ติดตามสถานะการณ์

อินโดนีเซียเลื่อนกำหนดส่งตัว “นักโทษออสซี” ไปแดนประหาร-แต่ยืนยันไม่ไว้ชีวิต โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2558 15:50 น. (แก้ไขล่าสุด 17 กุมภาพันธ์ 2558 17:27 น.)


---
@แอนดรูว์ ชาน และ มยูรัน สุกุมารัน สองพลเมืองออสเตรเลียหัวหน้าแก๊ง "บาหลีไนน์" ที่พยายามลักลอบขนเฮโรอีนจากเกาะบาหลีเมื่อปี 2005 และถูกศาลอินโดนีเซียตัดสินประหารชีวิต (แฟ้มภาพปี 2006)
---
เอเอฟพี - รัฐบาลอินโดนีเซียเลื่อนกำหนดส่งตัว 2 นักโทษชาวออสเตรเลียที่ต้องโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติดไปยังเกาะซึ่งเป็นแดนประหาร เพื่อให้ทั้งสองมีเวลาอยู่กับครอบครัวนานขึ้นก่อนถึงวาระสุดท้าย รายงานเผยวันนี้ (17 ก.พ.)

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย 6 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ร่วมกันวิงวอนให้กรุงจาการ์ตาไว้ชีวิต แอนดรูว์ ชาน และ มยูรัน สุกุมารัน แต่อัยการสูงสุดอินโดนีเซีย เอช. เอ็ม. ปราเซ็ตโย ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าผู้กระทำผิดทั้งสองจะต้องรับโทษขั้นสูงสุดตามกฎหมายแดนอิเหนา

“เรากำลังตอบสนองข้อเรียกร้องจากรัฐบาลออสเตรเลียและครอบครัวผู้ต้องหา” ปราเซ็ตโย ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ เกี่ยวกับคำสั่งเลื่อนการส่งตัวนักโทษไปแดนประหาร

“เราอยากให้ครอบครัวของ มยูรัน และ แอนดรูว์ ได้มีเวลาอยู่กับเขาทั้งสองที่กำลังจะถูกประหาร ใช่ว่าเราคิดจะเลื่อนการประหารออกไป เพียงแต่ให้เวลาเท่านั้น”

ชาน วัย 31 ปี และ สุกุมารัน วัย 33 ปี ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตเมื่อปี 2006 ฐานเป็นหัวหน้าแก๊งขนเฮโรอีนจากเกาะบาหลีเพื่อนำไปส่งยังออสเตรเลีย

ทั้งสองจะถูกส่งไปยังเรือนจำความมั่นคงสูงบนเกาะนูซากัมบังงันอย่างเร็วที่สุดในวันพรุ่งนี้ (18) ก่อนจะถูกประหารชีวิตที่นั่น ทว่า ล่าสุดรัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่ระบุวันเวลาส่งตัวที่ชัดเจน

นักโทษคดียาเสพติดรายอื่นๆ ที่ถูกปฏิเสธคำขอลดหย่อนโทษมีทั้งชาวบราซิล, ฝรั่งเศส, กานา, ไนจีเรีย และฟิลิปปินส์ ทั้งหมดจะถูกส่งตัวไปยังแดนประหารเร็วๆ นี้เช่นกัน

ปราเซ็ตโยยอมรับว่าตนไม่ทราบว่า สุกุมารัน และ ชาน จะยังมีเวลาเหลืออีกมากน้อยเท่าใด แต่ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดวันประหาร

“มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่เรื่องสนุก แต่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ... กฎหมายระบุว่าผู้ต้องโทษประหารชีวิตจะต้องได้รับโทษตามนั้น หากประธานาธิบดีไม่รับคำขอลดหย่อนโทษ”

ออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐบาลอิเหนางดเว้นโทษประหารต่อพลเมืองของตน และยังพยายามต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายขั้นสุดท้าย โดยมีรายงานว่าทนายของ ชาน และสุกุมารัน จะเดินทางไปที่ศาลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า หลังมีข้อครหาว่าประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องในการปฏิเสธคำขอลดหย่อนโทษ

“กระบวนการทางกฎหมายยังไม่ยุติ พวกเขาย่อมไม่มีสิทธิส่งตัวนักโทษ และไม่สามารถเคลื่อนย้าย ชาน และ สุกุมารัน ได้ อย่าว่าแต่ประหารเลย” โตดุง มุลยา ลูบิส หัวหน้าทนายฝ่ายจำเลยบอกกับสำนักข่าวออสเตรเลีย บรอดคาสติง คอร์ปอเรชัน

ประธานาธิบดีวิโดโดประกาศจุดยืนชัดเจนว่าสนับสนุนการลงโทษประหารชีวิตต่อผู้ต้องหาคดียาเสพติด และเคยสัญญาว่าจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อแก้ไข “วิกฤตฉุกเฉินด้านยาเสพติด” ในอินโดนีเซีย

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019527

 

ผู้นำรัสเซีย เยอรมนี ยูเครน เห็นพ้องใช้มาตรการ “เปิดทาง OSCE จับตาสถานการณ์เมืองเดบัลต์เซเว” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2558 16:33 น. (แก้ไขล่าสุด 17 กุมภาพันธ์ 2558 16:36 น.)



เอเอฟพี – ผู้นำรัสเซีย , เยอรมนี และยูเครนเห็นพ้องบังคับใช้ชุดมาตรการที่จะทำให้องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) สามารถเฝ้าตรวจสอบการหยุดยิงในยูเครนที่ทำท่าจะล้มครืนได้ เบอร์ลิน แถลงวันนี้ (17)

ชุดมาตรการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อคืนวานนี้ (16) ระหว่างนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี , ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน โฆษกรัฐบาลเมืองเบียร์กล่าวในถ้อยแถลง โดยไม่ได้ให้รายละเอียดของมาตรการที่ได้รับความเห็นชอบนี้

ข้อตกลงนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้คณะผู้สังเกตการณ์จาก OSCE “สามารถเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ในพื้นที่” โดยรอบเมืองยุทธศาสตร์เดบัลต์เซเว ซึ่งเป็นศูนย์คมนาคมทางรถไฟ ถ้อยแถลง ระบุ

ถ้อยแถลงของเครมลิน ระบุเพียงแค่ว่า ผู้นำทั้งสาม “พูดคุยเกี่ยวกับบทบาทการสังเกตการณ์ของ OSCE ในความขัดแย้งขณะนี้”

เครมลิน ระบุว่า พวกเขายังหารือกันเกี่ยวกับ “ปัญหาต่างๆ ในการหยุดยิง” , การถอนอาวุธหนัก และ “สถานการณ์ในพื้นที่เดบัลต์เซเว”

การสู้รบรอบเมืองเดบัลต์เซเวยังคงดำเนินอยู่ แม้ว่าการหยุดยิง ที่มีจุดประสงค์เพื่อยุติสงครามในภาคตะวันออกของอดีตประเทศในสหภาพโซเวียตแห่งนี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์แล้ว

เนื่องจากการปะทะรอบเมืองดังกล่าวยังคงดุเดือดรุนแรงอยู่ คณะผู้สังเกตการณ์ของ OSCE จึงไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายระบุว่า เงื่อนไขต่างๆ ยังไม่บรรลุถึงพร้อมที่จะเริ่มต้นถอนอาวุธออกจากแนวหน้า

การต่อสู้ระหว่างกลุ่มกบฏโปรมอสโกและรัฐบาลเคียฟได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 5,600 ราย นับตั้งแต่มันปะทุขึ้นครั้งแรกในเดือนเมษายนปีที่แล้ว

เคียฟและตะวันตกกล่าวหาว่า รัสเซียปลุกปลั่นความไม่สงบนี้โดยการส่งทหารและอาวุธเข้ามายังยูเครน แต่ฝ่ายมอสโกปฏิเสธข้อหาดังกล่าวมาโดยตลอด

ยุโรปและสหรัฐฯ ไม่ยอมรับฟังข้ออ้างที่ ปูติน ปฏิเสธว่าตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยเตือนความจำว่า เขาได้เคยกล่าวอ้างในลักษณะเดียวกันนี้ในกรณีแหลมไครเมีย ก่อนที่จะยอมรับในภายหลังว่า เขาสั่งให้ทหารรัสเซียเข้าไปยังที่นั่นก่อนที่จะควบรวมดินแดนดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019563

 

ทัพซีเรียหาทางตัด “เส้นทางเสบียงฝ่ายกบฏ” หลังรุกคืบยึดเมืองอเลปโปได้เพิ่ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2558 19:06 น.



เอเอฟพี – กองกำลังรัฐบาลซีเรียยึดคืนพื้นที่ได้จากการรุกเข้ารอบใหม่ทางตอนเหนือของเมืองอเลปโปที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน และกำลังพยายามหาทางตัดเส้นทางเสบียงหลักของฝ่ายกบฏ กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุวันนี้ (16)

กลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนในซีเรีย (Syrian Observatory for Human Rights) ระบุว่า กองกำลังรัฐบาลได้เข้ายึดหมู่บ้านปัชคาวีและซาฟัต และกำลังพยายามต่อสู้เพื่อสกัดกั้นทางหลวงเส้นหลักที่วิ่งจากฟากตะวันออกของเมืองอเลปโปที่กลุ่มกบฏยึดครองอยู่ไปยังชายแดนตุรกี

การสู้รบได้หยุดการสัญจรบนท้องถนนแห่งนี้ ซึ่งผ่านเมืองซาลีฟัตขึ้นไปจนถึงชายแดนดังกล่าว

กลุ่มสังเกตการณ์ซึ่งมีฐานอยู่ในอังกฤษกลุ่มนี้ ระบุว่า การปะทะรุนแรงระหว่างกองกำลังกบฏและทหารรัฐบาลในหมู่บ้านรัทยันและฮาร์ดทานีนที่อยู่ข้างเคียงก็กำลังดุเดือด

กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุว่า กองกำลังรัฐบาลกำลังยิงปืนใหญ่ใส่เมืองฮายัน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนเส้นนี้ยาวจนถึงหมู่บ้านชาวชีอะห์ 2 แห่งที่รัฐบาลยึดครองอยู่ ซึ่งกลุ่มกบฏโอบล้อมมานานกว่า 18 เดือนแล้ว

“กองกำลังรัฐบาลมี 2 เป้าหมายในพื้นที่นี้ หนึ่งคือเพื่อตัดถนนที่วิ่งจากเมืองอเลปโปไปจนถึงชายแดนตุรกี ซึ่งเป็นเส้นทางเสบียงหลักสำหรับกลุ่มกบฏ และสองคือเพื่อกรุยทางไปสู่หมู่บ้านนูโบลและซาห์รา (ที่ถูกโอบล้อม)” รามี อับเดล เราะห์มาน ผู้นำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์กลุ่มนี้ ระบุ

เมืองอเลปโป ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมของซีเรีย ได้ถูกแบ่งออกเป็นระหว่างฟากตะวันออกที่ฝ่ายกบฏควบคุม และฟากตะวันตกที่ควบคุมโดยฝ่ายรัฐบาล ไม่นานหลังจากการต่อสู้ในพื้นที่นี้เริ่มต้นในช่วงกลางปี 2012

ทัพซีเรียหาทางตัด “เส้นทางเสบียงฝ่ายกบฏ” หลังรุกคืบยึดเมืองอเลปโปได้เพิ่ม

สำหรับสถานการณ์ของพื้นที่ชนบทโดยรอบเป็นไปในทางกลับกันเสียส่วนใหญ่ โดยพื้นที่ทางตะวันตกของเมืองนี้เป็นฝ่ายกบฏที่ยึดครอง ส่วนทางตะวันออกถูกควบคุมโดยกองกำลังรัฐบาล

กองกำลังรัฐบาลเข้ารุกคืบโดยรอบฝั่งตะวันออกของเมืองนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่แนวหน้าค่อนข้างสงบนิ่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้

เมื่อวันจันทร์ (16) หนังสือพิมพ์รายวัน อัล-วาทัน ของซีเรีย ซึ่งใกล้ชิดกับฝ่ายรัฐบาล ระบุว่า กองกำลังรัฐบาลมีแผนที่จะโอบล้อมเมืองดังกล่าวในการโจมตีรอบใหม่

นอกจากนั้นแล้ว ทางกลุ่มสังเกตการณ์ยังได้รายงานถึง การไหลทะลักของทหารที่เข้าไปเสริมกำลังให้กับกองกำลังรัฐบาลในพื้นที่ดังกล่าว

ในขณะเดียวกันภายในเมืองอเลปโป การต่อสู้ระลอกใหม่ระหว่างกองกำลังรัฐบาลและกลุ่มกบฏได้ปะทุขึ้นบริเวณแนวหน้าหลายจุด กลุ่มสังเกตการณ์ ระบุ

ทางกลุ่ม กล่าวว่า มีนักรบกลุ่มกบฏอย่างน้อย 6 คนเสียชีวิตในเขตราชีดีน และรายงานการปะทะในเขตซาร์ราและเขตอเลปโปเก่า

สื่อของทางการซีเรียไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้รอบใหม่นี้ แต่รายงานว่า มีประชาชนเสียชีวิต 5 รายในเขตต่างๆ ในส่วนของเมืองอเลปโปภายใต้กาควบคุมของรัฐบาลที่กลุ่มกบฏยิงใส่

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019671

 

เจรจา'หนี้กรีซ'ล่ม-เอเธนส์กร้าว 'ยูโรโซน'ขีดเส้นตายถึงวันศุกร์นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 กุมภาพันธ์ 2558 21:21 น.

