ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ของ ExxonMobil ระเบิดในรัฐแคลิฟอร์เนีย



---------------
เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.58) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานว่ามีการระเบิดขนาดใหญ่ในโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ExxonMobil ของสหรัฐฯอเมริกาในเขตเมือง Torrance รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลาประมาณ 8.50 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยทางสหรัฐฯบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ สำนักข่าวท้องถิ่นของ NBC รายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 รายส่วนสาเหตุของการระเบิดนั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ตอนนี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
แผนแรกในการทำให้ราคาน้ำมันขึ้นก็คือลดประมาณการผลิตน้ำมันในประเทศด้วยการลดจำนวนแท่นขุดเจาะแบบ fracking ลงรวมทั้งในยุโรปด้วยอันนี้เป็นมาตรการบังคับเพราะสู้ต้นทุนการผลิตไม่ไหว แผนที่สองก็ปล่อยข่าวว่าซาอุกับรัสเซียว่าจะมีการลดปริมาณการผลิตในกลุ่มโอเปคลงทำให้หุ้นราคาน้ำมันกระฉุดขึ้นมาระยะหนึ่งในสหรัฐฯ แต่พอทางรัสเซียออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวหุ้นก็ร่วง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ลดลงมาหน่อยหนึ่ง คราวนี้ก็มีการระเบิดโรงกลั่นของตัวเองซะเลย หรือว่านี่จะเป็นแผนขั้นที่ 3 อย่าบอกว่าเป็นการก่อการร้ายอีกหนะ เอ๊ะแต่เช็คดูแล้วราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกวันนี้ไม่เพิ่มขึ้นเลยนะ ลดลงมาจากเมื่อวานหน่อยหนึ่ง (ประมาณ $1.46 ต่อบาร์เรล)
The Eyes
19/02/2558
-------------
http://sputniknews.com/us/20150219/1018451744.html
http://www.nbclosangeles.com/…/Torrance-Refinery-Exxon-Mobi…
Residents report explosion at Exxon refinery in southern California
http://www.reuters.com/…/us-refinery-blast-exxon-idUSKBN0LM…
http://www.businessinsider.com/exxon-california-refinery-ex…
Massive blast reported at ExxonMobil refinery in SoCal (PHOTOS, VIDEO) — RT USA
http://www.bbc.com/…/market_…/commodities/143910/default.stm

 

ปอกเปลือก ทรราช
ISIS เตรียมบุกยุโรป อังกฤษเสนอให้อีรัคนำหน้าปราบ ISIS โอบามาบอกไม่ได้ทำสงครามกับอิสลาม



---------------
เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.58) อ่านเจอข่าวต่างประเทศ 3 ข่าวตามที่ได้พาดหัดเรื่องไว้ข้างบนนั้น ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรหรือไม่ จึงลองเอามารวมใส่ไว้ด้วยกันดูเผื่อว่าท่านผู้อ่านแต่ละคนจะมีความคิดเห็นเป็นเช่นไรนะครับ
+ อังกฤษเผยว่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS วางแผนจะเข้าครอบครองยุโรป
-------------
เมื่อวันก่อนหนังสือพิมพ์ The Daily Telegraph ของอังกฤษอ้างจดหมายจากมูลนิธิ Quilliam Foundation ซึ่งเป็นองค์กรที่เรียกตัวเองว่า "think tank" (สถาบันวิจัยนโยบาย, คณะทำงานระดับมันสมอง, คลังสมอง) โดยมีสโลแกนว่า "Challenging Extremism" (ท้าทายพวกสุดโต่ง) ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS มีแผนจะขยายการรุกรานเข้ามาก่อการในยุโรปตะวันตกโดยใช้เส้นทางผ่านประเทศลิเบีย รายงานข่าวอ้างจดหมายของมูลนิธิแห่งนี้ว่าตอนนี้พวกนักปลุกปั่น IS กำลังรวมรวบกลุ่มผู้นิยมความรุนแรงในลิเบียเข้าเป็นพวก พวก Jihadists กำลังรุกคืบเข้ามาในลิเบียด้วยกองกำลังติดอาวุธ IS จากซีเรียและอีรัค ซึ่งพยายามจะข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในรูปแบบของกลุ่มผู้อพยพ องค์กรนี้ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายจะใช้อาวุธจากคลังแสงของกัดดาฟี่และอาวุธปืนกลของอังกฤษและปืนไรเฟิลคุณภาพสูงจากกลุ่มติดอาวุธต่างๆในลีเบียด้วย
ข่าวนี้ถูกปล่อยออกมาจากฝั่งอังกฤษก่อนจากนั้นก็ลามมาถึงฝั่งรัสเซีย แล้วมูลนิธิ Quilliam เป็นใคร? จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าผู้ก่อตั้งเป็นชาวมุสลิมเกิดและถือสัญชาติอังกฤษ มูลนิธิแห่งนี้ตั้งอยู่ในอังกฤษ เคยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากรัฐบาลอังกฤษมาก่อนด้วย ต่อมาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมมากเพราะรัฐบาลนำเอาเงินภาษีของประชาชนทั่วไปไปสนับสนุนมูลนิธิแห่งนี้ จึงมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นบริจาคผ่านภาคเอกชนแทนหน่วยงานของรัฐ ผู้บริจาคเงินให้มูลนิธิแห่งนี้มีมาจากหลายประเทศทั่วโลกแต่มาในรูปแบบของเอกชน บางคนในมูลนิธิแห่งนี้มีความใกล้ชิดกับทางสหรัฐฯด้วยเพราะเคยทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯมาก่อน ช่วงแรกมูลนิธิมีแนวความคิดที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลอังกฤษ แต่ต่อหลังจากได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษแล้วก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ลักษณะก็จะคล้ายๆ NGO ทุนต่างชาติที่มีอยู่ดาดเดื่อนในเมืองไทยนั่นแหละ ที่มูลนิธิแห่งนี้ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ จึงมองดูว่าน่าสงสัยอยู่เหมือนกัน งั้นอ่านข่าวต่อไปนะครับ
+ ทูตอังกฤษเสนอให้อีรัคเป็นผู้นำในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ISIS
-------------
ในวันเดียวกันนี้ทูตอังกฤษประจำอีรัคก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อฯท้องถิ่นของอีรัคว่า "การต่อสู้กับพวก Daesh (IS) ในอีรัคนั้นจะต้องดำเนินการต่อไป ซึ่งนำโดยกองทัพของอีรัคเอง โดยให้รัฐบาลอีรัคปฏิบัติการต่อไปจนมั่นใจได้ว่ามีการตอบโต้กันอย่างเป็นเอกภาพโดย ISF ของอีรัค" นอกจากนี้ทูตอังกฤษยังได้เปิดเผยด้วยว่าทางอังกฤษได้บริจาค (พูดให้ดูดี) อาวุธและกระสุนปืนชนิดต่างๆประมาณ 300 ตันให้กับกองทัพ ISF ของอีรัคในพื้นที่ชาวเคิร์ดในนามของกองกำลังผสม รวมถึง อาวุธปืนกลหนักจำนวน 40 กระบอกพร้อมกระสุนเกือบครึ่งล้านนัด และยังได้ช่วยฝึกหน่วย IED เก็บกู้วัตถุระเบิดให้กองทัพอีรัคด้วย
ก็ก่อนหน้านี้สหรัฐฯและอังกฤษพึ่งจะบอกเองว่าจะส่งกองทัพชุดใหญ่เข้าไปในอีรัคเพื่อปราบปราม IS โดยก่อนหน้านี้ก็ยกทัพไปแล้วครั้งหนึ่งอ้างว่าเพื่อปราบปรามซัดดัม ฮุตเซนและค้นหาอาวุธเคมีของซัดดัม โดยถล่มประเทศอีรัคซะยับเยินจนป่านนี้ยังฟื้นตัวไม่ได้เลย คราวนี้ก็จะส่งเข้าไปอีกรอบหนึ่งโดยอ้างว่าเพื่อถล่ม IS อีก แต่ทำไมจู่ๆ บอกว่าให้นำโดยกองทัพและรัฐบาลของอีรัคซะงั้นหละ กลัวว่าพวก IS จะกลับมาแก้แค้นในยุโรปหรือไง? ประมาณว่าหาก IS แค้นก็ให้ไปแก้แค้นเอากับหัวหน้าเทียมคือรัฐบาลอีรัคโน่นว่างั้นเถอะ
+ โอบามากล่าวว่าที่สหรัฐฯโจมตีชาวมุสลิมในต่างประเทศนั้นไม่ใช่เพื่อก่อสงครามกับชาวมุสลิม
-------------
ทันทีที่มีข่าวจากฝั่งอังกฤษว่าผู้ก่อการร้าย IS จะบุกยุโรป ประธานาธิบดีบัค โอบามา ของสหรัฐฯก็รีบให้สัมภาษณ์ต่อสื่อฯทันทีโดยอ้างจดหมายจากองค์กรเผชิญหน้าพวกสุดโต่งนิยมความรุนแรง (Extremism) ที่ส่งมาถึงกรุงวอชิงตันด้วย โดยโอบามาบอกว่า "ชาวอเมริกันที่นับถือศาสนาอิสลามในประเทศสหรัฐฯรู้สึกเป็นกังวลและหวาดกลัว ในการเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้ พวกเราจะต้องยืนหยัดร่วมกันอยู่ที่นี่ที่บ้านเรา (แล้วคุณไปบุกบ้านเขาทำไม?) เรารู้ว่าการใช้กำลังทางทหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ และเราก็ไม่สามารถกำจัดผู้ก่อการร้้ายที่ฆ่าพลเมืองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยให้หมดไปได้ (ก็คุณสร้างมันขึ้นมาอยู่เรื่อยๆนี่มันจะหมดได้อย่างไรหละ) เราจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับพวกสุดโต่งหัวรุนแรง (ก็คุณนั่นแหละทีเป็นพวกที่คุณพูดถึงนั่นหนะ) - พวกนักโฆษณาชวนเชื่อ พวกนักเชิญชวนและพวกที่ทำให้มันเกิดขึ้น (ที่ว่ามาหนะหมายถึงตัวเองทั้งนั้น)...." ท้ายทีสุดก็สรุปได้ว่า คำพูดที่ว่าสหรัฐฯก่อสงครามกับอิสลามนั้นเป็นเท็จเป็นคำพูดของพวก IS และพวก Al-Qaeda แต่สหรัฐฯทำสงครามกับพวกผู้ก่อการร้าย เอ้อ… อยากจะทำสงครามที่ประเทศไหนก็ไปสร้างผู้ก่อการร้ายไว้ในประเทศนั้น แล้วก็อ้างว่ามีผู้ก่อการร้ายสหรัฐฯจำเป็นต้องยกกองทัพเข้าไปปราบปราม ไม่เห็นว่ามันจะเข้าใจยากตรงไหนเลย ก็ดูอย่างกลุ่ม IS ที่สู้กับรัฐบาลซีเรียอยู่ในขณะนี้สิ ทั้งอียิปต์ รัสเซีย อีหร่าน และซีเรียเองต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกนั้นเป็นพวก IS แต่รัฐบาลสหรัฐฯบอกว่าเป็นพวกกบฎที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของซีเรีย ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ทั้งด้านการเงินและด้านอาวุธ
เห็นการเดินเกมของสหรัฐฯกับอังกฤษหรือยังหละครับ มูลนิธิที่ว่าซึ่งเป็นผู้ปล่อยข่าวออกมานั้นก็เป็นเด็กเลี้ยงของรัฐบาลสหรัฐฯกับอังกฤษและพันธมิตรของสหรัฐฯนั่นแหละ จากนั้นก็ทำเป็นออกมาแก้ข่าวเองเพื่อลดการต่อต้านจากชาวมุสลิมในอเมริกาและทั่วโลก
The Eyes
19/02/2558
-------------
http://rt.com/news/233335-isis-islamic-libya-europe/
TASS: World - Islamic State to use Libya as gateway for attacks in Southern Europe — media
Fight against ISIS ‘must be led by Iraqis’ – UK ambassador — RT UK
US attacks on Muslims abroad is not a war on Islam - Obama — RT USA

