ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เช้านี้อากาศเย็นแต่คุณภาพอากาศแย่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานกว่า 50 พื้นที่

    วันที่ 20 มี.ค.2564 กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบเกินค่ามาตรฐาน 53 พื้นที่ โดยจากข้อมูล www. air4thai.pcd.go.th พบว่าระดับคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจวัดฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้ระหว่าง 36 - 80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) เกินมาตรฐาน 53 พื้นที่ ตัวอย่างเช่น
    • แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี 139 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 157 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • แขวงบางนา เขตบางนา 106 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ 114 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • แขวงดินแดง เขตดินแดง 104 มคก. ต่อ ลบ.ม.

    • แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา 88 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน 109 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี 126 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง 131 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนดินแดง เขตดินแดง 129 มคก. ต่อ ลบ.ม.

    • แขวงพญาไท เขตพญาไท 101 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง 52 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม 124 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • เขตคลองสามวา 149 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • เขตจอมทอง 126 มคก. ต่อ ลบ.ม.

    • ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด 109 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • เขตบางแค 144 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน 131 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง 126 มคก. ต่อ ลบ.ม.
    • ริมถนนสุขุมวิท เขตพระโขนง 139 มคก. ต่อ ลบ.ม.

    รายละเอียด : http://air4thai.pcd.go.th/webV2/region.php?region=0

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำทำภารกิจลุล่วง พร้อมภาวนาให้รัฐบาลใหม่ประสบความสำเร็จและโชคดี โดยไม่ได้กล่าวถึงชื่อนายโจ ไบเดนแม้แต่คำเดียว

    วันที่ 20 มกราคม 2564 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านยูทูบ The White House ซึ่งเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาว กล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

    นายโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลากล่าวสุนทรพจน์เกือบ 20 นาที โดยเริ่มต้นจากการพูดถึงสิ่งที่ได้ทำตลอด 4 ปีของการรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ที่เขาอ้างว่าได้สร้างประเทศขึ้นมาอีกครั้ง ตามภารกิจ 'Make America Great Again' ซึ่งเป็นคำที่ประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ในการหาเสียงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว พร้อมยืนยันว่า เขาดำเนินการได้อย่างลุล่วง รวมถึงได้ทำในสิ่งที่ต้องทำแล้ว

    ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำในสุนทรพจน์ว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปี เขาต้องผ่านการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัส มีทางเลือกที่ยากลำบากให้ต้องตัดสินใจ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันเลือกให้เขาเข้าไปทำ และความต้องการของชาวอเมริกันเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด

    นายโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นพื้นที่การระบาดที่รุนแรงที่สุดในโลก ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 24.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตทะลุ 400,000 คนว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้เขาได้พัฒนาวัคซีนโควิด-19 ออกมาอย่างรวดเร็วถึง 2 ยี่ห้อ พร้อมเปรียบเปรยว่านี่เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ เพราะหากเป็นรัฐบาลอื่น การพัฒนาวัคซีนอาจต้องใช้เวลาถึง 3-5 ปี หรืออาจยาวนานถึง 10 ปี

    นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังถือโอกาสประณามเหตุผู้ชุมนุมบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยมองว่าเป็นรุนแรงทางการเมืองที่ทำลายทุกอย่างที่ชาวอเมริกันยึดถือ แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้เอ่ยถึง ยอมรับความพ่ายแพ้หรือแสดงความยินดีกับนายโจ ไบเดนแม้แต่ครั้งเดียว โดยระบุเพียงว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการสาบานตนของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งเขาก็ภาวนาว่า รัฐบาลใหม่จะประสบความสำเร็จ ทำให้อเมริกาปลอดภัยและรุ่งเรือง และขอให้รัฐบาลใหม่โชคดี

    ที่มา


    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯ เตรียมพร้อมพิธีสาบานตน 'โจ ไบเดน' ใช้ธงนับแสนแทนชาวอเมริกัน คุมเข้มความปลอดภัย

    วันที่ 20 มกราคม 2564 สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่ภาพบรรยากาศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเตรียมความพร้อมสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ของนายโจ ไบเดน ซึ่งตรงกับช่วงดึกของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

    โดยพิธีสาบานตนในปีนี้มีความแตกต่างไปจากทุกปี เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่าง ป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่นำธงชาติสหรัฐฯ และธงประจำรัฐต่างๆ จำนวน 191,500 ผืน ปักบริเวณสนามด้านหน้าอาคารรัฐสภา เป็นสัญลักษณ์แทนชาวอเมริกันที่ปกติจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนในครั้งนี้

    นอกจากนี้ทางการสหรัฐฯ ต้องคุมเข้มความปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดเหตุผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันยังมีสัญญาณการก่อความไม่สงบในกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้เตรียมเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์ชาติราว 25,000 นายประจำการในพิธีสาบานตนโดยเฉพาะ

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นายโจ ไบเดนหลั่งน้ำตารำลึกถึงลูกชายที่เสียชีวิต ก่อนเดินทางเข้ากรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สาบานตนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ ย้ำลูกชายของเขาควรได้ยืนตรงนี้ถ้าไม่เสียชีวิตไปก่อน

    วันที่ 20 มกราคม 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นที่รัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นทางการเมืองมาตลอดชีวิตของเขา ก่อนเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่

    นายโจ ไบเดนระบุว่า เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เขาเดินทางออกจากรัฐเดลาแวร์เพื่อไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เนื่องจากมีชายผิวดำคนหนึ่ง ซึ่งก็คือนายบารัค โอบามา นำพาเขาเข้าทำเนียบขาวในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ในวันนี้ เขากำลังจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. พร้อมกับนางกมลา แฮร์ริส ผู้หญิงผิวดำลูกครึ่งอินเดีย ในฐานะประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ

    ในช่วงหนึ่งของสุนทรพจน์ นายโจ ไบเดนได้กล่าวถึงโบ ไบเดน บุตรชายวัย 46 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมองเมื่อปี 2558 พร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา โดยนายโจ ไบเดนระบุว่า เขาภูมิใจในตัวลูกชายแต่ก็มีสิ่งเดียวที่เสียใจ เพราะลูกชายคนนี้ควรเป็นผู้ที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ

    โดยในตอนนี้นายโจ ไบเดน รวมทั้งนางกมลา แฮร์ริส และครอบครัวเดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แล้ว เพื่อเตรียมร่วมพิธีสาบานตนซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงดึกของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เพิ่งเดินทางไปร่วมพิธีรำลึกผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตทะลุ 400,000 คน หรือคิดเป็น 1 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลก

    หลายฝ่ายคาดว่า ทันทีที่นายโจ ไบเดนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เขาจะเดินหน้าลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ โดยเฉพาะการจัดการกับโรคโควิด-19 เช่น การอนุมัติเงินซื้อวัคซีน การบังคับให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากาก รวมไปถึงการอนุมัติเงินเยียวยาทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้นายโจ ไบเดนอาจลงนามเปลี่ยนแปลงนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายอย่าง เช่น การกลับไปเข้าร่วมข้อตกลงปารีส เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน และมาตรการเกี่ยวกับผู้อพยพ เป็นต้น

    workpointTODAY เคยเล่าถึงชีวิตของนายโจ ไบเดนที่มีทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการเมืองราวกับนิยาย ฟังได้ที่คลิปนี้


    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โฆษกรัฐบาล ย้ำรัฐบาลจัดซื้อวัคซีนโควิดรอบคอบ ไม่มีการเมืองเอี่ยว เตรียมทยอยออกมาตรกรกระตุ้นศก. คนละครึ่งเฟส 3 หลังสถานการณ์ดีขึ้น

    วันที่ 20 ม.ค. 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19ว่า รัฐบาลกำลังดูมาตรการต่างๆ เพื่อออกมาช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุม รวมถึงผู้ประกอบการที่จะได้รับการช่วยเหลือในรูปแบบสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยกระทรวงการคลัง หรือ ธนาคารต่างๆ จะทยอยออกมาตรการช่วยเหลือควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทยอยออกมา เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เป็นต้น

    นายอนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น ยืนยันว่ารัฐบาลมีขั้นตอนดำเนินการจัดหาอย่างรอบคอบ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากการดำเนินการต่างๆ มีคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติดูแล รวมถึงมีการประเมินสถานการณ์ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนนำมาสู่การทำสัญญาระหว่างบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด กับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งถือว่าเป็นการทำสัญญาที่ต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้กับประเทศ ไม่ใช่การนำเข้าอย่างเดียว โดยคนไทยจะต้องใช้วัคซีน 2 โดสต่อ 1 คน รวมแล้วประมาณ 130 ล้านโดส ดังนั้น ขอให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่นำเรื่องการเมืองมาเกี่ยวกับด้านสาธารณสุข

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สภาฯ ผ่าน กม.ทำแท้ง แต่อายุครรภ์ต้องไม่เกิน 12 สัปดาห์ แจง เพื่อให้ผู้หญิงมีทางออกเมื่อประสบปัญหาชีวิต ชี้หลังได้รับคำแนะนำแล้ว ให้ตัดสินใจเอง จะตั้งครรภ์ต่อหรือยุติการตั้งครรภ์

    วันที่ 20 ม.ค. 2564 มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้น มีทั้งหมด 4 มาตรา โดยในมาตรา 3 นั้นกำหนดโทษสตรีที่ทำแท้ง หรือยอมให้ผู้อื่นทำแท้ง ขณะมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    สำหรับมาตรา 4 นั้น ระบุว่า ถ้าเป็นการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาถือว่าไม่ผิด ดังนี้ 1.หญิงตั้งครรภ์ต่อไปจะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อสุขภาพทางกายหรือจิตใจของหญิงนั้น 2.เนื่องจากมีความเสี่ยงอย่างมาก หรือมีเหตุผลทางการแพทย์อันควรเชื่อได้ว่า หากทารกคลอดออกมาจะมีความผิดปกติถึงขนาดทุพพลภาพอย่างร้ายแรง 3.หญิงยืนยันต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าตนมีครรภ์เนื่องจากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ
    4.หญิงซึ่งมีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ และ5.หญิงซึ่งมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ ภายหลังการตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือกจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
    ด้านนายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นมุสลิม ตามหลักการของศาสนาอิสลาม ภายหลังจากมีปฏิสนธิและทารกอยู่ในครรภ์ 120 วันแล้ว ถือว่าเด็กมีชีวิตแล้ว หากทำแท้งถือว่าบาปมหันต์ ยกเว้นจะมีเหตุจำเป็น เช่น แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีอันตรายถึงชีวิตของมารดา เป็นต้น แต่ถ้าเด็กได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าเกิดมาไม่สมประกอบ หรือพิการ ตามหลักของอิสลามห้ามทำแท้ง เพราะเชื่อว่าเกิดมาแล้วสังคมจะไม่ทอดทิ้ง และช่วยเหลือกัน

    ขณะที่กรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า มาตรา 4 ข้อยกเว้นที่ 5 นั้น บัญญัติขึ้นเพื่อให้ทางออกกับสตรีที่ประสบปัญหาในชีวิต เช่น พ่อของลูกเกิดเสียชีวิต หรือปฏิเสธการเป็นพ่อ ยืนยันว่า กรรมาธิการฯ มีเจตนาให้ผู้หญิงมีทางออกเมื่อประสบปัญหาในชีวิต และให้ได้รับคำแนะนำ จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะตั้งครรภ์ต่อไป หรือจะยุติการตั้งครรภ์

    ภายหลังจากอภิปรายกันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมสภาฯ จึงลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 276 เสียง ไม่เห็นชอบ 8 เสียง และงดออกเสียง 54 เสียง

