ติดตามสถานะการณ์

ทอ.สหรัฐอาจต้องปลด U-2 กับ โกลบอลฮอว์ก ถ้าแผนตัดงบฯ ไม่จบปีใน2015
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.พ. 2558 08:30

อากาศยานสอดแนมหาข่าวแบบ ยู-2 และ โกลบอลฮอว์ก อาจหมดอนาคตใน ทอ.สหรัฐฯ ต้องปลดประจำการ หากไม่สามารถจัดการเรื่องแผนการตัดลดงบประมาณแบบอัตโนมัติ ให้จบในปีงบประมาณ 2016 หลังจากค่าใช้จ่ายของฝ่ายสอดแนมหาข่าวกรองเกินกว่าที่กำหนด...

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2558 ที่ผ่านมา เจนส์ ดีเฟนส์ วีคลีย์ (Jane's Defence Weekly) รายงานว่า อ้างคำกล่าวของ พลอากาศโทโรเบิร์ต ออตโต้ รองหัวหน้าฝ่ายสอดแนมลาดตระเวนและหาข่าว (ISR) กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ระบุว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) อาจจะปลดประจำการเครื่องบินสอดแนม ล็อคฮีท ยู-2 (U-2) และ นอร์ทรอป กรัมแมน อาร์คิว-4 โกลบอลฮอว์ก (RQ-4 Global Hawk) รุ่นบล็อค 40 ที่เป็นอากาศยานสอดแนมลาดตระเวนและหาข่าวระดับเพดานบินสูง (Intelligence, Surveillance and Reconnaissance : ISR) อย่างอัตโนมัติ ถ้าไม่สามารถจัดการเรื่องแผนการตัดลดงบประมาณแบบอัตโนมัติได้ภายในในปีงบประมาณ 2016 อากาศยานทั้ง 2 แบบจะต้องปลดประจำการ เพราะมันจะนำไปสู่ช่องว่างของงบที่ไม่ครอบคลุม จึงที่ยากลำบากในการลดค่าใช้จ่าย 30% ในงานเก็บรวบรวมข่าวกรอง

รองหัวหน้าฝ่าย ISR กองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวต่อว่า แม้ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอนได้เลื่อนโครงการปลดประจำการยู-2 และ โกลบอลฮอว์ก ในรอบที่ 2 ก่อนที่จะหมดงบประมาณ ที่ได้รับการสนับสนุนเต็มที่ในปีงบประมาณ 2016 แต่ในเอกสารของเพนตากอนระบุว่า ยู-2 จะต้องปลดประจำการในปี 2019 เมื่อเซ็นเซอร์ของโกลบอลฮอว์ก ได้รับการปรับปรุงใหม่แล้ว อย่างไรก็ตาม การลดกำลังมาถึงก่อนกำหนดเวลา 3 ปี หากไม่สามารถประนีประนอมกับสภาคองเกรส และประธานาธิบดี บารัค โอบามา ในเรื่องการการบังคับตัดงบประมาณลงได้ โดยแผนการตัดงบของเพนตากอนครอบคลุมทั้งอากาศยานมีนักบินและไร้นักบิน ที่มีการเสนองบประมาณมาเกินกว่าที่กำหนดไว้

"เซ็นเซอร์ของเครื่อง ยู-2 มีพิสัยถึง 160 กม. ขณะที่เซ็นเซอร์บนเครื่องไร้นักบินโกลบอลฮอว์กมีพิสัยแค่ 95 กม.มันชัดเจนเลยว่าเราต้องการอัพเกรดระบบเซ็นเซอร์อิเล็กโทรออปติคอล หรือ กล้องตรวจการณ์ในระดับความสูงมากๆ รุ่นใหม่ ให้กับโกลบอลฮอว์ก ทางหนึ่งที่ทำได้ คือ การปลดประจำการเครื่อง ยู-2 แล้วนำงบที่เหลือไปลงทุนอัพเกรดเครื่องไร้คนขับแบบ โกลบอลฮอว์ก เพื่อทำให้มันกลายเป็นม้างานหลักของฝูงบินระดับเพดานบินสูงแทน" พลอากาศโทออตโต้ กล่าว


รองหัวหน้าฝ่าย ISR กองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวถึงการอัพเกรดโกลบอลฮอว์ก ว่า ทอ.สหรัฐฯ ต้องใช้งบประมาณเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อการอัพเกรดที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 ปี จึงจะสามารถใช้งานทดแทนอากาศยานที่ใช้นักบินแบบ ยู-2 ได้อย่างสมบูรณ์ อ้างอิงตามเอกสางงบประมาณรายจ่ายก่อนหน้านี้ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องอัพเกรดตัวสถานีภาคพื้นดิน ระบบสื่อสาร และสัญญาณภาพ รวมทั้งเรดาร์ตรวจสภาพอากาศของโกลบอลฮอว์ก

พลอากาศโทออตโต้ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่ายมากเกินจำเป็น ในเรื่อง ISR ที่ทำตามอำเภอใจ เพราะอากาศยานสอดแนมที่ใช้ ปฏิบัติการได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพราะไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันตัวจากอาวุธต่อต้านอากาศยาน เราต้องการคงปฏิบัติการไม่ใช่แค่งานด้านการป้องกันและปราบปราม แต่ต้องการให้ทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่ต้องแข่งขันอย่างมาก และสามารถทำให้เห็นถึงผลงานที่ดีที่สุดได้.

ที่มา : janes.com

ทอ.สหรัฐอาจต้องปลด U-2 กับ โกลบอลฮอว์ก ถ้าแผนตัดงบฯ ไม่จบปีใน2015 - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

รู้จัก 'กบฏโกก้าง' เมื่อถ่านไฟเก่าปะทุรุนแรงกว่าเดิม
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.พ. 2558 05:30



เหตุความไม่สงบระลอกใหม่ในประเทศเมียนมาร์กำลังเป็นข่าวครึกโครมในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการต่อสู้ระหว่างทหารของกองทัพรัฐบาลและกลุ่ม กบฏโกก้าง ในรัฐฉาน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ถึงกับทำให้รัฐบาลเมียนมาร์ของประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นครั้งแรก แต่มูลเหตุจูงใจของความรุนแรงครั้งนี้คืออะไร

ก่อนจะกล่าวถึงเรื่องนั้น ขอทำความรู้จักกับชาวโกก้างก่อน ชาวโกก้างคือกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองโกก้าง ทางเหนือของรัฐฉาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมาร์ โดยแต่เดิมเป็นชาวฮั่นจีน พูดภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ซึ่งอพยพมาจากมณฑลยูนนานทางใต้ของประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 18

การอพยพเข้าสู่เมียนมาร์ของชาวโกก้าง เกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 เมื่อ ตระกูลหยาง ซึ่งเป็นตระกูลนักรบของจีนอพยพหนีภัยจากเมืองนานกิงไปยังมณฑลยูนนานพร้อมกับผุ้จงรักภักดีกับราชวงศ์หมิง ต่อมาก็อพยพเข้าไปในรัฐฉานของเมียนมาร์ (ในขณะนั้นยังใช้ชื่อพม่า) และก่อตั้งรัฐศักดินาที่เรียกว่า โกก้าง ขึ้นมา ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ตั้งแต่ยุคปี 1960 ถึงปี 1989 และหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ถูกยุบ ดินแดนโกก้างก็กลายเป็นเขตปกครองพิเศษแห่งแรกของพม่า