<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/UbOSYf2M5Z4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


เอเจนซีส์ - การหารือระหว่างขุนคลังของกรีซกับยูโรโซนจบลงรวดเร็วเกินคาดในวันจันทร์ (16 ก.พ.) หลังจากเอเธนส์ยืนยันไม่ยอมต่อสัญญาเงินกู้ซึ่งเท่ากับยอมรับเงื่อนไขคุมเข้มเศรษฐกิจแบบเดิมๆ ขณะที่ยูโรโซนขีดเส้นตายให้กรีซทบทวนการตัดสินใจถึงวันศุกร์นี้ (20) ทางด้านนักวิเคราะห์ชี้หากปราศจากเงินสดก้อนใหม่ กรีซอาจอยู่รอดได้ถึงแค่กลางปี



การเจรจาที่คาดว่าจะยืดเยื้อข้ามคืนแต่กลับจบลงรวดเร็วเกินคาดในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง ส่งผลให้อนาคตของกรีซในยูโรโซนไร้ความแน่นอนยิ่งขึ้น หลังจากรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคแนวทางซ้ายจัดประกาศยุติข้อตกลงเงินกู้ 240,000 ล้านยูโร (272,400 ล้านดอลลลาร์) รวมถึงมาตรการรัดเข็มขัดที่พ่วงมาด้วย ตลอดจนการให้ความร่วมมือกับคณะตรวจสอบของเจ้าหนี้ 3 ฝ่ายหรือ “ทรอยกา” ซึ่งประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

เจอโรน ดิจเซลโบลม รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ ในฐานะเป็นประธานของบรรดาขุนคลังยูโรโซน ได้รับหน้าที่ประธานการประชุมเมื่อวันจันทร์ (16) เขายื่นคำขาดให้เอเธนส์ร้องขอการต่ออายุข้อตกลงเงินกู้ ไม่เช่นนั้นมาตรการอัดฉีดจะสิ้นสุดลงปลายเดือนนี้ ส่งผลให้รัฐบาลและธนาคารกรีซประสบภาวะเงินสดตึงตัว

แต่ดูเหมือนเอเธนส์จะไม่ครั่นคร้ามต่อคำขู่ดังกล่าว เพราะรัฐมนตรีคลัง ยานิส วารูฟากิส ยังคงแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันสองวันนี้ และมีความเป็นไปได้ว่า ข้อสรุปสุดท้ายอาจมีขึ้นในวันศุกร์ แถมสำทับว่า การขีดเส้นตายไม่เคยใช้ได้ผลในยุโรป

วารูฟากิสอ้างถึงข้อเสนอ “สวยหรู” จากคณะกรรมาธิการยุโรปที่ระบุว่า กรีซจะได้รับเงินกู้ระยะสั้น 4-6 เดือนแลกเปลี่ยนกับการแช่แข็งนโยบายต่อต้านการรัดเข็มขัด ซึ่งเขาพร้อมจะลงนามอยู่แล้ว แต่ดิจเซนโบลม กลับยื่นข้อเสนออีกเวอร์ชันที่มีเนื้อหาต่างออกไปและ “มีปัญหามาก” ให้ที่ประชุมหารือแทน

ร่างข้อเสนอของดิจเซนโบลมที่เจ้าหน้าที่กรีซนำออกเผยแพร่อย่างรวดเร็วด้วยความไม่พอใจ ระบุให้เอเธนส์ต่ออายุและปฏิบัติตามข้อตกลงปัจจุบัน ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับจุดยืนของรัฐบาลกรีซที่วารูฟากิสบอกว่า ได้รับเลือกมาเพื่อให้กำจัดข้อตกลงดังกล่าว

ทางด้านเจ้าหน้าที่คณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันว่า มีร่างข้อเสนอเพียงฉบับเดียวเท่านั้น ขณะที่ปิแอร์ มอสโกวิชี กรรมาธิการเศรษฐกิจที่วารูฟากิสระบุว่า เป็นผู้นำเสนอข้อเสนอเวอร์ชันสอง ยืนยันเช่นเดียวกับดิจเซสโบลมว่า กรีซต้องต่ออายุข้อตกลงปัจจุบัน

ทั้งนี้ วารูฟากิสและรัฐมนตรีคลังชาติอื่นๆ ยังคงอยู่ในบรัสเซลส์ในวันอังคาร (17) เพื่อร่วมการประชุมขุนคลังของทั่วทั้งอียูตามวาระปกติ และในวันพุธ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะตัดสินใจว่า จะคงเงินกู้ฉุกเฉินให้พวกธนาคารกรีซที่กำลังถูกลูกค้าแห่ถอนเงินราวสัปดาห์ละ 2,000 ล้านยูโร (2,270 ล้านดอลลาร์) ต่อไปหรือไม่

หลังข่าวการเจรจาในบรัสเซลส์ล้มเหลว ยูโรอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบดอลลาร์ ก่อนกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ 1.1350 ดอลลาร์ หรืออ่อนลง 0.5% อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่แท้จริงอาจรับรู้ได้ในวันอังคารเมื่อวอลล์สตรีทเปิดทำการอีกครั้ง หลังหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์จนถึงวันจันทร์

การประชุมในวันจันทร์บ่งชี้ว่า ทุกฝ่ายใกล้หมดความอดทนเต็มที เอ็ดเวิร์ด ซิกบูนา รัฐมนตรีคลังมอลตา ชาติสมาชิกขนาดเล็กของอียู เตือนว่า อาจเกิดหายนะ หากกรีซไม่ขยายข้อตกลงเพื่อรับเงินช่วยเหลือต่อ

วูล์ฟกัง ชอเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี กล่าวก่อนการหารือว่า ยุโรปไม่ต้องการอัดฉีดต่อ หากกรีซไม่รับประกันว่า จะจัดการระบบการเงินการคลังของตนให้เป็นระเบียบ

หลังการประชุมล่ม นายแบงก์อาวุโสผู้หนึ่งของกรีซแสดงความกังวลว่า กระแสเงินไหลออกจะยังคงดำเนินต่อไป โดยขณะนี้ลูกค้าแห่ถอนเงินถึงวันละ 400-500 ล้านยูโร หรือเท่ากับสัปดาห์ละ 2,000 ล้านยูโรโดยประมาณ

เจพี มอร์แกนชี้ว่า จากสถานการณ์นี้ แบงก์กรีซมีเวลาอีกเพียง 14 สัปดาห์ ก่อนที่จะไม่สามารถใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากธนาคารกลาง

ทั้งนี้ อีซีบีอนุญาตให้แบงก์ชาติกรีซปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินให้แก่ธนาคารในประเทศ ทว่า หากการเจรจาข้อตกลงเงินกู้ล้มเหลว เอเธนส์อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมเงินทุน เหมือนที่ไซปรัส สมาชิกยูโรโซนอีกชาติเคยทำมาแล้วในปี 2013 ควบคู่กับการปิดแบงก์นาน 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า เอเธนส์จะยังอยู่รอดได้อย่างน้อยถึงกลางปีนี้ แม้ไม่มีเงินกู้ก้อนใหม่

พานาจิโอทิส เปตรากิส ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอเธนส์ กล่าวก่อนการประชุมในบรัสเซลส์ล่มว่า ในเดือนหน้ากรีซจะยังคงควบคุมสถานการณ์ได้ แต่การเจรจาที่ยืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธนาคาร และเป้าหมายด้านงบประมาณ อาทิ การเติบโต

จีซัส คาสติลโญ นักวิเคราะห์ของแนตติซิส ขานรับว่า กรีซสามารถไถ่ถอนพันธบัตรคลังระยะสั้นที่ถึงกำหนดในเดือนหน้ามูลค่ากว่า 4,600 ล้านยูโร (5,200 ล้านดอลลาร์) ด้วยออกพันธบัตรใหม่มูลค่าเท่ากัน และใช้วิธีเดียวกันในการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟ 1,200 ล้านยูโรในเดือนหน้าเช่นกัน

แต่หลังจากนั้น สถานการณ์ของกรีซจะเริ่มนับถอยหลัง โดยรัฐบาลจะไม่สามารถชำระหนี้ระยะยาว 6,700 ล้านยูโรที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมได้ หากไม่ได้รับเงินอัดฉีดก้อนใหม่

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019710

 

อาฟเตอร์ช๊อกที 4 ปี ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะ ถ้าจริงเกิดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงกันอีก 10 - 20 ปี ก็เป็นอาฟเตอร์ช๊อกหมดสิ



แผ่นดินไหวญี่ปุ่นเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากปี 2554
แผ่นดินไหวหลายระลอกที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยในจำนวนนี้ 2 ครั้งมีความรุนแรง 6.9 และ 5.8 แมกนิจูดตามลำดับนั้น ล้วนเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 แมกนิจูด เมื่อเดือนมี.ค.ปี 2554

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14:37 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่านายยาสึฮิโระ โยชิดะ ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ( เจเอ็มเอ ) แถลงเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงใต้ทะเลตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ โดยครั้งแรกวัดระดับความรุนแรงได้ 6.9 แมกนิจูด นอกชายฝั่งเมืองมิยาโกะ ในจังหวัดอิวาเตะ ทางตะวันออกของประเทศ และตามด้วยแผ่นดินไหวรุนแรง 5.8 แมกนิจูด ภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ใกล้เมืองฮาจิโนะเฮ นอกชายฝั่งของจังหวัดอาโอโมริ ทางเหนือสุดของเกาะฮอนชู

ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ของเจเอ็มเอนำไปสู่ข้อสรุปว่า แผ่นดินไหวทั้งสองครั้งและแผ่นดินไหวขนาดเบาบางอีกหลายระลอกในวันนี้ ล้วนเป็นแผ่นดินไหวตาม หรืออาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2554 ที่ทำให้เกิดสึนามิสูงถึง 40 เมตร ถล่มชายฝั่งภาคตะวันออกของประเทศเสียหายราบเป็นหน้ากลอง และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 15,000 ศพ

ขณะที่ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 48 แห่งที่ยังใช้งานได้ทั่วประเทศ ยืนยันไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้นกับเตาปฏิกรณ์ เนื่องจากระงับการเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ทั้งหมดตามคำสั่งของรัฐบาล นับตั้งแต่เกิดภัยพิบัติกัมมันตรังสีรั่วไหลออกจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหวเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว

การเกิดแผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นชินมาแต่ในอดีต โดย 1 ใน 5 ของการแผ่นดินไหวบนโลกในแต่ละรอบปีมักเกิดที่ประเทศแห่งนี้ และค่าเฉลี่ยความรุนแรงอยู่ที่ราว 6.0 แมกนิจูด เนื่องจากญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศตั้งอยู่บนแนวรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นที่มาบรรจบกัน

แผ่นดินไหวญี่ปุ่นเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากปี 2554 | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ภาคตะวันออกสหรัฐหนาวยะเยือก



สหรัฐเผชิญพายุหิมะและน้ำแข็งกระหน่ำใส่ภาคตะวันออกของประเทศ ทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ต้องปิดทำการ และเกือบ 2,600 เที่ยวบินต้องยกเลิกในรัฐนอร์ท แคโรไลนากับเทนเนสซี

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 15:05 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ว่า สภาพอากาศหนาวเย็นเป็นประวัติการณ์ได้ปกคลุมภาคตะวันออกของสหรัฐ ขณะที่ พายุน้ำแข็งทำให้หลายรัฐทางตอนกลางของประเทศเป็นอัมพาต และยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่แถบมิดแอตแลนติก ด้วยสภาพอากาศแปรปรวนทำให้มีหิมะตกหนัก หน่วยงานของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันดี.ซี.ต้องปิดทำการเมื่อวันอังคาร

พายุหิมะได้มุ่งหน้าไปทางตะวันออกพร้อมด้วยฝนหิมะคาดว่า จะครอบคลุมไปถึงทางใต้ ขณะที่ หลายรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วเช่น นอร์ทแคโรไลนา,เวอร์จิเนีย,มิสซิสซิปปี,จอร์เจีย,เคนตักกีและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เว็บไซต์สำนักงานการจัดการบุคคลของสหรัฐรายงานว่า หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐในกรุงวอชิงตันได้ปิดทำการเช่นเดียวกับกรมทหารในทางใต้ของเมืองหลุยส์วิลล์ในรัฐเคนตักกีจะปิดทำการด้วยเช่นกัน เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายและถนนลื่นเพราะมีน้ำแข็งจับตัว

นอกจากนี้สายการบินหลายแห่งได้ยกเลิกเที่ยวบินเกือบ2,600 เที่ยวที่สนามบินในรัฐนอร์ทแคโรไลนา กับเทนเนสซี โดยเฉพาะในรัฐเทนเนสซีที่มีหิมะและน้ำแข็งปกคลุม ทำให้ต้องปิดถนนหลายสาย ตลอดจนปิดโรงเรียนและสถานที่ท่องเที่ยวอย่างบ้านพักของราชาเพลงร็อกเอนโรลล์ คฤหาสน์เกรซแลนด์ของเอลวิสเพสลีย์ในเมืองเมมฟิส

ภาคตะวันออกสหรัฐหนาวยะเยือก | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ตรุษจีนเซี่ยงไฮ้กร่อยรัฐบาลคุมเข้มงานฉลอง



ในการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีจีน หรือวันตรุษจีนประจำปีนี้ รัฐบาลปักกิ่งสั่งยกเลิกงานในสถานที่บางแห่งของนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมเหยียบกันในงานฉลองปีใหม่ แม้มีบางส่วนไม่เห็นด้วยก็ตาม

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:03 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่าเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ยกเลิกการจัดงานลอยโคมเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่อุทยานอวี้หยวน ซึ่งตามกำหนดต้องเริ่มขึ้นเมื่อวันพุธ ทั้งที่ในแต่ละปีกิจกรรมนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศได้มากถึง 3 ล้านคน แม้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจเจตนารมณ์ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องการไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของประชาชนอย่างน้อย 36 ศพ ในเหตุเหยียบกันอย่างชุลมุนวุ่นวาย เมื่อคืนวันขึ้นปีใหม่ และกังวลเรื่องความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงหวั่นเกรงการเกิดเหตุซ้ำรอย แต่หลายคนอดตัดพ้อและแสดงความเสียดายไม่ได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งกะทันหัน

นอกจากนี้ วัดหลงหัว สถานที่สำคัญทางศาสนาที่มีชื่อเสียงของนครเซี่ยงไฮ้ยกเลิกการจัดงานวัดประจำปี และขึ้นราคาค่าชุดเครื่องไหว้สำหรับทำบุญอีก 2 เท่าเป็น 600 หยวน ( ราว 3,200 บาท ) นัยว่าเพื่อจำกัดจำนวนศาสนิกชนไม่ให้แออัดจนเกินไปนัก

วันตรุษจีนประจำปีนี้ตรงกับวันที่ 19 ก.พ. อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาของการเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับครอบครัว หรือเดินทางท่องเที่ยวนั้นกินเวลานานถึง 40 วัน ระหว่างวันที่ 4 ก.พ. -15 มี.ค. คาดว่าจะมีประชาชนใช้บริการระบบขนส่งมวลชนสูงถึง 2.8 ล้านคน

ตรุษจีนเซี่ยงไฮ้กร่อยรัฐบาลคุมเข้มงานฉลอง | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐดำเนินคดีชายฆ่าชาวมุสลิม 3 คน



สหรัฐดำเนินคดีชายที่ก่อเหตุสังหารชาวมุสลิม 3 คน ใกล้มหาวิทยาลัยนอร์ท แคโรไลนา ระบุเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทเกี่ยวกับที่จอดรถ ไม่เกี่ยวกับความเกลียดชังทางศาสนา

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 16:50 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากรัฐนอร์ท แคโรไลนาประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่17 ก.พ.ว่าคณะลูกขุนใหญ่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา ของสหรัฐ ดำเนินคดีนายเครกฮิคส์ วัย 46 ปีข้อหาฆาตกรรม 3กระทงในเหตุการณ์ยิงนักศึกษาวัยรุ่นชาวมุสลิมเสียชีวิต3 คนซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่านายฮิคส์ ลั่นไกก่อเหตุอันเป็นผลมาจากเหตุทะเลาะวิวาทเรื่องที่จอดรถแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ว่าสาเหตุของการฆ่าดังกล่าวอาจมีแรงกระตุ้นมาจากความเกลียดชังทางศาสนาเจ้าหน้าที่ยังยึดได้ปืนอย่างน้อย12 กระบอกจากบ้านพักของนายฮิคส์หลังจากเขาเข้ามอบตัวยอมให้จับกุม

อย่างไรก็ตามคาเรน ภรรยาของเขา กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดเสียงประณามของนานาชาติไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับศาสนาและสามีของเธอก็ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม

เดอาห์ ซัดดีบารากัต, ยูซอร์โมฮัมหมัด อาบู-ซาลาภรรยาของเขา และราซาน โมฮัมหมัดอาบู-ซาลาน้องสาวของเธอถูกพบว่าเป็นศพเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนในแฟลตชาเปลฮิลล์ ใกล้มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งนายบารากัตเป็นนักศึกษาทันตแพทย์อยู่

