ติดตามสถานะการณ์

Jeerachart Jongsomchai

... "ตัวละครหลัก ระดับมหภาค ของเรื่อง 3 จังหวัดภาคใต้ไทย กับประเทศที่อยู่ข้างหลัง"


.
โดย "เซี่ยงเส้าหลง"
... •• ความสัมพันธ์ 3 เส้า "ซุนนีย์, ชีอะห์ และ วะฮะบีฮ์" รวมทั้ง "ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน และ สหรัฐอเมริกา"
... •• ในขณะที่อีกด้านหนึ่งมองแตกต่างออกไปว่าเกิดขึ้นจาก ของจริง -- ขบวนต่อสู้ภายในพื้นที่ ที่สิ้นหวังและ ปฏิเสธ การผนึกกำลังกัน 2 ฝ่าย รัฐบาล, กอส. เพราะเมื่อพิจารณาลึกลงไปใน รายชื่อ 48 สมาชิกกอส. แล้วจะพบว่ามีลักษณะเป็น "ตัวแทนของมหาอำนาจ" ตั้งแต่ ประธาน คือ อานันท์ ปันยารชุน ลงไปจนถึงสมาชิกที่แม้จะเป็น มุสลิม จะพบว่า "ส่วนใหญ่มีแต่ วาฮาบีฮ์" ที่สำคัญคือ "ไม่มีมุสลิมชีอะห์" แม้แต่คนเดียว แนวทางที่คนส่วนใหญ่เห็นแต่ว่า สมานฉันท์ โดยเนื้อแท้แล้วจึงเป็น มายาภาพ เพราะเมื่อสุดเส้นทางเดินสายนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะตกอยู่ในสภาพไม่ต่างไปจาก มินดาเนาว์ของฟิลิปปินส์

... เพราะข้อเสนอต่าง ๆ ของกอส.มีแนวโน้มว่า จะถูกปฏิเสธโดยกระแสสังคม และเป็น เชื้อเพลิงอย่างดี แก่ผู้คนในขบวนย่อหน้าแรก “เซี่ยงเส้าหลง” ขอให้ทำความเข้าใจเป็นพื้นฐานว่าแนววิเคราะห์นี้อยู่บนพื้นฐานที่ว่า "ซาอุดีอารเบีย(ในอดีต)" คือตัวแทนของมหาอำนาจในตะวันออกกลาง
•• แต่ที่อยากจะกล่าวถึง "วะฮะบีฮ์" อีกครั้ง ณ ที่นี้ก็เพราะระลึกขึ้นมาได้ว่าใน จดหมายเปิดผนึก 30 หน้า ของ "เด่น โต๊ะมีนา" ที่ยื่นเสนอโดยตรงต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เมื่อ วันที่ 10 มิถุนายน 2546 (เป็นเวลา 7 เดือนก่อนเกิดปฏิบัติการ ปล้นปืน ที่ เจาะไอร้อง) ก็ได้มีการเอ่ยถึงร่องรอยบางประการที่เกี่ยวกับ "วะฮาบีฮ์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" ว่าการเผยแพร่ ศาสนาอิสลามบริสุทธิ์ดั้งเดิม ตามแนวของ "มูฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮับ"
... ได้สร้าง ความขัดแย้ง 2 ด้าน ด้านหนึ่งคำสอนบางประการ ขัดกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่เจือปนด้วย วัฒนธรรมฮินดู อีกด้านหนึ่งเป็นปัญหาด้าน เงินช่วยเหลือจากตะวันออกกลางจำนวนมาก ที่ส่งตรงเข้ามายัง อดีตนักเรียนทุนตะวันออกกลาง ชนิดไม่ผ่าน คณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ก่อให้เกิดเป็น 2 ขั้วคู่ขนาน ชนิดที่ เด่น โต๊ะมีนา กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “...ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก.” ในจดหมายบอกเล่าว่าเป็นเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ขอยกบางข้อความในหน้า 23 – 24 มาแสดงไว้ ณ ที่นี้โดยใช้ ตัวสะกดภาษาไทย ตามเอกสารต้นฉบับ.....
...
" ....กระผมขอถือโอกาสชี้แจงเกี่ยวกับวาฮาบีเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร
....ศาสนาอิสลามหลังยุคของท่านศาสดามูฮัมหมัดแล้ว ได้แตกเป็น 2 นิกาย คือ "สุหนี่ (ซุนนะฮ์) และชีอะห์" ซึ่งศาสนาอื่น ๆ ก็แตกเป็นหลายนิกายเช้นเดียวกัน
.... "วาฮาบี" ไม่ใช่นิกาย แต่เป็นคำสอนของนักปราชญ์ทางศาสนาอิสลามท่านหนึ่งมีชื่อว่า " มูฮัมหมัด บิน อับดุลวาฮาบ" เกิดขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ในดินแดนคาบสมุทรอาราเบีย เป็นยุคที่อารยธรรมอิสลามกำลังเสื่อมโทรม ท่านจึงยินหยัดในมุสลิมหันกลับไปสู่คำสอนของศาสนาอิสลามตามพระมหาคุมภีร์อัลกุรอาน และหลักปฏิบัติของท่านศาสดามูฮัมหมัดอย่างแท้จริง คัดค้านพิธีกรรมต่าง ๆ ที่มิได้กำหนดไว้ในอัลกุรอานและอัลฮะดิษ ทำให้กระทบกระเทือนกับผู้ปกครองท้องถิ่นที่ได้ปฏิบัติในสิ่งที่เกินเลยไปกว่าคำสอนอันบริสุทธิ์ดั้งเดิมของศาสนาอิสลาม จึงอาศัยอยู่ในถิ่นเดิมของตัวเองไม่ได้ ต้องเร่ร่อนไปอีกเมืองหนึ่ง จึงได้รับการต้อนรับจากอิบนีสะอู๊ด ซึ่งต่อมาได้ยึดครองนครเมกกะ (มักกะฮ์) ได้จากตุรกีด้วยความช่วยเหลือของอังกฤษ ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์สะอู๊ด และกลายเป็นประเทศซาอุดีอารเบียจนถึงปัจจุบัน
....เมื่อซาอุดีอารเบียเป็นประเทศร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมัน จึงเริ่มตั้งมหาวิทยาลัยทางศาสนา และให้ทุนการศึก ษาแก่นักศึกษาทั่วโลก ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีถึงระดับปริญญาเอก
....ในจำนวนนักศึกษาที่ได้รับทุนดังกล่าวก็มีนักศึกษาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จบปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบียหลายคน
....นักศึกษาที่จบ โดยเฉพาะปริญญาเอกจากซาอุดีอารเบีย ในแต่ละประเทศ ก็นำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาไปเผยแพร่ในประเทศของตน พร้อมกับเงินทุนเพื่อเผยแพร่ตามหลักการของวาฮาบี เพื่อให้มุสลิมทุกคนในโลกนี้ได้ปฏิบัติตามคำสอนของอัลกุรอานและฮาดิษอย่างแท้จริง
....ในจำนวนนักศึกษาที่กลับประเทศของตนที่ได้ทั้งความรู้และเงินทุนเผยแพร่ ก็มีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รวมอยู่ด้วย
....เมื่อมีบุคคลที่นำคำสอนตามแนววาฮาบีไปเผยแพร่ใน 3 จังหวัด ก็เกิดความขัดแย้งกับโต๊ะครูปอเนาะต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นเดียวกับมูฮัมหมัด บินอับดุลวาฮาบเริ่มสอนครั้งแรกในดินแดนคาบสมุทรอารเบียจนอยู่ในถิ่นเดิมไม่ได้
....เมืองปัตตานีเดิมนับถือศาสนาฮินดู ประเพณีบางอย่างที่ตกทอดมาถึงวันนี้ก็ยังมีปฏิบัติกันอยู่ แต่ส่วนใหญ่ได้ยกเลิกไปแล้ว
....ฉะนั้น เมื่อมีผู้นำคำสอนที่เพียว ๆ และห้ามมิให้กระทำสิ่งที่เคยกระทำ เช่น การจัดงานเมาลิด เป็นต้น ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น
....องค์กรเผยแพร่แนววาฮาบีที่ซาอุดีอารเบียมีทุนมหาศาล จึงได้ให้เงินและให้ทุนแก่นักเรียนเก่าของเขา ให้ทุกคนปฏิบัติตามแนววาฮาบี
....ผู้นำแนววาฮาบีไปปฏิบัติจะต้องแสดงศักยภาพของตนให้องค์กรที่ซาอุดีฯเห็นถึงความสามารถของเขาว่ามีประชาชนคล้อยตามมากขึ้นทุกวัน จำเป็นที่จะต้องให้มีประชาชนมาเรียนมาก จะต้องใช้เงินนำพาคนไปฟังคำสอนในระยะแรก เมื่อมีคนติดคำสอนแล้ว คนก็ไปกันเอง เกือบทุกหมู่บ้านตำบลจะมีประชาชนส่วนหนึ่งในหมู่บ้านหรือตำบลเช่ารถไปเรียนทุกสัปดาห์
....เฉพาะในจังหวัดปัตตานี มีสถานที่สอนศาสนาประจำสัปดาห์ 2 แห่ง แห่งหนึ่งอยู่ในอำเภอยะรัง ซึ่งมีการสอนแนวใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่มัสยิดกลางปัตตานี มีการสอนแนวเดิม แต่ละแห่งจะมีประชาชนไปฟังการสอนเป็นพัน ๆ คนทุกสัปดาห์
....เมื่อในแต่ละหมู่บ้านมีคนไปเรียนกับการสอนแนวใหม่บางส่วนกลับมาในหมู่บ้าน แล้วมีความรู้สึกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านของตนปฏิบัติตามหลักศาสนาไม่ตรงตามที่พวกเขาไปเรียนมา ก็เลยไม่ยอมปฏิบัติตามคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน จนกระทั่งไม่ยอมไปละหมาดทุกวันศุกร์ในมัสยิดประจำหมู่บ้านที่มีอยู่เดิม จึงแยกไปทำอีกต่างหาก
....เมื่อแยกตัวไปแล้วก็ไปขอเงินจากผู้สอนแนวใหม่เพื่อก่อสร้างมัสยิดใหม่ ผู้สอนแนวใหม่ก็ขอเงินจากองค์กรเผยแพร่มาให้สร้างมัสยิดแต่ละแห่ง แต่ละหมู่บ้าน เป็นแสน ๆ บาทขึ้นใหม่ ในหลายหมู่บ้านกลายเป็นหมู่บ้านที่มีมัสยิด 2 แห่ง
....คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียว ไม่รับจดทะเบียนให้เท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้ไม่แคร์เลย
....เหตุการณ์อย่างนี้เกิดมาหลายปีแล้ว
....กระผมเองเคยไปประเทศคูเวต และได้รับเชิญไปเยี่ยมองค์กรเผยแพร่ศาสนาองค์กรหนึ่งในคูเวต เขาได้ชี้ให้ดูรูปมัสยิดต่าง ๆ ในจังหวัดปัตตานีมากกว่า 10 แห่งที่เขาให้ทุนในการก่อสร้าง เขาบอกด้วยความภาคภูมิใจที่เขาได้ช่วยคนปัตตานีในด้านศาสนสถาน
....กระผมก็ชี้แจงเขาว่า วันนี้ผมได้พบแล้วแหล่งที่ทำให้คนมุสลิมแตกแยกในจังหวัดปัตตานี บอกเขาว่าที่คุณให้ทุนสร้างมัสยิดทั้งหมดนี้ เป็นการสร้างมัสยิดใหม่ที่ซ้อนกับมัสยิดที่มีอยู่แล้ว ทำให้ประชาชนแตกแยกเป็น 2 พวก ทำไมคุณไม่มอบทุนเหล่านี้ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามประจำจังหวัด ซึ่งเป็นองค์กรอิสลามที่ดูแลเรื่องมัสยิด
....เขาตอบว่าเขาไม่รู้ เพราะผู้ขอได้ขอผ่านองค์กรเผยแพร่ศาสนาในซาอุดีฯ องค์กรในซาอุดีฯจึงแบ่งมาให้ช่วยทำการกุศล "
....ฯลฯ....ฯลฯ......
•• นอกจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ที่พูดกันมากว่าเป็น ขนมรวมมิตร แล้วเราไม่อาจพิจารณาปัญหาวิกฤตด้ามขวานทองได้ ทะลุปรุโปร่ง หากปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจเรื่อง "วะฮาบีฮ์" และ แนวทางใหม่ในการสอนศาสนา ด้วย
.

