังตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏฮูซี รายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย ที่มีชื่อรหัส "พายุมหาประลัย" ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 35 ศพ และได้รับบาดเจ็บอีก 88 คน เมื่อวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ขณะที่รายงานจำนวนความสูญเสียตั้งแต่ปฏิบัติการทางทหารของรัฐบาลริยาดเปิดฉากเมื่อวันพุธที่แล้ว ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายวิเคราะห์การสู้รบระหว่างซาอุดีอาระเบียกับกลุ่มกบฏฮูซีที่ยึดครองกรุงซานาตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งในที่สุดขยายวงกว้างออกไปเป็นทั่วประเทศ ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายและรุนแรงให้กับสถานการณ์ในเยเมน ที่สหรัฐเองก็ทำ "สงครามลับ" ด้วยการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนกับกลุ่มอัล-กออิดะห์แห่งคาบสมุทรอาระเบีย ( เอคิวเอพี ) ซึ่งเป็นเครือข่ายในเยเมนของกลุ่มอัล-กออิดะห์มานานหลายปีแล้ว

ขณะที่ผลการประชุมฉุกเฉินของสันติบาตอาหรับที่กรุงไคโร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ว่าด้วยสถานการณ์ในเยเมนนั้น ที่ประชุมบรรลุข้อตกลงเรื่องการจัดตั้งกองกำลังผสมระดับภูมิภาค เพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่มีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มติดังกล่าวเป็นเพียงการเห็นชอบเบื้องต้นและอาจต้องใช้เวลานานอีก "หลายเดือน" กว่าแผนการจะเป็นรูปธรรม

ด้านนายอาเดล อัล-จูแบร์ เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวว่ารัฐบาลริยาดพิจารณา "ทุกวิถีทาง" ที่รวมถึงการใช้กำลังทหารราบในการปกป้องรัฐบาลเยเมนที่มีความชอบธรรมตามกฎหมาย จากการรุกรานของกลุ่มกบฏที่สนับสนุนโดยอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับการวิเคราะห์ของหลายฝ่าย ว่าสถานกาณ์ในเยเมนคือ "สงครามตัวแทน" ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิหร่าน

เครื่องบินรบซาอุฯปูพรมถล่มกบฏทั่วเยเมน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เจรจานิวเคลียร์อิหร่านอาจไม่จบทันเส้นตาย



ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มมหาอำนาจ 5 ประเทศนำโดยสหรัฐ "เห็นชอบในหลักการ" กับอิหร่าน เพื่อนำไปสู่การยุติโครงการนิวเคลียร์ของรัฐบาลเตหะรานภายในสิ้นเดือนนี้ แต่การบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการอาจไม่ทันเส้นตาย เพราะประเด็นยิบย่อยยังไม่ได้รับการหารือ

วันจันทร์ 30 มีนาคม 2558 เวลา 09:45 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่านายแฟรงค์ วอลเทอร์-ชไตน์ไมเออร์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แถลงเมื่อวันอาทิตย์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมขั้นต้นเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ร่วมกับรัฐบาลเตหะราน และกลุ่ม "พี 5+1" ที่นอกเหนือจากเยอรมนียังประกอบด้วยสหรัฐ ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ว่าทุกฝ่ายเห็นชอบในหลักการที่รวมถึงการจำกัดปริมาณแร่ยูเรเนียม และความบริสุทธิ์ของสารประกอบกัมมันตรังสีในโครงการนิวเคลียร์ "เพื่อวิทยาศาสตร์และการแพทย์" ของอิหร่าน

ทั้งนี้ การประชุมที่เมืองโลซานน์ระหว่างวันเสาร์ถึงอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นการหารือแบบอุ่นเครื่อง ก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันจันทร์นี้ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 31 มี.ค. โดยที่ประชุมพี 5+1 ต้องการให้อิหร่านระงับโครงการนิวเคลียร์ของตัวเองเกือบทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 10 ปี แต่รัฐบาลเตหะรานยืนกรานจำเป็นต้องเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไป เพื่อผลประโยชน์ด้านพลังงานและวิชาการของประเทศ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ตะวันตกยุติมาตรการคว่ำบาตรด้วย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าววงในของการเจรจา เผยว่าที่ประชุมอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันเวลา ขณะที่รัฐบาลอิหร่านอยู่ระหว่าง "พิจารณา" ข้อเรียกร้องของกลุ่ม พี 5+1 เรื่องการลดจำนวนเครื่องหมุนเหวี่ยงวัสดุนิวเคลียร์จาก 20,000 เครื่อง ให้เหลือ 6,000 เครื่อง และเคลื่อนย้ายวัสดุนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ออกนอกประเทศ

เจรจานิวเคลียร์อิหร่านอาจไม่จบทันเส้นตาย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์เดินทางจากเมียนมาร์สู่จีน



"โซลาร์ อิมพัลส์ ทู" เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์จากสวิตเซอร์แลนด์ ออกเดินทางจากเมืองมัณฑะเลย์ในเมียนมาร์ สู่จุดหมายต่อไปคือเมืองฉงชิ่งทางตะวันออกของจีน

วันจันทร์ 30 มีนาคม 2558 เวลา 10:24 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่าเครื่องบิน “โซลาร์ อิมพัลส์ ทู” ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแสงอาทิตย์ ออกเดินทางจากสนามบินเมืองมัณฑะเลย์ ทางตอนกลางของเมียนมาร์ เมื่อเวลา 03.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 04.05 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) เพื่อออกเดินทางต่อไปยังเมืองฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งกำหนดการเดินทางในช่วงนี้ล่าช้าออกไปนานกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากทีมงานจำเป็นต้องรอให้ท้องฟ้าเปิดมากกว่านี้ เนื่องจากตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้วมีพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรง

การควบคุมเครื่องบินในเส้นทางนี้ อยู่ในความรับผิดชอบของนายแบร์ทรองต์ ปิการ์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจชาวสวิส ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท "โซลาร์ อิมพัลส์" ร่วมกับนายอังเดร บอร์ชแบร์ก เพื่อนนักธุรกิจชาวสวิสซึ่งเป็นผู้ขับเครื่องบินในช่วงแรก ตั้งแต่เดินทางออกมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อต้นเดือนนี้ เพื่อภารกิจเดินทางรอบโลก ทั้งนี้ ทีมงานจัดเตรียมออกซิเจนเพิ่มเป็นพิเศษให้กับปิการ์ด้วย เนื่องจากต้องบินในระดับที่สูงกว่าเส้นทางบินที่ผ่านมา และเป็นระยะทางยาวถึง 1,375 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะใช้เวลาราว 18 ชั่วโมง

หลังเดินทางถึงเมืองฉงชิ่ง เครื่องบินลำนี้ซึ่งใช้แผ่นโซลาร์กว่า 17,000 แผ่นในการผลิตพลังงาน จะออกเดินทางต่อไปยังเมืองหนานจิง ทางตะวันออกของจีน ก่อนออกเดินทางข้ามหมาสมุทรแปซิฟิกเป็นระยะทาง 8,172 กิโลเมตร มุ่งหน้าสู่เกาะฮาวาย

โครงการก่อสร้างและพัฒนาเครื่องบินโซลาร์ อิมพัลส์ ทู เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 10 ปีที่แล้ว ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์เรื่องพลังงานสีเขียว ได้รับความชื่นชมและยกย่องอย่างมากจากสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) โดยเครื่องบินสร้างประวัติศาสตร์เป็นเครื่องบินที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ลำแรก ที่สามารถเดินทางข้ามประเทศจากเบลเยียมไปยังฝรั่งเศส เมื่อปี 2552 ก่อนออกเดินทางข้ามทวีปจากสเปนไปยังโมร็อกโก เมื่อปี 2555 และสร้างประวัติศาสตร์เดินทางข้ามทวีปอเมริกาในอีก 1 ปีต่อมา

เครื่องบินพลังงานแสงอาทิตย์เดินทางจากเมียนมาร์สู่จีน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

“เมื่อไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ชาวชุมพรต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 13:57 น. (แก้ไขล่าสุด 26 มีนาคม 2558 14:08 น.)