    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘ดีเจมะตูม’ อัดคลิปขอโทษคนใกล้ชิด หลังตรวจพบติดโควิด-19

    วันที่ 20 ม.ค. 2564 ดีเจมะตูม ได้โพสต์คลิปผ่านไอจี ว่าตัวเองติดโควิด และกำลังไปรักษาตัว โดยในคลิปจะเห็นได้ว่าดีเจมะตูมนั้นอยู่ในอาการตกใจและช็อกกับผลตรวจ โดยเจ้าตัวได้กล่าวว่าสวัสดีทุกคนนะครับ คือเมื่อคืน(19 ม.ค. 2564) ไปตรวจโควิดมากับคุณแม่ ซึ่งผลของคุณแม่ออกมาเป็นลบ แต่ว่าผลของมะตูมเป็นบวกนะครับ ซึ่งตอนนี้ทางโรงพยาบาลกำลังจเอารถมารับมะตูมไปรักษาตัว

    ซึ่งที่มะตูมต้องขอโทษด้วยที่อาจจะแบบโทรแจ้งหรือบอกเพื่อน คนใกล้ตัวที่เจอตูมภายในระยะเวลาแบบ 14 วันได้ อาจจะไม่ครบ เลยต้องขออนุญาตแจ้งผ่านทางไอจีก่อนนะครับ ยังไงก็ขอโทษ ก็ขออภัยในความไม่สะดวกก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับ ทั้งนี้รายละเอียดเพิ่มเติมเจ้าตัวแจ้งว่าจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง

    ที่มา


    #workpointTODAY
    #สาระความรู้เพื่อวันนี้
    ติดตาม workpointTODAY ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว อ่วมหนักมาก!!! เครือวัลย์ วงศ์รักมิตร ประธานกรรมการ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในระลอกสอง กระทบต่อธุรกิจเดินรถโดยสารสาธารณะเป็นอย่างมาก ส่งผลให้หลายบริษัทต้องหยุดให้บริการในเส้นทางต่างๆ ชั่วคราวเนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้

    "โดยในส่วนของนครชัยแอร์ก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ยอดผู้โดยสารเดินทางลดลงกว่า 80% จากเดิมที่มีผู้ใช้บริการประมาณกว่า 10,000 คน/วัน ช่วงก่อนสถานการณ์ COVID-19 เหลือเพียงเฉลี่ยวันละไม่เกินวันละ 2,000 คน/วัน บริษัทฯจึงจำเป็นต้องปรับลดเที่ยววิ่งเพื่อให้เหมาะสมและสามารถตอบสนองความต้องการเดินทางที่แท้จริงของประชาชน"

    ** "คาดหวังให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย หรือมีการบริหารจัดการให้ธุรกิจเดินรถสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ภายใต้การแบกรับภาระขาดทุนให้น้อยที่สุด เพื่อช่วยประคับประคองธุรกิจเดินรถให้ยังคงยืนหยัดให้บริการประชาชนไปได้ด้วยกันในภาวะวิกฤตนี้ " เครือวัลย์กล่าว.

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว อินเดียเริ่มแล้ว-ไทยเริ่มยัง!!?? เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา เป็นวันแรกของการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ของโลก โดยอินเดียตั้งเป้า-ฉีดครบ 300 ล้านคนภายในเดือนกรกฎาคม 2021

    โดยเรื่องนี้ นเรนทระ โมที (Narendra Modi) ผู้นำอินเดีย กล่าวว่า มันเป็นวันที่มีการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดของโลก อนึ่ง อินเดียมีประชากรมากถึง 1.3 พันล้านคน ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ครบทุกคน แค่เพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิดได้แล้ว "แค่เพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรชาวอินเดียก็ถือว่าสร้างภูมิคุ้มกันครั้งใหญ่สุดให้กับโลกแล้ว"

    อินเดียมีคนติดเชื้อเป็นจำนวนมาก โดยเป็นรองจากสหรัฐอเมริกา ติดเชื้อรวมในราว 10.5 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 1.5 แสนคน แต่ผู้ติดเชื้อก็ค่อยๆ ลดจำนวนลงตั้งแต่กันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งอินเดียคาดว่าจะต้องรับวัคซีนราว 300 ล้านคนในปริมาณ 2 โดส ภายใน 3-8 เดือนแรกของปี 2021 โดยกลุ่มแรกที่อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนให้คือบุคลากรทางการแพทย์และด่านหน้าด้านสาธารณสุขราว 30 ล้านคน อีก 270 ล้านคนคือผู้สูงวัยที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป หรือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 สูง.
    ---------------------------------
    อ่านต่อ : https://brandinside.asia/india-prov...1jeo5CED6yarfTephmh6v6L6DUwBYofuKjyfYnJwLmXYY

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว เที่ยวไทยสาหัสหนักมาก!!! จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งส่งผลให้โรงแรมหลายแห่งกำลังประสบกับอัตราการเข้าพักที่ต่ำกว่า 10% ในเดือนนี้ โดยล่าสุด Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า แม้การระบาดและมาตรการคุมเข้มของภาครัฐจะใช้เวลาเพียง 2 เดือน แต่กว่าการท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นตัวสู่ระดับที่เคยประเมินไว้อาจเป็นช่วงกลางไตรมาส 2 คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียแก่ภาคท่องเที่ยวถึง 1.1 แสนล้านบาทจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศที่จะหดตัว 22 ล้านคน

    อย่างไรก็ดี หากมีการบังคับใช้มาตรการควบคุม 3 เดือนจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวช้ากว่าเดิม นักท่องเที่ยวในประเทศจะเหลือเพียง 100.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียต่อการท่องเที่ยวกว่า 1.5 แสนล้านบาท แม้ในภาพรวมการท่องเที่ยวจะต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนในการฟื้นตัว แต่เราประเมินว่าการท่องเที่ยวในบางจังหวัดจะฟื้นตัวได้ก่อน.

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ขาดทุนมากที่สุดในประวัติศาสตร์!!! โดยเรื่องนี้ นิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ COVID-19 ระบาดมาตั้งแต่ปี 63 จนถึงปัจจุบัน ยอมรับว่าได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ ทอท.อย่างมาก

    ในปีงบประมาณ 64 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ ทอท.ซึ่งก่อตั้งมากว่า 40 ปีจะประสบปัญหาการขาดทุนจากการดำเนินงานกว่า 10,000 ล้านบาท จากเดิม-ทอท.จะมีผลการดำเนินงานที่มีกำไรมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประสบปัญหาขาดทุนครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ยืนยันว่า ทอท.จะยังคงเดินหน้าที่จะขยายขีดความสามารถของสนามบินทั้ง 6 แห่ง รองรับการให้บริการผู้โดยสารต่อไป.
    -------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.thairath.co.th/news/bus...ezsNG4YHc3Sgz1ssemazVRhfLFxYlZzC62Og3D-paTexM

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว ค้านก่อตั้งโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์!!! ชาวเขาหินซ้อน เดินสายยื่นหนังสือร้องคัดค้าน 'โครงการก่อตั้งโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์' เพื่อแยกเอาทองแดง ตะกรันโลหะ และถอดส่วนประกอบอื่นออกจากแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่ หลังจ่อตั้งริมฝั่งแควระบม แหล่งต้นน้ำคลองท่าลาด ลำน้ำสาขาลุ่มแม่น้ำบางปะกงสายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวแปดริ้ว หวั่นก่อมลพิษให้คนในพื้นที่

    โดยเรื่องนี้ พระปลัดอาทร ปัญญาปทีโป เจ้าอาวาสวัดท่าไม้แดง (แหลมเขาจันทร์) จ.ฉะเชิงเทรา เผยว่า การเดินสายเข้ายื่นหนังสือคัดค้านจากชาวบ้านต่อหน่วยงานราชการต่างๆ หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าโรงงานแห่งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเข้ามาก่อมลพิษให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ซ้ำเติมจากโรงงานแป้งมันสำปะหลังที่มีการแอบปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำคลองระบมเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ทั้งที่ลำคลองสายดังกล่าวเป็นต้นน้ำที่ไหลลงสู่คลองท่าลาด และถูกนำไปผลิตเป็นน้ำประปาหล่อเลี้ยงชาวฉะเชิงเทราในหลายอำเภอ ทั้งยังเป็นลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำบางปะกงด้วย

    ชาวบ้านตั้งข้อสงสัยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ทำการออกใบอนุญาตให้เข้ามาตั้งโรงานในพื้นที่ได้อย่างไร โดยที่ชาวบ้านไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน และไม่ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่อย่างเปิดเผยมาก่อนด้วย แต่มีเอกสารระบุว่า ได้มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเมื่อปี 2562 และมีการออกใบอนุญาตให้ในปี 2563.
    ------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.matichon.co.th/region/news_2535750

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #มอร์มูฟเป็นข่าว โชว์ผลงาน!!! ย้อนกลับไปในปี 2019 รัฐบาลปากีสถานได้จัดโครงการ 'สึนามิต้นไม้' โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนพื้นที่ใกล้กับโรงไฟฟ้า Balloki ซึ่งดูเหมือนพื้นที่เสื่อมโทรมและแห้งแล้ง โดยพวกเขาตั้งเป้าว่าจะทำให้มันกลายเป็นพื้นที่สีเขียวให้ได้ จึงเป็นที่มาของโครงการปลูกต้นไม้ครั้งใหญ่ดังกล่าว อนึ่ง หลังจากดำเนินโครงการไปได้ประมาณ 1 ปี รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของปากีสถานก็ได้โพสต์คลิปแสดงความเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา "พื้นที่ซึ่งคุณกำลังเห็นอยู่นี้คือพื้นที่นำร่องบริเวณใกล้โรงไฟฟ้า Balloki ซึ่งจะเห็นได้ว่านอกจากมีต้นไม้ที่ปลูกแล้วยังมีพืชหลายชนิดขึ้นมาอีก ซึ่งแม้จะยังไม่ใช่พื้นที่ป่าอย่างที่ตั้งใจ แต่การเปลี่ยนพื้นที่ดินแห้งแล้งเป็นพื้นที่สีเขียวได้ ทางรัฐบาลปากีฯก็มองว่าประสบความสำเร็จไปอีกขั้น

    โครงการดังกล่าว ตั้งใจจะปลูกต้นไม้ให้ครบ 10,000 ล้านต้น ภายในระยะเวลาอีก 5 ปีนับตั้งแต่ปีที่แล้ว หรือก็คือสิ้นสุดในปี 2024 ทั้งนี้ รายงานจาก The Redd Monitor ระบุว่าตอนนี้มีพื้นที่สีเขียวเพิ่มแล้วมากกว่า 2 ล้านไร่

