ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบงก์ชาติเวียดนามหั่นดอกเบี้ย 0.5% หวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 : ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ และอัตราดอกเบี้ย rediscount rate ลงมากถึง 0.5% ตั้งแต่วันนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

    -3937bb4%252Fimages%252F2%252F3%252F4%252F5%252F26995432-3-eng-GB%252FCropped-1589280570RTX7F5T1.jpg

    หนังสือพิมพ์เวียดนาม นิวส์รายงานในวันนี้ว่า SBV ได้ปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 แล้วนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ โดย SBV ปรับลดอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ลงจาก 5% ต่อปี สู่ระดับ 4.5% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย rediscount rate ลงจาก 3.5% สู่ระดับ 3%
    อัตราดอกเบี้ย rediscount rate หมายถึงดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารกลางเรียกเก็บจากธนาคารพานิชย์ เมื่อธนาคารพานิชย์นำเอกสารทางการเงินที่ธนาคารพานิชย์รับซื้อลดไว้ (Discounting) ไปขายลดต่อให้กับธนาคารพานิชย์อีกทอดหนึ่ง
    ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมีเป้าหมายในการเพิ่มสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งทำให้ธนาคารกลางจำนวนมากต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และออกมาตรการเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและตลาดโลก สำนักข่าวซินหัวรายงาน
    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช/รัตนา
    https://asia.nikkei.com/Economy/Vietnam-central-bank-to-cut-policy-rates-Wednesday-to-boost-growth
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 13) หยวนดิจิทัล คืออะไร เข้าใจเงินสกุลใหม่ของจีนใน 5 นาที : หยวนดิจิทัล หรือที่เรียกกันว่า Digital Currency Electronic Payment (DCEP) เป็นสกุลเงินที่ถูกสร้างขึ้นโดยธนาคารกลางของจีน ซึ่งเงินหยวนดิจิทัลนั้นจะเข้ามาแทนที่การใช้เงินในรูปแบบเงินสดหรือรูปแบบกระดาษ เป็นความต้องการของรัฐที่จะแก้ปัญหาความล่าช้าของระบบในปัจจุบันให้มีความรวดเร็วและคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับการใช้บัตรเครดิตหรือการชำระเงินออนไลน์ที่แพร่หลายในปัจจุบัน เงินหยวนดิจิทัลนั้นจะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐเหมือนกับเงินในรูปแบบกระดาษ โดยการคิดค้นและนำมาใช้ของหยวนดิจิทัลนั้นได้รับความร่วมมือจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายราย เช่น Tencent, Huawei และ China Merchants Bank โดยเงินหยวนดิจทัลนี้จะถูกเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มบริการชำระเงินหลาย ๆ ราย เช่น AliPay, WeChat Pay และแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกมากมาย

    8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5-2.jpg

    ย้อนรอยสังคมไร้เงินสดของจีน
    ปัจจุบันในประเทศจีนนั้นมีผู้ใช้งานการชำระเงินผ่านมือถือมากกว่า 500 ล้านคน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนของรัฐบาลจีนไปสู่หยวนดิจิทัลจะต้องเป็นไปแบบไม่มีรอยต่อและราบรื่น
    หากย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเริ่มการที่จีนนั้นเข้าสู่สังคมแบบไร้เงินสด บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent ได้เข้ามาปฎิวัติการชำระเงินผ่านรูปแบบเดิมไปอย่างสิ้นเชิง โดยได้ผสมผสานการชำระเงินในรูปแบบใหม่ที่ผู้คนนั้นสามารถชำระเงินได้อย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้รับการส่งเสริมมาจากทางรัฐบาลจีน
    วิวัฒนาการของสังคมไร้เงินสดของจีนนั้นเริ่มมาจากการใช้ QR CODE หรือบาร์โค้ดในการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์ม Alipay และ WeChat Pay ต่อมาก็ได้เริ่มพัฒนาการชำระเงินผ่านระบบตรวจจับใบหน้า (facial recognition) โดยผู้ใช้สามารถยืนยันตนกับทางธนาคารและสแกนหน้าผ่านเครื่องที่ร้านค้าเพื่อชำระเงิน สิ่งเหล่านี้ได้เริ่มทำให้ชาวจีนจำนวนมากนั้นสามารถออกจากบ้านแบบไร้กระเป๋าเงิน และค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่ดิจิทัล ซึ่งในตอนนี้รัฐบาลก็ได้เข้ามาสนับสนุนระบบการเงินแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยการริเริ่มใช้สกุลเงินหยวนดิจิทัลแทนเงินในรูปกระดาษ ที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนและยกระดับสังคมเงินสดของจีนขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
    หยวนดิจิทัลแตกต่างจาก Bitcoin อย่างไร?
    หลาย ๆ คนอาจจะเกิดความสงสัยว่าหยวนดิจิทัลนั้นแตกต่างจาก Bitcoin อย่างไร? เงินหยวนดิจิทัลของจีนนั้นไม่เหมือนกับ Bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ด้วยตัวของ Bitcoin เองนั้นไม่ได้ถูกควบคุมหรือดูแลจากรัฐบาลหรือธนาคารใดเหมือนเงินสดอย่างที่เราใช้กัน และการอ้างอิงมูลค่านั้นก็เกิดจากการคำนวนทางคณิตศาสตร์แทนทอง
    แต่ในส่วนของหยวนดิจิทัลนั้นพูดโดยง่ายคือการปรับเปลี่ยนรูปแบบเงินหยวนแบบกระดาษมาเป็นในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งการอ้างอิงมูลค่าของเงินหยวนดิจิทัลนั้นก็จะเหมือนกันและถูกควบคุมดูแลโดยรัฐ สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินนี้มีเส้นทางการเงินอย่างไร ซึ่งทำให้สกุลเงินหยวนดิจิทัลนั้นมีความน่าเชื่อถือไม่เหมือนกันการใช้ Bitcoin นั่นเอง
    มูลค่าเงินหยวนดิจิทัล
    เงินหยวนดิจิทัลนั้นมีอัตรามูลค่า 1:1 กับเงินหยวนในรูปแบบกระดาษ ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้เงินหยวนดิจิทัลแทนรูปแบบกระดาษได้เลยเพราะมีมูลค่าเท่ากัน แค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากกระดาษมายังแบบดิจิทัลเท่านั้น โดยผู้ใช้สามารถที่จะใช้งานผ่าน DCEP Wallet App หรือแอปพลิเคชันที่จัดขึ้นมาโดยเฉพาะที่จะมีฟังก์ชันอื่น ๆ มารองรับอีกด้วย เช่น การย้อนดูธุรกรรมทางการเงิน, การจัดการทางด้านการเงิน และการใช้ QR CODE อีกด้วย นอกจากแอปพลิเคชัน DCEP โดยตรง ผู้ใช้ยังสามารถที่จะใช้งานผ่านแพลตฟอร์มการชำระเงินอื่น ๆ เช่น Alipay หรือ WeChat Pay ได้อีกด้วย
    4 เมืองแรกนำร่องการใช้หยวนดิจิทัล
    การใช้งานเงินหยวนดิจิทัลจะถูกทดลองนำร่องใน 4 เมืองแรกของจีน คือ เซินเจิ้น, ซูโจว, สงอัน และเฉิงตู โดยการทดลองใช้งานนี้จะมีระยะเวลาถึง 6-12 เดือน ซึ่งร้านค้าหลาย ๆ ราย เช่น McDonald’s, Starbucks และ Subway ก็อยู่ในระหว่างการพิจารณาการร่วมทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลนี้ รวมถึงยังมีแผนที่จะนำเข้าไปใช้ในระบบของรัฐอีกด้วย โดยเงินเดือนของพนักงานของรัฐก็จะถูกจ่ายผ่านทางหยวนดิจิทัล เริ่มเดือนพฤษภาคมนี้
    ซึ่งถ้าหากการทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลนั้นเป็นไปด้วยดีและสำเร็จ ประเทศจีนนั้นก็จะเข้าสู่สังคมแบบไร้เงินสดอย่างครบวงจรมากขึ้นจากการสนับสนุนโดยรัฐ ซึ่งการนำมาซึ่งเงินหยวนดิจิทัลนี้จะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อระบบการเงินโดยรวมของจีนแต่อย่างเดียว แต่จะนำมาสู่จุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของวงการการเงินทั่วโลกสู่ยุคดิจิทัลอีกด้วย
    Source :Techsouce
    https://techsauce.co/news/yuan-digital-the-new-china-currency
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    (May 13) "พาวเวล"ยันเฟดไม่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ : นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันว่า แม้เฟดใช้เครื่องมือด้านนโยบายจนหมดในการรับมือกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 แต่เครื่องมือหนึ่งที่เฟดจะไม่เข้าไปแตะคือการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ

    safe_image.php?d=AQCXMX_NneL8C9n-&w=500&h=261&url=https%3A%2F%2Fs4.reutersmedia.jpg

    "ผมรู้ว่ามีผู้ที่ต้องการให้เฟดใช้นโยบายดังกล่าว แต่ขณะนี้สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำการพิจารณา โดยเราคิดว่าเรายังมีเครื่องมือที่ดีที่เราจะใช้ได้" นายพาวเวลกล่าวในการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศปีเตอร์สัน (PIIE) ในวันนี้
    ในช่วงแรกของการเสวนา นายพาวเวลระบุว่า เฟดอาจต้องใช้เครื่องมือด้านนโยบายเพิ่มเติมเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่มีจำนวนผู้ตกงานมากกว่า 20 ล้านคนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
    อย่างไรก็ดี นายพาวเวลไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องมือด้านนโยบายดังกล่าว
    นอกจากนี้ นายพาวเวลยังระบุว่า ไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เกิดสถานการณ์ที่แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐเคยเผชิญในอดีต และสภาคองเกรสควรจะมีบทบาทมากขึ้นในการรับมือกับวิกฤตการณ์ดังกล่าวมากกว่าเฟด
    Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ
    -Powell: Fed not looking at negative rates
    https://www.reuters.com/article/us-usa-fed-instantview/powell-fed-not-looking-at-negative-rates-idUSKBN22P22M
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีใต้ป่วยจากผับอิแทวอน 131 คน
    สงสัยกว่าหมื่นคน ยังไม่รายงานตัวอีก 2 พัน

    ศบค.เผยเกาหลีใต้ป่วยจากผับอิแทวอนแล้ว 131 คน ต้องติดตามผู้สงสัยติดเชื้อกว่าหมื่นคน ยังไม่มีรายงานตัว 2 พันคน เป็นตัวอย่างของไทยในการผ่อนปรนระยะ 2 ต้องเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดระบาดระลอก 2