 

Thanong Fanclub

ชาวประมงสก๊อตจับปลาแต่ได้เรือดำน้ำรัสเซียแทน
ชาวประมงสก๊อตออกจับปลาที่ทะเลเหนือ ลากอวนไปปรากฎว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์รัสเซียมาติดอวน โชคดีที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์รัสเซียสลัดตัวออกจากอวนไปได้ ไม่งั้นเรือตังเกสก๊อตมีหวังโดนลากลงก้นทะเล
24/3/2015
LiveLeak.com - Sailors Almost Killed By Russian Submarine In Scottish Waters

 

Chalee Na Roied

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/EZFnQEwxkeM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ดูสัญญาณที่สหรัฐกำลัง ส่งไปถึงจีนและ อาจจะรวมถึงบรรดาประเทศอื่นๆ ที่กำลังจะหันหลังให้สหรัฐและ เงินดอลลาร์นะครับ เพราะธนาคารจีนกำลังก่อตั้ง คือ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย(AIIB) ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกทั้งในเอเชีย และสหภาพยุโรปสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
รอดูครับว่าการทดสอบขีปนาวุธ ของสหรัฐและสงครามจิตวิทยา ของสหรัฐครั้งนี้จะมีผลกระทบ ต่อการตัดสินของพันธมิตรสหรัฐได้มากแค่ไหน?
http://www.zerohedge.com/news/2015-03-23/us-china-infrastructure-bank

 

โอบามาสุดอึ้ง!! “อิสราเอล” แอบจารกรรม “เจรจาลับนิวเคลียร์อิหร่านกับวอชิงตัน” ก่อนคาบข่าวบอกรีพับลิกัน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2558 12:00 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 12:03 น.)



เอเจนซีส์ – ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอิสราเอลหลังการประกาศชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปของนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ดูเหมือนจะเลวร้ายลงทุกที หลังล่าสุด ทำเนียบข่าวประกาศ อิสราเอลแอบจารกรรมการเจรจาลับในข้อตกลงโครงการนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ และทางทำเนียบขาวเชื่อว่า อิสราเอลได้ป้อนข้อมูลนี้ให้กับพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นพรรคคู่แข่งของพรรครัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่มีความพยายามต้องการตรวจสอบข้อตกลงนิวเคลียร์สหรัฐฯและอิหร่าน

เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(24)ว่า ความตรึงเครียดระหว่างความสัมพันธ์ของวอชิงตันและเทลอาวีฟดูเหมือนจะยิ่งร้าวรานหนักข้อขึ้น เมื่อล่าสุดในวันอังคาร(24) ทำเนียบขาวประกาศว่า การเจรจานิวเคลียร์อิหร่านถูกรัฐยิวสอดแนมล้วงความลับ และนำรายละเอียดในข้อตกลงเปิดเผยให้กับพรรครีพับริกัน ซึ่งมีเสียงข้างมากในทั้งสองสภาของสหรัฐฯ เพื่อหวังว่าทางรีพับริกันจะสามารถคว่ำดีลที่ทางนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู เชื่อว่า เป็นภัยต่อความมั่นคงของอิสราเอล

ซึ่งสื่ออังกฤษชี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ร่วมกับเยอรมัน รัสเซีย ฝรั่งเศส จีน อละอังกฤษ ได้ร่วมประชุมกับอิหร่านเพื่อหาทางยุติการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์

ทั้งนี้ไม่กี่สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปอิสราเอล เนทันยาฮูมุ่งหน้าเดินทางมายังสหรัฐฯเพื่อหาทางล็อบบี้โอบามาและผู้นำระดับสูงของสภาคองเกรส แสดงถึงจุดยืนของอิสราเอลต่อดีลของอิหร่านที่จะเกิดขึ้น โดยอิสราเอลมีความหวังว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่บนรากฐานว่าอิหร่านต้องให้ความร่วมมือในการประณามการก่อการร้ายทั่วโลก และยกเลิกการให้การสนับสนุนองค์กรติดอาวุธเหล่านั้น

สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเปิดเผยของวอลสตรืเจอร์นัล หน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯพบว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอลได้พูดคุยถึงข้อมูลที่ถูกนำมาจากการประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่าน โดยแหล่งข่าวระดับสูงของทำเนียบขาวเปิดเผยกับวอลสตรีทเจอร์นัลว่า “มีสิ่งหนึ่งที่สหรัฐฯและอิสราเอลจะสอดแนมซึ่งกันและกัน และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทางอิสราเอลจะขโมยความลับจากสหรัฐฯ และใช้มันเป็นเครื่องมือป้อนให้กับสมาชิกผู้ทรงเกียรติในรัฐสภาสหรัฐฯเพื่อบ่อนทำลายการทูตอเมริกา”

และแหล่งข่าวยังเปิดเผยต่อว่า “ ผู้คนรู้สึกว่า ความลับส่วนคัวถูกขายออกไป และอิสราเอลควรต้องระมัดระวังเพราะคนพวกนี้ไม่เพียงแต่ทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังทำงานให้กับรัฐบาลสหรัฐฯในสมัยถัดไปอีกด้วย”

ในขณะที่โฆษกนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ปฎิเสธข้อกล่าวหาที่เผ็ดร้อนจากทำเนียบขาว “ข้อกล่าวหาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเท็จ เพราะอิสราเอลไม่เคยทำการจารกรรมต่อสหรัฐฯ หรือต่อประเทศพันธมิตรของอิสราเอล ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้มุ่งทำลายความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของสหรัฐฯและอิสราเอล รวมไปถึงความสัมพันธ์ด้านข้อมูลและความมั่นคงที่ทั้งสองประเทศได้มีส่วนร่วมแบ่งปัน”

อย่างไรก็ตาม ปฎิกริยาของสมาชิรัฐสภาสายพรรคริพับลิกันต่อข้อตกลงเจรจาลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้นเป็นท่าทีที่เป็นปรปักษ์ ซึ่งหนึ่งในวุฒิสมาชิกอาวุโสสหรัฐฯได้เตือนทำเนียบขาวถึงข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านว่า อาจจะเกิดเผลสนองกลับอย่างคาดไม่ถึง หากดีลนี้ข้ามวอชิงตันแต่ตรงไปที่ยูเอ็นแทน ซึ่งข้อวิตกของการเจรจานิวเคลียร์อยู่ที่การผ่อนคลายการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน หากรัฐบาลอิหร่านจะรับปากที่จะหยุดการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด

และสว. สายพรรครีพับลิกัน ลินด์เซย์ เกรแฮม (Lindsey Graham) ข่มขู่ที่จะผ่านร่างกฏหมายในสภาสูงสหรัฐฯเดือนหน้าเพื่อที่จะทำให้สภาคองเกรสสามารถตรวจสอบข้อตกลงใดที่รัฐบาลสหรัฐฯได้ทำก่อนที่จะนำเข้าสู่องค์การสหประชาชาติต่อไป ซึ่งจะถูกนำเข้าไปยังที่ประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติที่มี 5 ชาตินั่งเป็นสมาชิกถาวรอยู่ในนั้น และหากที่ประชุมเห็นชอบ ทำให้เชื่อว่าข้อตกลงนั้นจะได้รับการหนุนหลังเต็มที่จากองค์การสหประชาชาติในท้ายที่สุด

สื่ออังกฤษชี้ว่า ในร่างกฎหมายใหม่นี้ต้องการให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯยื่นข้อตกลงที่ได้ทำเป็นรายลักษณ์อักษรไปให้กับสภาคองเกรสเพื่อพิจารณา และจะยังสามารถห้ามไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯสามารถเพิกเฉยต่อการแทรกแซงของสภาคองเกรสเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯสามารถเรียกให้มีการเข้าให้ข้อมูลกับที่ประชุม และอนุมัติ หรือ ไม่เห็นชอบ รวมถึงไม่มีปฎิกริยาต่อดีลที่นำเข้ามาพิจารณาได้

นอกจากนี้เดลีเมล ยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีกระทรวงข่าวกรองอิสราเอล ยูวาล สไตนิตส์ (Yuval Steinitz) ได้บินตรงไปยังกรุงปารีสเพื่อทำการล็อบบี้ฝรั่งเศสในข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน โดยกล่าวว่า ในการพูดคุยกับฝรั่งเศสในอดีตนั้น ทางอิสราเอลชี้ถึง ความทะเยอทะยานของอิหร่านในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์นั้นมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดในอดีต และยังเสริมว่า ในขณะนี้มีแต่แผนการ A และไม่มีแผนการสำรองแต่อย่างใด ซึ่งความพยายามนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดดีลที่ผิดพลาดเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยพยายามที่จะให้สมเหตุสมผลมากที่สุด หรือทำให้ช่องว่างที่มีอยู่เติมเต็ม

ซึ่งการที่อิหร่านเดินทางไปยังกรุงปารีสเพราะเชื่อว่า ในบรรดาชาติที่อยู่ในที่ประชุมลับนิวเคลียร์อิหร่านนั้น ฝรั่งเศสถือเป็นชาติที่เป็นจุดออ่อนที่สุดในวงการประชุมนี้

โดยอิสราเอลเชื่อว่า สหรัฐฯมีความกระตือรือร้นที่ต้องการจะปิดดีลกับอิหร่าน แต่กระนั้นเจ้าหน้าที่อิสราเอลอ้างว่า พวกเขาสนใจเพียงแต่ในการเจรจาที่กำลังจะแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อิหร่านซ่อนอยู่ในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการแช่แข็งโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเตหะราน

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034614

 

ปธ.สภายิวโลกชี้กระแส “เกลียดชาวเซมิติก” พุ่งพรวดเหมือนยุคก่อนสงครามโลก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2558 10:43 น.