    ** แม้ที่ผ่านมาจะมีเสียงวิจารณ์ถึงเรื่องการคอรัปชั่นภายในโครงการอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากหน่วยงานใหญ่ๆ ทั้ง World Economic Forum, WWF หรือ IUCN นอกจากนี้ การจ้างปลูกต้นไม้ยังทำให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น-พื้นที่ห่างไกลต่างๆ เป็นรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ ของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย.
    ------------------------------------
    อ่านต่อ : https://www.catdumb.tv/pakistan-tsu...F2-079IZFzBxv8VB42Gq2jW7et_ZPZjB_pP9FMJChAv54
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อนามัยโลกเผยพบผู้ติดเชื้อ ‘โควิดกลายพันธุ์’ จากอังกฤษแล้วใน 60 ประเทศ
    .
    องค์การอนามัยโลก (WHO) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์จากอังกฤษในอย่างน้อย 60 ประเทศทั่วโลก โดยเชื้อได้แพร่กระจายไปยัง 10 ประเทศแค่ภายในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    ไวรัสกลายพันธุ์ซึ่งแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิมถึง 70% กำลังสร้างความหวั่นวิตก ในขณะที่ทุกประเทศพยายามหาทางลดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ลงให้ได้จนกว่าวัคซีนจะมีเพียงพอต่อการใช้งานอย่างแพร่หลาย
    .
    ขณะเดียวกัน โควิด-19 สายพันธุ์ ‘แอฟริกาใต้’ ซึ่งคาดว่าจะระบาดได้เร็วยิ่งกว่าสายพันธุ์อังกฤษก็มีการพบผู้ป่วยแล้วใน 23 ประเทศ
    .
    รายงานของ WHO ระบุว่ายอดผู้ติดเสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 93,000 คนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และพบผู้ติดเชื้อใหม่มากถึง 4.7 ล้านคน
    .
    โครงการฉีดวัคซีนฉุกเฉินในสหรัฐฯ และยุโรปช่วยให้ทั่วโลกมีความหวังมากยิ่งขึ้นที่จะเอาชนะโควิด-19 โดยสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศเมื่อวันอังคาร (19) ว่ามีแผนฉีดวัคซีนให้แก่พลเมืองวัยผู้ใหญ่ราว 70% ภายในสิ้นเดือน ส.ค.
    .
    อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในอียู รวมถึงชาติที่มีประชากรมากอย่างรัสเซียและอินเดีย ยังคงเผชิญอุปสรรคในการแจกจ่ายวัคซีนให้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
    .
    สหรัฐฯ ยังเป็นชาติที่มีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตมากอันดับ 1 ของโลก และว่าที่ผู้นำคนใหม่ โจ ไบเดน ก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าการต่อสู้โควิด-19 จะเป็นภารกิจสำคัญลำดันต้นๆ ของรัฐบาล ภายหลังจากที่ตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันพุธ (20)
    .
    ที่มา: เอเอฟพี

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อเมริกาสยอง!! ยอดตายจากโควิดจ่อทะลุ 4แสน เร็วๆ นี้ ขณะจีนเจอระบาดแรงสุดรอบเกือบ 1 ปี

    จีนพบการระบาดของโควิด-19 รุนแรงที่สุดนับจากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตใน 30 รัฐของอเมริกายังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน และยอดรวมทั่วประเทศจ่อทะลุ 400,000 คนเร็วๆ นี้ ด้านทีมผู้เชี่ยวชาญอิสระชี้ปักกิ่งน่าจะมีมาตรควบคุมที่ดีกว่าเพื่อสกัดไวรัสโคโรนาตั้งแต่ต้นมือ พร้อมตำหนิ WHO ล่าช้าในการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน

    คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไวรสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น 118 คนในวันจันทร์ (18 ม.ค.) นับเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันที่พบเคสใหม่เกิน 100 คน โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น 106 คน

    ขณะเดียวกัน ชาวจีนหลายสิบล้านคนกำลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ บางเมืองทางตอนเหนือของประเทศมีการตรวจหาผู้ติดเชื้อครั้งใหญ่ท่ามกลางความกังวลว่า โควิด-19 อาจระบาดอย่างรวดเร็วในช่วงเทศกาลวันหยุดตรุษจีนเดือนหน้าซึ่งประชาชนหลายร้อยล้านคนจะออกเดินทางกลับบ้าน

    จีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 89,454 คน และผู้เสียชีวิต 4,635 คนนับจากที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติขององค์การอนามัยโลก (WHO) เดินทางถึงเมืองดังกล่าวแล้วและอยู่ระหว่างกักตัว ก่อนเริ่มตรวจสอบหาที่มาที่ไปของการระบาดของโควิด-19

    ขณะเดียวกัน เมื่อวันจันทร์ (18) คณะผู้เชี่ยวชาญอิสระเพื่อตรวจสอบวิกฤตโรคระบาดที่นำโดยเฮเลน คลาร์ก อดีตนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และเอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ อดีตประธานาธิบดีไลบีเรีย ได้เปิดเผยรายงานฉบับที่ 2 ที่เตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหาร WHO ในวันอังคาร (19) ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า จีนน่าจะดำเนินการมาตรการสาธารณสุขที่เข้มข้นกว่าที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้วเพื่อสกัดการระบาด

    ขณะที่ หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันตามปกติเมื่อวันอังคาร (20) ยอมรับว่า จีนควรทำได้ดีกว่านั้น แต่เธอบอกต่อไปว่านี่ไม่ได้หมายความว่า จีนไม่ได้พยายามมากพอ ด้านโกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ในเครือของเหรินหมินรึเป้า ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ออกมาปกป้องมาตรการรับมือของรัฐบาลแดนมังกร โดยบอกว่าไม่มีประเทศไหนเคยมีประสบการณ์ในการจัดการกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มาก่อน

    สำหรับรายงานของคณะผู้เชี่ยวชาญอิสระยังวิจารณ์ว่า องค์การอนามัยโลก เชื่องช้าเกินไปในช่วงแรกที่โควิดระบาด เช่น กว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมาธิการฉุกเฉินก็รอจนถึงวันที่ 22 มกราคมปีที่แล้ว แถมคณะกรรมาธิการยังตกลงกันไม่ได้ในการประกาศว่า โควิด-19 เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินระหว่างประเทศ จนกระทั่งอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง และกว่าจะยอมประกาศว่า เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลกก็ต่อเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2020 แล้ว

    รายงานยังระบุว่า ทั้ง WHO และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ล้วนล่าช้าในการเตือนประชาชนว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถติดต่อระหว่างคนกับคน ซึ่งรวมถึงคนที่ไม่แสดงอาการ

    สำหรับที่อเมริกา เว็บไซต์ติดตามโรคโควิด-19 ของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรายวันในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นใน 30 รัฐและวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะที่ยอดรวมสะสมทั่วประเทศทะลุ 398,000 คน

    เอลลี เมอร์เรย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาระบาดวิทยา คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยบอสตัน ชี้ว่า สาเหตุมาจากการสังสรรค์คลุกคลีกันในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ลากยาวมาถึงคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงการที่นักเรียนนักศึกษากลับเข้าห้องเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

    เวลานี้ อเมริกายังมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์ โดยศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) เตือนว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษอาจเป็นสายพันธุ์หลักที่ทำให้เกิดการระบาดในสหรัฐฯภายในเดือนมีนาคม พร้อมระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่เชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 50%

    ขณะเดียวกัน ซาลิม อับดุล การิม นักระบาดวิทยาชั้นนำของแอฟริกาใต้ เตือนเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดอาจไม่มีภูมิคุ้มกันมากนักต่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นไวรัสกลายพันธุ์หนึ่งในหลายๆ สายพันธุ์ที่พบในช่วงไม่กี่เดือนนี้ และสามารถระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิม 50% เช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบหลักฐานว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์เดิม

    นอกจากนั้น วิลเลม ฮาเนคอม นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งแอฟริกา ยังยืนยันว่า เนื่องจากวัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างครอบคลุมจึงไม่มีแนวโน้มว่า ไวรัสกลายพันธุ์จะต้านทานวัคซีนได้
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘ดูเตอร์เต’ ไม่ห้ามพลเมืองปินส์ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ แต่อวย ‘ซิโนแวค’ ยังไม่ทำใครตาย
    .
    ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ยืนยันวานนี้ (18 ม.ค.) ว่าตนจะไม่ห้ามพลเมืองฟิลิปปินส์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แม้จะมีรายงานคนชรากว่า 30 คนในนอร์เวย์เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนตัวนี้ก็ตาม
    .
    “แทบทุกคนที่ผมรู้จักต่างพยายามหาซื้อวัคซีนไฟเซอร์ตัวนี้ สำหรับผมก็คิดว่ามันดีอยู่หรอก” ผู้นำขาโหดวัย 75 ปี แถลงผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อช่วงกลางดึก “ถ้าพวกคุณอยากสัมผัสประสบการณ์แบบนอร์เวย์ เชิญเลย ไม่มีใครห้าม”
    .
    รัฐบาลนอร์เวย์ประกาศวานนี้ (18) ว่าจะไม่ยกเลิกการใช้วัคซีนของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค ขณะที่ตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานยาแห่งนอร์เวย์พบว่ามีคนชราที่อายุ 75 ปีขึ้นไป จำนวน 33 คน เสียชีวิตหลังได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ทว่าทั้งหมดล้วนป่วยหนักอยู่ก่อนแล้ว
    .
    สำนักงานอาหารและยาฟิลิปปินส์อนุมัติการใช้งานวัคซีนไฟเซอร์เป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวันที่ 14 ม.ค. นับเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับไฟเขียวใช้งานในแดนตากาล็อกซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยโควิดสะสมมากเป็นลำดับต้นๆ ของเอเชีย
    .
    รัฐบาลมะนิลาจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนในเดือน ก.พ. โดยตั้งเป้าสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชากร 70 ล้านคน หรือราว 2 ใน 3 ของประเทศ ภายในสิ้นปีนี้
    .
    ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวปกป้องการที่รัฐบาลของเขาสั่งซื้อวัคซีน “โคโรนาแวค” ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค ของจีน โดยระบุว่าวัคซีนตัวนี้มีการใช้งานทั้งในไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ตุรกี, อียิปต์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบราซิล และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว
    .
    ฟิลิปปินส์ยังได้ทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีนของโนวาแว็กซ์, โมเดอร์นา, แอสตราเซเนกา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รวมถึงวัคซีนของสถาบันกามาเลยาแห่งรัสเซีย
    .
    ดูเตอร์เต ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตคอร์รัปชันเกิดขึ้นในโครงการสั่งซื้อวัคซีนอย่างแน่นอน หลังจากวุฒิสภาได้เปิดการสอบสวนธุรกรรมการเงินของรัฐบาล รวมถึงตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในการกำหนดราคาและประสิทธิภาพของวัคซีน
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปกติกฎหมายมักเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้กับเหยื่อล่วงละเมิดทางเพศ แต่จะเกิดอะไรขึ้น หากกฎหมายบังคับให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบคนหนึ่งต้องทนอยู่กับคนที่ล่วงละเมิดทางเพศเธอ

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #แฉบิ๊กตำรวจสภาคองเกรสและเพนตากอนปล่อยกองทัพสาวกทรัมป์ก่อการร้าย #ถล่มนาน4ชั่วโมงทหารเพิ่งเข้าไปช่วย

    แฉชัด บิ๊กตำรวจสภาคองเกรสโอเคกับเพนตากอน ไม่เตรียมกำลังทหารไว้รับมือคลื่นกองทัพสาวก ปธน.ทรัมป์บุกถล่มแคปิตอลฮิลโดยหมายจะจับ ‘เพนซ์-เปโลซี’ เป็นตัวประกันคว่ำผลเลือกตั้ง การก่อการร้ายยื้อมากกว่า 4 ชม. กว่าทหารจะเข้าไปช่วย

    ภายใต้บรรดาธงรบที่เขียนชื่อของโดนัลด์ ทรัมป์ไว้อย่างอหังการ เหล่าสาวกเกรียนของประธานาธิบดีผู้ใกล้จะต้องพ้นตำแหน่ง ช่วยกันตรึงร่างบอบช้ำของตำรวจนายหนึ่งเบียดบดกับบานประตูโลหะกั้นทางเข้าสู่ด้านในอาคาร ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาถูกบันทึกอย่างละเอียดในคลิปวิดีโอ ในขณะที่ เกรียนบ้าคลั่งอีกส่วนหนึ่งช่วยกันถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจปางตายอีกนายหนึ่งด้วยการฟาดถังดับเพลิงไปบนหมวกเหล็ก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่นายนี้เสียชีวิตในวันต่อมา และยังจับตำรวจอีกนายหนึ่งทุ่มบอดี้สแลมจนกลิ้งตกไปในฝูงชน เอพีเล่าอย่างนั้น

