ติดตามสถานะการณ์

Thanong Fanclub



4. เปิดฉากสงครามเยเมน
ใครเป็นใครในสงครามเยเมน สื่อ al-Arabiya TV รายงานว่าซาอุดิฯนำกองทัพทหารพันธมิตร150,000นาย พร้อมทั้งเครื่องบินรบ100ลำเพื่อถล่มพวกHouthiในเยเมน
ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้มีพันธมิตรคือEgypt, Jordan, Sudan และPakistanที่พร้อมช่วยรบทางภาคพื้นดิน
Al-Arabiya รายงานว่าเครื่องบินรบถล่มเยเมนมาจาก Egypt, Morocco, Jordan,Sudan, Kuwait, the United Arab Emirates, Qatar และBahrain
สหรัฐฯคอยคุมเชิงการรบในเครื่องนี้ให้ซาอุดิฯและพันธมิตร ขายอาวุธอย่างเดียวก็รวยตายแล้ว
thanong
26/3/2015
Saudi Arabia, allies launch air strikes in Yemen against Houthi fighters

 

Thanong Fanclub



6. เปิดฉากสงครามเยเมน
ซาอุดิฯนำพันธมิตรชาติต่างๆในการถล่มพวกซีห์อะHouthiในเยเมนในปฏิบัติการทางทหารที่เรียกว่าDecisive Storm เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีHaidiของเยเมนได้อำนาจคืน และเพื่อสะกัดอำนาจของอิหร่าน
การแบ่งงานกันของพันธมิตรซาอุฯในปฏิบัติการทางหทารDecisive Stormเพื่อถล่มเยเมนมีดังนี้:
1. ซาอุดิฯเตรียมพร้อมทหาร150,000นายเพื่อลุยเยเมน เครื่องบินรบ100ลำ และเรือรบ
2. คูเวตส่งเครื่องบินรบ15ลำเข้าร่วม
3. จอร์แดนส่งเครื่องบินรบ6ลำเข้าร่วม
4. บาห์เรนส่งเครื่องบินรบ15ลำเข้าร่วม
5. กาต้าร์ส่งเครื่องบินรบ10ลำเข้าร่วม
6. ยูเออีส่งเครื่องบินรบ30ลำเข้าร่วม
7. ปากีสถานส่งเรือรบเข้าร่วม พร้อมให้การสนับสนุนทางการโจมตีทางอากาศ
8. ซูดานส่งเครื่องบินรบ3ลำเข้าร่วม
9. มอรอคโคส่งเครื่องบินรบ6ลำเข้าร่วม
10. อิยิปต์ให้การช่วยเหลือทางเรือรบและการโจมตีทางอากาศ
ส่วนสหรัฐฯให้ความช่วยเหลือทางลอจิสติก์และการสอดแนมแก่พันธมิตรซาอุดิฯ หมายความว่าซาอุดิฯเกรงกลัวอิทธิพลของอิหร่านที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค
thanong
26/3/2015
http://www.zerohedge.com/…/middle-east-proxy-war-presenting…

 

Thanong Fanclub



7. เปิดฉากสงครามเยเมน
อิหร่านและรัสเซียได้ร่วมกันเรียกร้องให้ซาอุดิฯหยุดปฏิบัติการโจมตีเยเมนทางอากาศ ในขณะที่ผู้สนับสนุนพวกHouthiที่ได้ยึดประเทศจากประธานาธิบดีHadiได้ประท้่วงซาอุดิฯและพันธมิตรที่ร่วมก่อสงครามทั่วประเทศ
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียและประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี่ของอิหร่านได้มีการปรึกษาหารือกันในวิกฤติเยเมนและทั้งคู่ได้เรียกร้อยให้หาลู่ทางสันติในการแก้ปัญหา
รมวต่างประเทศของเยเมน นายMohammad Javad Zarifกล่าวว่าการโจมตีเยเมนยิ่งจะทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค ซึ่งตกอยู่ใต้อิทธิพลของHouthiหลังจากเกิดเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในเยเมน
เขาเรียกร้องให้พันธมิตรซาอุดิฯหยุดการโจมตีเยมเนอย่างทันที
แต่ทางยูเออีแสดงความกังวลถึงอิทธิพลของอิหร่านที่เพิ่มขึ้นในเยเมน
Anwar Mohammed Gargash รมวต่างประเทศของยูเออีเขียนในทวิทเตอร์ว่าการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคให้ประโยชน์แก่อิหร่านและเราไม่สามารถจะนิ่งเงียบได้เพราะว่าพวกHouthisโบกป้ายของอิหร่าน
ฝ่ายเอซบอเลาห์ของเลบานอนออกมาพูดว่าการโจมตีของซาอุดิฯเป็นการรุกรานเยเมนที่ไม่เป็นธรรม กลุ่มซีห์อะนี้เรียกร้องให้ซาอุดิฯหยุดการโจมตีเยเมนอย่างทันที
thanong
27/3/2015
http://rt.com/news/244373-iran-yemen-saudi-airstrikes/…

 

Thanong Fanclub



8. เปิดฉากสงครามเยเมน
ราคาน้ำมันพุ่งกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) นับเป็นการขยับขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบเดือน จากความกังวลว่าสถานการณ์ในเยเมนจะลุกลามบายปลายไปทั่วตะวันออกกลางซึ่งอาจกระทบต่ออุปทานโลก เหตุการณ์นี้ผลักให้นักลงทุนเทขายหุ้น ฉุดให้วอลล์สตรีทร่วงหนักและหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างทองคำแทน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ซาอุดีอาระเบีย ชาติผู้ผลิตน้ำมั้นยักษ์ใหญ่ เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกบฏฮูตี เพื่อช่วยเหลือพันธมิตรอย่างประธานาธิบดีอาเบด-แรบโบ มานซูร์ ฮาดีของเยเมนตั้งแต่ในวันพุธ(25มี.ค.) และแม้มันไม่กระทบต่อโครงกลั่นน้ำมัน แต่มีความกังวลว่าความขัดแย้งนี้อาจลุกลามบานปลายและก่อปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
ความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และดันให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) ปิดบวกพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.80 ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(26มี.ค.) ขยับลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน จากความวิตกต่อวิกฤตในเยเมนและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆนี้
ดาวโจนส์ ลดลง 40.31 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,678.23 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.90 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,056.15 จุด แนสแดค ลดลง 13.16 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,863.36 จุด
ความเคลื่อนไหวในวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยนักลงทุนจับตาสถานการณ์ความรุนแรงในเยเมนอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เป็นเหตุให้หลายบริษัทในวอลล์สตรีทปรับลดประมาณการณ์ผลประกอบการปีนี้ลง
27/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035465

 