เอเอฟพี – ประธานสภายิวโลก (WJC) เตือนสหรัฐฯ ให้ตระหนักถึงกระแสเกลียดชังชาวเซมิติก (anti-Semitism) ที่กำลังกลับมาอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปแล้วถึง 70 ปี โดยระบุว่าเวลานี้ชาวยิวทั่วโลกต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงภัย

โรนัลด์ ลอเดอร์ ประธานสภายิวโลก แถลงต่อคณะกรรมการสภาคองเกรสที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยอ้างถึงเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสเมื่อต้นปีนี้ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยคุกคามที่สหรัฐฯ ไม่ควรนิ่งเฉย

“เวลานี้ชาวยุโรปเชื้อสายยิวมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวอีกครั้ง เหมือนเมื่อทศวรรษ 1930” มหาเศรษฐีพันล้านผู้สืบทอดธุรกิจเครื่องสำอาง “เอสเต ลอเดอร์” ระบุ

“สหรัฐฯ มีความสามารถ และควรที่จะประณามการกระทำชั่วช้าเช่นนั้นออกไปอย่างชัดๆ ว่ามันคือความเกลียดชังที่พวกอิสลามหัวรุนแรงมีต่อชาวยิว”

“การจะปราบลัทธิก่อการร้ายของพวกอิสลามหัวรุนแรงได้นั้น... สหรัฐฯ ต้องเป็นผู้นำ” ลอเดอร์ ซึ่งมีมารดาเป็นชาวยิวและนับถือศาสนายิว กล่าว

สภายิวโลกเป็นองค์กรตัวแทนพลเมืองชาวยิวที่อาศัยอยู่ใน 100 ประเทศทั่วโลก
ลอเดอร์ ย้ำว่า การมุ่งประสงค์ร้ายต่อชาวยิวเริ่มเกิดถี่ขึ้น ทั้งในกรุงปารีสและเมืองตูลูสของฝรั่งเศส รวมถึงที่กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กด้วย

แดน อัสมุสเซน ผู้นำชุมชนชาวยิวในเดนมาร์ก ระบุว่า “สังคมเดนมาร์กไม่เคยมีความรู้สึกต่อต้านชาวเซมิติก แต่การข่มขู่ที่ชาวเดนิชเชื้อสายยิวได้รับก็เหมือนกับที่อื่นๆ ในยุโรป คือเกิดจากพวกมุสลิมหัวรุนแรงชายขอบ”

โรเจอร์ คูเกียร์มาน ผู้นำชาวยิวในฝรั่งเศสกล่าวเสริมว่า “พวกเขากำลังทำสงครามกับอารยธรรมสมัยใหม่ของตะวันตก และนักรบญิฮาดก็เห็นชาวยิวเป็นเป้าหมายที่เหมาะที่สุด”

“พวกเราชาวยิวเป็นเสมือนองครักษ์ที่ถูกส่งไปแนวหน้าในสงครามครั้งนี้ แต่เราก็ไม่ใช่เหยื่อกลุ่มเดียว ยังมีทหาร ตำรวจ ผู้หญิง และสื่อมวลชนที่ถูกฆ่าด้วย”

หลังเกิดเหตุกราดยิงกองบรรณาธิการนิตยสารเสียดสี ชาร์ลี เอ็บโด และซุปเปอร์มาร์เก็ตยิวในกรุงปารีสจนมีผู้เสียชีวิต 17 ราย รัฐบาลฝรั่งเศสก็ได้สั่งเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังขั้นสูงสุด โดยส่งทหารและตำรวจลงพื้นที่คุ้มกันจุดเสี่ยง เช่น สำนักข่าว และศาสนสถานของชาวยิว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต่อต้านก่อการร้ายยอมรับว่า มาตรการเช่นนี้คงไม่อาจช่วยป้องกันได้มากนัก หากเป็นการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบเหมือนที่เกิดกับ ชาร์ลี เอ็บโด

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034569

 

สหรัฐฯเปลี่ยนใจ สนับสนุนทางอากาศอิรักโจมตียึดเมืองติกริต
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2558 02:16 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 09:41 น.)



เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี - วอชิงตันเริ่มให้การสนับสนุนด้านการลาดตระเวนด้วยเครื่องบินสอดแนมแก่กองทัพอิรักที่กำลังสู้รบยึดคืนเมืองติกริตจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) เจ้าหน้าที่เผยในวันอังคาร (24 มี.ค.) นับเป็นการยืนยันครั้งแรกว่าสหรัฐฯกำลังเข้าร่วมปฏิบัติการนี้ หลังจากไม่ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจชิงเมืองสำคัญทางภาคตะวันตกของอิรักมาตั้งแต่ต้น เนื่องจากอิหร่าน ชาติคู่อริ มีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการดังกล่าว

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/wGBU6xbp2GM" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


การช่วยหลือครั้งนี้จะช่วยให้กองกำลังอิรักรุกคืบไปข้างหน้ามากขึ้น หลังจากจนถึงตอนนี้แม้ปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดเข้าโอบล้อมเพื่อโจมตีขับไล่กองกำลังนักรบญิฮัดสุหนี่สุดโต่งจะประสบความสำเร็จในเบื้องต้น โดยปิดล้อมติกริตเอาไว้ได้ แต่ก็ยังยึดคืนไม่สำเร็จ

พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯเล่นงานเป้าหมายพวกไอเอสด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ให้การสนับสนุนทั้งด้านการฝึกฝนและอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองทัพอิรัก แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแถลงถึงการมอบความช่วยเหลือโดยตรงแก่ปฏิบัติการติกริต ซึ่งอิหร่าน รับบทบาทสำคัญ

“พันธมิตรเริ่มให้การสนับสนุนด้านภารกิจไออสอาร์ (ข่าวกรอง ตรวจการณ์ และ ลาดตระเวน) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ตามคำร้องขอของรัฐบาลอิรัก และตอนนี้สหรัฐฯกำลังให้การสนับสนุนนั้น” เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของพันธมิตรที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามบอกกับเอเอฟพี แต่เผยว่าการสนับสนุนนั้นเป็นรูปแบบของการมองจากท้องฟ้า

ไอเอสบุกจู่โจมยึดพื้นที่อันกว้างขวางทางเหนือและตะวันตกของแบกแดดเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน ในนั้นรวมถึงติกริต เมืองเอกของจังหวัดซาลาเฮดดิน บ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน โดยเบื้องต้นกองกำลังความมั่นคงของอิรักรับมือกับไอเอสได้อย่างย่ำแย่ พบเห็นกองทหารหลายหน่วยแตกทัพทางภาคเหนือ ทว่านับตั้งแต่นั้นก็ตีโต้กลับพวกนักรบญิฮัด จากความช่วยเหลือจากกองกำลังอาสาสมัครพันธมิตรหลายหมื่น เช่นเดียวกันพันธมิ่ตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯและอิหร่าน

ในส่วนของปฏิบัติการยึดคืนเมืองติกริตนั้น เบื้องต้นเกี่ยวข้องกับ ตำรวจ และทหารอิรักมากกว่า 20,000 นาย รวมถึงกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ที่รู้จักกันในนามฮาชิด ชาบี ภายใต้การสนับสนุนของนักรบชนเผ่าสุหนี่ท้องถิ่นที่ต่อต้านไอเอส ซึ่งเริ่มขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม โดยพวกเขาประสบความสำเร็จในการยืดคืนเมืองต่างๆ ที่มุ่งสู่ติกริตและล้อมกรอบนักรบญิฮัดหลายร้อยคนในเมือง แต่การยึดคืนติกริตนั้น ดำเนินการยากลำบากกว่า เพราะว่าไอเอสวางแผนรับมือด้วยการวางระเบิดจำนวนมากไว้บนท้องถนนและตามอาคารต่างๆ

ด้วยเหตุนี้ทางทูตระดับอาวุโสจากชาติตะวันตกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพันธมิตรนานาชาติต่อต้านไอเอส เผยกับรอยเตอร์ในวันอังคาร (24 มี.ค.) ว่า อิรักใกล้ยื่นคำร้องมายังพันธมิตร ขอให้ดำเนินการโจมตีทางอากาศ เพื่อเปิดทางสำหรับเข้ายึดคืนเมืองไอเอสแล้ว โดยหากว่าพันธมิตรตอบรับคำร้องดังกล่าว ก็จะได้เห็นปฏิบัติการร่วมต่อต้านไอเอสครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลอิรักต่อคำร้องขอดังกล่าว แต่ทูตรายนี้คาดว่ามันจะได้รับการตอบรับในทางบวก “เมื่อมันเกิดขึ้น เราได้รับคำร้องขอ เราก็จะดำเนินการอะไรก็ตาม ตามคำร้องขอ” ทูตรายนี้ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามบอก

ด้านสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า พันธมิตรนานาชาติต่อต้านไอเอสที่นำโดยสหรัฐฯ เริ่มต้นสนับสนุนเที่ยวบินสอดแนมเหนือท้องฟ้าเมืองติกริตแล้ว ตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ในแบกแดด แต่เจ้าหน้าที่ของพันธมิตรไม่ได้ชี้แจงว่าได้มีการโจมตีทางอากาศด้วยหรือไม่


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034507

 

โอบามาชะลอถอนกำลังจากอัฟกานิสถานตามคำขอของ ปธน.กานี
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2558 04:33 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 09:35 น.)



@นายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน(กลางซ้าย) เข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯที่ทำเนียบขาว

เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สหรัฐฯเตรียมชะลอการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน โดยจะคงกำลังพลระดับปัจจุบัน 9,800 นาย ไปจนถึงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะยุติภารกิจในปี 2016 ตามแผนที่วางเอาไว้ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เผยในวันอังคาร (24 มี.ค.)

ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับ นายอัชราฟ กานี ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน ที่ทำเนียบขาว นายโอบามา เผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามที่คาบูลร้องขอให้วอชิงตันยอมยืดหยุ่นมากขึ้นต่อแผนถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน

“จากคำร้องขอของประธานาธิบดี กานี ที่อยากให้สหรัฐฯยืดหยุ่นมากขึ้นต่อกรอบเวลาของการถอนทหาร สหรัฐฯจะยังคงทหารในระดับปัจจุบัน 9,800 นาย ไปตลอดปี 2015” ถ้อยแถลงร่วมโดยรัฐบาล 2 ชาติ ระบุ “ส่วนแนวทางอย่างเฉพาะเจาะจงของการถอนทหารสหรัฐฯในปี 2016 จะมีการกำหนดอีกครั้งในปลายปี 2015 เพื่อเปิดทางให้ทหารสหรัฐฯรวมเข้ากับกำลังพลที่ทำหน้าที่คุ้มกันสถานทูตประจำคาบูลในปี 2016”

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2014 โอบามา แถลงว่า เขาวางแผนจะเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ในอัฟกานิสถานจำนวน 9,800 นาย ในปี 2015 จากจำนวน 32,000 นาย ณ เวลานั้น และจะถอนทหารให้เหลือเพียงกองกำลังเล็กๆ หลังปี 2016 หากรัฐบาลอัฟกานิสถาน ลงนามข้อตกลงความมั่นคงทวิภาคี (บีเอสเอ)

ตามแผนนั้นของนายโอบามา สหรัฐฯจะเหลือทหารอเมริกัน 9,800 นายไว้ในอัฟกานิสถานในช่วงเริ่มต้นปี 2015 และค่อยๆ ถอนทหารจนเหลือราวครึ่งหนึ่งในช่วงสิ้นปี 2015 โดยจะประจำการทหารไว้ในกรุงคาบูล และฐานทัพอากาศบากรัม หลังจากนั้น จะทยอยถอนทหารกลับประเทศเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นปี 2016 จะเหลือทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานไม่ถึง 1,000 นาย คอยทำหน้าที่คุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ ฝึกทหารอัฟกัน และช่วยเหลือด้านการรักษาความปลอดภัย

ในวันอังคาร (24 มี.ค.) โอบามา ยอมรับอัฟกานิสถาน ยังเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่ยืนยันว่า การคงกำลังทหารจำนวนมากไว้นานกว่าเดิม ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของเขาเกี่ยวกับความพยายามยุติการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯในแนวรบโดยเร็วที่สุด

“ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักว่ากรอบเวลาของการถอนทหารของเรา คือ การเหลือทหารในอัฟกานิสถาน ไว้คุ้มกันสถานทูตในภาวะปกติช่วงสิ้นปี 2016 ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ การเปลี่ยนผ่านออกจากบทบาทการสู้รบของเราไม่ได้เปลี่ยนแปลง” โอบามากล่าว

ทั้งสองผู้นำบอกว่ากองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานได้เข้ารับบทบาทการนำสู้รบกับพวกตอลิบาน และสหรัฐฯจะให้การสนับสนุนอัฟกานิสถานต่อไป แม้ถอนกำลังทหารออกมา


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034515

 

ระบุ “จีน” ประกาศงดใช้ “อำนาจวีโต้” พันธมิตร US จึงแห่ร่วมแบงก์ใหม่
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 21:00 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 21:40 น.)



เอเจนซีส์ - วอลล์สตรีทเจอร์นัลเผยสาเหตุที่ชาติชั้นนำของยุโรปแห่แหนเข้าร่วมธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งใหม่ที่มีปักกิ่งเป็นเจ้าภาพ ทั้งที่วอชิงตันพยายามสกัดดาวรุ่ง เนื่องจากจีนให้สัญญาจะสถาบันแห่งใหม่จะปลอดจากการให้ชาติใดชาติหนึ่งมีอำนาจวีโต้ ขณะเดียวกัน ทั้งญี่ปุ่นและ ADB ต่างหันมาประสานเสียงว่า แบงก์น้องใหม่จากแดนมังกรจะเป็นพันธมิตรสำคัญในการสนับสนุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลฉบับวันอังคาร (24 มี.ค.) รายงานโดยแหล่งข่าวบุคคลที่คลุกคลีกับการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) เปิดเผยว่า ผู้แทนการเจรจาของจีนเสนอต่อพันธมิตรใกล้ชิดบางชาติของสหรัฐฯ ในยุโรปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะไม่มีชาติใดมีอำนาจวีโต้ในแบงก์ใหม่ และข้อเสนอนี้เองที่โน้มน้าวให้อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี ยอมแตกคอกับอเมริกาและยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ AIIB

ข้อเสนอดังกล่าวเท่ากับว่า จีนได้ฉีกแนวทางปฏิบัติที่มีมายาวนานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ทำให้อเมริกามักสามารถครอบงำบงการการตัดสินใจประเด็นสำคัญๆ ทั้งที่ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียงไม่ถึง 20% ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ทั่วโลกไม่พอใจและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง

ความคืบหน้านี้ยังนำมาซึ่งชัยชนะที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักสำหรับจีนในเวทีโลก นอกจากนั้น การวางแผนอย่างระมัดระวังของปักกิ่งยังทำให้ AIIB เป็นผู้ท้าทายสำคัญต่อการครอบงำของวอชิงตัน เหนือระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศนับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

เอสวาร์ ปราสาด นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ในสหรัฐฯ และอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านจีนของ IMF ชี้ว่า จีนกำลังเล่นเกมยาวอย่างมีประสิทธิภาพและใจเย็น

การตัดอำนาจวีโต้ยังเท่ากับว่า ปักกิ่งคลี่คลายความกังวลของอเมริกาและชาติอื่นเกี่ยวกับความโปร่งใสและธรรมาภิบาลของ AIIB

ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ จิน ลี่ฉวิน ที่ปักกิ่งคัดเลือกมาก่อตั้ง AIIB โดยจินชักชวนอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกมาช่วยไขปัญหาธรรมาภิบาลและสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาตะวันตก

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ยังคงมีการเจรจาเกี่ยวกับวิธีการบริหารแบงก์และโครงสร้างคณะกรรมการ โดยถึงแม้ปักกิ่งไม่มีอำนาจวีโต้ แต่ยังคงสามารถควบคุมการตัดสินใจประเด็นสำคัญ และมีแนวโน้มว่า เรื่องนี้จะกระตุ้นความกังวลของอเมริกา อินเดีย และชาติอื่นๆ ว่า ที่สุดแล้ว AIIB จะกลายเป็นเครื่องมือนโยบายต่างประเทศของจีน

กระนั้น สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จิน ประธานชั่วคราวของ AIIB เปิดเผยว่า มีกว่า 35 ประเทศแสดงเจตนารมณ์ร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของแบงก์ในปลายเดือนนี้แล้ว ขณะที่เกาหลีใต้และออสเตรเลีย สองพันธมิตรสำคัญของวอชิงตันในเอเชีย-แปซิฟิก ถูกคาดหมายว่า จะเข้าร่วมภายในเส้นตายดังกล่าวเช่นกัน นอกจากนี้ AIIB ยังใกล้บรรลุเป้าหมายในการระดมทุนจดทะเบียน 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นจาก 50,000 ล้านดอลลาร์ที่ประกาศไว้แต่แรก

สำหรับวอชิงตัน เมื่อเล็งเห็นว่าไม่สามารถต้านทานกระแส AIIB ได้ คณะบริหารของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงกลับลำเสนอให้แบงก์น้องใหม่มาแรงของจีนร่วมโครงการต่างๆ กับสถาบันที่วอชิงตันสนับสนุน เช่น ธนาคารโลก รวมทั้งใช้ระเบียบกฎเกณฑ์ในทำนองเดียวกันซึ่งมีอเมริกาเป็นผู้ผลักดัน

ด้านญี่ปุ่น ล่าสุด รัฐมนตรีคลัง ทาโร่ อาโสะ แถลงเมื่อวันอังคาร (24) ว่า จะเป็นการดีมากหาก AIIB ร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ตอบสนองความต้องการในการระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในเอเชีย หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ได้ออกตัวว่า โตเกียวไม่พร้อมเข้าร่วมกับธนาคารแห่งนี้ภายในเส้นตายวันที่ 31 ที่จะถึง เนื่องจากมองว่า AIIB ยังขาดความโปร่งใสในด้านการบริหาร

อาโสะยังย้ำความกังวลของญี่ปุ่นในเรื่องความสามารถของ AIIB ในการจัดการหนี้อย่างยั่งยืน รวมถึงการรับมือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากอาจส่งผลต่อเงินกู้ที่ ADB ธนาคารโลก และสถาบันอื่นๆ ปล่อยอยู่ในขณะนี้

วันเดียวกันนั้น ทาเคฮิโกะ นากาโอะ ประธาน ADB ออกมาขานรับว่า AIIB จะเป็นหุ้นส่วนสำคัญมากกว่าคู่แข่ง และ ADB พร้อมร่วมมือ หาก AIIB มีแนวทางการปล่อยสินเชื่อที่สอดคล้องกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และอื่นๆ

ทั้งนี้ การที่พันธมิตรยุโรปของสหรัฐฯต่างไม่ฟังเสียงทัดทานของวอชิงตัน จนกระทั่งอเมริกาและพันธมิตรใกล้ชิดในเอเชียอย่างญี่ปุ่น ยังต้องปรับเปลี่ยนท่าทีการต่อต้าน AIIB ของตนให้แนบเนียนมากขึ้นเช่นนี้ เห็นกันว่าเกิดจากการวางแผนอย่างรอบคอบของปักกิ่ง ซึ่งเร่งเพิ่มบทบาทของจีนในระดับสากล

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสนอแนวคิดในการตั้งแบงก์ใหม่แห่งนี้ตั้งแต่ปลายปี 2013 โดยแจกแจงเหตุผลว่าเพื่อทำหน้าที่ระดมทุนให้แก่โครงการโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียที่มีความต้องการมากกว่าเงินทุนที่ IMF, ADB และธนาคารโลกสามารถจัดหาให้ และจีนยังไขข้อข้องใจของพันธมิตรของอเมริกา โดยยืนยันว่า ต้องการปฏิบัติตามมาตรฐานระดับโลก รวมทั้งจะเปิดโอกาสให้บริษัทตะวันตกมีส่วนร่วมในโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ในเอเชียด้วย

ปักกิ่งคาดหวังว่า จะสามารถสรุปกฎเกณฑ์พื้นฐานในการบริหาร AIIB ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และเริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการปลายปีนี้

อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นต่างๆ ที่ไม่มีข้อสรุป อาทิ การจัดสรรหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียงในหมู่สมาชิกผู้ก่อตั้ง โดยทางเลือกหนึ่งคือ แบ่งหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียง 75% ให้สมาชิกในเอเชียที่มีอย่างน้อย 27 ชาติโดยพิจารณาจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของแต่ละชาติ ซึ่งจะเท่ากับว่า จีนได้ถือหุ้นใหญ่โดยไม่ต้องออกแรงใดๆ ส่วนอีก 25% จัดสรรให้สมาชิกนอกเอเชีย

ส่วนอีกประเด็นที่ยังคั่งค้างคือ โครงสร้างกรรมการบริหาร ซึ่งวอชิงตันกดดันให้ปักกิ่งใช้รูปแบบเดียวกับ IMF และธนาคารโลกที่เรียกว่า resident director โดยกรรมการเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากและมีสิทธิ์ออกเสียงในโครงการและนโยบายใหม่ๆ ในองค์กร รวมทั้งทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทว่า จีนไม่เห็นด้วย และต้องการใช้รูปแบบคณะบริหารซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของตนนั่งในตำแหน่งที่ทรงอิทธิพลในแบงก์

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาหลายคนมองว่า ระบบ resident director ทั้งล้าสมัยและทำให้การตัดสินใจล่าช้า โดยอ้างอิงว่า ธนาคารโลกเองยังกำลังเริ่มทบทวนแนวทางนี้

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034444

 

“โบอิ้ง” จดสิทธิบัตรเทคโนโลยี “การป้องกันด้วยสนามพลัง” แบบในหนังสตาร์วอร์ส โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 19:19 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 21:38 น.)