ส่วนนายฮิคส์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมีกำหนดขึ้นศาลในข้อกล่าวหาฆาตกรรมในวันที่4 มี.ค.นี้เขายังคงอยู่ในคุกโดยไม่ได้รับการประกันตัว


สหรัฐดำเนินคดีชายฆ่าชาวมุสลิม 3 คน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

หยุดยิงยูเครนไร้ผล ยังถล่มกันดุเดือด



ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนไม่ได้ผล กองทัพรัฐบาลและกบฏยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดในเมืองเดบัลต์เซเว และล่าสุดกบฏอ้างสามารถยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองยุทธศาสตร์การขนส่งแห่งนี้ได้

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:14 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตลูฮานสก์ประเทศยูเครน เมื่อวันที่17 ก.พ.ว่ายังมีการยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือดภายในเมืองเดบัลต์เซเวเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของยูเครนแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยล่าสุดกบฏแบ่งแยกดินแดนอ้างเมื่อวันอังคารว่าพวกเขายึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเดบัลต์เซเวศูนย์กลางการขนส่งเอาไว้ได้แต่รัฐบาลก็กล่าวว่ากองทัพรัฐบาลยังสามารถรักษาที่มั่นของตนเอาไว้ได้ขณะที่ คณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศที่รับผิดชอบในการตรวจสอบข้อตกลงหยุดยิงก็ไม่สามารถเข้าไปในเมืองดังกล่าวได้

ก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายล้มเหลวที่จะเริ่มถอนอาวุธหนักออกจากแนวรบแม้ว่าจะถึงกำหนดเส้นตายเมื่อวันจันทร์ตามที่ตกลงกันไว้ในข้อตกลงหยุดยิงโดยทั้งสองฝ่ายขอเวลาจนกระทั่งล่วงเลยมา2วันหลังข้อตกลงหยุดยิงล่าสุดมีผลบังคับใช้ให้เริ่มถอนอาวุธหนัก

โฆษกของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ที่ประกาศเป็นเขตปกครองตนเองกล่าวกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของรัสเซียว่าสถานีตำรวจในเมืองเดบัลต์เซเวถูกยึดเอาไว้ได้ และสถานีรถไฟด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏและการปฏิบัติการบุกยึดก็ยังเกิดขึ้นอยู่นอกจากนี้ กบฏยังระบุด้วยว่าทหารยูเครนหลายสิบนายในเมืองเดบัลต์เซเวยอมแพ้ แต่รัฐบาลปฏิเสธเรื่องนี้

การต่อสู้กันอย่างหนักเมื่อวันอังคารดูเหมือนจะพุ่งเป้าไปที่เมืองเดบัลต์เซเวเมืองที่รัฐบาลยึดครองอยู่แต่ก็ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังกบฏแกนนำของกบฏระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวโดเนตสก์กระบอกเสียงของกบฏเมื่อบ่ายวันอังคารว่ากองกำลังกบฏได้ผลักดันกองทัพยูเครนให้ออกไปจากเมืองเดบัลต์เซเวและยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่

หยุดยิงยูเครนไร้ผล ยังถล่มกันดุเดือด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

มะกันเสริมกำลังส่งเรือรบ4ลำหมุนเวียนน่านน้ำอาเซียน



สหรัฐมีแผนส่งเรือโจมตีชายฝั่งจำนวน4ลำ จากเดิมที่มีอยู่เพียง1ลำ เข้ามาในน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี2561 ซึ่งจะประจำการอยู่ในสิงคโปร์

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 21:44 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่17ก.พ.ว่า พลเรือตรีชาร์ลส์ วิลเลียมส์ ผู้บัญชาการกองเรือที่7ของสหรัฐกล่าวว่า กองทัพเรือสหรัฐที่มีแผนที่จะจัดส่งกำลังหมุนเวียนกำลังพลเรือโจมตีชายฝั่ง(แอลซีเอส) ที่ประจำการอยู่ในสิงค์โปร์ จากเดิมที่มีอยู่เพียง1ลำ เพิ่มขึ้นเป็น4ลำ ภายในปี2560หรือ2561 แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นปี2561 โดยเรือรบทั้งหมด4ลำ จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกำลังมาประจำการเพื่อดูแลน่านน้ำและพื้นที่ชายฝั่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้เรือโจมตีชายฝั่งยูเอสเอส ฟอร์ต เวิร์ธ จะถูกส่งเข้าประจำการอยู่ในน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา16เดือน แทนเรือโจมตีชายฝั่งยูเอสเอสฟรีดอม ที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจหลังปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลา8เดือน ซึ่งมีแผนเข้าร่วมซ้อมรบประจำปีกับกองทัพเรือเกาหลีใต้ในภารกิจซ้อมรบทางทะเลโฟล อีเกิล ระหว่างวันที่24ก.พ.-6มี.ค.นี้ และภารกิจซ้อมรบ กะรัต ซึ่งเป็นการซ้อมรบร่วมกันทางทะเลระหว่างสหรัฐกับพันธมิตรในแถบเอเชีย รวมถึงนิทรรศการป้องกันทางทะเลนานาชาติ

เมื่อปี2555นายลีออน เพนเน็ตตา รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐขณะนั้นประกาศว่า รัฐบาลวอชิงตันจะสั่งเปลี่ยนกองเรือในภาคพื้นแปซิฟิกภายในปี2563 ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายใหม่ที่มุ่งให้ความสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่สหรัฐมีแผนที่จะต่อเรือโจมตีชายฝั่งเพิ่มอีก52ลำ ด้วยงบประมาณ37,000ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1,184,000ล้านบาท) แต่กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากงบประมาณการจัดสร้างที่ส่อแววบานปลาย

แผนการ“หมุนเวียนกำลังพล”เรือรบของสหรัฐมีขึ้นพร้อมๆกับการแผ่ขยายแสนยานุภาพทางการทหารของกองทัพจีนเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้ รวมถึงความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้จีนมีข้อพิพาททางทะเลกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง4ประเทศ คือ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม รวมทั้งไต้หวัน ที่ต่างอ้างอธิปไตยเหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้

มะกันเสริมกำลังส่งเรือรบ4ลำหมุนเวียนน่านน้ำอาเซียน | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

อียิปต์เรียกร้องยูเอ็นออกมติแทรกแซงลิเบีย



ประธานาธิบดีซีซี ของอียิปต์ เรียกร้องให้ยูเอ็น ออกมติให้กองกำลังนานาชาติเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในลิเบีย พร้อมลั่นจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายกลุ่มไอเอสในลิเบียต่อ

วันอังคาร 17 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 20:17 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์เมื่อวันที่ 17ก.พ.ว่าประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์อัล-ซีซีผู้นำอียิปต์ เรียกร้องให้สหประชาชาติหรือยูเอ็นออกมติอนุญาตให้กองกำลังนานาชาติเข้าแทรกแซงสถานการณ์ในลิเบียโดยอัล-ซีซีให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุฝรั่งเศสว่าไม่มีทางเลือกอื่นเราจะไม่ยอมปล่อยให้กลุ่มหัวรุนแรงไอเอสมาตัดศีรษะลูกหลานของเราได้อีกนอกจากนี้ นายซีซียังได้เรียกร้องให้ส่งอาวุธไปสนับสนุนรัฐบาลลิเบียที่นานาชาติให้การยอมรับซึ่งหลบหนีไปปักหลักอยู่ในเมืองท็อบรูคหลังจากกลุ่มหัวรุนแรงคู่แข่งบุกยึดอำนาจและตั้งรัฐบาลซ้อนในกรุงตริโปลีเมืองหลวง

นายซีซี กล่าวกับวิทยุยุโปรวัน อีกว่าพวกเราทอดทิ้งประชาชนชาวลิเบียให้ตกเป็นเชลยศึกของกลุ่มหัวรุนแรงซึ่งเขาได้อ้างถึงเหตุการณ์หลังสงครามปี2554 ซึ่งพันเอกมูอัมมากัดดาฟี อดีตผู้นำเผด็จการลิเบียถูกโค่นจากอำนาจด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังพันธมิตรนานาชาติการแทรกแซงครั้งนั้นถือว่าเป็นภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น

อียิปต์ส่งเครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายของกลุ่มไอเอสเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการตอบโต้และแก้แค้นที่กลุ่มไอเอสเผยแพร่คลิปวิดีโอฆ่าตัดศีรษะชาวคริสเตียนอียิปต์จำนวน21 คนอย่างโหดเหี้ยม

อย่างไรก็ตามมีกลุ่มหัวรุนแรงหลายกลุ่มกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจกันในลิเบียตั้งแต่ปี2554 ขณะที่รัฐบาลบริหารประเทศ ก็แบ่งออกเป็น2 รัฐบาลที่ขัดแย้งกันอยู่ในกรุงตริโปลี และเมืองท็อบรูค

ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ถามว่าเขาจะสั่งให้กองทัพอากาศปฏิบัติการโจมตีอีกหรือไม่ประธานาธิบดีซีซีกล่าวตอบว่าเราจำเป็นต้องทำอีกทุกฝ่ายในประเทศร่วมกันเป็นอย่างดี

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอียิปต์เพิ่งลงนามในข้อตกลงด้านกลาโหมมูลค่า5,200 ล้านยูโรกับฝรั่งเศสซึ่งรวมทั้งการสั่งซื้อเครื่องบินรบสมัยใหม่จำนวน24 ลำด้วย

อียิปต์เรียกร้องยูเอ็นออกมติแทรกแซงลิเบีย | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

Jaroen Compeerapap



ความอหังการเปลี่ยนรูปแบบโลกเข้าสู่ศูนย์กลางแม่เหล็ก (…that effectively transforms the Earth into a pulsar): มีอะไรที่ปกบิดปฏิเสธต่อสาธารณะและสื่อมวลชนโดยว่าผลผลิตที่ผ่านกระบวนการเครื่องเร่งอนุภาค LHC (large hardron collider) ที่ได้ผลผลิตที่เรียกว่า strangelets เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ตามโครงการวิจัยที่ดำเนินการที่ใช้ชื่อว่า CASTOR โดยนักวิจัยได้ระบุในรายงานภายในเพื่อเสนอต่อบริษัท สำหรับการสร้างผลผลิตใดขึ้นมา จากกระบวนการที่ก้าวหน้าที่สุด แต่ที่ไกลกว่านั้นรู้ไหมว่า ความตั้งใจของ CERN ที่จะทำในปี 2015 จากการใช้เครื่อง LHC จะเริ่มจากการปรับแต่งพลังงานจากใช้สิ่งที่เรียกว่า colliding groups of 70 million lead hadrons at 287 tev, ให้สูงขนาด 287 teV ล้านล้านอีเลคตรอนโวลต์ เพื่อปลดปล่อยอานุภาคจำนวนล้านให้เกิดการปะทะ และ เร่งความเร็วแสงให้ได้มวลสาร ที่มีน้ำหนักกว่าอนุภาคที่เรียกว่า strangelet มีสถานะเหลวที่มีศักยภาพกลับที่เสถียร และ เริ่มแข็งจนเกิดปฎิกริยาเรียกว่า big bang ถ้าเกิดเช่นนั้นจริง จะเปลี่ยนรูปแบบโลกเข้าสู่ศูนย์กลางแม่เหล็ก ซึ่งสร้างความกังวลใจให้กับนักฟิสิกส์จักวาล และเรา ๆ ท่าน ๆ โดยจะเกิดอะไรต่อไปกับโลก ดินฟ้า อากาศ หรือการเปิดฉากสงครามยุคใหม่กัน อันหนี้ต่างหากที่เป็นความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ หรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับมิติอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่หนังหรือภาพยนต์ที่เป็นเพียง “การแสดง” แต่นี่มันเป็นเรื่องจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด เพราะคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย ใครรู้บ้างจะเกิดอะไรตามมา ถ้าทราบโปรดบอกผมด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง...

 

Pst Nong ผ่าน เจาะข่าวร้อน ล้วงข่าวลึก



อุดรฯอ่วม!! พายุฝนซัดแรง เรือทะเลบัวแดงจม8ลำ ปชช.5อำเภอขาดไฟฟ้าใช้ !!
พายุฝนกระหน่ำหลายพื้นที่ จ.อุดรธานี ส่งผลให้ประชาชนใน 5 อำเภอเดือดร้อนหนัก ถนน-ไฟฟ้าถูกตัด เรือในทะเลบัวแดงถูกพัดคว่ำ 8 ลำ !!
วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี รับรายงานความเสียหายจากเหตุพายุฝนฟ้าคะนอง เมื่อคืนที่ผ่านมา ในพื้นที่กว่า 5 อำเภอ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 500 หลัง สถานที่ราชการ เสาไฟฟ้าหัก สายไฟฟ้าขาดไฟดับ ต้นไม้ กิ่งไม้หักขวางถนน ฝ่ายปกครอง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในส่วนของแหล่งท่องเที่ยงทะเลบัวแดง ท่าเรือบ้านเดียม เทศบาลตำบลเชียงแหว เรือท่องเที่ยวถูกพัดคว่ำ 4 ลำ และท่าเรือบ้านแชแล เทศบาลตำบลแชแล เรือท่องเที่ยวถูกพัดคว่ำ 4 ลำ สามารถเก็บกู้ขึ้นมาได้ โครงหลังคา ผ้าใบและเครื่องเรือหางยาว ที่ต้องถอดออกไปให้ช่างล้างเครื่องเสียหาย เฉพาะที่ท่าเรือบ้านแชแล ป้ายท่าเรือ ซุ้มขายสินค้า และห้องน้ำ ถูกพายุพัดพังเสียหาย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากฟ้ามืดเก็บเรือแล้ว มีคนเรือบางคนเฝ้าเรือที่ท่า พายุพัดจากหนองหานเข้าหาที่ฝั่ง เรือที่ถูกพัดคว่ำจอดด้านนอก ลมพัดมาหอบเอาเรือลอยเหนือน้ำ แล้วพลิกลงมาแต่ไม่มีผู้บาดเจ็บ
ด้าน นายเกรียงศักดิ์ ศรีโบราณ นายกเทศมนตรีตำบลแชแล เผยว่า ช่วงหัวค่ำของวันจันทร์ที่ผ่านมา พายุฝนพัดแรงมาก ทุกหมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน เสาไฟฟ้าหัก สังกะสี ต้นไม้ กิ่งไม้ ปลิวไปถูกสายไฟฟ้าขาด ทั้งแรงต่ำและแรงสูง ไฟฟ้ามืดทั้งตำบล เทศบาลตำบลแชแล ได้ระดมเจ้าหน้าที่ออกช่วยเหลือ ตัดต้นไม้ที่กีดวางถนนออก เปิดทางให้รถไฟฟ้าภูมิภาคเข้าพื้นที่ ขณะที่ถนนหนองหาน-กุมภวาปี ที่ผ่านกลางตำบล มีรถวิ่งไปมาด้วยความเร็วสูง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังมาก
ทั้งนี้ นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวเสริมอีกว่า "ตั้งแต่เช้า เจ้าหน้าที่เทศบาล และการไฟฟ้า ยังคงทำงานต่อเนื่องไม่หยุด จนถึงช่วงบ่ายสามารถจ่ายไฟฟ้าได้เพียงครึ่งเดียว ขณะที่การประสานงานลำบากมาก ปัญหาที่ต้องแจ้งชาวบ้านทำไม่ได้ เมื่อหอกระจ่ายข่าวไม่มีไฟฟ้า ต้องเดินบอกกันไปทีละบ้าน ว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง รวมถึงน้ำประปาก็ไม่มีไฟฟ้าสูบ ตู้เย็นก็จะมีของสดบูดเน่า โทรศัพท์มือถือที่ใช้งานอยู่ แบตตอรี่ก็กำลังจะหมด ทางเทศบาลได้เตรียมรับมือสำหรับคืนนี้ หากกระแสไฟฟ้ายังจ่ายไม่ครบ ต้องเข้าไปช่วยในพื้นที่ที่มีปัญหา"
นอกจากนี้ นายสรวุฒิ ปาลวัฒน์ ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า รับรายงานงานตั้งแต่เกิดเหตุ ได้สั่งการให้อำเภอ และองค์กรปกครองท้องถิ่น ช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้น ตามแผนที่ได้ซักซ้อมเอาไว้ และสั่งให้จังหวัดเตรียมพร้อม เพื่อลงไปให้ความช่วยเหลือ ในพื้นที่ที่ขอความช่วยเหลือมา จนขณะนี้พื้นที่ยังไม่ร้องขอ ทั้งนี้รับรายงานเรื่องกระแสไฟฟ้าดับ ก็ได้กำชับไปผู้รับผิดชอบ เสริมทีมลงไปในพื้นที่เพิ่มแล้ว