ชุมพร - ประชาชนชาว จ.ชุมพร ในนามเครือข่ายรักษ์ชุมพร แถลงการณ์ต้านกระทรวงพลังงานจัดกิจกรรมอบรมปรับทัศนคติประชาชนหนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อัดสร้างความแตกแยกให้ชุมชน ยกบทเรียน ‘ฟูกูชิมะ’ เตือนจงอย่าโง่ตามโฆษณาว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลอดภัย ลั่นเมื่อไม่สามารถอดทนได้ก็จะลุกขึ้นสู้ ด้านกระทรวงพลังงานต้องเลื่อนการอบรมโดยไม่มีกำหนด

วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มประชาชนชาว จ.ชุมพร ในนามเครือข่ายรักษ์ชุมพร (Save Chumphon Green & Clean) ได้อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เรื่อง “จากฟูกูชิมะถึงชุมพร เราไม่เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ ระบุว่า

1.ไฟฟ้าประเทศเราไม่ได้มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่กระทรวงพลังงานกำลังคิดอะไร? กระทรวงพลังงานไม่เคยตั้งโจทย์ว่า เราจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างไร เพื่อให้ประชาชนร่วมกันหาทางสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้า แต่กลับใช้ระบบคุณพ่อรู้ดีคนเดียวที่เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจไปแล้ว (Decide) แล้วประกาศให้ประชาชนรู้ (Announce) แล้วตามด้วยการปกป้อง (Defend) เหตุผลของตน กรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็เช่นเดียวกัน เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายแล้วใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเชื่อ

จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนสอบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง พบว่า กระทรวงพลังงานได้ใช้เงินเพื่อดำเนินการในเรื่องนิวเคลียร์นี้ในช่วงปี 2551-2553 ถึง 1,345 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการจ่ายตามแผนงานการสื่อสารสาธารณะ และการยอมรับของประชาชน 635 ล้านบาท จากประสบการณ์ที่ผ่านมา จึงทำให้เกิดคำถามที่สำคัญ คือ กระทรวงพลังงานขุดเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาอีกรอบเพื่ออะไร?



“เมื่อไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ชาวชุมพรต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


2.ทั้งโลกทยอยปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เราใช้สติปัญญาอะไรที่คิดจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่? “รายงานสถานการณ์ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ (The World Nuclear Status Report)” ประจำปี 2014 ซึ่งเป็นรายงานของ “สถาบันจับตาโลก (The Worldwatch Institution)” ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1974 โดยสถาบันจับตาโลก ได้รับการยอมรับให้เป็น 1 ใน 10 สถาบันของโลกที่เน้นเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน

จากรายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ 2014 พบว่า ปัจจุบัน (นับถึง 1 กรกฎาคม 2014) ทั่วโลกมีจำนวนเตาปฏิกรณ์ปรมาณูอยู่ 388 เตา ใน 31 ประเทศ โดยมีกำลังผลิตรวม 333 กิกะวัตต์ (333,000 เมกะวัตต์) ในปี 2014 มีจำนวนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์น้อยกว่าปี 2002 ซึ่งเป็นปีที่มากที่สุดถึง 50 โรง ดังนั้น คำโฆษณาชวนเชื่อที่ว่า ประเทศนั้นประเทศนี้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพิ่มขึ้น หรือเปิดใช้เพิ่มขึ้นทุกปีนั้นไม่เป็นความจริง


“เมื่อไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ชาวชุมพรต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


3.การสร้างนิวเคลียร์งบบานปลาย ใช้เวลาสร้างไม่รู้จบ ด้านระยะเวลาในการก่อสร้าง รายงานฉบับนี้ระบุว่า นับถึงเดือนกรกฎาคม 2557 มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 67 โรง (ในจำนวนนี้ 43 โรงอยู่ใน 3 ประเทศ คือ จีน อินเดีย และรัสเซีย) อายุการก่อสร้างเฉลี่ยนาน 7 ปี (แต่ยังไม่เสร็จ) ในจำนวนนี้มีประเภทที่เรียกว่า “กำลังก่อสร้าง” มี 8 โรง ที่ได้ก่อสร้างนานมาแล้วถึง 20 ปี แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ (บางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา อิหร่าน สร้างไปแล้ว 32.9 และ 36.3 ปี ตามลำดับ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ)

ประเทศฟิลิปปินส์ สร้างเสร็จแล้วตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีมาร์กอส แต่ยังไม่ได้ใช้งานเลยเพราะพบข้อบกพร่องกว่า 4 พันจุด ความบกพร่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 ใน 7 โรงของประเทศถึงกว่าหนึ่งหมื่นแห่งโดยมีแผลขนาดเฉลี่ย 1 เซนติเมตร ประเทศเบลเยียม (ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ 54%) จะหยุดโรงไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2025 ข้อมูลล่าสุดพบว่า รอยปริร้าวได้เพิ่มขึ้นกว่า 1.6 หมื่นจุด (ข้อมูลจาก World Nuclear News)


“เมื่อไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ชาวชุมพรต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


4.ทางออกด้านความมั่นคงไฟฟ้าของประเทศ คือ โซลาร์เซลล์ไม่ใช่นิวเคลียร์ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย Duke สหรัฐอเมริกา โดยใช้ข้อมูลความเข้มของแสงแดดในรัฐ North Carolina สหรัฐอเมริกา (ซึ่งดูจากแผนที่แล้วพบว่า มีพลังงานแสงแดดต่อตารางเมตรน้อยกว่าประเทศไทย) พบว่า ต้นทุนพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ (ซึ่งเคยมีราคาถูกกว่าไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานแสงแดด) ได้เพิ่มสูงขึ้นจนเท่ากับพลังงานจากแสงแดดเมื่อประมาณปี 2010 จากเหตุการณ์ในเบลเยียม ทาง Greenpeace ได้ออกรายงานเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความตอนหนึ่งได้อ้างถึงคำพูดของผู้อำนวยการองค์กำกับดูแลเรื่องนิวเคลียร์ของเบลเยียม [The Belgian Nuclear Regulatory Authority (FANC)] ได้ให้ความเห็นว่า “กรณีในลักษณะเช่นนี้อาจจะเป็นปัญหาทั่วทั้งโลกสำหรับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ทั้งหมด”

5.10 บทเรียนจากฟูกุชิมะ : บทที่ 1 จงอย่าโง่ตามคำโฆษณาที่ว่า “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลอดภัย” เมื่อในโอกาสครบรอบ 4 ปี โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฟูกุชิมะระเบิด กลุ่มพลเมืองในญี่ปุ่นได้ออกหนังสือเล่มน้อยที่ชื่อว่า “10 Lessons from Fukushima” เมื่อโรงที่หนึ่งเปิดดำเนินการก็ส่งผลกระทบทางมลพิษอย่างรุนแรง การก่อสร้างโรงที่ 2 ก็ถูกคัดค้านอย่างรุนแรง พลเมืองที่คัดค้านก็ถูกควบคุม และเมื่อเกิดเหตุการณ์ระเบิดในปี 2554 โรงที่ 3 ก็ถูกยกเลิกไป และจนถึงขณะนี้ผลกระทบจากการระเบิดของโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะ ยังไม่สามารถให้ประชาชนเข้าไปอยู่อาศัยได้ ที่สำคัญรัฐบาลไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าประชาชนจะไปอยู่ได้เมื่อไหร่

6.ข้อเรียกร้องของเราคนชุมพร คือ 1.ให้กระทรวงพลังงานยกเลิกกิจกรรมเกี่ยวกับนิวเคลียร์ทุกอย่างในพื้นที่จังหวัดชุมพร และในแผนผลิตพลังงานไฟฟ้า 2.ให้กระทรวงพลังงานตั้งโจทย์ใหม่ว่า เราจะสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยพลังงานสะอาด และเป็นธรรมต่อประชาชนได้อย่างไร 3.เลิกใช้นโยบายบีบบังคับประชาชน เพราะเมื่อเราไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องชีวิต และสิ่งแวดล้อมที่ดีของเรา กระทรวงพลังงานล้อเล่นกับชีวิตของคนใต้มากเกินไปแล้ว