@ในอนาคต การป้องกันด้วยสนามพลังแบบในหนังสตาร์วอร์อาจกลายเป็นจริง

เอเจนซีส์ - บริษัทอเมริกันผู้ผลิตเครื่องบินและยุทโธปกรณ์ทางทหาร “โบอิ้ง” ได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีการป้องกันแบบใหม่ ที่ทำให้คอภาพยนต์แนวไซไฟ อาจจะได้เห็นสนามพลังแบบในหนังสตาร์วอร์สเกิดขึ้นจริง

สิทธิบัตรเกี่ยวกับการป้องกันด้วยสนามพลังของโบอิ้ง ในทางเทคนิคแล้วมันคือสิทธิบัตร “ระบบและวิธีการลดทอนคลื่นกระแทกด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าแนวโค้ง” ซึ่งคงยังต้องใช้เวลาอีกนาน ในการทำให้เทคโนโลยีลักษณะนี้ทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้ในอนาคต

เทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรครั้งนี้ ถูกระบุว่ายังคงทำได้แค่ป้องกันคลื่นกระแทกจากแรงระเบิดเท่านั้น แต่เนื่องจากในปัจจุบันยานพาหนะทางทหารก็มักจะมีเกราะหนาเพียงพอที่จะปกป้องผู้ที่อยู่ภายในจากสะเก็ดระเบิดอยู่แล้ว เทคโนโลยีป้องกันคลื่นกระแทกชิ้นนี้จึงมาช่วยให้การปกป้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น

@รูปประกอบในสิทธิบัตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ของโบอิ้ง

คอนเซ็ปต์ของเทคโนโลยีนี้ คือ การใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการระเบิดที่เกิดขึ้นในน้ำ หรือในอากาศ แล้วประเมินเวลาและจุดที่เกิดระเบิด จากนั้นสัญญาณจากเซ็นเซอร์จะทำให้เลเซอร์ (อาจเป็นกระแสไฟฟ้า หรือคลื่นไมโครเวฟ) สร้างเกราะพลาสมาขึ้นตรงกลางระหว่างจุดระเบิดกับตัวยานพาหนะ ซึ่งเจ้าเกราะพลาสมาชั่วคราวที่มีความหนาแน่นสูงนี้ จะช่วยเบี่ยงเบนและดูดซับคลื่นกระแทกจากแรงระเบิด

ในภาพประกอบของสิทธิบัตรชิ้นนี้ แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของสนามพลังที่จะช่วยปกป้องรถฮัมวีของทหารจากคลื่นกระแทก อย่างไรก็ตาม มีการระบุไว้ด้วยว่า เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพเพียงพอที่จะปกป้องได้เกือบทุกอย่างให้รอดพ้นจากคลื่นกระแทก ตั้งแต่เรือธรรมดาไปจนถึงเรือดำน้ำ สิ่งปลูกสร้างนอกชายฝั่ง ยานพาหนะภาคพื้นดิน อาคารหรือแม้กระทั่งมนุษย์

สำหรับแรงระเบิดที่มีขนาดแตกต่างกันไปนั้น จะมีการคำนวณขนาดและความแข็งแรงของสนามพลังตามความเหมาะสม อาทิ ยานเกราะเบาอย่างรถฮัมวี อาจใช้สนามพลังที่เหมาะกับแรงระเบิดขนาดเล็ก ขณะที่ยานเกราะหนักอย่างรถถังอาจจะเก็บเกราะพลาสมานี้ไว้ใช้กับคลื่นกระแทกที่รุนแรง โดยระบบจะมีฐานข้อมูลเกี่ยวกับแรงระเบิด เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรจะใช้แบบไหน

<iframe width="640" height="390" src="https://www.youtube.com/embed/4zIiOmJVfHU" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034411

 

รัสเซียเตือนสหรัฐฯ ห้ามส่ง “ระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD” ให้เกาหลีใต้ อ้าง “บ่อนทำลายความสงบคาบสมุทรเกาหลี” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 มีนาคม 2558 18:27 น. (แก้ไขล่าสุด 25 มีนาคม 2558 10:32 น.)



เอเอฟพี - วันนี้ (24 มี.ค.) รัสเซียแถลงเตือนสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยหากวอชิงตันจะมอบระบบป้องกันขีปนาวุธให้เกาหลีใต้ หวั่นอาจเกิดความไม่สงบในภูมิภาค

ในขณะที่วอชิงตันประกาศ ความต้องการที่จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ให้กับเกาหลีใต้เพื่อต่อต้านความก้าวร้าวทางทหารของเกาหลีเหนือ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียได้ออกแถลงการณ์เตือนสหรัฐฯว่า “สิ่งที่สหรัฐฯ ตั้งใจริเริ่มนั้นจะทำให้เกิดข้อกังวลในอิทธิพลทางด้านทำลายล้างของระบบป้องกันขีปนาวุธทั่วโลกของสหรัฐฯต่อความมั่นคงนานาชาติ”

และแถลงการณ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “และโดยเฉพาะในบางภูมิภาคที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อนเป็นทุนอยู่แล้วในด้านความมั่นคง ดังนั้นสิ่งนี้จะกลายเป็นแรงผลักดันทำให้เกิดการแข่งขันการสะสมอาวุธในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย และปัญหาละเอียดอ่อนด้านนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี”

นอกจากนี้ จีนยังเตือนว่าการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธจะไม่มีประโยชน์ต่อภูมิภาคนี้ แต่จะเป็นตัวทำลายความสงบและความมั่นคงมากกว่าสร้างสรรค์

รัสเซียที่ถูกโลกตะวันตกและสหรัฐฯ โดดเดี่ยวมากขึ้นจากปัญหาวิกฤตยูเครน และทำให้ต้องหันไปผูกมิตรกับเพื่อนเก่าสมัยสงครามเย็น “เกาหลีเหนือ” แทน ซึ่งทั้งมอสโกและเปียงยางต่างประกาศร่วมกันว่า ปี 2015 ถือเป็นปีแห่งความเป็นมิตรระหว่างทั้งสองประเทศ

นอกจากนี้ เครมลินยังระบุว่าจะเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน จะเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมงานประกาศชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้

และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า เกาหลีใต้และสหรัฐฯจะร่วมฝึกทางทหารร่วมกันตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมนี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระดับประเทศที่เกาหลีเหนือมองว่าเป็นการคุกคามมากกว่าการฝึกซ้อมตามปกติ

 

เผยไอเอสรับ “เด็กในซีเรีย” ร่วมกลุ่มแล้วกว่า 400 คน ในช่วง 3 เดือน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 19:05 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 21:37 น.)



รอยเตอร์ – กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) รับเด็กในซีเรียเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มแล้วอย่างน้อย 400 คน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และให้พวกเขารับการฝึกทางทหารที่เรียกกันว่า “เด็กน้อยแห่งคอลิฟะห์” (Cubs of the Caliphate) และรับการปลูกฝังแนวคิดสุดโต่ง กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุวันนี้ (24)

กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ระบุว่า เด็กเหล่านี้ ซึ่งล้วนอายุต่ำกว่า 18 ปี ถูกรับเข้าเป็นสมาชิกใหม่ใกล้ๆ กับโรงเรียน มัสยิด และในพื้นที่สาธารณะที่กลุ่มไอเอสก่อเหตุสังหารและลงโทษชาวบ้านท้องถิ่นอย่างป่าเถื่อน

เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ มีคลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นเด็กชายคนหนึ่งยิงสังหารชายชาวอาหรับเชื้อสายอิสราเอล ซึ่งถูกกลุ่มไอเอสกล่าวหาว่าเป็นสายลับ แหล่งข่าวจากตำรวจฝรั่งเศส ระบุว่า เด็กชายคนดังกล่าวอาจเป็นพี่น้องร่วมพ่อแม่เดียวกันของ โมฮาเม็ด มีราห์ ผู้สังหารทหาร 3 คน, นักบวชยิว 1 คน และเด็กยิว 3 คน ในเมืองตูลูสเมื่อปี 2012

“พวกเขาใช้เด็กเพราะว่ามันง่ายต่อการล้างสมอง พวกเขาสามารถปั้นให้เด็กเหล่านี้ให้กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ พวกเขาห้ามไม่ให้เด็กเหล่านี้ไปโรงเรียนและส่งเด็กไปที่โรงเรียนของกลุ่มไอเอสแทน” รามี อับดุลเราะห์มาน ผู้อำนวยการของกลุ่มสังเกตการณ์กลุ่มนี้ที่มีฐานอยู่ในอังกฤษ ระบุ

กลุ่มไอเอสประกาศสถาปนาคอลิฟะห์เมื่อปีที่แล้วในดินแดนที่พวกเขาควบคุมในซีเรียและอิรัก และพวกเขาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ ในทั้งสองประเทศ

กลุ่มไอเอสตัดศีรษะ หรือยิงสังหารพลเรือนชาวซีเรีย, พวกทหารนักรบ, ผู้ปฏิบัติบรรเทาทุกข์และนักข่าวชาวต่างชาติ และเผยแพร่คลิปวิดีโอที่ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นการเป็นพยาน หรือการมีส่วนร่วมของเด็กในการสังหารดังกล่าวเป็นบางครั้ง กลุ่มไอเอสข่มเหงและลงโทษประชาชนทุกศาสนาและชาติพันธุ์ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามหลักคำสอนแบบสุดโต่งของพวกเขา