 

ปอกเปลือก ทรราช
จากสงครามลูกปืนกลายมาเป็นสงครามแก๊สระหว่างยูเครน-รัสเซีย



---------------
เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.58) หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียเมืองลูฮานส์ก (LPR) แถลงกับสื่อฯท้องถิ่นว่าทางกรุงเคียฟได้สั่งให้งดส่งแก๊สให้เมืองลูฮานส์ก ซึ่งช่วงนี้เป็นฤดูหนาวโดยอุณหภูมิติดลบที่ 5 องศาเซลเซียส (-25 องศาฟาห์เรนไฮท์) โดยกล่าวว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขาปกครองตนเองลูฮานส์กจะมีแก๊สสำรองไว้ใช้ได้ถึงแค่เย็นวันนี้ (19 ก.พ.58) เท่านั้น ทาง ทางกรุงเคียฟอ้างว่ามีปัญหาขัดข้องทางเทคนิคจำเป็นต้องปิดวาวส่งแก๊สไปยังพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากวาวส่งปิด-เปิดส่งแก๊สได้รับความเสียหายจากลูกปืน ก็ในเขตลูฮานส์กหนะเขาหยุดสู้รบกันไปตั้งนานแล้ว ที่สู้กันอยู่ก็คือที่เมือง Debaltseve นี้ ทันทีที่มีการประกาศถอนทัพออกจากลูฮานส์กและโดเนทส์กทำไมจู่วาวท่อแก๊สมันถึงมีปัญหาขึ้นมาดื้ออย่างนั้นหละ งานนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง เมื่อรบด้วยกำทัพไม่ชนะก็ใช้วิธีต่ำๆ แบบนี้แหละ ยิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความเกลียดชังจากชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในเมืองลูฮานส์กให้มีต่อรัฐบาลยูเครนชุดปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และคงยากแล้วหละที่พวกเขาอยากจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของยูเครนอีกต่อไป
ส่วนทางรัฐบาลรัสเซียโดยนายกรัฐมนตรี Dmitry Medvedev ได้สั่งให้รมว.พลังงานของรัสเซียรีบทำเรื่องเสนอความช่วยเหลือด้านมนุษยชนด้วยการส่งแก๊สจากฝั่งรัสเซียเข้าไปช่วยแก้ไขวิกฤตนี้ในยูเครนตะวันออกโดยด่วน งานนี้ปูตินได้ใจคนยูเครนตะวันออกอีกแล้ว ส่วนทางกรุงเคียฟก็บอกว่าปล่อยให้พวกนั้นแข็งตายไปเลย
เงินกู้ IMF จำนวน $17.5 billion (5.7 แสนล้านบาท) ที่ยูเครนพึ่งจะได้มานั้นไม่ใช่ของฟรีนะ ตอนนี้ทางกรุงเคียฟได้ยอมรับเงื่อนไขของ IMF แล้วว่ายูเครนจะขึ้นราคาค่าแก๊สสำหรับใช้ในครัวเรือนของประชาชนไปอีก 280% และเพิ่มอีก 66% สำหรับแก๊สใช้ทำความร้อน (heating) ผลที่ตามมานอกจากประชาชนชาวยูเครนทั้งหมดจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแล้วยังทำให้อัตราเงินเฟ้อของยูเครนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 25-26 เปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปี 2015 นี้ตามคำกล่าวของ Valery Gontareva ประธานธนาคารกลางของยูเครน
ต่อกรณีการกลั่นแกล้งชาวยูเครนตะวันออกนิยมรัสเซียของรัฐบาลยูเครนที่สั่งตัดแก๊สเอาดื้อๆ ทางปูตินก็สั่งสอนกลับไปบ้าง เพราะวันนี้ฮังการีที่ปูตินพึ่งเดินทางไปเยี่ยมมาวันก่อนนี้เอง ออกมาบอกว่าจะไม่ขายแก๊สสำรองที่ได้จากรัสเซียไปให้ยูเครน เพราะฮังการีบอกว่าจะขายให้เฉพาะประเทศสมาชิกของยุโรปที่มีการทำสัญญาทวิภาคีระหว่างกันเท่านั้น หากขายให้ยูเครนก็จะทำให้ฮังการีเหมือนสูญเสียอำนาจอธิปไตยของตัวเองได้ พูดอย่างนี้ก็แสดงว่าปูตินได้วางหมากเอาไว้แล้วว่าไม่ให้ประเทศที่มีท่อแก๊สของรัสเซียผ่านขายแก๊สให้กับยูเครนนะสิ เพราะยูเครนก็มีท่อส่งแก๊สจากรัสเซียอีกเส้นหนึ่งอยู่แล้ว
The Eyes
19/02/2558
-------------
TASS: World - Luhansk republic leader says gas supply to LPR cut off
'Freeze Them to Death?' Kiev Cuts Off Gas to Donetsk, Luhansk - LPR / Sputnik International
Energy Diet? Donetsk Switches to Russian Gas After Kiev Cuts Supplies / Sputnik International
Russian PM Instructs Energy Ministry, Gazprom to Deliver Gas to Donbas / Sputnik International
TASS: World - Luhansk republic warns of catastrophic consequences if no deal on gas supplies is reached
TASS: Economy - Hungary gives up reverse supplies of Russian gas to Ukraine — media

 

ปอกเปลือก ทรราช
ตุรกีเล็งซื้อระบบต่อต้านมิสไซล์ FD-2000/HQ-9 จากจีน



---------------
นี่ก็เป็นการเจรจาข้อตกลงซื้อขายอาวุธแบบมาราธอนข้ามภพข้ามชาติอีกที่หนึ่งไม่แพ้กรณีการซื้อเครื่องบินรบของอินเดีย สื่อฯฝั่งรัสเซียพาดหัวข่าวว่า "ตุรกีชาติสมาชิกของนาโต้กำลังจะตัดสินใจซื้อระบบต่อต้านมิสไซล์ของจีนซึ่งมูลค่าถึง $3.4 พันล้านเหรียญ (1.1 แสนล้านบาท) ซึ่งไม่เข้ากับระบบของนาโต้"
ที่บอกว่ามาราธอนหนะก็เพราะว่า ทางรัฐบาลของตุรกีได้กล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2006 ว่าอยากจะมีระบบป้องกันภัยระยะไกลทางอากาศเอาไม่ไว้ป้องกันประเทศ จากนั้นก็มีการเจรจาจากผู้ที่สนใจจะขายของอยู่หลายฝ่ายจนเป็นรูปเป็นร่างจริงๆ ขึ้นมาเมื่อปี 2013 นี่เอง ซึ่งดูเหมือนว่าในปี 2013 นั้นทางรัฐบาลตุรกีจะชอบใจระบบ HQ-9 ที่มาพร้อมกับจรวดมิสไซล์ FD-2000 รัศมีทำการ 1,300 กม.มีมิสไซล์ 6 ลูกต่อหนึ่งชุดถือว่าเป็นขนาดกลาง
แต่เจ้าอื่นก็อยากจะขายของด้วยเช่นกันโดยเฉพาะสหรัฐฯ (นาโต้) ก็อยากจะขายระบบ Patriot missile ของตน ในขณะที่บริษัท Eurosam ร่วมทุนระหว่างฝรั่งเศสกับอิตาลีก็อยากจะขายระบบ SAMP/T ของตนเช่นกัน แต่ไม่มีข่าวว่ารัสเซียยื่นซองเสนอขาย S-300 ร่วมงานนี้ด้วย คงเพราะเกรงใจจีนคู่ซี้กันหนะ เพื่อนกันก็ช่วยๆ กันทำมาหากินบ้างให้โอกาสเพื่อนบ้าง
ตามรายงานบอกว่าทางตุรกีจะตัดสินใจว่าจะเลือกระบบใดภายในสิ้นปีนี้ เท่าที่เช็คจากข่าวแล้วดูเหมือนว่าจีนจะเป็นต่อนะงานนี้แต่ทางอเมริกากับฝรั่งเศสก็พยายามเตะตัดขาอยู่เรื่อยๆว่า ระวังนะของจีนมันเข้ากับของนาโต้ไม่ได้นะ ส่วนฝ่ายจีนก็บอกว่าระวังนะของอเมริกากับของฝรั่งเศสหนะพอจะใช้งานจริงๆ เขาก็จะกดรีโมทผ่านดาวเทียมให้ใช้การไม่ได้นะ
จากนั้นฝ่ายอเมริกาก็เดินเกมการเมืองอีกโดยปลุกกระแสเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์มีเนียนในปี 1915 ช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้นมาซึ่งจักรวรรดิออตโตมันในสมัยนั้นได้ทำลายชีวิตชาวอาร์มีเนียนที่นับถือศาสนาอิสลามไปหลายแสนคน พวกผู้ชายชาวอาร์มีเนียนถ้าไม่ถูกสังหารหมู่ก็จะถูกบังคับให้ใช้แรงงานไปจนหมดแรงขาดใจตายไปเอง ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กก็ถูกขับออกไปในทะเลทรายซีเรียซึ่งเชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตไม่ต่อกว่า1.5 ล้านคน (ตุรกีทุกวันนี้คือศูนย์กลางของจักรวรรดิออตโตมันในสมัยนั้น)
แม้ว่านายกรัฐมนตรี Tayyip Erdogan คนปัจจุบันของตุรกี จะกล่าวแสดงความเสียใจต่อประชาชนชาวอาร์มีเนียนในวันที่ 24 เมษายน ปีที่แล้วเพื่อเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพทั้งสองประเทศ ซึ่งชาวอาร์มีเนียนถือว่าวันที่ 24 เมษายนของทุกปีคือวันครบรอบการรำลึกถึงเหตุการณ์ในปี 1915 โดยทางตุรกีพยายามที่ไม่ใช้คำว่า "1915 genocide of Armenians" (การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์มีเนียนในปี 1915) แต่จะใช้คำว่า "1915 incidents" (เหตุการณ์ในปี 1915) แทน แม้หลายคนจะมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะโทษตุรกีทั้งหมดก็ไม่ได้ หากจะโทษก็ต้องโทษสงครามโลกครั้งที่1 ทางตุรกีอยากจะให้โน้มน้าวให้ชาติอื่นๆเข้าใจอย่างนั้นและใช้คำพูดว่าเป็นเหตุการณ์ในปี1915แทนอย่างที่ตุรกีใช้
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องการซื้อขายอาวุธนี้ด้วยหละ? จะบอกว่าเกี่ยวก็ใช่ ไม่เกี่ยวก็ใช่อีกนั่นแหละ เพราะเหตุการณ์มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว แต่การที่คู่แข่งขันประกวดราคาในครั้งนี้สะกิดแผลตรงนี้ขึ้นมาอีก มันก็มีเหตุผลอยู่ คือถ้าอยากให้ทั้งอเมริกากับยุโรปเรียกตามตุรกี รัฐบาลตุรกีจะต้องไม่ซื้อของจีน แต่จะต้องซื้อของอเมริกาหรือของฝรั่งเศสเท่านั้น เพราะเป็นนาโต้ด้วยกัน ถ้าไม่ซื้อของนาโต้หละจะเกิดอะไรขึ้น? ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับอาร์มีเนียก็จะแย่ลงกว่าเดิมนะสิ เพราะมันจะมีมือที่สามคอยเสี้ยมให้ทะเลาะกันรุนแรงจนได้ แต่เนื่องจากอาร์มีเนียเคยเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตมาก่อนและนิยมรัสเซียด้วย คาดว่างานนี้ฝ่ายรัสเซียคงจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ได้มั๊ง เผลออาจจะดึงตุรกีออกจากนาโต้ได้ด้วยนะแต่คงต้องใช้เวลาพอสมควร
The Eyes
20/02/2558
-------------
http://rt.com/news/233803-turkey-china-antimissile-defense/
'Shared pain': Turkish PM Erdogan in historic Armenian statement — RT News
Made in China? US warns Turkey its missile deal with Beijing may be incompatible with NATO — RT News