“เมื่อไม่สามารถอดทนได้ เราจะลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ชาวชุมพรต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
หนังสือแจ้งยกเลิกการอบรมปรับทัศนคติประชาชนเพื่อสนับสนุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกมาเคลื่อนไหวของประชาชนเครือข่ายรักษ์ชุมพร (Save Chumphon Green & Clean) ครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีที่ นายทวารัฐ สุตะบุตร รองปลัดกระทรวง ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงพลังงาน ได้กำหนดจัดอบรมโครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” ในวันนี้ที่โรงแรมชุมพรแกรนด์พาเลซ ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร โดยกำหนดเชิญหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา รวม 38 แห่ง และที่ปรึกษาภาคประชาชน 4 คน สื่อมวลชน 6 คน เข้าร่วมอบรม
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (25 มี.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงานจังหวัดชุมพร ได้แจ้งหน่วยงานรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษา ที่ปรึกษาภาคประชาชน และสื่อมวลชน ตามรายชื่อทั้งหมดที่ได้ส่งหนังสือเชิญให้เข้าร่วมรับการอบรม ว่า ขอเลื่อนการอบรมโครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยไม่ได้มีการชี้แจงเหตุผลในการเลื่อนการอบรมในครั้งนี้แต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีดังกล่าวเนื่องจากก่อนจะมีการประชุมโครงการ “การสร้างความเข้าใจเพื่อการพัฒนาทัศนคติต่อการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์” ตามวันเวลาดังกล่าว ได้มีกลุ่มพลังมวลชน นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เอ็นจีโอ ชาวบ้านจำนวนมากทั้งในพื้นที่ และต่างจังหวัดได้ออกมารวมตัวเคลื่อนไหว และนัดแนะกันทางสื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ไลน์ จะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการอบรมโครงการดังกล่าว โดยกลุ่มผู้คัดค้านมองว่า กระทรวงพลังงาน มีเป้าหมายที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อยู่แล้ว ดังนั้น การเข้ามาดำเนินการโครงการปรับทัศนคติดังกล่าวเพื่อโน้มน้าวหาแนวร่วมในการสนับสนุน

ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแบ่งฝ่าย เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในชุมชนตามมา จึงได้นัดรวมตัวกันออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านไม่เห็นด้วยต่อโครงการ จึงทำให้กระทรวงพลังงาน ได้เลื่อนการอบรมโครงการดังกล่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากเกรงว่าอาจจะเกิดความรุนแรงขึ้นได้

 

ปอกเปลือก ทรราช
ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียสูงขึ้นติดต่อกันตลอดสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน, จับตาจีนขยับกองทัพหนุนรัสเซียส่งสัญญาณถึงนาโต้อย่าซ่าให้มากนัก



--------------
หันมาดูด้านเศรษฐกิจของรัสเซียภายใต้มาตรการแซงชั่นรอบใหม่จากสหรัฐฯและอียูบ้างครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วธนาคารกลางของรัสเซียประกาศว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งประกอบด้วยทองคำ โปรดฟังอีกครั้ง "ทองคำ!" และสกุลเงินต่างประเทศของรัสเซียเพิ่มขึ้นจาก $1.2 billion (ประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท) ถึง $352.9 billion (ประมาณ 11.5 ล้านล้านบาท) เฉพาะช่วงวันที่ 13-20 มีนาคมที่ผ่านมานี้ ทางรัสเซียบอกว่านี่นับเป็นครั้งแรกที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียสูงขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ แม้ในภาวะที่รัสเซียถูกแซงชั่น
แต่ถ้านับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วเป็นต้นมาทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียสูงขึ้นจาก $420.4 billion เป็น $420.5 billion ในช่วงต้นปี 2558 นี้ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียลดลง $35.6 billion (ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท) ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงโดยการบริหารจัดการของธนาคารกลางของรัสเซีย ข่าวนี้บ่งบอกอะไร? มันบ่งบอกว่าการบริหารด้านการเงินของรัสเซียนั้นดีมาก นักลงทุนจากต่างชาติกำลังแห่ไปลงทุนในรัสเซียเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะถูกแซงชั่นจากสหรัฐฯและอียูก็ตาม และล่าสุดปูตินได้สั่งให้เปิดเขตการค้าเสรีขึ้นในไคร์เมียด้วย เพื่อดึงนักลงทุนด้านอื่นๆที่ไม่แซงชั่นรัสเซียให้ทุ่มเงินไปที่ไคร์เมีย ช่วงจังหวะนี้ทำให้ทั้งสหรัฐฯและอียูเสียโอกาสงามๆไปทันที
เมื่อวานนี้ทางการของรัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อฯว่า ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ผู้นำจีนกับรัสเซียจะพบปะหารือกันเกี่ยวกับแนวโน้มในโครงการจัดตั้งสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียน (Eurasian Economic Union) และการสร้างเส้นทางสายไหมหลวง (the Great Silk Road) ระหว่างยุโรปกับเอเซียร่วมกัน ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับอียู-รัสเซีย-จีน-เอเซีย แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับอเมริกาแน่ๆ อียูทำถูกแล้วที่หันมาร่วมมือกับจีนและรัสเซียในการก่อตั้งธนาคาร AIIB ร่วมกันโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากอเมริกา
ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นนะที่จะมาร่วมใน EEU กับรัสเซีย เวียตนามก็จะมาด้วย เมื่อวานนี้รมว.กรรมาธิการด้านการค้าเศรษฐกิจยูเรเซียนของรัสเซียกล่าวว่าในอีกสองเดือนข้างหน้ารัสเซียกับเวียตนามจะลงนามในการก่อตั้งการค้าเสรีร่วมกันใน EEU ด้วย ข่าวร้ายสำหรับอเมริกาอีกแล้ว
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจีนกับรัสเซียได้ประกาศเพ่ิมความร่วมมือด้านกองทัพระหว่างสองประเทศขึ้นอีก ความร่วมมือด้านกองทัพที่ว่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องการสนับสนุนด้านอาวุธและอุปกรณ์ทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยี่และการซ้อมรบร่วมกันด้วย
ในวันที่ 1-3 เมษายนนี้คณะผู้แทนทางกองทัพระดับสูงของจีนจะเดินทางไปที่รัสเซีย เพื่อเข้าดูความพร้อมในด้านการรบของหน่วยต่างๆและการจัดรูปแบบในกองทัพรัสเซียที่เมือง Yekaterinburg และพื้นที่ Samara ซึ่งจะรวมถึงการบูรณาการด้านการใช้อาวุธผสมและการฝึกอบรมในปฏิบัติการร่วมกันด้วย พูดง่ายๆก็คือมาดูการซ้อมรบที่รัสเซียและแลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างแม่ทัพของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่ปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันที่ไหนซักแห่ง อาจจะใกล้บ้านาโต้ก็ได้
มองดูภายนอกอาจจะดูเหมือนว่าเป็นเรื่องปรกติ เพราะชาติอื่นๆเขาก็ซ้อมรบร่วมกันอยู่แล้วโดยเฉพาะสหรัฐฯกับชาติสมาชิกนาโต้ แต่กรณีนี้ไม่ธรรมดาสำหรัฐฯและนาโต้แน่ๆ นี่เป็นการส่งสัญญาณไปถึงสหรัฐฯและนาโต้ว่าในเร็วๆนี้จีนอาจจะเข้าร่วมซ้อมรบในทะเลดำกับรัสเซียหรือที่ไหนซักแห่งก็ได้ เพราะตอนนี้ฝั่งนาโต้ขยันซ้อมรบใกล้ชายแดนของรัสเซียบ่อยขึ้นเรื่อยๆ รัสเซียมองว่านั่นคือภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย เพราะรัสเซียไม่เคยไปหาเรื่องหรือไปซ้อมรบใกล้บ้านของอเมริกาเลย แต่อเมริกาข้ามน้ำข้ามทะเลมาซ้อมรบรอบบ้านรัสเซียฝั่งยุโรปตะวันออกเต็มไปหมด แบบนี้ถ้าไม่บอกว่ามาหาเรื่องกันแล้วจะให้พูดว่าอย่างไรหละ จับตาดูว่าเมื่อจีนขยับด้านกองทัพบ้างสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือว่าจะช่วยลดอุณภูมิความขัดแย้งในภูมิภาคยุโรปตะวันออกให้ลดลง อเมริกาจะกล้าเสี่ยงทำสงครามเย็นรอบที่สองกับรัสเซียโดยมีจีนร่วมกับรัสเซียหรือไม่ หรือจะกลับไปเป็นโจรทะเลทรายหากินในตะวันออกกลางอย่างเดิม หมากตานี้มีความเสี่ยงสูงมาก
The Eyes
31/03/2558
-----------
TASS: Economy - Russia’s international reserves grow over week for first time in 4 months — regulator
TASS: Economy - Russia, China leaders to discuss prospects for uniting post-Soviet trade block, Silk Road
TASS: Economy - Eurasian Economic Union to sign free trade deal with Vietnam soon — Russian official
TASS: Russia - Russian-Chinese military cooperation on the rise — Russian deputy defense minister
TASS: Russia - Chinese military to study Russian snap check practices