Thanong Fanclub



9. เปิดฉากสงครามเยเมน
เผยประธานาธิบดีอาเบด-แรบโบ มานซูร์ ฮาดี เดินทางภายใต้การอารักขาของซาอุดีอาระเบีย ถึงกรุงริยาดในวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) และจะเข้าร่วมประชุมซัมมิทอาหรับในอีปยิต์ ที่ซาอุดีอาระเบียเป็นโต้โผเรียกร้องใช้ทหารตอบโต้กบฏฮูตี ที่กำลังคุกคามการปกครองของเขา ขณะที่ผลหารือชั้นต้นของเหล่าคณะรัฐมนตรีต่างประเทศ เห็นพ้องร่างมติจัดตั้งกองกำลังอาหรับร่วมเข้าแทรกแซงวิกฤตเยเมน
สำนักข่าวซาอุดิเพรสรายงานว่าเจ้าชายโมฮัมเมด บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลปฏิบัติการทางทหารต่อต้านพวกชีอะห์ฮูตี ที่มีหลายสิบประเทศเข้าร่วม เดินทางมาให้การต้อนรับประธานาธิบดีฮาดี อย่างอบอุ่นที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่ง
ไม่มีใครทราบว่าประธานาธิบดีฮาดีอยู่ที่ไหน นับตั้งแต่กบฏฮูตีและพันธมิตรบุกประชิดเมืองเอเดน เมืองใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งเขาปักหลักหลบภัยอยู่นับแต่ที่สามารถหลบหนีออกจากเมืองหลวงซานา ซึ่งพวกกบฎควบคุมเอาไว้ ในเดือนที่แล้ว ขณะที่ริยาด ยัสซิน รักษาการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศเยเมนบอกกับผู้สื่อข่าวในไคโร ว่านายฮาดี จะเข้าร่วมประชุมซัมมิทอาหรับ 2 วันในอียิปต์ ที่จะเริ่มขึ้นในวันเสาร์(28มี.ค.)นี้
การปรากฎตัวของฮาดี มีขึ้นพร้อมๆกับที่เหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศอาหรับเห็นพ้องกัน ณ ที่ประชุมในอียิปต์เมื่อวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) ต่อร่างมติจัดตั้งกองกำลังร่วมอาหรับ "รัฐมนตรีอาหรับเห็นชอบรับเอาหลักการสำคัญ สำหรับจัดตั้งกองกำลังอาหรับร่วม" นายนาบิล อัล-อราบี เลขาธิการสันนิบาตอาหรับบอกกับผู้สื่อข่าว หลังการประชุมที่ชาร์ม เอล-ชีค
สถานีโทรทัศน์ของอียิปต์รายงานเพิ่มเติมว่าภารกิจของกองกำลังนี้จะเป็นการเข้าแทรกแซงทางทหารอย่างฉับพลันเพื่อจัดการกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อเหล่าประเทศอาหรับ โดยที่ทางเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศ ร้องขอเลขาธิการสันนิบาตอาหรับประสานงานกับบรรดาเสนาธิการทหารของชาติอาหรับภายใน 1 เดือน เพื่อก่อตั้งกองกำลังร่วมขึ้น
ทั้งนี้ร่างมติดังกล่าวจะถูกนำไปกล่าวอ้างในที่ประชุมระดับผู้นำอาหรับในอียิปต์ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28 ถึง 29 มีนาคมนี้
ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากฝูงบินรบของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรอาหรับ ปฏิบัติการทางอากาศถล่มกบฏมุสลิมชีอะห์ที่กำลังต่อสู้เพื่อโค่นล้มประธานธิบดีเยเมนในวันพฤหัสบดี(26มี.ค.) การเสี่ยงเดิมพันครั้งใหญ่ของชาติผู้ส่งออกน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกแห่งนี้ ที่จะเข้ากีดขวางอิทธิพลของอิหร่าน โดยไม่มีแรงสนับสนุนทางทหารโดยตรงจากสหรัฐฯ
วิกฤต “เยเมน” กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิของสงครามตัวแทนระหว่างฝ่ายสุหนี่ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย กับฝ่ายชีอะห์ซึ่งมีอิหร่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เมื่อทางการริยาดนำชาติอาหรับ เปิดฉากถล่มทางอากาศต่อกบฏฮูตีที่เป็นชาวชีอะห์ในเยเมนตั้งแต่วันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) พร้อมประกาศทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องรัฐบาลของประธานาธิบดี ฮาดี ขณะที่อิหร่านซึ่งหนุนหลังกลุ่มฮูตี ก็ออกมาตอบโต้ด้วยคำเตือนว่า ความเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบียเช่นนี้เป็น “จังหวะก้าวอันตราย”
ส่วนนายอับดุลมาลิค อัล-ฮูตี แกนนำกบฏประณามการแทรกแซงของริยาดว่าปราศจากความชอบธรรม "การรุกรานกดขี่อาชญากรนี้ไม่มีความชอบธรรมโดยสิ้นเชิง" พร้อมกล่าวหาซาอุดีอาระเบีย ว่าเป็น "เพื่อนบ้านปีศาจ" และเรียกร้องเหล่าผู้สนับสนุนเผชิญหน้าการแทรกแซงของริยาด
27/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035454

 

Thanong Fanclub



10. เปิดฉากสงครามเยเมน
วิตก “เยเมน” กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิของสงครามตัวแทนระหว่างฝ่ายสุหนี่ที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย กับฝ่ายชีอะห์ซึ่งมีอิหร่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง เมื่อทางการริยาดนำชาติอาหรับ เปิดฉากถล่มทางอากาศต่อกบฏฮูตีที่เป็นชาวชีอะห์ในเยเมนตั้งแต่วันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) พร้อมประกาศทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องรัฐบาลของประธานาธิบดีอาเบดแรบโบ มานซูร์ ฮาดี ขณะที่อิหร่านซึ่งหนุนหลังกลุ่มฮูตี ก็ออกมาตอบโต้ด้วยคำเตือนว่า ความเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบียเช่นนี้เป็น “จังหวะก้าวอันตราย” สถานการณ์ล่าสุดนี้ยังปั่นราคาน้ำมันในตลาดโลกให้พุ่งพรวด
ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา กลุ่มกบฏฮูตี พร้อมกับกำลังพันธมิตรภายในกองทัพเยเมน ได้เคลื่อนทัพเข้าประชิดเมืองเอเดน เมืองใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีฮาดี ปักหลักหลบภัยอยู่นับแต่ที่เขาสามารถหลบหนีออกจากเมืองหลวงซานา ซึ่งพวกกบฎควบคุมเอาไว้ ในเดือนที่แล้ว
การรุกคืบเช่นนี้ก่อให้เกิดความหวาดวิตกในซาอุดีอาระเบียว่า พวกกบฎชีอะห์ ที่เป็นชนกลุ่มน้อยในเยเมน อาจสามารถยึดครองตลอดทั่วประเทศเพื่อนบ้านของตนซึ่งประชากรส่วนข้างมากเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่แห่งนี้ และเปลี่ยนให้เยเมนตกไปอยู่ในวงโครจรของอิหร่านซึ่งเป็นชีอะห์
อาเดล อัล-ญูเบร์ เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ แถลงข่าวจากกรุงวอชิงตันในคืนวันพุธ (25) เกี่ยวกับการปฏิบัติการของริยาดและชาติพันธมิตร ซึ่งใช้ชื่อว่า “ยุทธการพายุแห่งความเด็ดเดี่ยว” (Operation Storm of Resolve) คราวนี้ หลังการโจมตีทางอากาศระลอกแรกซึ่งตามเวลาในเยเมนจะเข้าสู่วันพฤหัสบดี (26) แล้ว ดำเนินไปราวครึ่งชั่วโมง
อัล-ญูเบร์เผยว่า พันธมิตรกว่า 10 ชาติ ซึ่งรวมถึง 5 ชาติที่ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ในอ่าวเปอร์เซีย ได้แก่ กาตาร์ คูเวต บาห์เรน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) รวมตัวกันเพื่อปกป้องรัฐบาลอันชอบธรรมของเยเมน และป้องกันไม่ให้นักรบกลุ่มฮูตี เข้ายึดเยเมน ตามการร้องขอของฮาดี
เอกอัครราชทูตซาอุดีฯ เสริมว่า ขณะนี้ ปฏิบัติการยังจำกัดเพียงการโจมตีทางอากาศ แต่กำลังมีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรทางทหารอื่นๆ อยู่ และทางกลุ่มพันธมิตร “จะทำอะไรก็ตามที่จำเป็นต้องทำ”
ในเวลาต่อมา ที่ปรึกษาของซาอุดีฯรายหนึ่งเปิดเผยว่า กองทัพอากาศของซาอุดีอาระเบียสามารถทำลายการป้องกันทางอากาศของฝ่ายฮูตี รวมทั้งทำลายเครื่องบินขับไล่ของฝ่ายนั้นได้จำนวนหนึ่ง และอยู่ในฐานะควบคุมน่านฟ้าของเยเมนได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ดังนั้นจากนี้ไปก็จะรวมศูนย์ไปที่การสร้างเขตห้ามบินอันกว้างขวางขึ้นมา
สอดคล้องกับการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหารที่ระบุว่า การโจมตีของกลุ่มพันธมิตรสามารถทำลายที่มั่นหลายแห่งของกบฏฮูตีในกรุงซานา ซึ่งรวมถึงฐานทัพอากาศเดย์ลามีและท่าอากาศยานนานาชาติซึ่งอยู่ติดๆ กัน ทางตอนเหนือของซานา ตลอดจนอาคารทำเนียบประธานาธิบดีที่ถูกกบฏเข้ายึดตั้งแต่เดือนมกราคม
ทางด้านฮูตีออกแถลงการณ์ว่า เครื่องบินซาอุดีฯ โจมตีฐานทัพเดย์ลามี และถูกตอบโต้ด้วยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน พร้อมเตือนว่า ปฏิบัติการของริยาดอาจทำให้สงครามลุกลามในวงกว้าง ขณะที่สถานีทีวีอัล-มาชิราห์ของกลุ่มกบฏรายงานว่า การโจมตีของซาอุดีฯ สร้างความเสียหายต่อบริเวณที่อยู่อาศัยทางเหนือของซานา และทำให้พลเมืองล้มตายนับสิบ รวมทั้งเรียกร้องให้แพทย์พยาบาลไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลในซานาทันที
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้งในกรุงซานา ขณะที่มีเครื่องบินรบเข้าโจมตีฐานทัพอากาศเดย์ลามี ตลอดจนที่มั่นอื่นๆ เอเอฟพีอ้างแหล่งข่าวหน่วยงานป้องกันฝ่ายพลเรือนผู้หนึ่งระบุว่า มีพลเรือนอย่างน้อย 14 คนเสียชีวิตเมื่อบ้านเรือน 7 หลังซึ่งอยู่ใกล้ๆ ฐานทัพาอากาศ ถูกทำลายราบ
ขณะที่สถานีโทรทัศน์อัล-อราบิยะ ของซาอุดีฯ รายงานว่า ซาอุดีอาระเบียได้ใช้เครื่องบินรบ 100 ลำเข้าร่วมยุทธการคราวนี้ ขณะที่ยูเออีให้สัญญาที่จะส่งเครื่องบินมาเข้าร่วม 30 ลำ, บาห์เรนและคูเวตรายละ 15 ลำ, และกาตาร์ 10 ลำ
สถานีทีวีแห่งนี้รายงานด้วยว่า ซาอุดีอาระเบียได้ระดมทหาร 150,000คน เข้ามาอยู่บริเวณใกล้ชายแดนติดต่อกับเยเมน และเวลานี้เที่ยวบินพลเรือนทั้งหมดถูกสั่งระงับไม่ให้ใช้ท่าอากาศยานซาอุดีฯ 7 แห่งในพื้นที่แถบชายแดนนี้แล้ว
ทางด้านสำนักข่าวซาอุดีเพรสของทางการระบุว่า อียิปต์, ปากีสถาน, จอร์แดน, โมร็อกโก, และซูดาน “ได้แสดงความปรารถนาที่จะเข้าร่วมยุทธการด้วย”
ขณะที่ อียิปต์, จอร์แดน, และซูดาน ยืนยันว่ากำลังเข้าร่วมการปฏิบัติการคราวนี้จริง โดยที่มีเรือรบอียิปต์จำนวน 4 ลำแผ่นผ่านคลองสุเอซในวันพฤหัสบดี ตามเส้นทางมุ่งสู่อ่าวเอเดน ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของพวกเจ้าหน้าที่ประจำคลองลัดแห่งนั้น
ไม่เพียงเท่านั้น อียิปต์แถลงยืนยันว่า เตรียมส่งกำลังทางอากาศและทางทะเล รวมทั้งภาคพื้นดินหากจำเป็น เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีในเยเมน
แต่สำหรับปากีสถานแถลงว่า ได้รับคำขอจากซาอุดีฯให้เข้าร่วมด้วย แต่ปากีสถานยังอยู่ระหว่าง “การตรวจสอบ”
ส่วนโมร็อกโกแสดงท่าทีสนับสนุน ทว่าไม่ได้ระบุถึงการให้กองทัพของตนเข้าร่วมเกี่ยวข้องใดๆ
สำหรับสหรัฐฯนั้น ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุญาตให้จัดส่งความช่วยเหลือด้านการส่งกำลังบำรุงและข่าวกรองให้แก่ปฏิบัติการที่นำโดยซาอุดีอาระเบียคราวนี้
ขณะที่ รัฐมนตรีต่างประเทศ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ ของอิหร่าน ได้ออกมาแถลงประณามการเข้าแทรกแซงที่นำโดยซาอุดีอาระเบียคราวนี้ โดยระบุว่ามีแต่จะนำไปสู่การสูญเสียชีวิตอย่างมหาศาลยิ่งขึ้นเท่านั้น
“การปฏิบัติการทางทหารจากภายนอกของเยเมน เป็นการล่วงละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนและประชาชนของเยเมน และจะไม่ก่อให้เกิดผลอื่นใดนอกจากการนองเลือดมากขึ้นและการมีผู้เสียชีวิตมากขึ้น” เขาบอกกับสถานีโทรทัศน์ช่อง อัล-อาลาม ของทางการอิหร่าน
การแทรกแซงที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ยังกำลังจุดชนวนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งขึ้น เนื่องจากเกิดความหวั่นกลัวว่า การสู้รบจะสร้างอุปสรรคต่อการนำซัปพลายออกสู่ตลาด โดยที่ราคาของน้ำมันดิบชนิด “เบรนท์” ตลาดลอนดอน และน้ำมันดิบ “ไลต์สวีตครูด” ของนิวยอร์ก ต่างขยับขึ้นไป 5-6% ในการซื้อขายทางตลาดเอเชียและทางยุโรปช่วงครึ่งวันแรกของวันพฤหัสบดี(26)
27/3/2015
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx…