 

ปอกเปลือก ทรราช
อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสกล่าวว่ากรีซควรจะออกจากยูโรโซน



---------------
อดีตประธานาธิบดี Valery Giscard d'Estaing ของฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Les Echos ด้านการเงินของฝรั่งเศสเกี่ยวกับกรณีของกรีซในตอนนี้ว่า การที่กรีซเข้าสู่ยูโรโซนตั้งแต่ปี 2001 มานั้นเป็นความผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด (อ้าว! ไมปู่พูดงี้อ่ะ) และคราวนี้การที่จะกู้เศรษฐกิจของกรีซให้กลับคืนมาได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือกรีซต้องเลิกใช้เงินยูโรและกลับไปใช้สกุลเงินเดิมของตัวเอง โอ้… เพื่อนอียูด้วยกันเห็นเพื่อนล้มแล้วถีบส่งเลยจริงๆอ่ะ เขารักกันจริงๆ (ที่เงิน!)
Giscard d'Estaing กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจของกรีซจะไม่สามารถฟื้นตัวได้หากไม่ลดค่าเงินของตัวเองลง และดังนั้นกรีซควรจะรีบออกไปจากยูโรโซนเพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตการณ์ที่จะเลวร้ายกว่านี้อีก ประเด็นพื้นฐานที่กรีซควรจะแก้ปัญหาให้ได้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าประเทศสามารถจ่ายคืนเงินกู้หรือปรับอัตราดอกเบี้ยได้หรือไม่ แต่คือเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งกรีซควรจะใช้สกุลเงินของตัวเองเท่านั้นและลดค่าเงินของตัวเองลง (เงินเฟ้อบานตะไทแน่ๆ แต่มันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว)
ที่หนักกว่านั้นอีตาปู่คนนี้แกยังย้อนอดีตได้เจ็บด้วยนะ โดยแกบอกว่า ตอนนี้แกก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้กรีซเข้ามาเป็นสมาชิกอียู เยอรมันนีก็ไม่เห็นด้วย แต่ประเทศอื่นๆรับรอบกรีซเองซึ่งก็รวมทั้งฝรั่งเศสด้วย การหันกลับไปใช้สกุลเงิน Drachma ของตัวเองจะทำให้กรีซมีโอกาสฟื้นตัวได้ ในขณะเดียวกันสมาชิกที่เหลือในอียูก็จะไม่ได้รับผลกระทบด้วย กรีซควรจะมองดูประเทศอื่นที่ไม่ใช้เงินยูโรแต่ใช้สกุลเงินของตัวเองเป็นตัวอย่างเช่น สหราชอาณาจักร สวีเดน สาธารณรัฐเช็ก พวกนี้ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย กรีซยังมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่ยูโรโซนอีกหลังจากที่แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของตัวเองได้แล้ว
เอาหละเปิดหน้าให้ดูกันชัดๆ อย่างนี้แหละใครมิตรแท้ใครมิตรเทียมจะรู้ได้ก็ตอนตกยากนี่แหละ หนึ่งในไม้ตายของกรีซก็คือออกจากอียูนี่เป็นแผนของรัฐบาลใหม่ แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจก็เพราะรอดูท่าทีจากอียูให้ชัดๆ กว่านี้ก่อนว่าที่จะขอยืมเงินปลอดดอกเบี้ยในระยะ 6 เดือนนี้จะให้ได้ไหม? โดยหลังจากที่เสนอแผนพัฒนาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต่อคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission - EC) แล้ว ทางรองประธาน EC ก็มีความเห็นว่าสามารถจับต้องได้มีแผนเป็นรูปธรรมน่าจะสามารถทำให้ขยายวงเงินกู้ให้กรีซได้
แล้วทำไมถึงไม่อนุมัติตามที่กรีซขอไปหละ? ก็ติดอยู่ที่พี่เบิ้มเยอรมันนีนี่แหละ แกแข็งมากไม่ยอมท่าเดียว (หลายท่าก็ไม่ยอม) โดยเยอรมันนีบอกว่าจะกรีซจะต้องเพิ่มมาตรการรัดเข็มขัดให้แรงขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นถึงจะอนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่ตามที่ขอไว้ได้ ดอกมันสูงมากเลยนะ ดูมาตรการที่ IMF ใช้กับยูเครนสิ เก็บค่าแก๊สเพิ่มตั้ง 280% แล้วจะให้ประชาชนชาวกรีซเขาเอาเงินที่ไหนมาจ่ายอ่ะ ตอนนี้ก็ตกงานอื้อ ขนาดอาหารยังต้องรับแจกจากรัฐบาลเลย แต่เยอรมันนีก็ไม่เห็นใจ ธุรกิจก็คือธุรกิจ คุณยังมีสมบัติอยู่นี่ ที่ดินไง รัฐวิสาหกิจไง ธุรกิจที่รัฐเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นอยู่ด้วยไง ต้องขายเพื่อแลกกับเงินกู้ก้อนใหม่ มันโหดร้ายจริงๆ นะนี่
อันที่จริงนะ คนพวกนั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีความรู้ความสามารถนะ แต่ละคนมีแต่ระดับหัวกระทิทั้งนั้น แต่ด้วยความโลภบังตาจ้องแต่ฉกฉวยผลประโยชน์จากกันเองก็เลยไม่คิดถึงระบบป้องกันภัยทางเศรษฐกิจออกมา เช่นมีระบบตรวจวัดระดับเงินเฟ้อ เงินฝืด หนี้สินของประเทศสมาชิก อันนี้เขามีอยู่แล้ว แต่ที่ไม่มีก็คือเมื่อตัวเลขเหล่านี้อยู่ในระดับไหนถึงจะเรียกว่าเสี่ยงหรือใกล้ถึงระดับอันตราย หรือถึงระดับอันตราย และระดับวิกฤต เป็นต้น จากนั้นก็มีมาตรการช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาที่จะไม่เป็นการก่อหนี้เพิ่มหรือทำให้ตัวเลขระดับเตือนภัยทางเศรษฐกิจเหล่านั้นแย่ลงกว่าเดิม มาตรการดังกล่าวมันควรจะมีผลบังคับทางกฎหมายว่าจะต้องกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม โดยมาตรการและวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอาจจะถูกกำหนดไว้แล้วหลายวิธีเพื่อให้สามารถเลือกมาใช้ให้ถูกต้องกับปัญหานั้นๆได้ เมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องใช้
ซึ่งมาตรการดังกล่าวไม่ควรเป็นการเพิ่มภาระให้ประเทศนั้นๆ มากจนเกินไป เป็นการช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ประเทศสมาชิกตกอยู่ในสถานการณ์อย่างที่กรีซกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ เป็นมาตรการร่วมกันของทุกประเทศสมาชิกที่มีผลบังคับไม่ให้รัฐบาลของประเทศนั้นๆ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสร้างหนี้สร้างสินมากจนเกินไปพอไม่มีเงินจ่ายก็ยุบสภาหนีปัญหาเอาเงินที่กู้มาไปแบ่งกันกินแล้วทิ้งภาระให้ประชาชนของตนเองต้องรับผิดชอบแทนอย่างนี้
แต่เพราะว่าประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเหล่านั้นมันเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้เกินไป คิดแต่จะหากินกับการปล่อยกู้เก็บดอกแพงๆ จากประเทศลูกหนี้เพียงอย่างเดียว พอประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดปัญหาขึ้นมาก็เลยมีผลกระทบกันไปหมด นี่แหละระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบเสรี ผู้ที่อ่อนแอจะถูกบังคับให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่เข้มแข็งกว่าเสมอ
The Eyes
20/02/2558
-------------
Greece Should Leave Eurozone – Former French President / Sputnik International
Greece Confirms Loan Extension Request to Eurozone / Sputnik International
EC Says Likely to Extend Financial Aid Program After Talks With Greece / Sputnik International
http://rt.com/business/233459-grexit-eu-euro-saxo/