 

ปอกเปลือก ทรราช
เยเมน… พันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯยังกระหน่ำทิ้งระเบิดใส่คลังเก็บสกั๊ดมิสไซล์และค่ายผู้ลี้ภัยอย่างต่อเนื่อง



--------------
อัพเดทสถานการณ์รอบวันสำหรับเหตุการณ์ถล่มเยเมนด้วยฝีมือของกองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิอาระเบียในวันจันทร์ที่ 30 ที่ผ่านมา
- เครื่องบินรบฝ่ายซาอุดิฯ ยังคงรุกล้ำเข้ามาทิ้งระเบิดใส่รอบนอกกรุงซานาเมืองหลวงของเยเมนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายอยู่ที่คลังแสงและแห่งผลิตอาวุธ Scud missile ซึ่งตั้งอยู่ที่ Faj Attan Hill ทำให้มีการระเบิดขนาดใหญ่เกิดขึ้นทั่วบริเวณโรงงาน
- ในวันเดียวกันนี้เครื่องบินรบของซาอุดิฯ ก็ทิ้งระเบิดโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยทางตอนเหนือของเยเมนด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 45 รายและบาดเจ็บอีก 65 รายตามรายงานของ International Organization for Migration (IMO)
- เรือรบหลายลำ (สันนิษฐานว่าเป็นของกองทัพอียิปต์) ที่แล่นออกจากคลองซุเอซเมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ระดมยิงจรวดโจมตีใส่ที่ตั้งของกลุ่มฮูติที่พยายามรุกเข้ามาในเมืองเอเดนเพื่อยึดเมืองนี้จากกลุ่มผู้สนับสนุนปธน. Hadi
ก็พอพวกฮูติกำลังจะได้ชัย รุกคืบเข้ายึดเมืองเอเดนได้ พวกพันธมิตรอาหรับก็ใช้่อาวุธที่มีแสนยานุภาพมากกว่าหลายร้อยเท่าสะกัดไว้ไม่ให้ทำได้สำเร็จ ตอนนี้ฮูติไม่ได้ทำสงครามเฉพาะกับฝ่ายสนับสนุนปธน.Hadi ในเยเมนเท่านั้นแต่กลายเป็นว่ากำลังทำสงครามอยู่กับพวกชาติอาหรับอื่นๆที่นำโดยซาอุดิฯไปแล้ว เมื่อสู้กันซึ่งๆหน้าไม่ได้แบบนี้ระวังพวกฮูติจะย้อนศรใช้วิธีก่อการร้ายสารพัดอย่างเข้าไปก่อเหตุในเมืองใหญ่ของกลุ่มประเทศพันธมิตรอาหรับเหล่านั้นที่พากันมารุมถล่มเยเมนเอานะ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไม่มีทางจบเด็ดขาดและตะวันออกกลางจะลุกเป็นไฟไปทุกตารางนิ้วแน่ๆ สหรัฐฯที่อยู่เบื้องหลังคอยชี้เป้าว่าต้องไปหย่อนลงตรงนั้นตรงนี้ก็นั่งนับเงินจากการค้าอาวุธสบาย
- ปากีสถานประกาศว่าจะส่งกองทัพเข้าร่วมกับชาติพันธมิตรอาหรับในการถล่มเยเมนด้วย ส่วนโอมานที่มีชายแดนดินกับเยเมนนั้นได้ขอร้องให้ทุกประเทศหยุดทำสงครามถล่มเยเมนได้แล้ว โดยให้หันมาใช้การเจรจาแทน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครได้ยินเสียงของโอมานเลยในช่วงนี้ เพราะทุกชาติที่เข้าร่วมกับซาอุต่างก็หน้ามืดหูอื้อกระหายสงครามอยากจะใช้อาวุธที่ตัวเองซื้อไว้ตั้งมากมายจนจะล้นคลังแสงอยู่แล้ว ถล่มเยเมนให้ราบ และเพื่อแย่งชิงเข้าครอบครองท่าเรือที่เมืองเอเดนให้ได้
- อ้อ… เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกปรับตัวลดลงมาอีกแล้วที่ $48.58 ต่อบาร์เรล หลังจากที่พุ่งขึ้นไปเกือบแตะ $52 ต่อบาร์เรล (WTI) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนน้ำมันดิบ Brent ของอังกฤษ และน้ำมันดิบดูไบก็ลดเช่นกัน ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีอยู่นะ
The Eyes
31/03/2558
-----------
http://rt.com/news/245349-yemen-refugee-camp-strike/
http://rt.com/news/245385-yemen-sanaa-blasts-missile/
http://rt.com/news/244185-yemen-conflict-gulf-rebels/
DME - DME Data
Oman Tries to Persuade Saudi-Led Coalition to Stop Attacking Yemen – Source / Sputnik International
http://www.bbc.com/…/market_d…/commodities/28696/default.stm
http://www.bbc.com/…/market_…/commodities/143910/default.stm

 

ปอกเปลือก ทรราช
เช็กประท้วงปิดถนนสะกัดขบวนรถกองทัพสหรัฐฯ



--------------
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประชาชนสาธารณรัฐเช็กรวมตัวกันขัดขวางขบวนคอนวอยของกองทัพนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯเดินทางผ่านเช็กเพื่อไปซ้อมรบในกลุ่มประเทศบอลติกเพื่อยั่วยุรัสเซีย ประชาชนกลุ่มนี้เป็นพวกไม่นิยมสหรัฐฯและไม่เอาสงครามบางคนในกลุ่มอาจจะเป็นโปรรัสเซียก็ได้ ทำให้ขบวนคอนวอยของรถหุ้มเกราะแปดล้อ (Stryker) และยานพาหนะอื่นๆของทหารสหรัฐฯติดแหง็กอยู่บนถนนนานถึง 7 ชั่วโมง คอนวอยชุดนี้มีทหารสหรัฐฯอยู่จำนวน 520 นายและพาหนะอีก 118 คัน ชาวเช็กที่มาประท้วงในครั้งนี้ต่างก็พากันชูป้ายประท้วงเช่น "ทหารสหรัฐฯกลับบ้านไปซะ ชาวเช็กอาศัยอยู่ที่นี่... ยังต้องการสันติภาพ" และ "พวกนักฆ่าชาวสหรัฐฯกลับบ้านไป!" หรือ "แยงกี้กลับบ้านไป!" หรือ "ไม่เอากองทัพสหรัฐฯ" หรือชูสัญลักษณ์ไม่เอารถถังเป็นต้น
แล้วฝ่ายสหรัฐฯทำอย่างไร? ก็จัดม็อบชนม็อบสิครับ ของถนัด ก็จัดม็อบโปรอเมริกามาชนกับม็อบต่อต้านอเมริกาในเช็กซะเลย มีการปะทะคารมกันบ้าง แต่ก็ไม่มีความรุนแรงอะไร เช็กเป็นอีกหนึ่งประเทศในอียูที่ไม่สนับสนุนการแซงชั่นรัสเซีย เพราะทำให้เช็กไม่สามารถส่งออกสินค้าทางการเกษตรของตนเข้าไปขายในรัสเซียได้ ก่อนหน้านี้ทูตสหรัฐฯประจำอียูได้ออกมากล่าวว่าสำหรับประเทศเล็กๆที่เข้าข้างรัสเซียนั้น ทางสหรัฐฯจะมาตรการอื่นที่ไม่ใช่ในเวทีที่ประชุมอียูจัดการเอง เพื่อบีบบังคับให้กลุ่มประเทศเหล่านี้ยกมือสนับสนุนตามที่อเมริกาต้องการ ปรกติแล้วการขนขบวนรถ stryker ของนาโต้ผ่านเช็กจะใช้รถไฟขนไปแทน แต่ครั้งนี้สหรัฐฯเลือกที่จะใช้เส้นทางถนนวิ่งผ่านเมืองต่างๆของเช็กแทน แค่นี้ก็ชัดอยู่แล้ว เช็กก็รู้ว่านี่คือหนึ่งในมาตรการเหล่านั้นที่สหรัฐฯนำมาใช้เพื่อข่มขู่และคุกคามกรายๆ แสดงให้รัฐบาลเช็กรู้ว่าสหรัฐฯจะเอากองทัพของตนไปวิ่งเล่นบนถนนสายไหนของเช็กก็ได้ เพราะว่าเช็กได้หลวมตัวเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ตั้งแต่ปี 2542 (1999) แล้ว (ช่วงที่เกิดสงครามKosovo)
The Eyes
31/03/2558
-----------
Stricken Stryker Interrupts US Army Convoy Through Czech Republic / Sputnik International
http://rt.com/news/244945-prague-anti-nato-protest/
Member states of NATO - Wikipedia, the free encyclopedia
http://news.bbc.co.uk/2/…/euro…/country_profiles/1543000.stm

 

ปอกเปลือก ทรราช
โพลล์ชี้ ชาวอเมริกกันบอกว่าโอบาม่าเป็นภัยคุกคามใกล้ตัวมากกว่าปูติน oopz!



