ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    สภาดูมาของรัสเซียตั้งคำถามว่า "เร็วไปหรือไม่?" ที่จะเสนอรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้นายกฯ Angela Merkel
    -----------------
    เห็นข่าวนี้แล้วชอบครับอยากจะเอามาเล่าให้เพื่อนฟังด้วย คือ… ต่อกรณีที่สภา Bundestag ของเยอรมันได้เสนอที่มอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้นายกรัฐมนตรี Angela Merkel ของเยอรมันนีในฐานะที่เธอเป็นผู้ผลักดันการแก้ไขวิกฤตการณ์ยูเครนตะวันออกนั้น ทางนาย Alexei Pushkov ประธานสภาดูมา (State Duma) ของรัสเซียจึงออกมาส่งทวีตเตอร์แสดงความคิดเห็นว่า "มันจะเร็วไปหรือเปล่า? การเจรจาสันติภาพกรุงมินส์กรอบที่สองไม่ใช่สำเร็จเพราะความร่วมกันระหว่าง Merkel, Hollande และ Putin หรอกหรือ?"
    หากผู้อ่านที่ติดตามเพจนี้มาอยู่เรื่อยๆ ก็จะเข้าใจสถานการณ์ได้ดีว่าใครทำอะไรและยังไงบ้างเกี่ยวกับสถานการณ์วิกฤตยูเครน เพราะเพจนี้คอยรายงานความคืบให้ทราบอยู่เรื่อยๆ ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติของเยอรมันจะเสนอชื่อแมร์เกิลให้เข้ารับรางวัลโนเบิลสาขาสันติภาพนั้นก็คงจะคิดว่าเธอทำงานหนักกว่าคนอื่น โดยมองว่าเธอได้ไปเจรจาหาทางแก้ไขปัญหายูเครนที่กรุงเคียฟกับประธานาธิบดีฝรั่งเศสและประธานาธิบดีของยูเครนในวันที่ 7 ก.พ.58 ต่อจากนั้นผู้นำเยอรมันนีกับผู้นำฝรั่งเศสก็เดินทางไปปรึกษากับปูตินต่อที่กรุงมอสโคว์ในวันถัดมา แล้วปูนตินก็เสนอแผนสันติภาพกรุงมินส์กให้ ทั้งสามฝ่ายตกลงตามนั้น วันต่อมาก็มีการโทรเจรจา 4 ฝ่ายโดยเพิ่มประธานาธิบดียูเครนเข้ามาด้วย จากนั้นผู้นำเยอรมันนีก็เดินทางไปสหรัฐฯอเมริกาเพียงลำพัง (ผู้นำฝรั่งเศสไม่ได้ไปด้วย) เพื่อเจรจากับโอบามากรณีแก้ไขปัญหายูเครน ก็คงจะไปปรอบใจโอบามาที่เขาไม่ให้เข้าร่วมเจรจา 4 ฝ่ายด้วยนั่นแหละเกรงว่าทางสหรัฐฯจะคุ้มคลั่งสั่งระเบิดไปถล่มยูเครนตะวันออกซะยับเยินกว่านั้นและบอกว่างานนี้ไม่ต้องการให้สหรัฐฯเข้ามายุ่งด้วยขอให้เป็นเรื่องภายในระหว่างอียูกับรัสและยูเครนนะ ไม่งั้นจะทวงทองคำที่เอาไปฝากไว้อีกรอบนะ โอบามาก็เลยทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ขู่ๆๆๆ และขู่
    จากนั้นทั้ง 4 ฝ่ายก็เข้าร่วมเจรจาสันติภาพที่กรุงมินส์กจนนำไปสู่การลงนามร่วมกันของกลุ่ม "Contact Group" ซึ่งในข้อตกลงนั้นมีความยาว 4 หน้ากระดาษ 13 ข้อ โดยข้อแรกก็คือทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันจะต้องหยุดยิงในเวลา 00.00 น. วันที่ 15 ก.พ. 58 ทันที ซึ่งก็ได้ผลผู้นำทุกฝ่ายต่างก็มีคำสั่งไปยังกองกำลังของตนให้หยุดยิงตามเวลาดังกล่าว
    เมื่อพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ว่าผู้นำประเทศทั้ง 3 คนได้มีการแบ่งงานกันตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ยกเว้นผู้นำยูเครนที่แม้ว่าจะยอมรับตามข้อตกลงกรุงมินส์กแต่ก่อนหน้านี้เขามีส่วนในการสร้างความขัดแย้งและความรุนแรงภายในประเทศของเขาโดยไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถ้าสภานิติบัญญัติของเยอรมันจะเสนอให้เฉพาะนายกฯของเยอรมันมีสิทธิได้รับรางวัลฯ แต่เพียงผู้เดียวนั้นรู้สึกว่าจะไม่ยุติธรรมกับผู้นำอีกทั้งสองท่านนะ การที่ผู้นำเยอรมันเดินทางไปคุยกับโอบามาที่อเมริกานั้นก็ใช่ว่าจะกระทำโดยพลการไม่ได้ขอความเห็นจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องซะเมื่อไร เพียงแต่ทั้งฝรั่งเศสและปูตินไม่สะดวกที่จะเดินทางไปคุยกับโอบามาที่สหรัฐฯเท่านั้น ถ้าไปด้วยกันทั้ง 3 คนยิ่งจะทำให้ทางสหรัฐฯได้ใจอีก เพราะฉะนั้นส่งไปคนเดียวนั่นแหละดีแล้ว
    นอกจากเรื่องการมีส่วนร่วมทั้ง 3 ฝ่ายในการผลักดันให้เกิดการเจรจาและบรรลุข้อตกลงในกรุงมินส์กเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 58 แล้ว ทางรัสเซียยังแย้งว่าข้อตกลงกรุงมินส์กยังไม่ได้เห็นผลทั้งหมดทุกข้อเลย ถ้าเกิดเขาบึ้มใส่กันอีกแล้วจะทำอย่างไร รอดูไปอีกสักพักก่อนดีไหม
    ตามความคิดของผมที่คิดไว้แต่แรกเลยนะ ตั้งแต่ที่ 3 คนเขาไปคุยกันที่มอสโคว์โน่นแล้วหละ ผมคิดว่าถ้าการเจรจาสันติบรรลุผลได้จริง แลสามารถยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบรุนแรงในยูเครนตะวันออกได้จริงๆ ทั้ง 3 คนนี้สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพร่วมกันมากที่สุดในโลก ตอนแรกก็คิดว่าแมร์เกิลน่าจะได้รับรางวัลฯนะ แต่พอคิดดูดีๆ แล้วทุกคนก็มีส่วนร่วมด้วยกันทั้งนั้นนะทั้งปูตินและผู้นำฝรั่งเศส ดังนั้นให้ทั้ง 3 คนนั่นแหละดีที่สุด ขนาดปีก่อนโอบามาเอาแต่ไปสร้างสงครามต่างประเทศฆ่าคนตายไปเท่าไรก็ไม่รู้ยังได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเฉยเลย เห็นข่าวแล้วก็มีความรู้สึกว่ารางวัลนี้คงจะเสื่อมมนต์ขลังลงแล้วหละ แต่ถ้ามอบให้ทั้ง 3 คนนี้รับร่วมกันความศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใสศรัทธาของรางวัลนี้ก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องรอดูผลการบังคับให้ข้อตกลงบรรลุผลในทางปฏิบัติจริงๆ ซะก่อน
    The Eyes
    15/02/2558
    ----------------
    TASS: Russia - Russian legislator on idea Merkel deserves Nobel Peace Prize - "Isn’t it too early?"
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ทำไมถึงยังมีการสู้รบกันต่อที่เมือง Debaltseve ในเขตโดเนทส์กติดกับลูฮานส์ก?
    ---------------
    หลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ณ เวลา 00.00 น. (เที่ยงคืนตรง เข้าสู่วันที่ 15) ของวันที่ 15 ก.พ.58 แล้ว ปรากฏว่าทุกฝ่ายหยุดยิงกันหมด ไม่มีเสียงกระสุนตกไม่มีเสียงลูกปืนใหญ่หรือจรวดตกลงมาระเบิดแม้แต่ลูกเดียวทุกที่เงียบหมด แสดงว่าทุกฝ่ายให้ความเคารพและให้ความสำคัญต่อสัญญาหยุดยิงที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 12 ก.พ.58 ที่ผ่านมา ณ กรุงมินส์ก
    แต่พอเลยเที่ยงคืนมาได้ยังไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็มีเสียงปืนใหญ่ยิงถล่มใส่กันอีก บางพื้นที่เริ่มซัดกันช่วงเจ็ดโมงเช้าก็มี แล้วก็มีรายงานข่าวออกมาว่ามีการยิงกันที่เมือง Popasna ในเขตฮานส์ก เพียงแต่ 20 นาทีหลังจากพักรบกัน (truce) ตอนเที่ยงคืนตามข้อตกลง ตามข่าวของ AFP รายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 2 รายแม้ว่าจะมีการตกลงหยุดยิงกันแล้ว
    แหม… มีผู้ส่งลิงค์ข่าวนี้มาให้ผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับผม อันที่จริงผมติดตามข่าวสถานการณ์วิกฤตยูเครนนี้อยู่เหมือนกันนะครับ แต่ช่วงกลางวันยังไม่มีเวลาเขียนข่าวให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ช่วงกลางวันก็ได้แต่อ่านแต่ไม่มีเวลาเขียนจึงต้องยกมาเขียนตอนกลางคืนนี่แหละครับ ก็เช็คข่าวของ AFP จองฝรั่งเศสแล้วเขาลงข่าวไม่มากครับ นิดเดียวเองบอกแค่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหนและเมื่อไรเท่านั้นเอง ข่าวแบบนี้ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นฝีมือใครและเพราะอะไร ผมก็ต้องเช็คจากแหล่งอื่นเปรียบเทียบกันก่อนว่าข่าวเดียวกันนี้ของสำนักไหนให้รายละเอียดมากกว่ากันและมีความน่าเชื่อถือกว่ากันถึงจะเอามาเขียนสรุปได้ พบว่าของรอยเตอร์ส (แคนาดา) กับของ RT News และ TASS ฝั่งรัสเซียให้รายละเอียดได้มากกว่าของ AFP ข่าวจากรอยเตอร์สก็โอเคครับ แต่ผมชอบของ RT News กับ TASS มากกว่า เพราะมีความรู้สึกว่าอ่านง่าย มีภาพและคลิปประกอบเยอะการลำดับเนื้อหาก็ใช้ได้เลยหละ ที่สำคัญเขามีนักข่าวภาคสนามติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ตลอดเวลา ข่าวที่ออกมาจึงเร็วมีความน่าเชื่อถือมากทีเดียว
    ของรอยเตอร์สบอกเพิ่มเติมจาก AFP แต่เพียงว่าทำไมเขาถึงยังยิงกันต่ออีก ส่วนข่าวฝั่งรัสเซียจะพาเราย้อนลงไปอีกลึกกว่านั้นอีก นี่… มันเป็นอย่างนี้ผมถึงชอบไงครับ สรุปข่าวแล้วก็พบคำตอบว่าทำไมเขาถึงยังสู้รบกันอีกทั้งๆ ที่ลงนามตกลงร่วมกันแล้วนี่นาว่าจะหยุดยิง จากแหล่งข่าวหลายๆสำนักไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนหลังพักรบได้ซักชั่วโมงกว่าๆ เพราะต่างฝ่ายต่างก็โทษฝ่ายตรงข้ามกันไปมา เนื่องจากเราเป็นคนนอกถ้าอ่านจากสื่อฯอย่างเดียวก็จะรู้ว่าเขาสู้กันที่เมือง Popasna ซึ่งอาจจะเป็นตำบลหนึ่งในลูฮานส์กก็ได้ไม่ใช่เมืองใหญ่ แต่ถ้ามาเปิดแผนที่หาตำแหน่งเมืองดังกล่าวก็จะถึงบางอ้อทันที กับเหตุผลที่ฝ่ายกบฎนิยมรัสเซียบอกกับสื่อฯว่า ข้อตกลงกรุงมินส์กไม่ได้ครอบคลุมถึงเมือง Debaltseve (Popasna อยู่ไม่ไกลจาก Debaltseve) โดยถามสื่อฯกลับไปว่าคุณเคยเห็นตรงไหนในสัญญามีคำว่า Debaltseve ด้วยไหม? แหม… เล่นเอาสื่อฯใบ้กินเลยอ่ะ หัวหน้ากลุ่มกบฎ DPR บอกว่าพื้นที่ๆพวกเขากำลังซัดกันอยู่ในขณะนี้อยู่นอกเหนือเขตบัฟเฟอร์โซนหรือเขตปลอดอาวุธหนักและเขตประกาศหยุดยิง เมื่อดูตามแผนที่ใน Google แล้วก็เป็นอย่างที่พี่แกพูดจริงๆอ่ะ
    อ้าวยุ่งหละสิคราวนี้ ทำไมมันเป็นอย่างนั้นหละครับ? ตำแหน่งที่เขากำลังต่อสู้กันในเขตเมือง Debaltseve อยู่ลึกเข้ามาเกือบจะถึงชายแดนรัสเซียเลยนะมันอยู่นอกเหนือเขตปลดอาวุธหนักซะด้วยสิ นี่แหละคือเหตุผลที่ไม่สามารถตำหนิฝ่ายกบฎได้ แล้วทำไมทหารรับเจ้างของยูเครนถึงรุกเข้ามาได้ลึกถึงขนาดนั้น ก็ไหนว่าฝ่ายกบฎรุกคืบไปได้มากขึ้นเรื่อยๆก่อนจะทำการตกลงหยุดยิงไม่ใช่รึ? อันนี้ก็ถูกอีกครับ ถ้าให้ผมวิเคราะห์นะ พวก PDR กับ LPR เขาได้วางแผนกันไว้แต่แรกแล้วว่าจะหลอกให้พวกทหารฝ่ายยูเครนหลงกลเข้ามาข้างในถิ่นของพวกกบฎนะสิ อันที่จริงข่าวนี้ออกมาตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วนะโดยสื่อฯฝั่งยูเครนโพนทะนาว่าทหารยูเครนรุกกลับยึดคืนพื้นที่ในเมือง Debaltseve เขายึดครองของกลุ่มกบฎได้แล้วเล่นเอาผู้นำประเทศยูเครนกับสหรัฐฯดีใจกันใหญ่ก็เลยพากกันส่งทหารยูเครนเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก
    แต่หารู้ไม่ว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นถูกพวกกลุ่มกบฎเขาจงใจให้เข้ามาเพราะเขาเหลือทางเล็กๆ ไว้ให้สำหรับเข้ามาได้เท่านั้น โดยทางเข้าจะเล็กๆเหมือนกับปากโลกโป่งหนะ แต่ตรงกลางจะอ้วนๆกว้างๆ พอทหารฝ่ายยูเครนเข้ามาข้างในแล้วพวก DPR ก็ปิดประตูตีแมวสิครับคราวนี้ โดยเลื่อนกองกำลังส่วนหนึ่งไปปิดถนนทางเข้าออกไว้ ยุ่งหละสิพวกจะมาส่งสะเบียงเพ่ิมก็ไม่ได้ พวกที่ติดอยู่ข้างในก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้สถานะของทหารยูเครน ณ เมือง Debaltseve ตอนนี้ก็คือตกอยู่ในวงล้อมของกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียไงครับ
    ถามว่าแล้วทำไมตอนที่ไปเจรจากตกลงทำสัญญาสงบศีกกันที่กรุงมินส์กนั้นถึงไม่มีใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาหละ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยหรือไง? ประธานาธิบดียูเครนจะไม่รู้เลยเชียวหรือว่าลูกน้องของตัวเองติดอยู่ในวงล้อมของข้าศึกหนะ? รู้สิครับ ก็เป็นคนออกคำสั่งให้พวกนั้นไปเองอ่ะทำไมจะไม่รู้ แล้วพวกหัวหน้ากลุ่ม DPR กับ LPR ทั้งสองคนที่ไปเซ็นต์ข้อตกลงกันนั้นไม่รู้เลยหรือถึงไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุมกัน ก็รู้อีกนั่นแหละ แต่เมื่อฝ่ายตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าอีกฝ่ายอ่ะ แล้วจะพูดทำไม
    ถ้าประธานานธิบดียูเครนรู้แล้ว แล้วทำไมถึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุมหละ? ให้เดานะครับ ก็เพราะคิดว่าหลังจากเซ็นต์สัญญากันแล้วจะยึดเอาตำแหน่งล่าสุดที่ทหารฝ่ายตนรุกเข้าไปได้นั้นเป็นแนวเส้นแบ่งใหม่นะสิ โดยกะจะใช้ตรงนี้แหละเป็นข้ออ้างในการบีบพวกกบฎให้ยอมจำนนและอ้างต่อนานาชาติได้ว่ากองกำลังฝ่ายรัฐบาลรุกไล่กลุ่มกบฎไปได้มากแล้ว โดยที่ยังหลงคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าฝ่ายกบฎอยู่นะ แล้วฝ่ายกบฎหละคิดยัง? ก็กะจะบีบให้ทหารรับเจ้าของยูเครนกลุ่มนี้ยอมแพ้และจับเป็นเชลยศึกไงโดยเอาไว้ต่อรองกับรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ก็เอาลูกปืนใหญ่กับหัวจรวดไปกินสิ ทหารยูเครนก็ฉลาด ก็ไปหลบอยู่ตามอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อให้ฝ่ายกบฎยิงถล่มใส่ถูกบ้านเรือนชาวบ้านให้มากที่สุดโดยที่ฝ่ายยูเครนไม่ต้องเสียกระสุนปืนใหญ่ในการทำลาย แต่ยิ่งนานวันความสูญเสียก็ยิ่งเกิดขึ้นแก่ทหารฝ่ายยูเครนที่ติดอยู่ในวงล้อมมากขึ้นเท่านั้น
    ตอนนี้พื้นที่ๆมีการสู้รบกันก็มีแต่ที่รอบเมือง Debaltseve นี้เท่านั้นที่อื่นหยุดหมดแล้ว และใครก็กล่าวโทษกลุ่มกบฎในจุดนี้ไม่ได้ซะด้วย เมื่อประธานาธิบดีของยูเครนพึ่งจะเข้าใจเองว่าลูกน้องของตัวเองกำลังเพรี่ยงพร้ำให้แก่ข้าศึกถ้าไม่รีบให้การช่วยเหลือออกมามีหวังตำแหน่งประธานาธิบดีคงจะหลุดลอยไปแน่ๆ เพราะจะขาดเสียงสนับสนุนมากทีเดียวเนื่องจากปล่อยให้ทหารของตัวเองตายไปต่อหน้า จึงรีบออกมาแถลงผ่านทีวีว่าทั่วประเทศว่าข้อตกลงกรุงมินส์กรวมถึงการพักรบที่ Debaltseve ด้วย กลุ่มกบฎก็สวนกลับทันทีเลยว่าตรงไหนในสัญญาหรือที่ว่าให้ทาง Debaltseve พักรบด้วยหนะ ประธานาธิบดีก็ไปฟ้อง OSCE และอียูอีกหละว่าทำอะไรซักอย่างสิพวกกบฎไม่รักษาสัญญานี่
    ฝ่ายทูต OSCE ก็บอกว่าจุดอื่นไม่มีปัญหา ยกเว้นที่เมือง Debaltseve ซึ่งไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปจะเหลือหรือ ก็ได้แต่พูดว่าพอเถอะ หยุดเถอะ หยุดได้แล้ว.... หันมาสันติกันเถอะ พวกกบฎก็บอกว่าไปบอกให้พวกทหารยูเครนที่ติดอยู่ข้างในนั้นยอมแพ้สิ แล้วทางนี้จะหยุดยิงเอง ตอนนี้ฝ่ายยูเครนที่ติดอยู่ข้างในถูกรุกหนักเข้าไปเรื่อยๆ แล้ว ส่วนฝรั่งเศสที่เป็นผู้แทนอียูในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงออกมาแถลงว่า โดยส่วนมากแล้วผลของการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก อ้าว! เอ้ยยยย งี้พวกกบฎกับปูตินก็มีเฮดิ ฮิ้ววววว ล่าสุดรายงานข่าวว่มีการรบกันที่เมือง Logvinovo ในเขตโดเนทส์กอีกแห่ง
    จบข่าวแต่เพียงเท่านี้นะครับ มีอีกหลายข่าวที่อยากจะนำมาเล่าให้ฟังต่อ แต่วันนี้ไม่ไหวแล้ว ง่วงผุดๆ
    ป.ล. คลิปการสู้รบที่เมือง Debaltseve หลังพักยกหยุดยิงตามข้อตกลงเจรจาสันติภาพได้สักพักก็ลุยกันต่อ สามารถดูได้จากลิงค์ของyoutubeที่ให้ไว้ข้างล่างนะครับ
    The Eyes
    16/02/2558
    ------------
    http://rt.com/news/232443-ukraine-donbass-semblance-peace/
    http://www.reuters.com/…/us-ukraine-crisis-idUSKBN0LH14T201…
    http://www.themoscowtimes.com/…/shelling-abrupt…/515925.html
    TASS: World - OSCE: сeasefire regime in eastern Ukraine has been generally observed in the past 12 hours
    http://www.telegraph.co.uk/…/Ukraine-crisis-two-civilians-k…
    BBC News - Ukraine crisis: Minsk ceasefire 'generally holding', say EU leaders
    BBC News - Ukraine crisis: Minsk ceasefire 'generally holding', say EU leaders
    https://www.youtube.com/watch?v=8uJtyNgc-3Q
    https://www.youtube.com/watch?v=ZxAAwHDFXO0
    https://www.youtube.com/watch?v=8D49LJoD4Cg
    https://www.youtube.com/watch?v=nuCflrkAiq8
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    ชาย 3 คนนี้ เขาแต่งงานกันเมื่อวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา..คือ เลือกยาก 1 ชาย 2 ชาย เลยเลือกทั้งคู่..ครอบครัวนี้มี 3 คนเบย...มีลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมืองเด้อ..จื๋ยยยย จักกะจี๊...เป็นไงล่าสาวๆ อายเขาไหมนั่น คว้าผู้ชายไปกิน 3 คนเบย..บุ๋งๆๆ ...จาบอกว่าตอนนี้อัตราส่วนผู้ชายดีๆ ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่ติดคุก ไม่พิการ ฯลฯ อยู่ที่ชายต่อหญิง 1 : 72 เท่านั้น..อัยย่ะ (^_^)
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทหารปฏิรูปประเทศไทย

