ติดตามสถานะการณ์

#รู้จักแฮมทาโร่แก๊งจิ๋วผจญภัย
.
ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในบัดดลสำหรับ วิ่งนะแฮมทาโร่ สำหรับคนรุ่นวัยทีนเอจจนถึง 20กว่าๆน่าจะพอคุ้นกับตัวการ์ตูนหนูแฮมสเตอร์ที่มากันเป็นแก๊งค์และแต่ละตัวก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันไปได้ดี แต่สำหรับคนอีกรุ่นอาจจะเกาหัวว่าเจ้าแฮมทาโร่มันคืออะไร
.
แฮมทาโร่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2540 โดยบรรณาธิการนิตยสารสำหรับเด็กชั้น ป.2คิดว่าอยากได้ตัวละครการ์ตูนเด็กที่เป็นหนูแฮมสเตอร์จึงติดต่อนักวาดการ์ตุนที่เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์จริงๆคือคุณคะวาอิ ริทสึโกะ เป็นผู้วาดและเจ้าแฮมทาโร่ก็ถือกำเนิดขึ้นและได้อยู่ในนิตยสารสำหรับเด็ก ป.2ฉบับเดือนเมษายน หลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจมาพีคสุดในปี 2542จนสำนักพิมพ์ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลเจ้าแฮมทาโร่ และแล้วในเดือนกรกฎาคมปี 2543 เจ้าหนูแฮมทาโร่ก็ได้ขึ้นจอทีวีออกอากาศในเครือข่ายของทีวีโตเกียวในช่วงเวลาประมาณ 6โมงเย็นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ความนิยมของเจ้าแฮมทาโร่ยังขยายมาถึงเด็กเล็กก่อนวัยประถม อะนิเมชั่นแฮมทาโร่ทำเรตติ้งสูงถึงร้อยละ 10 เรียกได้ว่าขึ้นมาเทียบเคียงกับโดราเอม่อนและโปเกมอน แฮมทาโร่ออกอากาศอยู่นาน 5ปี 9เดือน มีทั้งหมด 296 ตอน ก่อนที่จะกลับมาออกอากาศใหม่ในแฮมทาโร่ภาค 2ที่มีความสั้นลงเหลือ 5นาทีออกอากาศทั้งหมด 77ตอน แฮมทาโร่เปิดบัญชีทวิตเตอร์เมื่อปี 2553 ถึงแม้จะหยุดเคลื่อนไหวไปพักนึงแต่ตอนนี้ได้กลับมาเคลื่อนไหวใหม่แล้ว
.
แฮมทาโร่ ได้มีการออกฉายทางโทรทัศน์ใน 35ประเทศ โดยในไทยออกฉายทาง UBC หรือ ทรูวิชชั่นในปัจจุบันเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2545 ความนิยมในตัวหนูแฮมสเตอร์ยังนำไปสู่การทำเกมส์ที่ใช้แฮมทาโร่เป็นตัวละครทั้งในเกมส์บอยและนินเทนโด
.
แฮมทาโร่ เป็นเรื่องราวของบรรดาเจ้าหนูแฮมสเตอร์ทั้งหลายที่แต่ละตัวมีเจ้าของต่างกันและมีบุคลิกแตกต่างกัน เป็นการเล่าเรื่องกิจกรรมของเจ้าหนูทั้งหลายที่จะมารวมตัวกันที่บ้านลับใต้ดินและออกไปซุกซนกัน ทำไมเรื่องราวของหนูแฮมสเตอร์เหล่านี้ถึงได้รับความนิยม มีคนญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เรื่องราวที่ทำให้รู้สึกดี ความน่ารักของพวกมันทำให้มันเป็นที่รักทั้งในเด็กผู้ชายและผู้หญิงและไม่ได้จำกัดอยู่แค่เด็กเล็กหรือเด็กประถมแต่ยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น นอกจากนั้นพวกมันยังมีภาษาเฉพาะในการสื่อสารกันที่เรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า แฮมโกะ หรือภาษาแฮม ทั้งคำทักทาย คำบอกว่าหิวและอื่นๆ ซึ่งเป็นการพูดที่น่ารัก มีเด็กญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ใช้ แฮมโกะ ในการเขียนไดอารี่ หรือบันทึกแลกเปลี่ยนระหว่างเพื่อน
.
นี่อาจเป็นเหตุผลที่กลุ่มเด็กๆที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองใช้ แฮมทาโร่ เป็นสัญลักษณ์ เพลงแฮมทาโร่ ที่มีท่วงทำนองสนุกปลุกให้ครึกครื้นมีกำลังต่างจากเพลงที่นักเคลื่อนไหวก่อนๆใช้ ถึงกับมีคนบอกว่าต้องขอบใจที่ทำให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองหลุดจากเพลงแสงดาวแห่งศรัทธาได้สักที นี่คือเพลงในการสื่อสารของคนรุ่นใหม่ ในรุ่น 4.0 จากคลิปการปราศรัยของเด็กมัธยมที่เราได้ดูจะเห็นได้ว่าพวกเขาใช้ภาษาในการสื่อสารที่ง่าย ไม่ได้ใช้คำที่ดูใหญ่แต่เป็นคำที่ทำให้คนรุ่นพวกเขาเข้าใจและเข้าถึง (คนที่อายุมากกว่านั้นก็เข้าถึงได้เช่นกัน) ผู้ใหญ่หลายคนอาจยังงงๆว่าทำไมต้องเป็นแฮมทาโร่ ทำไมต้องเป็นเมล็ดทานตะวัน ทำไมต้องวิ่ง พวกเด็กๆเขาอาจกำลังสื่อสารด้วยภาษา แฮมโกะ กันอยู่ก็ได้
.
#แฮมทาโร่ #วิ่งนะแฮมทาโร่