--------------
เอาใจแฟนเหล่าแฟนคลับปูตินซะหน่อย เดี๋ยวจะว่าพักนี้ไม่เห็นแอ็ดมินทำข่าวรัสเซียบ้างเลย ก็ข่าวมันเยอะอ่ะ เขียนไม่ไหวครับ ก็ติดตามสถานการณ์อยู่นะ เดี๋ยวจะทะยอยเล่าให้ฟังนะครับ ประเดิมข่าวที่แสนจะปวดใจเหล่าโปรสหรัฐฯเป็นข่าวแรกซะเลย อ่านแล้วมันรู้สึกกระชุ่มกระชวยไงไม่รู้ เนอะ...
สำนักข่าวต่างประเทศ (RT News) รายงานว่า โพลล์สำหรับรวจความคิดเห็นจากฝั่งรีพับลิกันบอกว่า หนึ่งในสามของชาวอเมริกันเชื่อว่าประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าผู้นำคนปัจจุบันของสหรัฐฯเป็นภัยคุกคามใกล้ตัวมากกว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดี Bashar Assad ของซีเรียซะอีก อุ๊แม่เจ้า!... เป็นได้อย่างไร? มันจะเป็นไปได้รึ? ก็มันเป็นไปแล้ว พวกที่หลงอเมริกาจนหัวปักหัวปำอาจจะบอกว่าอย่าไปเชื่อสำนักข่าวของรัสเซีย มันเป็นเกมการเมืองลงข่าวเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ พวกเราอย่าเชื่อ ฮ่าๆ… งานนี้สื่อฯรัสเซียก็เอามาจากรอยเตอร์สของแคนาดาเพื่อนซี้สหรัฐฯนั่นแหละ และโพลล์นี้ก็จัดทำขึ้นในสหรัฐฯเองซะด้วย รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จีนกับเกาหลีเหนือก็ไม่เกี่ยวนะ ดีโมแตรทกับรีพับลิกันเขาซัดกันเอง ปูตินก็แค่นั่งหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ที่รัสเซียเท่านั้นเอง
Reuters และ Ipsos ได้จัดสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์ขึ้นจากชาวอเมริกันทั้งหมดจำนวน 2,809 คนในเดือนมีนาคามนี้ เพื่อดูว่าพวกเขาจะมองว่าใครเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯมากที่สุด ซึ่งมีพวกที่นิยมพรรคดีโมแครทจำนวน 1,083 คนและพวกที่นิยมพรรครีพับลิกันจำนวน 1,059 คนเข้าแสดงความคิดเห็น (ที่เหลืออาจจะไม่ระบุฝ่าย) โดยให้เลือกจากรายชื่อองค์กรและบุคคลที่ชาวอเมริกันคิดว่าเป็นภัยคุกคามมากที่สุด มีการจะลำลับจาก 1-5 และผลปรากฎว่าประชาชนร้อยละ 34 เชื่อว่าโอบาม่าเป็นภัยคุกคามใกล้ตัว (Obama was an imminent threat) ซึ่งคะแนนของโอบามาสูงกว่าปูตินอยู่ 9%
จากผลสำรวจนี้ชาวอเมริกันหนึ่งในสี่เชื่อว่าปธน.ของซีเรียคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันรองลงมาจากปธน.ของรัสเซีย นอกจากนี้โพลล์ยังชี้อีกว่าชาวอเมริกันกลัวภัยคุกคามจากผู้ก่อการร้ายไอซิสจะมาก่อเหตุขึ้นในแผ่นดินอเมริกาถึง 57% และรองลงมาคือกลัวอัลเคด้า 43% แล้วชาวอเมริกันกลัวใครมากที่สุดในตอนนี้ (ตามโพลล์นะ) เขาบอกว่าชาวอเมริกันกลัว คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือมากที่สุดเพราะมีคะแนนสูงกว่าทั้งโอบาม่าและปูตินซะอีก เป็นไปได้ไง! อเมริกากลัวเกาหลีเหนือ? แสดงว่าที่คิม จอง-อึน ขู่มาตลอดว่าจะมีอาวุธนิวเคลียร์ สามารถยิงข้ามทวีปไปถล่มอเมริกาได้นั้น ก็ชักจะมีเค้าบ้างแล้วสินี่
สุดท้าย จากการซอกแซกข่าวโดยแอ็ดมิน อิๆ… พบว่า ทั้ง CNN และ BBC ต่างก็ตกข่าวนี้ด้วยกันทั้งนั้นเลย เพราะไม่พบข่าวนี้จากเว็บไซต์ของทั้งสองสำนักข่าวนี้เลย มันเป็นไปแล้ว นี่แหละถึงได้แนะนำให้บางคนหันไปดูข่าวจากแหล่งอื่นที่ไม่ถูกครอบงำโดยรัฐบาลสหรัฐฯและตะวันตกบ้าง จะได้รับรู้ความจริงในอีกด้านบ้างอ่ะครับ
ป.ล. เอ่อ… คุณจิตไม่สมฯ ครับจะไม่ไปสัมภาษณ์ผู้นำสหรัฐฯเกี่ยวกับข่าวนี้หน่อยหรือครับ? ไม่เป็นห่วงอเมริกาเหมือนกับที่ชอบอ้างต่างชาติว่าเล่นงานประเทศไทยหรือครับ?
The Eyes
31/03/2558
-----------
Clear & president danger: Poll shows Republicans more scared of Obama than Putin — RT USA
http://uk.reuters.com/…/uk-usa-threats-poll-idUKKBN0MQ0AU20…
Analysis & Opinion | Reuters
http://www.businessinsider.com/r-republic…/ipsos-poll-2015-3

 