    [​IMG]

    วันที่ 16 ก.พ.58 กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ฆ่าตัดหัว 21 คนงาน บีบผู้นำอียิปต์อย่าแตกแถว
    กลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ลงมือฆ่าตัดศีรษะคนงานชาวอียิปต์ นับถือศาสนาคริสต์นิกาย คอปติกออร์โธด็อกซ์ จำนวน 21 คน กระทำในดินแดนลิเบีย โดยกลุ่ม IS ฮอลีวู๊ด ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 5 นาที ผ่านทางเว็บไซต์ ฮายัต มีเดีย ซึ่งเป็นฝ่ายสื่อของกลุ่มไอซิส ในโลกออนไลน์
    แสดงให้เห็นนักโทษชายในชุดจั๊มสูทสีส้ม จำนวนหลายคน ถูกกลุ่มชายในชุดดำ สวมหมวกโม่งปิดบังใบหน้า นำตัวมาสังหารที่บริเวณชายหาดริมทะเล ใกล้กรุงตริโปลี เมืองหลวงลิเบีย
    สมาชิกกลุ่มไอซิสคนหนึ่งพูดเป็นภาษาอังกฤษ แนวดรามาว่า " ทะเลนี้คือทะเลที่ พวกท่านซ่อนร่างของโอซามา บิน ลาเดน เราขอสาบานต่อองค์พระอัลเลาะห์ ว่า พวกเราจะทำให้ทะเลนี้เปื้อนไปด้วยเลือดของพวกท่านด้วยเช่นกัน "
    ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ ระบุทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ประณามกลุ่มติดอาวุธรัฐ IS ลงมือฆ่าตัดศีรษะคนงานชาวอียิปต์ นับถือศาสนาคริสต์นิกาย คอปติกออร์โธด็อกซ์ และเตือนกลุ่ม IS ด้วยว่า ทางการอียิปต์มีสิทธิจะตอบโต้กับความเหี้ยมโหดในครั้งนี้อย่างสาสม พร้อมกับประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 7 วัน
    ญาติพี่น้องของคนงานชาวอียิปต์โศกเศร้าเมื่อได้ยินข่าวร้าย สื่อท้องถิ่นในลิเบีย รายงานว่า สมาชิกรัฐสภาลิเบียยืนยัน ได้เกิดเหตุการณ์สังหารคนงานชาวอียิปต์ในลิเบีย โดยคนงานเหล่านี้ได้ถูกกลุ่มติดอาวุธลักพาตัวจากเมือง Sirte ทางภาคตะวันออกของลิเบียไป
    ----------------------------------->
    ถ้าซื้อหวยที่ออกวันนี้ คงถูกรางวัลที่ 1 ถูกใบ มุกมะกันเขาจะไม่ค่อยคิดมุกใหม่ แต่จะใช้มุกเดิม คือ ถ้าประเทศใดเอาใจออกห่าง ก็จะโดนก่อการร้ายทันที ฝรั่งเศส โดนก่อการร้ายชาลีฮิบโดไปแล้ว ฐานออกมาให้ยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย ตำรวจสืบสวนตายปริศนาวันถัดมา
    จอร์แดนโดนเผานักบินในกรงไป ฐานเริ่มงอแงจะไม่ให้ใช้ฐานทัพอากาศ , นักข่าวอเมริกันตาย 3 คนรวด ฐานก่อตั้งบริษัทโปรดักชั่นจะรับข้อมูลรัสเซียมาแฉ กรณี 9/11 , เดนมาร์กเพิ่งตัดสินใจลอยค่าเงิน จึงโดนก่อการร้ายกราดยิงกว่า 200 นัด ตาย และเจ็บอื้อกลางเมือง
    อียิปต์ เพิ่งเจรจารับความช่วยเหลือจากรัสเซีย เรื่องการพัฒนานิวเคลียร์ทั้งระบบ และการจัดซื้ออาวุธจากรัสเซีย..ไม่ทันกี่วันโดนเลยตัดคอ 21 คนรวด..บอกเป็นนัยยะว่าเอ็งอย่าแตกแถวข้า
    งานนี้เรียกใช้บริการแกนนำ IS ฮอลีวู๊ดเจ้าเดิม คือ จอร์น ชาวอังกฤษ คนนี้จะออกมารับบทตัดคอ และเผาทุกครั้ง เพื่อหวังผล 2 ทาง คือ ขู่พันธมิตรมะกันที่คิดจะดังแล้วแยกวง และสร้างภาพให้ร้ายกลุ่ม IS ท้องถิ่น เพื่อให้มะกันและพันธมิตร มีความชอบธรรมเอาระเบิดไปทิ้ง เพื่อชิงดินแดน แหล่งน้ำมันจากซีเรีย และอิรัก
    จริงๆ แล้วอิทธิพลของ IS ยังไม่ได้ยึดเมืองใดๆ เลยสักเมืองในลิเบีย เพราะการรบเป็นความขัดแย้งของกลุ่มการเมือง 2 ฝ่าย ที่แย่งอำนาจกันหลังหมดยุคกัดดาฟี เท่านั้น งานนี้ลิเบีย ซวยอีกแล้ว โดนทิ้งระเบิดเป็นหมู่บ้านกระสุนตกแน่ และอียิปต์ก็แสนอึดอัดใจ !!
    งานนี้น่ากังวลใจในคิวต่อไป คือ กรีซ และ ตุรกี ว่าจะโดนอะไรอีกบ้าง..แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ในเมืองหลวงตุรกี มีประท้วง ยิงกันเละ !!
    @ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
    https://www.facebook.com/thailandcoup
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    กองทัพอากาศอียิปต์เปิดฉากถล่ม IS ด้วยเครื่องบินรบเพื่อแก้แค้นฆ่าตัดคอตัวประกันชาวอียิปต์ 21 ราย
    ----------------
    วันนี้ (16 ก.พ.58) สำนักข่าวต่างประเทศฝั่งรัสเซียรายงานว่ากองทัพอากาศใช้เครื่องบินรบเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้าย IS ในเมือง Derna ประเทศลิเบีย กองทัพอากาศของอียิปได้ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ในอียิปต์ยืนยันการโจมตีในตอนเช้ามืดของวันจันทร์โดยมีเป้าหมายอยู่ที่แคมป์ที่พักและสถานที่ฝึกอาวุธและคลังเก็บอาวุธของกลุ่ม IS ในลีเบียเป็นหลัก
    ส่วนผู้บัญชาการกองทัพอากาศของลิเบียกล่าวว่ามีกลุ่มก่อการร้าย IS ประมาณ 40-50 คนเสียชีวิตจากการโจมตีทิ้งระเบิดทางอากาศในครั้งนี้ ซึ่งในวันนี้จะมีการโจมตีทางอากาสอีกหลายรอบโดยความร่วมกันระหว่างรัฐบาลลิเบียกับอียิปต์ ก่อนหน้านี้หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิป IS สังหารฆ่าตัดคอตัวประกันชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาคริสต์จำนวน 21 คนผ่านทางเว็บไซต์แล้ว ประธานาธิบดีซิซีของอียิปต์กล่าวประณามการกระทำของพวก IS ในครั้งนี้และกล่าวว่าอียิปต์มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้ในสงครามและเวลาที่เหมาะสม
    เวลาไหนหละที่ว่าเหมาะสมหนะ? ก็เวลาที่รู้ตำแหน่งแน่ชัดว่าพวก IS ที่ก่อเหตุรวมตัวกันอยู่จุดไหนไงหละครับ ก็ประสานงานกับฝ่ายลีเบียแล้วก็รุมทิ้งระเบิดใส่รัง IS ซะเลย
    ป.ล. คลิปเครื่องบินรบของอียิปต์ออกจากฐานมุ่งหน้าโจมตีผู้ก่อการร้ายในลิเบีย
    https://www.youtube.com/watch?v=K730FctWJYM
    The Eyes
    --------------
    16/02/2558
    http://rt.com/news/232639-egypt-airforce-isis-targets/
    http://www.reuters.com/…/us-mideast-crisis-libya-egypt-idUS…
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เอบีนิวส์ทูเดย์ abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์