 

ผวา !!! นักวิทย์เตือน "สหรัฐฯ" ส่อแล้งหนักสุดในรอบ 1,000 ปี !!
2015-02-16 14:43:05 |



นักวิทยาศาสตร์โร่เตือน หลายประเทศแถบเกรทเพลนของสหรัฐอเมริกา เสี่ยงเจอวิกฤติภัยแล้งหนักที่สุดในรอบพันปี

วันนี้ (16 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผลการศึกษาหลายชิ้นที่คาดการณ์ว่า พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้และตอนกลางของเขตที่ราบอันกว้างใหญ่ หรือเกรทเพลนของสหรัฐอเมริกา อาจจะเผชิญกับภาวะแห้งแล้งในช่วงครึ่งศตวรรษหลังนี้ และแรงส่งจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลกจะยิ่งทำให้ความแห้งแล้งเหล่านี้รุนแรงยิ่งขึ้น

จากการวิเคราะห์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งมีการเปิดเผยออกมา ความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้อาจจะรุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในตอนแรกซึ่งอาจร้ายแรงที่สุดในรอบเกือบ 1,000 ปี โดยอาจจะเกิดขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 2050 ถึง 2100 ที่ภูมิภาคทั้งสองของสหรัฐฯต้องเผชิญกับความแห้งแล้งอย่างรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 12 และ 13 ที่สำคัญคือ นอกจากแล้งที่สุดแล้ว ยังแล้งนานกว่าที่เคยเป็น โดยอาจจะแล้งอย่างหนักและนานกว่า 35 ปี

นายเบนจามิน คุก นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันศึกษาด้านอวกาศกอดดาร์ด ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ นาซา ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการวิเคราะห์ครั้งนี้ ระบุว่า ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ความแห้งแล้งอย่างหนักในอนาคตจะเกิดขึ้นได้อย่างไร โดยทีมวิจัยได้จำลองสภาพภูมิอากาศที่ต่างกัน 17 รูปแบบ แล้วนำมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากกรณีที่อุณหภูมิจะสูงขึ้นในภูมิภาคตั้งแต่ประเทศเม็กซิโกไปจนถึงสหรัฐฯและแคนาดา และยังวิเคราะห์รวมไปถึงเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเพิ่มสูงขึ้นและทำให้โลกร้อนมากขึ้น แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง

ซึ่ง จากผลการวิเคราะห์ พบว่า ความแห้งแล้งจะแผ่ขยายตั้งแต่แคลิฟอร์เนีย เนวาดา นิวเม็กซิโก อริโซนา เท็กซัส และโอคลาโฮมา ไปยังภูมิภาคอื่นของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้คนกว่า 64 ล้านคน โดยนายคุกกล่าวว่า จากข้อมูลเกี่ยวกับความแห้งแล้งตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 ที่เรียกว่า "ดัสต์โบวล์" กับความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกินเวลานานเป็นสิบปีหรือน้อยกว่านั้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มเป็นไปได้ที่ในช่วงครึ่งศตวรรษ หลังสหรัฐฯต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนักเหมือนในอดีต และอาจแห้งแล้งอยู่ยาวนานอย่างน้อย 30 - 35 ปี

ทั้งนี้ ความแห้งแล้งดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูก และทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ห่างไกล โดยนายคุก กล่าวว่า สิ่งที่ควรทำคือการพัฒนาพืชที่สามารถทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี


ด้าน นายโทบี ออลต์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะธรณีและบรรยากาศศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ผู้ร่วมทำวิจัยครั้งนี้ เปิดเผยว่า รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งกับความแห้งแล้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเห็นว่าความแห้งแล้งอย่างหนักที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นภัยธรรมชาติที่กำลังคืบคลานเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ทำการวิจัยครั้งนี้เตือนไว้ด้วยว่า หากยังไม่มีการแก้ปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลกด้วยการลดการใช้เชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์ลง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความแห้งแล้งรุนแรงนี้ไปได้

 

การสำรวจหากาแลคซีปฏิสสาร

นักวิจัยมีแผนจะส่งเครื่องมือเพื่อติดตั้งบนสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งจะตรวจจับปฏิสสารได้


---
@ภาพจากศิลปินแสดงสเปคโตรมิเตร์แม่เหล็กอัลฟา(ภาพในวงกลม) ที่ติดตั้งบนสถานีอวกาศนานาชาติ:
----
โครงการกระสวยอวกาศของนาซ่ากำลังจะสิ้นสุดลง เหลือเที่ยวบินอีกเหลือ 5 ถึง 6 เที่ยวเท่านั้น ที่ลูกเรือกระสวยจะเสร็จสิ้นการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติ(ISS) ซึ่งกินเวลารวมทั้งสิ้น 12 ปี จากนั้นม้าใช้และสัญลักษณ์ของโครงการอวกาศอเมริกันก็จะปลดเกษียณลง แต่ก็ยังมีอย่างหนึ่งที่ต้องทำ

ปฏิกิริยาของสภาคองเกรสในปี 2008 ให้เพิ่มเที่ยวบินพิเศษในช่วงใกล้สิ้นสุดโครงการ ซึ่งขณะนี้วางแผนถึงปี 2010 เที่ยวบินพิเศษจะเป็นการนำส่งปฏิบัติการที่ล่าหากาแลคซีปฏิสสาร(antimatter galaxies) อุปกรณ์ที่จะตามล่ามีชื่อเรียกว่า Alpha Magnetic Spectrometer หรือ AMS มันเป็นเครื่องตรวจจับรังสีคอสมิคมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ ที่กระสวยจะนำส่งสู่ ISS

นอกจากจะตรวจจับกาแลคซีไกลโพ้นที่ประกอบด้วยปฏิสสารทั้งหมดแล้ว AMS ยังจะทดสอบทฤษฎีสสารมืดซึ่งเป็นสสารปริศนาที่มองไม่เห็นซึ่งเป็นองค์ประกอบของสสารถึง 83% ในเอกภพ และมันจะสำรวจหา strangelets ซึ่งเป็นสสสารในทฤษฎีที่มีมวลสูงมากเนื่องจากมันประกอบด้วยสิ่งที่เรียกว่า ควาร์ก strange การเข้าใจ strangelets ให้ดีขึ้นจะช่วยนักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาไมโครควาซาร์และหลุมดำดั่งเดิมขนาดจิ๋ว เมื่อพวกมันระเหย ซึ่งจะพิสูจน์ว่าหลุมดำขนาดเล็กเหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่

ปรากฎการณ์ประหลาดทั้งหมดสามารถบ่งบอกถึงการมีอยู่ได้โดยการสร้างรังสีคอสมิคพลังงานสูงมากๆ ออกมา ซึ่งเป็นอนุภาคที่ AMS ตรวจจับได้ Samuel Ting นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลที่ MIT ซึ่งเสนอแนวคิด AMS และได้แนะแนวการพัฒนาเครื่องมือตั้งแต่ปี 1995 อธิบายว่า เป็นครั้งแรกที่ AMS จะตรวจสอบรังสีคอสมิคพลังงานสูงมากได้อย่างเที่ยงตรงมากๆ

กาแลคซีปฏิสสาร, สสารมืด, strangelets เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งรู้จัก การค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดจะเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดจะจินตนาการถึงได้ เช่นเดียวกับกล้องโทรทรรศน์วิทยุและกล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดซึ่งครั้งหนึ่งเคยเผยให้เห็นปรากฎการณ์ประหลาดในเอกภพที่กล้องโทรทรรศน์ช่วงตาเห็นได้ ไม่สามารถมองเห็น AMS จะเปิดหน้าต่างการสำรวจอีกบาน

Ting ยังเปรียบเทียบ AMS ยังเครื่องเร่งอนุภาคพลังงานสูงอย่างเช่น CERN ในเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งแทนที่มันจะตรวจจับรังสีคอสมิคความเร็วสูงจากทั่วทั้งกาแลคซี เครื่องเร่งอนุภาคของ CERN จะสร้างอนุภาคของมันเองซึ่งโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาล เพื่อการศึกษาอนุภาค CERN และ AMS จะใช้พื้นฐานเดียวกันคือ ทั้งคู่จะใช้สนามแม่เหล็กรุนแรงเพื่อเลี้ยวเบนอนุภาค และเครือข่ายของแผ่นซิลิคอนและเซนเซอร์อื่นๆ ภายในเครื่องตรวจจับจะตามรอยเส้นทางเป็นวงโค้งของอนุภาค

จะมีข้อมูลหลายเทราไบต์ที่หลั่งไหลมาจากเซนเซอร์เหล่านี้ และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์จะคุ้ยข้อมูลเพื่อหาค่ามวล, พลังงาน และประจุไฟฟ้าของอนุภาคแต่ละตัว ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลว่าเพราะเหตุใด AMS จึงต้องติดตั้งบน ISS แทนที่จะอยู่ในดาวเทียมที่ล่องลอยอย่างอิสระ AMS จะสร้างข้อมูลมากเกินกว่าที่จะส่งถึงโลก ดังนั้นมันจะต้องมีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์บนนั้นที่มี CPU 650 ตัวเพื่อจะประมวลผลบนวงโคจร บางส่วนเป็นเพราะว่าคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่นั้น AMS ต้องใช้ไฟ 2.5 กิโลวัตต์ ซึ่งมากเกินกว่าที่แผงโซลาร์ของดาวเทียมปกติจะผลิตได้ แต่ก็เป็นเรื่องสบายๆ สำหรับสถานีอวกาศที่มีไฟป้อนถึง 100 กิโลวัตต์ Ting กล่าวว่า AMS จะเป็นเครื่องตรวจจับอนุภาคอเนกประสงค์ที่เคลื่อนไปในอวกาศ

ยังมีความแตกต่างสองประการใหญ่ๆ ระหว่าง AMS กับเครื่องเร่งอนุภาคใต้ดิน ประการแรก AMS จะตรวจจับอนุภาคอย่างเช่น นิวเคลียสหนักซึ่งจะให้พลังงานมากกว่าที่เครื่องเร่งอนุภาคจะสามารถสร้างได้ เครื่องเร่งอนุภาคที่ทรงพลังที่สุดในโลก คือ Large Hadron Collider ที่ CERN สามารถชนอนุภาคโดยมีพลังงานรวมประมาณ 7 เทราอิเลคตรอนโวลท์ (TeV) เมื่อเปรียบเทียบแล้ว รังสีคอสมิคสามารถมีพลังงานได้ถึง 100 TeV หรือมากกว่านั้น ความแตกต่างอีกประการก็คือเครื่องเร่งอนุภาคชนอนุภาคเข้าด้วยกันเพื่อศึกษาตัวอนุภาคเอง ในขณะที่ AMS จะตรวจสอบอนุภาคพลังงานสูงจากห้วงอวกาศเพื่อจะศึกษาเกี่ยวกับเอกภพให้มากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ปริศนาที่มีมานานในด้านเอกภพวิทยาก็คือกรณีปฏิสสารที่หายไป จากแบบจำลองที่ดีที่สุดของนักฟิสิกส์ บิ๊กแบงน่าจะสร้างปฏิสสารได้พอๆ กับสสารปกติ ดังนั้นแล้ว ปฏิสสารหายไปไหน มันคงไม่อยู่ใกล้ๆ เนื่องจากถ้ามันอยู่แถวๆ นี้ เราน่าจะเห็นการเปล่งรังสีเอกซ์สว่างในที่ซึ่งปฏิสสารทำปฏิกิริยากับสสาร และเกิดการทำลายล้าง

คำอธิบายหนึ่งอาจเป็นว่ากาแลคซีไกลโพ้นบางแห่งประกอบด้วยปฏิสสารทั้งหมดแทนที่จะเป็นสสาร เมื่อปฏิสสารดูไม่ต่างจากสสารปกติ นักดาราศาสตร์ไม่น่าจะสามารถบอกได้ว่ากาแลคซีไกลโพ้นแห่งหนึ่งเป็นสสารหรือปฏิสสารจากการแค่มองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม AMS น่าจะหาหลักฐานหนักแน่นของกาแลคซีปฏิสสารถ้ามันตรวจพบแม้แต่นิวเคลียสเดียวของปฏิฮีเลียม(anti-helium) หรือธาตุปฏิสสารที่หนักกว่านั้น

การชนของรังสีคอสมิคใกล้โลกสามารถสร้างอนุภาคปฏิสสารได้ แต่ความประหลาดของการชนเหล่านี้จะสร้างนิวเคลียสปฏิฮีเลียม ซึ่งจะเล็กมากจนการพบแม้แต่นิวเคลียสปฏิฮีเลียมแค่นิวเคลียสเดียว ก็น่าจะบอกว่านิวเคลียสถูกนำมาถึงโลกจากพื้นที่ไกลโพ้นของเอกภพที่เต็มไปด้วยปฏิสสาร

เครื่องมืออื่นอย่างเช่นดาวเทียม PAMELA ของอิตาลีก็มองหานิวเคลียสปฏิฮีเลียม แต่มันไม่ไวมากพอที่จะระบุถึงกาแลคซีปฏิสสารได้ AMS มีพลังในการรวบรวมอนุภาคเป็น 200 เท่าของสิ่งใดๆ ที่เคยออกสู่อวกาศ ถ้า AMS ไม่สามารถตรวจจับนิวเคลียสปฏิฮีเลียม Ting บอกว่านักวิทยาศาสตร์จะทราบว่าไม่มีกาแลคซีปฏิสสารภายในระยะทาง 100 เมกะพาร์เซค หรือประมาณขอบของเอกภพสังเกตการณ์ได้