ปอกเปลือก ทรราช
เครื่องรบของอินเดียที่ส่งไปอัพเกรดในยูเครนล่องหน 5 ลำ



--------------
เอ่…เอ๋… ยังไงหละเนี่ย! เมื่อปี 2552 ทางกองทัพอากาศของอินเดียได้ส่งเครื่องบินรบรุ่น An-32 (อานโตนอฟ อาน-32/Antonov An-32) จำนวน 40 ลำไปอัพเกรดที่ยูเครน เพื่อยืดอายุการใช้งานจาก 25 ปีเป็น 40 ปี และเพิ่มการบรรทุกน้ำหนักให้ได้มากขึ้นจากก 6.7 ตันเป็น 7.5 ตัน รวมถึงการปรับปรุง cockpit ให้ทันสมัยขึ้นด้วย เครื่องบินรุ่นนี้เป็นเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางใช้ลำเลียงทหารและหน่วยพยาบาล รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆของทางกองทัพที่มีน้ำหนักไม่มากเกินไปด้วย สร้างขึ้นมาเป็นครั้งแรกในปี 2519 ในยุคโซเวียต แต่มีโรงงานผลิตอยู่ที่ยูเครนในปัจจุบัน
ภายใต้โครงการอัพเกรดเครื่องบินขนส่งรุ่น An-32 ของอินเดียนี้ อินเดียส่งไปปรับปรุงที่ยูเครนจำนวน 40 ลำ ภายใต้สัญญามูลค่า $400 million (ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท) และปรับปรุงเองที่อินเดียอีก 64 ลำ แต่พออิเดียทวงถามถึงเครื่องบินที่ยูเครนรับเหมาไปปรับปรุงขึ้นมา กลับได้รับคำตอบว่าเครื่องบินที่ส่งมาให้นั้นปรับปรุงนั้นหายไปอย่างลึกลับจำนวน 5 ลำ โดยไม่สามารถแกะรอยได้ อุ๊แม่เจ้า!... มีเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือยูเครน สงสัยเอาไปแยกส่วนเป็นเศษเหล็กชั่งกิโลขายเพื่อเอาเงินมาซื้ออาวุธจากอเมริกาแล้วหละมั๊ง หรือไม่ยูเครนอาจะเอาเครื่องบินอินเดียไปทิ้งทะเล และสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์น้ำในทะเลดำแล้วหละมั๊ง
ทูตยูเครนออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบ บอกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระหว่างอินเดียกับบริษัท Antonov ของยูเครน เรื่องนี้ไม่เกี่ยกกับกองทัพอากาศของยูเครน อ้าว! โยนกันไปโยนกันมาซะงั้น อินเดียซวยเลย แม้ว่าโรงงานผลิต An-32 จะอยู่ในยูเครน แต่อะไหล่บางส่วนนั้นจะต้องนำเข้าจากรัสเซีย ถ้ารัสเซียไม่ขายให้ซะอย่าง แล้วงานผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ (หรืออาจจะรวมถึงรุ่นอื่นๆด้วย) ของยูเครนจะดำเนินไปได้อย่างไร? ยกเว้นเสียแต่ว่ายูเครนจะทำขึ้นมาใหม่หรือไม่ก็สั่งนำเข้าจะสหรัฐฯหรือที่อื่น แน่นอนว่าอะไหล่บางรุ่นจากที่อื่นไม่สามารถเข้ากับเครื่องรุ่นเก่าได้อยู่แล้ว โครงการรับเหมาซ่อมเครื่องบินยุคโซเวียตของยูเครนก็ต้องหยุดชะงักลง รู้ฤทธิ์ปูตินน้อยไปซะแล้วนะโปโรเชนโก้เอ๋ย...
ก่อนหน้านี้ทางรัสเซียกับอินเดียก็ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาเครื่องบินขนส่งขนาดกลางรุ่น UAC/HAL Il-214 ที่สามารถใช้ได้ทั้งในกองทัพและภาคพลเรือนด้วย โดยความร่วมมือระหว่างบริษัท United Aircraft Corporation (UAC) ของรัสเซียกับบริษัท Hindustan Aeronautics Ltd (HAL) ของอินเดีย แล้วตั้งบริษัท UAC/HAL Il-214 Multi-role Transport Aircraft (MTA) ร่วมกันขึ้นมาใหม่ ภายใต้เงินลงทุนก้อนแรก $300.35 million (ประมาณ 9.8 พันล้านบาท)
แต่งานพัฒนาดำเนินไปได้ช้ามาก เพราะติดขัดตรงเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในภาคการผลิต ยังไงรึ... ขอกระจ่างกว่านี้หน่อย? คือยังงี้ ทางอินเดียต้องการจะส่งวิศวกรของตนจำนวน 30 คนเข้าไปทำงานในบริษัทใหม่ที่จดทะเบียนร่วมกันนี้ตั้งอยู่ที่รัสเซีย จุดประสงค์ของอินเดียก็เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีการผลิตเครื่องบินรุ่นนี้จากรัสเซียแล้วอาจจะเอามาตั้งโรงงานผลิตเองในบ้านของตัวเอง ซึ่งเป็นปรกติของอินเดียอยู่แล้วที่จะไม่ยอมลงทุนแค่เงินเท่านั้น จะต้องส่งคนของตนไปทำงานด้วยและคาดหวังว่าจะได้ความรู้ด้านเทคโนโลยีจากรัสเซียด้วย (นั่นคือวิสัยทัศน์ของอินเดีย คือไม่เอาแต่สั่งซื้ออย่างเดียวจะต้องได้ความรู้ด้านการผลิตด้วย ของไทยเราเวลาสั่งซื้อโครงการใหญ่ๆจากต่างประเทศก็น่าจะเอาข้อดีตรงนี้จากอินเดียมาเป็นตัวอย่างบ้างก็ดีนะครับ) อาจจะเป็นเพราะยังไม่สามารถตกลงกันในประเด็นนี้ได้จึงทำให้การผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ล่าช้าออกไป ตามข้อตกลงนั้นอินเดียจะสั่งซื้อ UAC/HAL Il-214 จาก MTA จำนวน 45 ลำ ส่วนรัสเซียจะซื้อจำนวน 105 ลำ จุดประสงค์ของบริษัทนี้ไม่ใช่เพื่อผลิตให้กับอินเดียและรัสเซียเท่านั้นแต่เพื่อขายให้ประเทศอื่นๆด้วย และแน่นอนแข่งกับ Antonov ของยูเครน จบข่าว
The Eyes
30/03/2558
-----------
http://rt.com/news/245145-india-warplanes-missing-ukraine/
Ukraine 'Lost Without Trace' Five Indian Warplanes During Planned Upgrade / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
ผลงานของรัฐบาลประชาธิปไตยแคนาดา



-------------------
ผลงานของรัฐบาลประชาธิปไตยแคนาดาที่สั่งให้ตำรวจปราบจลาจลสลายม็อบนักศึกษาที่ประท้วงมาตรการต่อต้านรัดเข็มขัดของรัฐบาลเมื่อวันก่อน เนื่องจากรัฐบาลตัดงบด้านการศึกษาและงบสาธารณสุขไปเพ่ิมงบด้านอาวุธสงครามแทน โดยฝั่งรัฐบาลประชาธิปไตยอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง มีสิทธิ์ไม่อนุญาตให้นักศึกษาเหล่านั้นออกมาประท้วงนโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้จะเป็นการประท้วงโดยสงบปราศจากอาวุธก็ตาม ตำรวจสามารถยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบในระยะเผาขนอย่างที่ปรากฎในภาพได้ โชคดีที่ไม่ถูกลูกตาของนักศึกษาสาวที่ตกเป็นเหยื่อการกระทำเช่นนั้นของตำรวจแคนาดา ไม่งั้นคงทำให้เธอสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่งหรือไม่ก็อาจจะตาบอดไปทั้งชีวิตก็ได้
The Eyes
30/03/2558
---------------
https://www.facebook.com/fisont/posts/1648295082057292

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 30 มี.ค.58 ชาวไครเมีย กว่า 90% ชอบปูติน เขาเลยจัดหัวรบนิวเคลียร์ติดตั้งให้ 10 ลูก
ผลการสำรวจความคิดเห็นชาวไครเมีย ที่รัสเซียผนวกดินแดนไป พบว่า กว่า 90 % มีความรู้สึกบวก และมีความสุข ที่ได้มารวมตัวกับรัสเซีย และคะแนนนิยมของหมีขาวปูติน ในหมู่ชาวรัสเซียเอง ก็พุ่งโด่ง เกิน 85% แบบติดลมบน
มีรายงานว่า กองทัพรัสเซีย กระทรวงกลาโหม ติดตั้งฐานปล่อยหัวรบนิวเคลียร์ Tupolev 22M3 จำนวน 10 หัวที่เเคว้นไครเมีย เพราะรัสเซียมีสิทธิที่จะวางอาวุธนิวเคลียร์ บนคาบสมุทรนี้เพราะเป็นดินแดนของตนเอง
อเมริกามีอะไรป่ะ ตอนนี้รัสเซียมีหัวรบประจำการพร้อมยิงทั่วโลกมากกว่า 15,000 หัวรบ..ไม่เห็นต้องเจรจาอะไรกับใครเหมือนเกาหลีเหนือ และอิหร่านตอนนี้เลย UN ล่ะ มีปัญหาอะไรไหม ?? มีปัญหาจะให้ช่วยอะไรก็บอก เราเป็นเพื่อนเก่ากันมากว่า 180 ปีแล้ว
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Chalee Na Roied