    ใครคือ “พวกสายกลาง” ที่วอชิงตันสนับสนุนในซีเรีย?
    เรื่องเด่นประเด็นร้อนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 16, 2015 51

    [​IMG]

    สหรัฐฯ ส่งเงินหลายร้อยล้านดอลล่าร์ให้พวกเขา และพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็กำลังให้การสนับสนุนพวกเขาอยู่ แต่ใครกันแน่ที่เป็น “พวกสายกลาง” ในซีเรีย และพวกเขาจะหลีกเลี่ยงการถูกดูดเข้าสู่ลัทธิสุดโต่งที่กำลังยึดที่มั่นอยู่ในตะวันออกกลางได้อีกนานแค่ไหน?

    ---
    @(ภาพ) นักรบ FSA เข้าที่กำบังจากการยิงของกองทัพซีเรีย ในตำบลอีซาอฺ เมืองอาลิปโป ซีเรีย เมื่อวันพุธที่ 12 กันยายน 2012
    ---
    ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประกาศทำ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” ไม่นานหลังเกิดเหตุการณ์ 11 กันยายน โดยใช้การกล่าวต่อที่ประชุมร่วมของสภาคองเกรสและประชาชนชาวอเมริกัน เพื่อเรียกร้องให้โลกอยู่ข้างอเมริกาหรือจะเผชิญหน้ากับผลสะท้อนที่จะตามมา เกือบ 14 ปีหลังจากนั้น ตะวันออกกลางและโลกยังคงเป็นสถานที่ที่อันตรายและไม่มั่นคงมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน

    “สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของเราเริ่มต้นกับอัล-กออิดะฮ์ แต่มันจะไม่จบแค่ที่นั่น” บุชกล่าว “มันจะไม่จบจนกว่ากลุ่มก่อการร้ายทั่วโลกจะถูกค้นพบ ถูกหยุด และถูกกำจัดไป”

    ขณะที่สหรัฐฯ มองการต่อสู้ส่วนใหญ่ของพวกเขาว่าเป็นความชอบธรรมและสมเหตุสมผล ยังมีคนอีกมากมายที่โต้แย้งว่าการก่อการร้ายและอิสลามสายสุดโต่งถูกใช้ให้เป็นเบี้ยในเกมที่มหาอำนาจยังคงเล่นต่อไป

    มัรวา อุสมาน นักวิเคราะห์การเมืองและอาจารย์บรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเลบานอนในกรุงเบรุต บอกกับสำนักข่าวว่า “ตะวันออกกลางได้พัฒนาเข้าสู่การต่อสู้ที่รุนแรงหลายลำดับ ความรุนแรงเช่นนั้นสามารถสืบกลับไปถึงสหรัฐฯ และนโยบายต่างประเทศที่ขาดความรับผิดชอบได้โดยตรง”

    “ข้อเท็จจริงง่ายๆ ที่กลุ่มต่างๆ เช่น ไอซิซ (รัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย) ในซีเรียมีความแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นการบอกกล่าวที่ชัดเจนเกี่ยวกับสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของอเมริกา หลายคนอาจจะกล่าวว่า การก่อการร้ายได้กลายเป็นเครื่องกำบังที่ให้ความสะดวกแก่ลัทธิจักรวรรดินิยม”

    แท้จริงแล้ว สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของอเมริกาได้ขยายออกไปไกลเกินกว่าที่ใครจะสามารถทำนายได้ จากชายหาดของลิเบียไปถึงปากีสถาน และทั่วทั้งซีเรีย อิรัก และเยเมน กองทัพสหรัฐฯ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับทุกฝ่ายที่ตัวเองได้ขึ้นป้ายไว้ว่าเป็นศัตรูของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีเรีย ที่ได้เป็นเวทีกลางสำหรับการต่อสู้ทางใจที่ขมขื่นและซับซ้อน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีการนำการสงครามแบบไม่สมมาตรมาใช้และใช้ในทางที่ผิดเพื่อเอื้อแก่ผลประโยชน์ทางภูมิศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯ เป็นการเลี้ยงกลุ่มหัวรุนแรงมากกว่าที่จะเป็นการทำลายมัน

    เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐฯ เข้าไปแทรกแซง ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม ผ่านความช่วยเหลือทางการทหารหรือการพัฒนาทางการทหาร ในปากีสถาน ลิเบีย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีเรีย การก่อการร้ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

    วิลเลียม อิงดาล นักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมืองผู้ได้รับรางวัล และที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์ ได้กล่าวกับนักข่าวเมื่อเดือนตุลาคม และเรียกยุทธศาสตร์ของอเมริกาในซีเรียและในวงกว้างของภูมิภาคว่าเป็นการตบตาทางการเมือง เขายืนยันว่าวอชิงตันเพียงแค่ใช้การก่อการร้ายมาเป็นอาวุธสงครามชิ้นใหม่เท่านั้น

    “พวกเขา (รัฐบาลสหรัฐฯ) ล้มซัดดัม ฮุซเซน ฮุสนี มุบารักในอียิปต์ พวกเขาก่อให้เกิดคลื่นการปฏิบัติอาหรับสปริงขึ้นทั่วโลกอาหรับเพื่อจัดการโครงการในภูมิภาคนี้ใหม่ทั้งหมดเพื่อความได้เปรียบในตำแหน่งทางการทหารของสหรัฐฯ เมื่อเผชิญหน้ากับจีนและรัสเซีย เป็นมูลฐานสำคัญ” อิงดาลบอกกับนักข่าว

    ถึงแม้จะมีคำเตือนมากมาย แต่การให้ทุนแก่ซีเรียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในเดือนมิถุนายน 2012 มีรายงานว่ากระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ จัดสรรเงิน 15 ล้านดอลล่าร์ เพื่อเป็น “ความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธ” ให้แก่กลุ่มต่อต้านในซีเรีย พร้อมกับให้เครื่องมือทางการทหารที่ประกอบไปด้วยปืนยาว ฐานยิงจรวดต่อต้านรถถัง และเครื่องกระสุนอื่นๆ

    ในเดือนเมษายน 2013 สหรัฐฯ ยืนยันว่าตั้งโครงการมูลค่า 70 ล้านดอลลลาร์ขึ้นในจอร์แดน “นั่นเป็นการฝึกซ้อมกองกำลังพิเศษของจอร์แดน เพื่อระบุและป้องกันที่ตั้งของอาวุธเคมีทั่วซีเรีย ในกรณีที่รัฐบาลล่มและฝ่ายกบฏอาจจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว” ตามที่มีรายงานใน The Economist ในเดือนเดียวกันนั้น คณะบริหารของโอบาม่ายังได้ให้สัญญาที่จะให้ความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธแก่ฝ่ายต่อต้านในซีเรียเพิ่มเป็นสองเท่า ทำให้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 250 ล้านดอลล่าร์

    กลุ่มแนวร่วมแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Coalition) ยืนยันในเดือนนี้ว่า กลุ่มตนได้รับเงิน 6 ล้านดอลล่าร์โดยตรงจากสหรัฐฯ เนื่องการความพยายามในการทำสงครามต่อต้านประธานาธิบดีบาชารฺ อัสซาด

    ขณะที่ตะวันออกกลางได้กลายเป็นตัวต่อที่กระจัดกระจายของวาระแห่งการต่อสู้และเกมทางการเมือง ซีเรียถูกปล่อยให้มอดไหม้ไปกับเปลวไฟของลัทธิสุดโต่งที่เผยแพร่โดยนักรบไอซิซ ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านที่สหรัฐฯ หนุนหลัง – ซึ่งวอชิงตันอ้างเอาเองว่าเป็น “พวกสายกลาง”- หาทางที่จะโค่นล้มการปกครองของอัสซาด

    สี่ปีที่เข้ามาอยู่ในขบวนการอาหรับสปริง รูปพรรณสัณฐาน มูลเหตุจูงใจ และเจตนารมณ์ของบรรดาผู้ที่วอชิงตันได้ร่วมต่อสู้ด้วยเพื่อล้มอัสซาด ยังคงถูกบดบังอยู่ในหมอกควัน คำถามหนึ่งยังคงรบกวนใจบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองอยู่ต่อไปก็คือ ใครคือ “พวกสายกลาง” ของซีเรียที่ว่านั้น เหมือนกับกองทัพปลดปล่อยซีเรีย (Free Syrian Army) ที่วอชิงตันได้ปล่อยเงินให้ไปหลายล้านดอลล่าร์หรือเปล่า?



    จิ๊กซอว์ซีเรีย

    ด้วยต้องการที่จะกล่าวซ้ำคำจารึกของเขาที่จะมองผ่านการโค่นล้ามอัสซาดในซีเรีย ประธานาธิบดีโอบาม่าได้อธิบาย “นโยบายสงคราม” ของอเมริกา –หรือบางคนอาจเรียกว่า กลอุบาย- ในซีเรียระหว่างการปิดการปราศรัยของเขาในที่ประชุมของนาโต้เมื่อเดือนกันยายน และในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า

    “ในอิรักและซีเรีย ผู้นำในอเมริกา รวมทั้งผู้มีอำนาจในทางทหารของเรา กำลังหยุดการรุกคืบของไอซิล แทนที่จะทำให้เกิดสงครามขึ้นอีกแห่งหนึ่งในตะวันออกกลาง เราจะนำไปสู่แนวร่วมที่กว้างขึ้น ประกอบไปด้วยชาติอาหรับต่างๆ เพื่อลดระดับและทำลายกลุ่มก่อการร้ายนี้ลงในที่สุด” โอบาม่ากล่าวในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 20 มกราคม

    “เรายังให้การสนับสนุนกับฝ่ายต่อต้านที่เป็นสายกลางในซีเรียด้วย ซึ่งจะช่วยเราได้ในความพยายามนี้ และช่วยเหลือประชาชนจากทุกแห่งที่เผชิญหน้ากับแนวคิดไร้ศีลธรรมของกลุ่มหัวรุนแรง… และข้าพเจ้าขอเรียกร้องต่อสภาคองเกรสแห่งนี้ให้แสดงให้โลกเห็นว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันในภารกิจนี้ ด้วยการผ่านมตินี้ เพื่อให้อำนาจในการใช้กำลังกับไอซิล”
    คำพูดของเขาระบุถึงการสนับสนุนของวอชิงตันต่อ “ฝ่ายต่อต้านสายกลางในซีเรีย” ทำให้เกิดการถกเถียงกันและเปิดทางไปสู่การแบ่งแยกขนานใหญ่

    ผ่านไปสี่ปีแล้วนับตั้งแต่ชาวซีเรียออกมาสู่ท้องถนนเพื่อเรียกร้องให้สิ้นสุดการปกครองของอัสซาด และกระแสทางการเมืองของประเทศกลับมืดดำและแปรเปลี่ยนได้ยากยิ่งขึ้น บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและสมาชิกสภาแห่งชาติซีเรีย (Syrian National Council – SNC) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เรียกร้องให้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรตะวันตกอื่นๆ ให้การสนับสนุนความพยายามในการปฏิวัติของพวกเขา ได้เคลื่อนเข้าสู่ความสับสนของวาระการต่อสู้ต่างๆ เสียงของพวกเขาจมไปด้วยเสียงกลองแห่งสงครามและความจริงทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    ขณะที่ SNC ใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนแปลงซีเรียจากระบอบประธานาธิบดีที่มีอำนาจเด็ดขาดมาเป็นรัฐพลเรือนสมัยใหม่ด้วยความราบรื่นเท่าที่สามารถเป็นไปได้ แต่อุดมคติเหล่านั้นถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยกองทหารอาสาสมัครในภาคสนาม ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายใต้ธงของกองทัพปลดปล่อยซีเรีย (Free Syrian Army) ที่ได้ต่อสู้แบบประจันหน้ากับกองกำลังติดอาวุธซีเรีย

    ถ้าเสียงเรียกร้องเพื่อเสรีภาพของซีเรียเมื่อปี 2011 ถูกเปล่งออกมาเพื่อให้บรรลุตามความใฝ่ฝันที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังนี้ ความรุนแรง การปราบปรามของรัฐ และฝ่ายต่อต้านติดอาวุธ ได้ชักนำการปฏิวัติของซีเรียเข้ามาสู่เส้นทางสายอันตรายเสียแล้ว ซึ่งลัทธิการแบ่งแยกนิกายและลัทธิสุดโต่งได้เพิ่มความมืดมัวเข้าไปอีกหลายชั้น

    “หลังจากสองปีแห่งการทำสงครามแบ่งแยกนิกายที่โหดร้ายและป่าเถื่อน ความวุ่นวายในซีเรียกลับยิ่งเพิ่มทัศนคติในการแบ่งแยกนิกายหนักยิ่งขึ้นในฝ่ายต่อต้านอัสซาดและการปกครองของเขา ซึ่งมีสมาชิกส่วนใหญ่มาจากนิกายอาลาวีที่เป็นชนกลุ่มน้อย” จามี เด็ตต์เมอร์ เขียนใน Daily Beast เมื่อเดือนกันยายน

    “พวกเขา (นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย) ถูกทำให้หวาดกลัวด้วยนักรบญิฮาดและความโหดร้ายของพวกเขาที่เพิ่มมากขึ้น มีความกังวลต่อความแข็งแกร่งของฝ่ายมุสลิมหัวรุนแรงในกลุ่มนักรบชนบทที่เป็นกำลังหลักของกองทหารอาสาสมัคร”


    ใครคือพวกสายกลาง?