 

Thanong Fanclub



12. เปิดฉากสงครามเยเมน
มีการขนส่งประมาณครึ่งหนึ่งของน้ำมันดิบโลกด้วยระบบแทงค์และการเดินเรือ วิกฤติเยเมนที่เกิดขึ้นจะกระทบราคาน้ำมัน เพราะว่าการขนส่งน้ำมันในทะเลแดงผ่านBab el-Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นจุดสำคัญ
เส้นทางการขนส่งน้ำมันในโลกนี้ผ่านจุดสำคัญ8จุดคือ
1. คลองปานามา อเมริกากลางที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิคและมหาสมุทรแอตแลนติก
2. ช่องแคบเดนมาร์กที่ทะเลเหนือ
3. ช่องแคบบอสพอรัสของตุรกีที่เชื่อมยุโรปและเอเซีย
4. คลองซูเอซของอิยิปต์เชื่อมเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแดงเพื่อออกมาทางมหาสมุทรอินเดีย
5. Bab el-Mandeb ของเยเมนในทะเลแดงที่เชื่อมกับอ่าวAdenและมหาสมุทรอินเดีย
6. ช่องแคบHormuzของอิหร่าน ในอ่าวเปอร์เซีย
7. แหลมGood Hopeในแอฟริกาใต้
8. ช่องแคบมะละกาของมาเลย์เซีย
เพราะฉะนั้นถ้าเหตุการณ์ในเยเมนไม่สงบ การขนส่งน้ำมันจะมีปัญหาและจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น
thanong
27/3/2015
http://www.zerohedge.com/news/2015-03-26/worlds-greatest-oil-chokepoints-and-why-yemen-matters

 

Thanong Fanclub



13. เปิดฉากสงครามเยเมน
การขนส่งน้ำมันผ่านBab el-Mandeb ของเยเมนในทะเลแดงมีปริมาณ3.4% ของโลกหรือ3.8ล้านบาเรลล์ต่อวัน ส่วนการขนส่งน้ำมันผ่านช่องแคบHormuz ของอิหร่านมีปริมาณ17%ของโลก
คิดดู ว่าถ้าอิหร่านคุมเยเมนได้ เท่ากับว่าต่อไปอิหร่านจะคุมเส้นทางการขนส่งน้ำมันจากแหล่งที่ผลิตไปยังประเทศผู้นำเข้าน้ำมันถึง20%ของโลก
อิหร่านจะมหาอำนาจย่อยๆเลย
thanong
27/3/2017

 

Thanong Fanclub



14. เปิดฉากสงครามเยเมน
ภาพการ์ตูนล้อเลียนโอบามาและผู้นำอิหร่านรูฮานี่
รูฮานี่่: อเมริกาต้องตาย
โอบามา: คนอื่นไม่เข้าใจคุณดีเหมือนผมหรอก
การ์ตูนนี้แฝงความหมายลึกจริงๆ
thanong
27/3/2015

 