กระแสข่าวเรื่องเครื่องบิน สายการบินเยอรัมนวิงส์ตก และตอนนี้นักบินผู้ช่วยกำลังตกเป็นแพะ จงใจบังคับเครื่องบินโหม่งโลก เพราะล็อคห้องนักบิน ที่สื่อต่างๆกำลังประโคมข่าว โน้มน้าวสาธารณะชนเชื่อเช่นนั้น ทั้งนี้เพื่อปกปิดความจริงบางอย่าง ที่เรียกว่า "cover-up" เป็นงานถนัดของ ทีมสอบสวนแม้กระทั่ง เอฟบีไอ นะครับ
เอาเป็นว่าก่อนหน้านั้น ที่มีกระแสข่าวเรื่อง สายการบินดังกล่าว ประสบอุบัติเหตุ เพราะการทดลองเทคโนโลยีบางอย่าง คือ เลเซอร์(HELLADS)ที่ติดกับเครื่องบิน B-1 ที่ทางแหล่งข่าวของ รัสเซียได้รายงานออกมาช่วงแรกนั้น ผมก็ได้อ่านแล้วนะครับ แต่ยังไม่ค่อย"ปักใจ"เชื่อซะทีเดียว ก็เลยยังไม่นำมาลง
แต่ต่อมาเมื่อสังเกตสื่อตะวันตก ที่พยายามสร้างเรื่องและพุ่งเป้าไปยัง นักบินผู้ช่วยตลอดจนนำเสนอ ข้อมูลต่างๆ เพื่อโน้มน้าวให้สาธารณะชนเชื่อเช่นนั้น ผมก็เริ่มผิดสังเกต ยิ่งภายหลังต่อมา บารัค โอบามา ไม่ยอมพบปะกับ เลขาธิการกองกำลังนาโต และเริ่มรับไม่ได้กับ วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรป และน่าจะไม่พอใจ เป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะดูว่าเหมือนเป็นความผิดพลาดอย่างชัดเจน จนนำมาซึ่งความสูญเสียดังกล่าว ทำให้ทั้งกองกำลังนาโต และผู้นำในยุโรปต้องมาสร้างเรื่อง เบี่ยงประเด็นดังที่เป็นข่าวในหน้าสื่อหลักๆ http://www.bloombergview.com/…/obama-snubs-nato-chief-as-cr…
ตอนนี้การเมืองภายในสหรัฐเอง ก็เกิดความแตกแยก ทางบารัค โอบามา ไม่สามารถต้านทานอิทธิพล ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลสหรัฐ และนักการเมืองฝ่ายรีพับลิกัน และนีโอคอนเซอร์เวทีฟได้ ซึ่งนักการเมืองกลุ่มนี้ หนุนหลังกองกำลังนาโต และต้องการสงครามเพื่อรักษาความมั่งคั่งของตนเอง ซึ่งทำให้พันธมิตรของสหรัฐ ในยุโรปแม้แต่ เยอรมันนี้เองเริ่มเบื่อหน่าย รัฐบาลสหรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ http://www.zerohedge.com/…/whos-isolated-now-germany-warns-…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับสายการบินเยอรมันวิงส์ เมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิค ที่ทางหน่วยข่าวรัสเซียออกมารายงานแล้ว อย่าลืมนะครับว่าเครื่องบินรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นของ แอร์บัสหรือโบอิ้ง จะเป็นระบบ"fly by wire" ใช้คอมพิวเตอร์ในการควบคุมการบิน ซึ่งเมื่อนักบินใช้คันบังคับ(flight control) เพื่อควบคุมการบิน คันบังจะส่งสัญญาณ ไปยังอุปกรณ์ควบคุมการบินอื่นๆ เช่น elevator stabilizer aileron ให้บริการ ปรับท่าทางการบิน ทั้งนี้เพื่อลดภาระกรรมทางการบินของนักบิน ซึ่งระบบดังกล่าวยังสามารถ ป้องกันการใช้คันบังคับ ที่เกินกว่าสมรรถนะของเครื่อง และในท่าทางที่เป็นอันตรายในการบิน และนอกจากนี้ยังออกแบบให้สามารถ ควบคุมเครื่องบินได้ในผ่านสัญญาณวิทยุ ในกรณีเครื่องบินถูกจี้หรือจารกรรม ด้วยผู้ก่อการร้ายนั่นเอง Request Rejected
และนอกจากนี้ทางหน่วยข่าวรัสเซีย ยังรายงานเพิ่มเติมว่า สายการบินลุฟท์ฮันซา และศูนย์ควบคุมการบินลุฟท์ฮันซาในแฟรงเฟริต มีการมอนิเตอร์และเครื่องบินของสายการบิน ทั้งบนพื้นและบนอากาศ ผ่านสัญญาณวิทยุ ดาวเทียมต่างๆทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อติดตามและมอนิเตอร์ การทำงานของเครื่องยนต์ และข้อบกพร่องที่อาจนำไปสู่ความสูญเสีย ด้วยระบบติดต่อสื่อสารและรายงานตำแหน่งของเครื่อง หรือที่เรียกว่า "ACARS (Aircraft Communications Addressing and Reporting System"นั่นเอง Locations: Frankfurt - Lufthansa Technik AG
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ขณะเกิดเหตุ ถ้าเป็นการจงใจขับเครื่องบินพุ่งชน ของผู้ช่วยนักบิน ซึ่งเป็นการละเมิด กฎการบินและขอบเขต ของความปลอดภัยในการบินอย่างชัดเจน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ทางสายการบินจึงไม่ทำการใดๆ เพื่อยับยั้งเหตุการณ์ดังกล่าว หรือแม้กระทั่งควบคุมการบินในระยะไกล และความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ ชัดเจนว่าเครื่องบินลำดังกล่าว น่าจะระเบิดบนอากาศ มากกว่าการพุ่งชนภูเขานั่นเอง http://www.eutimes.net/…/obama-rages-over-germanwings-plan…/
เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่ปรากฎในหน้าสื่อหลักๆนั้น "ไม่น่า" จะเป็นข้อเท็จจริง แต่เป็นความพยายามสร้างข่าว เพื่อเบี่ยงเบนและปกปิดข้อเท็จจริง ไม่ให้พลเมืองขาวยุโรปและ คนทั้งโลกรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
และบางทีกระแสข่าวก่อนหน้านั้น ที่ว่าเกิดจากความผิดพลาดของ การซ้อมรบของกองกำลังนาโต และการทดสอบเลเซอร์ยิงทำลายขีปนาวูธของรัสเซีย "อาจจะ"เป็นความจริง ตามที่แหล่งข่าวของรัสเซียยืนยัน เพราะนอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับ สายการบินเยอรมันวิงส์แล้ว การทดสอบอาวุธดังกล่าว เพื่อตอบการทดสอบขีปนาวุธของโต้รัสเซีย โดยการยิงขีปนาวุธของสหรัฐล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ที่ผ่านมา ก็ส่งผลให้กรุงอัมสเตอร์ดัมส์ ของฮอลแลนด์เกิดไฟฟ้าดับทั้งเมือง มีผลกระทบต่อโรงพยาบาลหลายแห่ง การคมนาคม และสายการบินต้องยกเลิกหลายเที่ยวบินนั่นเอง http://www.eutimes.net/…/us-laser-test-that-destroyed-germ…/

 

แฉ..ความลับ



วันที่ 25 มี.ค.58 แฉ..เงาทมึนมือที่มองไม่เห็น เครื่องบิน Airbus ของเยอรมันตกที่ฝรั่งเศส

กรณีเครื่องบิน Airbus A320 สายการบินเยอรมันวิงส์ สายการบินโลว์ คอสต์ ในเครือบริษัทสายการบินลุฟต์ฮันซา ของเยอรมนี ตกโหม่งโลกในพื้นที่ห่างไกลของเทือกเขาแอลป์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส จนมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดตาย 150 คน ประกอบด้วย
- ชาวเยอรมัน 72 คน ( ในจำนวนผู้เสียชีวิต มีนักเรียนชาวเยอรมนี 16 คน และครูอีก 2 คน )
- ชาวสเปน 51 คน
- ชาวเบลเยียม 1 คน
- ชาวออสเตรเลีย 2 คน
- มีชาวต่างชาติอื่นๆ อีก 18 ชาติบนเที่ยวบินนี้ มีเรื่องแปลกๆ คือ

1. กัปตัน มีชั่วโมงบิน 10,000 ชั่วโมง และทำงานมา นานถึง 10 ปี ส่วนนักบินผู้ช่วยมีอายุเพียง 28 ปี พึ่งจะเข้าทำงาน และมีชั่วโมงบินเพียง 630 กว่าชั่วโมง นักบินทั้งสองสนทนากันตามปกติเป็นภาษาเยอรมัน ระหว่างนำเที่ยวบิน 4U9525 ออกเดินทางจากเมืองบาร์เซโลนาในสเปน จุดหมายปลายทางที่เมืองดุสเซลดอร์ฟ ในเยอรมนี

2. กับตันได้ขอให้นักบินผู้ช่วย นายอันเดรส ลูบิทซ์ ชาวเยอรมัน ช่วยควบคุมเครื่องในขณะที่ตนไปเข้าห้องน้ำ แต่นักบินผู้ช่วย กลับล็อคประตูไม่ยอมให้กัปตัน เข้าไปในห้องควบคุม หลังจากที่กัปตันสั่งให้นักบินผู้ช่วยเปิดประตู “นักบินที่อยู่นอกห้องเคาะประตูเบาๆ แต่ไม่มีเสียงตอบ...เขาเริ่มทุบประตูแรงขึ้น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบอีก...และเขาพยายามจะพังประตูเข้าไปให้ได้” และทุบประตู แต่นักบินผู้ช่วยปฏิเสธที่จะเปิดให้ หลายคนพยายามพังประตูเข้าไป แต่ทำไม่ได้