    ---
    @(ภาพ) นักรบจากกองทัพปลดปล่อยซีเรีย (ซ้าย) และหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ด (YPG) (กลาง) รวมกำลังกันเพื่อต่อสู้กับกลุ่มนักรบของรัฐอิสลามในเมืองโคบานี ซีเรีย นักรบชาวเคิร์ดที่ได้รับการหนุนหลังด้วยการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ผลักดันกลุ่มรัฐอิสลามออกไปจากเมืองโคบานีของซีเรียได้เกือบทั้งหมดเมื่อวันจันทร์ที่ 26 มกราคม 2015 ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่สำหรับกลุ่มหัวรุนแรงที่หวังว่าจะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่กลับต้องตกอยู่ในการรุมล้อมที่นองเลือดและสิ้นเปลือง ที่ดูเหมือนใกล้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้
    ----


    “ผมคิดว่ามีความคิดที่ดีเยี่ยมอยู่ช่วงหนึ่งว่าใครคือพวกสายกลาง มีกลุ่มสายกลางจริงๆ ที่กำลังสนับสนุนการแก้ปัญหาของซีเรียแบบประชาธิปไตยด้วยการเจรจาอยู่ภายนอกซีเรีย พวกเขามีอำนาจโน้มน้าวภายในประเทศหรือเปล่าตอนนี้?” แกรี่ แกรปโปกล่าวกับสำนักข่าว เขาเป็นอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำโอมาส และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวอชิงตัน ซึ่งเป็นกลุ่มนโยบายตะวันอกกลางที่อยู่ในวอชิงตัน

    จากข้อมูลที่รวบรวมโดยศูนย์ต่อสู้กับการก่อการร้าย (Combating Terrorism Center) ของปี 2013 มีกลุ่มต่อต้านติดอาวุธประมาณ 1,200 กลุ่มในซีเรีย ที่มีอำนาจบังคับบัญชานักรบประมาณ 80,000 ถึง 320,000 คน “สภาทหารสูงสุดแห่งกองทัพปลดปล่อยซีเรีย(Supreme Military Council of the Free Syrian Army -SMC) ได้ให้ตัวเลขประมาณการณ์ของจำนวนนักรบทั้งหมดในกลุ่มตนที่ผันผวนอย่างมาก เมื่อเดือนมิถุนายน 2013 นายพลอิดริสอ้างว่าบัญชาการนักรบ 80,000 คน แต่หลายวันต่อมา ตัวแทนของ SMC ยืนยันว่าตัวเลขที่แท้จริงคือ 320,000 คน” รายงานดังกล่าวระบุ

    หลายกลุ่มเป็นกลุ่มเล็ก และปฏิบัติการอยู่ในระดับท้องถิ่น แต่ปรากฏตัวเลขเท่ากับกองกำลังที่แข็งแกร่งด้วยผู้เข้าร่วมทั่วประเทศ และจัดตั้งขึ้นเป็นพันธมิตรกับกลุ่มอื่นๆ ที่มีวาระร่วมกัน ในบรรดากลุ่มที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือกลุ่มสภาทหารสูงสุดแห่งกองทัพปลดปล่อยซีเรีย (SMC) ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าร่วมกับกลุ่มย่อยที่มีแนวคิดแบบ “มุสลิมหัวรุนแรง” ที่แข็งแกร่ง เช่น กองพลน้อยนักรบพลีชีพแห่งซีเรีย, กองพลน้อยพายุภาคเหนือ และกองพลน้อยอาห์ราร์ ซูรียา

    เอลิซาเบธ โอบากี เขียนในรายงานที่ส่งให้สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามเมื่อเดือนมีนาคม 2013 โดยอธิบายว่า SMC หรือที่เรียกว่า FSA มีสมาชิก 30 กลุ่ม แบ่งเป็นห้า “แนวร่วม” แต่ละแนวร่วมจะมี 6 กลุ่ม ในซีเรีย ได้แก่ ภาคเหนือ (อาลิปโป และอิดลิบ), ภาคตะวันออก (ร้อกกอ, ดีรอล-ซูรฺ และฮัซซากา), ภาคตะวันตก (ฮามา, ลาตาเกีย และทาร์ทุส), ภาคกลาง (ฮุมส์ และรัสตัน) และภาคใต้ (ดามัสกัส, ดารออฺ และสุวัยดา)

    ขณะที่ FSA พยายามที่จะยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้นำขบวนการที่โอบากีเรียกว่าเป็นแนวร่วมแบบหลวมๆ แต่ดูเหมือนจะชัดเจนว่ากองพลน้อยที่เป็นแนวร่วมกับ SMC หรือ SFA ยังคงรักษาอัตลักษณ์ วาระ และอำนาจบังคับบัญชาของตนไว้ บางส่วนทำงานร่วมกับกลุ่มที่มุสลิมเช่น อาห์ราร์ ชาม และกลุ่มนักรบญิฮาดที่มีความเชื่อมโยงกับอัล-กออิดะฮ์

    ทั้งๆ ที่มีคำถามมากกว่าคำตอบเกี่ยวกับคำว่า “พวกสายกลาง” แต่โอบาม่าก็ยังตั้งใจที่จะสูบฉีดเงินราวห้าร้อยล้านดอลล่าร์ไปในการเสริมอาวุธและฝึกฝนบรรดานักรบกบฏสายกลางที่กระทำการเพื่อขับไล่อัสซาด ผู้ซึ่งวอชิงตันระบุมานานแล้วว่าเป็นผู้นำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    อุสมาน ศาสตราจารย์ด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวว่า “ปัญหาก็คือ การจะทำให้กองทัพปลดปล่อยซีเรีย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มต่างๆ ที่กระจัดกระจายและไม่ถูกกัน มาเป็นกองกำลังที่มีความสามารถในการต่อสู้ไม่เฉพาะกับกองทัพของอัสซาด แต่กับไอซิซด้วยนั้น จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามในการทำสงครามอย่างยิ่ง ซึ่งต้องมากกว่าเงินไม่กี่ล้านดอลล่ารห์และการฝึกซ้อมทางการทหารอีกมากนัก” อุสมาสเป็นอาจารย์บรรยายสาขาวิชาการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และมุ่งเน้นเป็นพิเศษไปที่ขบวนการสุดโต่งในตะวันออกกลาง

    เธอกล่าวต่อไปว่า “FSA ขาดความสามัคคีทางการเมืองและการเป็นผู้นำ ที่อันตรายยิ่งกว่าก็คือ พวกเขาไม่สนใจอะไรเลยเกี่ยวกับประชาธิปไตย ความใฝ่ฝันของพวกเขาเป็นแนวเดียวกันกับไอซิซมากกว่าที่มหาอำนาจตะวันตกจะสนใจยอมรับ หรือเต็มใจยอมรับเรื่องนั้น”

    อับดู รูมานี นักเขียนบล็อกที่อยู่ในดามัสกัสกล่าวว่า การที่ซีเรียตกลงมาอยู่ภายใต้ลัทธิสุดโต่งก็เป็นเพราะตัวชาวซีเรียเอง ขณะที่กลุ่มต่างๆ พยายามที่จะส่งเสริมการได้อำนาจของตนเองแทนที่จะทำงานเพื่อความฝันที่จะมีอิสรภาพของชาวซีเรีย

    รูมานีได้อธิบายกับสำนักข่าวว่า ประเทศของเขาเกิดความวุ่นวายด้วยปัญหาของการแบ่งแยกทางนิกายและชาติพันธุ์ เพราะถูกทรยศจากผู้นำ SNC ที่ไม่มีคุณธรรม และในที่สุดนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงจาก “สายกลาง” เป็นปีกของสายสุดโต่ง

    “เรานิยามคำว่าพวกสายกลางในขณะนั้นจากความสามารถของพวกเขาในการริเริ่มวิสัยทัศน์ที่ดีกว่าภายหลังการปกครองของอัล-บาธในซีเรีย ซีเรียเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่ปี 2011 และการนิยามคำว่าพวกสายกลางของเราก็เปลี่ยนไปมากด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มนักรบญิฮาดหรือพวกแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด หลายคนอาจมองดูแนวร่วมแห่งชาติซีเรีย(Syrian National Coalition) และกองทัพปลดปล่อยซีเรีย(Free Syrian Army) ที่ตะวันตกหนุนหลังแล้วทึกทักเอาว่าคนเหล่านี้เป็นพวกสายกลาง แต่พวกเขาไม่ใช่” รูมานีกล่าว

    “ฝ่ายต่อต้านที่ตะวันตกหนุนหลังมีส่วนรับผิดชอบอย่างมากต่อการบิดเบือนแนวทางของขบวนการประท้วงในช่วงแรก และจึงทำให้มันล้มเหลว” รูมานีกล่าวเสริมถึงการเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของผู้ประท้วงแต่เริ่มแรกที่ถูกกลืนไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทำลายความหวังในการปฏิรูปประเทศไป

    “ขบวนการนั้นพบทางตันมานานก่อนที่รัฐบาลจะกดดันมัน มันจบไปตั้งแต่ที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่หันเข้าสู่ความรุนแรงทางการเมืองและลืมไปว่าทำไมพวกเขาจึงออกมาประท้วงกันในตอนแรก”

    สี่ปีในการปฏิวัติของซีเรีย ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า “พวกสายกลาง” ของซีเรียเป็นอะไรอื่นที่ไม่ใช่สายกลาง แต่ถึงกระนั้น ชาติประชาธิปไตยตะวันตกภายใต้การนำของอเมริกาก็ยังคงพากันสนับสนุนการต่อสู้ขับไล่อัสซาดของพวกเขาอยู่ ด้วยเหตุที่อัสซาดถูกชี้ตัวว่าเป็นเป้าหมายดั้งเดิม เงินหลายล้านดอลล่าร์จึงยังคงถูกอัดฉีดให้กับกองทหารอาสาฝ่ายกบฏของซีเรียต่อไป

    เหมือนอย่างที่ Dettmer เขียนไว้ว่า “ทหารอาสาส่วนใหญ่ที่มีรูปแบบการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จอย่างมากมายในการสู้รบกับไอซิซนั้น ไม่เป็นสายกลางตามมาตรฐานของตะวันตก ส่วนใหญ่เป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรงในระดับต่างๆ”



    ความผิดพลาดในอดีตและวาระแอบแฝง?

    เมื่อมองดูซีเรียต่อสู้กับอิสลามสายสุดโต่งแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ดึงไปเปรียบเทียบกับอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อทั้งคู่มีตัวประกอบเหมือนๆ กันคือ สหรัฐฯ และการก่อการร้ายประชาชนทั้งสองชาติได้เห็นเพื่อนร่วมชาติตกเป็นเหยื่อของลัทธิสุดโต่ง ถูกขายไปกับลัทธิก่อการร้ายที่ทำลายล้างชุมชนที่เคยหนาแน่น และทำลายทุกอย่างที่เป็นความสามัคคีในชาติที่พวกเขาเคยมีร่วมกัน และเพียงแค่บรรดาขุนศึกตกอยู่ภายใต้การโน้มน้าวของตาลีบันแห่งอัฟกานิสถาน พวกสายกลางของซีเรียก็เปลี่ยนความจงรักภักดีไปให้กับกลุ่มต่างๆ ที่มีแนวคิดไปในทางเดียวกันกับอัล-กออิดะฮ์เสียแล้ว

    “ด้วยการที่ไม่มีสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน หรือแนวคิดที่แน่นอนที่จะผูกพันกองพลน้อยของกองทัพปลดปล่อยซีเรียที่กระจัดกระจายให้แน่นแฟ้น บรรดานักรบจึงละทิ้งหน้าที่เพื่อไปเข้ากับคู่แข่งที่มีเงินทุนดีกว่าอย่างต่อเนื่อง เช่นจับฮาตุน-นุสรอ (แนวร่วมนุสรอ) และไอซิซ คู่ปรับของมัน” รูมานีกล่าวเน้น

    ลีธ ฟาเดล นักหนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวอัล-มัสดาร์ นิวส์ รายงานเมื่อ 9 มกราคมว่า นักรบปลดปล่อยซีเรีย 3,000 คน ละทิ้งหน้าที่หันไปหาไอซิซ ฟาเดลยังกล่าวถึงความเสียหายของกลุ่มย่อยต่างๆ ในกองทัพปลดปล่อยซีเรีย ซึ่งเลือกที่จะแยกทางกับกลุ่มต่อต้านนี้

    โทนี่ คาร์ทาลุชชี่ นักวิเคราะห์ภูมิศาสตร์การเมือง ได้เขียนในรายงานของ New Eastern Outlook เดือนนี้ว่า
    “มีรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า ‘กบฏสายกลาง’ ประมาณ 3,000 คนของ ‘กองทัพปลดปล่อยซีเรีย’ ได้หันไปเข้ากับ ‘รัฐอิสลาม’(ไอซิซ) แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ ‘พวกสายกลาง’ ได้ข้ามไปหาอัล-กออิดะฮ์ หรือไอซิซ อย่างเปิดเผย แต่มันเป็นครั้งหนึ่งของการข้ามไปที่มีจำนวนมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้น