ปริศนาอื่นที่ AMS จะช่วยไขปัญหาก็คือธรรมชาติของสสารมืด นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าเอกภพอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่แท้จริงแล้วประกอบด้วยสสารมืดที่มองไม่เห็นแทนที่จะเป็นสสารปกติ พวกเขายังไม่ทราบเลยแม้แต่ว่าสสารมืดคืออะไร ทฤษฎีนำบอกว่าสสารมืดประกอบด้วยอนุภาคที่เรียกว่า neutralino การชนระหว่าง neutralino ด้วยกันน่าจะสร้างโพสิตรอน(positron) พลังงานสูงจำนวนมาก ดังนั้น AMS น่าจะพิสูจน์ได้ว่าสสารมืดประกอบด้วย neutralino หรือไม่โดยการดูโพสิตรอนพลังงานสูงที่มีอยู่เหลือเฟือ Ting กล่าวว่า จะเป็นครั้งแรกที่เราทราบว่าสสารมืดประกอบด้วยอะไรกันแน่



แหล่งที่มา:
science.nasa.gov : in search of antimatter galaxies

 

Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล
Thu, 2008-09-11 09:16 ผู้เขียน molecularck เว็บไซต์ Account Suspended

ข้อมูลพื้นฐาน
LHC คือ เครื่องจักรยักษ์ มีลักษณะเป็นอุโมงค์วงแหวนขนาด 27 กิโลเมตรลึกลงไปใต้ดิน 175 เมตร โดยอุโมงค์อยู่ระหว่างฝรั่งเศษและสวิตส์เซอร์แลนด์ ภายใน LHC ประกอบไปด้วย CERN predecessor, Large Electron-Positron (LEP) collider, และ ageing accelerator ที่ legendary Fermilab ในอิลินอยด์ และมีพลังในการชนโปรตอนหรือไอออน ซึ่งเป็นอนุภาคที่รู้ัจักในนาม Hadrons ด้วยกำลังการชน 14 TeV ซึ่งเป็น 7 เท่าของสถิติที่บันทึกในการทดลองที่ Tevatron ณ Fermilab เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของการทดลองนี้คือการล่วงรู้ถึงอนุภาคเล็ก ๆ นั้นคืออนุภาค Higgs
ปฐมบท LHC เครื่องมือไขความลับจักรวาล บทความชุดนี้เป็น 1 ในบทความของ LHC ซึ่งนี้เป็นตอนปฐมบทเพื่อกล่าวถึงความเป็นมาของหน่วยงานที่ดูแลเครื่อง LHC นั้นคือ CERN นั้นเอง
CERN คือ European Organization for Nuclear Research ซึ่งเป็นหน่วยงานของยุโรปที่ทำการศึกษานิวเคลียร์ฟิสิกส์ ตั้งอยู่ที่บริเวณชายแดนฝรั่งเศสและสวิตส์เซอร์แลนด์ ติดกับกรุงเจนีวา มีพนักงาน 2,600 คน นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรอีก 7,931 คน ซึ่งมาจากมหาวิทยาลัย 500 แห่ง
งานหลักของ CERN คือการให้บริการเครื่องเร่งอนุภาคและเครื่องมือด้านฟิสิกส์พลังงานสูงอื่น ซึ่ง CERN ต้องการจะศึกษาการกำเนิดของเอกภพและอนุภาคพื้นฐานจากการชนกันของอนุภาค เพื่อเรียนรู้กฏของธรรมชาติ
CERN ก่อตั้งเมื่อปี 1954 โดยมีชาติสมาชิก 20 ชาติ ชาติเฝ้าสังเกตการณ์ 8 ชาติ และชาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกอีกหลายชาติร่วมอยู่ด้วย ซึ่งรวม ๆ แล้วกว่าครึ่งโลกที่ร่วมมือกัน
เป้าหมายของ CERN
องค์กรมีหน้าที่ให้ความร่วมมือชาติในยุโรปเพื่อวิจัยวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์และรูปแบบพื้นฐาน องค์กรไม่มีหน้าที่ทำงานให้การวิจัยทางทหารและผลของการทดลองและทฤษฎีจะถูกตีพิมพ์หรือออกสู่สาธารณะชนในทางอื่น
วิจัย : ค้นหาและสืบเสาะคำตอบของคำถามเกี่ยวกับจักรวาล
เทคโนโลยี : พัฒนาก้าวนำด้านเทคโนโลยี
ความร่วมมือ : นำทุกชาติร่วมมือกันผ่านวิทยาศาสตร์
การศึกษา : ฝึกฝนนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต
ผลงานของ CERN
CERN มีการค้นพบที่สำคัญหลายอย่างในการทดลองตั้งแต่ช่วงที่ก่อตั้งมา จนถึงปัจจุบัน ซึ่งที่สำคัญได้แก่
ปี 1973 : ค้นพบกระแสกลาง ใน ห้องตรวจจับ Gargamelle
ปี 1983 ค้นพบ W และ Z bosons ใน การทดลอง UA1 และ UA2 ซึ่งการค้นพบนี้ทำให้นักวิจัยได้รางวัลโนเบลไปในปี 1984
ปี 1989 ทำนายจำนวนตระกูลนิวตริโนที่ Large Electron Positron Collider (LEP) ในการปฏิบัติการ Z boson peak
ในปี 1992 นักวิจัย CERN ได้รางวัลโนเบลจากผลงานนวัตกรรมและการพัฒนาเครื่องตรวจจับอนุภาค นั้นคือ multiwire proportional chamber
ปี 1995 สร้าง แอนติไฮโดรเจนตัวแรก ในการทดลอง PS210
ปี 1999 ค้นพบทิศทาง CP-violation ในการทดลอง NA48
นอกจากนี้หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า CERN ยังเป็นผู้ให้กำเนิด World Wide Web จากโครงการชื่อว่า ENQUIRE ซึ่งเป็นระบบที่ไว้แชร์ข้อมูลระหว่างนักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้น นอกจากนี้ CERN ยังเป็นศูนย์พัฒนาคอมพิวเตอร์กริดอีกด้วยในปัจจุบัน
เครื่องเร่งอนุภาคใน CERN
CERN มีเครื่องเร่งอนุภาคและเครื่องตรวจจับ 6 เครื่อง แต่ละเครื่องจะเพิ่มพลังงานของลำอนุภาคเป็นห่วงโซ่ก่อนที่จะส่งเข้าสู่การทดลองหรือส่งไปยังเครื่องเร่งที่กำลังสูงกว่า เครื่องที่ยังทำงานอยู่ในปัจจุบันได้แก่
เครื่องเร่งอนุภาคเชิงเส้น 2 เครื่อง สร้างอนุภาคพลังงานต่ำเข้าสู่โปรตอนซินโครตรอน
เครื่องเร่งโปรตอนซินโครตรอน (PS) เพิ่มพลังงานโปรตอนจากเครื่องเร่งอนุภาคเชิงเส้นก่อนที่จะส่งไปยังเครื่องอนุภาคตัวอื่น
วงแหวนพลังงานต่ำ (LEIR)เร่งไอออนจากเครื่องเร่งอนุภาคเชิงเส้น ก่อนที่จะส่งไปที่โปรตอนซินโครตรอน เครื่องนี้ทำงานเมื่อปี 2005 ก่อนที่หน้านั้นถูกปรับแต่งมาจาก Low Energy Anti-proton Ring (LEAR)
โปรตรอนซินโครตรอน 28 GeV (PS) สร้างในปี 1959 และยังคงใช้งานอยู่เพื่อป้อนอนุภาคสู่ เครื่องเหนี่ยวนำโปรตรอนยิ่งยวด (SPS)
เครื่องเหนี่ยวนำโปรตรอนยิ่งยวด (SPS) เครื่องเร่งอนุภาคแบบวงแหวน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 กิโลเมตร สร้างในอุโมงค์ และเริ่มใช้งานปี 1976 เครื่องนี้ถูกออกแบบมาให้ส่งพลังงานได้ 300 GeV และถูกปรับปรุงให้ส่งพลังงานถึง 450 GeV โดยมีลำอนุภาคเป็นของตัวเองสำหรับการทดลองเป้าหมายที่อยู่นิ่ง และยังใช้ใน การชนโปรตอนและปฏิโปรตรอน และเร่งอิเล็กตรอนและโปรสิตรอนพลังงานสูง เข้าสู่ Large Electron-Positron Collider (LEP) และปี 2008 จะทำการส่งโปรตรอนและไอออนหนักเข้าสู่ Large Hadron Collider (LHC)
On-Line Isotope Mass Separator (ISOLDE) ใช้ศึกษา นิวคลิไอที่ไม่สเถียร โดยอนุภาคจะถูกเร่งใน PS ก่อนจะส่งเข้า ISOLDE
เครื่องชะลอแอนติโปรตรอน (AD) ซึ่งจะชลอความเร็วแอนติโปรตรอนประมาณ 10% ของความเร็วแสงเพื่อการวิจัย ปฏิสสาร
Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล | ประชาไท

 

Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล 2
Thu, 2008-09-11 22:59 ผู้เขียน molecularck เว็บไซต์ Account Suspended

ความรู้ของจักรวาลจะเปลี่ยนแปลงไป

เด็กเราคงได้เคยใช้กล้องจุลทรรศน์เพื่อจะส่งดูเซลล์สิ่งมีชีวิต แต่หากจะต้องการดูเข้าไปถึงภายในเซลล์ก็ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (TEM และ SEM) แต่เพื่อให้ได้ความละเอียดสูงขึ้นไปก็ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์แบบSTEM ซึ่งสามารถทำให้เราเห็นโครงสร้างต่าง ๆ ได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงที่จะมองอนุภาคอย่างไรรัสได้จึงมีการสร้าง กล้องจุลทรรศน์พลังอะตอม (AFM)ขึ้นมองเห็นอะตอมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น แต่ด้วยเครื่องมีแค่นี้ก็ยังไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดการจัดเรียงตัวของอะตอมธาตุต่าง ๆ ในสารได้จึงมีการสร้างเครื่องซินโครตรอนขึ้นมา ซึ่งเป็นเครื่องเร่งอนุภาคชนิดหนึ่ง ทำให้อนุภาคที่เร่งเข้าไปชนวัตถุและเกิดการกระเจิงของแสงทำให้เราเห็นภาพอนุภาคในระดับอะตอมหรือเล็กกว่านั้นว่ามีการจัดเรียงตัวอย่างไรได้ แต่กำลังในซินโครตรอนในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการที่จะเข้าไปดูถึงวัตถุที่เล็กกว่าอะตอมได้หรืออนุภาคต่ำกว่าอะตอมจึงมีการสร้่าง LHC ขึ้นมา

Large Hadron Collider (LHC) เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ขนาดยักษ์ ใกล้กรุงเจนีวา ซึ่งมีขอบเขตกินอาณาบริเวณระหว่างฝรั่งเศสและสวิตส์เซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 100-175 เมตร เป็นที่ตั้งของเครื่องเร่งอนุภาคที่มีชื่อว่า Large Hadron Collider (LHC) นักฟิสิกส์จะใช้เครื่องดังกล่าว เพื่อศึกษาหาอนุภาคที่เล็กที่สุด ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของสรรพสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ นี้คือการปฏิวัติความรู้ของเราจากโลกขนาดเล็กจิ๋วของอะตอมไปยังจักรวาล

ลำอนุภาค 2 ลำของอนุภาคระดับต่ำกว่าอะตอมที่เรียกว่า hadrons ที่เป็นทั้งโปรตรอนหรือไอออนของตะกั่ว จะเดินทางในทิศทางตรงกันข้ามในเครื่องเร่งอนุภาคทรงวงแหวนนี้ เพื่อเพิ่มพลังงานในแต่ละรอบที่วิ่ง นักฟิสิกส์จะใช้ LHC ในการสร้างปรากฏการณ์หลังการเกิดบิ๊กแบงขึ้นมาใหม่ โดยทีมงานจากทั่วโลกจะทำการวิเคราะห์อนุภาคที่เกิดขึ้นจากการชนโดยการใช้เครื่องตรวจจับพิเศษในการทดลองแต่ละรอบที่ LHC

มีทฤษฎีมากมายว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังการชน แต่สิ่งแน่นอนที่จะเกิดขึ้นขึ้นคือโลกใหม่ของฟิสิกส์ซึ่งจะถูกเปิดเผยโดยเครื่องเร่งอนุภาคนี้ ซึ่งเรียกโลกใหม่นี้ว่า ฟิสิกส์อนุภาค จะมาอธิบายการทำงานของจักรวาล ด้วยแบบจำลองมาตรฐาน (Standard Model) ที่สร้างความเข้าใจเรื่องกฏธรรมชาติให้นักฟิสิกส์มานับทศวรรษ แต่ไม่สามารถบอกเรื่องราวทั้งหมดได้ มีเพียงข้อมูลจากการทดลองด้วยระดับพลังงานที่สูงที่ LHC เท่านั้นที่จะผลักดันความรู้ต่อไปได้ ซึ่งท้าทายคนที่กำลังค้นหาคำยืนยันทฤษฎีของตัวเองที่เสนอไว้ และหลายคนที่กล้าฝันถึงแบบจำลองใหม่ ๆ

ทำไมต้อง LHC

LHC ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์หากุญแจที่เป็นคำตอบของปริศนาที่ไขไม่ได้ในฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งไม่เคยมีตัวอย่างของพลังงานที่จะไปเคยถึงจุดนี้มาก่อนซึ่งอาจเผยผลที่คาดไม่ถึงที่หลายคนไม่เคยคาดคิด

ในอดีตที่ผ่านมานักฟิสิกส์สามารถอธิบายปรากฏการณ์อนุภาคฟิสิกส์ที่สร้างจักรวาลขึ้นมาและปฏิกิริยาที่มีต่อกัน ความรู้ในการอธิบายนั้นมาจาก โมเดลมาตรฐาน ในฟิสิกส์อนุภาค แต่ก็ยังมีช่องว่างที่ไม่สามารถบอกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ เพื่อเติมเต็มความรู้ที่หายไป เราต้องการข้อมูลการทดลอง ซึ่งเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ต่อไปของ LHC


LHC ที่สร้างขึ้นจะมาตอบคำถามต่อไปนี้ งานของนิวตันยังไม่จบ

มวลคืออะไร ?

อะไรคือต้นกำเนิดของมวล ทำไมอนุภาคเล็ก ๆ ถึงมีมวลและบางอนุภาคกลับไม่มี ณ ปัจจุบันเรายังไม่มีคำตอบในคำถามนี้ แต่คำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดในตอนนี้คือทฤษฎี Higgs boson และเป็นอนุภาคที่เป็นกุญแจสำคัญในเรื่องโมเดลมาตรฐานซึ่งยังไม่เคยพบมาก่อน

การทดลองเพื่อหา Higgs boson นี้จะใช้สถานีตรวจจับ ATLAS และ CMS ในการค้าหาอนุภาคที่กล่าวถึงนี้ (สถานีตรวจจับจะกล่าวถึงรวมกันว่ามีอะไรบ้าง)

ปัญหาที่มองไม่เห็น

96% ของจักรวาลสร้างจากอะไร

ทุกอย่างที่เราเห็นในจักรวาล จากมดถึงกาแล็กซี่ สร้างจากอนุภาคทั่วไป ซึ่งถูกเรียกทั่วไปว่าสสาร และพบว่ามีอยู่ 4% ในจักรวาล ที่เหลือคืออะไร? สสารมืดและพลังงานมืด ถูกเชื่อว่าเป็นส่วนที่เหลือในจักรวาล แต่มีความยากลำมากในการตรวจจับและศึกษา นอกจากจะค้นพบแรงดึงดูดที่สสารมืดและพลังงานมืดปล่อยออกมา การศึกษาธรรมชาติของสสารมืดและพลังงานมืดเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันในสายฟิสิกส์อนุภาคและอวกาศวิทยา

สถานีตรวจจับ ATLAS และ CMS จะรับหน้าที่ในการมองหาอนุภาค supersymmetricเพื่อทดสอบทฤษฎีในการเกิดขึ้นของสสารมืด

ธรรมชาติของธรรมชาติ

ไม่มีปฏิสสารบนโลกนี้หรอ?