 

สมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทยยื่นข้อเสนอเพิ่มเติม หลังถกค่าธรรมเนียมทวงหนี้ร่วม ธปท.และสศค.แล้วตกลงกันไม่ได้ สาเหตุธปท.เคาะค่าทวงหนี้เหลือ 100 บาท ค่าลงพื้นที่ 500 บาท เพราะธปท.มองให้ความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ ส่วนเจ้าหนี้ทั้งไฟแนนซ์ ธนาคารที่ให้สินเชื่อรถยนต์ อ้างราคาไม่สมเหตุผลกับสินเชื่อของลูกหนี้ที่มีมูลหนี้หลายประเภท และไม่เท่ากัน ทำให้ต้นทุนค่าสจ้างบริษัทภายนอกทวงหนี้สูง (เอาท์ซอร์ส) และอาจทำให้คนหนีหนี้มากขึ้น ตกลงกันไม่ได้ ถกอีกครั้ง กันยายนนี้

 

กลัวที่ไหน?!! มลรัฐเซาทฺ์ดาโกตา,สหรัฐ จัดงานThe Sturgis Motorcycle Rally-10 วัน รวมนักแข่งมอเตอร์ไซด์ครั้งที่ 80 คาดมาร่วม 2.85 แสนราย คนในพื้นที่หวั่น รัฐบาลท้องถิ่นต้องการฟื้นเศรษฐกิจ

Cr.nydailynews

 

เฟซบุ๊ก อิงค์ ลบโพสต์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยอ้างว่ามีเนื้อหาที่เข้าข่ายละเมิดกฎห้ามแชร์ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000080320
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ศบค.รายงาน ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย กลับจากสหรัฐอเมริกา ตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 3,330 ราย ได้กลับบ้านเพิ่ม 4 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาลคอนนี้ทั้งหมด 124 ราย

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000080375
………………………………

 

นายกฯ ไม่โอเคคดี “บอส วรยุทธ” ชี้หลายเรื่องยังไม่ชัดเจน อยากให้โปร่งใส จะผลักดันติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการหลังเห็นข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบ

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000080359
………………………………

 