    นักรบเหล่านี้จะนำเอาอาวุธ เงินสด อุปกรณ์ การฝึกซ้อมไปกับพวกเขาด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้มาจากซาอุดิอารเบีย กาตาร์ สหรัฐฯ อังกฤษ และบางทีที่น่าเย้ยหยันที่สุดหลังการโจมตีก่อการร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นในปารีส ก็คือฝรั่งเศส ที่จริงแล้ว แนวรบของไอซิซและอัล-กออิดะฮ์ขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเครือข่ายของ “การกวาดล้างการก่อการร้าย” ที่มีเล่ห์เหลี่ยมนี้ ซึ่งมีแต่จะทำให้มันเจริญเติบโตขึ้นเท่านั้น”

    ลักษณะที่เหมือนกันระหว่างซีเรียและอัฟกานิสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนผู้สนับสนุนที่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นของอิสลามสายสุดโต่ง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคน รวมทั้งวิลเลียม อิงดาล ตั้งคำถามถึงจุดมุ่งหมายของวอชิงตันในภูมิภาคนี้ อิงดาลได้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่า สงครามต่อต้านการก่อการร้ายของอเมริกา ที่แท้แล้วอาจจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานแบบจักรวรรดินิยมของอเมริกาในตะวันออกกลางก็ได้

    “รายละเอียดที่รั่วไหลออกมาทำให้เข้าใจว่า ไอซิซ และ ‘ความแปรปรวน’ ทางทหารที่สำคัญในอิรัก –และในซีเรียประเทศเพื่อนบ้าน- ถูกกำหนดและควบคุมมาจากกองประจำการของซีไอเอและเพนตากอนในแลงลีย์ เวอร์จีเนีย และที่อื่นๆ เพื่อให้เป็นเวทีถัดไปในการแพร่กระจายความสับสนวุ่นวายในรัฐที่มีน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก นั่นก็คืออิรัก รวมถึงเพื่อความพยายามที่จะสร้างความอ่อนแอให้กับเสถียรภาพของซีเรียในปัจจุบัน” อิงดาลเขียนเมื่อเดือนมิถุนายน

    อย่างไรก็ตาม แกรปโป อดีตเอกอัครราชทูตสหัฐฯ ประจำโอมาน ไม่เห็นด้วย เขายืนยันว่าข้อกล่าวหาเกี่ยวกับข้อตกลงแอบแฝงและปฏิบัติการมืดเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาที่เชื่อถือได้ และเขายืนกรานว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ให้เงินทุนกับพวกสุดโต่งทั้งๆ ที่รู้ เพื่อแสดงเจตนาทางการเมืองของตนในดามัสกัส โดยเขาได้บอกกับสำนักข่าวว่า

    “มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือน้อยมากที่จะสนับสนุนการกล่าวอ้างนั้น (ว่าวอชิงตันกำลังใช้การก่อการร้ายมาเป็นอาวุธที่ไม่สมมาตรในสงคราม) การเผยแพร่ของคณะกรรมมาธิการตรวจสอบของสภาคองเกรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมีรายงานเรื่องการทรมาน รวมทั้งการสนับสนุนอันน้อยนิด ทำให้แม้แต่พวกสายกลางในที่นี้ ก็ยากมากที่จะเชื่อการกล่าวอ้างเช่นนี้”

    ทว่าแกรปโปก็ยอมรับว่ามีความผิดพลาดทางยุทธวิธีและความพลั้งเผลอเกิดขึ้น “อาวุธ และ/หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ส่งให้กับพวกสายกลาง กลับไปตกอยู่ในมือกลุ่มอื่นโดยผ่านการปฏิบัติงานที่หละหลวม พวกสายกลางเก่าที่ได้หันไปเข้ากับกลุ่มหัวรุนแรงในภายหลัง หรือการจัดการที่ไม่ชำนาญของผู้ประสานงานของพวกสายกลางก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น แต่น่าจะเป็นอย่างนั้น” เขาระบุ

    “คำว่า ‘ความก้าวหน้าทางการเมือง” มันอ่อนและล้าสมัย แนวทางปฏิบัติ (ที่คงอยู่ได้แม้จะเสี่ยง) สำหรับสหรัฐฯ ก็คือการสนับสนุนพวกสายกลาง ซึ่งมันไม่ได้ทำอย่างมีประสิทธิภาพเลยจนถึงปัจจุบัน ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่สมเหตุสมผลอื่นใดอีกแล้วต่อการดำเนินการตามนโยบายสหรัฐฯ”

    ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ยังคงถกเถียงกันด้วยข้อกล่าวหาและตอบโต้ข้อกล่าวหา การหมุนดิ่งลงและความยุ่งเหยิงของซีเรียก็ดำเนินต่อไป มันยังคงเปิดให้มีการถกเถียงกันว่า ใครที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการโอนอำนาจให้นี้





    By Catherine Shakdam

    Source MintPress News | Independent, non-partisan journalism

    แปลเรียบเรียง กองบก.เอบีนิวส์ทูเดย์

    ใครคือ “พวกสายกลาง” ที่วอชิงตันสนับสนุนในซีเรีย? | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เอบีนิวส์ทูเดย์ abnewstoday | เอบีนิวส์ทูเดย์

    ซัลมาน รุชดี ผู้ตกอยู่ในร่มเงาแห่งความตาย
    บทความby อิบรอฮีม อาแว - ก.พ. 15, 2015 123

    [​IMG]

    14 กุมภาพันธ์ 1989 (พ.ศ. 2532) เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ได้มีการจารึกในคำฟัตวาครั้งประวัติศาสตร์ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) หลังจากที่ท่านได้มีคำฟัตวา ให้สังหาร ลมาน รุชดี ผู้แต่งหนังสือเรื่อง วิวรณ์แห่งซาตาน(The Satanic Verses) ซึ่งปีนี้ ครบรอบ 26 ปี คำฟัตวาอันเป็นอมตะของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ)

    เลี้ยวมองประวัติของ ซัลมาน รุชดี

    ชื่อเติม คือ Sir Ahmed Salman Rushdie กำเนิด 19 มิถุนายน 1947 นักเขียนชาวอังกฤษ เชื้อสายอินเดีย มีภูมิหลังจากครอบครัวของมุสลิม และศึกษาในมหาวิทยาลัยแคมบริจญ์ อังกฤษ และปัจจุบันถือสัญญาติอังกฤษ ได้รับรางวัลบุคเคอร์ไพรซ์ จากผลงานเขียนชิ้นที่สอง เมื่อ พ.ศ. 2524 บิดาของเขาเป็นนักธุรกิจ

    ผลงานชิ้นที่สี่ของเขา คือ The Satanic Verses โดยที่หนังสือดังกล่าวถูกสั่งห้ามจำหน่ายในประเทศอิหร่าน อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ อียิปต์และบางประเทศในแอฟริกาใต้

    การถือกำเนิดของรุชดี ที่เมืองบอมเบย์นั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร เขาได้เดินทางศึกษาต่อในประเทศอังกฤษ เมื่ออายุได้ประมาณ 13 ปี และก็ได้พำนักอาศัยในอังกฤษตลอดมา แต่ทว่าหลังจากนั้นก็ได้เดินทางพำนักอาศัยในประเทศสหรัฐอเมริกา

    ทันทีที่เอ่ยชื่อ ซัลมาน รุชดี จะทำให้พี่น้องนึกถึงสองเรื่องหลักที่สำคัญในทันที ประการแรก คือ หนังสือ โองการปีศาจของเขา และประการที่สอง คำฟัตวาอันอมตะของท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ที่สั่งให้ฆ่าสังหารรุชดี

    ก่อนหน้าหนังสือ โองการปีศาจ รุชดี ได้ประพันธ์หนังสือมาแล้วสี่เล่ม แต่ไม่เป็นที่รู้จักมากหนัก

    สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งของยิวไซออนิสต์ ยืนข้อเสนอให้เขา ประพันธ์หนังสือดังกล่าว ด้วยค่าตอบแทน 850000 ปอนด์ ในที่สุดเขารับข้อตกลงดังกล่าวและประพันธ์หนังสือ โองการปีศาจ แล้วเมื่อเดือน ตุลาคม ปี 1988 จำนวน 574 หน้า ซึ่งมีการตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศอังกฤษ โดยสำนักพิมพ์เพนกวิน ลอนดอน และจากนั้นมาเป็นหนังสือที่ฮือฮาและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก

    ตัวบทของคำฟัตวา

    หลังจากที่หนังสือโองการปีศาจวางจำหน่าย ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ได้เล็งเห็นถึงอันตรายของหนังสือเล่มนี้ จึงออกคำฟัตวา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1989 ซึ่งคำฟัตวาของท่านเหมือนกับโองการแรกของซูเราะห์ บารออัต ที่ไม่มีกล่าวบิสสลาห์

    คำฟัตวาของท่านมีดังนี้


    انا لله و انا الیه راجعون

    “เรามาจากพระองค์และ ณ พระองค์ที่เราจะคืนกลับไป

    ข้าพเจ้าขอแจ้งไปยังบรรดามุสลิมผู้มีหัวใจที่ห้าวหาญทั้งหลายว่า ผู้แต่งหนังสือเรื่อง วิวรณ์แห่งซาตาน(The Satanic Verses), ผู้พิมพ์ข้อความ, ผู้ตรวจทาน, และผู้ตีพิมพ์หนังสือต่อต้านอิสลาม, ต่อต้านศาสดาแห่งอิสลามและพระมหาคัมภีร์อัล-กุรอาน ตลอดจนกองบรรณาธิการการและสำนักพิมพ์ที่รับรู้และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ เขาเหล่านั้นมีโทษต้องถูกประหาร

    ข้าพเจ้าขอเรียกร้องไปยังบรรดามุสลิมผู้ห้าวหาญทั้งหลาย ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ ณ แห่งหนใดก็ตาม จงทำการสังหารบุคคลเหล่านั้นโดยอย่าได้รั้งรอ เพื่อว่าจะได้ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะทำการดูหมิ่นต่อความศรัทธาอันมิอาจล่วงเกินได้ของบรรดามุสลิมนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และผู้ใดที่กลับถูกสังหารด้วยสาเหตุนี้ สถานะของเขาคือ ชะฮีด อินชาอัลลอฮฺ(หากพระองค์ทรงประสงค์) และในขณะเดียวกันถ้ามีผู้ใดที่สามารถเข้าถึงตัวผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ แต่ไม่สามารถที่จะทำการสังหารเขาได้ จงแจ้งข่าวนี้ไปยังบุคคลอื่นเพื่อให้(รุชดี)ได้ถูกลงโทษในสิ่งที่เขาได้กระทำไว้

    (รูฮุลลอฮฺ อัล-มูซาวี อัล-โคมัยนี)”



    ในวันนั้นเมื่อท่าน อิมามโคมัยนีได้ออกคำฟัตวาสั่งประหารชีวิต “ซัลมาน รุชดี” ผู้เขียนหนังสือ “อายาตุชชัยตอน” ทั่วโลกต่างขานรับคำฟัตวานี้ของอิมามโคมามโคมัยนี (รฎ.) โดยเฉพาะในอินเดีย พี่น้องมุสลิมชาวอินเดียได้ออกมาเดินประท้วงกันอย่างมากมายเป็นปรากฏการ ความเป็นเอกภาพที่ยิ่งใหญ่ระหว่างมุสลิมก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    ในวันนั้นได้มีผู้สื่อข่าวหนึ่งได้สำภาษณ์ผู้เดินประท้วงมุสลิมคนหนึ่ง ถึงเหตุผลในการออกมาเดินประท้วงเพื่อขานรับคำฟัตวาของอิมามโคมัยนี (รฎ.) มุสลิมคนนั้นได้ตอบว่า “วันนี้ท่านอิมามโคมัยนี คือธงแห่งการพิทักษ์ศาสดามุฮัมมัด (ศ) และนี่คือหน้าที่ของมวลมุสลิมทั่วโลก ที่จะต้องขานรับคำฟัตวาของอิมามโคมัยนี การขานรับคำฟัตวาของอิมามโคมัยนี คือการปกป้องเกียรติยศของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ)



    เหตุการณ์สำคัญ ช่วง ค.ศ. 1988-1989 (พ.ศ.2531-2532)

    ใน พ.ศ. 2531 The Satanic verses ได้รับรางวัล Whitbread prize หลังถูกตีพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เพนกวิน ลอนดอน ต่อมาถูกยับยั้งพิมพ์โดยอินเดีย ปากีสถาน และแอฟริกาใต้ (ภายใต้การทำงานของ เชค อะฮฺมัด ดีดาต) และประเทศอิสลามอื่นๆเกือบทั่วโลก จึงมีการส่งทอดไปยังสำนักพิมพ์อีกแห่งในอเมริกาคือ สำนักพิมพ์ไวกิ้ง จนในปี 2532 ถูกขู่วางระเบิด และปิดทำการไป แต่ก็ยังมีการพิมพ์ต่ออย่างลับๆ ด้วยการสนับสนุนของยิว และ ประเทศตะวันตก

    14 มกราคม ปี พ.ศ. 2532 มุสลิมในเมืองแบรดฟอร์ด เมืองทางตอนเหนืออังกฤษเดินประท้วง เผาหนังสือ และเรียกร้องให้ขจัดหนังสือเล่มนี้

    14 กุมภาพันธ์ ท่านอิมาม โคมัยนี ผู้นำโลกชีอะฮ์ของอิหร่าน เรียกร้องให้มุสลิมประหารซัลมาน รุชดี ส่งผลให้ผู้พิมพ์ ซัลมาน และ ภรรยา ต้องหลบซ่อนตัวจนถึงวันนี้

    ปี ค.ศ. 2007 ได้รับยศอัศวิน(Sir) จาก Queen Elizabeth ll แห่งอังกฤษ



    ชีวิตภายใต้ร่มเงาแห่งความตาย

    หลังจากที่ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ออกคำฟัตวาสั่งฆ่ารุชดี และพี่น้องมุสลิมทั่วโลกขานรับคำฟัตวาดังกล่าว กระทรวงมหาดไทยอังกฤษ ก็ได้ออกมารับผิดชอบในการดูแลรักษาคุ้มครองความปลอดภัยให้กับรุชดี รุชดี ต้องหลบซ่อนเป็นเวลาหลายสิบปี และทำให้รุชดี ต้องประสบความภาวะจิตหลอน และภรรยาของเขาก็ได้หย่าร้างหนีจากเขาไป

    หนังสือพิมพ์ ไทมส์ รายงานในวันครบรอบปีแห่งคำฟัตวาอันอมตะของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ว่า สำนักพิมพ์เพนกวิน ลอนดอน ต้องใช้งบประมาณนับล้านดอลลาร์ ในการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยแก่รุชดี