กลุ่มไอเอสอาจกำลังหันไปใช้เด็ก เพราะว่าพวกเขากำลังประสบความยุ่งยากลำบากในการรับสมัครพวกผู้ใหญ่นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว โดยมีผู้ใหญ่เพียง 120 คนเท่านั้นที่เข้าร่วมกับพวกเขา อับดุลเราะห์มาน กล่าว

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นบริเวณชายแดนตุรกี ซึ่งพวกนักรบต่างชาติอาศัยข้ามเข้ามายังซีเรีย เขากล่าวเสริม

กลุ่มไอเอสรบเร้าบรรดาพ่อแม่ให้ส่งลูกๆ ของพวกเขามายังค่ายฝึก หรือรับพวกเขาเป็นสมาชิกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่ของพวกเขา และบ่อยครั้งที่ล่อพวกเขาด้วยเงิน กลุ่มสังเกตการณ์ ซึ่งติดตามความขัดแย้งโดยอาศัยแหล่งขาวในพื้นที่ ระบุ

ทางกลุ่มเปิดเผยว่า ที่ค่ายฝึกดังกล่าว เด็กเหล่านี้จะได้เรียนรู้การยิงกระสุนจริง, การต่อสู้ในสมรภูมิต่างๆ และการขับรถ นอกจากนี้ กลุ่มไอเอสยังรับเด็กๆ เข้ามาเป็นคนแจ้งข่าวและคนคุ้มกันศูนย์บัญชาการใหญ่ของกลุ่ม ตลอดจนให้การต้อนรับเด็กที่มีความพิการแต่กำเนิดเข้าร่วมกลุ่มของพวกเขาด้วย กลุ่มสังเกตการณ์ กล่าวเสริม

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000034402

 

แพทย์ชี้ รบ.อินเดียแก้ไขวิกฤต “วัณโรค” ล้มเหลว
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มีนาคม 2558 17:07 น. (แก้ไขล่าสุด 24 มีนาคม 2558 21:39 น.)



เอเอฟพี – รัฐบาลอินเดียล้มเหลวในการแก้ไขวิกฤต “วัณโรค” ที่กำลังแพร่ระบาดหนัก โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากปัญหาด้านงบประมาณ และรัฐบาลไร้ความสามารถในการควบคุมระบบสาธารณสุขเอกชนที่ “จ้องแต่แสวงหาผลประโยชน์” บทความซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงวารสารการแพทย์อังกฤษ (British Medical Journal) ระบุ

งานวิจัยซึ่งเผยแพร่วันนี้ (24 มี.ค.) เนื่องในวันวัณโรคโลก (World Tuberculosis Day) เรียกร้องให้รัฐบาลเดลีทุ่มเม็ดเงินลงทุนกับโครงสร้างระบบสาธารณสุข เพื่อวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยวัณโรคซึ่งถือเป็นวิกฤตสาธารณสุขที่ “ร้ายแรงที่สุด” ในอินเดียเวลานี้

อินเดียมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่ๆ สูงถึง 2.2 ล้านคนจากทั้งหมดราว 8.6 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี และหากเทียบจำนวนผู้ป่วยก็พบว่าสูงกว่าประเทศอื่นๆ เกิน 2 เท่าตัว ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO)

ปัจจุบันมีชาวอินเดียเสียชีวิตเพราะวัณโรคราว 300,000 คนต่อปี

บทความซึ่งเรียบเรียงโดย นพ.ซารีร์ เอฟ. อุดวาเดีย แพทย์ประจำโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในนครมุมไบ ระบุว่า โครงการวัณโรค (ทีบี) ของรัฐบาลยังไม่สามารถดูแลไปถึงระบบสาธารณสุขเอกชนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“สถานพยาบาลเหล่านี้คือจุดที่ผู้ป่วยจะวิ่งเข้าหาเป็นแห่งแรกเมื่อรู้ตัวว่าเป็นวัณโรค แม้จะมีหลายกรณีที่แพทย์วินิจฉัยผิด หรือรักษาไม่เหมาะสมก็ตาม” อุดวาเดีย ซึ่งทำงานกับโรงพยาบาลและศูนย์วิจัยการแพทย์ พี.ดี. ฮินดูจา เนชันแนล กล่าว

“ผู้ป่วยวัณโรคในอินเดียมักตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกสถานพยาบาลรัฐที่ไม่ค่อยเห็นใจคนป่วย หรือโรงพยาบาลเอกชนที่จ้องแต่จะแสวงหาผลประโยชน์ จนกระทั่งอาการป่วยทรุดหนักหรือไม่ก็หมดเงิน แต่ระหว่างนั้นพวกเขาก็แพร่เชื้อไปยังบุคคลใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว”

อินเดียจัดสรรงบอุดหนุนโครงการต่อต้านวัณโรคเพียง 5,000 ล้านรูปีต่อปี ซึ่งถือว่า “น้อยจนน่าขำ” และน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา BRICS

เมื่อไม่นานนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญได้ยื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เพื่อเรียกร้องให้ยกระดับโครงการต่อสู้วัณโรคเป็น “วาระฉุกเฉินแห่งชาติ” ตลอดจนเพิ่มความตระหนักรู้แก่ชาวอินเดียในการป้องกันตนเองจากโรคนี้

ᾷ

 

'นาซา'แฉพบ'ดาวอังคาร' เคยเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต


ยานสำรวจดาวอังคารของนาซาพบไนโตรเจน ที่เป็นการบ่งชี้ว่า ดาวแดงเคยเป็นถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิต

วันพุธ 25 มีนาคม 2558 เวลา 11:18 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ว่า ยานคิวริออสซิตี ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) ได้พบไนโตรเจนบนพื้นผิวของดาวอังคาร ซึ่งการค้นพบครั้งสำคัญนี้ เท่ากับเป็นการเพิ่มหลักฐานให้แก่ดาวอังคาร ว่าเคยเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตในอดีต โดยยานคิวริออสซิตีได้ขุดเจาะลงไปในหินของดาวแดง จนพบหลักฐานของไนโตรเจน อีกทั้งยังพบส่วนประกอบอื่นที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต เช่น น้ำและสารอินทรีย์ ในบริเวณปากปล่องภูเขาไฟเกลเครเตอร์

"เจนนิเฟอร์ สเทิร์น" เจ้าหน้าที่ศูนย์เที่ยวบินอวกาศก็อดดาร์ด ในเมืองกรีนเบลท์ รัฐแมรีแลนด์ บอกว่า การค้นพบไนโตรเจนเท่ากับเป็นการสนับสนุนสิ่งแวดล้อมบนดาวอังคาร ที่ปากปล่องภูเขาไฟเกลเครเตอร์ เคยเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิต เพราะไนโตรเจนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตในการสร้างดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ

นอกจากนี้ ทั้งบนโลกและดาวอังคาร การพบไนโตรเจนอยู่ในรูปของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ยานคิวริออสซิตีพบก๊าซมีเทนใกล้พื้นผิวดาวอังคาร แต่ยังไม่รู้แหล่งที่มา อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้คาดหวังว่ายานคิวริออสซิตีเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวหรือสัตว์มีชีวิตบนดาวอังคาร แต่หวังใช้การวิเคราะห์ดินและหินเพื่อหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในอดีตและปัจจุบัน ไม่เพียงแค่นั้น ยานคิวริออสซิตี มูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 82,500 ล้านบาท ยังมีเป้าหมายศึกษาสภาพแวดล้อมบนดาวอังคารเพื่อเตรียมการสำหรับภารกิจมนุษย์บุกดาวแดงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

'นาซา'แฉพบ'ดาวอังคาร' เคยเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิต | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

จอร์แดนจ้างรัสเซียสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์



รัฐบาลจอร์แดนลงนามข้อตกลงกับรัสเซีย มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ

วันพุธ 25 มีนาคม 2558 เวลา 05:00 น.
สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า รัฐบาลจอร์แดนลงนามข้อตกลงกับตัวแทนบริษัทโรซาตอมของทางการรัสเซีย มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 325,190 ล้านบาท) ที่กรุงอัมมาน เมื่อวันอังคาร เพื่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกของประเทศ โดยจะสร้างเตาปฏิกรณ์ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ 2 เตา ทางภาคเหนือของประเทศ

ข้อตกลงเป็นการสรุปความพยายามของราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนที่ขาดแคลนพลังงาน ในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน และลดการนำเข้า เนื่องจากจอร์แดนเป็นประเทศที่ขาดแคลนแหล่งพลังงานท้องถิ่น ต้องนำเข้ากระแสไฟฟ้าถึงร้อยละ 96 และความรุนแรงใน 2 ประเทศเพื่อนบ้านคืออิรัก และคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ ทำให้แหล่งป้อนพลังงานลดน้อยลงอีก รัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำเข้าพลังงานโดยเฉลี่ยปีละ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวเพตราของจอร์แดน รายงานว่า ตามข้อตกลง การก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่เมืองอัมรา ทางภาคเหนือ จะแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2565 โดยรัฐบาลจอร์แดนจะถือหุ้นส่วนร้อยละ 51 ของโรงงาน ส่วนที่เหลือร้อยละ 49 เป็นของบริษัทโรซาตอม และจอร์แดนจะต้องซื้อเชื้อเพลิงสำหรับเตาปฏิกรณ์ จากบริษัทโรซาตอมในช่วง 10 ปีแรกหลังเดินเครื่องผลิตพลังงาน และหลังจากนั้นจึงจะสามารถหาซื้อจากแหล่งอื่นได้.

จอร์แดนจ้างรัสเซียสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ภูเก็ตผวา! แผ่นดินไหว 3.8 ห่างฝั่ง 8 กม. ไม่มีเตือนภัยสึนามิ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 มี.ค. 2558 07:12



คนภูเก็ตมีอันต้องผวาตั้งแต่เช้ามืด หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.8 ในทะเล ห่างฝั่งด้านทิศตะวันออกของเกาะ 8 กม. รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ตึกสูงสั่นไหว ล่าสุดยังไม่มีการเตือนภัยสึนามิ...

เมื่อเวลา 05.32 น. วันที่ 25 มีนาคม 2558 สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.8 แมกนิจูด บริเวณนอกชายฝั่งทางทิศตะวันออกของ จ.ภูเก็ต

โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่ที่ละติจูด 7.89 ลองจิจูด 98.52 ห่างจากชายฝั่ง จ.ภูเก็ต 8 กิโลเมตร และห่างจากเทศบาลนครภูเก็ต 13 กิโลเมตร ล่าสุดยังไม่มีการเตือนภัยสึนามิ

อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวขนาด 3.8 ครั้งนี้ ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะบริเวณใกล้ชายฝั่งทางทิศตะวันออก ชาวบ้านที่อยู่ในบ้านเรือนที่เป็นตึกสูง แม้จะยังนอนอยู่ ก็รู้ได้ว่าตัวอาคารมีการสั่นไหว บางคนถึงกับรู้สึกเวียนหัว และเมื่อทราบว่าเป็นเหตุแผ่นดินไหว ก็ได้สร้างความตื่นตระหนกพอสมควร.