Thanong Fanclub



15. เปิดฉากสงครามเยเมน
สหรัฐฯวางยาเยเมนได้สุดยอดจริงๆ
คงจำกันได้ว่าในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์2015 โอบามาสั่งให้ปิดสถานทูตสหรัฐฯในกรุงSanaa เมืองหลวงของเยเมน และให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเดินทางออกจากประเทศทันที หลังจากการรุกคืบของกลุ่มกบฎHouthiสามารถยึดได้พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และประธานาธิบดีฮาดีเหลือแค่ตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจอะไร
สถานทูตของอังกฤษและฝรั่งเศสก็ปิดตัวลงในกรุงSanaaเหมือนกันกับสถานทูตสหรัฐฯ 3ประเทศนี้ชอบนัดกันเต้นแร้งเต้นกา
เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯทำเป็นหนีตาย ทิ้งอาวุธยุโธปกรณ์มูลค่า$500ล้านที่เคยสนับสนุนรัฐบาลเยเมน ตอนนี้อาวุธส่วนใหญ่อยู่ในมือพวกHouthi หรือไม่ก็พวกอัล เคด้า ที่สหรัฐฯถือว่าเป็นพวกก่อการร้าย (ดูภาพประกอบ)
พูดง่ายๆสหรัฐฯประเคนส่งอาวุธของตัวเองให้พวกHouthiและอัล เคด้าทางอ้อมนั่นเอง
แล้วทำไมสหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศสไม่ส่งทหารเข้าไปในเยเมน?
พวกกบฎHouthiที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านอย่างลับๆ คุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมนได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่สหรัฐฯและโลกตะวันตกทำเป็นไม่สนใจ ข่าวจากสำนักข่าวตะวันตกที่เสนอเรื่องเกี่ยวกับเยเมนก็เสนอแบบขอไปทีเหมือนกับว่าทิ้งเยเมนไปแล้ว
เพราะว่าช่วงนั้นสหรัฐฯต้องการโหมข่าวความร้ายกาจของพวกISIS ให้พวกISISมีการตัดคอ หรือเผาเชลยให้เพื่อเขย่าขวัญชาวโลก
วันดีคืนดี โอบามาก็ออกมาแถลงข่าวกลางสัปดาห์นี้ว่าสนับสนุนปฏิบัติการDecisive Stormของซาอุดิฯและพันธมิตรอาหรับ10ประเทศในการถล่มเยเมนเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตย
ทำไมปล่อยเรื่องราวให้ผ่านมาตั้งนาน เพราะว่าประธานาธิบดีไฮดีลาออกตั้งแต่วันที่22มกราคม และทำเนียบประธานาธิบดีโดนพวกHouthiโจมตี และเขาไม่สามารถรักษาความสงบของประเทศได้
สรุปได้ง่ายๆว่า สหรัฐฯต้องการให้พวกเราชาวโลกที่โง่เขลาหลงเกรงกลัวกับภัยของISISก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้สหรัฐฯและพันธมิตรไปถล่มซีเรียและกลับเข้าไปในอิรักอีกครั้งหนึ่ง เพื่อรอวันเผด็จศึกอิหร่านอีกทีเพื่อกเก็บตะวันออกกลางในกระเป๋าให้เรียบหมด
ถ้าให้เล่นข่าวเยเมนไปด้วย เดี๋ยวชาวโลกผู่้โง่เขลาจะสับสน
ไหนๆจะมีสงครามเลยต้องประเคนอาวุธของสหรัฐฯให้กับพวก Houthiและอังเคด้า เพื่อว่าจะได้รบกับพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุได้สมน้ำสมเนื้อกันหน่อย เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นหนักระหว่างทั้งสองฝ่ายจะได้ขายอาวุธเพิ่ม ยิ่งมีคนตายมาก หรือมีความเสียหายมาก ยิ่งจะขายอาวุธได้มาก อาหรับจะได้ฉิบหายกันหมด และสหรัฐฯจะได้มาทีหลังเพื่อเช็คบิลปิดเกมได้สะดวกมือ
thanong
27/3/2017
http://www.reuters.com/…/us-yemen-security-usa-idUSKBN0LF1S…
http://www.zerohedge.com/…/us-loses-500-million-weapons-giv…

 

ยืนยันแล้ว “นักบินที่ 2” จงใจนำเครื่อง “เยอรมันวิงส์” ชนภูเขาดับทั้ง 150 ชีวิต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 22:17 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 10:16 น.)



<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/fuCZLPvOn_c" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เอเจนซีส์ - ยืนยันเป็นทางการแล้วในวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) นักบินที่สองของเที่ยวบินมรณะ ซึ่งผู้อยู่บนเครื่องบินเสียชีวิตยกลำทั้ง 150 คน คือผู้ที่จงใจนำเครื่องบินโดยสารของสายการบิน “เยอรมันวิงส์” พุ่งชนเทือกเขาแอลป์ในเขตประเทศฝรั่งเศส หลังจากล็อกประตูกันไม่ให้กัปตันกลับเข้ามายังห้องนักบิน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สอบสวนของฝรั่งเศสบอกว่ายังไม่เชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการก่อการร้าย

บริซ โรแบง หัวหน้าอัยการสอบสวนคดีนี้ของฝรั่งเศส เล่าเรื่องราวนาทีท้ายๆ ของเที่ยวบิน 4U 9525 สายการบินเยอรมันวิงส์ ซึ่งปะติดปะต่อได้จาก “กล่องดำ” บันทึกเสียงในห้องนักบิน ให้ที่ประชุมสื่อมวลชนฟัง โดยสรุปว่า แอนเดรียส ลูบิตซ์ นักบินผู้ช่วยวัย 28 ปีซึ่งเป็นคนเยอรมัน เป็นผู้ที่ “จงใจ” นำเครื่องบินลำนี้ไปสู่จุดจบ ในขณะที่เขาควบคุมเครื่องอยู่ตามลำพังคนเดียว

ลูบิตซ์ ดูเหมือน “แสดงให้เห็นความปรารถนาที่ต้องการจะทำลาย” เครื่องบินลำนี้ โรแบง บอกกับผู้สื่อข่าว และกล่าวว่า ผู้โดยสารทั้ง 144 คนเสียชีวิต “ในทันที” และบางทีอาจจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่ง “นาทีท้ายๆ จริงๆ” ของเหตุการณ์หายนะคราวนี้

“มีเสียงกรีดร้องให้ได้ยินก็เมื่อถึงชั่วขณะท้ายๆ ก่อนที่จะเกิดการชนปะทะแล้ว” อัยการผู้นี้บอก

“นักบินผู้ช่วยผู้นี้ควบคุมเครื่องบินอยู่เพียงคนเดียว” เขาเล่า “เขา … ปฏิเสธไม่ยอมเปิดประตูห้องนักบินให้นักบินที่ 1 เข้ามา”

ทั้งนี้ ตามเสียงบันทึกของกล่องดำ นักบินที่ 1 ซึ่งเชื่อกันว่าคงจะออกไปเข้าห้องน้ำ ได้พยายามทุบประตูอย่างเกรี้ยวโกรธเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้นักบินที่ 2 เปิดประตูห้องนักบิน ทว่าไม่ประสบผล

เวลานี้ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ที่จะทำให้สาวไปถึงแรงจูงใจของนักบินที่ 2 ผู้นี้ ถึงแม้พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนดูจะตัดประเด็นเรื่องการก่อการร้ายออกไป

“ในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ เลยว่านี่คือพฤติการณ์การก่อการร้าย” โรแบง บอก พร้อมกับเสริมด้วยว่า ตามประวัติของลูบิตซ์ก็ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับผู้ก่อการร้าย

ทางด้านรัฐมนตรีมหาดไทยของเยอรมนีก็ดูจะสนับสนุนเรื่องนี้ โดยเขาแถลงว่า การสอบสวนที่ดำเนินมาจนถึงเวลานี้ ยังไม่พบเครื่องบ่งบอกอะไรเลยว่า เขามี “ภูมิหลังในเรื่องการก่อการร้าย”

---
@นักเรียนแสดงการไว้อาลัยที่บริเวณด้านหน้าของของโรงเรียนมัธยม โจเซฟ-โคนิก-ยิมเนเซียม ในเมือง ฮัลเทิร์น แอม ซี ทางภาคตะวันตกของเยอรมนี เมื่อวันพฤหัสบดี (26) ทั้งนี้มีนักเรียน 16 คนของโรงเรียนนี้อยู่บนเที่ยวบินมรณะของสายการบินเยอรมันวิงส์ ซึ่งชนปะทะเทือกเขาแอลป์ในเขตฝรั่งเศสเมื่อวันอังคาร (24)
---
อย่างไรก็ตาม โรแบงกล่าวว่า ตัวเขาเองจะไม่ขอใช้คำว่า “ฆ่าตัวตาย” และไม่สามารถคาดเดาแรงจูงใจของลูบิตซ์ ได้

“ปกติแล้วเมื่อคุณฆ่าตัวตาย คุณย่อมทำมันคนเดียว เมื่อคุณเป็นผู้รับผิดชอบ 150 ชีวิต ผมก็ไม่ขอเรียกว่ามันเป็นการฆ่าตัวตายหรอก” เขาแจกแจง