เพลิงไหม้ จยย.ในทำเนียบฯ กลางดึกวอด 4 คัน ไร้คนเจ็บ ตร.เร่งสอบสาเหตุ ผอ.สำนักโฆษกฯ ระบุเกิดจากไฟฟ้าช็อตรถ เร่งสอบไม่ให้เกิดซ้ำ

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000080335
………………………………

 

โซเชียลฟาดคลิป "บ่อนเฮียตี้" ตอกหน้า ผบช.น. ที่อ้างว่าเข้าไปไม่มีกล้อง พบพอเกิดเหตุสลด มีคนสั่งให้เด็กในบ่อน ขนย้ายอุปกรณ์การพนัน ถอดกล้องวงจรปิดทันที

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000080308
………………………………

 

ปฏิวัติสุขภาพกับปานเทพ
กดจุดไท่จง ลดความดันโลหิตสูง
ลดเส้นเลือดในสมองแตก

 

คนอ้วนและวัคซีนป้องกันโควิด
.
คนที่อ้วนนั้นมีผลกับการรับวัคซีนหลายประเภทอาทิเช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ตับอักเสบบีและโรคพิษสุนัขบ้า วัคซีนที่ใช้กับคนกลุ่มนี้จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าสำหรับคนน้ำหนักตัวปกติ นักวิทยาศาสตร์ก็มีคำเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีน Covid-19 ว่าโรคอ้วนอาจเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพของวัคซีนเช่นกัน

 

Aug 6, 2020 อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ เมื่อเวลา 11.35 น. มีรายงานเข้ามาว่า อเมริกาพบผู้ติดเชื้อเฉียด 5 ล้าน ดันยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วโลกขยับเพิ่มมาอยู่ที่กว่า 18.9 ล้านราย เสียชีวิตรวมทั่วโลกอยู่ที่ 711,220 ราย ขณะที่สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อกว่า 5.4 หมื่นราย ทั้งนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 2 ราย และไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม
.
#Covid19 #โควิด19 #ติดเชื้อ #แพร่กระจายเชื้อ #ไวรัสโคโรนา2019 #ทั่วโลก #อาเซียน #ไทย #asean #MisterBan

 

แท็กซี่แทงผู้โดยสารเกือบตายเนื่องจาก…..ตด
.
บอกก่อนว่าไม่ได้เกิดขึ้นที่เมืองไทยแต่เกิดที่ประเทศเกาหลี เมืองปูซานโดยมีแท็กซี่คนหนึ่งอายุ 50 ปี ถูกจับข้อหาพยายามฆ่าเนื่องจากเขาแทงผู้โดยสารกว่า 10 แผล เนื่องจาก….ตด
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารผายลมในรถหลายครั้งจนทำให้แท็กซี่ตัดสินใจเปิดกระจกรถเพื่อระบายกลิ่นจากนั้นเขากับผู้โดยสารก็ทะเลาะกัน ก่อนที่แท็กซี่จะทนไม่ไหวแล้วนำมีดยาวประมาณ 20 cm แทงผู้โดยสาร 10 กว่าครั้ง
ผู้โดยสารบาดเจ็บสาหัสแต่ยังไม่ตายแท็กซี่จึงถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า

 

ภูมิภาคตะวันออกกลางเหตุ ระเบิด ไฟไหม้ 3 แห่งซ้อนในวันที่4-5สิงหาคม 2563
**เลบานอน # เหตุระเบิดรุนแรงกลางกรุงเบรุต
**สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ : รัฐอัจมาน เมืองนี้ห่างจากดูไบ 50 กม. เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่
**อิรัก :เมืองนาจาฟ ไฟไหม้ครั้งใหญ่ เมืองศักดิ์สิทธิ์อันดับ 3 ของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ เป็นศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองของอิรัก เหตุรุนแรง 3 แห่งเกิดขึ้นพร้อมกันไม่เกิน 24 ชม.
# ก่อนหน้าเหตุระเบิด ไฟไหม้ เกิดขึ้นที่อิหร่านกว่า 20 จุดภายในเดือนมิถุนายนปลายเดือน -กรกฏาคม 2563
สถานที่ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โรงงานจรวดอาวุธทางทหาร คลังสินค้า ท่าเรือ โรงพยาบาล

#ยังไม่สรุปว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ แต่เป็นเหตุบังเอิญที่เกิดไล่เลี่ยกัน
และโซเซียลในตะวันออกกลาง ต่างคิดว่ามีเบื้องลึก.....?