    “จับไมค์ เพนซ์ แขวนคอ!” ผู้ก่อการร้ายนับร้อยแห่งม็อบสาวกทรัมป์ประสานเสียงตะโกนโหวกเหวก ขณะเบียดเสียดเบียดแย่งเข้าสู่ด้านในอาคารรัฐสภา พร้อมกับใช้ท่อเหล็กฟาดๆๆ ตำรวจทุกนายที่ขวางหน้า ผู้คนเหล่านี้ซึ่งอยู่ในอาการเลือดขึ้นหน้า มิได้เพียงแค่ตามล่าไมค์ เพนส์ รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากยังหมายหัวแนนซี่ เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนไล่ล่าสมาชิกรัฐสภาอีกมากมาย “พวกนั้นอยู่ไหน” ชาวม็อบทรัมป์ตะเบ็งกันให้ลั่น

    ในเวลาไล่เลี่ยกัน บริเวณลานด้านนอกอาคารยังถูกจัดเตรียมให้คล้ายดังลานประหาร มีการสร้างตะแลงแกงพร้อมเชือกแขวนคอคน ตลอดจนอาวุธปืนและระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนรอคอยที่จะทำการใหญ่

    #อัปยศอันทมิฬที่สุดครั้งนี้ของอเมริกา #มิใช่อุบัติเหตุทางการเมืองแต่ถูกจัดเตรียมอย่างเป็นระบบ

    ณ วันพุธที่ 6 มกราคม 2021 อัปยศอันทมิฬที่สุดครั้งหนึ่งของประชาธิปไตยอเมริกันบังเกิดขึ้น ในท่ามกลางขบวนประท้วงผลการเลือกตั้ง Save America Rally ซึ่งมีผู้สนับสนุนทรัมป์เข้าร่วมนับหมื่นราย มิได้มีเฉพาะเพียงประชาชนที่ประสงค์เพียงจะเข้าร่วมประท้วง ซึ่งเป็นการใช้สิทธิที่ให้ไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ทว่าได้มีการจัดเตรียมกองกำลังที่เชี่ยวชาญการต่อสู้แฝงไปกับคลื่นมหาชน เอพีตั้งข้อสังเกต

    กองกำลังเหล่านี้มีเป้าหมายแน่วแน่ที่จะเข้ายึดพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ภายในอาคารที่ทำการรัฐสภา เพื่อตามล่าเหล่าผู้นำแห่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ ทั้งนี้ ดูเหมือนพวกเขาวาดหวังว่า หากจับกุมสำเร็จ กระบวนการรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ว่า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะ ก็จะไม่สามารถดำเนินต่อได้

    ประธานสภาฯ เปโลซี ให้สัมภาษณ์รายการ 60 มินิตส์ที่ออกอากาศทางช่องซีบีเอสในวันอาทิตย์ (10) ว่า มันโจ่งแจ้งมากว่าคนกลุ่มนี้มีการวางแผนและจัดระบบการปฏิบัติภารกิจกันมาอย่างดี มีผู้นำ มีการนำและการกำหนดทิศทางเป้าหมายไว้แล้วทั้งหมด ซึ่งก็คือ ต้องจับตัวประกันให้ได้

    #ปฐมบทแห่งการจลาจล ณ 12.40 น.

    ภาพข่าวที่ถ่ายทอดสดจากหน้าเวทีปราศรัยของประธานาธิบดีทรัมป์และคณะ ทำให้คาดเดาได้ว่าจะเห็นสมรภูมิเดือดอย่างแน่นอน

    ณ สวนสาธารณะเอลลิปเซ่ ข้างทำเนียบขาว ม็อบสาวกตัวก๋าของทรัมป์ถูกปลุกเร้าอารมณ์ฮึกเหิมปรี๊ดแล้วปรี๊ดอีกด้วยถ้อยคำร้อนแรงอย่างเช่น เราต้องไม่ยอมให้พวกโกงเลือกตั้งได้ชัยชนะ - สู้ให้ขาดใจดิ้น - พวกคุณไม่อาจได้ประเทศคืนมาด้วยความอ่อนแอ - ไปไต่สวนความจริงด้วยการประจัญบาน – ไปสอยพวกชื่อดังมาเตะก้นเล้ย

    ฝูงชนผู้ประท้วง Save America Rally เหล่านี้ ซึ่งถูกเร่งเร้าให้ช่วยพลิกผลการเลือกตั้ง พากันเกรี้ยวกร่างออกเดินไปตามถนนเพนซิลเวเนีย อเวนิว แห่ตรงไปยังทางเข้าด้านหน้าของเดอะแคปิตอลฮิล พื้นที่ตั้งของกลุ่มอาคารรัฐสภา แต่แล้วตรงท้ายของขบวนก็มีฝูงชนกลุ่มหนึ่งผู้ร้อนแรงและมากด้วยฝีมือการต่อสู้แยกไปยังด้านหลังของกลุ่มอาคาร ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของพื้นที่ ในบริเวณนั้น มีฝูงชนรวมตัวกันอยู่แล้วอีกหลายร้อยราย บลูมเบิร์ก นิวส์ รายงานสด

    ณ 12.40 น. โดยประมาณ ฝูงชนที่ฮึกเหิมห้าวหาญนับพันตรงเข้าประจันหน้ากับแนวป้องกันของตำรวจ ซึ่งมีการตั้งแผงเหล็กกั้นจราจรเรียงต่อกันเป็นแนวยาว การปะทะรุนแรงปะทุทันทีในระหว่างฝูงชนผู้โกรธเกรี้ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแคปิตอลฮิล ณ บริเวณริมนอกทางฝั่งตะวันตก

    #ตะลุมบอนระลอกแรก15นาที #ชนะขาดแล้วไล่ตีตำรวจกระเจิง

    “ทันทีที่ฝูงชนมาถึงก็เปิดฉากการต่อสู้ คนพวกนี้มาพร้อมกับสารพัดอุปกรณ์จลาจล ทั้งหมวกเหล็ก หน้ากากกันแก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย ประทัด ชุดเครื่องมือไต่กำแพง!! วัตถุระเบิด ท่อเหล็ก ไม้เบสบอล” หัวหน้าตำรวจรัฐสภา (ตำรวจแคปิตอลฮิล) คือ สตีเว่น ซุนด์ เล่าอย่างละเอียดให้แก่วอชิงตันโพสต์

    ฝ่ายจลาจลใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็สามารถใช้กำลังคนที่มหาศาลกว่า เฮละโลกันยื้อแผงเหล็กกั้นจราจรไปมากับฝ่ายตำรวจ ยังไม่ทันจะ 13.00 น. แนวแผงเหล็กกั้นก็ล้มระเนนพังพาบไปกับพื้น แล้วฝ่ายจลาจลพากันดาหน้าฝ่าแนวป้องกัน ข้ามเข้าไปไล่ตีตำรวจ และตะลุยรุดหน้าสู่ด้านหลังของอาคารรัฐสภา ซีเอ็นเอ็นรายงานสด

    หลายคนฉีดแก๊สใส่ตำรวจ ใช้ท่อเหล็กฟาดตำรวจ และมีการฟาดถังดับเพลิงไปบนหมวกเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ตามด้วยการขว้างโทรโข่งใส่ตำรวจรายอื่นๆ พร้อมกันนี้ มีผู้ก่อการจลาจลหลายรายหิ้วบันไดและเชือกขดใหญ่ติดมือไปดำเนินการขั้นต่อเนื่อง คือการบุกเข้าสู่ด้านในของอาคารรัฐสภา

    ตั้งแต่ 13.10 น. ตำรวจนครบาลดี.ซี. ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจรัฐสภา และรุดมาถึงอาคารรัฐสภาจำนวน 100 นาย

    ณ 13.09 น. ซุนด์ หัวหน้าตำรวจแคปิตอลฮิล (Chief of the US Capitol Police) แจ้งไปยังผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของสภาทั้งสอง ได้แก่ เจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยแห่งวุฒิสภา (Sergeant at Arms of the US Senate) ไมเคิล สเตงเกอร์ และเจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยแห่งสภาผู้แทนฯ (Sergeant at Arms of the US House of Representatives) พอล เออร์วิง ขอให้ประกาศภาวะฉุกเฉิน อันเป็นขั้นตอนเบื้องต้นก่อนที่จะร้องขอความช่วยเหลือสนับสนุนจากกองกำลังรักษาชาติแห่งกรุงวอชิงตัน หรือ ดี.ซี. เนชั่นแนล การ์ด

    สเตงเกอร์และเออร์วิงตอบว่าจะประสานขออนุมัติขึ้นไปตามลำดับ!! วอชิงตันโพสต์รายงานอย่างนั้นในข่าววันที่ 11 มกราคม โดยอ้างอิงตามคำให้สัมภาษณ์ของซุนด์

    หลัง14.00 น.เล็กน้อย #ม็อบห้าวเป้งสาวกทรัมป์แหกช่องหน้าต่างเข้าสู่ภายในอาคาร

    หลังจากฝ่าแนวป้องกันชั้นนอก ฝูงชนก็เผชิญกับแนวกั้นชั้นในทางด้านหลังของอาคารแคปิตอลซึ่งมีการโรมรันยันกันไปมาหนักหน่วงที่สุดๆ ในเวลาหนึ่งชั่วโมงแห่งการต่อสู้ระหว่าง ฝูงชน กับตำรวจที่พยายามปิดกั้นและยันไม่ให้ฝูงผู้ก่อการร้ายฝ่าเข้าสู่ภายในอาคาร ณ หลายช่องทางเข้าออก คลื่นผู้ก่อการร้ายก็สามารถหักด่านแนวกั้นสำเร็จ แล้วกรูกันประชิดกำแพงและไต่ขึ้นไปในแนวตั้งฉาก 90 องศาซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องมีร่างกายที่แข็งแรงและมีทักษะความชำนาญขั้นสูง จนกระทั่งขึ้นถึงลานระเบียงชั้นบน ริมโถงทางเดินและห้องจัดแสดงงานศิลปะเชิงการเมือง หลังจากนั้นเป็นปฏิบัติการทุบทำลายกระจกหน้าต่างด้วยวัตถุแข็งขนาดใหญ่ที่เตรียมมาพรักพร้อม ทำให้มีช่องทางเข้าสู่ด้านในอาคาร แล้วจึงทำการเปิดประตูต่างๆ ได้หลายจุด บีบีซีรายงานอย่างนั้น

    ดังนั้น เมื่อเข็มนาฬิกาผ่าน 14.00 น.ไปนิดเดียว วิกฤติระดับสุดยอดจึงอุบัติขึ้น กลุ่มคนร้ายที่สามารถปักหลักที่ระเบียงด้านนอกของห้องแสดงประติมากรรมบุคคลสำคัญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือ National Statuary Hall ได้ช่วยกันทุบทำลายกระจกหน้าต่าง แล้วล่วงละเมิดเข้าสู่ภายในอาคารแคปิตอลสำเร็จ เว็บไซต์ข่าววาไรตี้เล่าประมาณนั้น

    เสียงหวอเตือนภัยดังระรัวไปทั่ว มีการประกาศปิดล็อคอาคารทั้งหมด ตำรวจแคปิตอลกระหน่ำอีเมล์กลุ่ม แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ในอาคารส่วนที่ทำการของสภาผู้แทนฯ ให้อพยพออก โดยใช้ลิฟต์พิเศษลงไปยังชั้นใต้ดินซึ่งเป็นอุโมงค์สำหรับขับรถไปมาตามอาคารต่างๆ ของแคปิตอลฮิล และเอพีเล่าด้วยว่า ทีมของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการลับ (US Secret Service) รุดเข้าสู่ห้องประชุมสภาทั้งสอง เพื่อคุ้มครองและนำพารองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และประธานสภาผู้แทนฯ แนนซี เปโลซีไปหลบภัยในสถานที่ปิดลับก่อน

    ณ 14.15 น. สว.และ สส. ที่ยังคงอยู่ในห้องประชุมของแต่ละสภา ได้ยินประกาศผ่านระบบเสียงของห้องประชุมสภา แจ้งทราบว่า “ผู้ประท้วงเข้าสู่ด้านในของอาคารแล้ว”

    ตำรวจนอกเครื่องแบบของแคปิตอลทำการเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์หนัก เพื่อปิดกั้นประตูเข้าสู่ห้องประชุมสภาผู้แทนฯ พร้อมกับเล็งปืนจ่อไปยังช่องด้านบนของบานประตู เตรียมที่จะตอบโต้ผู้บุกรุกได้ทันที ผู้ที่อยู่ในห้องประชุมสภาผู้แทนฯ ถูกสั่งให้หลบใต้เครื่องกำบังเช่นโต๊ะ-เก้าอี้ และให้สวมหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา เพราะม็อบซึ่งมีอาวุธมากมายได้ล่วงละเมิดเข้าถึงประตูห้องประชุมสภาฯ แล้ว เอพีรายงาน

    14.44 น. เริ่มอพยพ สส. และ สว.