    รุชดี ทำหน้าที่แทนนักบูรพาคดีได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งแค่ชื่อหนังสือก็กระทบกระทั่งจิตใจของชาวมุสลิมจนถึงวันนี้ อีกทั้งเป็นที่มาในการดูหมิ่นศาสดาและศาสนาอิสลามที่เราเห็นในวันนี้

    ซัลมาน รุชดี ผู้ตกอยู่ในร่มเงาแห่งความตาย | abnewstoday
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นักการศาสนา“อัลอัซฮัร” ย้ำ ไอซิสคือกลุ่มก่อการร้าย ไม่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องใดกับศาสนาอิสลาม ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 15, 2015 89

    [​IMG]

    รองเชคคุล อัซฮัร เผยว่า กลุ่มก่อการร้ายไอซิส คือคอวาริจญ์แห่งยุคสมัย และเรียกร้องนานาชาติให้มีการปราบปรามกำจัดกลุ่มก่อการร้ายไอซิสอย่างจริงจัง

    ALLAM – อับบาส เชามาน รองเชคคุลอัซฮัซ กล่าวว่า ไอซิส คือกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องใดๆกับศาสนาอิสลาม หลักคำสอนแห่งฟากฟ้าและหลักมนุษย์ธรรม

    เชามาน กล่าวย้ำว่า กลุ่มไอซิสทำการบิดเบือนหลักคำสอนอิสลามเพื่อสร้างความชอบธรรมในการก่ออาชญากรรมที่เลวร้าย

    เชามาน ยังได้เรียกร้อง ประชาชาติอิสลาม และประเทศอิสลามทั้งหลายให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับการรุกรานและภัยคุกคามของไอซิส เพราะการลุกขึ้นต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสซึ่งเป็นคอวาริจญ์แห่งยุคสมัยนั้น ถือเป็นสิ่งจำเป็นตามหลักชะรีอะห์ ไอซิสคือผู้ทำลายภาพลักษณ์ของอิสลาม อีกทั้งเป็นการประกาศศัตรูกับพระองค์ ท่านศาสดาทูตและประชาชาติอิสลาม

    รองเชคคุลอัซฮัร กล่าวเสริมว่า พี่น้องมุสลิมทุกคน จำต้องอาศัยอาวุธทั้งทางทหารและศาสนา มาใช้อย่างเต็มที่ในการต่อสู้และปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิส และอย่าได้กลัวในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายนี้

    ท่านได้ชี้ถึงบุคคลที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ว่า สำหรับบุคคลที่ให้การสนับสนุนกลุ่อก่อการร้ายไอซิส นั้นเราต้องปฏิบัติเหมือนกับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่จะต้องให้เขาได้รับบทเรียนและบทลงโทษอย่างสาสม สถาบันศาสนาอิสลามต่างๆในประเทศอิสลาม จำต้องมีการนำเสนอหลักคำสอนอันบริสุทธิ์เพื่อสามารถสกัดกั้นแนวคิดของไอซิส

    เชามาน ได้ชี้ถึงเหตุการณ์เผานักบินจอร์แดนว่า เป็นการกระทำที่เหี้ยมโหดผิดมนุษย์ ขณะที่ศาสนาอิสลามสั่งห้ามการสังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งในสนามสงครามอิสลามก็ยังไม่อนุญาตให้มีการเผาเชลยอีกด้วย

    เขายังได้ประณามเหตุการณ์เผานักบินจอร์แดน พร้อมกับเรียกร้องให้มีการต่อสู้อย่างจริงจังกับกลุ่มผู้สร้างความเสียหายบนหน้าแผ่นดิน และปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิให้หมดสิ้นลง

    นักการศาสนา“อัลอัซฮัร” ย้ำ ไอซิสคือกลุ่มก่อการร้าย ไม่มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องใดกั
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทำไมซาจิดา อัล-ริชาวี จึงมีความสำคัญต่อไอซิซ?
    ตะวันออกกลางby เอบีนิวส์ทูเดย์ - ก.พ. 14, 2015 438

    [​IMG]

    (ภาพ) ซาจิดา อัล-ริชาวี ชาวอิรัก ยืนอยู่ในศาลทหารที่คุกจูวัยดา ในกรุงอัมมาน ในแฟ้มภาพวันที่24 เมษายน 2006 นี้ (รอยเตอร์)

    alarabiya – จอร์แดนได้ประหารชีวิตซาจิดา อัล-ริชาวี นักรบหญิงชาวอิรักที่ถูกขัง ซึ่งไอซิซเรียกร้องให้ปล่อยตัวเธอ

    การประหารชีวิตเกิดขึ้นเพื่อเป็นการตอบโต้ที่ไอซิซได้สังหารนักบินชาวจอร์แดนชื่อมูอัซ อัล-คัสซัสเบห์ ซึ่งการเสียชีวิตของเขาถูกประกาศเมื่อวันอังคาร ริชาวี ซึ่งเกือบจะเป็นมือระเบิด ถูกลงโทษประหารชีวิตเนื่องจากเธอได้เข้าร่วมในการโจมตีครั้งรุนแรงในกรุงอัมมานเมื่อปี 2005 และไอซิซเสนอที่จะไว้ชีวิตคัสซัสเบห์ ถ้าหากเธอได้รับการปล่อยตัว

    แต่ในวิดีโอที่เผยแพร่ ไอซิซแสดงภาพคัสซัสเบห์ที่กำลังถูกเผาทั้งเป็น

    พร้อมกับริชาวี ทางการจอร์แดนยังได้ประหารชีวิตนักโทษอาวุโสของอัล-กออีดะฮ์อีกหนึ่งคน ที่ถูกตัดสินประหารชีวิตเนื่องจากวางแผนที่จะโจมตีจอร์แดนเมื่อสิบปีที่แล้ว

    แต่ทว่า ทำไมริชาวีจึงมีความสำคัญต่อไอซิซถึงเพียงนั้น?

    ในการออกอากาศของสถานีวิทยุอัล-บายาน ซึ่งถ่ายทอดในพื้นที่ที่กลุ่มดังกล่าวควบคุมอยู่ ไอซิซพูดถึงริชาวีว่าเป็น “พี่น้องหญิงของเรา” โดยขอให้ปล่อยตัวเธอเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับอิสรภาพของเคนจิ โกโตะ ตัวประกันชาวญี่ปุ่นที่ถูกกลุ่มนักรบจับตัวไว้ แต่ไอซิซได้ประกาศการเสียชีวิตของเขาในภายหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    เสียงในการออกอากาศของไอซิซ แสดงการเรียกร้องใหม่ให้ปล่อยตัวริชาวี โดยกล่าวว่า นักรบจะไม่เรียกร้องเงินเพื่อรักษาชีวิตของโกโตะอีกต่อไป แต่ต้องการให้ปล่อยตัว “พี่น้องหญิงของพวกเขา”

    หลังจากที่เธอถูกจับกุมในปี 2005 ริชาวีปรากฏตัวทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ โดยสารภาพว่าเธอได้เข้าร่วมในปฏิบัติการก่อการร้าย

    “สามีของฉันกดระเบิดของเขา และฉันก็พยายามกดระเบิดของฉัน แต่มันไม่ทำงาน” ริชาวีกล่าว ในการสารภาพทางโทรทัศน์ ที่ซีเอ็นเอ็นรายงาน

    เธอกล่าวว่า เธอเป็นชาวอิรักที่ถูกส่งมาจอร์แดนเพื่อมีเป้าหมายยังโรงแรมในอัมมานเมื่อปี 2006 เธอถูกตัดสินประหารชีวิต แต่นโยบายที่ประกาศใช้ในภายหลังของปีนั้นได้ระงับโทษประหารชีวิตเอาไว้

    ในการสารภาพ ริชาวีกล่าวว่า “สามีของฉันเป็นคนจัดการทุกอย่าง”

    การระเบิดในกรุงอัมมานเป็นคำสั่งของอาบู มูซับ อัล-ซัรกอวี แกนนำอัล-กออิดะฮ์ในอิรัก ที่ถูกสังหารในการจู่โจมทางอากาศของสหรัฐฯ ที่นั่นในเดือนมิถุนายน 2006

    กลุ่มของเขาเป็นกลุ่มที่มาก่อนไอซิซ และพี่ชายของริชาวีที่ชื่อ ซามิร อัตรัส อัล-ริชาวี ซึ่งถูกสังหารในอิรักด้วยเช่นกัน เป็นทหารคนหนึ่งของซัรกอวี

    หลังจากที่ไอซิซได้เรียกร้องให้รัฐบาลจอร์แดนปล่อยตัวริชาวี เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวคัสซัสเบห์ จอร์แดนขอหลักฐานที่พิสูจน์ว่านักบินคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนใดๆ

    จอร์แดนกำลังเข้าร่วมในการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอซิซในซีเรียที่นำโดยสหรัฐฯ ร่วมกับประเทศอาหรับอื่นๆ อีกหลายชาติ และกองกำลังติดอาวุธของจอร์แดนประกาศว่าจะแก้แค้นกับการสังหารนักบิน

    ทำไมซาจิดา อัล-ริชาวี จึงมีความสำคัญต่อไอซิซ? | abnewstoday
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผวา! แฮกเกอร์สุดแสบ ขโมยเงินธนาคารใน 25 ประเทศ กว่า 3 หมื่นล้าน
    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ก.พ. 2558 16:07

    [​IMG]

    เผยรายงานใหม่... เหล่าอาชญากรในโลกไซเบอร์ โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารกว่า 100 แห่งใน 25 ประเทศ ทั่วโลก ขโมยเงินมหาศาลจากธนาคาร ไปได้กว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ชี้แฮกเกอร์เหล่านี้มีทั้งชาวรัสเซีย, ยูเครน, จีน และยุโรป

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างข้อมูลของบริษัทความปลอดภัยด้านอินเทอร์เน็ต ‘คาสเปอร์สกาย แล็บ’ (Kaspersky Lab) ซึ่งได้เสนอรายงานใหม่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.พ. ว่า มีเหล่าแฮกเกอร์ได้เข้าโจมตีระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของธนาคารในต่างประเทศกว่า 25 ประเทศ รวมทั้งในสหรัฐฯ จนสามารถขโมยเงินในบัญชีธนาคารของลูกค้าไปได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือร่วม 32,000 ล้านบาท

    บริษัท คาสเปอร์สกาย แล็บ ชี้ว่า มีธนาคารมากกว่า 100 แห่งที่ถูกแฮกเกอร์ เข้ามาขโมยเงินจากบัญชี โดยธนาคารแต่ละแห่ง จะโดนขโมยเงินมากน้อยแตกต่างกันไป เฉลี่ยแล้วประมาณธนาคารละ 2.5 ล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 10 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมแล้วทำให้ต้องสูญเสียเงินให้กับแฮกเกอร์ไปมหาศาลถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ จนต้องถือเป็นความสำเร็จของเหล่าอาญชากรในโลกไซเบอร์เท่าที่บริษัทเคยเห็นมาเลยทีเดียว

    ขณะเดียวกัน ตามรายงานของ บริษัทความปลอดภัยด้านอินเทอร์เน็ตยังชี้ว่า แฮกเกอร์ที่เข้ามาขโมยเงินในธนาคารต่างชาติ มีทั้งชาวรัสเซีย, ชาวยูเครน, ชาวจีนและชาวยุโรป ขณะที่มีธนาคารในต่างประเทศ ถึง 25 ประเทศ รวมทั้งสหรัฐฯ ที่โดนแฮกเกอร์เข้ามาขโมยเงินไป เพียงแต่ไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อธนาคารที่โดนแฮกให้สาธารณะชนได้รับทราบ

    คาสเปอร์สกาย แล็บ รายงานด้วยว่า แฮกเกอร์ได้ใช้โปรแกรม มัลแวร์ ที่เรียกว่า ‘คาร์บาแน็ก’ ในการโจมตีระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ทำให้เสียหาย ซึ่งหลังจากโจมตีระบบคอมพิวเตอร์แล้ว แฮกเกอร์จะซุ่มอยู่ประมาณ 2-4 เดือน ก่อนจะลงมือโจมตีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนบัญชี และโอนเงินเข้าบัญชีของพวกตน รวมทั้งถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม โดยให้สมาชิกในแก๊งไปคอยยืนอยู่ด้านข้างตู้เอทีเอ็มเพื่อเก็บเงิน

    นอกจากนั้น โปรแกรมมัลแวร์ คาร์บาแน็กนี้ ยังสามารถทำให้บรรดาแฮกเกอร์สามารถดูพนักงานธนาคารทำธุรกรรมทางการเงินให้แก่ลูกค้าได้อย่างละเอียด ‘มัลแวร์นี้ทำให้พวกเขาเห็นและบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของพนักงานธนาคารในระบบโอนเงิน’ คาสเปอร์สกาย แล็บ รายงาน

    ผวา! แฮกเกอร์สุดแสบ ขโมยเงินธนาคารใน 25 ประเทศ กว่า 3 หมื่นล้าน - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กบฏยูเครนยันไม่ถอนอาวุธ จนกว่าจะ “หยุดยิงโดยสมบูรณ์”
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 19:01 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี – กลุ่มกบฏโปรรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน ระบุวันนี้ (16) ว่า พวกเขาจะเริ่มถอนอาวุธจากแนวหน้าภายใต้ข้อตกลงสันติภาพเมื่อมี “การหยุดยิงโดยสมบูรณ์” แล้วเท่านั้น

    “ตามข้อตกลงกรุงมินสก์ การถอนอาวุธหนักสามารถเกิดขึ้นได้เพียงภายใต้เงื่อนไขบางประการเท่านั้น และหนึ่งในเงื่อนไขเหล่านั้นถือการหยุดยิงโดยสมบูรณ์” สำนักข่าวอย่างเป็นทางการของกลุ่มกบฏ รายงาน โดยอ้างจากคำพูดของ เอดูอาร์ด บาซูริน โฆษกกระทรวงกลาโหมของกลุ่มที่ประกาศตนเองเป็นสาธารณรัฐประชาชนเนตสก์

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่โดยรอบเมืองเดบัลต์เซฟ เมืองสำคัญที่รัฐบาลยึดครองอยู่ และทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมหยุดยิง

    “หากกองทัพยูเครนไม่หยุดยิงและละเมิดข้อตกลงกรุงมินสก์ กองกำลังของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ก็จะไม่ถอนอาวุธออก” บาซูริน กล่าว

    ข้อตกลงสันติภาพฉบับล่าสุดที่ได้รับการลงนามในกรุงมินสก์ หลังจากการเจรจาอย่างซับซ้อนระหว่างผู้นำยูเครน , รัสเซีย , ฝรั่งเศส และเยอรมนี ถูกมองว่าเป็นความหวังที่ดีที่สุดในการยุติความขัดแย้งนาน 10 เดือน ที่คร่าชีวิตผู้คนแล้วกว่า 5,480 ราย

    วลาดิสลาฟ เซเลซนอฟ โฆษกกองทัพยูเครน บอกกับเอเอฟพีว่า “ไม่มีความกังขาสงสัยใดๆ เลย” ในเวลาที่ยูเครนถอนอาวุธหนักของตนออกเพื่อสร้างเขตกันชน ซึ่งถูกวางเป้าหมายให้ขยายออกกว้างสุดถึง 140 กิโลเมตร

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019164
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สุดอึ้ง!! นักวิจัยชี้ “เชื้อไวรัสอีโบลา” ยังมีชีวิตอยู่ได้ถึง 7 วันในร่างผู้เสียชีวิต
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 18:28 น.