นักบินที่ 2 ผู้นี้ จงใจปรับการควบคุม “เพื่อเร่งให้เครื่องบินดำดิ่งลงมา” จนปะทะกับไหล่เขาของเทือกเขาแอลป์ ในพื้นที่ซึ่งมีมีรีสอร์ตสกีดังๆ หลายแห่ง โดยที่เขา “มีสติรู้ตัวจนกระทั่งถึงขณะที่เกิดการชนปะทะ” โรแบงบอก

“การกระทำนี้จะทำได้ก็ด้วยความจงใจเท่านั้น มันไม่สามารถที่จะเป็นการหมุนปุ่มด้วยความผิดพลาดได้เลย ถ้าคุณหมดสติหรือเอียงตัวทับไปบนปุ่ม มันก็จะหมุนไปเพียงแค่เสี้ยวเดียว และก็จะไม่เกิดอะไรขึ้นมา” เขากล่าวย้ำ

“เขายังไม่ได้พูดตอบอะไรแม้แต่อย่างเดียว เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ในห้องนักบินนั่น มีแต่ความเงียบอย่างที่สุดเท่านั้น”

ทางด้าน คาร์สเทน สปอห์ร ประธานเจ้าหน้าที่ของสายการบินลุฟต์ฮันซา ซึ่งมีเยอรมันวิงส์เป็นสายการบินโลว์คอสต์ในเครือ ได้แถลงว่า เขา “ตะลึง” กับเรื่องที่เปิดเผยกันออกมานี้ และกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ” เลยว่า ลูบิตซ์ ทำไปด้วยแรงจูงใจอะไร

เขาเสริมด้วยว่า ไม่มี “ระบบในโลกนี้” ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยใดๆ เลย ที่จะสามารถป้องกันไม่ให้นักบินผู้ช่วยกระทำเช่นนี้ได้ พร้อมยืนยันว่าลูบิตซ์ผ่านการทดสอบทางจิตวิทยาทุกๆ อย่างซึ่งจำเป็นสำหรับการฝึกอบรมเป็นนักบิน รวมทั้งเข้ารับการตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ

ก่อนหน้านี้ ลุฟท์ฮันซ่าเคยแถลงว่า นักบินที่ 1 ของเที่ยวบินนี้มีชั่วโมงบินมากกว่า 6,000 ชั่วโมง และทำงานกับเยอรมันวิงส์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 โดยก่อนหน้านั้นทำงานให้ลุฟท์ฮันซ่า และคอนดอร์ ส่วนนักบินที่ 2 ร่วมงานกับเยอรมันวิงส์เมื่อเดือนกันยายน 2013 หลังจากเข้ารับการฝึกโดยตรงกับสายการบิน และมีชั่วโมงบิน 630 ชั่วโมง

ขณะที่นิวยอร์กไทมส์อ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนที่บอกว่า ในช่วงต้นของการบิน เสียงในห้องนักบินเผยให้เห็นการสนทนาภาษาเยอรมันระหว่างนักบินทั้งคู่ที่ “ราบรื่นและสงบมาก” ก่อนที่เสียงจะบ่งชี้ว่า มีนักบินคนหนึ่งออกไปจากห้องนักบิน

“เราไม่รู้ว่า เขาออกไปทำไม แต่ที่แน่ๆ คือ ในช่วงก่อนที่เครื่องบินจะตก มีนักบินอยู่ในห้องนักบินเพียงคนเดียวและไม่ยอมเปิดประตูให้นักบินที่เคาะเรียกอยู่ด้านนอก”

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035420

 

สายการบินแห่ออกกฎให้มีลูกเรือ "2 คน" ในห้องนักบินตลอดเวลา หลังเยอรมันวิงส์ถูกบังคับโหม่งโลก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2558 10:44 น.



รอยเตอร์ – สายการบินหลายประเทศได้ประกาศกฎใหม่วานนี้ (26 มี.ค.) กำหนดให้มีลูกเรือคนที่ 2 นั่งประจำอยู่ในห้องนักบินตลอดเวลา หลังอัยการฝรั่งเศสสรุปแน่ชัดว่า ผู้ช่วยนักบินของ “เยอรมันวิงส์” จงใจล็อกประตูกันไม่ให้กัปตันเข้า และนำเครื่องพุ่งชนเทือกเขาแอลป์จนเสียชีวิตกันยกลำ

สายการบินในสหรัฐฯ มีกฎบังคับให้ห้องค็อกพิตต้องมีลูกเรือ 2 คนตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่อีกหลายประเทศยังไม่มีกฎเช่นนี้ ซึ่งทำให้นักบินคนใดคนหนึ่งสามารถเดินออกไปทำธุระส่วนตัว เช่น เข้าห้องน้ำ โดยทิ้งให้นักบินอีกคนหนึ่งควบคุมเครื่องเพียงลำพัง

สถานการณ์เช่นนี้เองที่อัยการฝรั่งเศสคาดว่าได้เกิดขึ้นกับเที่ยวบิน 4U9525 ของเยอรมันวิงส์ ซึ่งออกเดินทางจากบาร์เซโลนาในสเปนเพื่อมายังเมืองดุสเซลดอร์ฟในเยอรมนี เมื่อวันอังคาร (24)

อันเดรียส ลูบิตซ์ นักบินที่สองวัย 27 ปี ได้ล็อกประตูห้องควบคุมไม่ให้กัปตันเข้า จากนั้นก็ตั้งระบบให้เครื่องบินพุ่งชนภูเขา ปลิดชีพผู้โดยสารพร้อมกันทั้งหมด 150 ชีวิต

สายการบิน นอร์วีเจียน แอร์ ชัตเทิล, อีซีเจ็ต, แอร์แคนาดา, แอร์นิวซีแลนด์ และแอร์เบอร์ลิน ล้วนประกาศกฎใหม่ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังทราบคำแถลงของอัยการฝรั่งเศส โดยระบุว่านับจากนี้จะต้องมีลูกเรือ 2 คนนั่งประจำอยู่ในห้องนักบินตลอดเวลา จนกว่าเครื่องจะลงจอด

รัฐบาลแคนาดายืนยันว่าจะบังคับใช้กฎดังกล่าวกับสายการบินสัญชาติเมเปิลทุกแห่ง ส่วน ไรอันแอร์ ซึ่งมีกฎเช่นนี้อยู่แล้วก็รีบประกาศชี้แจง เพื่อให้ผู้โดยสารเกิดความมั่นใจ

อย่างไรก็ดี ลุฟต์ฮันซาซึ่งเป็นสายการบินแม่ของโลว์คอสต์เยอรมันวิงส์ที่ประสบอุบัติเหตุ กลับไม่คิดที่จะใช้กฎดังกล่าว

สายการบินแห่ออกกฎให้มีลูกเรือ 2 คน ในห้องนักบินตลอดเวลา หลังเยอรมันวิงส์ถูกบังคับโหม่งโลก

คาร์สเตน สปอร์ ผู้บริหารของลุฟต์ฮันซา ระบุว่า มาตรการเช่นนี้ “ไม่จำเป็น”

“ผมไม่เห็นความจำเป็นที่เราจะต้องเปลี่ยนกฎที่มีอยู่... เหตุการณ์อย่างนี้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งเดียว แต่เราก็จะขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของลุฟต์ฮันซาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผมเห็นว่าเราไม่ควรหมกมุ่นกับมาตรการระยะสั้น”

คำพูดของซีอีโอลุฟต์ฮันซาถูกนำไปวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนในสื่อทวิตเตอร์ โดยบางคนเรียกร้องให้ลุฟต์ฮันซารีบประกาศข้อบังคับให้มีลูกเรือ 2 คนในห้องค็อกพิตทันที

ต่อมาไม่นาน สมาคมการบิน BDL ของเยอรมนีได้แถลงว่า ทุกสายการบินในเมืองเบียร์รวมถึงลุฟต์ฮันซา ตกลงที่จะร่วมหารือเพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงกฎ

ด้านสายการบินแควนตัสของออสเตรเลียและสิงคโปร์แอร์ไลน์ส ยืนยันว่า บริษัทมีระบบควบคุมเข้มงวดหลายชั้นเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ห้องนักบินอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม

นับตั้งแต่เหตุการณ์ 9/11 ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2001 ผู้ตรวจสอบการบินก็ออกกฎให้ประตูห้องนักบินต้องถูกล็อคจากด้านในตลอดเวลา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยอรมันวิงส์ทำให้ทุกฝ่ายต้องหันมาทบทวนระเบียบดังกล่าวเสียใหม่ อแลง บุยยาร์ด อดีตพนักงานสอบสวนอุบัติเหตุการบินของฝรั่งเศส กล่าวเตือน

การสูญหายของเที่ยวบิน MH370 เมื่อปีที่แล้วก็ทำให้เกิดคำถามเช่นนี้ขึ้น แม้จะยังสรุปไม่ได้ว่า กัปตันมาเลเซียแอร์ไลน์สมีส่วนจงใจทำให้โบอิ้ง 777-200 ลำนี้หายสาบสูญไปหรือไม่ก็ตาม


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035514

 

น้ำมันทะยาน-ทองคำขึ้นจากวิกฤตเยเมน หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มีนาคม 2558 05:22 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 10:38 น.)