    ณ 14.44 น. ปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้คนออกจากห้องประชุมไปยังสถานที่ปลอดภัยก็เริ่มขึ้น

    ในด้านของห้องประชุมวุฒิสภาก็เช่นกัน มีการเคลื่อนย้ายผู้คนไปยังสถานที่ปลอดภัย รวมทั้งหีบบรรจุเอกสารรับรองผลการนับคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง Electoral College ทุกรัฐ ซึ่งอยู่ในห้องประชุมได้รับการเคลื่อนย้ายไปด้วยในฐานะสิ่งสำคัญของทางการ

    #ชัดเจนผู้ก่อการร้ายมุ่งจับตัวประกัน

    เมื่อเจอปืนหลายกระบอกจ่อเตรียมยิงสวนใครก็ตามที่กล้าฝ่าเข้าสู่ห้องประชุมสภาผู้แทนฯ กลุ่มผู้ก่อการร้ายจึงย้ายไปอาละวาดทางห้องในตรงข้ามห้องประชุม ซึ่งเป็นสำนักงานของประธานสภา มีการทุบทำลายกระจกที่กรุบานประตูทางเข้า ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของแอชลี่ แบ้บบิต หลังจากนั้นผู้ก่อการร้ายก็หาทางเข้าไปจากด้านอื่นได้สำเร็จ และแผลงฤทธิ์ในห้องทำงานต่างๆ รวมทั้งห้องทำงานของประธานฯ เปโลซี

    เธอเล่าให้รายการ 60 มินิตส์ว่าผู้ก่อการร้ายมีเป้าหมายที่จะมาจับตัวประกัน

    “พวกนี้ตะโกนโหวกเหวกว่า ประธานสภาฯ อยู่ไหน นางต้องมีพนักงานสิ พวกนั้นต้องอยู่แถวนี้แหละ เราหาพวกมันให้เจอ” แนนซี เปโลซีเล่าอย่างนั้น

    ผู้ก่อการร้ายจอมก๋ากั่นอีกกลุ่มแยกไปตามล่าตัวประกันทางปีกอาคารฝั่งวุฒิสภา โดยขณะตระเวนไปถึงบริเวณด้านนอกของห้องประชุมวุฒิสภา ก็ประสานเสียงตะโกนกึกก้อง จะตามหาสมาชิกสภาให้เจอ
    “พวกนั้นอยู่ไหน พวกนั้นอยู่ไหน”

    คนเหล่านี้เข้าภายในห้องประชุมวุฒิสภาได้ในที่สุด ซึ่งตอนนั้นก็ไม่เหลือใครแล้ว เอพีบรรยายว่าคนเหล่านั้นถึงกับนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรดี แต่ที่สำคัญคือ กล้องบันทึกภาพของห้องประชุมจับภาพของชายสองคนถือกุญแจมือแบบซิปจำนวนมาก อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ใช้เมื่อเข้าจับกุมคนในเหตุจลาจล

    หากความพยายามจับกุมผู้นำของ สว. - สส. ประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถส่งผลให้การประชุมรัฐสภาเพื่อรับรองผลการเลือกตั้ง ต้องชะงักงันกันเป็นหลายวัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทรัมป์ปรารถนา

    เป็นเวลา 2 ชั่วโมงทีเดียวที่ผู้ก่อการร้ายและผู้บุกรุกอาละวาดแผ่ลามกว้างขวางทั่วอาคารแคปิตอล ความวุ่นวายโกลาหลทั้งปวงเขย่าขวัญชาวโลก
    หลายฝ่ายถามหากำลังพลรักษามาตุภูมิ เอฟบีไอ ตลอดจนกองกำลังป้องกันชาติ (เนชั่นแนลการ์ด)
    หลายฝ่ายเสนอการวิเคราะห์ความล้มเหลวของกองกำลังตำรวจแคปิตอลฮิล

    #ความล้มเหลวของตำรวจแคปิตอล: “เกียร์ว่าง” หรือ “ไม่เป็นงาน” !?!

    สตีเว่น ซุนด์ หัวหน้าตำรวจแคปิตอล เล่าให้วอชิงตันโพสต์ทราบถึงความพยายามป้องกันเหตุรุนแรงล่วงหน้าให้แก่รัฐสภา ซึ่งไร้ผลเพราะหน่วยเหนือไม่เห็นด้วย

    ในวันจันทร์ (4) สองวันก่อนการนัดเดินขบวนประท้วงกดดันให้ผลเลือกตั้งถูกยกเลิก ซุนด์รู้สึกได้ว่าจำนวนฝูงชนที่สนับสนุนทรัมป์และได้เดินทางมายเข้าร่วมการประท้วง Save America Rally น่าจะมหาศาล ดังนั้น ซุนด์จึงขอประสานงานกับเจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของทั้งสองสภา คือ ไมเคิล สเตงเกอร์ และพอล เออร์วิ่ง เจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยแห่งวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ตามลำดับ เพื่อร้องขอให้ดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ทำการเตรียมพร้อม สแตนด์บายที่จะช่วยเหลือสนับสนุน ในกรณีที่เกิดเหตุร้ายแรงและตำรวจรัฐสภาต้องการแบ็กอัพอย่างเร่งด่วน

    ปรากฏว่าทั้งสองปฏิเสธ โดยไม่บอกว่าได้คุยกับ ไรอัน แมคคาร์ธี รัฐมนตรีทบวงกองทัพบก (ซึ่งขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีกลาโหม) แล้วว่าตำรวจสภาไม่ต้องการกำลังสนับสนุนจากฝ่ายทหาร สิ่งที่ทั้งสองพูดคือไม่อยากให้เกิดภาพออกไปว่ารัฐสภาประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างเป็นทางการ ก่อนที่การเดินขบวนประท้วงจะเริ่มขึ้น ซึ่งจะดูไม่เหมาะสม ทั้งนี้ระเบียบกำหนดไว้ว่าการขอกำลังจากดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ดเข้ามาช่วยในแคปิตอลฮิล จะต้องเป็นกรณีร้ายแรง และต้องมีการประกาศภาวะฉุกเฉินอย่างเป็นทางการก่อน และต้องประสานขออนุมัติไปที่กระทรวงกลาโหม

    สเตงเกอร์แนะนำให้ซุนด์ใช้สายสัมพันธ์ที่มีอยู่กับดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ประสานอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อให้ฝั่งนั้นรับทราบและเตรียมพร้อมเผื่อว่าแคปิตอลฮิลต้องขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

    ในเย็นวันนั้น ซุนด์โทรศัพท์ประสานงานล่วงหน้าอย่างไม่เป็นทางการกับพล.ต. วิลเลียม เจ. วอล์กเกอร์ ผู้บัญชาการดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ซึ่งมีกำลัง 1,000 นาย (ถ้าเป็นรัฐอื่นๆ ผู้ว่าการรัฐมีอำนาจสั่งการกองกำลังเนชั่นแนลการ์ด แต่สำหรับวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นที่ตั้งของทำเนียบขาว และไม่มีผู้ว่าการรัฐ การอนุมัติเคลื่อนย้ายกำลังเป็นอำนาจของประธานาธิบดี และกระทรวงกลาโหมเป็นผู้สั่งการ)

    นอกจากนั้น ตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซุนด์ได้ประสานงานกับผู้บัญชาการตำรวจวอชิงตัน ดี.ซี. คือ โรเบิร์ต เจ. คอนตี ที่สาม โดยมีการนัดแนะกันไว้เป็นที่เรียบร้อย

    ในวันรุ่งขึ้น ซุนด์สรุปภาพรวมการเตรียมป้องกันรัฐสภา ให้เออร์วิงและสเตงเกอร์รับทราบ ทั้งสองเห็นชอบตามนั้นและบอกว่าน่าจะเพียงพอ

    #ม็อบสาวกทรัมป์สุดห้าวเป้งยังไม่เท่าซูเปอร์สาวกที่ดูดายชะตากรรมของ สว. และ สส.

    เมื่อวันพุธสุดอัปยศมาถึง การประเมินของเออร์วิงและสเตงเกอร์ปรากฏชัดว่าผิดพลาดร้ายแรง การเตรียมป้องกันรัฐสภา แบบไม่เป็นทางการที่ทั้งสองเลือกดำเนินการ กลายเป็นการเปิดฉากให้เกิดการสูญเสียชีวิต และนำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงต่อเกียรติภูมิของรัฐสภา

    ณ 13.00 น. เมื่อซุนด์ได้เห็นจำนวนและความร้อนแรงของฝูงชนผู้เกรี้ยวกราดจำนวนมหาศาลสามารถเอาชนะแนวป้องกันของตำรวจรัฐสภาอย่างง่ายดาย เขาทราบเลยว่าเหตุการณ์จะย่ำแย่แน่นอน เขารีบโทรศัพท์ไปขอกำลังสนับสนุนจากผู้บัญชาการตำรวจวอชิงตัน ดี.ซี. ดังนั้น ตำรวจดี.ซี 100 นายได้รุดมายังแคปิตอลฮิลภายในสิบนาที

    ณ 13.09 น. ซุนด์โทรศัพท์ถึงเออร์วิงและสเตงเกอร์ ย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องขอกำลังสนับสนุนจากดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ดังนั้นจึงขออนุมัติประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐสภา คำตอบที่ได้รับคือ
    จะประสานขออนุมัติขึ้นไปตามลำดับ!! แล้วจะแจ้งกลับมา

    ไม่กี่นาทีต่อมา บรรดาผู้ช่วยของผู้นำสภาคองเกรสโทรศัพท์ไปที่ออฟฟิศของสเตงเกอร์ และจึงได้ทราบจากระดับพนักงานออฟฟิศว่าเจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยแห่งวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ยังมิได้ประสานขอกำลังสนับสนุนจากดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ด้วยความโกรธอย่างจัด พวกเขาโวยวายไปในสายว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ที่ทั้งสองคนต้องดำเนินการโดยไม่ต้องรออนุมัติจากผู้นำ สว. หรือ สส.!!