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ – หลังจากอีโบลาได้คร่าชีวิตคนจำนวนมากในปีที่ผ่านมา ล่าสุดนักวิจัยค้นพบความลับเชื้อร้ายนี้ว่า มีความสามารถในการมีชีวิตอยู่ในร่างของผู้ป่วยที่ยังมีชีวิต หรือเสียชีวิตไปแล้วได้นานถึง 7 วัน

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขต่างตรัหนักมายาวนานถึงภัยร้ายถึงขั้นชีวิต หากมีการสัมผัสร่างของผู้เสียชีวิตด้วยโรคอีโบลา แต่ทว่าล่าสุดองค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกคำเตือนว่า การจัดการกับศพผู้ป่วยอีโบลาในพิธีงานศพอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการแพร่ระบาดเชื้ออีโบลาเพิ่มมากขึ้นในแอฟริกาตะวันตก
    ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครทดสอบอย่างจริงจังถึงระยะเวลาในการมีชีวิตของเชื้ออีโบลา แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะไม่เผาร่างผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อ

    วินเซนต์ มันสเตอร์ (Vincent Munster) และเพื่อนักวิจัยสังกัดห้องวิจัยร็อกกี้ เมาท์เทน ในมอนตานา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIH ทำการทดลองกับร่างลิงทดลองที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งลิงทดลองถูกทำให้เสียชีวิตเพื่อป้องกันไม่ให้ได้รับความทรมานจากโรคร้าย "หลังจากทำการการุณฆาตกับลิงทดลองเหล่“นั้น ได้มีการเก็บตัวอย่างจากร่างลิงที่เสียชีวิตทันทีจากส่วนต่างๆของร่างกาย รวมถึงตัวอย่างเลือด และอวัยวะภายในของสัตว์ทดลอง รายงานจากผลการทดลองที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารโรคติดต่อที่อุบัติขึ้น( Emerging Infectious Diseases)

    “ซากลิงถูกเก็บในพาชนะพลาสติกอยู่ในห้องเก็บที่มีอุณหภูมิ 27 c และมีความชื้น 80 % เพื่อเลียนแบบสภาพอากาศในแอฟริกาตะวันตก”

    และนักวิจัยได้ทำการทดสอบต่างๆ และพบหลักฐานทางพันธุกรรมของไวรัสในระยะเวลาร่วม 10 สัปดาห์ แต่พันธุกรรมที่เรียกว่า RNA กลับไม่พบการติดเชื้อ ไวรัสนั้นแท้จริง “ไม่ได้มีชีวิต” แต่ไวรัสได้เข้ายึดเซลของสิ่งมีชีวิตเพื่อทำการเพิ่มจำนวนของตนเอง โดยพบว่าในทันที่เซลติดเชื้อกำลังจะตาย เชื้อไวรัสตายด้วย แต่การวิจัยล่าสุดนี้พบว่า “ในสิ่งมีชีวิต ไวรัสสามารถอาศัยในเนื้อเยื่อ หรือเลือดเป็นเวลานานถึง 7 วัน”

    “จำนวนสูงสุดของพันธุกรรม RNA ของไวรัสถูกพบมากที่สุดในปาก จมูก และเลือดตัวอย่าง” กลุ่มนักวิจัยชาวสหรัฐฯชี้ และพบว่า จำนวนไวรัสพบว่ามีมากในร่างของผู้ป่วยที่เพิ่งเสียชีวิต ซึ่งเป็นสภาพที่คล้ายกับซากลิงทดลอง “นอกจากนี้ สมาชิกครอบครัวที่สัมผัสกับผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นสุดท้าย หรือสัมผัสกับร่างผู้เสียชีวิตนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้ออีดบลาเป็นรายต่อไป “และพบว่าเชื้อไวรัสนั้นอยู่ได้ทนทานนานถึง 7 วัน บนพื้นผิวของร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งสามารถยืนยันความสามารถในการติดต่อเชื้ออีโบลาจากร่างผู้เสียชีวิตไปยังผู้อื่นเพื่อเป็นการยืดอายุชีวิตไวรัสหลังจากร่างเดิมที่เคยอาศัยเสียชีวิตแล้ว” นักวิจัยเผย และอธิยายเพิ่มเติมว่า ข้อมูลเหล่านี้ยังสามารถใช้อธิบายการติดเชื้อของสัตว์ป่าอื่นๆอีกด้วย เพื่อจะย้ำถึงอันตรายในการจัดการซากสัตว์ติดเชื้ออีโบลา

    มีการเชื่อเป็นวงกว้างว่า เชื้ออีโบล่าส่งต่อจากสัว์ป่าไปยังพรานนักล่า หรือร้านค้าเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งอาจรวมไปถึงเนื้อลิง และค่าง ที่สามารถติดเชื้อไวรัสอีดบลาได้เช่นเดียวกับมนุษย์ อย่างไรก็ตามไวรัสอีโบลาไม่สามารถมีชีวิตอยู่นอกร่างสิ่งมีชีวิตที่เป็นพาหะได้ และยังต่างจากโรคหัดที่จะไม่ติดต่อทางอากาศ การติดเชื้อเกิดจากมีการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น เลือด หรือ เหงื่อจากใบหน้า

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019146
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ฝรั่งเศสวอนชาวยิวอย่าย้ายไปไหน ติงผู้นำอิสราเอลแค่หวังหาเสียง
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 15:41 น.

    [​IMG]

    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี มานูเอล วาลส์ ได้ออกมาเรียกร้องในวันนี้ (16 ก.พ.) ให้ชาวยิวในฝรั่งเศสปักหลักอาศัยอยู่ในแดนน้ำหอมต่อไป หลังจากผู้นำอิสราเอลได้เอ่ยปากชวนชาวยิวในยุโรปให้ย้ายไปอยู่ที่ประเทศของเขาเมื่อวานนี้

    "ข้อความของผมที่มีต่อชาวยิวในฝรั่งเศสก็คือ ฝรั่งเศสบาดเจ็บเช่นเดียวกับคุณและเราไม่อยากให้คุณจากไปไหน" วาลส์ ระบุ

    การออกมาแสดงความเห็นของเขา เกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุร้ายถึง 2 ครั้งในเมืองหลวงของเดนมาร์กช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่งานเสวนาเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก กับที่สุเหร่าของชาวยิว จนทำให้มีชาวยิวเสียชีวิตด้วย

    หลังเกิดเหตุร้ายในโคเปเฮเกน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล "เบนจามิน เนทันยาฮู" ก็ได้ออกมาเรียกร้องอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เคยทำตอนเกิดเหตุร้ายในปารีส

    เนทันยาฮู เรียกร้องให้ชาวยิวในยุโรปและที่อื่นๆ ทั่วโลก ย้ายมาใช้ชีวิตในอิสราเอล โดยย้ำว่ารัฐบาลพร้อมอ้าแขนรอรับพวกเขา

    "พวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงได้โจมตียุโรปอีกครั้ง ชาวยิวต้องถูกสังหารบนดินแดนยุโรปอีกหน เพียงเพราะพวกเขาเป็นยิว" ผู้นำอิสราเอล กล่าว

    อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ติติงการแสดงความเห็นของเนทันยาฮู

    "ผมเสียใจกับการแสดงความเห็นของเนทันยาฮู การที่อยู่ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิ์พูดอะไรก็ได้ ที่อยู่ของชาวยิวในฝรั่งเศสก็คือประเทศฝรั่งเศส" มานูเอล วาลส์ กล่าว

    ทั้งนี้ อิสราเอล จะมีการจัดเลือกตั้งขึ้นในวันที่ 17 มีนาคมนี้

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000019017
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “กบฏโปรรัสเซีย” ปฏิเสธหยุดยิงที่ “เดบอลต์เซเว” หลังปิดล้อมทหารยูเครนไว้ได้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 14:36 น.

    [​IMG]
    ---
    @ที่ตั้งของเมืองเดบอลต์เซเวใน จ.โดเนตสก์ ของยูเครน
    ---
    รอยเตอร์ - กบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครนตะวันออกปฏิเสธที่จะหยุดยิงในเมืองเดบอลต์เซเว (Debaltseve) ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดโดเนตสก์ และเป็นจุดที่มีการปะทะกับทหารฝ่ายรัฐบาลอย่างหนักหน่วงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงใช้ไม่ได้กับเมืองดังกล่าวที่ถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว

    เสียงปืนซึ่งดังต่อเนื่องในหลายเมืองทางภาคตะวันออกของยูเครนเงียบสนิทลงเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของวันเสาร์ (14 ก.พ.) ตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างฝ่ายกบฏกับรัฐบาลยูเครนที่ทำขึ้น ณ กรุงมินสก์ โดยมีฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ

    อย่างไรก็ดี กบฏนิยมรัสเซียประกาศว่าพวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่เมืองเดบอลต์เซเว ซึ่งมีกองกำลังยูเครนถูกปิดล้อมอยู่ ในขณะที่กองทัพยูเครนก็อ้างว่า ฝ่ายกบฏระดมโจมตีเมืองดังกล่าวอย่างหนักตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ (15)

    เอดูอาร์ด บาซูริน ผู้บัญชาการกบฏยูเครน ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “แน่นอนเรามีสิทธิ์เปิดฉากยิง (ที่เดบอลต์เซเว) มันเป็นดินแดนของพวกเรา”

    “บริเวณนั้นจัดเป็นพื้นที่ภายใน ซึ่งหมายถึงของเรา และภายในก็คือภายใน แต่ในส่วนของพื้นที่แนวหน้าไม่ได้มีการยิงเกิดขึ้น”

    กองทัพยูเครนแถลงเมื่อค่ำวานนี้(15)ว่า “พวกศัตรู” ใช้อาวุธหนักหลายประเภทระดมโจมตีเดบอลต์เซเว รวมถึงจรวดแกรด (Grad rocket systems) และยังมีแผนที่จะบุกเข้ายึดเมืองจากทางตะวันตกด้วย

    ระหว่างการพูดคุยโทรศัพท์ 4 ฝ่ายกับผู้นำเยอรมนี, ฝรั่งเศส และรัสเซีย ประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก แห่งยูเครน ระบุว่า จุดยืนของผู้นำทั้ง 4 ประเทศในการเจรจาสันติภาพที่เบลารุสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คือการหยุดยิงที่ครอบคลุมพื้นที่แนวหน้าทั้งหมด รวมไปถึงเดบอลต์เซเว

    โปโรเชนโกย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายจะต้องยอมถอนอาวุธหนักและเครื่องมือทางทหาร “อย่างสมบูรณ์และปราศจากเงื่อนไข” ตามที่ได้ตกลงกันไว้ที่กรุงมินสก์

    องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (OSCE) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง เปิดเผยว่า ฝ่ายกบฏไม่ยินยอมให้ผู้สังเกตการณ์เข้าไปยังเมืองเดบอลต์เซเวซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟที่สำคัญ

    ดมิตรี เปสกอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ยืนยันว่า ข้อตกลงหยุดยิงที่มีการพูดคุยกันสำเร็จเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (12) จะต้องบังคับใช้ “อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ” แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า มอสโกเชื่อหรือไม่ว่าเมืองเดบอลต์เซเวอยู่ในข่ายหยุดยิงด้วย

    แม้ฝ่ายกบฏจะอ้างว่าเมืองเดบอลต์เซเวอยู่ภายใต้การปิดล้อมแล้วอย่างสมบูรณ์ แต่กองทัพยูเครนยืนยันว่าทหารยังสามารถรักษาเส้นทางลำเลียงเอาไว้ได้ ท่ามกลางการยิงถล่มของกลุ่มกบฏที่ฝักใฝ่รัสเซีย

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ติดอาวุธ IS ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ลงโทษ “ตัดมือผู้หญิง-เฆี่ยนผู้ชาย” ที่ใช้โทร.หาญาติ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 11:09 น. (แก้ไขล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2558 13:06 น.)