ภูเก็ตผวา! แผ่นดินไหว 3.8 ห่างฝั่ง 8 กม. ไม่มีเตือนภัยสึนามิ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

Kaokala Fc
24 มี.ค. รัสเซียตำหนิสหรัฐกระตุ้นปัญหาสองเกาหลี กรณีจะนำระบบต่อต้านขีปนาวุธไปติดตั้งในเกาหลีใต้

รัฐบาลรัสเซียวิจารณ์แนวคิดของสหรัฐ ที่ต้องการนำระบบต่อต้านขีปนาวุธไปติดตั้งในเกาหลีใต้ ว่าจะยิ่งเป็นการสร้างความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี มากกว่าสร้างสันติภาพ



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ว่ากระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์วิจารณ์แผนการของรัฐบาลสหรัฐ เรื่องการนำระบบต่อต้านขีปนาวุธประสิทธิภาพสูงไปติดตั้งในเกาหลีใต้ ว่าไม่ใช่พัฒนาการที่ดีเพื่อนไปสู่การสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่จะยิ่งเป็นการสร้างความกังวลให้กับหลายฝ่าย เกี่ยวกับ "อิทธิพลแห่งการทำลายล้าง" ของสหรัฐ ที่มีต่อเสถียรภาพด้านความมั่นคงของประชาคมโลกมากขึ้นเท่านั้น

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า สถานการณ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้เป็นประเด็นด้านความมั่นคงที่ซับซ้อน และยากแก่การทำความเข้าใจมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของรัฐบาลวอชิงตันมีแต่จะยิ่งก่อให้เกิดการการแข่งขันด้านอาวุธในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลรัสเซียในเรื่องนี้ เป็นไปในทางเดียวกับรัฐบาลจีน ซึ่งออกมาแสดงความกังวลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าระบบต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐสั่นคลอนสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งได้รับการปฏิเสธจากเกาหลีใต้

รัสเซียตำหนิสหรัฐกระตุ้นปัญหาสองเกาหลี | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

วอนช่วยเหลือชาวบ้านหลังน้ำจืดขาดแคลน



นายกฯอบต.วอนช่วยเหลือชาวบ้านตำบลบ่อหิน อ.สิเกา เมืองตรังประสบภาวะขาดแคลนน้ำดื่ม-ใช้ เหตุน้ำดิบประปาไม่พอผลิต แถมน้ำเค็มซึมเข้าบ่อน้ำจืดในพื้นที่

วันพุธ 25 มีนาคม 2558 เวลา 12:14 น.
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายจอมรวย เกลี้ยงช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ่อหิน อ.สิเกา จ.ตรังว่า ขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ่อหินกว่า 2,000 ครัวเรือนกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก หลังจากประสบปัญหาน้ำเค็มซึมเข้าบ่อน้ำตื้น ทำให้น้ำกลายเป็นน้ำกร่อยจนถึงเค็ม ไม่สามารถนำมาใช้อุปโภค-บริโภคได้ ขณะเดียวกันในพื้นที่ดังกล่าว แม้จะมีสระน้ำที่เป็นแหล่งผลิตประปาประจำตำบล แต่ก็มีเพียงแห่งเดียว พอประสบภาวะแห้งแล้งปริมาณน้ำน้อยลงทำให้ผลิตน้ำประปาได้เพียงวันเว้นวันเท่านั้น

นายจอมรวย กล่าวอีกว่า องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อหินไม่ได้นิ่งนอนใจ ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยจัดหารถบรรทุกน้ำไปรับน้ำจากสำนักงานการประปาที่ตัวอำเภอสิเกา เพื่อนำมาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชน โดยมีการหมุนเวียนสลับเปลี่ยนกันไปให้ครบทั้ง 9 หมู่บ้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ จัดทำระบบประปาขนาดใหญ่ขึ้นในพื้นที่ พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ชาวบ้านโดยด่วนด้วย.

วอนช่วยเหลือชาวบ้านหลังน้ำจืดขาดแคลน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ปอกเปลือก ทรราช
สนามรบแห่งใหม่เร่ิมแล้ว ซาอุดิฯเปิดฉากโจมตีเยเมนทางอากาศเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา



-------------
เอาแล้วไง... นึกไว้ว่ามันจะต้องมีอะไรซักอย่าง กลิ่นชักจะไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ 2-3 วันที่แล้ว สำนักข่าวต่างประเทศ (รัสเซีย) รายงานว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (7 p.m. EST/11 p.m. GMT) วันที่ 25 มี.ค.58 กองทัพอากาศของซาอุดิอาระเบียร่วมกับอีก 9 ประเทศเปิดฉากโจมตีกลุ่มกบฎฮูติ (Shiite Houthi) ด้วยเครื่องบินรบทิ้งระเบิดทางอกาศใส่พวกกบฎในพื้นที่ Jiraf กรุงซานา (Sanaa) เมืองหลวงของเยเมน ซึ่งถูกพวกกบฎฮูติยึดไว้
นาย Adel bin Ahmed Al-Jubeir เอกอัคราชทูตซาอุฯประจำสหรัฐฯอเมริการีบออกมาป้องสหรัฐฯทันทีว่าปฏิบัติการโจมตีเยเมนในครั้งนี้สหรัฐฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย (ไปหลอกเด็กเหอะ) สำนักข่าว "Al Arabiya" ของซาอุดิอาระเบียรายงานว่า "กองทัพอากาศแห่งราชอาณาจักรซาอุดิ ได้ทิ้งระเบิดใส่ตำแหน่งของกลุ่มติดอาวุธฮูติในเยเมน มีเป้าหมายระบบป้องกันภัยทาสงอากาศของพวกฮูติ"
รอยเตอร์สรายงานโดยอ้างคำพูดของพลเมืองเยเมนว่าการโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่สนามบินในเมืองหลังของเยเมน และมีการกล่าวหาว่ากลุ่มกบฎฮูติได้ยิงปืนต่อสู้อากาศยานตอบโต้กลับด้วย ในขณะที่เครื่องบินรบอีกลำหนึ่งซาอุก็ได้โจมตีฐานทัพอากาศ Dulaimi ของเยเมนด้วย
ในขณะเดียวกัน ทางซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ บาห์เรน กาต้า คูเวต ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าพวกเขาได้ตัดสินใจที่จะขับไล่กลุ่มติดอาวุธฮูติ อัลเคด้า ไอซิส ในประเทศเยเมน ชาติเหล่านี้กล่าวว่าพวกเขาแสดงความรับผิดชอบต่อการคุกคามครั้งยิ่งใหญ่นี้เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมีเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ รมว.ต่างประเทศของอียิปต์ออกมากล่าวว่าอียิปต์จะสนับสนุนทั้งด้านการเมืองและทางทหารในปฏิบัติการนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ทางน้ำ และบนบก
ทูตซาอุดิฯ ประจำสหรัฐฯยืนยันว่ากรุงวอร์ชิงตันเพียงแต่ให้คำปรึกษาเท่านนั้น (นั่นไง... ตอนแรกบอกว่าไม่มีเอี่ยว แล้วตอนนี้บอกว่าให้คำปรึกษา ก็ไอ้คำปรึกษานั่นแหละคือคำสั่งและไฟเขียวให้โจมตีเยเมนในครั้งนี้) เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯกล่าวกับรอยเตอร์สว่า ภายใต้เงื่อนไขของคำว่า "ไม่เปิดเผย" (anonymity) นี้ อเมริกาได้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในแนวทางที่ไม่อาจระบุได้ (นี่แหละบรรลัยยิ่งกว่าระบุออกมาให้สื่อฯหรือทั่วโลกได้รับรู้ซะอีก เพราะจะใช้อาวุธอะไรและอย่างไรก็ได้)
เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.58) ซาอุดิฯพึ่งจะสั่งให้กองทัพของตนเองขนอาวุธหนักเข้าประชิดชายแดนเยเมนที่อยู่ติดกับซาอุมาหมาดๆนี่เอง พอตกตึกมาก็สั่งให้เครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดใส่เมืองหลวงของเขาซะอย่างนั้น ในวันเดียวกันนี้ปธน. Hadi ของเยเมนที่กำลังหนีตายหัวซุกหัวซุนจากกลุ่มกบฎเยเมนได้ออกมาเรียกเรียกร้องให้นานาชาติรวมทั้งยูเอ็นช่วยส่งกองทัพเข้าปราบปรามกลุ่มกบฎฮูติให้ด้วย จากนั้นพวกกบฎก็เข้าปิดล้อมที่พักของ Hadi ไว้แล้วตั้งค่าหัว 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ Al-Manar TV
ซาอุดิฯ กล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังของกลุ่มกบฎฮูติ จริงๆแล้วในเยเมนั้นมีทั้งพวกฮูติ อัลเคดา ไอซิส และฝ่ายของ Hadi ด้วยที่แบ่งเขตกันปกครอง ยังไม่พบข่าวว่าฮูติไปโจมตีซาอุดิฯตั้งแต่เมื่อไรเลย แต่ซาอุดิฯ ก็เปิดฉากทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มฮูติก่อนซะแล้ว สงครามครั้งนี้จะคล้ายๆกับกรณีของโคโซโวไม่มีผิดแน่ เพียงแต่ตอนนี้เปลี่ยนจากนาโต้มาเป็นพันธมิตรตะวันออกกลางเท่านั้นเอง แต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังตัวจริงก็คือสหรัฐฯและนาโต้นั่นแหละ ถ้าสหรัฐฯไม่ไฟเขียวให้มีหรือซาอุจะกล้าไปรุกรานอธิปไตยของประเทศอื่นอย่่างนั้น พอสู้กันไปได้สักพักสหรัฐฯอาจจะออกโรงเองก็ได้ พวกนี้จะเข้ารุกรานประเทศที่ไม่ค่อยจะมีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดีนัก และขาดแคลนเครื่องบินรบด้วย ที่น่าเศร้าใจก็คือ Hadi ช่างเหมือนกับโปโรเชนโกจริงๆที่มักจะชักศึกเข้าบ้าน เรียกร้องให้ต่างชาติเอาระเบิดมาถล่มเมืองหลวงของตัวเองเพียงเพราะไม่ต้องการสละเก้าอี้ปธน.ให้คนอื่นเท่านั้นเอง
The Eyes
26/03/2558
----------
http://rt.com/news/244117-saudi-arabia-bombs-yemen-houthis/
http://rt.com/news/243789-saudi-arabia-military-yemen/
US evacuates ‘special forces’ in Yemen as rebels seize third largest city — RT News
http://english.alarabiya.net/…/GCC-states-to-repel-Houthi-a…
Yemeni President Hadi Requests Military Aid From Arab League – FM / Sputnik International
US Confirms Yemen President Out of Residence - State Department / Sputnik International
Saudi Arabia Launches Military Operations Against Houthi Targets in Yemen / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
มาแล้ว... สหรัฐฯส่งขบวนช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้ยูเครนด้วยรถฮัมวี่ล็อตแรก 10 คัน