<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/pWt5XwR5QXU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

รอยเตอร์/เอพี - ราคาน้ำมันพุ่งกว่า 2 ดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) นับเป็นการขยับขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบเดือน จากความกังวลว่าสถานการณ์ในเยเมนจะลุกลามบายปลายไปทั่วตะวันออกกลางซึ่งอาจกระทบต่ออุปทานโลก เหตุการณ์นี้ผลักให้นักลงทุนเทขายหุ้น ฉุดให้วอลล์สตรีทร่วงหนักและหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างทองคำแทน

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 51.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 2.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ซาอุดีอาระเบีย ชาติผู้ผลิตน้ำมั้นยักษ์ใหญ่ เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกบฏฮูตี เพื่อช่วยเหลือพันธมิตรอย่างประธานาธิบดีอาเบด-แรบโบ มานซูร์ ฮาดีของเยเมนตั้งแต่ในวันพุธ (25 มี.ค.) และแม้มันไม่กระทบต่อโครงกลั่นน้ำมัน แต่มีความกังวลว่าความขัดแย้งนี้อาจลุกลามบานปลายและก่อปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง

ความกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าว กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ และดันให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) ปิดบวกพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,204.80 ต่อออนซ์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (26 มี.ค.) ขยับลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน จากความวิตกต่อวิกฤตในเยเมนและดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆนี้

ดาวโจนส์ ลดลง 40.31 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,678.23 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 4.90 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,056.15 จุด แนสแดค ลดลง 13.16 จุด (0.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,863.36 จุด

ความเคลื่อนไหวในวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยนักลงทุนจับตาสถานการณ์ความรุนแรงในเยเมนอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นเหตุให้หลายบริษัทในวอลล์สตรีทปรับลดประมาณการณ์ผลประกอบการปีนี้ลง

 

อิหร่านจวกซาอุฯถล่มกบฏเยเมน-ปัดหนุนหลัง
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 27 มี.ค. 2558 03:20



กลุ่มกบฏมุสลิมชีอะห์ ถืออาวุธออกมาชุมนุมในกรุงซานาของเยเมน เพื่อประท้วงการโจมตีทางอากาศของซาอุดีอาระเบีย (ภาพ: REUTERS)

เหตุสู้รบชิงอำนาจในเยเมนของกบฏชนเผ่า “ฮูธิ” ซึ่งเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ที่มีอิหร่านหนุนหลังกับพันธมิตรที่บุกยึดได้หลายเมืองรวมทั้งกรุงซานาตั้งแต่เดือนที่แล้วและได้รุกคืบสู้รบกับกองกำลังสนับสนุนประธานาธิบดีอับดูรับบู มานซูร์ ฮาดี ที่ได้หนีไปตั้งหลักที่เมืองเอเดน ทางตอนใต้นั้น กำลังขยายเป็นสงครามที่มีนานาชาติร่วมด้วย หลังซาอุดีอาระเบียกับพันธมิตรโลกอาหรับส่งเครื่องบินรบโจมตีถล่มเป้าหมายกบฏฮูธิในกรุงซานาตามคำขอผู้นำเยเมน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงเหตุสู้รบในเยเมนล่าสุดเมื่อ 26 มี.ค. ว่า นายอาเดล อัล-จูเบอีร์ ทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐฯ แถลงว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายกบฏเผ่าฮูธิในเยเมน เริ่มขึ้นเมื่อ 25 มี.ค. และว่าพันธมิตรจะใช้ทุกมาตรการเพื่อปกป้องรัฐบาลที่ชอบธรรมของประธานาธิบดีอับดูรับบู มานซูร์ ฮาดี

นายอัล-จูเบอีร์ ระบุต่อไปว่าซาอุฯมีพันธมิตรร่วมปฏิบัติการกว่า 10 ประเทศ รวมทั้งชาติอาหรับที่มีกษัตริย์เป็นประมุข 5 ประเทศ ซึ่งนอกจากซาอุฯแล้วก็มีกาตาร์ คูเวต บาห์เรน และยูเออี เพื่อตอบรับคำร้องขอของผู้นำฮาดีเพื่อปกป้องเยเมนจากกบฏเผ่าฮูธิ โดยต่อมาโทรทัศน์ช่องอัล-อะราบิยา ของซาอุฯรายงานว่าซาอุฯใช้เครื่องบินรบ 100 ลำ กับทหาร 150,000 นาย เพื่อปฏิบัติการโจมตีในเยเมน ด้านจอร์แดนแถลงว่าเครื่องบินรบของจอร์แดนได้ร่วมปฏิบัติการโจมตีในเยเมนด้วย ส่วนปากีสถานกำลังพิจารณาว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯแถลงว่าประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯได้รับอำนาจให้สนับสนุนด้านพลาธิการและข่าวกรองในปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ได้

ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหลายครั้งเมื่อเครื่องบินรบโจมตีฐานทัพอากาศใกล้สนามบินนานาชาติและอีกหลายจุดในกรุงซานาและมีรายงานด้วยว่ามีพลเรือนเสียชีวิตด้วยอย่างน้อย 13 คน ส่วนสถานการณ์ทางใต้ ชาวบ้านได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งที่ฐานทัพอากาศอัล-อานัด ทางเหนือเมืองเอเดนซึ่งถูกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยึดได้เมื่อ 25 มี.ค. ขณะที่กองกำลังสนับสนุนนายฮาดีเผยว่าได้ยึดสนามบินเมืองเอเดนคืนจากกองกำลังพันธมิตรของกบฏฮูธิได้แล้ว ด้านเจ้าหน้าที่เยเมนยืนยันผู้นำฮาดียังอยู่ที่เอเดนไม่ได้หนีไปตามที่เป็นข่าว ส่วนกบฏเผ่าฮูธิประกาศให้เงินรางวัลถ้ามีใครจับนายฮาดีได

ด้านอิหร่านแถลงประณามการโจมตีในเยเมนของซาอุฯและพันธมิตร ขอให้ยุติโดยทันที แต่ปฏิเสธสนับสนุนกบฏเผ่าฮูธิตามที่ถูกกล่าวหาและจะใช้ทุกความพยายามเพื่อควบคุมวิกฤติเยเมน ส่วนจีนแสดงความวิตกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายลงในเยเมนขอให้ใช้การเจรจายุติปัญหา ขณะที่ตุรกีและอังกฤษสนับสนุนการโจมตีในเยเมน.