    ณ 13.50 น. ซึ่งเป็นเวลา 9 นาทีก่อนที่ผู้ก่อการร้ายจะแหกเข้าสู่ด้านในของอาคารแคปิตอลผ่านช่องหน้าต่างของหอแสดงประติมากรรม National Statuary Hall ซุนด์หมดความอดทน จึงโทรศัพท์ไปยังพล.ต.วอล์กเกอร์ ขอให้เตรียมเคลื่อนย้ายดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด

    ณ 14.10 น. หลังจาก 1 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยการปะทะรุนแรงระหว่างตำรวจกับฝูงชนในจุดต่างๆ ของอาคารแคปิตอล เออร์วิงโทรศัพท์แจ้งซุนด์ว่า ได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการให้ประกาศภาวะฉุกเฉิน และให้ประสานไปยังดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ดได้

    รายละเอียดข้างต้นเป็นข้อมูลที่ซุนด์เล่าต่อวอชิงตันโพสต์ในวันที่ 10 มกราคม และวอชิงตันโพสต์ยังไม่ได้รับข้อมูลจากเออร์วิงหรือสเตงเกอร์เลย เพราะไม่สามารถติดต่อเออร์วิงได้ ส่วนสเตงเกอร์ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์

    แม้ได้ลาออกตามซุนด์เป็นที่เรียบร้อย แต่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าสูงสุดในการดูแลเสถียรภาพและความปลอดภัยภายในสภาทั้งสองของรัฐสภาสหรัฐฯ ทั้งสเตงเกอร์และเออร์วิงจะต้องถูกสอบสวนที่ไม่ดำเนินการเพียงพอในการเตรียมการ อีกทั้งดำเนินการล่าช้าในการป้องกัน สว. และ สส.

    การสอบสวนที่สำคัญข้อหนึ่งคือ ประเด็นที่นายกเทศมนตรีแห่งวอชิงตัน ดี.ซี.ได้ขอให้กองกำลังดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ดมาช่วยสนับสนุนกำลังตำรวจรัฐสภา ผ่านไปยังกระทรวงกลาโหมตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม แต่ปรากฏว่าในวันที่ 3 มกราคม บิ๊กตำรวจแคปิตอลฮิลเป็นฝ่ายที่ปฏิเสธ

    #ปรากฏการณ์บ่ายเบี่ยงมากด้วยแท็กติกของเพนตากอน

    ขณะที่ตำรวจถูกฝ่ายต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์เละ สายตาของชาวโลกพุ่งไปที่การเคลื่อนกำลังของดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด เพนตากอนซึ่งก็คือกระทรวงกลาโหม ถูกสาธารณชนตั้งคำถามอื้ออึงว่า เมื่อไรจึงจะสั่งการ

    แต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ได้ประสบด้วยตนเองในระหว่างการประชุมกับเพนตากอน หรือก็คือกระทรวงกลาโหม นับจาก 14.26 น. ถึงประมาณ 15.00 น. นั้น เพนตากอนมีท่าทีบ่ายเบี่ยง ดังปรากฏในคำบอกเล่าของหัวหน้าตำรวจซุนด์และนายกเทศมนตรีวอชิงตันดี.ซี. มิวเรียล บาวเซอร์ ที่ให้สัมภาษณ์แก่วอชิงตันโพสต์ โดยสรุปได้ดังนี้

    ณ 14.26 น. เนื่องจากดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด (ซึ่งพร้อมจะเคลื่อนกำลังได้ทันทีจำนวนร้อยกว่านายเข้าไปช่วยเคลียร์ผู้ก่อการร้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมดของแคปิตอลฮิล) จะเริ่มปฏิบัติการได้ก็ต่อเมื่อกระทรวงกลาโหมให้การอนุมัติ ดังนั้น ผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวอชิงตันดี.ซี. คริส รอดริเกซ ได้ประสานจัดประชุมทางไกล คอนเฟอร์เรนซ์คอล 6 ฝ่ายซึ่งรวมถึงผู้อำนวยการคณะเสนาธิการกองทัพบก พล.ท.วอลเตอร์ เพียต - ผ.บ.ตำรวจแคปิตอลฮิล สตีเวน ซุนด์ - ผู้บัญชาการดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด พล.ต. วิลเลียม เจ. วอล์กเกอร์ - ผ.บ.ตำรวจวอชิงตัน ดี.ซี. โรเบิร์ต คอนตี - นายกเทศมนตรีวอชิงตันดี.ซี. มิวเรียล บาวเซอร์

    แต่การประชุมไม่อาจสรุปได้ เพราะพล.ท.เพียตกล่าวว่าไม่อยากให้เนชั่นแนลการ์ดเป็นหน่วยเคลียร์ผู้ก่อการร้ายออกจากแคปิตอลฮิล แต่จะส่งเนชั่นแนลการ์ดไปปฏิบัติการเฉพาะรอบตัวเมืองวอชิงตัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของตำรวจดี.ซี. ดังนั้น ตำรวจดี.ซี.จะได้เป็นตัวหลักในปฏิบัติการนี้ นี่เป็นคำบอกเล่าของผ.บ.ตำรวจซุนด์

    นายกเทศมนตรีบาวเซอร์ก็ให้สัมภาษณ์ในลักษณะเดียวกัน และบอกด้วยว่าฝ่ายกองทัพแสดงความกังวลใจ ไม่อยากให้มีเจ้าหน้าที่ทหารไปอยู่บนพื้นที่ของรัฐสภา นอกจากนั้น ผู้ช่วยของบาวเซอร์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผ.บ.ตำรวจคอนตีถึงกับออกอาการอ้อนวอนให้เพนตากอน ยอมตามคำร้องขอจากตำรวจสภา

    คอนเฟอร์เรนซ์คอลซึ่งดำเนินเนิ่นนานโดยไม่เกิดผล ต้องยุติด้วยคำลงท้ายที่ไม่ต้องหารือกันต่อไป เมื่อพล.ท.เพียตบอกว่าการตัดสินใจสั่งเคลื่อนกำลังพลอยู่ที่รัฐมนตรีทบวงกองทัพบก ไรอัน แมคคาร์ธี ซึ่งอยู่ระหว่างประสานขออนุมัติจากรักษาการรัฐมนตรีกลาโหม คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์

    นายกฯ บาวเซอร์จึงหันไปเร่งประสานขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าการและหัวหน้าตำรวจของรัฐต่างๆ

    เห็นได้ว่าแม้เหตุวิกฤติการณ์ขั้นสุดยอดในรัฐสภาอเมริกันลุกลามนานกว่า 2 ชั่วโมงนับจาก 12.40 น. แต่เพนตากอนก็ยังไม่ส่งทหารเข้าไปช่วยตำรวจปราบปรามจับกุม

    #เพนตากอนไม่ฉับไวในยามวิกฤติสุดๆ เพราะ“เกียร์ว่าง” หรือ “เกรงใจ”

    เป็นที่ทราบกันดีว่าการอนุมัติเคลื่อนกองกำลังดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด เป็นอำนาจของประธานาธิบดี โดยมีรมว.กลาโหมเป็นผู้สั่งการ แต่ ขณะที่วิกฤติผู้ก่อการร้ายขยายความรุนแรงอย่างยืดเยื้อนั้น ทรัมป์ซึ่งปักหลักอยู่ในทำเนียบขาว มิได้ขยับทำหน้าที่อันสำคัญนี้

    เว็บไซต์ข่าว news18.com รายงานว่าทรัมป์ซึ่งแสดงให้เห็นตลอดปี 2020 ว่ากระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งที่จะเคลื่อนกำลังเนชั่นแนลการ์ดเข้าปราบปรามเหตุประท้วงของกลุ่ม “แบล็ก ไลฟ์ส แมตเทอร์” แต่เมื่อความรุนแรงเกิดขึ้นที่รัฐสภาโดยฝีมือของกองเชียร์ของเขา แหล่งข่าวใกล้ชิดให้ข้อมูลว่า ในช่วงต้นนั้น ทรัมป์ถึงกับคัดค้านในเรื่องนี้

    “การตัดสินใจเคลื่อนดี.ซี.เนชั่นแนลการ์ดอุบัติขึ้นในที่สุด โดยรษก.รมว.กลาโหม มิลเลอร์ แต่ไม่มีความกระจ่างชัดว่า ทำไมมิลเลอร์และทุกรายที่เกี่ยวข้องจึงปล่อยเวลาล่วงเลยเนิ่นนานเหลือเกิน” เดลิเมล์ดอทยูเค สื่อสัญชาติอังกฤษตั้งคำถามที่ตรงใจคนทั่วโลกไว้ในรายงานข่าววันศุกร์ (8)

    แต่สื่อมวลชนตลอดจนนักวิเคราะห์และนักวิจารณ์การเมืองทุกสถาบัน ออกโรงถล่มตำรวจแคปิตอลฮิลและฝ่ายต่างๆ ในด้านความมั่นคงของวอชิงตันดี.ซี.กันตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้นจากวันมหาอัปยศ

    #เพนตากอนยอมรับได้สรุปชัดเจนกับบิ๊กตำรวจรัฐสภาไม่ต้องส่งทหารช่วยกันเหตุร้ายวันดีเดย์
    สิ่งที่ตามมาคือการโบ้ยกันไปมาระหว่างเพนตากอนกับนายกเทศมนตรีบาวเซอร์ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นการโต้กันแบบ “คนละเรื่องเดียวกัน”

    เอ็นบีซีนิวส์เสนอรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดโดยอ้างอิงตามคำแถลงเรื่องลำดับเวลาที่เพนตากอนนำออกเผยแพร่ในเย็นวันศุกร์ (8) กับคำให้สัมภาษณ์ของฝ่ายต่างๆ ในวอชิงตันดี.ซี. ซึ่งสรุปได้ว่า

    #อาทิตย์(3) #เพนตากอนรับทราบว่าตำรวจแคปิตอลฮิลไม่ขอกำลังสนับสนุน

    #จันทร์(4) 1.เพนตากอนอนุมัติตามคำร้องขอว่าทหารจากเนชั่นแนลการ์ด 340 นายจะไปช่วยด้านการควบคุมจราจรกับควบคุมฝูงชนในเขตเมือง การสนับสนุนโลจิสติกส์ และกองกำลังโต้ตอบฉับพลัน 40 นายเตรียมพร้อมไว้ที่รัฐแมริแลนด์
    2.ตำรวจแคปิตอลฮิลยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับ รมต.ทบวงกองทัพบก แมคคาร์ธี ว่าไม่ขอกำลังสนับสนุน (ผู้ที่คุยกับรมต. ต้องเป็นระดับรับผิดชอบ เช่นสเตงเกอร์หรือเออร์วิง มิใช่ซุนด์ ซึ่งประสานได้แค่ระดับพล.ท.วิลเลียม วอล์กเกอร์ หัวหน้ากองกำลังดี.ซี.เนชั่นแนลการ์ด)

    #ในวันพุธ (6)
    ณ 13.24 น. นายกฯบาวเซอร์โทรศัพท์ร้องขอความช่วยเหลือจากเพนตากอน
    ณ 13.49 น. หัวหน้าตำรวจฯซุนด์โทรศัพท์ร้องขอความช่วยเหลือจากเพนตากอน
    ณ 15.04 น. (เท่ากับ75 นาทีต่อมา) รษก.รมว.กลาโหมมิลเลอร์ สั่งการด้วยวาจาอนุมัติการเคลื่อนกำลังเนชั่นแนลการ์ด
    ณ 15.26 น. รมต.แมคคาร์ธีบอกแก่บาวเซอร์และซุนด์ผ่านทางโทรศัพท์ว่าการเคลื่อนกำลังได้รับการอนุมัติแล้ว
    ณ 17.04 น. กองกำลังเนชั่นแนลการ์ดเคลื่อนออกจากคลังสรรพาวุธ
    ณ 17.40 น. เดินทางถึงแคปิตอล (ซึ่งเท่ากับว่าตั้งแต่ที่บาวเซอร์โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ จรดจนเวลาที่เดินทางถึงแคปิตอล ยาวนาน 4 ชั่วโมงทีเดียว)