หลังกลายเป็นเขตปกครองพิเศษ โกก้างอยู่ภายใต้การปกครองของนาย เฟือง คยา-ชิน (เป็ง เจี่ยเชง) ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเขตปกครองพิเศษโกก้าง พวกเขามีกองทัพเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาร์ (MNDAA) ซึ่งกลายเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มแรกที่ลงนามข้อตกลงหยุดยิงแบบทวิภาคีกับรัฐบาลทหาร (ในขณะนั้น) ของเมียนมาร์ เมื่อปี 1989 และหยุดยิงเรื่อยมาก่อนจะเกิดเหตุการณ์หนึ่งในปี 2009 ซึ่งเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเหตุความรุนแรงในเขตฯโกก้างทั้งหมด

ในปี 2009 กองกำลัง MNDAA ถูกกดดันให้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นกำลังรบกึ่งทหารคุ้มกันชายแดนภายใต้การควมคุมของกองทัพเมียนมาร์ แต่ MNDAA ต่อต้านเรื่องนี้ จากนั้นกองทัพเมียนมาร์ก็มีท่าทีเป็นศัตรูกับ MNDAA มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้เข้าไปมีส่วนพัวกันกับการค้ายาเสพติด นอกจากนี้ยังเกิดความขัดแย้งภัยใน MNDAA เมื่อรองประธานเขตฯโกก้างอย่าง ไป๋ เซาเฉียน และพวก หันไปสนับสนุนรัฐบาลทหารและต่อต้านนายเฟือง และแจ้งต่อรัฐบาลว่านายเฟืองแอบผลิตอาวุธและยาเสพติดผิดกฎหมาย

ในวันที่ 8 ส.ค. 2009 ความตึงเครียดระหว่างกองกำลัง MNDAA และรัฐบาลทหารเมียนมาร์เพิ่มสูงขึ้นอีก เมื่อรัฐบาลส่งทหารเข้าไปในเขตฯโกก้าง บุกตรวจค้นโรงงานผลิตอาวุธที่เชื่อว่าทำบังหน้าการผลิตยาเสพติด รวมทั้งบุกตรวจค้นบ้านของนายเฟือง ทำให้เกิดการประจันหน้ากันระหว่างกำลังของทั้ง 2 ฝ่าย แต่ไม่มีการยิงกัน ถึงกระนั้นประชาชนจำนวนมากอพยพเนื่องจากกลัวความรุนแรง จนเจ้าหน้าที่ของจีนต้องเข้ามาแทรกแซง และอ้างในวันที่ 17 ส.ค. ว่า สถานการณ์ในโกก้างกลับสู่ระดับปกติแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 20 ส.ค. กองทัพเมียนมาร์เริ่มมารวมตัวกันที่เมืองเลาก์ก่าย เมืองเอกของเขตฯโกก้าง และบุกยึดเมืองเลาก์ก่ายในวันที่ 24 ส.ค. โดยไม่มีการยิงอาวุธ หลังจากนั้น 3 วันกองกำลัง MNDAA ก็เปิดฉากโจมตีทหารเมียนมาร์ที่อยู่นอกเมืองเลาก์ก่าย และบุกโจมตีด่านตรวจของตำรวจบริเวณชายแดนด้วย ก่อนที่ในเวลาต่อมา กองกำลังของกลุ่มชาติพันธ์ุอย่างน้อย 9 กลุ่ม รวมทั้งกองทัพสหรัฐว้า กลุ่มติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาร์จะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ กลายเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า 'เหตุการณ์โกก้าง'

รัฐบาลเมียนมาร์ ประกาศให้ เหตุการณ์โกก้าง จบลงในวันที่ 30 ส.ค. โดยที่กองกำลังของชาวโกก้างซึ่งมีเพียง 700 คนหลบหนีเข้าไปในประเทศจีนและประกาศวางอาวุธ ไป๋ เซาเฉียน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเขตฯโกก้างคนใหม่ แทนที่นายเฟือง คยา-ชิน ที่ถูกรัฐบาลออกหมายจับจนต้องหลบหนีไปยังประเทศจีน กองกำลัง MNDAA ที่ภักดีกับนายไป๋ กลายเป็นกองกำลังป้องกันชายแดน และรัฐบาลจัดตั้ง คณะกรรมการปกครองชั่วคราวเขตโกก้าง ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาลขึ้นมา

สถานการณ์ระหว่างเมียนมาร์และเขตฯโกก้างสงบลงเป็นเวลา 5 ปี แต่ในเดือนธ.ค. 2014 เฟือง คยา-ชิน ผู้ลี้ภัยในประเทศจีน ก็ปรากฏตัวอีกครั้งและให้สัมภาษณ์ต่อสื่อจีน ว่า กองกำลัง MNDAA จะพยายามยึดคืนดินแดนบางส่วนที่เสียไปในเหตุการณ์โกก้างเมื่อปี 2009

เพียง 2 เดือนหลังจากนั้น สันติภาพที่คงอยู่มานาน 6 ปีก็สิ้นสุดลง เมื่อกองกำลัง MNDAA ฝ่ายต้านรัฐบาลเมียนมาร์ก่อเหตุโจมตีค่ายทหารใกล้เมืองเหล่ากาย เมื่อวันที่ 9 ก.พ. และก่อเหตุโจมตีอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน โดยมีกองกำลัง กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติ เต๋อะ อ๋าง (TNLA) และ กองทัพอาระกัน (AA) ของชาวพุทธยะไข่ เข้าร่วมต่อสู้ด้วย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กองทัพคะฉิ่นอิสระ (KIA) ก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่โฆษกของกลุ่ม KIA ปฏิเสธ

เหตุความรุนแรงครั้งล่าสุดในเมียนมาร์ ทำให้มีทหารกองทัพรัฐบาลเสียชีวิตไปแล้ว 47 นาย และบาดเจ็บอีก 73 นาย ขณะที่ฝ่ายกบฏเสียนักรบไป 26 คน มีประชาชน 40,000-50,000 คนต้องอพยพหลบหนีความรุนแรง และลี้ภัยเข้าสู้ประเทศจีน ขณะที่ชาวบ้านราว 4,500 คน อพยพไปยังเมืองล่าเสี้ยว ในรัฐฉาน

ล่าสุดรัฐบาลของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตฯโกก้าง และประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นรัฐบาลในปี 2011 เพื่อหาทางดับไฟเก่าที่ยังไม่ดับมอด และมีทีท่าว่าจะปะทุรุนแรงจนกลายเป็นตัวขัดขวางความพยายามในการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ.

รู้จัก 'กบฏโกก้าง' เมื่อถ่านไฟเก่าปะทุรุนแรงกว่าเดิม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

อีสานอ่วม พายุฤดูร้อนถล่ม 5 จว. ทบ.ส่งทหารช่วยด่วน!
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 14:48



พายุฤดูร้อนพัดถล่มพื้นที่ภาคอีสาน 5 จังหวัดเสียหายหนัก บ้านไม้ชุมชน "ไทดำ" หนึ่งเดียวที่ จ.เลย ก่อสร้างทำเป็นพิพิธภัณฑ์พังครืนลงมาทั้งหลัง ผบ.ทบ.เป็นห่วงผู้ประสบภัย สั่งหน่วยทหารเข้าพื้นที่ ช่วยเหลือให้ตรงกับความเดือดร้อน ...

จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ เกิดพายุลมพัดแรง ฝนตกหนัก และมีลูกเห็บตกในหลายพื้นที่ของภาคอีสาน เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางในหลายจังหวัด

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านนาป่าหนาด ต.เขาแก้ว อ.เชียงคาน จ.เลย เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารพรานที่ 21 และชาวบ้านในพื้นที่ ได้ช่วยกันเก็บเศษไม้และวัสดุอุปกรณ์บริเวณสถานที่ก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทดำนาป่าหนาด ที่ถูกพายุฤดูร้อน พัดถล่มจนพังครืนลงมา เสียหายกว่า 500,000 บาท

สำหรับชุมชนชาวไทดำ บ้านนาป่าหนาด มีเพียงชุมชนเดียวใน จ.เลย ที่ยังคงความเป็นอัตลักษณ์ในวิถีของคนไทดำ ที่อพยพมาอยู่ เป็นแหล่งศึกษา เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไทดำ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ

นายถาวร ไพรศูนย์ ชาวบ้าน เล่าว่า บ้านหลังนี้กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง และเมื่อสร้างเสร็จจะใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ไทดำ เพื่อจัดแสดงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของชาวไทดำ บ้านนาป่าหนาด แต่ในช่วงเช้ามืดวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ถูกลมพายุพัดจนทำให้บ้านพังถล่มลงมา แต่โชคดีขณะนั้นไม่มีคนอยู่ จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองเลย ได้ประกาศให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุ ทั้งต้นไม้ล้มทับทรัพย์สินเสียหาย และเหตุอื่นๆ ที่เกิดจากพายุ เข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่โดยด่วน เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือต่อไป

อีสานอ่วม พายุฤดูร้อนถล่ม 5 จว. ทบ.ส่งทหารช่วยด่วน! - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

พายุฝนถล่มอุบลฯ บ้านเรือนเสียหาย 43 หลัง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 19:25



ชาวบ้าน จ.อุบลราชธานี ในเขตพื้นที่ อ.เมือง อ.วารินชำราบ เเละอ.เขื่องใน โชคร้ายโดนพายุฝนฟ้าคะนองถล่มหลังคาถูกพัดไป 43 หลัง เเละผลิตผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย เบื้องต้นฝ่ายปกครองในพื้นที่เร่งให้การช่วยเหลือ...

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีได้มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงในพื้นที่อย่างหนักในหลายพื้นที่ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ อ.เขื่องใน ตั้งแต่ช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งฝนได้ตกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนถึงเช้า มีบ้านเรือนในพื้นที่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ได้รับความเสียหายหลายหมู่บ้าน และเกิดไฟฟ้าดับตลอดทั้งคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเขื่องใน และฝ่ายปกครองในพื้นที่ต้องออกสำรวจและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นายทศพล การินทร์ ปลัดฝ่ายความมั่นคงอำเภอเขื่องใน เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์พายุพัดบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.เขื่องใน เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา สำรวจความเสียหายเบื้องต้นมีบ้านเรือนประชาชน ในตำบลสร้างถ่อ อำเภอเขื่องใน จำนวน 6 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหายหลังคาถูกพายุพัดจำนวน 43 หลัง โรงเรียน 1 หลัง ศาลากลางบ้าน 1 หลัง คอกสัตว์ 1 คอก ยุ้งฉางข้าว 3 หลัง ส่วนบ้านที่เสียหายทั้งหลัง คือบ้านเลขที่ 133 บ้านดอนเชียงโท ม.7 ของนายวิชิต ทองอ่อน อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นบ้านที่เพิ่งทำการก่อสร้างแล้วเสร็จ และทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ไปเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา โดยเสาบ้านถูกลมพายุพัดจนหักโค่น บ้านล้มลงมาทั้งหลัง โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน

ทั้งนี้ การช่วยเหลือเบื้องต้นทางอำเภอได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแล้ว ดำเนินการรวบรวมข้อมูลความเสียหายที่แท้จริง ก่อนจะประเมินมูลค่าความเสียหายเพื่อขอรับการช่วยเหลือไปทางจังหวัดอีกครั้ง โดยวันนี้ได้รายงานเบื้องต้นกับทางจังหวัดไปแล้ว เหลือแต่สรุปข้อมูลเป็นเอกสารเพื่อขอรับความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป

พายุฝนถล่มอุบลฯ บ้านเรือนเสียหาย 43 หลัง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ฤทธิ์ 'พายุงวงช้าง' พัดบ้านริมทะเลระยองพัง 17 หลัง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 16:50



คนริมทะเลที่ระยองต้องขวัญผวากันกลางดึก หลังมีพายุงวงช้างพัดเข้าใส่บ้านจนหลังคาปลิวว่อน กระจกแตก เสาไฟฟ้าหัก ฝนรั่วลงบ้าน บอกกลัวจนฉี่แทบเล็ด เทศบาลฯ เร่งออกสำรวจ พบมีบ้านพังต้องซ่อมถึง 17 หลัง...

เมื่อวันที่ 19 ก.พ. เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครระยอง ได้ออกสำรวจบ้านเรือนที่อยู่ติดชายทะเล ถนนเลียบชายทะเล เขตเทศบาลนครระยอง พบว่ามีบ้านพังเสียหาย 17 หลัง ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือ และซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้ไปดูบ้านที่ใช้เป็นที่อาศัย และที่ต้มปลาของนายวันชัย ชูจิตต์ อายุ 66 ปี เลขที่ 125/4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง บ้านนายบรรหาญ สุคนธวารี บ้านของ น.ส.ธิดารัตน์ นาน่องโกรน และบ้านนายบรรจง ศิริเมร์ ซี่งอยู่ติดกัน พบว่า ส่วนใหญ่หลังคากระเบื้องแตก กระจกแตก เสาไฟฟ้าหัก สายไฟขาด จานดาวเทียมหักหลุดลงพื้น ทำให้น้ำฝนที่ตกมารั่วลงสู่พื้นบ้าน เจ้าของบ้านต้องรีบสับคัตเอาต์เพราะกลัวไฟช็อต

นายวันชัย ชูจิตต์ หนึ่งในผู้ประสบภัย กล่าวว่า เมื่อเวลา 01.30 น. คืนที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังยืนดูลูกน้องต้มปลา ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ได้มองเห็นพายุงวงช้างพัดหมุนควงเข้าใส่บ้านจนกระเบื้องหลังคาปลิวว่อน และอาคารไม้พังลงมา ด้วยความกลัวฉี่แทบราดต้องรีบหลบในที่ปลอดภัย หลังจากนั้น ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ปรากฏว่าบ้านที่อยู่ติดกันถูกพายุพัดจนพัง รวมทั้งหมด 17 หลังด้วยกันที่เสียหาย

ด้านนายวรวิทย์ ศุภโชคชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครระยอง เผยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมช่วยซ่อมแซมบ้านอย่างเร่งด่วนแล้ว.

ฤทธิ์ 'พายุงวงช้าง' พัดบ้านริมทะเลระยองพัง 17 หลัง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ผุดท่อส่งน้ำเชื่อม 2 อ่างฯใหญ่ รับมือภัยแล้งภาคตะวันออก
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 18:14


3 หน่วยงานด้านน้ำ ลงนามความร่วมมือ...