    วันนี้ (14 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ประเทศเกาหลีใต้ พบว่า ตั้งแต่ช่วง เม.ย.เป็นช่วงพีคและลดลง เกือบจะหมดในช่วงปลาย เม.ย. ส่วนต้น พ.ค.มีการติดเชื้อและเกิดการระบาดคลื่นลูกที่ 2 ซึ่งไทยเราไม่อยากให้เกิดตามนี้ ถือว่าน่ากังวลใจ โดยสรุปว่า มีผู้ติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวผับย่านอิแทวอนแล้ว 131 ราย ซึ่งล่าสุด เกาหลีใต้มียอดติดเชื้อเพิ่มขึ้น 29 ราย ยอดสะสมรวม 10,991 ราย เกิดความกังวลการระบาดระลอกที่ 2 และกำลังติดตามตัวผู้ต้องสงสัยติดเชื้อกว่าหมื่นคนให้มารายงานตัวและตรวจโรคกับทางการ ยังมีประชาชนกว่า 2 พันคนที่ไม่มารายงานตัว

    อ่านต่อ>>

    #เกาหลีใต้ #อิแทวอน #โควิดระบาดรอบ2 #ผับอิแทวอน
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน!
    มือดีฉกของ “ตู้ปันสุข” ไปขายต่อ
    #mgronline #ตู้ปันสุข

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "ประกันสังคม" เตรียมเปิดให้ลูกจ้างที่ไม่ได้เงินเยียวยาว่างงานเพราะโควิด-19 ทำเรื่องอุทธรณ์สิทธิ์ วันที่ 18 พ.ค. 63 นี้ ที่สำนักงานจัดหางานทุกแห่ง พร้อมย้ำวันที่ 15 พ.ค. ลูกจ้าง 2 แสนคนได้เงินแน่
    .
    ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า การจ่ายเงินชดเชยว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ขณะนี้มีจ่ายไปกว่า 7 แสนคนแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 2 แสนคน จะให้จบในวันที่ 15 พ.ค.
    .
    ส่วนคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์ตามที่ยื่นขอ จะเปิดให้ยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 18 พ.ค. ที่สำนักงานจัดหางานทุกแห่ง
    .
    #mgronline #ประกันสังคม #อุทธรณ์สิทธิ์ #เยียวยาว่างงาน #โควิด19
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หมอใหญ่สหรัฐฯ เตือนอย่าห้าว!!
    พวกอยากให้เปิดโรงเรียนเร็วๆ อาจเป็นอันตรายต่อเด็กๆ

    รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - นพ.แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดของสหรัฐฯ ซึ่งกลายเป็นสมาชิกในทีมงานเฉพาะกิจรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทำเนียบขาวที่เป็นที่รู้จักมักคุ้นกันมากที่สุดคนหนึ่ง ได้ปะทะคารมกับ แรนด์ พอล วุฒิสมาชิกอเมริกันสังกัดพรรครีพับลิกัน เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ในเรื่องควรจะเปิดโรงเรียนในสหรัฐฯ ขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อใด โดยยอมรับว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ที่พูดคำสุดท้ายในเวลามีการตัดสินใจเกี่ยวกับโรคระบาด แต่ก็เตือนว่าอย่าได้ทำตัวเป็น “อัศวินฮึกห้าว” เมื่อทำอะไรที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็กๆ

    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000050117

    #นายแพทย์แอนโธนีเฟาซี #สถานการณ์โควิดสหรัฐฯ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รำลึก “วันอัฏฐมีบูชา” วันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้า
    .
    วันนี้ (14 พ.ค. 2563) จะเป็น "วันอัฏฐมีบูชา" วันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งที่อาจไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก โดยวันอัฏฐมีบูชาคือวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าหลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน ตรงกับ วันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ไทย)
    .
    ตามพุทธประวัติกล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ณ ป่าสาละ เมืองกุสินารา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (วันวิสาขบูชา) แล้ว เจ้ามัลลกษัตริย์ ผู้ครองนครกุสินารา ได้ทำพิธีสักการบูชาพระบรมศพพระพุทธองค์หลังจากเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานเป็นเวลา 7 วัน ครั้นถึงวันที่ 8 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 จึงได้อัญเชิญพระบรมศพไปถวายพระเพลิง ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง
    .
    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/travel/detail/9630000049868

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครว่าเด็กไม่เสี่ยง!! สหรัฐฯเตรียมแพร่คำเตือน
    พบอาการอักเสบ “อันตรายในเด็ก” โยงโควิด-19
    .
    ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี) กำลังเตรียมเผยแพร่คำเตือนถึงแพทย์ให้ระวังอาการอักเสบอันตรายในเด็ก ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โฆษกซีดีซีเปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เมื่อวันอังคาร (12 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
    .
    กลุ่มอาการลึกลับดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วย มีผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง, มีไข้ต่อเนื่อง, อาการปวดในช่องท้อง, อักเสบ, อวัยวะอย่างน้อย 1 ส่วนทำงานไม่ปกติ และอาการอื่นๆ ที่คล้ายกับอาการช็อค ถูกรายงานออกมาโดยเจ้าหน้าที่ในนิวยอร์กเป็นรัฐแรก จากนั้นรัฐอื่นๆ ก็เริ่มรายงานเกี่ยวกับการพบเห็นอาการลักษณะดังกล่าวในช่วงสัปดาห์นี้ โดยที่ผู้ป่วยเด็กส่วนใหญ่ยังถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ร่วมด้วย
    .
    อ่านต่อ>>https://mgronline.com/around/detail/9630000050100