แอดดมินแนบคลิป อิรัก และ uae ในความเห็น คลิปในลิ้งค์

 

เลบานอน : กรุงเบรุต ผู้เสียชีวิต มากกว่า 100คน บาดเจ็บมากกว่า5000คน
เลบานอนมีปัญหาในการค้นหา กู้ภัย และร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ
รวมทั้งโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วย เลือดไม่เพียงพอ ก่อนหน้าก็อยู่ในสถานการณ์ระบาดโควิด
#ผู้บาดเจ็บ เดินทางไกลไปรักษา กว่า500กม. เพราะ รพ. ไม่มี รพ.คนล้น รพ.อย่างน้อย4แห่งรอบท่าเรือพังจากแรงระเบิด รวมทั้งมีผูบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้สถานพยาบาลไม่เพียงพอ
#แอมโมเนียมไนเตรต มาได้อย่างไร
* ล่าสุดทางการเลบานอน ควบคุมเจ้าหน้าที่ท่าเรือ ทั้งหมดเพื่อสอบสวนคนที่เกี่ยวข้อง
* แอมโมเนียมไนเตรต มาจากเรือบรรทุกสินค้า ชื่อโรซัส ติดธงชาติมอลโดวา มาเทียบท่าในกรุงเบรุตเพื่อขอรับการซ่อมแซมเครื่องยนต์ซึ่งขัดข้องกะทันหัน ระหว่างเดินทางจากจอร์เจียไปยังโมซัมบิก ก่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและยึดอายัดเรือ ต้นสังกัดเรือได้ทิ้งเรือพร้อมกับต่อสู้ทางกฏหมายจนถึงปัจจุบันจนเกิดเหตุไม่คาดคิด
# ความช่วยเหลือหลั่งไหลจากทั่วโลก
*กลุ่มอาหรับ จากซาอุดีอาระเบีย คูเวต กาตาร์ และอิหร่าน มาก่อน
*สหภาพยุโรป ส่งนักดับเพลิงกว่า100 คนสุนัขดมกลิ่น และเครื่องมือหนัก คาดว่ามาถึงภายใน24 ชม.สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี กรีซ โปแลนด์และเนเธอร์แลนด์ ส่งทีมกู้ภัยบินด่วน
*ระบบแผนที่ดาวเทียมของสหภาพยุโรปจะถูกใช้เพื่อช่วยทางการเลบานอนในการกำหนดขอบเขตของความเสียหาย
*รัสเซีย ส่งบุคลากรทางการแพทย์ 50 คนพร้อมโรงพยาบาลเคลื่อนที่เที่ยวบินของรัสเซีย 3 เที่ยวบิน บินด่วนถึงเลบานอนรวมถึงห้องปฏิบัติการโควิด และอุปกรณ์กู้ภัย
* ออสเตรเลียมอบเงินช่วยเหลือ1.4 ล้านดอลลาร์
*อิรักกำลังส่งรถบรรทุกเวชภัณฑ์ 6 คัน และทีมแพทย์เพื่อช่วย รพ.ในเลบานอนที่ล้น
*อียิปต์และจอร์แดนกำลังจัดหาโรงพยาบาลภาคสนาม
*ตูนิเซียกำลังส่งทีมแพทย์และเสนอให้นำผู้ป่วย 100 คนกลับไปรับการรักษาในตูนิเซีย

#ตัวเลขผู้เสียชีวิตบาดเจ็บยังไม่นิ่ง เพราะหลายพื้นที่ยังไม่สามารถเข้าถึง
และผู้บาดเจ็บ หาโรงพยาบาลเองเดินทางไปไกลกว่า 500 กม.
#และยังมีความช่วยเหลืออีกจำนวนมากจากทั่วโลก ที่กำลังส่งมาเลบานอน