เราอยู่บนโลกของสสาร ทุกอย่างในจักรวาลรวมถึงตัวเราเองถูกสร้างจากสสาร ปฏิสสาร เป็นเหมือนคู่ฝาแฝดของสสาร แต่มีขั้วไฟฟ้าอยู่ทางตรงกันข้าม ณ เวลาจักรวาลกำเนิดขึ้นควรจะปริมาณของสสารและปฏิสสารอยู่เท่า ๆ กันหลังจากการเกิดบิ๊กแบง แต่เมื่อสสารและปฏิสสารเจอกัน มันจะทำลายซึ่งกันและกัน แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงาน อย่างไรก็ตาม สสารบางส่วนหลงเหลือมาเป็นจักรวลาที่เราอยู่ทุกวันนี้ และแทบจะไม่มีปฏิสสารที่ให้ค้นเจออยู่ ทำไมธรรมชาติจึงมีความโน้มเอียงในการเลือกสสารมากว่าปฏิสสาร

สถานีตรวจจับ LHCb จะมองหาความแตกต่างระหว่างสสารและปฏิสสาร เพื่อตอบคำถามนี้ การทดลองครั้งก่อนสามารถสังเกตพฤติกรรมที่แตกต่างเล็กน้อยได้ แต่อะไรที่มองเห็นนั้นไม่เพียงพอที่จะเทียบเท่ากับความไม่เสมอภาคของสสารและปฏิสสารในจักรวาลได้

ความลับของบิ๊กแบง

สสารเป็นเหมือนอะไรในเสี้ยววินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง

ทุกสิ่งในจักรวาลสร้างขึ้นจากสสาร และเชื่อว่าเกิดอนุภาคพื้นฐานหลายตัวที่มีความเข้มข้นและมีความร้อนสูงมาก ปัจจุบันนี้สสารทั่วไปในจักรวาลสร้างจากอะตอมซึ่งมีนิวเคลียสที่ประกอบด้วยโปรตรอนกับนิวตรอน ซึ่งทั้งสองอนุภาคนั้นเกิดจากการที่ quarks จับตัวกันโดยอนุภาคอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า gluons พันธะนี้แข็งแรงมาก แต่ในช่วงเวลาก่อนที่จักรวาลจะถือกำเนิดนั้น สภาพแวดล้อมจะมีความร้อนสูงและพลังงานที่สูงเกินไปที่ gluons จะจับ quarks ไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าช่วงเวลาเสี้ยววินาทีหลังการเกิดบิ๊กแบงของจักรวาล จะเกิดการผสมของ quarks และ gluons ที่มีความร้อนสูงและเข้มข้น เรียกว่า quark-gluon plasma

ภาพ quark-gluon plasma หลังการการชนของไอออนทองคำที่เร่งมา ภาพนี้ตรวจจับโดย STAR ที่ relativistic heavy ion collider ณ Brookhaven national laboratory

สถานีตรวจจับ <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comffice:smarttags" />ALICE จะถูกใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับชั่วเสี้ยววินาทีหลังเกิดบิ๊กแบง เพื่อทำการวิเคราะห์ถึงคุณสมบัติ quark-gluon plasma

โลกที่ซ้อนอยู่

มีมิติอื่นหรือโลกคู่ขนานหรือไม่

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) แสดงให้เห็นว่ามิติ 3 มิตินั้นมีความเกี่ยวข้องกับเวลา แต่มีทฤษฎีที่ตามมาที่หลังนำเสนอเรื่อง มิติที่ซ่อนอยู่ ของจักรวาลนั้นน่ามีอยู่จริง เช่น ทฤษฎี String ที่บอกเป็นนัยถึงการมีมิติของอวกาศอื่นที่ยังไม่เคยถูกพบ ซึ่งผลจากสถานีตรวจจับจะวิเคราะห์อย่างระมัดระวังเพื่อมองหาสัญญาณของมิติอื่น
………………

Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล 2 | ประชาไท

 

Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล (3)
Thu, 2008-09-18 10:03 ผู้เขียน molecularck เว็บไซต์ Account Suspended
Account Suspended
จากตอนที่แล้ว ที่กล่าวถึงจุดประสงค์ของการสร้าง LHC (ตอนที่ 2) ว่าจะใช้เพื่อทดลองอะไร มาตอนนี้เราจะมาทำความเข้าใจในการทำงานของ LHC และการทดลองที่จะมีขึ้นทั้งหมดกัน
<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" />
LHC ทำงานอย่างไร
LHC เป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดและทรงกำลังที่สุดในโลก ซึ่งเป็นศูนย์รวมเครื่องเร่งอนุภาคล่าสุดของ CERN ประกอบด้วยเครื่องเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้ายิ่งยวดแบบวงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 27 กิโลเมตร และเครื่องเร่งอนุภาคต่ออื่น ๆ เพื่อเร่งพลังงานของอนุภาคตลอดระยะการเดินทาง
ข้างในเครื่องเร่งอนุภาค ลำอนุภาค 2 ลำ จะเดินทางในความเร็ว 99.9999% ของความเร็วแสง ด้วยพลังงานที่สูงมาก ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนกัน ลำอนุภาคจะเดินทางในทิศทางตรงกันข้ามกันในท่อลำอนุภาคที่แยกจากกัน ซึ่งท่อทั้ง 2 จะอยู่ในที่ที่เป็นสุญญากาศสูงมาก ลำอนุภาคจะถูกเหนี่ยวนำทิศทางภายในวงแหวนเครื่องเร่งอนุภาคด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าสูง โดยการใช้เครื่องเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้ายิ่งยวด ซึ่งสร้างมากจากขอของสายไฟฟ้าแบบพิเศษทำมาจาก niobium-titanium ที่สามารถทำงานในสภาวะเหนี่ยวนำยิ่งยวดได้ มีประสิทธิภาพในการเหนี่ยวนำไฟฟ้าโดยไม่มีความต้านทานหรือไม่สูญเสียพลังงานออกไป ซึ้งนี้ต่อการระบบหล่อเย็นที่ดีเพื่อแช่เย็นแม่เหล็ก จึงใช้ ฮีเหลียมเหลวยิ่งยวด (superfluid helium) ซึ่งจะลดอุณหภูมิไปถึง 0 องศาสมบูรณ์ คือ ‑271°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่หนาวกว่าในอวกาศ ด้วยเหตุผลนี้การต่อเครื่องเร่งอนุภาคจำนวนมากก็เพื่อส่งระบบหล่อเย็นได้ง่ายและทั่วถึงกัน ซึ่งจะหล่อเย็นแม่เหล็กไฟฟ้ายิ่งยวดทั้งหมดเหมือนกับอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ
แม่เหล็กจำนวนนับพันในรูปแบบและขนาดต่าง ๆ กัน ถูกใช้เพื่อบังคับให้ลำอนุภาคเคลื่อนที่รอบ ๆ เครื่องเร่งอนุภาค นี่รวมแม่เหล็กไฟฟ้าแบบ dipole 1,232 ชิ้นที่มีความยาว 15 เมตร ที่ถูกใช้เพื่อเบี่ยงเบนลำอนุภาค และแม่เหล็กไฟฟ้าแบบ quadrupole 392 ชิ้น และแต่ละชิ้นยาว 5-7 เมตร เพื่อปรับลำอนุภาค ก่อนที่อนุภาคจะชนกัน แม่เหล็กอีกชนิดหนึ่งจะถูกใช้เพื่อบีบให้อนุภาคเข้าใกล้กันมากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสในการชน อนุภาคจะมีขนาดเล็กมากซึ่งภาระที่จะทำให้มันชนกันนั้นเปรียบเหมือนกับการยิงเข็มที่ห่างกัน 10 กิโลเมตรให้มาพุ่งชนกันตรงกลางพอดี
ณ ห้องควบคุมสำหรับเครื่องเร่งอนุภาค จะมีหน้าที่ให้บริการและโครงสร้างเทคนิคพื้นฐานซึ่งตั้งอยู่ในชั้นบนของศูนย์กลางควบคุมของ CERN จากนี้ลำอนุภาคภายใน LHC จะถูกสร้างเพื่อชนในสถานีตรวจจับ 4 สถานีรอบ ๆ วงแหวนเร่งอนุภาค ซึ่งจะตรงกับต่ำแหน่งของเครื่องตรวจจับอนุภาค
การทดลอง 6 การทดลองใน LHC และสถานีตรวจจับทั้งหมด 4 สถานี
6 การทดลองที่จะขึ้นที่ LHC จะทำการทดลองโดยความร่วมมือระหว่างนานาชาติ นำนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาอยู่รวมกัน ทุกการทดลองนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงต้องใช้เครื่องตรวจจับของแต่ละอนุภาคเอง
2 การทดลองที่ใหญ่ที่สุด จะอยู่ที่สถานีตรวจจับ ATLAS และ CMS ซึ่งจะมีหน้าที่ตรวจจับทั่วไปเพื่อวิเคราะห์อนุภาคจำนวนมากมายมหาศาลที่สร้างขึ้นจากการชนในเครื่องเร่งอนุภาค สถานีตรวจจับนี้ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาขอบุขตที่ไกลที่สุดของความเป็นไปได้ทางฟิสิกส์ การมีสถานีตรวจจับที่ออกแบบแยกออกจากกันทำให้มีความสำคัญในการยืนยันข้ามกันในการค้นพบครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น
2 การทดลองขนาดกง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comffice:smarttags" />ALICE และ LHCb จะมีสถานีตรวจจับพิเศษสำหรับการวิเคราะห์การชนกันใน LHC ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของปรากฎการณ์ประหลาด
2 การทดลองขนาดเล็ก TOTEM และ LHCf การทดลองทั้ง 2 นี้ถูกออกแบบมุ่งไปที่ อนุภาคนำ (โปรตรอนหรือไอออนหนัก) อนุภาคเหล่านี้จะวิ่งชนแบบเฉียดกันละกันในสภาพเป็นลำอนุภาคการชนมากกว่าที่จะเป็นการชนโดยตรง
สถานีตรวจจับ ATLAS CMS ALICE และ LHCb ถูกติดตั้งลงไปในโพรงใต้ดิน 4 โพรงขนาดยักษ์ เรียงรายรอบวงแหวนของ LHC สถานีตรวจจับที่จะถูกใช้โดยการทดลอง TOTEM จะอยู่ใกล้กับสถานีตรวจจับ CMS และการทดลอง LHCf จะใช้สถานีตรวจจับใกล้สถานีตรวจจับ ATLAS
ALICE
A Large Ion Collider Experiment
สำหรับการทดลอง ALICE LHC จะทำการชนไอออนตะกั่วเพื่อจำลองสภาพหลังการเกิดบิ๊กแบงขึ้นใหม่อีกครั้งในสภาพแวดล้อมแบบห้องทดลอง ข้อมูลที่ได้จะทำให้นักฟิสิกส์สามารถศึกษาสถานะของสสารที่รู้จักในนาม quark‑gluon plasma ซึ่งเชื่อว่ามีอยู่จริงตอนหลังจากบิ๊กแบงระเบิดเสี้ยววินาที
สสารทั่วไปในจักรวาลสร้างจากอะตอม และแต่ละอะตอมประกอบด้วยนิวเคลียส ที่สร้างมากจากโปรตรอนและนิวตรอน และมีอิเล็กตรอนล้อมรอบอยู่ โปรตรอนและนิวตรอนนั้นต่างสร้างมาจาก quarks ซึ่งจะจับกันเองโดยมีอนุภาคชื่อ gluons คอยเชื่อมไว้ การที่มันมีพันธะที่แข็งแรงที่ไม่น่าเชื่อนี้แสดงว่าการที่ quarks แยกออกจากกันนั้นยังไม่มีการพบมาก่อน
การชนที่ LHC จะสร้างความร้อนขึ้น 100,000 เท่าของใจกลางดวงอาทิตย์ นักฟิสิกส์เชื่อว่าในสภาพแบบนั้น โปรตรอนและนิวตรอนจะหลอมและปลดปล่อยให้ quarks เป็นอิสระจาก gluons ซึ่งนี้น่าจะสร้างสถานะที่เรียกว่า quark-gluon plasma ซึ่งน่าจะเกิดกลังบิ๊กแบงเมื่อจักรวาลยังคงมีอุณหภูมิสูงมากอยู่ ความร่วมมือที่การทดลอง ALICE ก็เพื่อที่จะศึกษาการขยายตัว quark-gluon plasma และการเย็นตัวลง การสังเกตความเป็นไปนี้จะให้เรารู้ว่าสสารก่อกำเนิดจักรวาลได้อย่างไร
มีนักวิจัยที่ร่วมมือกันวิจัยที่ ALICE กว่า 1,000 คนจาก 94 สถาบัน จาก 28 ประเทศ (ข้อมูลปี 2006)
สถานีตรวจจับ ALICE จะทำหน้าที่ตรวจจับในการทดลอง ALICE
ขนาด: ยาว 26 เมตร สูง 16 เมตร กว้าง 16 เมตร
น้ำหนัก: 100,000 ตัน
การออกแบบ: มีช่องว่างตรงกลางบวกแขนกลที่จะผลัก spectrometer วัด muon
ที่ตั้ง: St Genis-Pouilly ในฝรั่งเศส
ข้อมูลเพิ่มเติม ALICE
ATLAS
A Toroidal LHC ApparatuS
ATLAS เป็น 1 ใน 2 สถานีตรวจจับงานทั่วไปของ LHC สถานีนี้จะถูกใช้่ศึกษาหลายอย่างในฟิสิกส์ รวมถึงการค้นหา Higgs boson มิติอื่น และอนุภาคที่ทำให้เกิดสสารมืด ด้วยเป้าหมายเดียวกับ CMS ATLAS จะบันทึกการวัดที่คล้ายกันของอนุภาคที่เกิดจากการชนเช่น วิถีการวิ่ง พลังงาน และเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างไรก็ตามการทดลอง 2 การทดลองนี้ต่างมีสมมติฐานในผลที่ต่างกัน และมีการออกแบบระบบแม่เหล็กของสถานีตรวจจับต่างออกไปด้วย
คุณสมบัติหลักของ ATLAS คือการมีระบบแม่เหล็กรูปทรงโดนัทขนาดยักษ์ ซึ่งประกอบด้วยขดแม่เหล็กยิ่งยวดยาว 25 เมตร รวมตัวกันเป็นทรงกระบอกรอบ ๆ ท่อลำอนุภาคผ่านแกนกลางของสถานีตรวจจับ ในระหว่างการทำงาน สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นในช่องว่างทรงกระบอกตรงกลางนั้นจะถูกสร้างโดยขดแม่เหล็กยิ่งยวด
จะมีนักวิทยาศาสตร์ 1,700 คนจาก 159 สถาบัน จาก 37 ประเทศทำงานที่ ATLAS (ข้อมูลปี 2006)
ขนาด: ยาว 46 เมตร สูง 25 เมตร กว้าง 25 เมตร ซึ่งเป็นสถานีตรวจจับที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าที่เคยสร้างมา
น้ำหนัก: 7,000 ตัน
การออกแบบ: ช่องว่างตรงกลางบวกส่วนปิด
ที่ตั้ง: เมย์ลิน สวิตส์เซอร์แลนด์
ข้อมูลเพิ่มเติม ATLAS
CMS
Compact Muon Solenoid
การทดลอง CMS จะใช้สถานีตรวจจับทั่วไปในการศึกษาหลายอย่างในฟิสิกส์ รวมถึงการหา Higgs boson มิติอื่น และอนุภาคที่ทำให้เกิดสสารมืด ถึงแม้ว่าจะมีเป้าหมายในการศึกษาเดียวกับการทดลอง ATLAS แต่การทดลอง CMS จะใช้เทคนิคและระบบแม่เหล็กของเครื่องตรวจจับที่ออกแบบต่างออกไป
สถานีตรวจจับ CMS สร้างขึ้นรอบจากวงขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดยักษ์ ซึ่งจะมีรูปร่างเป็นทรงกระบอกของขดสายเคเบิลตัวเหนี่ยวนำยิ่งยวด ที่จะใช้สร้างสนามแม่เหล็กที่มีความแรง 4 เทสลา ซึ่งเท่ากับ 100,000 เท่าบนโลก ในสนามแม่เหล็กจะถูกควบคุมด้วยเหล็ก "yoke" ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนบรรจุของสถานีตรวจจับ มีน้ำหนัก 12,500 ตัน คุณสมบัติที่ไม่ธรรมดานี้ของสถานีตรวจจับ CMS นั้นคือแทนที่จะเป็นการสร้างสถานีตรวจจับขึ้นในใต้ดินทั้งหมด แต่กลับเหมือนสถานีตรวจจับขนาดยักษ์อื่นในการทดลองของ LHC นั้นคือสร้างขึ้นบนดินเป็นชิ้นแล้วนำไปประกอบใต้ดินใน
มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คนทำงานที่ CNS ซึ่งมาจาก 135 สถาบัน จาก 47 ประเทศ (ข้อมูลปี 2006)
ขนาด: ยาว 21 เมตร สูง 15 เมตร กว้าง 15 เมตร
น้ำหนัก: 12,500 ตัน
การออกแบบ: ช่องว่างตรงกลางบอกส่วนปิด
ที่ตั้ง: Cessy ฝรั่งเศส
ข้อมูลเพิ่มเติม
LHCb
Large Hadron Collider beauty
การทดลอง LHCb จะช่วยนักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงอาศัยในจักรวาลที่ประกอบด้วยสสารแต่ไม่ใช่ ปฏิสสาร การทดลองนี้เป็นการศึกษาที่พิเศษในส่วนของความแตกต่างเพียงเล็กน้อยระหว่างสสารและปฏิสสาร โดยศึกษาในอนุภาคที่เรียกว่า "beauty quark" หรือ"b quark"
แทนที่จะอยู่ล้อมรอบจุดที่เกิดการชนของอนุภาคทั้งหมดโดยการครอบของสถานีตรวจจับ การทดลอง LHCb กลับใช้ชุดของสถานีตรวจจับย่อยเพื่อตรวจจับอนุภาคนำทั้งหลาย สถานีตรวจจับย่อยตัวแรกจะอยู่ใกล้จุดการชนของอนุภาคมากที่สุด สถานีตรวจจับตัวต่อมาจะอยู่ถัดจากตัวแรก และถัดมากันเรื่อย ๆ ซึ่งรวมแล้วมีความยาวกว่า 20 เมตร
การที่ชนิดของ quarks ที่แตกต่างกันอย่างมากมายจะถูกสร้างขึ้นจาก LHC ก่อนที่จะสลายตัวอย่างรวดเร็วไปเป็นรูปแบบอื่น เพื่อจะจับ "b quark" ได้ LHCb มีการพัฒนาสถานีตรวจจับติดตามแบบเคลื่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับส่วนที่ลำอนุภาควิ่งใน LHC
LHCb มีนักวิทยาศาสตร์ 650 คนจาก 48 สถาบัน จาก 13 ประเทศ (ข้อมูล 2006)
ขนาด: ยาว 21 เมตร สูง 10 เมตร กว้าง 13 เมตร
น้ำหนัก: 5,600 ตัน
การออกแบบ: มี spectrometer ด้านหน้าพร้อมตัวตรวจจับแบบแผ่นราบ
ที่ตั้ง: Ferney-Voltaire ฝรั่งเศส
ข้อมูลเพิ่มเติม
TOTEM
TOTal Elastic and diffractive cross section Measurement
การทดลอง TOTEM เป็นการศึกษาอนุภาคนำเพื่อมุ่งไปในส่วนของฟิสิกส์ที่ไม่สามารถทำการทดลองแบบทั่วไปได้ ด้วยการที่ต้องศึกษาแบบนี้การทดลองนี้จึงจะวัด ดูผลกระทบและดูขนาดของโปรตรอน อีกทั้งยังตรวจสอบความแม่นยำของความเข้มลำอนุภาคใน LHC
เพื่อทำการทดลองนี้ TOTEM จะต้องสามารถตรวจจับอนุภาคที่สร้างขึ้นที่อยู่ใกล้กับลำอนุภาคใน LHC ได้ ซึ่งจะรวมถึงศูนย์สถานีตรวจจับที่ออกแบบเป็นห้องสุญญากาศเรียกว่า "Roman pots" ซึ่งจะต่อกับท่อลำอนุภาคใน LHC Roman pots 8 ตัวจะอยู่ด้วยกันเป็นคู่ 4ที่ใกล้ ๆ จุดการชนของอนุภาคในการทดลอง CMS
อย่างไรก็ตาม 2 การทดลองดังกล่าวเป็นอิสระต่อกัน TOTEM จะเติมเต็มผลการทดลองที่ได้จากสถานีตรวจจับ CMS และการทดลองอื่นใน LHC
การทดลอง TOTEM มีนักวิทยาศาสตร์ทำงาน 50 คนจาก 10 สถาบัน จาก 8 ประเทศ
สถานีตรวจจับ TOTEM
ขนาด: ยาว 440 เมตร สูง 5 เมตร กว้าง 5 เมตร
น้ำหนัก: 20 ตัน
การออกแบบ: Roman pots และตัวตรวจจับ GEM กับห้องแผ่น cathode
ที่ตั้ง: Cessy ฝรั่งเศส
ข้อมูลเพิ่มเติม
LHCf
Large Hadron Collider forward
การทดลอง LHCf ใช้อนุภาคนำที่สร้างภายใน LHC มาเป็นแหล่งเพื่อจำลองรังสีคอสมิกในสภาพแวดล้อมห้องทดลอง รังสีคอสมิกเป็นรังสีธรรมชาติที่เกิดจากอนุภาคที่มีประจุจากภายนอกอวกาศที่วิ่งชนชั้นบรรยากาศของโลกอยู่เป็นประจำ มันจะชนกันนิวคลิไอในชั้นบรรยากาศส่วนบน ทำให้เกิดอนุภาคย่อยต่าง ๆ ตกลงมาพื้นโลก
การศึกษาว่าการชนใน LHC ทำให้เกิดอนุภาคย่อยอย่างไร จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์แปลและปรับความเที่ยงตรงของการทดลองรังสีคอสมิกขนาดใหญ่ได้ ซึ่งการทดลองขนาดใหญ่อาจกินพื้นที่หลายพันกิโลเมตร
LHCf มีนักวิทยาศาสตร์ทำการทดลอง 22 คนจาก 10 สถาบันจาก 4 ประเทศ (ข้อมูลปี 2006)
สถานีตรวจจับ LHCf
ขนาด: สถานีตรวจจับ 2 ตัว ยาว 30 เซนติเมตร สูง 80 เซนติเมตร กว้าง 10 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 40 กิโลกรัมต่อตัว
การออกแบบ:
ที่ตั้ง: เมย์ลิน สวิตส์เซอร์แลนด์ใกล้กับ ATLAS
ที่มาข้อมูล - cern, uslhc และ wikipedia
Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล (3) | ประชาไท