อีสท์วอเตอร์ กรมชลประทาน และการประปาส่วนภูมิภาค ลงนาม MOU เพิ่มเสถียรภาพแหล่งน้ำภาคตะวันออก เชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ รับมือปัญหาขาดแคลนน้ำ ยันไม่กระทบเกษตรกร…

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2558 กรมชลประทาน ได้จัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) การดำเนินการสูบผันน้ำท่อส่งน้ำเชื่อมโยงอ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) และบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ โดยโครงการดังกล่าวถือเป็น 1 ใน 13 โครงการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2548 เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างเร่งด่วน และยังทำให้พื้นที่จังหวัดระยองมีเสถียรภาพด้านแหล่งน้ำมากยิ่งขึ้น

สำหรับการผันน้ำจากอ่างฯ ประแสร์ มายังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จ.ระยอง นั้น จะใช้ทั้งระบบท่อส่งน้ำและลำน้ำธรรมชาติ จากการก่อสร้างตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2552 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,677 ล้านบาท และกรมชลประทานได้รับมอบโครงการเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2553 แต่ก็ยังไม่สามารถตกลงในเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการผันน้ำได้จนนำมาสู่การจัดทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าวในที่สุด

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่จะไม่กระทบต่อเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทานจากอ่างฯ ประแสร์อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการผันน้ำส่วนเกินความต้องการ ซึ่งปกติในแต่ละปีภาคการเกษตรจะใช้น้ำประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร อุปโภคและรักษาระบบนิเวศอีก 20 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อรวมกับปริมาณน้ำที่จะผันมาอ่างฯ คลองใหญ่ประมาณปีละ 80 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว ก็ยังน้อยกว่าปริมาณความจุของอ่างฯ ประแสร์ที่สามารถจุได้ถึง 248 ล้านลูกบาศก์เมตร และยังมีโครงการที่จะเพิ่มปริมาณความจุในระดับกักเก็บสูงสุดเป็น 295 ล้านลูกบาศก์เมตร ภายในปี 2558 นี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญของบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ กำหนดให้การประปาส่วนภูมิภาคและอีสวอเตอร์จัดทำแผนการใช้น้ำที่สูบผันด้วยระบบท่อส่งน้ำมาจากอ่างเก็บน้ำประแสร์มายังอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และมอบหมายให้อีสท์วอเตอร์เป็นผู้ดำเนินการสูบผันน้ำทั้งระบบ โดยในปีที่ 1 สามารถนำน้ำไปใช้ได้หน่วยงานละไม่เกินปีละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร และปีที่ 2-5 หน่วยงานละไม่เกินปีละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยกรมชลประทานจะจัดทำแผนการสูบผันน้ำให้ทั้ง 2 หน่วยงานดำเนินการสูบน้ำตามแผน พร้อมทั้งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการระบบท่อส่งน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าจัดหาบุคคลเข้าทำการบริหารงาน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำ และค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมระบบท่อส่งน้ำที่ชำรุดเสียหายอันเกิดจากการใช้งานตามปกติ นอกจากนี้การประปาส่วนภูมิภาคและบริษัทอีสท์วอเตอร์จะต้องรับผิดชอบค่ากระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ณ โรงสูบน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์ ตามสัดส่วนปริมาณน้ำที่วางแผนการใช้รายเดือน ตลอดจนจะต้องชำระค่าชลประทาน ตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ.2485 รวมถึงต้องร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมหรืองบประมาณด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility : CSR) อีกด้วย

นอกจากนี้ ทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยในบริเวณสถานีสูบผันน้ำ ดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม ปรับปรุงระบบท่อส่งน้ำให้มีประสิทธิภาพและอยู่ในสถานะพร้อมใช้งานตลอดเวลา พร้อมจัดทำระบบป้องกันน้ำรั่วไหลไปทำความเสียหายเดือดร้อนแก่บุคคลภายนอกซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการสูบผันน้ำทั้งทรัพย์สินของทางราชการ ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกอีกด้วย โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2558 ถึง 30 เม.ย.2563.


ผุดท่อส่งน้ำเชื่อม 2 อ่างฯใหญ่ รับมือภัยแล้งภาคตะวันออก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

สหรัฐ-ตุรกีตกลงฝึกกบฏซีเรีย



สหรัฐและตุรกีลงนามในข้อตกลงร่วมฝึกและจัดหาอุปกรณ์ให้กับนักรบฝ่ายกบฏซีเรีย ทั้งนี้จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศตุรกี

วันศุกร์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 03:02 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอังการาประเทศตุรกี เมื่อวันที่20ก.พ.ว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศตุรกีเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐและตุรกีตกลงร่วมฝึกและจัดหาอุปกรณ์ให้กับนักรบฝ่ายกบฏสายกลางของซีเรียโดยมีรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศของตุรกีและเอกอัครราชทูตสหรัฐร่วมลงนามในข้อตกลงซึ่งทางกองทัพสหรัฐแถลงก่อนหน้านี้ว่ามีแผนที่จะส่งกำลังทหารกว่า400คนซึ่งรวมถึงทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษด้วยในภารกิจการฝึกฝนให้กับนักรบฝ่ายกบฏสายกลางซึ่งอยู่นอกประเทศซีเรียอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงไอเอส

เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวด้วยว่าสหรัฐมีแผนที่จะฝึกนักรบฝ่ายกบฏซีเรีย5,000คน ในช่วงเวลา1-3ปี ภายใต้แผนการดังกล่าวซึ่งมีประเทศซาอุดีอาระเบียกาตาร์ และ ตุรกี เสนอตัวช่วยเช่น การจัดสถานที่ฝึกให้ขณะที่ตุรกีคาดหวังว่าแผนการฝึกนี้จะช่วยฝ่ายกบฏที่กำลังอ่อนแอและแบ่งแยกในการสู้รบกับรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์อัล-อัสซาด

กองทัพซีเรียเสรีนั้นทางตุรกีถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในซีเรียแต่กลุ่มนี้ก็มีการแบ่งแยกและประสบกับความพ่ายแพ้หลายครั้งในการสู้รบกับทหารรัฐบาลซีเรียและกบฏกลุ่มอื่นๆ
สหรัฐ-ตุรกีตกลงฝึกกบฏซีเรีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ไซโคลนคู่ผนึกกำลังถล่มออสเตรเลีย



พายุไซโคลนกำลังแรง 2 ลูก เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางเหนือและตะวันออกของออสเตรเลียในเวลาใกล้เคียงกัน ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่ง

วันศุกร์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 07:53 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย ( บีโอเอ็ม ) รายงานการขึ้นฝั่งของพายุไซโคลน 2 ลูกในเวลาไล่เลี่ยกัน หรือ "ไซโคลนแซนด์วิช" โดยพายุลูกแรกคือ "มาร์เซีย" มีความเร็วลมศูนย์กลางสูงถึง 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามมาตรวัดซัฟเฟอร์/ซิมป์สัน เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณพื้นที่ระหว่างเมืองเซนต์ ลอว์เรนซ์ กับเมืองเยปปูน ทางตะวันออกของรัฐควีนส์แลนด์ เมื่อเวลาราว 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 04.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย )

ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นวงกว้าง และคลื่นพายุซัดฝั่งขนาดยักษ์ ประชาชนในเมืองเยปปูนราว 16,000 คนได้รับคำสั่งให้อพยพไปอาศัยตามศูนย์พักพิงของรัฐเป็นการชั่วคราว ทางการรัฐควีนส์แลนด์สั่งปิดโรงเรียน 134 แห่ง และสถานรับดูแลเด็ก 43 แห่งที่ตั้งอยู่ตลอดแนวชายฝั่ง ขณะที่เทศบาลเมืองบริเสบน เมืองเอกของรัฐควีนส์แลนด์ ระดมถุงทรายกว่า 90,000 ใบ เพื่อเสริมแนวคันกั้นน้ำ