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 19 ก.พ.58 สุดตะลึง..เหตุการณ์ 9/11 ฐานตึกถูกวางระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็ก
เริ่มแฉเหตุการณ์ 9/11 ที่ฉากหน้ามีการใช้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด ของอเมริกา แต่ฉากหลังนั้นเป็นที่รู้กันวงในมานานแล้ว ว่ามีการวางระเบิดใต้ฐานตึก จนตึกระฟ้ารูดทรุดลงมา เป็นการถล่มแบบ Free Fall กองกับพื้นอย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ไฟไหมตึกชั้นบนยังไม่นานเท่าไรเลย
จากภาพจะเห็นร่องรอย "หินหลอมเหลว" ที่ปรากฎใต้ซากตึกเวิลด์เทรด การหลอมละลายซะขนาดนี้ และพบมีการใช้สารเทอร์ไมด์ ที่สามารถทำให้เกิดความร้อนถึง 2,500 องศา มีคุณสมบัติหลอมละลายฐานตึกได้อย่างง่ายดาย มีการตรวจพบสารนี้ในภายหลังแต่ปิดเงียบกริบ
ซึ่งมีเพียงจากระเบิดนิวเคลียร์ชนิด Fission Weapons ชนิด A-Bomb ที่เป็น Tactical Nuke ขนาดเล็กแบบหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความร้อนสูงจนสามารถ หลอมละลายหิน และปูนใต้ฐานตึกได้ตามภาพขนาดนี้
รัสเซีย จะมีหลักฐานเด็ดๆ ที่สามารถกระชากโฉมหน้า บรรดารัฐบาลผู้อยู่เบื้องหลัง เหตุการณ์ 9/11 โดยตอนนี้แม้นักข่าวอเมริกา 3 ใน 4 คนที่รับงานจากรัสเซียมาแฉ จะตายวันเดียวรวด ตอนนี้รัสเซีย ได้จ้างสื่อทางยุโรป ใหม่อีกครั้งแล้ว เพื่อจะแฉเรื่องนี้ให้ได้
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
https://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 19 ก.พ.58 แซ่บเว่อร์..อิหร่านจะเล่นงานยุโรปสวนกลับบ้างแล้ว
อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศว่าอิหร่านจะยืนหยัดคัดค้านมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติ ที่เป็นผลเนื่องจากโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน อิหร่านในฐานะประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรน้ำมัน และ ก๊าซธรรมชาติรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก
อาจจะใช้วิธีการตอบโต้ด้วยการลดการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรปและทั่วโลก เขากล่าวว่าฝ่ายศัตรูใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อขัดขวางไม่ให้พลเมืองอิหร่านมีความก้าวหน้า เขาเชื่อว่าหากอิหร่านยอมให้สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) เป็นผู้วางกฏกติกาเรื่องนิวเคลียร์ อิหร่านก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกกำหนดให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ และถูกคว่ำบาตรตลอดไป
---------------------------------->
โอ้โห..ความคิดของผู้นำเขาคมกริบมาก ไม่ว่าอิหร่านจะยอมอย่างไร แต่อเมริกา และยุโรป ก็จะหาเรื่องจุกจิ๊ก จู้จี้ มากลั่นแกล้งพลเมืองอิหร่านอยู่ร่ำไป ไม่รู้จักจบจักสิ้น ดังนั้นการลุกขึ้นสู้เสียแต่ในวันนี้ คือหลักประกันความมั่นคงในอนาคตให้คนอิหร่านเอง
หากอิหร่านคว่ำบาตรไม่ขายน้ำมันให้ยุโรป และพันธมิตรบ้าง แต่หันมาหาตลาดใหม่ในเอเซีย ที่มีประชากรมหาศาลกว่า แค่ประเทศในกลุ่ม BRICS ด้วยกันก็พอแล้ว อิหร่านก็ไม่ต้องง้ออะไร แต่คนยุโรปนั่นแหละที่จะตายทั้งเป็น เพราะตอนนี้อังกฤษก็ใช้น้ำมันแพงที่สุดในโลก ปาเข้าไปลิตรละกว่า 80 บาทแล้ว
เจออิหร่านงัดหมัดดอกนี้มาสวน โดนไม่ต่ำกว่าลิตรละ 140 บาทเท่าเมื่อก่อน..เมื่อนั้นอุตสาหกรรมในยุโรปได้วินาสสันโร กันทั้งยวงแน่ๆ ใครจะยอมให้ชาติตะวันรังแกกดขี่เอาได้ทั้งปีทั้งชาติ..ความอดทนคนมุสลิม เขาก็ย่อมมีที่สิ้นสุดเหมือนกัน
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
https://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 19 ก.พ.58 อึ้ง..พายุงวงช้างโจมตีบ้านเรือนประชาชน พังยับเยิน
เมื่อคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักและมีพายุพัดกระหน่ำอย่างคล้ายพายุงวงช้าง พัดเพิงพักริมชายหาด บริเวณถนนเลียบชายหาดทะเลแหลมเจริญ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระยอง พังราบ รวมถึงพัดหลังคาบ้านเรือนปลิวเสียหาย บ้านเรือนประชาชน หลังคารั่วน้ำฝนไหลเข้าบ้านเดือดร้อนหนัก
พายุดังกล่าว คาดว่า น่าจะเป็นพายุงวงช้าง ที่เป็นช่องลมมรสุมที่พัดผ่านเข้ามาพอดี จึงก่อตัวริมชายหาดทะเล และพัดขึ้นมาสู่ฝั่งทำให้มีผลกระทบกับชาวบ้านที่อยู่ริมชายหาดทะเล บ้านเรือนเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ส่วนมากเป็นหลังคาบ้านที่ถูกพัดปลิว กระจกแตก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเต็มที่
---------------------------------->
เตือนประชาชนว่า ผลจากพายุสุริยะรอบใหม่ล่าสุดตามกราฟช่วงสีแดง ช่วงนี้ภาคอีสาน และเหนือ จะมีหมอก และอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ภาคเหนือตอนล่าง อีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้และอาจมีพายุลมแรงในบางพื้นที่
หากพื้นที่ใดไฟฟ้าถูกตัดขาด ก็จะประสบปัญหา ขอให้พิจารณาเตรียมการป้องกันปัญหานี้แต่เนิ่นๆ ก็จะบรรเทาความเดือดร้อนได้..ส่วนนักวิชาการเขาจะไม่เชื่อก็ช่างเขา ให้ประชาชนปลอดภัยไว้ก่อน !!
** ไปอ่านรายละเอียด ไขปริศนา..สนามแม่เหล็กโลก ดาวเรียงตัว เกี่ยวกับภัยพิบัติ และสภาพอากาศจริงหรือ ? คลิ๊กไปที่ https://www.facebook.com/media/set/…
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป

 

Chalee Na Roied



ปีนี้อากาศหนาวค่อนข้างนาน ไกล้จะสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เข้าไปทุกทีแล้ว ตื่นมาตอนเช้าผมยังต้อง สวมเสื้อกันหนาวมาทำงาน แต่พอตกช่วงบ่าย ก็เรื่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนในสหรัฐอเมริกาเอง ตอนนี้ทาง ผอ.ซีไอเอ ก็ได้ออกมาเตือนว่า ทางรัสเซียกำลัง ควบคุมสภาพภูมิสงอากาศ และกำลังจะสงครามสภาพภูมิอากาศโจมตีสหรัฐ ไม่แน่ว่านี่คือสิ่งที่เรียกว่า เกมส์โยนความผิด(blame game) มุขใหม่ของซีไอเอ เพื่อตอบโต้รัสเซีย ในการเปิดหลักฐานเบื้องหลัง 9/11 รึเปล่าไม่ทราบนะครับ ถึงพยายามหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา http://www.dailymail.co.uk/…/Can-Russia-control-weather-Cli…
ซึ่งจริงๆแล้วทั้งสหรัฐและรัสเซีย แม้กระทั่งจีน ล้วนมีเทคโนโลยีชนิดนี้ทั้งคู่ แต่ที่ทำมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น รัฐบาลสหรัฐ เพราะบางครั้งใช้ทำสงครามสภาพอากาศ แฝงภารกิจทางทหาร เพราะสหรัฐมีฐานทัพ ที่ประจำการอยู่ทั่วโลก จึงพยายามสร้างความได้เปรียบในสมรภูมิสงคราม
เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่ พิสูจน์บรรดาสิ่งที่ผมเคยพูดเมื่อหลายปีก่อนว่า เทคโนโลยีในยุคนี้ ไปไกลกว่าที่เราคิดมาก และไม่แน่ว่า บรรดาภัยพิบัติธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนหนึ่งมาจากสงครามสภาพอากาศนั่นเอง..

 

ปรกติผมไม่ชอบเอาเรื่องการเมืองในประเทศมาลงมากเพราะผมทราบว่าคนส่วนใหญ่มีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งผมก็ยอมรับ และในฐานะที่เป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีประโยขน์แก่สาธารณชนมานานหลายปี ก็ไม่พยายามนำมาลง แต่กรณีนี้ ต่างประเทศเข้ามายุ่งกับกิจการบ้านเมืองในประเทศ ซึ่งยิ่งเป็นอเมริกาด้วยแล้ว ผมยิ่งไม่เห็นด้วยใหญ่ก็เลยขอนำบทความนี้มาลงเพื่อจะได้เห็นสันดานของอเมริการว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร



Chalee Na Roied

บทวิเคราะห์ของ โกลบอลรีเสิร์ช ที่ผมพูดถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยอ้างรายงานบทความ ที่เผยแพร่ในCFR นะครับ ใครต้องการอ่านฉบับเต็ม เข้าไปอ่านได้ครับ ทางเว็บผู้จัดการเอามาลงเช่นกัน
โดยกดดันรัฐบาลไทยให้เจรจากับ อดีตนายกฯทักษิณ หรือไม่ก็ต้องเผชิญกับความรุนแรง เป็นการส่งสัญญาณ จากองค์กรณ์หนึ่งที่ ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อนโยบายของสหรัฐนะครับ

Focus : สหรัฐฯกดดันไทยต้องเลือกข้าง “ปรองดองทักษิณ” หรือ “จะอยู่ต่ออย่างไม่สงบ” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2558 18:14 น.

---
@ข้อความบางตอนจากการวิเคราะห์ของโกลบอลรีเสิร์ช สื่อแคนาดา ที่ระบุว่า แมทธิว วีเลอร์ เจ้าของบทความ “Silencing the Shinawatras” ในนิตยสารของ CFR ระบุว่า ตรกูลชินวัตรต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อต่อรองกับไทย
---


เอเจนซีส์ - ท่ามกลางรัฐบาลรักษาการที่มาจากการรัฐประหาร และมีการโยนหินถามทางถึงความน่าจะเป็นที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำไทยในการต่อสายคุยอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ล่าสุด โกลบอลรีเสิร์ช สื่อแคนาดา รายงานเชิงวิเคราะห์ถึง บทความ “ Silencing the Shinawatras “ หรือปิดปากตระกูลชินวัตร ที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ“สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) หรือCFR” หน่วยงานธิงแทงก์อันทรงอิทธิพลของสหรัฐฯต่อนโยบายของอเมริกา ที่มีบริษัทเอกชนให้เงินสนับสนุน ได้เสนอแนะให้ไทยเห็นควรเจรจากับทักษิณเพื่อแลกกับความสงบและเสถียรภาพของประเทศในระยะยาว

โกลบอลรีเสิร์ช หรือ CRG องค์กรวิจัยและสื่อที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีฐานในควิเบก แคนาดา รายงานเมื่อวานนี้(18) ถึงข้อเขียนล่าสุดของ แมทธิว วีเลอร์ (Matthew Wheeler) ในบทความชื่อ “ Silencing the Shinawatras” หรือ “ปิดปากตระกูลชินวัตร” ที่ถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations) หรือ CFR ซึ่งมีอดีตประธานาธิบดี จอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอล์กเกอร์ บุช ผู้พ่อ เป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้ง และพบว่า CFC เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและมีอิทธิพลสูงสุดในการควบคุมโลกยุคปัจจุบัน ทั้งด้านธุรกิจการเงิน โทรคมนาคม การพลังงาน รวมถึงควบคุมองค์การการค้าโลก NGO ธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารโลก ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และสื่อมวลชนที่ทรงอิทธิพลแขนงต่างๆ รวมถึงยังมีผลต่อนโยบายสำคัญของสหรัฐอเมริกา และเป็นองค์กรที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ทุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

วีเลอร์ ผู้เขียนบทความนี้ ได้อ้างว่า “ในขณะที่ไทยต้องการความปรองดอง ความมีเถียรภาพ และความร่วมมือในทุกภาคส่วนการเมือง ดังนั้นการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ถูกหลายฝ่ายมองว่า เป็นการเอาคืนของฝ่ายตรงกันข้าม และส่งผลทำให้ไทยมีความยากลำบากในการมีเสถียรภาพทางการเมืองยิ่งขึ้น” และวีเลอร์ได้เตือนว่า รัฐบาลรักษาการที่มาจากรัฐประหาร ซึ่งเรียกขานตนเองว่า คสช. หรือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ได้สัญญาจะคืนความสุขให้คนไทย โดยการเอาชนะความขัดแย้งทางการเมืองสังคมที่เคยมีมา ดังนั้นการถอดถอนยิ่งลักษณ์ จะถือเป็นความเสี่ยงของคสช. ที่เสมือนส่งสัญญาณให้กับแต่ละฝ่ายของคู่ขัดแย้งหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง และพร้อมจะทำให้ไทยเดินกลับมาสู่ถนนแห่งยุคมิคสัญญีต่อไป เพราะหลังจากในช่วงปีที่ผ่านมา ทางรัฐบาล คสช.ได้ประสบความสำเร็จที่จะปรามให้ทุกฝ่ายไม่ให้ออกมาความเคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนน

ทั้งนี้โกลบอลรีเสิร์ช รายงานว่า วีเลอร์ชี้ว่า หากไทยต้องการมีความสงบอย่างยั่งยืน จึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่ “ไทยต้องหันหน้ามาปรองดองกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกทำรัฐประหารและต้องอาศัยอยู่ในต่างแดน” หรือจะเลือกที่จะอยู่อย่างไม่สงบต่อไป โดยวีเลอร์ได้โยงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นในไทยหลังจากที่ทักษิณ ชินวัตร ถูกทำรัฐประหารในปี 2006 แต่ทว่าสื่อแคนาดาแย้งว่า วีเลอร์เจ้าของบทความ“Silencing the Shinawatras.” พลาดที่จะไม่ระบุเจาะจงไปถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังจากทักษิณถูกยึดอำนาจไปแล้ว หรือไม่แม้กระทั่งที่จะเอ่ยถึงความรุนแรงครั้งใหญ่ในเหตุฆ่าตัดตอน "ทำสงครามยาเสพติด" ที่เกิดขึ้นในสมัยทักษิณเรืองอำนาจ

เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า ในช่วงปี 2003 ภายในระยะเวลาเพียง 90 วัน พบว่ามีการใช้อำนาจยุติธรรมเร่งรัดพิเศษบนท้องถนนน สังหารคนไปร่วม 3,000 คน ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้บริสุทธิ และสื่อแคนาดายังชี้ต่อว่า และในปีถัดมา มีผู้ต้องเสียชีวิตอีกถึง 85 คนภายในเพียงแค่วันเดียวในเหตุการประท้วงที่ตากใบ จ.นราธิวาส และนอกจากนี้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นผู้นำไทยในขณะนั้น ยังมีนโยบายใช้ความรุนแรง และส่งผลให้นักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนอย่างน้อย 18 คน หายตัว หรือสาบสูญในปีแรกของการเข้ารับตำแหน่ง เช่น ทนายสมชาย นีละไพจิตร และรวมไปถึงมีศัตรูทางการเมืองของทักษิณอย่างน้อย 2 คนที่ถูกลอบสังหารเสียชีวิต และคนที่ 3 สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้นำขับไล่ทักษิณ เกือบต้องจบชีวิตลงในการถูกลอบสังหารที่โดนกระสุนร่วม 100 นัดสาดยิงรถของเขาในเวลากลางวันกลางเมืองหลวงของประเทศ

นอกจากนี้โกลบอลรีเสิร์ชยังรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มขบวนการเคลื่อนไหว "เสื้อแดง" ที่จงรักภักดีต่อทักษิณ ซึ่งเป็นกล่มขบวนการกดดันเคลื่อนไหวข้างถนน มักใช้วิธีขู่อาฆาต โจมตี และใช้อาวุธสังหารฝ่ายตรงกันข้ามที่วิพากษ์ตระกูลชินวัตร หรือผู้สืบทอดอำนาจที่ทักษิณจัดตั้งขึ้น ทางกลุ่มนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงในการทำให้สังคมไทยเกิดความหวาดกลัวในความรุนแรงต่อการกลับมาของคนเสื้อแดงอีกครั้ง โดยเหตุการณ์ช่วงปี 2009 และอีกครั้งในปี 2010 โกลบอลรีเสิร์ชรายงานว่า ตระกูลชินวัตรสนับสนุนการกระทำของกลุ่มเสื้อแดงในเหตุจลาจลกลางกรุงเทพฯ ซึ่งในปี 2010 ในเหตุจลาจลนั้น พบว่ามีกลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธหนักร่วม 300 คนร่วมขบวน และส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตเกือบ 100 ศพ

และเมื่อไม่นานมานี้ ในการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยของคณะ กปปส.เพื่อจะโค่นล้มรัฐบาลของน้องสาวทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งสื่อแคนาดาชี้ว่า เป็นอีกครั้งที่ "ผู้อยู่เบื้องหลังเสื้อแดง" ได้สั่งการให้กลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธก่อความรุนแรง สังหารคนที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามร่วม 30 ชีวิตที่มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก และทำให้คนอีกจำนวน 800 คนต้องได้รับบาดเจ็บ

จากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ทำให้วีเลอร์ชี้ว่า "ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นเพราะตระกูลชินวัตรต้องการใช้เป็นเครื่องมือเพื่อข่มขู่" และหากไทยต้องการหลีกเลี่ยงการฆ่าล้างครั้งต่อไปในอนาคต ผู้นำของไทยเห็นสมควรที่จะต้องยอมศิโรราบต่อเงื่อนไขของทักษิณ และยอมที่จะเปิดเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อจะยอมตามความประสงค์ของอดีตผู้นำไทยให้สามารถกลับเข้ามามีอิทธิพลต่อการเมืองไทยได้อย่างเต็มตัวอีกครั้ง หรือมิเช่นนั้น ไทยต้องเลือกที่จะเสี่ยงต่อความรุนแรง และการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

โกลบอลรีเสิร์ชรายงานต่อว่า เป็นที่ทราบโดยทั่วไปสำหรับนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะไม่เจรจา หรือประนีประนอมกับฝ่ายก่อการร้าย และดูเหมือนว่า หลังจากเกือบ 20 ปีผ่านไป ไทยเริ่มเรียนรู้ถึงคุณค่าในหลักการที่ยึดมั่นนี้ เพราะการเดินหน้ายอมทำตามประสงค์ของผู้ที่ไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตนเองต้องการ "ถือเป็นการส่งบัตรเชิญชั้นดีในการทำให้เกิดการนองเลือด" และผู้ที่ยอมอ่อนข้อให้ คือ ไทย จะไร้ซึ่งเสถียรภาพ และเกิดความสั่นคลอนในระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม และยังเป็นผลสืบเนื่องต่อไปถึงคนรุ่นถัดไป ดังนั้นอนาคตของไทยจึงจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับ "การถอนรากถอนโคนตระกูลชินวัตร" และกลุ่มคนใดก็ตามที่มีลักษณะคล้ายทักษิณ ในการวางกรอบที่จะกำจัดวัชพืชทางการเมือง เพื่อที่จะทำให้ความรุนแรง และการโกงกินหมดไปจากสังคมไทย และป้องกันไม่ให้สามารถกลับมาแทงยอดแตกหน่อผลิใบได้อีกครั้ง

ในขณะที่วีเลอร์ยืนกรานว่า ไทยต้องประนีประนอมกับทักษิณเท่านั้น แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วโกลบอลรีเสิร์ชชี้ว่า ไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องถอนรากถอนโคนตระกูลชินวัตรจากสารบบการเมืองไทยไปได้ หรือกระทำสิ่งใดที่น้อยกว่านั้นไปได้

และสื่อแคนาดายังสะท้อนถึงโปรไฟล์ของวีเลอร์ว่า มาจากองค์กรธิงแทงก์ “International Crisis Group” ที่รับเงินสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนอีกทอด และพบว่า เคเนธ แอเดิลแมน ( Kenneth Adelman) หนึ่งในสมาชิกขององค์กรธิงแทงก์แห่งนี้ ทำหน้าที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับทักษิณ ชินวัตร และรวมถึงยังทำหน้าที่เป็นประธานองค์กร "Freedom House" ภายใต้กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับ Naitonal Endowment for Democracy (NED) ซึ่งให้การสนับสนุนด้านเงินทุนกับ เครือข่ายสร้างโฆษณาชวนเชื่อให้กับทักษิณ ชินวัตร ในไทย เช่น เว็บประชาไทย ที่อื้อฉาว เป็นต้น นอกจากนี้กลุ่มธิงแทงก์ International Crisis Group ยังมีสมาชิกคนสำคัญ เป็นต้นว่า จอร์จ โซรอส อาชญากรทางเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดพิษต้มยำกุ้ง และยังเป็นเจ้าขององค์กร Open Society (OSF) ซึ่งให้เงินทุนสนับสนุน กลุ่มเว็บประชาไทย และกลุ่มอื่นๆที่ทำงานทางการเมืองให้กับทักษิณ

ดังนั้นโกลบอล รีเสริช จึงสรุปท้ายว่า จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจเท่าใดนักเมื่ออ่านบทความของวีเลอร์ เรียกร้องให้ไทยยอมรับเงื่อนไขของทักษิณ และสื่อแคนาดาแห่งนี้ยังวิเคราะห์ว่า การยอมผ่อนปรนเพื่อเจรจากับทักษิณย่อมจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับไทย แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มคนที่ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินกับองค์กรธิงแทงก์ของวีเลอร์ และบรรดาเพื่อนที่มีอิทธิพลของวีลเลอร์ใน CFR ที่ได้ใช้เวลานานหลายปี ลงทุนลงแรงในการฟูมฟักทำให้ตระกูลชินวัตรสามารถหยั่งรากลึกผงาดอยู่ในแวดวงการเมืองไทยได้ถึงทุกวันนี้

Focus :

 

Jeerachart Jongsomchai



... "ลูกหนี้ตัวแสบกรีซบอกอียู : ถ้าไม่ให้ขยายเงินกู้ ( แบบไม่ต้องขายสมบัติชาติ) อีกหกเดือน ก็ถอนการช่วยเหลือออกซะ"
... กรีซทำให้อียูได้แสบทรวงกว่าเด็กแว้นมาเร่งเครื่องมอไซค์หน้าบ้านยามวิกาลดึกดื่นเมื่อบอกว่าให้เลือกเอาว่าจะยอมรับการยืดหนี้ระยะสั้นของกรีซออกไปอีกหกเดือนหรือไม่ในการเสนอต่อการประชุมที่จะมีขึ้นพรุ่งนี้ ( คล้ายๆว่าขอยืมเงินต่อหกเดือน แบบไม่ต้องขายสมบัติในบ้านแลกเปลี่ยน ได้ไหมอ่ะ )
... สรุปแบบง่ายๆคือ "กรีซ" นั้นต้องการจะได้เงินมาหมุนก่อนอีกก้อนในช่วงหกเดือนหน้านี้แบบไม่ต้องมีมาตรการ "รัดเข็มขัด" จากอียู ( ซึ่งหนึ่งในมาตรการคือการ "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" เสียด้วย ) เพราะก่อนหน้าที่ผ่านมา ทุกครั้งที่อียูจะให้เงินแต่ละก้อนนั้นกรีซต้องลดค่าใช้จ่ายหลายกระทรวงทั้งกระทรวงศึกษาธิการ สาธารณะสุข ตั้งปลดข้าราชการ พนักงานรัฐออกไปเป็นหมื่นทำให้คนตกงาน ซึ่งอาจเป็นบ่อเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาได้
... แถมยังต้องบีบให้ขาย ( หรือพูดแบบเสรีนิยมดูเด๊เด่ว่า "แปรรูปรัฐวิสาหกิจ" ) ที่ประเทศพี่เบิ้้มของอียู เช่นเยอรมันตอนนี้ก็มาซื้อหุ้นมากมายในบริษัทโทรคมนาคมในกรีซแล้ว หรือแม้แต่จีนมาไกลก็มาซื้อท่าเรือและเตรียมจ่อจะเอาสนามบินเก่าอีก
... กรีซเขาไม่เหมือนนักการเมืองไทยและนายทุนใหญ่ไทยที่จะเน้นขายชาติอย่างเดียว จึงรับไม่ได้ จึงขอเอาเงินเพิ่มขยายวงเงินแบบไม่ต้องปลดคนออกเพิ่ม ไม่ต้องตัดงบในหน่วยงานต่างๆ ( พี่ไทยขายหมดบ้านไม่เหลือแม้แต่ตะหลิวหม้อข้าวและจานช้อน )
... แต่เยอรมันบอกว่า ฮ่่วย เห้ย อุว่ะ มันไม่มีแก่นสารสาระเลยกับข้อเสนอแบบนั้น ไม่เข้ากับมาตรฐานของอียูเลย ( ประมาณว่าเอ็งจะสติแตกแจกทองก่อนตรุษจีนเหรอ) จะขอเงินเพิ่ม แต่จะไม่ยอมให้อะไรเจ้าหนี้ตอบแทนเลย เพราะบริษัทใหญ่ๆในอียูอยากจะมาซื้อกิจการในกรีซตาเป็นมันเหมือนเด็กแว้นส์อีกกลุ่มที่มองสกอยส์สาวที่นั่งซ้อนท้ายมอไซค์กรีซอยู่พร้อมตวัดลิ้นเสียงดังแพร็บๆ
... ประมาณว่าข้าจะให้เอ็งยืมเงินได้ต้องตัดลบลง และรีบแปรรูปซะเด่เด่ กรีซบอกว่าตั้งแต่รับ "เงินกู้อียู" Troika มาตั้งแต่ 2010 นั้นคนในชาติก็กรอบกินน้อยไม่อิ่มท้องอยู่แล้ว ขายสมบัติชาติจนไม่เหลือให้ลูกหลานได้ด่าตามหลังอีกแล้ว ( เพราะคนรุ่นก่อนฟุ่มเฟือย โกงกินกันเยอะ เป็นรัฐบาลที่มาตามหลักการเลือกตั้งธิปไตยเป๊่ะเว่อร์ ทุกประการ )
... และที่สำคัญ "มาตรการรัดเข็มขัด" ที่ผ่านมานั้นเจ็บปวดเกินใจจะทน มีการให้กรีซ "เพิ่มภาษี" ขึ้นแบบทวีคูณ "ตัดงบบำนาญ" ( ข้าราชการไทยที่เป็นไทบเฉยกับนักการเมืองโกงเช่นจำนำข้าวมหากาพย์หรือพรรคอื่นๆ ระวังไว้ด้วยนะ วันหนึ่งจะเจอดี ) ด้วย ซึ่งมันไม่สอดคล้องกันเลย คนตกงานเศรษฐกิจฝืดจะไปขูดรีดเลือดกับปูได้ที่ไหน บริษัทใหญ่เองก็คงไม่อยากจ่าย
... ตอนนี้จึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญว่า กรีซจะอยู่หรือไป เพราะดูแล้ว อียูก็คงไม่ยอมรับเสนอแบบเด็กแว้นส์แน่ๆ เพราะมันแรงเกินจะรับไหว
... ตอนนี้ต่างฝ่ายก็ประชุมภายในกันอยู่ อียูกำลังประชุมภายในขณะที่นอกบ้านมี นายกคนใหม่กรีซบิดคันเร่งมอไซค์เสียงแสบรูหูแบ้น ๆ ๆ อยู่นอกบ้านข้างเสาไฟยามวิกาล รอคำตอบที่แสนกวนโอ้ยว่า "ว่าไงอียู ขอเงินให้ข้าใช้แบบไม่ต้องขายหม้อไหจานชาม ต่ออีกหกเดือนได้ไหม "
... อียูจะตอบว่าไง สิ้นเดือนนี้รู้ผล อีโมติคอน smile