 

เวียดนาม : ประกาศ 42 ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่วานนี้ เช้านี้ประกาศเพิ่มอีก 4 ราย รวม46 ราย
พบเชื้อส่วนใหญ่ในดานัง และคนที่เคยมาดานัง ตรวจพบกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เคยมาดานัง ที่จังหวัดชายแดน
ตอนเหนือ จว. ลังเซิน จว.บักซาง (บักเกียง) ติดโควิด2 รายหลังจากมาเที่ยวดานัง รวมทั้งจังหวัดกวางหนาม พื้นที่ติดดานังก็เป็นจุดใหญ่ของการระบาดเช่นกัน รวมผู้ติดเชื้อ 717 ราย เสียชีวิต8 ราย

ข้อมูลภาพจาก: TTXVN

 

ในเบรุต ประเทศเลบานอนหลังจากการระเบิดเมื่อวานนี้
2020/08/05

 

“เลบานอน” เหลือข้าวบริโภคเพียงครึ่งเดือน หลังโกดังยักษ์กรุงเบรุต ถูกแรงระเบิดทำลาย

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างอิงคำกล่าว ในวันนี้ (5 ส.ค. 2020) ของ “ราอูล เนเมห์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการค้าของเลบานอน ซึ่งระบุว่า แรงทำลายจากเหตุการณ์าระเบิดครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ ได้ทำลายยุ้งฉางในกรุงเบรุตที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือและทำลายข้าวสาลีที่เก็บอยู่ไปทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้ปริมาณข้าวสำรองในประเทศเหลือพอให้บริโภคเพียง “ครึ่งเดือน” เท่านั้น

นอกจากนี้ รายงาน ระบุว่า การระเบิดไม่ได้เพียงแค่ทำลายยุ้งฉางเท่านั้น แต่ยังทำลายท่าเรือกรุงเบรุตจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ซึ่งทำให้ไม่สามารถขนส่งอาหารมายังท่าเรือแห่งนี้ได้

ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจรายนี้ เปิดเผยว่า ได้ออกคำสั่งให้เรือขนส่งข้าว 25,000 ตัน จำนวน 4 ลำเดินทางไปยังท่าเรือตริโปลี ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 2 ของเลบานอน ในทันที อย่างไรก็ตามยุ้งฉางที่ท่าเรือเมืองตริโปลีก็ยังไม่มีศักยภาพการเก็บสำรองอาหารได้เทียบเท่ากับยุ้งฉางในกรุงเบรุต

โดย “อาเหม็ด เทห์เมอร์” ผู้อำนวยการทาเรือแห่งตริโปลี ของเลบานอน เปิดเผยว่า ยุ้งฉางในกรุงเบรุตสามารถเก็บข้าวสาลีได้ถึง 120,000 ล้านตัน

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/world-news/news-501380

เพิ่มเติม
- Beirut Explosion Destroys Tonnes of Lebanon’s Food Stocks : https://ca.finance.yahoo.com/news/lebanon-tripoli-serve-main-port-065845575.html

- Lebanon blast lays bare cost of a weak state
https://www.reuters.com/article/us-...-lays-bare-cost-of-a-weak-state-idUSKCN2511GB

- Beirut reels from huge blast, as death toll climbs to at least 100 : https://www.reuters.com/article/us-...ath-toll-climbs-to-at-least-100-idUSKCN25107B

- Beirut death toll rises to at least 100 as explosion is blamed on 2,750-ton ammonium nitrate stash : https://www.cnbc.com/2020/08/05/bei...ld-top-100-ammonium-nitrate-stash-blamed.html

 

6 ส.ค.2563 บริษัท Japan Credit Rating Agency, Ltd. (JCR) เปิดรายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย โดย JCR ได้ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ A- และสกุลเงินบาทที่ระดับ A และยืนยันมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable outlook)