อิหร่านจวกซาอุฯถล่มกบฏเยเมน-ปัดหนุนหลัง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ระทึก! ไฟไหม้-ตึกถล่มในนิวยอร์ก เจ็บหลายราย (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 มี.ค. 2558 06:00


(ภาพ: AP Photo)

เกิดเหตุไฟไหม้รุนแรงซึ่งคาดว่าเกิดจากการระเบิด ที่อาคารแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก ทำให้ตึกถล่มลงมาบางส่วน มีผู้ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้รุนแรงซึ่งคาดว่าเกิดจากการระเบิด ที่อาคารสูง 5 ชั้นหลังหนึ่งในเขตอีสต์ วิลเลจ บนถนน เซคอนด์ อเวนิว ในรัฐนิวยอร์ก เป็นเหตุให้อาคารบางส่วนถล่มลงมา และไฟได้ลุกลามไปยังอาคารหลังที่ 2 แล้ว ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 16 ราย ในจำนวนนี้ 4 คนมีอาการอยู่ในขั้นวิกฤติ

ตามรายงานของสำนักข่าวนิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่า เกิดการระเบิดที่อาคารหลังหนึ่ง ทำให้เกิดไฟไหม้ซึ่งลุกลามไปยังอาคารอีกหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่สำนักงานฉุกเฉินเริ่มได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุเพลิงไหม้ตั้งแต่เวลา 15:15น. (ตามเวลาท้องถิ่น) และมีการอพยพผู้คนออกจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งตั้งอยู่ไม่ใกล้จากจุดเกิดเหตุด้วย

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนประมาณ 250 นาย และรถดับเพลิงจำนวนมากถูกส่งไปยังที่เกิดเหตุ แต่เจ้าหน้าที่ยังคลประสบปัญหาในการควบคุมเพลิง ด้านเจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังสืบหาสาเหตุของไฟไหม้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากแก็สรั่ว เนื่องจากมีพยานเห็นว่ามีการระเบิดก่อนเกิดเพลิงไหม้ด้วย

<iframe width="570" height="351" src="https://www.youtube.com/embed/BatJR67gQWo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ทั้งนี้ ภาพจากคลิปวิดีโอที่สำนักงานดับเพลิงนครนิวยอร์กโพสต์ลงบนเว็บไซต์ยูทูบแสดงให้เห็นว่า อาคารบางส่วนพังถล่มลง และเจ้าหน้าที่กำลังพยายามฉีดน้ำเพื่อดับเพลิง ขณะที่สำนักงานดับเพลิงฯเตือนด้วยว่า อาคารอีกหลังที่ถูกไฟไหม้อาจถล่มลงมาด้วยเช่นกัน และไม่แน่ชัดว่ามีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือไม่


ระทึก! ไฟไหม้-ตึกถล่มในนิวยอร์ก เจ็บหลายราย (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ตร.ยูเครนบุกจับเจ้าหน้าที่ระดับสูง กลางที่ประชุมครม. สงสัยคอร์รัปชัน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 มี.ค. 2558 23:36


@เซอร์ฮีย์ บอชคอฟสกี หัวหน้าสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ถูกตำรวจใส่กุญแจมือ (ภาพ: AP Photo)

ตำรวจยูเครนบุกจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล 2 ราย ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการต่อต้านการคอร์รัปชัน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศยูเครน บุกจับกุมตัว นาย เซอร์ฮีย์ บอชคอฟสกี หัวหน้าสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน และรองหัวหน้าคือ นาย วาซีล สตอยเอตสกี ฐานต้องสงสัยพัวพันกับการคอร์รัปชันในระดับสูง โดยทั้งคู่ถูกตำรวจใส่กุญแจมือ กลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งได้รับการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในวันพุธ (25 มี.ค.)

หลังนายบอชคอฟสกีและนายสตอยเอตสกี ถูกตำรวจควบคุมตัวไปแล้ว นายอาร์เซน อาวาคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็บอกต่อที่ประชุมครม.ว่า ทั้ง 2 คนตกเป็นผู้ต้องสงสัยมีความเกี่ยวข้องกับการติดสินบนในการทำสัญญาจัดซื้อน้ำมัน ขณะที่ นายกรัฐมนตรีอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค กล่าวว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ละเมิดกฎหมายและดูถูกประเทศยูเครน

นอกจากนี้ นายอาวาคอฟกล่าวด้วยว่า เขากำลังดำเนินการปลดหัวหน้าสำนักงานฉุกเฉินส่วนภูมิภาคทุกคน เนื่องจากพวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า เกี่ยวข้องในแผนการทุจริต โดยใช้บริษัทเอกชนโอนเงินทุนให้แก่บริษัทในต่างประเทศที่ไม่ใช่ชาวยูเครน จากนั้นเงินนี้จะถูกส่งต่อไปยังบริษัทเอกชนอีกแห่ง ซึ่งมีนายสตอยเอตสกีและนายบอชคอฟสกีเป็นเจ้าของ ก่อนเงินจะถูกแบ่งไปยังบัญชีของธนาคารต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารของไซปรัส

อนึ่ง ก่อนเกิดการจับกุม นายบอชคอฟสกีและนายสตอยเอตสกีเพียงไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก เพิ่งสั่งปลดนายอิฮอร์ โคโลมอยสกี มหาเศรษฐีพันล้าน ออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง ดนีโปรเปตรอฟสค์ โดยเหตุการณ์นี้ถูกมองว่าเป็นความขัดแย้งทางธุรกิจระหว่างนายโปโรเชนโกและนายโคโลมอยสกี

ตร.ยูเครนบุกจับเจ้าหน้าที่ระดับสูง กลางที่ประชุมครม. สงสัยคอร์รัปชัน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

คอสตาริกาลงดาบสั่งปลดทูตประจำการากัส ข้อหา “ปกป้องเวเนฯ จนออกนอกหน้า” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 18:37 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 10:07 น.)



เอเอฟพี - คอสตาริกาประกาศเมื่อวานนี้ (25 มี.ค.) ว่า สั่งปลดเอกอัครราชทูตคอสตาริกาประจำกรุงการากัสแล้ว หลังจากขัดมารยาททางการทูตที่ให้ความเห็นถึงการเมืองในประเทศเวเนซุเอลา

เอฟพีรายงานว่า อดีตเอกอัคราชทูตคอสตาริกาประจำเวเนซุเอลาได้ให้ความเห็นว่า เขาเชื่อว่าเวเนซุเอลานั้นมีความสุขในเสรีภาพของสื่อสารมวลชนอย่างเต็มที่ ซึ่งความเห็นนี้ไม่สอดคล้องกับผู้นำคนสำคัญฝ่ายค้านเวเนซุเอลาที่กล่าวหารัฐบาลของประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร จำกัดเสรีภาพของสื่อ

นอกจากนี้ เฟเดริโก พิคาโด (Federico Picado) อดีตเอกอัคราชทูตคอสตาริกาประจำเวเนซุเอลายังให้ความเห็นเพิ่มเติมในการให้สัมภาษณ์ที่ถูกตีพิมพ์ในวันอาทิตย์(22)ที่ผ่านมาว่า เขาสนับสนุนการที่มาดูโรได้รับอำนาจพิเศษทางความมั่นคงที่ได้รับจากสภาเวเนซุเอลาในการต่อต้านการคุกคามของสหรัฐฯ ที่ได้ประกาศคว่ำบาตรเวเนซุเอลา และชี้ว่าเวเนซุเอลาเป็นภัยต่อผลประโยชน์สหรัฐฯ

การปลดพิคาโดออกจากตำแหน่งครั้งนี้ถูกประกาศในงานแถลงข่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศคอสตาริกา มานูเอล กอนซาเลซ (Manuel Gonzalez)

ทั้งนี้ คอสตาริกาออกกฎห้ามไม่ให้นักการทูตของตนออกความคิดเห็นถึงการเมืองต่างประเทศ หรือปัญหาของประเทศที่นักการทูตเหล่านั้นประจำอยู่ ยกเว้นในกรณีที่ได้ทำการปรึกษากับรัฐบาลคอสตาริกาก่อนล่วงหน้า


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035331

 

ต่อต้านทั้ง ไอเอส และซีเรีย เพราะฝึก "กบฏ" ซีเรีย



อังกฤษเตรียมรับหน้าที่ฝึก “กบฏซีเรีย” ต่อกรไอเอส
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 19:08 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 10:08 น.)