 

“ซินเหนียนไคว่เล่อ” ปีมะแม 2015 โหรทัก ศก.ผันผวน-อุบัติเหตุชุก
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2558 22:01 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:44 น.)



เอพี/เอเจนซีส์ - จีนข้ามผ่านปีม้าเข้าสู่ปีแพะเป็นที่เรียบร้อยในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 ก.พ.) ท่ามกลางคำทำนายทายทักที่ไม่ค่อยดีนักว่าปีนี้จะเกิดอุบัติเหตุชุก แถมเศรษฐกิจง่อนแง่น พ่อแม่บางคนตัดสินใจชะลอแผนสร้างทายาท ด้วยกลัวว่าลูกที่เกิดปีนี้จะต้องทำงานหนักไปตลอดชีวิต

https://www.youtube.com/watch?v=k40CXyaDkgY

สัญลักษณ์รูปสัตว์ชนิดนี้ที่หมุนเวียนครบรอบทุก 12 ปี อาจถือเป็นวิกฤตอัตลักษณ์ เนื่องจากตัวอักษรภาษาจีนใช้คำว่า “หยาง” ซึ่งสามารถแปลได้ทั้ง แพะ แกะ หรือ แกะตัวผู้

สำหรับคนจีนจำนวนมากเลือกที่จะให้ปีนี้เป็นปีแกะ อาจจะเนื่องจากเห็นว่าแกะเป็นสัตว์ที่น่ารักน่าทะนุถนอมกว่าแพะ ดังนั้น ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่านชอปปิ้งในปักกิ่งจึงเต็มไปด้วยภาพแกะละลานตาไปหมด

อย่างไรก็ดี สำนักข่าวซินหวารายงานโดยอ้างข้อมูลจากศาสตราจารย์ฮวง หยาง นักวิจัยบทบาทของแกะและแพะในวัฒนธรรมจีนว่า ความหมายดั้งเดิมของคำนี้น่าจะเป็นแพะมากกว่า เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชาวฮั่นซึ่งริเริ่มการจักรราศี 12 นักษัตรนั้นนิยมเลี้ยงกัน

กระนั้น ซินหวากลับเลือกใช้วลี “Year of Sheep” หรือปีแกะ ในรายงานเกี่ยวกับปีใหม่จีนเวอร์ชันภาษาอังกฤษ แทนที่จะใช้ “Year of the Goat”

ชาวจีนเริ่มหยุดยาวหนึ่งสัปดาห์ตั้งแต่วันพุธ (18 ก.พ.) โดยมีงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ในช่วงค่ำ และมาสคอตปีนี้ออกมาก้ำกึ่งให้คนดูเดาเอาเองว่าเป็นแพะหรือแกะกันแน่

ปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นปีม้า ถือเป็นปีมงคลสำหรับคนส่วนใหญ่ แม้พวกสายการบินในเอเชียจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงถี่ผิดปกติก็ตาม

สำหรับปีนี้ โหรหลายคนเตือนว่าเศรษฐกิจจะผันผวน มีอุบัติเหตุเกี่ยวกับการเดินทางบ่อยครั้ง และภัยพิบัติธรรมชาติเกี่ยวกับลม เช่น พายุทอร์นาโดในอเมริกาและไต้ฝุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แต่สำหรับจีนที่ไม่เคยมีทอร์นาโดมาเยี่ยมเยียน ตง เจียหลิง โหรเมืองเซี่ยงไฮ้ บอกว่า คำทำนายนี้หมายถึงมลพิษทางอากาศ ที่จะมีผลต่อชีวิตของทุกคน

ต่งยังทายทักว่า ราวเดือนมิถุนายนที่อากาศในจีนเริ่มร้อน เศรษฐกิจตะวันตกจะผันผวนรุนแรง แต่เมื่อย่างเข้าเดือนสิงหาคมหรือกันยายน เศรษฐกิจจะเริ่มมีเสถียรภาพอย่างมาก

คลีเมนต์ ชาน ซินแซฮวงจุ้ยที่ได้รับเชิญเป็นกรรมการในรายการ “อเมริกาส์ เน็กซต์ โมเดล” ชุดที่ถ่ายทำในมาเก๊า บอกว่า มองเห็นไฟเต็มไปหมด และไฟหมายถึงอุบัติเหตุ เขาทำนายว่า จะมีเครื่องบินตกในช่วงครึ่งปีแรกแต่ไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา และจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนบ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม ชานเสริมว่าปีนี้เป็นปีทองสำหรับผู้บริหารหญิงและผู้นำหญิงระดับโลก

ขณะที่ ซีแอลเอสเอ บริษัทโบรกเกอร์ฮ่องกงที่เผยแพร่รายงานฮวงจุ้ยแบบขำๆ เป็นประจำทุกปี บอกว่า ดัชนีฮั่งเส็งจะผันผวนในระดับหนึ่งเนื่องจากสัญลักษณ์ปีไก่ของฮั่งเส็งนั้น “ชง” กับแกะ

ซีแอลเอสเอเตือนว่า ปีนี้ผู้คนจะหงุดหงิดง่ายและคบยาก จึงควรระมัดระวังตัวและระวังการถูกปอกลอก

บริษัทหลักทรัพย์แห่งนี้ยังทำนายทายทักดวงชะตาคนดัง อาทิ เจย์ซี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเฉินหลงที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัวหลังจากการรับโทษนาน 6 เดือนเกี่ยวกับยาเสพติด โดยแนะว่า เจย์ซีควรใช้ชีวิตให้ช้าลงและขบคิดเกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ผู้ที่เกิดในปีมะแมซึ่งมีอาทิ สตีฟ จ็อบส์, บิลล์ เกตส์ และจาง จื้ออี้ มักเป็นคนที่มีความกตัญญู เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และมีความเป็นศิลปิน แต่ขณะเดียวกันก็ขี้กลัว ดื้อรั้น ช่างวิตกกังวล

ชาวจีนที่เชื่อโชคลางมองว่า ปีนี้เป็นปีอัปมงคลและเด็กที่เกิดในปีนี้จะไม่มีความสุข รวมถึงมีแนวโน้มเป็นผู้ตามมากกว่าผู้นำ พ่อแม่บางคนถึงขั้นหลีกเลี่ยงการมีบุตรในปีนี้
พญ.ไมกา ชิน สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเซี่ยงไฮ้ ยูไนเต็ด แฟมิลี คาดว่าอัตราเกิดปีนี้จะต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 20%

กระนั้นว่าที่คุณแม่คนหนึ่งที่มีกำหนดคลอดปลายเดือนนี้บอกว่า เธอไม่สนใจปีนักษัตรเท่าไหร่ แถมคิดว่าการที่คนหลีกเลี่ยงการมีลูกในปีนี้จะทำให้ลูกของเธอมีคู่แข่งน้อยลง

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020719

 

สื่ออ้างข่าวกรองพบนักรบ IS ลอบเข้าตุรกี วางแผนโจมตีสถานทูตนานาชาติ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2558 23:35 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:41 น.)



รอยเตอร์ - พวกนักรบรัฐอิสลามลอบเข้ามายังตุรกีและกำลังวางแผนโจมตีสถานทูตชาติต่างๆ ทั้งในกรุงอังการา และอิสตันบูล สื่อมวลชนเติร์กรายงานโดยอ้างคำกล่าวของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (เอ็มไอที) เมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.)