ทั้งนี้ JCR มองว่า ประเทศไทยมีมาตรการและการดำเนินการอย่างรวดเร็วในการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด -19 ส่งผลให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ และประเทศในทวีปยุโรป โดยการระบาดของโควิด -19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและการส่งออก

นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลังต่าง ๆ ของรัฐบาลในปี 2563 ทำให้รัฐบาลต้องขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงขึ้น อย่างไรก็ดี JCR ยังคงเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางการคลังและบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้อยู่ระดับที่เหมาะสมได้เนื่องจากมีการรักษาวินัยทางการคลังอย่างดีมาโดยตลอด และรัฐบาลยังมีพื้นที่ทางการคลังเพียงพอเพื่อดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาจากการระบาดของโควิด -19 โดย JCR คาดว่าการดำเนินมาตรการทางการเงินและการคลังข้างต้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2564

สำหรับภาคธนาคารและภาคต่างประเทศ พบว่า ภาคธนาคารมีเสถียรภาพ และภาคต่างประเทศแข็งแกร่ง โดยมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ประเทศไทยมีความยืดหยุ่นในการดำเนินมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต

https://www.thaipost.net/main/detail/73591

#RoundtableThailand
roundtablethailand.com

 

ทรัมป์เซ็นคำสั่ง
“รื้อ” ราคายา USA
บริษัทยาตั้งป้อมสู้กลับ
•
•
วันที่ 24 ก.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี 4 ฉบับ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างราคายา ลดราคายาราคาแพง ให้อยู่ในระดับที่ประชาชนทั่วไปจับต้องได้มากขึ้น
.
คำสั่งแรก มุ่งเป้าไปยังราคา “อินซูลิน” ให้ศูนย์สุขภาพชุมชน ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลกลาง นำส่วนลดที่ได้จากบริษัทยา ลงไปยังคนไข้โดยตรง ไม่ใช่เก็บ “ส่วนลด” ดังกล่าวไว้บริหารจัดการเองภายใน
.
คำสั่งที่สอง อนุญาตให้รัฐบาลของมลรัฐต่างๆ ร้านขายยา และร้านค้าส่ง สามารถนำเข้ายาจากแคนาดา ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ราคายาถูกกว่าสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัด เพื่อเอาเข้ามาจำหน่ายในประเทศได้ จากเดิมที่กฎหมายในประเทศห้ามนำเข้าไว้ชัดเจน โดยบริษัทยาต่อสู้กับรัฐบาลเรื่องนี้มาตลอดโดยอ้างเรื่อง “ความปลอดภัย”
.
คำสั่งที่สาม ทรัมป์ ตั้งใจจะกำจัด “พ่อค้าคนกลาง” ในการกินส่วนต่างค่ายา จาก “ส่วนลด” กรณีซื้อยาในล็อตใหญ่ อเล็กซ์ อาซาร์ รมว.สาธารณสุขสหรัฐฯ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมา บริษัทยา จ่ายค่า “ส่วนลดพิเศษ” ให้กับพ่อค้าคนกลาง รวมกันแล้วกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 47 ล้านล้านบาท) เพื่อแลกเปลี่ยนกับการนำยา เข้าไปใส่ไว้ใน “แพคเกจ” ของบริษัทประกันสุขภาพ
.
โดยหลังจากคำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับใช้ ส่วนลดดังกล่าว จะลงไปที่ราคายา ที่เภสัชกรจ่ายให้ร้านขายยาโดยตรง ซึ่งอาซาร์ บอกว่าจะประหยัดลงได้มากกว่า 26% - 30% หรือประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญต่อปี
.
และคำสั่งสุดท้าย ทรัมป์เตรียมให้ระบบ Medicare ระบบประกันสุขภาพของรัฐบาลกลาง สามารถซื้อยาได้ในราคาเดียวกับที่ประเทศอื่นซื้อ โดยเทียบราคายากับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก แล้ว “ขีดเส้น” ไว้ว่าสหรัฐฯ จะต้องไม่ซื้อยาในราคาที่แพงไปเกินกว่านั้น
.
ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2019 บริษัท Medbelle บริษัทด้าน Digital Healthcare รายใหญ่ของสหราชอาณาจักร เปิดผลสำรวจ พบว่าราคายาในอเมริกานั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นทั่วโลกกว่า 306% ซ้ำยังแพงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัจจัยด้านราคายาที่แพงลิบลิ่วขนาดนั้น ทำให้คนอเมริกันเข้าไม่ถึงระบบบริการสาธารณสุข และไม่สามารถสร้างระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างที่ประเทศที่พัฒนาแล้วประเทศอื่นทำกัน
.
ทรัมป์การันตีว่าด้วยคำสั่งทั้ง 4 ฉบับ คนอเมริกัน จะได้ใช้ยาด้วยราคาที่เป็นธรรมมากขึ้น และด้วยราคาที่ถูกลง พร้อมกับวิจารณ์ระบบก่อนหน้านี้ว่าเป็นระบบที่ “เหลวไหล” ที่รัฐบาลกลางไม่มีสิทธิ์ที่จะ “ต่อรอง” ราคายาให้ถูกลงด้วยซ้ำ
.
คำสั่งทั้งหมด ยังไม่มีผลจนกว่าจะถึงวันที่ 24 ส.ค. โดยทรัมป์ระบุว่าจะให้เวลาบรรดาอุตสาหกรรมยาทั้งหมด ในการเตรียมรับมือกับคำสั่งทั้งหมดนี้
.
สำหรับมาตรการลดราคายา และปรับโครงสร้างราคายาใหม่นั้น ถือเป็นศูนย์กลางของนโยบายสุขภาพของทรัมป์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2019 ทรัมป์ได้เซ็นคำสั่ง บังคับให้บริษัทยา ต้องเปิดเผย “ราคาต่อรอง” ของยาแต่ละชนิด ทำเนียบขาวยืนยันว่าในช่วง 4 ปีของทรัมป์นั้น ราคายาลดลงมากที่สุดในรอบ 50 ปี ทั้งยังอนุมัติยาสามัญ หรือยา Generic ในราคาที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ช่วยคนไข้ประหยัดเงินได้มากกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท
.
แน่นอน ทันทีที่ทรัมป์ออกคำสั่งพิเศษ ฟากอุตสาหกรรมยาก็โต้กลับทันที มิเชล แมคเมอร์รี ประธานและซีโอของกลุ่ม Biotechnology Innovation Organization ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNBC ว่า การควบคุมราคายาให้อยู่ใต้มาตรฐานเดียวกับต่างประเทศนั้น อาจกระทบกับบริษัทวิจัยและพัฒนาวัคซีนโรคโควิด – 19 และทำให้โรคนี้เรื้อรัง ยาวนานมากขึ้น
.
ขณะที่ สตีเฟน เจ อูเบิล ประธานและซีอีโอกลุ่ม PhRMA สมาคมวิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์แห่งอเมริกายาอีกแห่งบอกว่าทรัมป์กำลังทำระบบสาธารณสุขประเทศนี้ให้เป็น “สังคมนิยม” มากขึ้น และเป็นนโยบายที่อันตราย ที่จะทำร้ายคนไข้ในอนาคต
.
“ความพยายามของรัฐบาลชุดนี้ ถือเป็นการพยายามเบี่ยงประเด็นออกจากการบริหารสถานการณ์ไวรัสในขณะนี้ ซึ่ง และจะทำลายความเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม รวมถึงนวัตกรรมด้านยา ซึ่งจะส่งผลเสียกับคนไข้ที่ควรจะได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้” อูเบิลระบุในแถลงการณ์
.
ส่วนอัลเบิร์ต บอร์ลา ซีอีโอของกลุ่มไฟเซอร์ อีกหนึ่งบริษัทยายักษ์ใหญ่ บอกว่า คำสั่งดังกล่าว ออกมาเพื่อทำลายอุตสาหกรรมยา ซึ่ง ณ ขณะนี้ แต่ละบริษัทยา ก็ล้วนแต่มีเป้าหมายเดียว คือการเร่งผลิตวัคซีน และหาวิธีรักษาโรคโควิด – 19
.
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ และกลุ่มไบออนเทค ของเยอรมัน อยู่ระหว่างการทดลองเฟส 2 ของวัคซีนโควิด – 19 ในคน ซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างมากถึง 3 หมื่นคน โดยตั้งเป้าไว้ว่า จะผลิตวัคซีน 100 ล้านโดสในช่วงสิ้นปีนี้ และจะผลิตได้ทั้งหมด 1,300 ล้านโพสในช่วงสิ้นปี 2021
.
ศึกนี้ยังอีกยาวไกล เพราะอิทธิพลของบริษัทยาในสหรัฐฯ นั้นถือว่าไม่ธรรมดา และที่ผ่านมา กลุ่มนี้ก็เป็นกลุ่มที่ขัดขวางนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในอเมริกา จน “แท้ง” มาแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ

#ราคายา #ยาแพง #บริษัทยา #สหรัฐอเมริกา
อ้างอิงจาก

https://www.whitehouse.gov/briefing...ure-americans-access-life-saving-medications/

https://www.cnbc.com/2020/07/24/tru...tive-orders-aimed-at-lowering-drug-costs.html

https://www.cnbc.com/2020/07/28/pfi...-pricing-will-cause-enormous-destruction.html

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่านายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันพุธ ว่าตอนนี้รัฐบาลวอชิงตันกำลังดำเนินโครงการที่มีชื่อว่า "เครือข่ายสะอาด" มีเป้าหมายสำคัญรวมถึง "การกำจัด" แอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัทของจีนออกจากระบบการใช้งานภายในสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวอเมริกัน ว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ขณะเดียวกัน ปอมเปโอกล่าวด้วยว่า รัฐบาลวอชิงตันยังมีแนวคิดป้องกันการติดตั้งแอปพลิเคชันที่คิดค้นและพัฒนาโดยชาวอเมริกัน จากการติดตั้งและสามารถดาวน์โหลด เพื่อใช้งานบนระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ไร้สายทุกประเภทซึ่งผลิตโดยจีน เนื่องจากไม่ประสงค์ให้บริษัทและบุคลากรชาวอเมริกันเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอดแนมประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และการละเมิดสิทธิมนุษยชนของบริษัทหัวเว่ย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่การทูตหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ยืนยันว่าคำอธิบายทั้งหมดของเขาจะปรากฏเป็นนโยบายที่เป็นรูปธรรมในอีกไม่ช้า โดยปอมเปโอเอ่ยชื่อบริษัทและแอปพลิเคชันของจีน ที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น ว่ารวมถึงไชนา โมบายล์ ไชนา เทเลคอม หัวเว่ย อาลีบาบา ไป่ตู้ เทนเซ็นต์ ติ๊กต่อก และวีแชท ขณะที่บริษัททุกแห่งซึ่งถูกพาดพิงยังไม่ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ

ความคืบหน้าดังกล่าวของรัฐบาลวอชิงตันที่มีต่อผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน เกิดขึ้นหลังในสัปดาห์นี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนกรานว่าบริษัทไบต์แดนซ์ของจีน ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันติ๊กต่อก มีเวลา 45 วัน หรือจนถึงวันที่ 15 ก.ย. นี้ ในการขายกิจการของติ๊กต่อกในสหรัฐฯ ให้กับบริษัทไมโครซอฟต์ มิเช่นนั้นติ๊กต่อกต้องออกจากตลาดในอเมริกาเป็นการถาวร ด้านไบต์แดนซ์กล่าวเพียงว่า การเจรจากับไมโครซอฟต์เป็นความจริง ส่วนไมโครซอฟต์ ไม่รับประกัน ว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับไบต์แดนซ์ได้หรือไม่

ที่มา https://www.dailynews.co.th/foreign/788459

#roundtablethailand
Roundtablethailand.com