ขณะเดียวกัน พายุไซโคลน "แลม" ที่มีความเร็วลมศูนย์กลาง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 4 ตามมาตรวัดซัฟเฟอร์/ซิมป์สัน กำลังสร้างความเสียหายให้กับดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

ไซโคลนคู่ผนึกกำลังถล่มออสเตรเลีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ยูเครนกังวลเสียเมืองใหญ่ให้กบฏเพิ่มอีก



กองทัพยูเครนแสดงความกังวลเรื่องการสูญเสียพื้นที่ยึดครองทางตะวันออกเพิ่มอีก โดยเฉพาะที่เมืองมาริอูโปล หลังพ่ายแพ้ให้กับกลุ่มกบฏที่เมืองเดบัลต์เซเวจนต้องถอนทหารหลายพันนายออกทั้งหมด

วันศุกร์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:05 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่ากระทรวงกลาโหมยูเครนรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี เรื่องการสูญหายของทหารราว 80-90 นาย นอกเหนือจากราว 90 นายซึ่งถูกจับกุมเป็นเชลยศึกไปแล้ว ระหว่างการถอนกำลังหลายพันนายออกจากเมืองเดบัลต์เซเว ทางตะวันออกของประเทศ ขณะที่ในวันเดียวกันยังมีทหารเสียชีวิตอีก 13 นาย และได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 150 นาย

ความปราชัยให้กับกลุ่มกบฏที่สมรภูมิรบในเมืองเดบัลต์เซเว ชุมทางรถไฟสายสำคัญทางตะวันออกเชื่อมต่อระหว่างเมืองโดเนตสก์กับเมืองลูฮันสก์ กระตุ้นให้ประธานาธิบดีเปโตร โปโรเชนโก เตรียมขอความช่วยเหลือจากกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) และยิ่งสร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐบาลเคียฟ เนื่องจากหมายความว่า กองทัพรัฐบาลเหลือพื้นที่ยึดครองสำคัญในภาคตะวันออกอีกเพียงแห่งเดียว คือเมืองมาริอูโปล ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากถึง 500,000 คน

ทั้งนี้ การสู้รบที่ยังคงเกิดขึ้นแม้ข้อตกลงหยุดยิงฉบับใหม่มีผลตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ และความพ่ายแพ้ครั้งล่าสุดของฝ่ายรัฐบาล สร้างความไม่พอใจให้กับทหารชั้นผู้น้อยหลายนายซึ่งประจำการอยู่ในแนวหน้า โดยหลายคนกล่าวโทษผู้บังคับบัญชาว่า ทอดทิ้งให้ลูกน้องต้องเผชิญชะตากรรมอยู่เพียงลำพัง หลังเส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ทำให้ไม่สามารถลำเลียงเสบียงและสรรพาวุธเข้ามาให้เพิ่มเติมได้

ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และยูเครน ซึ่งร่วมการเจรจาสันติภาพในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออกแถลงการณ์ร่วมกันประณามการสู้รบที่ยังคงเกิดขึ้น และเรียกร้องให้ทั้งทหารรัฐบาลยูเครนและกลุ่มกบฏเคารพข้อตกลงหยุดยิง ด้านรัฐบาลสหรัฐประณามกลุ่มกบฏนิยมรัสเซียว่าเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลง ด้วยการเป็นฝ่ายเริ่มยิงโจมตีก่อนกว่า 250 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. เป็นต้นมา ส่วนองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) วิจารณ์ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนมีความศักดิ์สิทธิ์เพียง "ในนาม" เท่านั้น

ยูเครนกังวลเสียเมืองใหญ่ให้กบฏเพิ่มอีก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

กองทัพอังกฤษสกัดบินรบรัสเซียเฉียดน่านฟ้า



เครื่องบินรบของกองทัพอังกฤษ 2 ลำตามประกบเครื่องบินทิ้งระเบิดลำหนึ่งของรัสเซียที่บินเข้ามาใกล้น่านฟ้า โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้

วันศุกร์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 09:41 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ว่าแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมอังกฤษเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุการส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำขึ้นบินสกัดเครื่องบินทหารของกองทัพรัสเซีย ซึ่งกำลังบินอยู่เหนือน่านน้ำสากล ใกล้มณฑลคอร์นวอลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครื่องบินทหารของรัสเซีย นอกเหนือจากการเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด และเผยเพียงเหตุการณ์เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้

กระทรวงกลาโหมอังกฤษยืนยันเครื่องบินลำดังกล่าวของกองทัพรัสเซียไม่ได้รุกล้ำน่านฟ้า และบินเลี่ยงออกไปแต่โดยดี หลังมีการบินประกบเกิดขึ้น ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังหล่าวเกิดขึ้นหลังการเชิญนายอเล็กซานเดอร์ วลาดิมิโรวิช ยาโคเวนโก เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงลอนดอน เข้าพบเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อขอคำชี้แจงกรณีเครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ลำของกองทัพรัสเซีย รุ่น "ตูโปเลฟ ตู-95" บิดเฉียดเข้ามาใกล้น่านฟ้าเหนือเมืองบอร์นมัธ ใกล้ช่องแคบอังกฤษ

รายงานขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) เผยว่าตลอดทั้งปีที่แล้วสามารถสกัดการรุกล้ำน่านฟ้าของประเทศสมาชิกนาโต โดยเครื่องบินทหารของรัสเซียได้กว่า 400 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากสถิติเมื่อปี 2556 ถึงร้อยละ 50

กองทัพอังกฤษสกัดบินรบรัสเซียเฉียดน่านฟ้า | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

หยุดยิงในยูเครนส่อพังอีกรอบ



ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนี พยายามอย่างสุดกำลังที่จะรักษาข้อตกลงหยุดยิงที่ใกล้จะพังครืนอีกรอบ ขณะยังมีการสู้รบกันหนักในภาคตะวันออกของยูเครน

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 19:06 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 19ก.พ.ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีอังเกลาแมร์เคิล ผู้นำหญิงของเยอรมนีได้หารือทางโทรศัพท์เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีกับประธานาธิบดีเปโตรโปโรเชนโก ของยูเครนและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูติน ผู้นำรัสเซียเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิงที่กำลังจะพังครืนอีกรอบท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักหน่วงรุนแรงในเมืองเดบัลต์เซเวภาคตะวันออกของยูเครน

ด้านโฆษกของกองทัพยูเครนแถลงว่า กองทัพยูเครนกว่าร้อยละ90ได้ถอนกำลังออกจากเมืองเดบัลต์เซเวและพื้นที่โดยรอบแล้วเมื่อวันพุธหลังจากเสียท่าจากการสู้รบกันหนักกับกบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียนานหลายสัปดาห์ทำให้ฝ่ายกบฏกุมความได้เปรียบที่ยึดเมืองยุทธศาสตร์แห่งนี้เอาไว้ได้เพราะเมืองนี้เป็นชุมทางทางรถไฟและเป็นเขตเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างเขตโดเนตสก์และลูฮานสก์ 2พื้นที่สำคัญของกบฏในภาคตะวันออกของยูเครน

การสู้รบเพื่อแย่งชิงเมืองเดบัลต์เซเวเกิดขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงยังบังคับใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตาม

หยุดยิงในยูเครนส่อพังอีกรอบ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เยอรมนีปฏิเสธขยายโครงการเงินกู้ของกรีซ