-------------
ตลอดช่วงเวลาที่มีการสู้รบทำสงครามกลางเมืองในยูเครนตะวันออกตั้งแต่ปีีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ ฝั่งรัสเซียได้ส่งขบวนรถคอนวอยบรรทุกอาหาร เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์ใช้สอยที่จำเป็นในการยังชีพไปให้กับผู้ประชาชนชาวโดเนทส์กและลูฮานส์กในยูเครนตะวันออกนับครั้งไม่ถ้วน ในขณะที่รัฐบาลยูเครนไม่เคยส่งอะไรไปช่วยเลยนอกจากกระสุนปืนใหญ่ ลูกปืนรถถัง จรวดโจมตีที่พักอาศัยของชาวบ้านและทำลายสถานที่สาธารณูปโภคของชาวยูเครนตะวันออกเท่านั้น ทางอียูก็เงียบ แต่เห็นมีออกข่าวอยู่ครั้งหนึ่งที่กาชาตสากลส่งของใช้ไปช่วยบ้างสื่อฯตะวันตกออกข่าวซะใหญ่โตครึกโครม นอกจากฝั่งยูเครนจะไม่ช่วยส่งข้าวปลาอาหารไปให้ประชาชนของตัวเองที่เดือดร้อนจากภัยสงครามที่ตัวเองก่อขึ้นแล้ว สื่อฯยูเครนยังเล่นข่าวอยู่บ่อยๆว่าขบวนรถคอนวอยของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของรัสเซียล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนของยูเครนโดยไม่ได้รับอนุญาตซะงั้น
ล่าสุดฝั่งสหรัฐฯทนไม่ไหวที่จะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกไร้น้ำใจ ชอบก่อแต่สงครามทำลายล้าง ก็เลยส่งขบวนรถ HMMWV (Humvee) มาให้ทางกองทัพยูเครนล็อตแรกจำนวน 10 คันทางเครื่องบิน ปธน.โปโรเชนโกของยูเครนรู้สึกดีอกดีใจนักหนาที่ได้รับรถฮัมวี่หุ้มเกราะกระจกกันกระสุน แต่ไม่ได้ติดอาวุธหนักมาด้วย เนื่องจากขัดกับข้อห้ามส่งมอบอาวุธหนักให้ยูเครน เพราะชาติสมาชิกอียูและรัสเซียไม่เห็นด้วย แต่วันก่อนก็เห็นมีข่าวว่าทางสภาฯของสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายสนับสนุนอาวุธหนักให้ยูเครนแล้ว คืออยากจะสร้างสงครามในยุโรปตะวันออกให้ได้ว่างั้นเถอะ ถึงสงครามใหญ่ไม่เกิดขึ้น แต่ก็ยังสามารถขายอาวุธให้ยูเครนได้มากโข
สื่อฯรัสเซียรายงานว่า ทางกรุงวอร์ชิงตันจะส่งรถฮัมวีกระจกกันกระสุนจำนวนทั้งสิ้น 230 ให้กับทางยูเครนเพื่อไปถล่มกับกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในยูเครนตะวันออก แต่เมื่อเดือนที่แล้วพวกทหาร NAF ในภูมิภาคดอนบาสส์ได้ยึดรถฮัมวี่ของสหรัฐฯจากกองทัพของยูเครนได้ 1 คันถ่ายรูปมาโพสต์เย้ยเล่นๆในโลกโซเซี่ยวและออกสื่อฯฝั่งรัสเซียซะเลย เอารถฮัมวี่มาสู้กับรถถังนี่นะ? เกรงว่าจะโดนล้อมกรอบยึดรถใหม่อีกนะสิ
ตามข้อตกลงระหว่างกรุงเคียฟกับกรุงวอร์ชิงตันแล้ว ทางกรุงวอร์ชิงตันบอกว่าจะนอกจากส่งรถฮัมวี่ให้แล้วยังจะให้เงินมาใช้อีก 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไม่ได้บอกว่าจะให้ฟรีนะ มันเป็นเงินกู้นอกระบบ ค่อยๆปล่อยกู้ให้เรื่อยๆ โขกดอกหนักจนประชาชนชาวยูเครนโงหัวไม่ขึ้นแน่ แต่ลงข่าวว่าสหรัฐฯให้เงินมาใช้ แล้วยังมีโดรนสอดแนมอีก เรื่องโดนนี่ก็สำคัญนะ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาโอบามาบอกว่าจะส่งออกโดรนที่ใช้ในทางการทหารให้กับประเทศต่างๆที่สนใจ ความจริงก็คือสิ่งที่ประเทศที่เป็นลูกค้าเห็นผ่านโดรนที่ซื้อมาจากสหรัฐฯนั้น สหรัฐฯก็จะเห็นด้วย และรู้ด้วยว่าโดรนของตัวเองอยู่ในตำแหน่่งไหนและเวลาไหนบ้าง นี่เป็นยุทธวิธีในการเพิ่มตาสัปรดให้กับสหรัฐฯอย่างชาญฉลาดต่างหาก
นอกจากสหรัฐฯจะให้รถ เงิน โดรนสอดแนมแล้ว ยังมีอุปกรณ์ทางการสื่อฯสารทางทหาร กล้องส่องกลางคืน (night vision goggles) เรด้าร์ตรวจจับการยิงกระสุนปืนใหญ่อีกด้วย (จากเครื่องยิงจรวด?) ทั้งหมดนี้โปรดอย่าเข้าใจว่าเป็นการให้เปล่านะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของราคาทองคำที่หายไปจากคลังของยูเครนในช่วงผลัดเปลี่ยนรัฐบาลที่สหรัฐฯเข้ามาเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ และจนป่านนี้ยังจับมือใครดมไม่ได้เลย
The Eyes
26/03/2558
----------
10 American Humvees welcomed in Ukraine by Poroshenko (VIDEO) — RT News
https://www.youtube.com/watch?v=aqiyVRSqjbI
10 US Military Humvees Arrive in Ukraine / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
แคนาดาเดือด ตำรวจสลายม็อบนักศึกษาต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัด



-------------
หันมาดูประเทศประชาธิปไตยอีกประเทศหนึ่งบ้างครับ ที่ประเทศแคนาดาเขามีการเดินขบวนประท้วงและคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด (anti-austerity) โดยกลุ่มนักศึกษามาที่เมืองมอนทริอัล (Montreal) ติดต่อกันมาหลายอาทิตย์แล้ว ลักษณะเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักศึกษาหลายพันคนเดินขบวนชั่วคราวแล้วก็เลิก จากนั้นสัปดาห์ต่อมาก็กลับมาประท้วงต่ออีก
นักศึกษาเหล่านี้ตั้งชื่อแคมเปญจ์นี้ว่า "printemps2015" เป็นการประท้วงรัฐบาลแคนนาดาที่เพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจโดยตัดลดงบประมาณด้านการศึกษาและสาธารณสุขลงประมาณ $2,000,000,000 (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านบาท) โดยทางรัฐบาลอ้างว่าเศรษฐกิจตกต่ำต้องตัดงบด้านการศึกษาของเยาวชนและด้านสาธารณสุขที่ใช้สำหรับดูแลสุขภาพประชาชนของตนเองลง แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนทางการแคนนาดาแถลงกับสื่อฯว่าจะเพิ่มงบกลาโหมเพื่อสร้างเรือรบลำใหม่และด้านอื่นๆเกี่ยวกับกองทัพพร้อมทั้งจะเพิ่มงบทางการทหารในพื้นที่อาร์กติกอีกเป็นจำนวนมากราว $3.4 billion (ประมาณ 1.1 แสนล้านกว่าบาท)
สำหรับเหตุผลในการสลายการชุมนุมของพวกนักศึกษาเมื่อวันอังคารที่ 24 มี.ค.58 ที่ผ่านมานั้น ทางตำรวจแคนนาดาบอกว่า พวกนักศึกษาเหล่านั้นจัดชุมนุมเดินขบวนประท้วง "โดยสันติ" อย่างผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลประชาธิปไตยให้ออกมาเดินขบวนประท้วงคัดค้านนโยบายการโยกเงินงบประมาณทางการศึกษาของเยาวชนและด้านสาธารณสุขไปใช้ในจัดหาอาวุธสงคราม ดังนั้นรัฐบาลจึงสั่งให้ตำรวจสามารถแจกจ่ายแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และกระบอกเหล็กเข้าตะลุมบอนนักศึกษาที่ประท้วงได้ ศึกษาบางคนก็ถูกจับกุม บ้างก็หนีแตกกระเจิง เหมือนครั้งก่อนๆ แล้วก็บอกอีกว่าจะกลับมาอีกในอาทิตย์หน้า ตอนนี้ขอไปรวบรวมกำลังผู้เข้าร่วมชุมนุมให้มากกว่านี้ก่อน
เมื่อวันเสาร์ที่ 14 สัปดาห์ที่แล้ว ก็ได้มีประชาชนชาวแคนนาดาออกมาเดินประท้วงทั่วประเทศเพื่อคัดค้านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายซึ่งจะเป็นการเพ่ิมอำนาจให้ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงมากขึ้น การประท้วงดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แคมเปญจ์ "StopC51"
รัฐบาลแคนาดากำลังจะออกกฎหมายต่อต้านผู้ก่อการร้าย "C-51" ซึ่งให้อำนาจหน่วยสืบราชการลับและรักษาความมั่นคงของแคนาดาเพื่อป้องกันการโจมตีจากผู้ก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น โดยกฎหมายฉบับนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นผู้ก่อการร้ายได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล กฎหมายฉบับนี้ถูกร่างขึ้นมาหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้่ายโจมตีแคนาดาถึง 2 ครั้งเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เอ… กรณีนี้ไม่เห็นมีข่าวว่าแก๊งสาระแนไซเบอร์ไปร่วมขบวนหรือคัดค้านกับชาวแคนนาดาเลยนะ
The Eyes
26/03/2558
----------
http://rt.com/ne…/243781-montreal-students-austerity-police/
Canadian Police Disperse Anti-Austerity Student Protest in Montreal / Sputnik International
Montreal to Protest Against Police Brutality at St Patrick’s Day / Sputnik International
Freezing Cold War: Canada to Spend Billions on Arctic Military Gear / Sputnik International
Thousands Take to Streets in Canada to Protest New Anti-Terror Bill / Sputnik International