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรื่องเพื่อพิจารณาอนุมัติจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลตามแนวทางการจัดการแข่งขันแบบปิด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2563 นั้น

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050462
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คลังขยายเวลารับเรื่องร้องเรียนเงินเยียวยา 5,000 บาท วันที่ 18-29 พ.ค. โดยร้องเรียนได้ที่แบงก์รัฐ ส่วนต่างจังหวัดร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050411
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ครอบครัวแรงงานยากจนอินเดียที่มีหญิงครรภ์ 9 เดือนอยู่ด้วยได้เดินทางจากเมืองนาชิค( Nashik) รัฐมหาราษฎร์ เพราะไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเดินทางด้วยเท้ามุ่งหน้าไปรัฐมัธยประเทศที่อยู่ติดกันแต่บังเอิญที่เธอเกิดคลอดลูกในวันที่ 5 พ.คหลังเดินมาแล้ว 70 กิโลเมตร และยังเดินทางด้วยเท้าต่ออีก 160 กิโลเมตร หรือราว 4 วันก่อนที่จะถึงจุดตรวจที่รัฐมัธยประเทศระหว่างโควิด-19 ระบาด

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050413
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "อนุทิน" ตรวจห้างพารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์ เตรียมพร้อมเปิดกิจการระยะ 2 ย้ำต้องมีความพร้อมก่อนเปิด มอบกรมอนามัยเก็บตัวอย่างตรวจอนามัยสิ่งแวดล้อม ประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop Covid ป้องกันโรคตามมาตรการ

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050409
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กพท.ประกาศเปิดสนามบินภูเก็ต 16 พ.ค. 63 เวลา 00.01 น.เป็นต้นไป ผู้โดยสารเตรียมเอกสารแสดงตนตามประกาศคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัด

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050341
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ศบค.เผยเกาหลีใต้ป่วยจากผับอิแทวอนแล้ว 131 คน ต้องติดตามผู้สงสัยติดเชื้อกว่าหมื่นคน ยังไม่มีรายงานตัว 2 พันคน เป็นตัวอย่างของไทยในการผ่อนปรนระยะ 2 ต้องเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดระบาดระลอก 2

    อ่านต่อ >https://news1live.com/detail/9630000050273
    ............................................
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลงทุนแมน x CRC
    ธุรกิจเครือเซ็นทรัล รีเทลพร้อมขนาดไหน กับการเปิดบริการห้างและร้านค้าในเครือ?

    เมื่อวานเป็นวันแรกในรอบ 65 วัน ที่ผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มเลยสักรายเดียว
    นั่นทำให้อีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ มีโอกาสสูงมากที่ห้างต่างๆ จะกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง

    ถ้านับดูแล้วการปิดห้างเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา
    นับจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว

    คำถามต่อไปก็คือ อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อห้างกลับมาเปิดอีกครั้ง

    เราต้องเตรียมตัวอย่างไร
    และห้างได้เตรียมตัวอย่างไรบ้าง

    ซึ่งหากเราพูดถึงห้างที่เราคุ้นเคย ก็คงหนีไม่พ้นห้างเซ็นทรัล
    หนึ่งในเครือ เซ็นทรัล รีเทล หรือ Central Retail Corporation (CRC) ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของห้างที่มี Market Cap ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    แล้ว CRC เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

    รู้หรือไม่ว่า จากข้อมูลของ CRC บริษัทนี้มีแรงงานที่เกี่ยวข้องในระบบทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำรวมกันกว่า 19 ล้านคน คิดเป็น 57% ของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทย

    นั่นหมายความว่าเมื่อห้างกลับมาเปิดอีกครั้ง ก็เสมือนเป็นการเริ่มต้นเดินเครื่องจักรแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศอีกครั้ง

    สัดส่วนที่ว่านี้สำคัญ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า ห้างสรรพสินค้า
    เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะทำให้ธุรกิจในหลายภาคส่วนขับเคลื่อนไปได้

    ที่บอกว่าหลายภาคส่วนก็เพราะว่า
    เมื่อเจ้าของธุรกิจเริ่มกลับมาขายของได้
    ธุรกิจขนส่งสินค้าก็จะเริ่มกลับมา
    รวมไปถึงธุรกิจภาคการผลิตสินค้าก็จะเริ่มกลับมา เช่นกัน

    เมื่อการเปิดห้างกำลังจะกลายเป็นฟันเฟืองที่กลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจในวงกว้าง
    ทีนี้เรามาดูความพร้อมแรกของ CRC ในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย

    นอกเหนือจากการดึงแรงงาน 19 ล้านคนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว
    CRC ยังจัดพื้นที่จำหน่ายสินค้าฟรีทั่วประเทศไทยในช่วงวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ณ ศูนย์การค้าในเครือ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงกว่า 450,000 ราย

    นอกจากนั้น CRC ยังเพิ่มปริมาณการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร สินค้าชุมชนเพื่อนำสินค้าแปรรูปจาก 1,170 ชุมชน จำนวน 9,000 รายการ เข้ามาวางจำหน่ายในท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์