    [​IMG]

    เอเจนซีส์ - ล่าสุดมีรายงานความป่าเถื่อนของกลุ่มมุสลิมติดาวุธ IS ในซีเรีย และอิรัก ว่าทำการตัดมือหญิง 3 ราย และลงโทษเฆี่ยนชาย 5 คน ในการฝ่าฝืนคำสั่ง “ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ” โดยสิ้นเชิงในโมซุล อิรัก โดยกลุ่มติดอาวุธได้ประกาศไปทั่วว่าหากมีการฝ่าฝืนและถูกจับได้จะลงโทษโดยการเฆี่ยน หรือหนักไปกว่านั้น

    อินเตอร์บิซิเนสไทม์สรายงานเมื่อวานนี้ (16) ว่า กลุ่มมุสลิมติดอาวุธ IS ห้ามประชาชนในพื้นที่ยึดครองใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารโดยสินเชิง ด้วยเกรงว่าจะเปิดเผยข้อมูลลับสำคัญออกไปให้กับสหรัฐฯที่เป็นผู้นำในการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มติดอาวุธในซีเรียและอิรัก สื่อชี้ ซึ่งกองกำลังผสมได้เริ่มโจมตี IS ตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นมา และพบว่ามีการโจมตีทางอากาศอย่างน้อย 20 ครั้งในโมซุล อิรัก

    การห้ามการใช้โทรศัพท์มือถือ และการลงโทษตามมาหลังจากนั้นถือเป็นการแสดงความรุนแรงและป่าเถื่อนล่าสุดจากกลุ่มติดอาวุธ IS ที่ได้เข้ายึดพื้นที่บางส่วนของอิรักในหน้าร้อนปีที่ผ่านมา และเปลี่ยนให้รักกา ซีเรียกลายเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐอิสลามที่ทางกลุ่มตั้งขึ้น และในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธ IS ได้บังคับประชาชนซีเรียทำการบริจาคเลือดให้กับญิฮัดที่บาดเจ็บ นอกจากนี้ตัวประกันหญิงยาซิดิสยังถูกบังคับให้ทำการบริจาคเลือดอีกด้วย “การบังคับให้พลเรือนต้องบริจาคเลือดถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนและไร้จิตความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะที่ทางกลุ่มกระทำแบบเลือกสุ่ม โดยไม่สนใจในกลุ่มเลือด” ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ อัล-คัดส์ อัล-อาราบี (al-Quds al-Arabi) ให้ความเห็นกับ ARA News และเสริมว่า “พบว่าทางกลุ่ม IS ใช้วิธีโบราณในการนำเลือดออกมาจากผู้บริจาคโดยไม่มีการใช้เครื่องมือแพทย์ในกระบวนการนำเลือดออกมาจากร่างกายแต่อย่างใด”

    นอกจากนี้เป็นที่ทราบแล้วว่า กลุ่มติดอาวุธ IS ได้มีการห้ามการดื่มสุรา แช่งชัก และสูบบุหรี่ และรวมไปถึงพฤติกรรมอื่นที่อยู่ในข่ายการผิดศีลธรรมตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งไม่นานมานี้มีการพบเจ้าหน้าที่ IS ถูกลงโทษตัดหัวอย่างไม่ปรานีในเดือนมกราคม 2014 ในทางตอนเหนือของซีเรีย โดยพบว่าศีรษะที่ถูกตัดยังคงมีบุหรี่คาบอยู่ในปาก “สิ่งนี้ไม่ได้รับการอนุญาต ชีค” จดหมายระบุข้อความในภาษาอารบิกติดอยู่บนร่างไร้วิญญาณ LA Times รายงานในวันพฤหัสบดี (13) ล่าสุด

    และกลุ่ม IS ยังห้ามการเล่นดนตรี การขายบุหรี่ รวมไปถึงไปป์ฮูกาห์ (hookah pipes) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือการเสียทรัพย์ อัลมอนิเตอร์รายงาน “นักสูบทุกคนควรทราบว่าการสูบบุหรี่ทุกมวนนั้นเป็นการไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า” สำนักงานการเทศนาของกลุ่ม IS ให้ความเห็นในแถลงการณ์ปีที่ผ่านมา “3 วันหลังจากการออกประกาศ การจำหน่ายบุหรี่ และชิชา (shisha) หรือไปป์น้ำนั้นถูกห้ามโดยสิ้นเชิง และผู้ยังฝ่าฝืนจะถูกนำตัวมาลงโทษ ส่วนบุหรี่ทั้งหมดที่ยึดได้จะถูกเผา และผู้จัดจำหน่ายที่เป็นเจ้าของต้องได้รับโทษตามกฎหมายชารีอะห์

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สื่อผู้ดีตีข่าว “เทสโก้” เตรียมลอยแพลูกจ้างนับหมื่นราย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2558 19:05 น. (แก้ไขล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2558 12:47 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - สื่อแดนผู้ดีรายงานว่า ธุรกิจซูเปอร์มาร์เกตสัญชาติอังกฤษ “เทสโก้” มีแนวโน้มจะเลิกจ้างพนักงานถึง 10,000 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปิดสาขา 43 แห่ง

    “เทสโก้” เคยเปิดเผยไว้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับแผนปิดสาขาดังกล่าว โดยได้ยืนยันในตอนนั้นไว้ว่ามี 2,000 ตำแหน่งที่น่าจะถูกเลิกจ้าง อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษได้รายงานในวันอาทิตย์ (15 ก.พ.) ว่าตัวเลขการลอยแพพนักงานอาจมากกว่านั้นถึง 5 เท่า เนื่องจาก “เดฟ ลูอิส” บอสใหญ่ของบริษัทอยากจะพลิกสถานการณ์ตัวเลขให้ดีขึ้น

    รายงานข่าวระบุว่าจะมีพนักงานประมาณ 6,000 รายที่ต้องเตะฝุ่น ทั้งในสำนักงานใหญ่และในสาขาทั้ง 43 แห่งที่ถูกปิด ส่วนที่เหลืออีกราว 4,000 ราย จะต้องตกงานเพราะรูปแบบการดำเนินงานจะถูกยกเครื่องใหม่หมด

    ก่อนหน้านี้ เทสโก้ซึ่งมีแรงงานชาวอังกฤษกว่า 310,000 ราย ได้เผยแผนปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร รวมถึงขายทรัพย์สินและงดจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้น เพื่อพลิกสถานการณ์ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง หลังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องบัญชี

    ทางกลุ่มธุรกิจของเทสโก้ยังได้ตัดสินใจตัดรายจ่ายก้อนโต พร้อมฟื้นฟูโครงการสร้างสโตร์ โดยมีการขายธุรกิจหมวดอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ กับบริการทีวีสตรีมมิ่ง “บลิงก์บ็อกซ์” และธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูล “ดันฮัมบี”

    ลูอิสหวังว่าการลดค่าใช้จ่ายของสำนักงานใหญ่ลงไป 30 เปอร์เซ็นต์ จะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 250 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท)

    เทสโก้ต้องเจ็บหนักจากการแข่งขันที่ดุเดือดในอังกฤษ เกี่ยวกับสงครามราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับการสืบสวนหลังจากที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่รายนี้ยอมรับเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่ารายงานกำไรเกินจริงไปถึง 263 ล้านปอนด์

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “เนทันยาฮู” วอนชาวยิวย้ายมาอยู่อิสราเอล หลังเกิดเหตุร้ายที่เดนมาร์ก
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กุมภาพันธ์ 2558 19:58 น. (แก้ไขล่าสุด 16 กุมภาพันธ์ 2558 12:48 น.)

    [​IMG]

    เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรีอิสราเอล “เบนจามิน เนทันยาฮู” ได้ออกมาเรียกร้องในวันนี้ (15 ก.พ.) ให้ชาวยิวในยุโรปย้ายมาอยู่ในอิสราเอล หลังเกิดเหตุร้ายบริเวณสุเหร่าของชาวยิวในเดนมาร์ก

    “อิสราเอลคือบ้านของพวกคุณ เรากำลังเรียกร้องและเตรียมการรองรับผู้อพยพจำนวนมหาศาลจากยุโรป” เนทันยาฮูระบุในคำแถลง ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกับที่เขาเคยระบุไว้เมื่อตอนเกิดเหตุร้ายโดยฝีมือกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในปารีส ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 17 ราย โดยในจำนวนนั้นมีชาวยิว 4 ราย

    เหตุร้ายที่เกิดขึ้นในเดนมาร์กบริเวณสุเหร่าของชาวยิวในวันนี้ ทำให้มีชาวยิวถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย รวมถึงมีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยฝีมือของคนร้ายผู้ที่ก่อเหตุกราดยิงในงานสัมมนาเกี่ยวกับอิสลามและเสรีภาพในการพูดเมื่อวันเสาร์ ซึ่งคนร้ายรายนี้ได้ถูกตำรวจเดนมาร์กวิสามัญฆาตกรรมไปแล้ว

    “ผู้ก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงได้โจมตียุโรปอีกครั้ง ชาวยิวต้องถูกสังหารบนแผ่นดินยุโรปอีกหน เพียงเพราะแค่พวกเขาเป็นยิว” คำแถลงระบุ

    นายกรัฐมนตรีอิสราเอลระบุว่า รัฐบาลของเขาได้เตรียมเงินทุน 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้สำหรับสนับสนุนแผนรองรับผู้อพยพจากฝรั่งเศส เบลเยียม และยูเครน

    “ผมขอกล่าวต่อชาวยิวในยุโรปและชาวยิวในที่อื่นๆ ทั่วโลก ว่าอิสราเอลกำลังอ้าแขนรอรับพวกคุณทุกคน” เนทันยาฮูระบุในคำแถลง

    เคยมีการเรียกร้องลักษณะนี้มาแล้ว ตอนเกิดเหตุการณ์จับตัวประกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในปารีส เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา โดยในท้ายที่สุดมีชาวยิว 4 รายเสียชีวิตระหว่างที่ตำรวจบุกจู่โจมเข้าจัดการคนร้าย ต่อมาร่างของชาวยิวที่เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ได้ถูกส่งไปฝังที่อิสราเอล

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000018664
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สันติภาพยูเครนง่อนแง่นคู่กรณีตั้งเงื่อนไข

    [​IMG]

    การหยุดยิงรอบใหม่ในยูเครนที่เข้าสู่วันที่ 2 เมื่อวันจันทร์กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ง่อนแง่นและเผชิญความเสี่ยง เนื่องจากรัฐบาลยูเครนกล่าวหาฝ่ายกบฎยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงไม่น่ามีการถอนอาวุธหนัก

    วันจันทร์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 18:35 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟประเทศยูเครน เมื่อวันที่16 ก.พ.ว่า นายวลาดิสลาฟเซเลซนอฟ โฆษกกองทัพยูเครนแถลงว่าตราบใดที่กลุ่มกบฎแบ่งแยกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียยังคงยิงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ควรมีคำถามเกี่ยวกับการถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้าของยูเครน เดิมทียูเครนมีแผนถอนอาวุธหนักเช่น รถถัง ปืนใหญ่ และจรวดออกจากพื้นที่สู้รบในแนวหน้าที่เขตตะวันออกของประเทศตั้งแต่เที่ยงคืนของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 05.00น.ตามเวลาในไทยของวันอังคารตามเงื่อนไขข้อสองในข้อตกลงหยุดยิงที่ยุโรปเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    แต่ผู้สังเกตการณ์จากองค์การความร่วมมือและความมั่นคงในยุโรป(โอเอสซีอี)ระบุว่าการหยุดยิงในเขตตะวันออกของยูเครนที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ได้รับการปฏิบัติตามเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงมีการยิงปืนใหญ่เข้าโจมตีกันในเมืองเดบัลต์เซเว ชุมทางรถไฟแห่งสำคัญในเขตตะวันออกเชื่อมต่อระหว่างเมืองโดเนตสก์กับเมืองลูแกนสก์ ฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายกบฎ

    วันเดียวกัน กบฎยูเครนระบุว่าพวกเขาจะเริ่มการถอนอาวุธหนักออกจากแนวหน้าภายใต้ข้อตกลงสันติภาพที่ให้มีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ นายเอดูอาร์ด บาซูรินโฆษกกระทรวงกลาโหมของฝ่ายกบฎในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์บอกว่าตามข้อตกลงมินสก์ การถอนอาวุธยุทโธปกรณ์สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้เงื่อนไขที่แน่นอนและหนึ่งในนั้นคือการหยุดยิงทั้งหมด

    ขณะที่นายพาฟโล คลิมกิน รมว.ต่างประเทศยูเครนบอกว่ากบฎยิงปืนใหญ่ จรวดกรัดและปืนครก โจมตีทหารรัฐบาล112 ครั้งในช่วง24 ชั่วโมงที่ผ่านมาท่ามกลางข้อตกลงหยุดยิง ส่วนสหภาพยุโรปได้เผยรายชื่อชาวยูเครนและชาวรัสเซียกลุ่มใหม่ที่ตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรจากการบ่อนทำลายเอกราชของยูเครน รวมทั้งไอโอซิฟ คอบซอนนักร้องวัย77ปีชาวรัสเซียและรมช.กลาโหมรัสเซียสำหรับรายชื่อล่าสุดที่ถูกสหภาพยุโรปอายัดทรัพย์และห้ามเดินทางเข้ายุโรปเป็นชาวรัสเซียและชาวยูเครน19 คนกับอีก 9องค์กร

    สันติภาพยูเครนง่อนแง่นคู่กรณีตั้งเงื่อนไข | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณฟื้นตัว

    [​IMG]

    เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว แม้สถิติที่ออกมายังอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ก็ตาม

    วันจันทร์ 16 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 13:05 น.
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเผยรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 หรือระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วร้อยละ 0.6 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ว่าน่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 อย่างไรก็ตาม สถิติที่ออกมาถือเป็นการกลับมาเพิ่มขึ้นของตัวเลขเป็นครั้งแรก หลังลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสก่อนหน้านี้ และทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยตลอดช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว

    นอกจากนี้ สัญญาณเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 4 ที่เป็นผลจากปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสเดียวกัน ยังช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศตลอดทั้งปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 2.2 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้มาก ว่าน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.7 สะท้อนว่าแม้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังไม่เข้มแข็งมากพอและทุกฝ่ายต้องมองสถานการณ์ในระยะยาว

    เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณฟื้นตัว | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,205
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Pst Nong ผ่าน Daily News Online

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขององค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนางบนเกาะพีพี เนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว สาเหตุเนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วงนานกว่า 2 เดือน และไม่สามารถสูบน้ำมาใช้ได้ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งหาภาชนะมากักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น วันละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน จนผู้ประกอบการหลายรายจำเป็นต้องซื้อน้ำจากเอกชนจ.ภูเก็ต มาไว้ใช้ ในราคาลูกบาศก์เมตรละ 300 บาท
    นายประเสริฐ วงศ์นา รองนายกอบต.อ่าวนาง กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้มาเร็วมาก จากภาวะฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่ตั้งกลางเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว รวมระยะเวลากว่า 2 เดือน ส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำแห้ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เนื่องจากยังมีแหล่งน้ำของเอกชนอยู่ แต่คงจะใช้ได้ไม่เพียงพอเพราะน้ำเริ่มแห้งแล้วเช่นกัน หากช่วงเม.ย.นี้ฝนไม่ตกลงมา แหล่งน้ำจะหมดอย่างแน่อน ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากและมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

    แล้งหนัก..อ่างเก็บน้ำเกาะพีพีแห้งขอด | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...