หนังสือพิมพ์เฮอริเยตรายงานโดยอ้างบันทึกภายในของเอ็มไอที ระบุว่ามีนักรบราว 3,000 คนจากกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งในซีเรีย และอิรัก กำลังหาทางเข้ามายังตุรกีผ่านแนวชายแดนทางใต้ของประเทศ หลังล้มเหลวในการยึดโคบานี เมืองชาวเคิร์ดของซีเรีย

เอกสารบันทึกภายในที่เฮอริเยตนำมากล่าวอ้าง ระบุด้วยว่า นักรบบางส่วนในนั้นรวมถึงเหล่าผู้บัญชาการระดับอาวุโสได้เล็ดลอดเข้ามายังตุรกีแล้วและพักอยู่ตามเซฟเฮาส์ต่างๆ ทั้งนี้แม้ในเอกสารไม่ได้ชี้ชัดถึงจำนวนนักรบที่ข้ามชายแดนเข้ามา แต่บอกว่าผู้บัญชาการระดับอาวุโสเหล่านั้นอยู่ระหว่างวางแผนโจมตี

“เหล่าผู้เชี่ยวชาญของนักรบในด้านโจมตีด้วยระเบิดและระเบิดฆ่าตัวตายกำลังวางแผนโจมตีสถานทูตของกองกำลังพันธมิตรนานาชาติซึ่งเข้าแทรกแซงในซีเรีย ทั้งที่อิสตันบูล และอังการา” เอกสารระบุ

เฮอริเยตระบุด้วยว่า มีนักรบสัญชาติซีเรียและปาเลสไตน์บางส่วนกำลังวางแผนข้ามชายแดนเข้าไปยังบัลแกเรียเช่นกัน เพื่อดำเนินการโจมตีในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ตำรวจปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวนี้ที่อ้างเอกสารบันทึกภายในของเอ็มไอที ส่วนทางเอ็มไอทียังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว

กองกำลังชาวเคิร์ดของซีเรีย ผลักดันนักรบของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกจากเมืองโคบานีเมื่อเดือนที่แล้ว นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของพวกหัวรุนแรงกลุ่มนี้ที่บึกยึดครอบครองพื้นที่คร่อมดินแดนซีเรียและอิรัก กินบริเวณกว้างกว่า 50,000 ตารางกิโลเมตร

ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างดุเดือดของพันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ที่ในนั้นประกอบด้วยเหล่าประเทศยุโรปและอาหรับ เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนชัยชนะของกองกำลังชาวเคิร์ด

ตุรกีถูกโจมตีด้วยระเบิดหลายระลอกในปีนี้ ล่าสุดเกิดขึ้นที่เมืองสุรุค ในจังหวัดซานลิเออร์ฟา ตามแนวชายแดนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (13 ก.พ.) อย่างไรก็ตามยังไม่มีกลุ่มไหนออกมาอ้างความรับผิดชอบ แต่มีข้อบ่งชี้ว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในซีเรีย

 

กรีซขู่อียู รับหรือปฏิเสธขยายเวลาเงินกู้ หลังโดนเยอรมนีปัดข้อเรียกร้อง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 01:04 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:38 น.)



เอเอฟพี - กรีซเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ชี้สหภาพยุโรป (อียู) มีแค่ 2 ทางเลือก คือ ยอมรับ หรือปฏิเสธคำร้องขอขยายข้อตกลงเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน แต่ไม่พ่วงมาตรการปฏิรูปอันเข้มงวดเจ็บปวดตามสัญญาเดิม หลังเยอรมนีปัดข้อเรียกร้องดังกล่าว แม้มีสัญญาณก่อนหน้านี้ว่าสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้

“พรุ่งนี้ ยูโรกรุ๊ปมีแค่ 2 ทางเลือก คือ ตอบรับหรือปฏิเสธคำร้องขอของกรีซ แล้วเราจะได้รู้ว่าใครบ้างที่ต้องการหาทางออก ใครบ้างที่ไม่ต้องการ” แหล่งข่าวของรัฐบลบอกหลังจากเยอรมนีปฏิเสธข้อเสนอของเอเธนส์

ข้อความดังกล่าวเสมือนการส่งสารถึงนายมาร์ติน เจเกอร์ โฆษกกระทรวงการคลังเยอรมนี ที่บอกก่อนหน้านี้ว่าข้อเสนอของกรีซที่นำเสนอต่อบรัสเซลส์ในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ไม่ตรงตามหลักเกณฑ์ที่วางโดยเหล่ารัฐมนตรียูโรโซน

ส่วนนายวูล์ฟกัง ชอยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมัน กล่าวว่า ข้อเสนอของกรีซที่ต้องการขยายระยะเวลาของเงินกู้ในข้อตกลงความช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกไปอีก 6 เดือนนั้น ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขที่มีการตกลงกันไว้ในการประชุมยูโรกรุ๊ปเมื่อวันจันทร์(16ก.พ.)

รัฐบาลกรีซได้ยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อขอขยายระยะเวลาของเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ดีการขยายระยะเวลาของเงินกู้ดังกล่าวตามข้อเสนอของกรีซมีรายละเอียดต่างจากข้อตกลงฉบับเดิมที่กำหนดให้กรีซดำเนินมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งรัฐบาลใหม่ของกรีซมีจุดยืนคัดค้านมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของนายฌอง โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปออกมาในทางบวกมากกว่า โดยบ่งชี้ว่าสองฝ่ายมีความเห็นต่างแค่ว่าอะไรคือความจำเป็นที่แท้จริงในคำสัญญาของเอเธนส์ เพื่อบรรลุข้อตกลงประนีประนอมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

โฆษกของเขาบอกว่า นายจุงเกอร์มองว่าข้อความจากรัฐบาลกรีซคือสัญญาณทางบวกที่เปิดทางให้มีการประนีประนอมอย่างสมเหตุสมผลเพื่อประโยชน์แห่งสเถียรภาพทางการเงินในพื้นที่ยูโรโซนทั้งมวล

ก่อนน้านี้นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป เผยว่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซน จะประชุมกันในบรัสเซลส์ วันศุกร์นี้ (20 ก.พ.) เพื่อพิจารณาข้อเสนอของเอเธนส์ ที่ขอขยายข้อตกลงเงินกู้ออกไปอีก 6 เดือน หลังจะหมุดอายุในช่วงสิ้นเดือนนี้

อย่างไรก็ตาม เยอรมนี เจ้าหนี้รายใหญ่ได้ออกมาดับความหวังอย่างรวดเร็ว พร้อมตำหนิคำร้องขอของกรีซ ว่ามันไม่ใช่ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมสำหรับแก้ปัญหา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซีเรียกข้อเรียกร้องของกรีซว่า“สร้างสรรค์” และก้าวสู่ทิศทางที่ถูกต้อง

การประชุมในวันศุกร์ (20 ก.พ.) จะเป็นความพยายามครั้งที่ 3 ของเหล่ารัฐมนตรีของกลุ่มสกุลเงินเดียว ที่หวังบรรลุข้อตกลงประนีประนอมกับรัฐบาลซ้ายจัดของกรีซ หลังการหารือ 2 หนก่อนหน้านี้จบลงด้วยความเกรี้ยวกราดล

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020747

 

อังกฤษ-สเปนเห็นต่างมะกัน เชื่อไม่ถึงเวลามอบอาวุธสังหารช่วยยูเครนปราบกบฏ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 02:29 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:40 น.)



เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการ - รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษและสเปนเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ชี้ว่าทางออกของวิกฤตยูเครนจำเป็นต้องดำเนินการผ่านการเจรจาและไม่ควรผ่านวิธีมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่กองกำลังเคียฟ ความเคลื่อนไหวที่สวนทางกับสหรัฐฯ ซึ่งกำลังชั่งใจติดอาวุธสังหารแก่กองทัพยูเครน

“เราไม่เชื่อว่า ณ ตอนนี้มันจะเอื้อต่อการมอบความสนับสนุนอาวุธสังหารแก่กองทัพยูเครน” นายฟิลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ แถลงข่าวร่วมกับนายโฮเซ มานูเอล การ์เซีย มาร์กัลโล รัฐมนตรีต่างประเทศสเปนในกรุงมาดริด

“เราขอพูดอย่างชัดเจนว่าเราจะไม่ยอมให้กองทัพยูเครนล่มสลาย แต่เราคิดว่าในตอนนี้พวกเขายังห่างไกลจากจุดนั้น อันเนื่องจากสถานกาณ์ทางภาคพื้นในปัจจุบัน ดังนั้นอังกฤษจะไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนเกี่ยวกับการมอบความช่วยเหลือด้านอาวุธสังหารในตอนนี้” เขากล่าว

อย่างไรก็ตาม แฮมมอนด์บอกว่าคำถามที่ว่าจะส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือกองทัพยูเครนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละประเทศ “มันไม่ใช่ประเด็นของอียูหรือประเด็นของนาโต” เขากล่าว

ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ เคยบอกว่าการติดอาวุธให้ยูเครน และรวมไปถึงการใช้มาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงมากขึ้นกับรัสเซีย เป็นทางเลือกที่สหรัฐฯสามารถเลือกใช้หากจำเป็น แต่ก็ยอมที่จะยืดเวลาการตัดสินใจในการให้การสนับสนุนด้านอาวุธกับเคียฟออกไป จนกระทั่งความพยายามทางการทูตในการแก้ปัญหาวิกฤตยูเครนที่นำโดยเยอรมันนั้นล้มเหลว

เมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ผู้นำของทั้งยูเครน เยอรมนี ฝรั่งเศส และรัสเซีย ต่างให้คำมั่นว่าจะปกป้องข้อตกลงหยุดยิงอันเปราะบางทางภาคตะวันออกของยูเครน แม้มีการละเมิดหลายครั้ง ในนั้นรวมถึงกรณีที่พวกกบฏนิยมมอสโกจู่โจมเข้ายึดเมืองยุทธศาสตร์แห่งหนึ่ง

ในขณะที่เหล่าผู้นำประณามเหตุสู้รบดังกล่าวและเรียกร้องสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ก็ได้มีเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวจากกบฏแบ่งแยกดินแดนและรัสเซีย ต่อกรณีที่ยูเครนร้องขอให้สหประชาชาติส่งกองกำลังรักษาสันติภาพเข้ามาบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิง

อีกด้านหนึ่งทางกระทรวงกลาโหมยูเครนระบุในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ว่ามีกำลังพลของกองทัพ 13 นายเสียชีวิต และสูญหาย 82 นายระหว่างถอนกำลังออกจากเมืองเดบัลต์เซเว นอกจากนี้ยังมีทหารโดนจับตัวไปอีก 90 คน หลังจากถูกฝ่ายกบฏจู่โจมเข้ายึดเมืองยุทธศาตร์แห่งนี้ แม้ว่าข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอาทิตย์ (15 ก.พ.) แล้วก็ตาม

ส่วนพวกแบ่งแยกดินแดนอ้างสามารถควบคุมทหารของกองทัพเคียฟได้มากถึง 300 คน และหนึ่งในแกนนำของฝ่ายกบฏคุยโวว่าปฏิบัติการจู่โจมสามารถปลิดชีพทหารยูเครนได้ 3,000 ถึง 3,500 นาย แต่ความจริงคือการนับตัวเลขผู้เสียชีวิตของแต่ละฝ่ายบ่อยครั้งที่โอ้อวดเกินจริงอยู่มาก เพื่อหวังผลด้านโฆษณาชวนเชื่อ

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020755

 

มิดเวสต์สหรัฐฯ หนาวถึงกระดูก อุณหภูมิต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 04:02 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:36 น.)



รอยเตอร์ - แถบมิดเวสต์ของสหัฐฯ ต้องเผชิญอาการหนาวถึงกระดูก โดยเฉพาะที่ชิคาโกซึ่งอุณหภูมิแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) จนต้องสั่งปิดโรงเรียน ขณะที่มันค่อยๆ คืบคลานไปทางทิศตะวันออก มุ่งหน้าไปยังบอสตัน และนิวยอร์กที่ประสบกับสภาพอากาศเย็นยะเยือกอยู่ก่อนแล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=y3R_8H1KAF0

คาดหมายว่ามลอากาศเย็นจากอาร์กติกจะปกคลุมแถบตอนกลางของสหรัฐฯไปจนถึงเข้าวันศุกร์ (20 ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากวัดอุณหภูมิในชิคาโก ได้ -22 องศาเซลเซียส ทุบสถิติต่ำสุดตลอดกาล -7 องศาเซลเซียส ในปี 1936 ลงอย่างราบคาบ บ็อบ โอราเวค นักอุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานพยากรณ์แห่งชาติสหรัฐฯ กล่าว พร้อมเผยว่าแต่ด้วยแรงปะทะของลมทำให้อุณหภูมิในชิคาโกรู้สึกเหมือน -25 องศาเซลเซียส

สภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ ส่งผลให้เหล่าโรงเรียนรัฐบาลในชิคาโกซึ่งมีนักเรียนรวมกว่า 396,000 คน นับเป็นเขตการศึกษาใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ จำเป็นต้องยกเลิกการเรียนการสอนในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ขณะที่ประชาชนสัญจรอย่างยากลำบากมองไม่ค่อยเห็นทาง เนื่องจากต้องใช้ผ้าคลุมหน้าป้องกันความหนาวเหน็บ

โอราเวคกล่าวว่า ด้วยอากาศอันหนาวเหน็บมุ่งหน้าไปทางตะวันออก นั่นหมายความว่ามันจะสร้างปัญหาแก่ประชาชนที่ต้องออกเดินทางในตอนเช้าวันศุกร์ (20 ก.พ.) ไล่ตั้งแต่บอสตัน ไปจนถึงริชมอนด์ ในเวอร์จิเนีย และคาดหมายว่าอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปอีก

ด้วยสภาพอากาศหนาวเหน็บในวอชิงตัน ดี.ซี. ที่พยากรณ์ว่าอุณหภูมิอาจดำดิ่งถึง -19 องศาเซลเซียสเมื่อคืนวันพุธ (18 ก.พ.) โรงเรียนและหน่วยงานราชการท้องถิ่นทั่วภูมิภาคต้องปิดทำการ หรือไม่ก็เปิดทำการสายกว่าปกติในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.)