    รวมถึงการล็อกราคาสินค้า 23,000 รายการนาน 3 เดือน พร้อมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการลดราคาสินค้า 3,000 รายการตลอดปีนี้ เพื่อแบ่งเบาค่าครองชีพ

    นอกเหนือจากภาคเศรษฐกิจ อีกหนึ่งความพร้อมของ CRC ก็คือ เรื่องการชูมาตรฐานความสะอาดต่อยอดความแข็งแกร่งระบบสาธารณสุขไทย
    นอกจากการตรวจวัดอุณหภูมิ
    การให้พนักงานบริการสวมใส่ Face Shield และถุงมือแล้ว
    CRC ยังนำเทคโนโลยีการอบโอโซน และ UVC มาฆ่าเชื้อโรคบนธนบัตร

    รวมถึงสินค้าที่ต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง
    พร้อมทั้งจัดเป็นช่วงเวลาพิเศษ และมีช่องจ่ายเงินสำหรับผู้สูงอายุ คนพิการ และสตรีมีครรภ์

    โดย CRC ได้กำหนดเงื่อนไขการจำกัดจำนวนคนเข้าห้างที่ 1 คน 5 ตารางเมตร

    อีกหนึ่งความพร้อมของ CRC ก็คือใช้นวัตกรรมและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Seamless & Contact-free
    เช่น ผลกระทบจากวิกฤติโรคระบาด ทำให้ทุกคนมุ่งเข้าสู่สังคม Contact-free หรือการหลีกเลี่ยงที่จะจับต้องสิ่งของมากขึ้น โดย CRC ได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านระบบสแกนจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน Dolphin

    ประกอบกับ ความพร้อมของ CRC ที่จะต้อนรับและให้บริการลูกค้าทุกช่องทาง

    ไม่ว่าลูกค้าจะมาหาที่ร้าน หรืออยู่ที่บ้าน ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่ออกแบบการบริการตามกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป

    ยกตัวอย่างเช่น บริการแชทบอท พูดคุยกับพนักงาน รวมไปถึงการบริการแบบเราเข้าไปรับสินค้าเองไม่ต้องลงจากรถแบบ Drive Thru

    ทั้งหมดนี้ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ CRC วางยุทธศาสตร์ความพร้อมที่ 5 นั่นก็คือ ความพร้อมเร่งเครื่องแพลตฟอร์ม Central Retail & Service อย่างเต็มที่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของทุกภาคส่วน

    ทั้งการขยายการลงทุนต่อเนื่องในส่วนที่สำคัญ ต่อธุรกิจ เช่น นวัตกรรม เทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาทักษะบุคลากร และพัฒนาช่องทางการเชื่อมต่อกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ขยายไปยังประเทศเวียดนามและอิตาลี

    ทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

    จะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นของโรคระบาดโควิด-19 ในปีนี้ กลายมาเป็นความท้าทายทางธุรกิจต่อทุกบริษัทที่เราจะต้องเร่งพัฒนาตัวเอง พัฒนาทักษะคนในองค์กร รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม

    รวมถึงพฤติกรรมของเราที่เปลี่ยนไปตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือนที่ผ่านมา กลายมาเป็น Now Normal ที่กำลังส่งผลให้การดำเนินชีวิต และธุรกิจของเราต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือ รวมถึงวางแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปอีกในอนาคต

    ถึงตรงนี้ หากเราดูการเตรียมพร้อมของ CRC แล้วจะเห็นได้ว่า การเตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดห้างของ CRC เหล่านี้ จะทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์พฤติกรรม Now Normal ของเราได้ทั้งในมุมเศรษฐกิจ สุขอนามัย รวมถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท ไปพร้อม ๆ กัน..
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรณีศึกษา ญี่ปุ่น ประเทศที่ไม่โต แต่รวยแล้ว /โดย ลงทุนแมน
    ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
    โดยมีมูลค่า GDP ประมาณ 170 ล้านล้านบาท
    มีสัดส่วนถึง 6% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก
    และมี GDP ใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 10 เท่า
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ จนทำให้สุดท้ายญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้ในสงครามเมื่อปี 1945

    หลังจากนั้น สหรัฐฯ เข้ามาควบคุมญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมาย 2 อย่างคือ ไม่ให้ญี่ปุ่นสะสมกำลังทหารเพื่อทำสงครามแต่ให้มีเพียงแค่ป้องกันประเทศเท่านั้น และสหรัฐฯ ต้องการมีฐานทัพในเอเชียเพื่อป้องกันการแผ่อิทธิพลของอดีตสหภาพโซเวียตในสมัยนั้น

    อย่างไรก็ตาม การไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในด้านการทหาร กลับส่งผลดีทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วนับแต่นั้น

    ตั้งแต่ปี 1961 - 1970 ญี่ปุ่นมีการลงทุนในสัดส่วนที่สูงกว่า 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ เทียบกับช่วงก่อนสงครามที่มีสัดส่วนเพียง 10% เท่านั้น

    ปัจจัยที่สำคัญอีกด้านก็คือ
    ญี่ปุ่นเป็นชาติที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมหลังจากประเทศมหาอำนาจทางตะวันตกอย่างอังกฤษ สหรัฐอเมริกา