เอเอฟพี – อังกฤษจะทำการฝึก “กองกำลังกบฏซีเรียสายกลาง” ในตุรกีและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะต่อกรกับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ไมเคิล ฟัลลอน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมประกาศวันนี้ (27)

ผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าทางการทหารราว 75 คนจะทำการฝึกสอนในด้านต่างๆ อย่างเช่น การใช้อาวุธเล็ก, กลยุทธ์ทหารราบ และทักษะทางการแพทย์ ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการฝึกสอนที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นภายในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้

“การกำราบกลุ่มไอซิลเป็นภาระของกองกำลังท้องถิ่นและเรากำลังช่วยสร้างกองกำลังภาคพื้นที่มีประสิทธิภาพในซีเรียและอิรัก เพื่อให้พวกเขาสามารถต่อกรกับพวกไอซิลได้” ฟัลลอนกล่าว โดยเรียกกลุ่มไอเอสด้วยชื่อย่ออีกชื่อหนึ่ง

อังกฤษกำลังทำการฝึกกองกำลังอิรักและเคิร์ดในอิรักอยู่ก่อนแล้ว และในเดือนธันวาคม ฟัลลอนกล่าวว่า จำนวนบุคลากรที่ถูกส่งไปประจำการคาดว่าจะมีเพียง “ไม่กี่ร้อยคน”

กองกำลังกบฏซีเรียจะได้รับการฝึกในตุรกีและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรนานาชาติต่อต้านกลุ่มติดอาวุธไอเอส ซึ่งเมื่อปีที่แล้วได้เข้ายึดดินแดนในอิรักและซีเรียอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งประกาศสถาปนา “คอลิฟะห์” บนดินแดนดังกล่าว

“อังกฤษยังคงเป็นแถวหน้าของความพยายามทางทหารของกลุ่มพันธมิตรในการสนับสนุนรัฐบาลอิรักต่อกรกับพวกไอซิล” ฟัลลอน กล่าวในถ้อยแถลงต่อรัฐสภา

“กิจกรรมร่วมกับกองกำลังอิรักและเคิร์ดที่ทรงประสิทธิภาพและประสานงานกันอย่างใกล้ชิดนี้ทำให้การรุกคืบของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ติดชะงักอยู่บ่อยครั้ง แต่กลุ่มไอซิลจำต้องถูกกำราบทั้งในอิรักและซีเรีย”

ฟัลลอนยังประกาศด้วยว่า อังกฤษกำลังจะส่งเครื่องบินรุ่นเซนทิเนล 2 ลำมายังภูมิภาคนี้เพื่อสอดแนมกิจกรรมของกลุ่มไอเอสในอิรักและตามรอยการวางระเบิด

เครื่องบินขับไล่รุ่นทอร์นาโดและอากาศยานไร้นักบินรุ่นรีเปอร์ของอังกฤษจนถึงตอนนี้ได้ปฏิบัติการโจมตีเหนืออิรักแล้ว 194 ครั้ง แต่รัฐบาลเมืองผู้ดีปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการโจมตีในซีเรีย

อังกฤษเข้าร่วมการรุกรานอิรักที่นำโดยสหรัฐฯ ในปี 2003 ซึ่งทำให้ผู้นำเผด็จการ ซัดดัม ฮุสเซน หลุดจากอำนาจ แต่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ประกาศว่าจะไม่มีการส่งทหารที่มีบทบาทสู้รบกลับไปอีกโดยเด็ดขาด

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035356

 

เสี้ยมเห็นๆ! โสมแดงชี้มะกันจะขน “ระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD” เข้าเกาหลีใต้เพื่อคุม “จีน-รัสเซีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 20:05 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 09:58 น.)



เอเอฟพี - เกาหลีเหนือหันมาจับกลยุทธ์ “เสี้ยม” มหาอำนาจให้ตีกัน โดยชี้ว่าที่สหรัฐฯ จะนำระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD มาติดตั้งในเกาหลีใต้ก็เพื่อ “คุม” อิทธิพลของจีนและรัสเซีย ซึ่งจะทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือกลับเข้าสู่ยุค “สงครามเย็น” อีกครั้ง

สหรัฐฯ ยืนยันว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ที่จะติดตั้งในเกาหลีใต้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากจรวดเกาหลีเหนือที่พัฒนาไปมาก ในขณะที่จีนและรัสเซียแย้งว่าสหรัฐฯ กำลังบั่นทอนเสถียรภาพและความสงบสุขบนคาบสมุทรเกาหลี และจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านอาวุธในภูมิภาคที่ดุลอำนาจแสนเปราะบาง

ข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นทำให้เกาหลีใต้พลอยตกที่นั่งลำบาก เพราะโซลก็ต้องการรักษาสมดุลทางยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญ กับจีนซึ่งก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด

คำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือวันนี้ (26 มี.ค.) เห็นได้ชัดว่าพยายามโยงเรื่องระบบขีปนาวุธ THAAD ให้เป็นประเด็นในภูมิภาค มากกว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อเปียงยางโดยตรง

“สหรัฐฯ วางแผนส่งระบบป้องกันขีปนาวุธเข้ามาก็เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อการควบคุมอิทธิพลของจีนและรัสเซีย... และยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของอเมริกาด้วย” สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ อ้างคำพูดจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศโสมแดง

“ระบบขีปนาวุธ THAAD จะก่อให้เกิดสงครามเย็นครั้งใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และคาบสมุทรเกาหลีจะกลายเป็นฉากสงครามของชาติมหาอำนาจอีกครั้ง”

เกาหลีใต้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะยอมให้วอชิงตันส่งระบบ THAAD เข้ามาหรือไม่ แต่มีข่าวว่าสหรัฐฯ เริ่มสำรวจ “อย่างไม่เป็นทางการ” เพื่อหาพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการติดตั้งแล้ว

ทั้งนี้ คาดว่าโซลและวอชิงตันจะหารือประเด็นดังกล่าวอย่างจริงจัง หลังจาก พล.อ. มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงโซลในวันนี้ (26)

แม้จีนและรัสเซียใช้อิทธิพลทางการทูตปกป้องโสมแดงมาโดยตลอด แต่ก็แสดงท่าทีไม่พอใจเมื่อเห็นว่าเปียงยางดึงดันจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035229

 

น้ำท่วมภาคเหนือชิลีทำคนตายไปแล้ว 2 ราย สูญหายอีก 24
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มีนาคม 2558 15:39 น. (แก้ไขล่าสุด 27 มีนาคม 2558 09:52 น.)



เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระบุในวันพุธ (25 มี.ค.) ว่าน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่ทางภาคเหนือของชิลีได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2 ราย รวมถึงยังมีผู้สูญหายไปอีก 24 ราย

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่อาตาคามาทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน นั่นเท่ากับว่ากองทัพจะเข้ามาควบคุมดูแลสถานการณ์แทนผู้นำของฝ่ายพลเรือน อีกทั้งยังทำให้ต้องระงับปฏิบัติการของโคเดลโก ผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ที่สุดของโลกด้วย

กระทรวงมหาดไทยของชิลีให้ข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชายวัย 34 ปี กับหญิงวัย 45 ปี พร้อมกันนี้ทหารชิลีก็ได้เร่งรุดเข้าไปยังบริเวณพื้นที่ภัยพิบัติ พร้อมกับแจ้งให้ประชาชนหลบหนีออกมาจากหลายเมืองที่กำลังถูกน้ำท่วมหนัก

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันอังคารซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในพื้นที่แห้งแล้งแถบนั้น ได้ทำให้ผู้คนราว 700 ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน รวมถึงยังตัดการจราจรทางถนน ไฟฟ้าดับ การสื่อสารล่ม

“ใครก็ตามที่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงอย่างอาตาคามา ควรทำการอพยพ สิ่งที่เราต้องการก็คืออยากให้พวกคุณปลอดภัย” โรดริโก เปนาอิลิโญ รัฐมนตรีมหาดไทยกล่าว

ด้านประธานาธิบดีมิเชเล บาเชเลต ได้เดินทางไปยังพื้นที่ประสบภัยเพื่อร่วมประสานงานในปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ ซึ่งในตอนนี้มีประชาชนราว 40,000 รายที่ไม่มีไฟฟ้าและน้ำดื่ม

น้ำได้ท่วมถนนหลักหลายสายในเมืองโคเปียโปและในเมืองอื่นอีกหลายเมือง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลหลายร้อยคนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

ขณะเดียวกัน ธุรกิจทองแดง “โคเดลโก” ของรัฐบาลชิลี ก็ต้องระงับการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่อาตาคามา กับในเขตพื้นที่ข้างเคียงอย่างอันโตฟากัสตา

“ตอนนี้การทำงานของโคเดลโกกำลังค่อยๆ ฟื้นกลับคืนมาอย่างช้าๆ โดยมีการเฝ้าสังเกตการณ์สภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าคนและอุปกรณ์ของเราจะได้รับความปลอดภัย” โคเดลโก ระบุ

ที่สนามบินคาลามาและอันโตฟากัสตา มีหลายเที่ยวบินต้องโดนดีเลย์ ขณะเดียวกันทางการชิลีก็ประกาศเตือนภัยด้านสาธารณสุขในหลายเขตเทศบาล

บาเชเลตแสดงความเห็นใจต่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้ พร้อมทั้งบอกว่ารัฐบาลของเธอจะส่งความช่วยเหลือที่จำเป็นทุกอย่างไปให้

เหตุน้ำท่วมในภาคเหนือครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทางใต้ของชิลีกำลังรับมือกับไฟป่าที่เกิดจากความแห้งแล้งอย่างหนัก

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000035219