 

Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล (4)
Sun, 2008-09-21 01:09โดย molecularck เว็บไซต์ Account Suspended
Account Suspended
จากตอนที่แล้ว (ตอนที่ 3) ที่เรารู้ว่า LHC ทำงานอย่างไร และทำการวัดและตรวจจับอย่างไร มาคราวนี้เราจะมาเข้าบทสุดท้ายซึ่งเป็นเรื่องผลที่ได้ ความปลอดภัยและผลกระทบที่มีต่อเรา
LHC Computer Grid
Large Hadrons Collider จะสร้างข้อมูลดิบประมาณ 15 petabytes (15 ล้าน Gigabytes) ต่อปี ซึ่งต้องใช้แผ่น DVD-double layer กว่า 1.7 ล้านแผ่นเพื่อเก็บข้อมูลดังกล่าว
นักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกต่างต้องการที่จะเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลนี้ ดังนั้น CERN จึงมีความร่วมมือกับสถาบันในประเทศต่าง ๆ 33 ประเทศเพื่อดำเนินการคำนวนและอุปกรณ์เก็บข้อมูลในนาม LHC Computer Grid หรือ LCG
ข้อมูลจากการทดลองของ LHC จะส่งให้ทั่วโลก ด้วยเทปบันทึกของมูลสำรองหลักที่ CERN หลังจากกระบวนการเริ่มต้น ข้อมูลจะถูกส่งให้ศูนย์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ 11 ศูนย์ได้แก่ที่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ประเทศกลุ่มนอร์ดิก สเปน ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และในสหรัฐอเมริกาอีก 2 ศูนย์ ซึ่งมีความจุเพียงพอที่จะเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้