    แต่นั่นคือเรื่องที่ดี เนื่องจากทำให้ญี่ปุ่นสามารถนำเข้าเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง และผ่านการทดลองมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพ

    พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้ญี่ปุ่นไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกในการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียทางด้านปัจจัยการผลิต ทั้งวัตถุดิบ และเวลา น้อยกว่าชาติมหาอำนาจทางตะวันตกก่อนหน้า

    เมื่อรวมกับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นในสมัยนั้นภายใต้แนวคิด Income-Doubling Plan ที่ต้องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มทักษะการศึกษาให้แก่สังคมญี่ปุ่นในสมัยนั้น

    และคนญี่ปุ่นก็ถูกปลูกฝังให้เป็นสังคมแห่งการเก็บออม เรื่องนี้ทำให้ปริมาณเงินในระบบธนาคารของประเทศเพิ่มมากขึ้น อันส่งผลดีต่อภาคธุรกิจในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย เพื่อนำไปลงทุนและขยายธุรกิจ

    ทำให้ในช่วงระหว่างปี 1961 - 1970 GDP ของญี่ปุ่นเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 9.4% และยังคงเติบโตเรื่อยมาจนถึงในปี 1980

    ปี 1960 มูลค่า GDP ของญี่ปุ่นท่ากับ 1.5 ล้านล้านบาท อยู่อันดับที่ 7 ของโลก
    ปี 1980 มูลค่า GDP ของญี่ปุ่นท่ากับ 36.2 ล้านล้านบาท อยู่อันดับที่ 3 ของโลก

    ญี่ปุ่นได้ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของโลกนับตั้งแต่ปี 1990
    อย่างไรก็ตาม..

    ญี่ปุ่นประสบปัญหาการแข็งค่าของเงินเยน หลังจากการทำข้อตกลง Plaza Accord กับสหรัฐอเมริกา ในปี 1985 ทำให้ภาคการส่งออกของประเทศซึ่งนับเป็นภาคส่วนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบอย่างหนัก

    ก่อนที่จะตามมาด้วย วิกฤติฟองสบู่ในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงปี 1991

    จากเรื่องนี้ทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่เศรษฐกิจซบเซากินเวลาต่อเนื่องหลายทศวรรษ จนทำให้จีนแซงญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับที่ 2 ของโลกแทนนับตั้งแต่ปี 2010

    อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ สังคมผู้สูงอายุและอัตราเด็กเกิดใหม่ที่ลดลง ที่ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้นเติบโตช้าลง

    ญี่ปุ่นเป็นชาติแรกๆ ในโลกที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
    โดยปี 1970 ญี่ปุ่นมีประชากรอายุตั้งแต่ 65 ปีมากกว่า 7% ของประชากรทั้งหมด
    ขณะที่ปัจจุบัน สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มมาอยู่ที่ 28.4%

    ปี 2019 จำนวนเด็กเกิดใหม่ของญี่ปุ่นเท่ากับ 9 แสนคน เทียบกับช่วงปี 1971 ที่อยู่ประมาณ 2 ล้านคน

    ผู้สุงอายุมากขึ้น เด็กเกิดน้อยลง
    พอเป็นแบบนี้ เศรษฐกิจของประเทศจึงได้รับผลกระทบไปด้วย

    เรื่องนี้ทำให้ญี่ปุ่นต้องหันมาพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากขึ้น
    ปี 2018 จำนวนแรงงานต่างชาติในญี่ปุ่นเพิ่มสูงถึง 1.4 ล้านคน
    เทียบกับ 10 ปีก่อนหน้าที่มีจำนวนเพียง 0.4 ล้านคนเท่านั้น
    ทิ้งภาพของประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูงจากอดีตไปพอสมควร

    ทั้งนี้ การชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่นนั้น ทำให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนภาคบริการมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

    ในปี 2008 รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดตั้งองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาญี่ปุ่น ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาญี่ปุ่นเพิ่มจาก 8.4 ล้านคน มาอยู่ที่ 31.9 ล้านคน ในปี 2019

    ซึ่งคนไทยที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    ในปี 2013 คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นมีจำนวน 0.4 ล้านคน
    แต่ในปี 2018 จำนวนดังกล่าวเพิ่มสูงถึง 1.1 ล้านคน

    แม้เศรษฐกิจญี่ปุ่นดูเหมือนว่าจะชะลอตัวอย่างมากเมื่อเทียบกับอดีต
    แต่ต้องยอมรับว่าพื้นฐานของประเทศญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่ง และคนญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าประเทศอื่นที่กำลังโตเร็ว

    ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นมีทุนสำรองกว่า 45 ล้านล้านบาท ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเท่ากับ 1.42 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 118,000 บาท

    จากประเทศที่เคยเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของธนาคารโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    แต่ในปี 2019 ญี่ปุ่นกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา
    โดยญี่ปุ่นนั้นได้ลงทุนในพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มูลค่าสูงถึง 38 ล้านล้านบาท

    ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
    ในปี 2019 มูลค่า GDP ของโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่นนั้นเท่ากับ 53 ล้านล้านบาท
    ซึ่งใหญ่กว่า GDP ทั้งประเทศของเกาหลีใต้ สเปน และออสเตรเลีย ทั้งยังใหญ่กว่า GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศถึง 3 เท่า..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook -
    ลงทุนแมน