    ด้านฝ่ายต่างๆ ในวอชิงตันดี.ซี. ย้ำในประเด็นว่าเพนตากอนต้องรับผิดชอบกับความล่าช้าในการเคลื่อนพล เพราะตลอดบ่ายจนจนเย็นค่ำ วิกฤติในรัฐสภาทวีความรุนแรงอย่างมหาศาล

    ลีลาการโต้เถียงแสดงถึงแท็กติกพลิกพลิ้วระดับเซียน ขณะที่ฝ่ายวอชิงตันดี.ซี. จิกที่ประเด็นความล่าช้าในบ่ายวันที่ 6 เพนตากอนกลับปักหลักกับความเพียบพร้อมที่ฝ่ายตนได้ดำเนินการในช่วงก่อนวันที่ 6 แล้วชี้แจงลำดับเวลาการประสานงานในบ่ายวันที่ 6 โดยไม่เดือดร้อน-ไม่ชี้แจงสาเหตุความล่าช้าจำนวน 4 ชั่วโมง ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ของรษก.รมว.มิลเลอร์ ณ วันที่ 7 ระบุว่าคำร้องขอในวันที่ 6 นั้น เพนตากอนได้ตอบสนองแล้ว โดยได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมและอย่างกระตือรือร้น

    เมื่อกระบวนการสอบสวนและดำเนินคดีต่อผู้รับผิดชอบในความเสียหายร้ายแรง เริ่มต้นขึ้น ประเด็นบิ๊กเจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยในสองสภาปฏิเสธความช่วยเหลือจากเพนตากอนถึง 2 ครั้ง (วันที่ 3 และวันที่ 4) นั้น ไมเคิล สเตงเกอร์ และพอล เออร์วิง คงยากที่จะเอาตัวรอดได้

    ส่วนประเด็นความล่าช้าอันเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญแห่งความเสียหายร้ายแรง จะถูกดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่ และผู้ใดบ้างที่จะถูกกฎหมายเช็คบิล เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป

    สื่อมวลชนพากันเสนอข้อมูลไว้อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่ว่า #ทรัมป์เป็นเจ้าหน้าที่ละเลยการทำหน้าที่จนก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงหรือไม่

    รายงานข่าวมากมาย รวมทั้งค่ายใหญ่อย่างซีเอ็นเอ็นรายงานว่า รองฯ เพนซ์ และ รษก.รมว. มิลเลอร์ ประสานงานกันแก้ปัญหาโดยไม่มีการเอ่ยถึงทรัมป์

    #ว่าที่จำเลยสังคมลำดับต่อไปคือมิลเลอร์ เขาอาจไม่ต้องพิสูจน์ว่าตนสั่งการไปยังเพนตากอน ณ เวลา 15.04 น. แต่ในส่วนของความล่าช้า 1-2 ชั่วโมง นับจากที่ฝูงชนบุกเข้าโจมตีเอาชนะตำรวจได้ หรือนับจากที่ผู้ก่อการร้ายแหกเข้าสู่ภายในทั่วอาคารนั้น #เขาแสดงความเกียร์ว่างใช่หรือไม่

    ทั้งนี้ มีข้อมูลปรากฏสู่ความรับรู้ของสาธารณชนว่ามิลเลอร์ถูกเพนซ์สั่งการและเร่งรัดด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างแรงเพื่อให้มิลเลอร์ลงมือเคลื่อนกำลังทหารมาช่วยปราบจลาจล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นในวันที่ 7 บอกว่า เมื่อมิลเลอร์แจ้งว่ากำลังทำขั้นตอนดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพนซ์ตอกกลับบอกว่าให้เคลื่อนกำลังทหารให้รวดเร็วขึ้นมากๆ กว่าที่กำลังดำเนินการอยู่

    ทั้งนี้ ซีเอ็นเอ็นฟันธงตรงๆ ว่าไม่ได้มีการเตรียมเคลื่อนเนชั่นแนลการ์ดอย่างเต็มที่จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงนับจากที่ฝูงชนที่เกรี้ยวกราดบุกขึ้นไปบนอาคารแคปิตอล

    อาจกล่าวได้ว่าข้อสังเกตจากเดลิเมล์ดอทยูเคว่าว่า “ไม่มีความกระจ่างชัดว่า ทำไมมิลเลอร์และทุกรายที่เกี่ยวข้องจึงปล่อยเวลาล่วงเลยเนิ่นนานเหลือเกิน” นั้น เป็นอะไรที่ตอกตรงเข้าไปท้าทายคุณภาพและมาตรฐานการรับมือกับเหตุวิกฤติร้ายแรงของประเทศ

    นักวิเคราะห์การเมืองจึงชี้ว่า ความไม่ฉับไวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ในเมื่อมิลเลอร์เป็นผู้ที่ทรัมป์เลือกเข้าสู่ตำแหน่งด้วยตนเอง ในการนี้ มิลเลอร์อาจจะลบคำกล่าวหาเรื่องเกียร์ว่างได้ โดยอ้างถึงกฎระเบียบที่ให้อำนาจการเคลื่อนกำลังพลไว้ที่ประธานาธิบดี แต่สำหรับประเด็นความล่าช้า อาจเกิดจากความเกรงใจ ซึ่งอาจทำให้มิลเลอร์ต้องเสียเวลามากมายในการหว่านล้อมให้ทรัมป์ออกมากระทำหน้าที่ นี่จะเป็นจุดคาใจสังคมอเมริกันและสังคมโลกไปนานแสนนาน

    #ทรัมป์ไม่ใช่ผู้สั่งเคลื่อนทหารเพราะทำเนียบขาวประกาศการเคลื่อนกำลังหลัง 15.30 น.

    ในที่สุด ได้เกิดปัจจัยสำคัญที่น่าจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นให้สถานการณ์พลิกคือ ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียออกโรงประกาศเมื่อประมาณ 15.30 น. ว่าจะส่งเนชั่นแนลการ์ดของเวอร์จิเนียเข้าไปช่วยกอบกู้สถานการณ์จลาจลตามการร้องขอจากนายกเทศมนตรีบาวเซอร์

    ในไม่กี่นาทีต่อมา ทำเนียบขาวก็ประกาศว่าประธานาธิบดีทรัมป์สั่งการให้เนชั่นแนลการ์ด เคลื่อนกำลังเข้ามาช่วยเช่นกัน เว็บไซต์ข่าวของนิตยสารฟอร์จูนรายงาน

    ประเด็นดังกล่าวนี้ไม่สอดคล้องกับการแถลงอย่างเป็นทางการของเพนตากอน ซึ่งบอกว่า ได้รับอนุมัติเคลื่อนกำลังด้วยวาจาจาก รษก.รมว.มิลเลอร์ ณ 15.04 น. และบอกด้วยว่ามีการแจ้งต่อฝ่ายวอชิงตันดี.ซี. ณ 15.26 น. ว่าการเคลื่อนกำลังได้รับการอนุมัติแล้ว

    #ตำรวจได้ลูกฮึดลงมือจับกุมผู้ก่อการร้ายไล่ต้อนผู้บุกรุกพ้นอาคารรัฐสภา แม้ทหารดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด ยังไม่เคลื่อนตัวจากคลังสรรพาวุธ

    ก่อนเวลา 15.48 น. ตำรวจรัฐสภาได้ลูกฮึดเริ่มปฏิบัติการกวาดจับกลุ่มหัวโจกผู้ก่อการร้ายทั้งในอาคารแคปิตอลและอาคารอื่นๆ เว็บไซต์ข่าวนิวยอร์กไทมส์รายงานสดอย่างสั้นๆ ตอนเวลาดังกล่าว และรายงานด้วยว่านายกฯ บาวเซอร์ออกคำสั่งเคอร์ฟิวทั่วกรุงแล้วโดยให้เริ่มตั้งแต่หกโมงเย็น ในการนี้ ตำรวจแคปิตอลฮิล บอมบ์แก๊สน้ำตาและระเบิดแสงจำนวนมหาศาลจากด้านในของปีกอาคารด้านวุฒิสภา จนควันและแสงคลุ้งตลบครอบพื้นที่ และสามารถกวาดต้อนผู้บุกรุกนับพันออกจากอาคารได้สำเร็จ

    ณ 16.00 น. ตำรวจนครบาลดี.ซี.ที่นอกตัวอาคารรับลูกต่อ โดยได้กำลังเพิ่มเติมเมื่อราว 16.30 น. ทั้งตำรวจนิวเจอร์ซีย์ เอฟบีไอและหลายหน่วยงานความมั่นคง เช่น หน่วยความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวอชิงตันดี.ซี. ในชุดปราบจลาจล สนธิกำลังผลักดันกองทัพสาวกตัวแกร่งของปธน.ทรัมป์ที่จะยื้อสู้ต่อ จึงต้องดำเนินการหลายชั่วโมงจนดึกดื่นก็สามารถเคลียร์พ้นแผ่นดินรัฐสภาอเมริกัน ด้านทหารเพิ่งเข้าไปช่วยเมื่อเกือบหกโมงเย็น

    ณ 17.00 น. สามารถเริ่มอพยพผู้นำ สว. และ สส. ออกจากแคปิตอลฮิล ไปยังฐานทัพฟอร์ต แมคแนร์

    ณ 17.40 น. กองกำลังดี.ซี. เนชั่นแนลการ์ด มาถึงแคปิตอลฮิล ขณะที่ สเตงเกอร์ ในฐานะเจ้าหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยแห่งวุฒิสภา ประกาศให้ทราบทั่วกันว่าแคปิตอลฮิล กลับสู่เสถียรภาพแล้ว

    แม้คำสั่งเคอร์ฟิวจะมีผลบังคับตั้งแต่ 18.00 น. แต่ผู้บุกรุกยังจับกลุ่มอยู่ตามลานพื้นที่อย่างหนาแน่น การผลักดันให้ผู้บุกรุกพ้นออกจากพื้นที่แคปิตอลฮิลจึงดำเนินต่อเนื่องจนล่วงเข้าดึกดื่น

    ในวันอัปยศครั้งมโหฬารนี้ มีการจับกุมผู้กระทำความผิดทั่วกรุงวอชิงตันที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อการร้ายและความผิดต่างๆ รวมทั้งการละเมิดคำสั่งเคอร์ฟิว รวมเกือบร้อยราย โดยเป็นผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับการก่อการร้ายภายในรัฐสภา จำนวน 13 ราย

    (ที่มา: เอพี, วอชิงตัน โพสต์, บีบีซี, 60 มินิตส์, ฟอร์จูน, บลูมเบิร์ก นิวส์, ซีเอ็นเอ็น, รอยเตอร์ส, อินไซด์เอ๊ดดิชั่นทีวี, news18.com, เดลี่เมล์ดอทยูเค, วิกิพีเดีย)

    โดย “รัศมี มีเรื่องเล่า”

    บรรยายภาพที่1 - 15.48 น. ตำรวจรัฐสภาได้ลูกฮึด ลุกขึ้นกวาดจับกลุ่มหัวโจกผู้ก่อการร้าย และดาหน้าบอมบ์แก๊ซน้ำตา-ระเบิดแสงจำนวนมหาศาลจนควันและแสงคลุ้งครอบพื้นที่ กวาดต้อนผู้บุกรุกนับพันพ้นออกจากอาคารแคปิตอลสำเร็จ ตำรวจนอกตัวอาคารรับลูกต่อ ได้กำลังเพิ่มเติมเมื่อราว 16.30 น. ทั้งตำรวจนิวเจอร์ซีย์ เอฟบีไอและหลายหน่วยงานความมั่นคง ผลักดันกองทัพสาวกตัวแกร่งของปธน.ทรัมป์ที่จะยื้อสู้ต่อ หลายชั่วโมงจึงพ้นแผ่นดินรัฐสภาอเมริกัน ส่วนทหารเพิ่งเข้าไปช่วยเมื่อ 17.40 น.