เยอรมนีออกมาปฏิเสธข้อเสนอขยายโครงการเงินกู้ 6 เดือนของกรีซ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มว่าอาจประนีประนอมกันได้ แต่ก็ต้องรอการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปในวันศุกร์นี้

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:56 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเอเธนส์ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 19ก.พ.ว่าเยอรมนีปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาลกรีซที่ให้ขยายโครงการเงินกู้ของยูโรโซนออกไปอีก6 เดือนหลังจากมีสัญญาณก่อนหน้านี้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะมีการประนีประนอมกันได้โดยกรีซร้องขอมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน6 เดือนแทนการต่ออายุข้อตกลงเงินกู้ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันซึ่งพ่วงมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มข้นเอาไว้ด้วยอย่างไรก็ตาม โฆษกของกระทรวงการคลังเยอรมนีประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจในยุโรปแถลงว่ายังไม่มีข้อเสนออะไรที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหานี้ทั้ง ๆ ที่ ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซีเรียกข้อเรียกร้องของกรีซว่า“สร้างสรรค์” โดยนายมาร์การีติสชีนัส โฆษกของอีซี กล่าวว่านายยุงเกอร์ ประธานอีซีได้ตรวจสอบหนังสือคำร้องของกรีซแล้วระบุว่า เป็นสัญญาเชิงบวกซึ่งในการประเมินของเขาอาจปูทางไปสู่การประนีประนอมที่ชอบด้วยเหตุผลเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเสถียรภาพทางการเงินในภูมิภาคยุโรปทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวเพิ่มเติมว่ารายละเอียดของการประเมินหนังสือเงินกู้ของกรีซและการให้คำตอบ ขณะนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มยูโรซึ่งเขาอ้างถึงการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยี่ยมที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้ซึ่งจะมีการหารือข้อเสนอของกรีซด้วย

เยอรมนีปฏิเสธขยายโครงการเงินกู้ของกรีซ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ฮาวายออกคลิปเตือนห้ามบุกรุกน้ำตกเซคริต



เจ้าหน้าที่รัฐฮาวายออกประกาศเตือนย้ำห้ามเดินป่าเข้าไปในเขตพื้นที่น้ำตกเซคริต หลังเกิดเหตุหินถล่มตกลงมาทับใส่นักเดินป่าเสียชีวิต8ศพ เมื่อกว่า15ปีที่แล้ว

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 22:02 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองฮอนโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่19ก.พ.ว่า เจ้าหน้าที่รัฐฮาวายประกาศย้ำเตือนนักเดินป่าไม่ให้เดินทางเข้าไปในน้ำตกเซคริต หลังพบว่ามีนักเดินป่าบุกรุกเข้าไปภายใน เนื่องจากเห็นคลิปในเว็บไซต์ยูทูบและเว็บไซต์อื่นๆที่บรรยายถึงธรรมชาติความงามของน้ำตกแห่งนี้ ทำให้รัฐฮาวายออกประกาศเตือนผ่านทางเว็บไซต์ห้ามบุกรุกเข้ามาในเขตพื้นที่น้ำตกเซคริต

ทั้งนี้ในวีดีโอที่ทางรัฐจัดทำขึ้นเผยให้เห็นภาพตำรวจกำลังจับกุมผู้ฝ่าฝืนเดินทางเข้ามาในน้ำตก ซึ่งมีความผิดทางอาญาฐานบุกรุก พร้อมกับสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ถึงความเสี่ยงอันตรายในการเข้าช่วยชีวิตนักท่องเที่ยวที่ติดอยู่ในหุบเขา

การเดินทางมาน้ำตกต้องขับรถมาจากเมืองฮอนโนลูลูมาที่ฝั่งตะวันออกของเกาะโอวาฮูประมาณ1ชม. ซึ่งในอดีตเคยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ก่อนที่สำนักงานที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติรัฐฮาวายจะสั่งปิด หลังเกิดเหตุก้อนหินขนาดใหญ่หนักหลายตันหล่นลงมาทับนักเดินป่าเสียชีวิต8ราย บาดเจ็บอีกกว่า50ราย เมื่อวันที่9พ.ค. ซึ่งตรงกับวันแม่ปี2542

ขณะที่ปีที่แล้วเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้บุกรุกเข้ามาในน้ำตกได้กว่า120ราย ซึ่งมีโทษปรับ2,500ดอลลาร์สหรัฐ(80,000บาท) โดยบริเวณทางเข้าน้ำตกสำนักงานได้ติดป้ายเตือนภัยเหตุน้ำป่าไหลหลากและหินถล่ม พร้อมกับติดป้ายเตือนว่าการเดินทางเข้ามาในน้ำตกเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

หุบเขาดังกล่าวมีความลึกและแคบมากทำให้เฮลิคอปเตอร์ช่วยเหลือไม่สามารถหย่อนกระเช้าลงมาได้เนื่องจากความยาวของเชือกไม่พอ หน่วยกู้ภัยจึงต้องเสี่ยงชีวิตปีนลงไปช่วยผู้ที่ติดอยู่ภายในหุบเขาออกมา ขณะที่เว็บไซต์จำนวนมากได้เขียนบรรยายความงามของน้ำตกแห่งนี้ พร้อมกับชี้ช่องทางหลบเลี่ยงเจ้าหน้าที่เพื่อเดินทางเข้าไปด้านใน

ฮาวายออกคลิปเตือนห้ามบุกรุกน้ำตกเซคริต | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ตุรกีออกกฎกำหนดมาตรฐานขนมบาคลาวา



ตุรกีออกกฎตั้งมาตรฐานการทำขนมบาคลาวา ขนมอบที่โด่งดังไปทั่วโลกซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ

วันศุกร์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 00:10 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่20ก.พ.ว่า สถาบันจัดทำมาตรฐานของตุรกี(ทีเอสอี) ออกกฎคุมมาตรฐานการทำขนมบาคลาวา ที่มักถูกผู้ผลิตเปลี่ยนสูตรส่วนผสมเพื่อลดต้นทุนการผลิต

ทั้งนี้ทีเอสอีกำหนดให้ขนมบาคลาวาต้องมีสีเหลืองทอง น้ำเชื่อมต้องไม่เหนียวจนเกินไป เวลารับประทานขนมเข้าไปแล้วจะต้องไม่มีกลิ่นไหม้ติดอยู่ที่คอ รวมไปถึงขนมควรจะละลายได้ในปากโดยที่ไม้ต้องออกแรงเคี้ยว

ขณะที่ส่วนผสมในการทำขนมบาคลาวาประกอบไปด้วยแป้ง เกลือ น้ำ ไขมันเล็กน้อย น้ำตาลทรายขาว ถั่วพิตาชิโอ และแต่ละชิ้นจะต้องมีขนาดอย่างน้อย35มิลลิเมตร

การออกกฎดังกล่าวมีขึ้นหลังจากไม่กี่ปีที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ผลิตขนมบาคลาวาไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค ด้วยการดัดแปลงส่วนผสมอื่นมาใช้ในการทำขนมแทน เช่นใช้ถั่วธรรมดาแทนถั่วพิตาชิโอ หรือใช้น้ำตาลข้าวโพดแทนน้ำตาลทรายขาว

ขนมบาคลาวามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศต่างอ้างเป็นผู้คิดค้นสูตรขนมดังกล่าว ทั้งกรีซ และหลายประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ตุรกีอ้างว่าขนมดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “บากลากู” หรือ “บากลากี” ในภาษาเตอร์กิชโบราณ