อุณหภูมิที่ลดต่ำในนิวยอร์กสัปดาห์นี้ หนาวเหน็บเพียงพอที่จะแปรสภาพน้ำตกไนแองการากลายเป็นน้ำแข็ง สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่บรรดานักท่องเที่ยว


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020762

 

น้ำมันลงต่อหลังอุปสงค์สหรัฐฯ อ่อน หุ้นมะกันปิดลบ-ทองคำฟื้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 กุมภาพันธ์ 2558 05:20 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 09:33 น.)



เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - ราคาน้ำมันขยับลงต่อเนื่องในวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) หลังรัฐบาลสหรัฐฯ รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองพุ่งขึ้นอย่างมาก ปัจจัยนี้ฉุดให้วอลล์สตรีทปิดในแดนลบเช่นกัน ขณะที่ทองคำฟื้นตัวพอสมควร จากกรณีที่เฟดย้ำว่ายังไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 98 เซ็นต์ ปิดที่ 51.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงราว 1.40 ดอลลาร์ในวันพุธ (18 ก.พ.) ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 32 เซ็นต์ ปิดที่ 60.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ตลาดน้ำมันทรุดลงสู่แดนลบตั้งแต่ช่วงต้นของการซื้อขาย หลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ โดยระบุว่าสต๊อกน้ำมันดิบของประเทศเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 8 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เพิ่มเติมความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด

การขยับลงของราคาน้ำมัน ก่อแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน และเมื่อประกอบกับวอลล์-มาร์ทปรับผลประมาณการณ์ผลประกอบการ จึงส่งผลให้ดาวโจนส์ปิดลบ แต่แนสแดคดีดขึ้นตามผลดำเนินงานของบริษัท ไพรซ์ไลน์

ดาวโจนส์ลดลง 44.08 จุด (0.24 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,985.77 จุด เอสแอนด์พีลดลง 2.23 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,097.45 จุด แนสแดคเพิ่มขึ้น 18.34 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,924.70 จุด

วอลล์-มาร์ท เป็นหุ้นตัวที่ปิดลบหนักหน่วงที่สุดในดาวโจนส์ โดยขยับลงร้อยละ 3.2 หลังจากเปิดเผยรายงานประมาณการณ์ผลประกอบการต่ำกว่าคาดหมาย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากแผนขึ้นค่าจ้างพนักงาน 500,000 คนในสหรัฐฯ

ในส่วนของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ เชฟรอน และเอ็กซอนโมบิล ปิดลบร้อยละ 1.9 และร้อยละ 1.7 ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันขยับลงต่อเนื่อง 2 วันติด

ด้านราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ก.พ.) ปิดบวกพอสมควร พื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 สัปดาห์ จากสัญญาณที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,207.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000020770

 

อ่วม! ตอ.มะกันหนาวทุบสถิติ กระทบ 115 ล้านคน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.พ. 2558 00:32



พื้นที่ครึ่งประเทศฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับลมหนาวสุดขั้ว ซึ่งทำให้อุณหภูมิในหลายพื้นที่รวมถึงเมืองหลวงกรุงวอชิงตันดีซี ลดต่ำสู่ค่าที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปีหรือไม่เคยพบเจอมาก่อน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ลมหนาวจากแคว้นไซบีเรียของรัสเซียทำให้เกิดสภาพอากาศเย็นจัดกระทบผู้คนจำนวน 115 ล้านคน ใน 27 รัฐ ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่พื้นที่ มิด-แอตแลนติก ไปจนถึงทางตอนใต้ โดยมีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิปกติของเดือนก.พ.ระหว่าง 4 ถึง -6 องศาเซลเซียส

โรงเรียนหลายแห่งในรัฐจอร์เจียรวมถึงในนครชิคาโกต้องหยุดการเรียนการอน ขณะที่บริการรถไฟสายทตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบจากความหนาวจนต้องระงับบริการบางส่วน ที่รัฐนิวยอร์กหนาวจัดจนน้ำตกไนแองการาถึงกับจับตัวเป็นน้ำแข็งทีเดียว ส่วนที่กรุงวอชิงตันดีซี อุณหภูมิลดลงมาอยู่ที่ -16 องศาเซลเซียส ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี

ที่รัฐเคนทักกีอุณหภูมิลดต่ำจนทำลายสถิติไปแล้ว โดยมีอุณหภูมิ -22 องศาเซลเซียสที่เมืองปาดูคาห์ และพื้นที่เกือบทั้งหมดของรัฐมีอุณหภูมิต่ำกว่า -17 องศาเซลเซียส ส่วนที่เมืองแอตแลนตา อุณหภูมิลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ -9 องศาเซลเซียส ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่า สพผู้เสียชีวิต 2 รายที่พบ เสียชีวิตเพราะความหนาวหรือไม่


ขณะเดียวกัน สภาพอากาศหนาวจัดกำลังส่งผลต่อโครงข่ายไฟฟ้าในรัฐเทนเนสซี โดยมีบ้านเรือนกว่า 30,000 หลัง ประสบปัญหาไฟดับเมื่อวันพุธ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกมาเรียกร้องให้ประชาชนประหยัดพลังงาน

อ่วม! ตอ.มะกันหนาวทุบสถิติ กระทบ 115 ล้านคน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ทูตอิรักอ้าง 'ไอซิส' ค้าอวัยวะมนุษย์เสริมทุน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 03:36


(ภาพ: AP Photo)

ทูตอิรักประจำสหประชาชาติอ้างว่า กลุ่มไอซิสขายอวัยวะมนุษย์เพื่อหาเงินทุนก่อการร้าย หลังพบหลุมศพขนาดใหญ่ซึ่งเขาอ้างด้วยว่าศพที่อยู่ภายในอวัยวะบางส่วนหายไป...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโมฮาเหม็ด อัลฮาคิม เอกอัครราชทูตอิรักประจำสหประชาชาติกล่าวหา กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอซิส) ว่า ใช้วิธีการค้าอวัยวะมนุษย์เพื่อหาเงินทุนสำหรับการก่อการร้าย และเรียกร้องให้สหประชาชาติเข้าไปตรวจสอบหลุมศพขนาดใหญ่หลายในอิรัก ที่มีการค้นพบในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายอัลฮาคิม เปิดเผยต่อสื่อว่า ศพที่พบในหลุมศพดังกล่าวมีร่องรอยของการผ่าตัดและอวัยวะเช่นไต หรือส่วนอื่นๆ หายไป เขายังอ้างด้วยว่าแพทย์ในเมืองโมซูลหลายสิบคนถูกลุ่มไอซิสประหารชีวิต เนื่องจากพวกเขาไม่ยอมให้ความร่วมมือในการผ่าตัดเอาอวัยวะให้ไอซิส

ขณะเดียวกัน นายนิโคไล มลาดีนอฟ ทูตสหประชาชาติประจำอิรัก กล่าวว่า มีรายงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากลุ่มไอซิสใช้การขายอวัยวะมนุษย์หาเงินทุนก่อการร้าย แต่ยังไม่อาจด่วนสรุปได้ก่อนที่พวกเขาจะศึกษารายละเอียดมากกว่านี้ก่อน

ทั้งนี้ กลุ่มไอซิสถูกยกให้เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ร่ำรวยที่สุดในขณะนี้ โดยเชื่อว่าพวกเขาใช้ทั้งการค้าน้ำมันในตลาดมืด, การกรรโชกทรัพย์ และใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ในการหาเงินทุน โดยคาดว่าไอซิสหาเงินได้วันละประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทีเดียว.

ทูตอิรักอ้าง 'ไอซิส' ค้าอวัยวะมนุษย์เสริมทุน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ราคาน้ำมันร่วง! วอร์เร็น บัฟเฟตต์ เทขายหุ้น ‘เอ็กซ์ซอน โมบิล’ 1.2 แสนล้าน
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2558 14:45



วอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐี นักลงทุนชื่อดัง ชาวอเมริกัน ตัดสินใจเทขายหุ้นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ เอ็กซ์ซอน โมบิล มูลค่า 1.2 แสนล้านบาท หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกดิ่งเหว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เร็น บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐี นักลงทุนชาวอเมริกัน ตัดสินใจเทขายหุ้นของบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ ‘เอ็กซอน โมบิล คอร์ป.’ จำนวน 41.1 ล้านหุ้น มูลค่านับ 3,700 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 118, 400 ล้านบาท ท่ามกลางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ร่วงถึงประมาณ 50% จาก 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือเพียงแค่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในเวลาแค่ 6 เดือน หรือตั้งแต่ มิ.ย.57 และแม้จะมีการปรับตัวขยับขึ้นบ้างตั้งแต่ ม.ค.ที่ผ่านมา

การเทขายหุ้นของบริษัทเอ็กซ์ซอน โมบิลของบริษัท เบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ของเอ็กซ์ซอน โมบิล ร่วง 1.8% เหลือ 91.36 ดอลลาร์ ต่อหุ้น ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก เมื่อเช้าวันที่ 17 ก.พ.

ทั้งนี้ บริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ เป็นบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของโลก ได้ถือครองหุ้นของบริษัทเอ็กซ์ซอน โมบิล 41.1 ล้านหุ้น เมื่อ 30 ก.ย.57 และไม่ได้ซื้อหุ้นเอ็กซ์ซอน โมบิล เพิ่มอีกจนถึง 31 ธ.ค.57 ขณะที่บริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ ของวอร์เร็น บัฟเฟตต์ นับเป็นบริษัทที่ถือหุ้นของบริษัทเอ็กซ์ซอน โมบิล มากสุดเป็นอันดับ 6

ข่าวแจ้งว่า จากราคาน้ำมันที่ร่วงหนักแบบดิ่งเหว เนื่องจากประเทศส่งออกน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกยืนกรานไม่ลดกำลังการผลิต ทำให้กำไรในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันลดลง โดยบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่และบริษัทขุดเจาะน้ำมันต้องตัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งปลดพนักงานไปแล้วหลายพันคน

ขอบคุณข้อมูล จาก Buffett Ends $3.7 Billion Exxon Investment Amid Oil Plunge - Bloomberg Business

ราคาน้ำมันร่วง! วอร์เร็น บัฟเฟตต์ เทขายหุ้น ‘เอ็กซ์ซอน โมบิล’ 1.2 แสนล้าน - ข่าวไทยรัฐออนไลน