    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Japan
    -https://www.tourism.jp/en/tourism-database/stats/inbound/
    -https://www.nippon.com/en/japan-data/h00646/chinese-visitors-spend-¥1-8-trillion-in-japan-in-2019.html
    -https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_foreign-exchange_reserves
    -https://www.japanmacroadvisors.com/page/category/economic-indicators/labor-markets/immigration-to-japan/
    -https://www.macrotrends.net/countries/JPN/japan/gdp-growth-rate
    -https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_largest_historical_GDP
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_Decade_(Japan)
    -https://en.wikipedia.org/wiki/Demographics_of_Japan
    -https://www.weforum.org/agenda/2019/10/cities-in-2035/
    -https://www.statista.com/statistics/246420/major-foreign-holders-of-us-treasury-debt/

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เศรษฐกิจย่ำแย่ แต่หุ้นขึ้น /โดย ลงทุนแมน
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ธนาคารกลางประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้
    จะตกต่ำลงกว่า 14% ซึ่งถือเป็นการลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 300 ปี

    300 ปี เป็นตัวเลขที่น่าสนใจเพราะยุคนั้นเป็นยุคของเซอร์ไอแซก นิวตัน
    ผู้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วง หรือประเทศไทยก็คือ ยุคกรุงศรีอยุธยา..
    ╔═══════════╗
    Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
    เจาะลึกแบบ deep content
    ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
    Blockdit.com/download
    ╚═══════════╝
    เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤติในปีนี้ มีมูลค่าความเสียหายรุนแรง
    ยิ่งกว่ายุคสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และวิกฤติเศรษฐกิจทั้งหมดที่คนรุ่นเราพอจะนึกออก

    นอกจากประเทศอังกฤษ อีกหลายประเทศก็กำลังเผชิญหน้า
    กับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์ ไม่ต่างกัน

    สัปดาห์ก่อน ประเทศสหรัฐอเมริการายงานตัวเลข
    การว่างงานพุ่งทะลุ 20.5 ล้านคน ในเดือนเมษายน
    รวมถึงมีรายงานว่าบริษัทอเมริกันยื่นล้มละลายไปแล้วกว่า 78 แห่ง

    เรื่องนี้ส่งผลให้อัตราว่างงานชาวอเมริกันอยู่ที่ระดับ 14.7%
    ซึ่งถือเป็นระดับที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
    นับตั้งแต่ Great Depression ในปี ค.ศ. 1929 หรือ 91 ปีก่อน

    วิกฤติในครั้งนั้น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (Dow Jones)
    ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 381.17 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุดที่ 41.22 จุด
    คิดเป็นการตกลงถึง 89% ภายในระยะเวลา 3 ปี

    การตกลง 89% ของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นใกล้เคียงกับการตกลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย
    จากจุดสูงสุดที่ 1,789 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุด 204 จุด ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540
    ซึ่งในปีถัดมา GDP ประเทศไทย ติดลบ 7.6%

    ในขณะที่ปีนี้ IMF คาดการณ์ว่า GDP ประเทศไทยปีนี้ จะติดลบ 6.7%

    เท่ากับว่าวิกฤติปัจจุบัน ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงสุดครั้งหนึ่งในรอบประวัติศาสตร์

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดทุน
    ทั้งในสหรัฐอเมริกา ไทย รวมถึงทั่วโลก
    กลับไม่ได้ตกต่ำรุนแรงเหมือนในอดีต..

    แล้วสถานการณ์ตอนนี้กับในอดีต ต่างกันอย่างไร?
    ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

    ถ้าบอกว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์
    ทุกคนก็คงยอมรับ

    แต่นโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก กำลังทำอยู่ตอนนี้
    ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่บ้าบิ่นที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน

    เพราะตอนนี้ ธนาคารกลางในหลายประเทศหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    รวมถึงอัดฉีดเงินเข้าระบบมหาศาล แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    การอัดฉีดเงินเข้าระบบ หรือ Quantitative Easing (QE) เป็นนโยบายทางการเงิน
    ที่เริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในยุควิกฤติซับไพรม์ ปี ค.ศ. 2008
    ซึ่งใช้ได้ผลดี และทำให้สหรัฐอเมริกาฟื้นจากวิกฤติมาได้อย่างรวดเร็ว

    และก็เหมือนคนเคยเจ็บป่วย กินยาหาย
    เมื่อป่วยอีกก็อยากกินยานั้นอีกครั้ง..

    ซึ่งรอบนี้ การอัดฉีดเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้วิวัฒนาการเป็น Unlimited Quantitative Easing หรือ การพิมพ์เงินอัดเข้าไปพยุงสภาพคล่อง และธุรกิจไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดระยะเวลา

    ถึงตอนนี้ธนาคารกลางประเทศสหรัฐอเมริกาอัดฉีดเงินเข้าระบบไปแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 58 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 3.6 เท่าเมื่อเทียบกับ GDP ประเทศไทยปีที่ผ่านมา

    ทั้งหมดนี้สะท้อนไปยังความเชื่อมั่นในตลาดทุนที่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
    แม้ว่าจะเกิด Circuit Breaker หลายครั้งในหลายประเทศตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา

    การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้หลายคนยังมองวิกฤติโรคระบาด
    มีแนวโน้มที่กำลังจะสิ้นสุดภายในไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ และนโยบายทางการเงินที่บ้าคลั่งกำลังจะรักษาวิกฤตินี้ได้