ขณะที่เมืองกาเซียนเท็ปเมืองต้นกำเนิดขนมบาคลาวาเผยว่า ขนมดังกล่าวทำขึ้นจากแป้งหมี่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ผสมด้วยถั่วพิตาชิโอ และเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของตุรกีที่ได้รับรางวัล “คุ้มครองสถานะ” จากสหภาพยุโรป

ตุรกีออกกฎกำหนดมาตรฐานขนมบาคลาวา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

รัสเซียจวกยูเครนทำลายข้อตกลงหยุดยิง



รัสเซียกล่าวหารัฐบาลยูเครนเรียกร้องขอกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าประจำการในภาคตะวันออกของยูเครนนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายข้อตกลงหยุดยิงในกรุงมินสก์ ขณะที่ กบฏแบ่งแยกดินแดน ไม่สนข้อตกลงหยุดยิง ยังถล่มทหารรัฐบาลยูเครนต่อ

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:19 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 19ก.พ.ว่ารัสเซียแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่าข้อเรียกร้องของรัฐบาลยูเครนที่ต้องการให้ประจำการกองกำลังรักษาสันติภาพที่ต้องได้รับมอบหมายจากสหประชาชาติหรือยูเอ็น เพื่อตรวจสอบและบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงที่ส่วนใหญ่ถูกละเมิดอยู่ในขณะนี้นั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายข้อตกลงหยุดยิงเองโดยข้อเรียกร้องของเคียฟเกิดขึ้นหลังจากกบฏแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียเพิกเฉยต่อข้อตกลงหยุดยิงที่ผ่านความเห็นชอบร่วมกันในกรุงมินสก์ประเทศเบลารุส เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและทั้งสองฝ่ายยังปะทะกันอย่างดุเดือดในเมืองเดบัลต์เซเวบีบให้ทหารรัฐบาลยูเครนต้องยอมถอนกำลังออกจากเมืองศูนย์กลางยุทธศาสตร์แห่งนี้

นายวิตาลีเชอร์คิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็นกล่าวว่า ข้อเรียกร้องให้ประจำการกองกำลังรักษาสันติภาพซึ่งประกาศโดยประธานาธิบดีเปโตรโปโรเชนโก ผู้นำยูเครนมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายข้อตกลงหยุดยิงในกรุงมินสก์แค่นั้นเองแทนที่จะปฏิบัติในสิ่งที่เขาลงนามกันแต่กลับแนะนำแนวทางใหม่มันก็ยิ่งเพิ่มข้อสงสัยว่าเขาต้องการทำลายข้อตกลงกรุงมินสก์

ทั้งนี้ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงกำหนดให้ทหารยูเครนและกบฏนิยมรัสเซียต้องวางอาวุธของแต่ละฝ่ายภายในสุดสัปดาห์และเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวรบแต่ในความเป็นจริงแล้วกบฏกลับไม่สนใจต่อข้อตกลงหยุดยิงและยังเปิดฉากโจมตีอย่างหนักต่อเมืองเดบัลต์เซเวเมืองยุทธศาสตร์ ศูนย์กลางทางรถไฟซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเขตโดเนตสก์และลูฮานสก์2เมืองใหญ่ที่กบฏยึดครองในภาคตะวันออกของยูเครน

ข้อตกลงหยุดยิงมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นขั้นตอนแรกในการสลายความขัดแย้งที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า5,600 คนตั้งแต่ความรุนแรงปะทะขึ้นในเดือนเม.ย.2557



รัสเซียจวกยูเครนทำลายข้อตกลงหยุดยิง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

แบคทีเรียมรณะ ซีอาร์อี ระบาดทั่วสหรัฐ



เชื้อแบคทีเรียมรณะ ซีอาร์อี ซึ่งดื้อยาปฏิชีวนะ ระบาดทั่วสหรัฐ คาดมีความเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อ 7 คน รวมทั้งผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้ 2 คน และอีกเกือบ 200 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแคลิฟอร์เนีย

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:52 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากลอสแอนเจลีส สหรัฐเมื่อวันที่ 19ก.พ.ว่ามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียลอสแอนเจลีส หรือยูซีแอลเอรายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่ามีความเป็นไปได้ว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อแบคทีเรียมรณะซึ่งดื้อยาปฏิชีวนะ 7คน รวมทั้ง 2คนที่เสียชีวิตไปแล้วและอีกเกือบ 200คนที่มีแนวโน้มติดเชื้อรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนียเนื่องจากติดเชื้อจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ปนเปื้อนโดยขณะนี้ มีผู้ป่วยทั้งสิ้น179 คนพักรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โรนัลด์เรแกน ยูซีแอลเอ ติดเชื้อแบคทีเรียซีอาร์อีระหว่างขั้นตอนการตรวจด้วยกล้องเอ็นโดสโคปในช่วงเดือนต.ค.-ม.ค.ที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของยูซีแอลเอระบุว่า เชื้อแบคทีเรียอาจเป็น“ปัจจัยเสริม” ในการเสียชีวิตของผู้ป่วยทั้ง2 คน นอกจากนี้การระบาดในลักษณะเดียวกันนี้ของเชื่อซีอาร์อีหรือคาร์บาพีเนม-รีซิสแทนท์เอ็นเทโรแบคทีเรียซีสยังมีรายงานทั่วประเทศด้วยเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ยากที่จะรักษาให้หายเพราะดื้อยาปฏิชีวนะทำให้ผู้ป่วยชีวิตได้ง่ายขึ้น

โดยเชื้อแบคทีเรียตัวนี้สามารถเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อในกระเพาะอาหารหรือปอดได้ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการไอมีไข้สูง หรือหนาวสั่นการติดเชื้อซีอาร์อีมีรายงานในทุกรัฐของสหรัฐยกเว้นไอดาโฮ,อะแลสกา และเมนจากรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐหรือซีดีซี



แบคทีเรียมรณะ ซีอาร์อี ระบาดทั่วสหรัฐ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สถิติขาดดุลการค้าญี่ปุ่นเดือนม.ค.ลดลงกว่าครึ่ง



รัฐบาลญี่ปุ่นเผยตัวเลขการขาดดุลการค้าประจำเดือนม.ค.ลดลงกว่าครึ่งจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และส่งผลให้ตลาดหุ้นปิดบวกสูงสุดในรอบ 15 ปี

วันพฤหัสบดี 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14:16 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ว่ากระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยรายงานตัวเลขการขาดดุลการค้าประจำเดือนม.ค. ว่าอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านเยน ( ราว 325,680 ล้านบาท ) แม้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย แต่ลดลงกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับสถิติในเดือนเดียวกันของปี 2557 ซึ่งอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านเยน ( ราว 772,800 ล้านบาท )

ขณะที่อัตราการส่งออกสินค้าของประเทศประจำเดือนม..คเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 15 ถือเป็นการขยายตัว 5 เดือนติดต่อกัน โดยอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง แม้สถิติการนำเข้าสินค้าในช่วงเวลาเดียวกันลดลงร้อยละ 9 มาอยู่ที่ 7.32 ล้านล้านเยนก็ตาม ( ราว 2.02 ล้านล้านบาท )

ด้านทีมนักเศรษฐศาสตร์ของกลุ่มธนาคารซูมิโตโมะ มิตซูอิ คาดการณ์ตัวเลขในเดือนก.พ.จะดีขึ้นกว่านี้ สืบเนื่องจากเพดานราคาน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงอื่นในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