11 ศูนย์คอมพิวเตอร์ดังกล่าวจะเรียกว่า Tier-1 ซึ่งจะทำให้ข้อมูลนั้นพร้อมใช้งานโดย Tier 2 ซึ่งมีมากกว่า 120 ศูนย์ที่จะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์แต่ละคนสามารถเข้าถึงข้อมูล LHC จากที่บ้านได้ โดยการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรือคอมพิวเตอร์คลัสเตอร์
นอกจากนี้ LCG ยังความร่วมมืออื่นในโครงการต่างๆ CERN grid ได้แก่
LCG มีส่วนในการขับเคลื่อนในเบื้องหลังของ European multi-science grid Enabling Grids for E-SciencE (EGEE) ซึ่งมีการเติบโตของขนาดและความหลากหลายในการใช้งาน EGEE มี 240 สถาบันใน 45 ประเทศเกี่ยวข้องในการสนับสนุนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์กว่า 20 สาขา เช่น bioinformatics ภาพทางการแพทย์ การศึกษา การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม พลังงาน เกษตรกรรมและอื่นๆ อีกมากมาย
CERN openlab: LCG ยังมีโครงการที่ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ในการดำเนินการผ่าน CERN openlab ซึ่งเป็นแหล่งที่บริษัทไอทีมาทดสอบและประเมินปรสิทธิภาพเทคโนโลยี Grid ด้วยการใช้สภาพแวดล้อมของ LCG
นอกจากนี้ยังมีโครงการเหมือน Seti@home folding@home หรืออื่น ๆ นั้นคือการขอรับบริจาคหน่วยประมวลที่ไม่ใช่ของคนทั่วไปมาวิเคราะห์ข้อมูลที่ มากมาย ซึ่งใครสนใจก็ ดาวน์โหลดได้ที่ LHC@home (ไม่สนับสนุน Mac OS X)
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์กริดคืออะไร ทาง CERN ก็มีส่วนที่ให้ความรู้ด้านนี้ นั้นคือ GridCafe
ความปลอดภัยของโครงการ LHC
LHC สามารถเร่งพลังงานอนุภาคไปถึงจุดที่ไม่เคยมีเครื่องเร่งอนุภาคเครื่องไหนทำ มาก่อน แต่ธรรมชาติก็ยังสร้างการเกิดของพลังงานที่สูงนี้ตลอดเวลาในการชนของรังสี คอสมิก ด้วยความตระหนักถึงความปลอดภัยว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากการที่อนุภาคพลังงานสูง ชนนั้นจึงได้มีการศึกษามานาน ด้วยข้อมูลการทดลองใหม่และความเข้าใจด้านทฤษฎี ทีมความปลอดภัยใน LHC หรือ LHC Safety Assessment Group (LSAG) ได้ปรับปรุงข้อมูลการวิเคราะห์ในปี 2003 ซึ่งทีมนี้เป็นทีมงานนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่ขึ้นกับ CERN
LSAG ได้ออกมายืนยันและเพิ่มเติมข้อสรุปที่สรุปไว้ในรายงานปี 2003 ว่าการชนใน LHC นั้นไม่ปรากฎอันตรายและไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นกลัว อะไรที่ LHC จะทำ ธรรมชาติได้ทำมาเป็นเวลาช้านานเท่ากับอายุของโลกและเทหวัตถุในอวกาศ รายงาน LSAG ได้ถูกพิจารณาและลงนามโดยคณะกรรมการด้านนโยบายวิทยาศาสตร์ของ CERN ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ภายนอกที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาการบริหารของ CERN ซึ่งเหมือนเป็นสภา
รังสีคอสมิก
LHC ก็เหมือนเครื่องเร่งอนุภาคอื่น ซึ่งจะสร้างปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของรังสีคอสมิกขึ้นมาใหม่ภายใต้การควบคุม ในสภาพแวดล้อมของห้องทดลองเพื่อทำให้นักวิจัยสามารถศึกษาถึงรายละเอียดได้ มากขึ้น รังสีคอสมิกเป็นอนุภาคที่สร้างจากภายนอกอวกาศ บางอนุภาคมีการเร่งในพลังงานที่สูงกว่า LHC พลังงานและอัตราที่มันมาถึงบรรยากาศโลกนั้นสามารถวัดได้ในการทดลองเมื่อ 70 ปีที่แล้ว เมื่อพันล้านปีก่อน ธรรมชาติได้สร้างการชนแบบเดียวกับการทดลองของ LHC ขึ้นบนโลกนับล้านครั้ง ดาวของเราก็ยังคงอยู่ นักดาราศาสตร์ได้สังเกตวัตถุในอวกาศที่มีขนาดใหญ่จำนวนมากในจักรวาลซึ่งถูกชนโดยรังสีคอสมิกก็ยังคงอยู่ ซึ่งจักรวาลสร้างการทดลองแบบ LHC เป็น 10 ล้านล้านครั้งต่อวินาที ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะเกิดอันตรายขึ้นขัดแย้งกับสิ่งที่นักดาราศาสตร์เห็น นั้นคือดวงดาวและกาแล็กซี่นั้นยังคงอยู่
หลุมดำจิ๋ว
ธรรมชาติสร้างหลุมดำเมื่อดาวที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ ยุบตัวเองลงในวาระสุดท้ายของดาว โดยจะทำการเพิ่มความเข้มข้นของสสารจำนวนมากลงในพื้นที่ในขนาดเล็ก เมื่อพิจารณาถึงหลุมดำขนาดกล้องจุลทรรศน์ใน LHC ที่เกิดขึ้นจากการชนของอนุภาคโปรตรอนกันเอง ซึ่งแต่ละอนุภาคจะมีพลังงานเทียบเท่ายุงบินเท่านั้น หลุมดำในอวกาศนั้นมีความหนักมากกว่าอะไรที่ LHC ให้กำเนิดมา
ด้วยการที่เรารู้คุณสมบัติแรงโน้มถ่วงเป็นอย่างดี ซึ่งอธิบายโดยทฤษฎีสัมพันธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ มันเป็นไปได้ว่าหลุมดำจิ๋วนั้นอาจถูก LHC สร้างขึ้นได้ อย่างไรก็ตามจากทฤษฎีซึ่งทำนายการเกิดของอนุภาคที่ LHC ทำนายว่าอนุภาคดังกล่าวที่เกิดขึ้นอาจแตกสลายก่อนที่อย่างรวดเร็ว นั้นหมายความว่าหลุมดำที่เกิดขึ้นจะมีความไม่สเถียรอย่างมาก จนไม่มีเวลาที่จะดูดกลืนอนุภาคอื่นเข้าไปจนเกิดผลกระทบระดับใหญ่
อย่างไรก็ตาม หลุมดำจิ๋วที่มีความสเถียรนั้นไม่ได้เป็นที่คาดการณ์ตาม ทฤษฎี ผลลัพธ์จากการศึกษาผลผลิตที่เกิดจากรังสีคอสมิกนั้นแสดงให้เห็นความไม่มีอันตราย การชนที่ LHC นั้นแตกต่างจากการชนของรังสีคอสมิกต่อเทหวัตถุอย่างเช่นโลก นั้นคืออนุภาคใหม่ที่เกิดจากการชนใน LHC จะพยายามเคลื่อนที่ช้ามากกว่าอนุภาคที่เกิดจากการชนรังสีคอสมิก หลุมดำที่สเถียรนั้นสามารถเป็นได้ทั้งมีประจุไฟฟ้าหรือเป็นกลาง ถ้ามีประจุไฟฟ้า หลุมดำต้องทำปฏิกิริยาต่อสสารทั่วไปและหยุดเดินทางข้ามโลกในขณะที่หลุมดำถูก ผลิตโดยรังสีคอสมิกหรือ LHC ในความเป็นจริงโลกยังคงกฎเกณฑ์ที่จะไม่มีความเป็นไปได้ที่รังสีคอสมิกหรือ LHC จะสร้างหลุมดำขนาดจิ๋วที่อันตรายขึ้นมา ถ้าหลุมดำแบบเสถียรไม่มีประจุไฟฟ้าแล้ว ปฏิกิริยาต่อโลกจะต้องอ่อนแรงอย่างมาก หลุมดำที่เกิดจากรังสีคอสมิกที่จะไม่มีอันตรายโดยอาจหนีจากโลกไปสู่อวกาศแทน แต่หลุมดำที่เกิดจาก LHC จะยังคงอยู่บนโลก อย่างไรก็ตาม มันต้องเป็นเทหวัตถุที่มีความหนาแน่นและใหญ่มากกว่าโลกในจักรวาล หลุมดำที่เกิดจากการชนรังสีคอสมิกกับดาวนิวตรอนหรือดาวแคระนั้นถึงจะเกิด ขึ้นได้ การที่หลุมดำจะกลายเป็นวัตถุที่มีความหนาแน่นสูง อย่างเช่นโลกนั้นไม่มีความเป็นไปได้จากการสร้างหลุมดำอันตรายของ LHC
Strangelets
Strangelets เป็นคำศัพท์ที่ตั้งขึ้นสำหรับสมมติฐานก้อนขนาดจุลทรรศน์ของสสารประหลาด ประกอบด้วยอนุภาคที่มีจำนวนเท่ากันหมดของ ขึ้น,ลง, ประหลาด ของควากซ์ จากการอ้างงานการทำงานด้านทฤษฎี Strangelets จะเปลี่ยนไปเป็นสสารธรรมดาด้วยอัตรา 1,000 ล้านสสารต่อวินาที แต่มีทางที่ Strangelets จะรวมกับสสารธรรมดาและเปลี่ยนไปเป็นสสารประหลาดไหม? คำถามนี้ถูกต้องขึ้นก่อนที่จะเริ่มการเดินเครื่อง Relativistic Heavy Ion Collider, RHIC ในปี 2,000 ในสหรัฐอเมริกา การศึกษาในเวลานั้นแสดงให้เห็นว่าไม่มีเหตุอันตรายที่ต้องกังวลใด ๆ และ RHIC ยังทำงานมาถึง 8 ปีเพื่อค้นหา Strangelets แต่ก็ยังไม่ค้นพบ ในเวลานี้ LHC จะทำการยิงลำอนุภาคนิวคลิไอหนักเหมือนที่ RHIC ทำ แต่นี้จะทำให้ Strangelets ยิ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากไปอีก ความยากนั้นคือ สสารประหลาดนั้นจะไม่สามารถจับกันได้ในอุณหภูมิสูงที่เกิดจากการชนได้ เหมือนกับไม่สามารถเกิดน้ำแข็งในน้ำร้อนได้เช่นกัน นอกจากนี้ควากซ์จะมีความเจือจางมากใน LHC เมื่อเทียบกับ RHIC ทำให้เกิดความยากที่สสารจะมารวมเพื่อเป็นสสารประหลาด การเกิด Strangelet ใน LHC จึงมีความเป็นไปได้ต่ำยิ่งกว่า RHIC และประสบการณ์ได้พิจารณาทบทวนแล้วว่า Strangelet ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ฟองสุญญากาศ
มีการพิจารณาว่าจักรวาลนั้นไม่อยู่ในสภาพที่เสถียรที่สุด และความที่ไม่สเถียรดังกล่าวที่เกิดขึ้นจาก LHC สามารถทำให้มันเข้าสู่สภาพที่เสถียรได้ที่เรียกว่า ฟองสุญญากาศ ซึ่งจะทำให้เราสูญสิ้นได้ แต่ถ้า LHC ทำได้ รังสีคอสมิกก็น่าจะทำได้เช่นกัน แต่ยังไม่ปรากฏฟองสุญญากาศเกิดขึ้นในจักรวาลจนทุกวันนี้ ดังนั้นไม่มีวันที่จะเกิดใน LHC
ขั้วแม่เหล็กเดียว
แม่เหล็กขั้วเดียวเป็นอนุภาคสมมติฐานที่มีประจุแม่เหล็กเพียงขั้วเดียว อาจเป็นขั้วเหนือหรือขั้วใต้ก็ได้ บางทฤษฎีชี้แจงว่า ถ้ามีอยู่จริง แม่เหล็กขั้วเดียวอาจทำให้โปรตรอนสลายได้ และทฤษฎียังบอกอีกว่าแม่เหล็กขั้วเดียวอาจจะหนักเกินไปที่ LHC จะสร้างได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าแม่เหล็กขั้วเดียวมีความเบาที่จะเกิดขึ้นใน LHC แล้ว รังสีคอสมิกที่ชนบรรยากาศโลกนั้นต้องสร้างแม่เหล็กขั้วเดียวมาแล้ว และโลกต้องจับและหยุดแม่เหล็กขั้วเดียวนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ การคงอยู่ของโลกและเทหวัตถุอื่นเป็นผลให้ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะแม่เหล็ก ขั้วเดียวที่สลายโปรตรอนที่เป็นอันตราย และมีมวลน้อยที่จะสร้างโดย LHC
รายงานและการตรวจสอบ
การศึกษาความปลอดภัยของการชนที่พลังงานสูงในเครื่องเร่งอนุภาคนั้นนำการศึกษาโดยยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการทดลองใน LHC และผลการวิเคราะห์จะถูกตรวจสอบโดยกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีความเห็นด้วยว่าการชนกันของอนุภาคใน LHC นั้นปลอดภัย CERN ยังมีกลุ่มนักฟิสิกส์อนุภาคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทดลองใน LHC ติดตามการตรวจสอบการชนใน LHC อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
ผลกระทบต่อคนไทย
สิ่งที่มองเห็นได้จากการที่ LHC ทำงานเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านแสดงให้เห็นว่าสังคมไทยมีความตื่นตัวเรื่องนี้น้อยมาก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในการเรียนรู้ แต่กลับไม่มีการให้ข่าวที่ถูกต้องโดยนักวิทยาศาสตร์ไทย และสื่อหลักกลับนำเสนอข่าวพาดหัวที่ทำให้สังคมตื่นกลัวโดยไม่มีการอธิบายว่า ทำการทดลองอะไร ซึ่งหากเป็นการทดลองที่ทำลายล้างโลกจริง สังคมไทยคงจะพินาศไปแล้ว เพราะกว่าที่คนไทยจะได้รับรู้ข่าวสารซึ่งประกาศออกมานานแล้วว่าจะทำการทดลอง นั้นกลับได้รับรู้ในวันที่จะทำการทดลอง
นอกจากนี้ผมยังพบว่าสังคมไทยยังขาดความเข้าใจในด้านวิทยาศาสตร์และยังอยู่ในความเชื่อที่ยังอธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผล ซึ่งนี้เป็นเพราะสังคมไทยไม่มีการเรียนรู้ ปลูกฝังความคิดแบบวิทยาศาสตร์ในวัยเด็ก ปล่อยให้คนพึ่งพาตนเองว่าจะเชื่ออะไรโดยไม่มีเหตุผล
อย่างไรก็ตาม การทดลองครั้งนี้มันก็เปรียบได้กับโครงการจีโนมมนุษย์ (Human Genome Project) ในสายชีวะเช่นกัน ซึ่งจะมีกระทบต่อโลกอนาคตแน่นอน ตำราทุกตำราอาจต้องมีการเขียนใหม่หรือแม้แต่การสอนฟิสิกส์ก็ต้องมีการเปลี่ยนใหม่ต่อไป
ประเทศไทยต้องรีบแสวงหาความร่วมมือที่จะศึกษาเรื่องนี้อย่างรวดเร็วหากจะ ต้องการพัฒนาให้เท่าต่างชาติ หากเรายังมัวแต่รอความรู้จากต่างชาติที่เค้าพัฒนาตราบนั้นเราก็ยังคงตามหลังเขาต่อไป
มีคำพูดจากอาจารย์ที่สอนผมในอดีตกล่าวว่า
กว่าที่เค้าจะคิดความรู้ขึ้นใช้เวลา 10 ปี กว่าจะเขียนตำราได้ใช้เวลา 10 ปี กว่าที่ตำราจะมาสู่ประเทศไทยใช้เวลา 10 ปี และกว่าตำราไทยจะแปลเป็นไทยก็ใช้เวลาอีก 10 ปี ซึ่งลองนับรวมเวลากว่าที่ความรู้จะมาถึงคนไทยใช้เวลาถึง 40 ปี นั้นแสดงว่าคนไทยถ้าไม่ร่วมมือกับต่างชาติตั้งแต่ขั้นตอนแรกหรือไม่ทำอะไร เองตั้งแต่ขั้นตอนแรกประเทศไทยก็ยังคงช้ากว่าต่างชาติถึง 40 ปีตลอดไป

.....................
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกที่ Account Suspended
Large Hadrons Collider เครื่องมือไขความลับจักรวาล (4) | ประชาไท

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 18 ก.พ.58 ทหารยูเครน ถูกปิดล้อม อดอยากหิวโหยอาหารนานเป็นสัปดาห์ ยอมแพ้อื้อ
ทหารกองทัพยูเครน ใช้ปืนใหญ่และจรวดและไม่ได้หยุดยิงตามมติ 4 ฝ่าย พวกเขาจึงถูกปิดล้อมปิดล้อมในเมืองเดบอลต์เซฟ ไว้หลายร้อยคน และเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ ไม่สามารถทนความหนาวเย็น และความหิวโดยได้ จึงยอมจำนนต่อนักรบนิยมรัสเซีย ที่ใช้กำลังหลายพันคนโอบล้อมไว้
เชลยทหารกองทัพยูเครน ที่ยอมจำนนบางคน ยังไม่เคยมีอาหารตกถึงท้องเป็นเวลาหลายวัน จนเกิดอาการบวมไปทั้งตัว ทหารยูเครนจำนวนมากตายเกลื่อนข้างถนน และบางส่วนซากศพก็จมอยู่ใต้หิมะ เมื่อมีการยอมจำนน หน่วยแพทย์ของนักรบนิยมรัสเซีย ได้ช่วยเหลือพวกเขาด้วยการส่งไปโรงพยาบาลสนามทหาร
ประธานาธิบดี ปูติน แห่งรัสเซีย ระบุว่า กองทัพรัฐบาลยูเครนพ่ายแพ้จุดยุทธศาสตร์แล้ว และในความพยายามที่ทหารยูเครน จะฝ่าวงล้อมของกลุ่มนักรบฯ ออกจากเมืองเดบัลต์ซีฟ แต่ถ้ากองทัพยูเครนยอมวางอาวุธ กลุ่มนักรบจะยอมปล่อยตัวทหารเหล่านั้น ให้กลับบ้านไปพบครอบครัวโดยปลอดภัย
สิ่งสำคัญคือ คือการช่วยชีวิตผู้คนที่กำลังติดอยู่ในวงล้อม ซึ่งผู้มีความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ ไม่ควรที่จะขัดขวางทหารกองทัพยูเครนในการวางอาวุธ แต่กองทัพยูเครนปฏิเสธทันทีว่า ไม่มีการยอมจำนนแต่อย่างใด และ "ห้ามทหารยอมแพ้"..อ้าวว
นักรบนิยมรัสเซีย เตือนว่าให้ทหารยูเครนที่เหลือในวงล้อม ยอมแพ้เป็นเชลยให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะอดตาย หรือถูกยิงจนเสียชีวิตลง..นี่เป็นอีกคุณธรรมหนึ่งของนักรบนิยมรัสเซีย ที่เชลยยอมแพ้ ก็เท่ากับเป็นเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ก็ช่วยเหลือกันทางมนุษยธรรม
เมื่อก่อนพวกเขาก็เป็นเพื่อนชาติเดียวกันนี้แหละ แต่พออเมริกาแทรกแซง ทำให้ชาวแคว้นใหญ่ 2 ใน 5 แคว้นไม่ยอมรับ และต้องการแยกตัวไปอยู่กับรัสเซีย เพราะเป็นเชื้อชาติเดียวกัน
ประมาณการว่าตั้งแต่สู้รบกันตั้งแต่ปีที่แล้ว มีคนยูเครนตายไปมากกว่าสื่อตะวันตกรายงาน ถึงราว 9 เท่า หรือตัวเลขประมาณ 50,000 คน..นี่คือผลพวงจากการที่ยอมให้ชาติตะวันตกมาแทรกแซงในประเทศ คนไทยดูตัวอย่างไว้
@ เสธ น้ำเงิน2: กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
https://www.facebook.com/thailandcoup