3. นักบินผู้ช่วยจงใจปรับการควบคุม เพื่อเร่งให้เครื่องบินดำดิ่งลงมา 8 นาทีระทึก เครื่องบินตกวูบจากระดับ 38,000 ฟุต และหายไปจากจอเรดาร์ ขณะอยู่ที่ความสูงประมาณ 6,000 ฟุต ก่อนจะตกบริเวณหุบเขา ของเทือกเขาแอลป์ จนปะทะกับไหล่เขา ในพื้นที่ซึ่งมีรีสอร์ตสกีดังๆ หลายแห่ง ของฝรั่งเศส โดยที่เขามีสติรู้ตัว จนกระทั่งถึงขณะที่เกิดการชนปะทะ โดยที่นักบินไม่ได้โทรฉุกเฉินแจ้งเหตุร้ายมายังหอควบคุมการบินแต่อย่างใด

บทสนนทนาที่ได้จากกล่องดำ เริ่มต้นเมื่อกัปตันประกาศขออภัยผู้โดยสาร ที่เครื่องบินออกเดินทางล่าช้าไป 26 นาที พร้อมกล่าวว่าจะเดินทางไปให้ถึงเมืองดัสเซลล์ดอร์ฟ จุดหมายปลายทาง ให้ทันเวลา อีก 20 นาทีต่อมา นายลูบิตซ์ คุยกับกัปตันในห้องนักบินว่า จะไปเข้าห้องน้ำตอนไหนก็ได้ และตนจะทำหน้าที่ดูแลแทนเอง เพราะกัปตันยังไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยตั้งแต่ที่บาร์เซโลนา

-10.27 น. เครื่องบินแตะความสูงที่ระดับ 38,000 ฟีต กัปตันกำชับผู้ช่วยนักบินเตรียมตัวลงจอดที่ดุสเซลดอร์ฟ มีการเช็กความพร้อมเพื่อนำเครื่องลงครู่หนึ่ง ก่อนที่ลูบิตซ์จะตอบว่า "คุณไปได้เลย" หลังจากนั้นอีก 2 นาที กัปตันเอ่ยว่า "คุณดูแลแทน" ตามมาด้วยเสียงเก้าอี้ และเสียงประตู

-10.29 น. เรดาห์ติดตามเครื่องบินพบว่าเครื่องกำลังลดระดับลง

-10.30 น. เครื่องลดระดับลง 316 ฟีต และลงอีก 1,800 ฟีต ในนาทีต่อมา

-10.32 น. หอบังคับการบินพยายามติดต่อเที่ยวบินดังกล่าว แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ในขณะเดียวกันเสียงสัญญาณเตือนแจ้งเครื่องบินกำลังลดระดับได้ดังขึ้นในห้องโดยสาร และหลังจากนั้นเพียงอึดใจ ก็มีเสียงโครมที่ประตู พร้อมเสียงกับตันตะโกนให้เปิดประตูเดี๋ยวนี้ และได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้โดยสาร

-10.35 น. เสียงโลหะน้ำหนักมากกระทบกับประตูอย่างรุนแรง เครื่องบินลดระดับลงอยู่ที่ 7,000 ฟีต หลังจากนั้นอีก 1.30 นาที มีเสียงสัญญาณเตือน กำลังแตะพื้น ให้เชิดหัวขึ้น และเสียงตะโกนของกัปตันดังขึ้นอีก บอกให้เปิดประตูทันที

-10.38 น. เครื่องบินลดระดับฮวบลงสู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาแอลป์ ไม่มีเสียงใด ๆ ออกมาจากห้องนักบิน นอกจากเสียงลมหายใจของลูบิตซ์

-10.40 น. ปีกด้านขวาของเครื่องบินกระแทกเทือกเขาอย่างรุนแรง ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตระหนกสุดขีดจากผู้โดยสาร

4. พบกล่องดำของเครื่อง A320 เพียงกล่องเดียวเท่านั้น สภาพภายนอกของกล่องดำได้รับความเสียหาย แต่สามารถนำข้อมูลที่อยู่ภายในออกมาวิเคราะห์ได้ ข้อมูลที่แปรผลได้จากกล่องดำ พบว่าเสียงหายใจของนักบินผู้ช่วยเป็นปรกติ ไม่มีคำพูดใดๆ ผู้โดยสารกรีดร้องก่อนที่เครื่องบินจะตก

5. กล่องดำที่สองนั้น ตอนนี้ยังหาไม่พบ พบแต่ชิปบันทึกข้อมูลบางส่วนของกล่องที่สอง กระเด็นออกมาภายนอกในบริเวณที่เครื่องบินตกเท่านั้น

6. ก่อนที่เครื่องบิน A320 จะตกหนึ่งวัน มีการซ่อมแซมเครื่องบินลำนี้บางส่วน ช่วงประตูเชื่อมโยงไปยังจมูกล้อ ซึ่งประตู จะทำให้เกิดเสียงดังในเวลาเครื่องขึ้น-ลง จึงมีการซ่อมแซมจุดดังกล่าว แต่พอซ่อมเสร็จ เครื่องบินตกเลย ??

7. ฝ่ายควบคุมฯ ภาคพื้นดินไม่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเครื่องบิน ก่อนเกิดอุบัติเหตุ มีเพียงเสียงสัญญาณถึงความพยายามติดต่อเครื่องบินอยู่หลายครั้ง จากภาคพื้นดิน มีเสียงสัญญาณเตือนว่าเครื่องบินลดระดับลงใกล้ถึงพื้น ก่อนที่มันจะตกกระแทกกับหุบเขาชัน

8. ลูกเรือของสายการบินเยอรมันวิงส์ ปฏิเสธที่จะขึ้นเครื่องเป็นจำนวนมาก เพราะพวกเขากลัวและจิตตก ส่งผลให้มีการยกเลิกเที่ยวบินถึง 30 เที่ยวบิน

9. มีผู้จงใจปล่อยข่าวลือว่า ผู้ช่วยนักบินป่วยเป็นโรคจิต แต่ทางโรงพยาบาลที่นักบินไปพบแพทย์ และทางสายการบิน ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงใดๆ ทั้งสิ้น

นี้คือข้อมูลที่ฝ่ายโลกตะวันตก พยายามปั้นให้ผู้ช่วยนักบินเป็นแพะรับบาปแต่เพียงผู้เดียวจากการตกของสายการบินครั้งนี้

------------------------------>
ข้อมูลอีกด้าน ที่ฝ่ายโลกตะวันตกไม่กล้าพูด คือ จากการข่าวของรัสเซียรายงานว่า การตกครั้งนี้ เป็นความจงใจจะให้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตก และมีความพยายามในการฆาตกรรมที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า เพราะมีรายงานลับมาว่า กองทัพอากาศของอเมริกา ทำการทดสอบระบบการป้องกัน เลเซอร์พลังงานสูง (High Energy Liquid Laser Area Defense System : HELLADS)

ส่งผลให้เกิดความผิดปกติไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง ในชั้นบรรยากาศเหนือภาคใต้ของฝรั่งเศส, อิตาลีและตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ของสวืสเซอร์แลนด์ โดยจำลองการโจมตีหัวรบนิวเคลียร์ และตั้งใจทดสอบขีปนาวุธของสหรัฐกับยานพาหนะ โดยใช้ขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ยิงจากกองทัพอากาศสหรัฐ ในยุโรป แล้วใช้เลเซอร์พลังงานสูงเพื่อทำลาย แต่มันกลับพลาดย้อนไปทำลายสายการบินพลเรือน และอาจทำให้นักบินผู้ช่วยหมดสติกระทันหัน แต่ยังหายใจอยู่

ความจริงบางทีมันเจ็บปวดที่จะบอกชาวโลก ตราบใดที่มือที่มองไม่เห็นไม่ยอมบอกความจริง มันก็จะมืดมนต่อไปเหมือนสายการบินมาเลย์เซียแอร์ไลน์ 2 ลำ และแอร์เอเซีย 1 ลำ ก่อนหน้านี้

@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/topsecretthai