ตัวเลขการขาดดุลการค้าในเดือนล่าสุดของญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและจีน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน โดยดัชนีนิกเคอิ 225 ปิดตลาดที่ 18,264.79 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.36 เป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 15 ปี

สถิติขาดดุลการค้าญี่ปุ่นเดือนม.ค.ลดลงกว่าครึ่ง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Kaokala Fc
19 ก.พ. สุดตื่นตา นาซาเผย"ลูกเพลิงยักษ์"จากดาวอังคารอยู่เหนือโลก ออกนอกวงโคจร-เจิดจ้ากว่าดวงจันทร์



ชมคลิป..สุดตื่นตา นาซาเผย"ลูกเพลิงยักษ์"จากดาวอังคารอยู่เหนือโลก ออกนอกวงโคจร-เจิดจ้ากว่าดวงจั

 

Kaokala Fc
19 ก.พ. ดาวเพื่อนบ้านเคยเฉียดระบบสุริยะใกล้สุดเมื่อ 70,000 ปีก่อน



นักดาราศาสตร์สหรัฐเผย เคยมีดาวแคระคู่หนึ่งจากระบบสุริยะข้างเคียง โคจรเข้าใกล้ระบบสุริยะของเรามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเมื่อ 70,000 ปีก่อน

สำนักข่าวบีบีซี ประเทศอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ว่า ดร.เอริค มามาเชค หัวหน้าทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลงานในวารสารแอสโตรฟิสิคัล เจอร์นัล เลตเตอร์ส (Astrophysical Journal Letters) เกี่ยวกับการค้นพบดาวแคระแดงโชลซ์ (Scholz"s) ซึ่งเป็นดาวผู้มาเยือนที่เฉียดเข้าใกล้ระบบสุริยะของเรา มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมันมีดาวแคระสีน้ำตาลติดตามเป็นเพื่อนร่วมทางมาอีกดวง

ในอดีต ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า (Proxima Centauri) ซึ่งเป็นดาวแคระแดงในกลุ่มดาวคนครึ่งม้า เป็นเพื่อนบ้านที่มาเยือนระบบสุริยะของเราในระยะใกล้ที่สุดที่ 4.2 ปีแสง แต่จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า มีความเป็นไปได้ 98 เปอร์เซ็นต์ ที่ดาวคู่กลุ่มนี้โคจรเข้ามาใกล้กว่านั้นถึง 5 เท่า หรือประมาณ 0.8 ปีแสง ซึ่งอยู่ในบริเวณขอบรอบนอกของระบบสุริยะที่เรียกว่าเมฆออร์ต (Oort Cloud) ที่เต็มไปด้วยวัตถุต่างๆ จำนวนมหาศาล รวมตัวกันเป็นชั้นเมฆอวกาศ มีลักษณะคล้ายเปลือกทรงกลมที่ห่อหุ้มระบบสุริยะไว้ โดยอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ (1 หน่วยดาราศาสตร์ เท่ากับระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์)

นักดาราศาสตร์ศึกษาโดยใช้วิธีวิเคราะห์เส้นทางการโคจรของดาวโชลซ์ จากการตรวจสอบข้อมูลใน 2 ส่วน ได้แก่ ความเร็วแนวเล็ง (radial velocity) ซึ่งเป็นระยะห่างจากดาวดวงนั้นและดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนแปลงไป และความเร็วในแนวเส้นสัมผัส (tangential velocity) หมายถึงการเคลื่อนที่ของดวงดาวข้ามท้องฟ้า พบว่า ปัจจุบัน ดาวโชลซ์ซึ่งอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ของเราราว 20 ปีแสง มีความเร็วในแนวเส้นสัมผัสอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งบ่งชี้ว่า ดาวดวงนี้กำลังเคลื่อนที่ออกห่างหรือเข้าหาระบบสุริยะของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และเมื่อตรวจสอบความเร็วแนวเล็ง จึงสามารถสรุปได้ว่า ดาวคู่นี้กำลังเคลื่อนที่ห่างออกไปจากเรา โดยเมื่อตรวจสอบเส้นทางย้อนกลับก็คำนวณได้ว่า มันเคยเฉียดเข้าใกล้ระบบสุริยะเมื่อราว 70,000 ปีก่อน

การผ่านเข้ามาของดาวเพื่อนบ้านในเมฆออร์ตนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการโคจรของบรรดาดาวหางในบริเวณนั้น ซึ่งอาจทำให้วงโคจรแปรปรวนจนหลุดเข้ามายังระบบสุริยะส่วนใน แต่ ดร.มามาเชค เชื่อว่าผลกระทบที่มีมาถึงเรานั้นน้อยมาก โดยเขาสันนิษฐานว่า ดาวโชลซ์จะโคจรผ่านเมฆออร์ตอีกในทุกๆ 100,000 ปี แต่คาดว่าการที่เข้าใกล้ได้มากกว่านั้นเป็นไปได้ยาก เพราะจากการคำนวณด้วยแบบจำลองทางคณิตศาสตร์พบว่า เหตุการณ์เช่นนั้นมีความเป็นไปได้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ครั้งในรอบ 9 ล้านปี

http://www.dailynews.co.th/…/ดาวเพื่อนบ้านเคยเฉียดระบบสุริย…

 

หวั่นมนุษย์ต่างดาว ยกทัพมายึดโลก
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 ก.พ. 2558 08:01



นักดาราศาสตร์ของโลกเกิดแตกคอกันเสียแล้ว ในเรื่องการค้นหา สิ่งที่มีสติปัญญา ที่อาจมีอยู่บนโลกอื่น

หลังจากที่อดทนคอยฟังเสียงจากโลกข้างนอกเข้ามาอยู่ข้างเดียวมานานตั้งหลายสิบปี ไม่เห็นได้ยินเสียงอันใด ทำให้ร้อนใจ จะลองอยาก เป็นฝ่ายบุก ปล่อยคลื่นเสียงตะโกนเรียกหาดูบ้าง โดยเฉพาะสถาบันเซติ ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำตามแผนใหม่ได้ในเร็ววันนี้

ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วันมานี้ นักดาราศาสตร์ผู้ใหญ่ 2-3 ท่าน พากันปรามว่า อาจเป็นการรนหาภัยอันใหญ่หลวง เพราะเท่ากับเป็นการท้าทายสิ่งที่มีชีวิตที่อาจมีอยู่เหล่านี้ นึกเขม่นยกพวกมาบุกยึดโลกเอาได้

ทางฝ่ายสถาบันเซติก็โต้ว่า อุตส่าห์รอฟังเสียงอยู่ข้างเดียวมานมนานแล้ว ทั้งๆที่บางทีก็ส่งคลื่นเสียงเพลงคณะสี่เต่าทองไปให้ฟังก็มี อย่างไรก็ดี ต่อมาเสียงชักอ่อยลงไป โดยเฉพาะเมื่ออาจารย์ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เรืองนาม ได้ประณามว่า “เป็นการขาดความรับผิดชอบ” พร้อมกับยกอุทาหรณ์ ให้ฟังว่า “มีบทเรียนในประวัติศาสตร์ให้เห็นอยู่มากมายว่า อารยธรรมที่เจริญน้อยกว่า ต้องตกเป็นเหยื่อของอารยธรรมที่เจริญมากกว่า ดูจากตัวอย่างที่อาณาจักรอินคา ถูกกองทัพสเปนอันเกรียงไกรทำลายล้างลง”.

หวั่นมนุษย์ต่างดาว ยกทัพมายึดโลก - ข่าวไทยรัฐออนไลน์