    บรรยายภาพที่2 - ผังของกลุ่มอาคารแคปิตอลแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ในทางทิศใต้ เป็นสำนักงานและห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร(เลข 3) กับกลุ่มห้องโถงต่างๆ รวมถึง National Statuary Hall(เลข 5) ส่วนทางทิศเหนือเป็นสำนักงานและห้องประชุมวุฒิสภา(เลข 4) กลุ่มตรงกลาง (เลข 6) เรียกว่าอาคาร Rotunda ซึ่งมีโดมครอบ เป็นโถงใหญ่เพื่อจัดพิธีสำคัญ ทางด้านหน้า(เลข 2) เป็นทางเข้า มีบันไดกว้างขวางเพื่อเดินขึ้นสู่ชั้นที่ 1
    ทั้งนี้จุดอ่อนของอาคารอยู่ด้านหลัง ซึ่งอยู่ทิศตะวันตก มีประตูเข้าอาคารจากลานระดับพื้นดิน บริเวณนี้เองที่ฝูงชนและผู้ก่อการร้ายเฮละโลเข้าไปถล่มแนวป้องกันต่างๆ และฝ่าเข้าด้านในอาคารผ่านช่องหน้าต่างบานสูงในหลายๆ จุด

    บรรยายภาพที่3 - ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ผู้ก่อการร้ายซึ่งมากด้วยทักษะการต่อสู้ และเครื่องมือจลาจลหักด่านตำรวจที่ป้องกันอาคารด้านหลังได้สำเร็จ แล้วช่วยกันทุบทำลายกระจกหน้าต่าง บุกเข้าในอาคารทางห้อง National Statuary Hall

    บรรยายภาพที่4 - สส. อเมริกันตกอยู่ในวิกฤติแห่งความเป็นและความตาย เมื่อผู้ก่อการร้าย พยายามพังประตูห้องประชุมสภา หมายจะเข้าไปจับเป็นตัวประกัน

    บรรยายภาพ5 - ตำรวจจับผู้ก่อการร้ายภายในอาคารและผลักดันฝูงชนพ้นจากอาคารและพื้นที่โดยรอบแคปิตอลฮิล ภาพซ้ายได้รับความอนุเคราะห์จาก Tyler Merbler ผ่านเว็บไซต์วิกิพีเดีย

    บรรยายภาพ6 - ไบรอัน ซิคนิค ตำรวจผู้เสียชีวิตเนื่องจากการปะทะกับผู้ก่อการร้าย ได้รับการสดุดีอย่างสมเกียรติในหลายเวทีของภาคประชาชน

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘ฮุนเซน’ ถกทูตอินเดียข้อตกลงการค้าเสรี แถมท้ายขอแดนภารตะช่วยเหลือวัคซีนโควิด
    .
    .
    MGR ออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาได้ร้องขอให้อินเดียพิจารณาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าเสรีเพื่อขยายการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ ในโอกาสที่เอกอัครราชทูตอินเดียประจำกัมพูชาคนใหม่เข้าเยี่ยมคารวะผู้นำเขมรที่อาคารสันติภาพในกรุงพนมเปญเมื่อต้นสัปดาห์
    .
    เอียง สุพัลเลธ เลขานุการส่วนตัวของนายกฯ ฮุนเซน กล่าวว่า ระหว่างการพบหารือ ผู้นำเขมรและเอกอัครราชทูตได้พูดคุยถึงการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและอินเดีย
    .
    เอกอัครราชทูตอินเดียได้เสนอการใช้อารยธรรม วัฒนธรรม และศาสนา เป็นเครื่องมือในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างกัน และให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการค้าและความร่วมมือระหว่างกัมพูชาและอินเดียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
    .
    ด้านนายกฯ ฮุนเซนกล่าวว่า เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับสองประเทศที่จะส่งเสริมและกระชับความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้าและการลงทุน โดยที่ข้อตกลงการค้าเสรีเป็นกุญแจสำคัญ
    .
    ข้อมูลจากสถานทูตอินเดียในกัมพูชากล่าวว่า ปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศอยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ในปี 2562 เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับ 227 ล้านดอลลาร์ในปี 2561
    .
    กัมพูชาส่งออกสินค้าไปอินเดียเป็นมูลค่า 82 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน เพิ่มขึ้น 69% จากปี 2561 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่าอยู่ที่ 168 ล้านดอลลาร์ ลดลง 6%
    .
    การลงทุนของอินเดียมีมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ โดยอินเดียติด 1 ใน 10 นักลงทุนต่างชาติในกัมพูชา โดยการลงทุนหลักของอินเดีย ได้แก่ เครื่องจักร การเกษตร พลังงาน การก่อสร้าง และการทำเหมือง
    .
    นอกจากประเด็นด้านความสัมพันธ์และการค้าแล้ว ฮุนเซนยังได้ร้องขอให้อินเดียช่วยเหลือเรื่องวัคซีนโควิด-19 ด้วย
    .
    อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนแล้ว และตั้งเป้าที่จะฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 300 ล้านคนภายในเดือนส.ค. นี้ หลังจากอินเดียอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ใช้งานในกรณีฉุกเฉิน 2 ตัว ความเคลื่อนไหวที่ผู้นำอินเดียระบุว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
    .
    ก่อนหน้านี้ นายกฯ ฮุนเซนได้ประกาศว่า รัฐบาลจีนได้จัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1 ล้านโดสให้กับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อฉีดให้กับประชาชน 500,000 คน และเขากล่าวว่าจะเป็นคนแรกของประเทศที่เข้ารับการฉีดเมื่อวัคซีนของจีนส่งถึงประเทศ.
    .
    .
    https://mgronline.com/indochina/detail/9640000005940

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,988
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ซื้อหวยที่สามีฝัน ลาวอพยพในแคนาดาคว้าแจ๊กพอต 60 ล้าน หลังตามนาน 20 ปี เล็งจะซื้อเพชรเป็นรางวัลชีวิต

    ด้วยเลขที่สามีฝันเห็น หญิงชนชั้นแรงงานวัย 57 ปีที่โตรอนโต แคนาดา นำไปซื้อลอตเตอรี่เลขเดิมต่อเนื่อง 20 ปี บัดนี้ เธอชนะรางวัลแจ๊กพอต 60 ล้านดอลลาร์แคนาดา กลายเป็นมหาเศรษฐีนีป้ายแดงโดยฉับพลัน ทั้งนี้ 1 ดอลลาร์แคนาดา เท่ากับ 23.62 บาท รางวัลที่แดงได้รับเท่ากับ 1,417 ล้านบาทก่อนหักภาษี

    นามของเธอคือ แดง ประวัติอุดม (Deng Pravatoudom) ผู้อพยพออกจากประเทศลาวไปยังประเทศแคนาดาเมื่อปี 1980 แดงกล่าวขณะออกโทรทัศน์รับเช็คที่เป็นกระดาษขนาดยักษ์ลวดลายสดใส เมื่อวันจันทร์ (18 มกราคม) ว่า

    “หมดทุกข์หมดยากแล้ว”

    แดงซึ่งอพยพมาเป็นพลเมืองของแคนาดาพร้อมพี่น้อง 14 ราย ให้สัมภาษณ์ว่าครอบครัวมีฐานะยากจน ได้รับความช่วยเหลือจากโบสถ์แห่งหนึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา

    “สามีและดิฉันรับจ้างขายแรงวันละสิบกว่าชั่วโมงตลอด 40 ปี พยายามอดออมเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด” แดงกล่าว

    ในท่ามกลางโรคระบาดโควิด 19 แดงซึ่งมีบุตรวัยทำงาน 2 คน กับหลานอีก 2 คน ถูกเลิกจ้างเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว (2020)

    ในยามที่ตกงาน แดงสวดมนต์ภาวนาขอให้โชคลาภมาเยือนชีวิตเสียที ทั้งนี้ แดงยังเดินหน้าเล่นลอตเตอรี่เลขเดิมที่ได้ตามต่อเนื่องตลอดสองทศวรรษ อันเป็นเลขที่ได้มาจากความฝันของสามี

    และแล้ว ในวันหนึ่งที่แดงเดินออกจากโบสถ์ในเมืองนอร์ทยอร์ก และแวะทำธุระที่มอลล์แห่งหนึ่ง โดยถือโอกาสตรวจลอตเตอรี่ Lotto Max ใบล่าสุด แดงพบว่าตนชนะรางวัล “ฟรีเพลย์” และตัดสินกด “เพิ่มเงิน”

    “ดิฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าสองสามวันต่อมา ลอตเตอรี่ฟรีเพลย์นั้นมีมูลค่ารางวัล 60 ล้านดอลลาร์” แดงเล่าอย่างนั้น

    สามีทราบผลรางวัลก้อนมหึมานี้ก่อนแดง

    “ดิฉันไปทำธุระที่ธนาคาร จึงมอบลอตเตอรี่ให้สามีไปตรวจผล เมื่อดิฉันกลับไปที่รถ เขาบอกว่าถูกรางวัล 60 ล้าน” แดงเล่าว่ารู้สึกดีใจไม่รู้จะดีใจอย่างไรอีกแล้ว และร้องไห้ระงมไปในเวลาเดียวกัน

    รางวัลแจ๊กพอต 60 ล้านนี้ ได้จากการประกาศผลเมื่องวดวันที่ 1 ธันวาคม 2020

    “ดิฉันภาวนามาโดยตลอดว่าขอพรจากพระอำนวยให้ครอบครัวได้รับการดูแล”

    หลังจากร่ำรวยจากฝันที่เป็นจริงครั้งนี้ แดงและสามีมีแผนใช้จ่ายสำคัญๆ ยาวเหยียด

    ทั้งคู่จะย้ายออกจาอพาร์ทเมนท์ ไปซื้อบ้านอยู่ ชำระค่าใช้จ่ายทั้งปวง แบ่งเงินไปช่วยเหลือครอบครัวตนเองและครอบครัวสามี แล้วเมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ก็จะออกเดินทางท่องเที่ยวสักครั้ง

    “ด้วยเงินตรงนี้ ดิฉันจะสามารถช่วยเหลือลูกหลานให้สบายขึ้น ไม่ว่าจะอยากได้สิ่งใด ดิฉันจะซื้อให้ ทั้งรถยนต์คันใหม่ เสื้อผ้าใหม่” หัวใจคนเป็นแม่กว้างกว่ามหาสมุทรเมื่อเป็นมิติของลูกหลาน

    “ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนั้นดิฉันไม่สามารถช่วยเหลือลูกหลานได้สักเท่าใดเลย”

    สำหรับรางวัลชีวิตพิเศษสุดแก่ตนเอง แดงบอกว่าจะซื้อเครื่องประดับเพชรสักหน่อย

    อนึ่ง ไม่มีการรายงานว่าสามีของแดงฝันอะไรให้แดงนำมาตีเป็นเลข อีกทั้งไม่ได้บอกว่าแดงจะตอบแทนโบสถ์อย่างไรบ้าง

     

แชร์หน้านี้

Loading...