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า “สิ่งที่เราต้องจ่าย” จากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่บ้าบิ่นขนาดนี้ จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในรูปแบบไหนบ้างในอนาคต

    หากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยสมบูรณ์
    ผู้คนเดินทางเป็นปกติ ไปเที่ยวเป็นปกติ
    ความต้องการ กำลังซื้อของเรากลับมาที่จุดเดิม

    เงินที่ล้นระบบจากนโยบายทางการเงินในวันนี้
    ก็จะถูกทำให้ลดลงในอนาคต

    และในวันนั้น
    บุคคลที่ติดยา แต่ให้หยุดเสพ
    เราก็จะได้รู้กัน ว่าอาการเป็นอย่างไร..
    ╔═══════════╗
    อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต

    เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 5

    หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019

    สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)

    Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html

    Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
    ╚═══════════╝
    ติดตามลงทุนแมนได้ที่
    Website - longtunman.com
    Blockdit - blockdit.com/longtunman
    Facebook - ลงทุนแมน
    Twitter - twitter.com/longtunman
    Instagram - instagram.com/longtunman
    Line - page.line.me/longtunman
    YouTube - youtube.com/longtunman
    References
    -https://www.history.com/topics/great-depression/great-depression-history
    -https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-3306033
    -https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-08/fed-slows-treasury-buying-again-to-7-billion-a-day-next-week
    -https://www.investopedia.com/terms/a/asian-financial-crisis.asp
    -https://www.britannica.com/event/Asian-financial-crisis
    -tradingview.com
    -investing.com

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เวียดนามพับแผ่นเปิดสายการบินใหม่ เล็งฟื้นฟูสายการบินเดิมหลังหมด COVID-19
    องค์การบริหารการบินพลเรือนเวียดนาม (CAAV) ยืนยันว่าจะไม่พิจารณาคำขอการตั้งสายการบินใหม่ในประเทศ เพราะเห็นว่าการฟื้นตัวสายการบินเดิมในประเทศหลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นมีความสำคัญกว่า แม้ตลาดการบินของเวียดนามเติบโตในอัตราตัวเลข 2 หลักต่อปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็ตาม โดยปัจจุบันเวียดนามมีสายการบินพาณิชย์ให้บริการอยู่ในประเทศทั้งหมด 5 สายการบิน ประกอบด้วย สายการบินเวียดนาม เจ็ทสตาร์แปซิฟิก เวียดเจ็ทแอร์ วาสโก และแบมบู
    rl=https%3A%2F%2Fwww.tcijthai.com%2Foffice-tcij%2Fheadpicture%2F5712d9c93fbf3d334c8e8a6e6b0aa9e8.jpg

    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/asean/10335
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    'สงครามปราบปรามยาเสพติด' ในกัมพูชาทำให้เกิดการทรมานและการทุจริตอย่างแพร่หลาย ต้องมีการยกเครื่องครั้งใหญ่
    กองบรรณาธิการ TCIJ 14 พ.ค. 2563 |

    bf4e5bccc989aca02404cd225ac79a00.jpg

    แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผย 'สงครามปราบปรามยาเสพติด' เป็นเวลาสามปีของรัฐบาลกัมพูชา ส่งผลให้เกิดการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้ศูนย์บำบัดยาเสพติดแออัดยัดเยียดเสี่ยงอันตราย และทำให้เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และไม่สามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้ว่าจะควบคุมยาเสพติดได้ | ที่มาภาพประกอบ: แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

    14 พ.ค. 2563 ตามข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยในรายงานล่าสุดของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2563 ระบุว่า “สงครามปราบปรามยาเสพติด” เป็นเวลาสามปีของรัฐบาลกัมพูชา ส่งผลให้เกิดการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่มขึ้นมากมาย ทำให้ศูนย์บำบัดยาเสพติดแออัดยัดเยียดเสี่ยงอันตราย และทำให้เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และไม่สามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้ว่าจะควบคุมยาเสพติดได้

    รายงานเรื่อง “การใช้สารเสพติด: ผลกระทบต่อประชาชนจากการปราบปรามยาเสพติดในกัมพูชา” (Substance abuses: The human cost of Cambodia’s anti-drug campaign)) ให้ข้อมูลว่า ทางการมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนจนและคนชายขอบ มีจับกุมพวกเขาโดยพลการ มักทรมาน และปฏิบัติอย่างโหดร้ายกับผู้ต้องสงสัย และส่งตัวคนที่ไม่มีเงินมากพอจะจ่ายค่าประกันตัวเข้าไปอยู่ในเรือนจำที่แออัดยัดเยียดอย่างมาก และเข้าไปอยู่ใน “ศูนย์บําบัดยาเสพติด” แบบกำมะลอ ทำให้ผู้ต้องกักไม่ได้รับการดูแลด้านสุขภาพ ทั้งยังตกเป็นเหยื่อการปฏิบัติมิชอบอย่างรุนแรง

    นิโคลัส เบเคลัง ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ‘สงครามปราบปรามยาเสพติด’ ของกัมพูชาเป็นหายนะที่ไม่รับการบรรเทา เป็นรูปแบบการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมที่มีรายได้น้อย สามารถทุจริตได้อย่างแพร่หลาย โดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อการสาธารณะสุขและความปลอดภัย

    นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชาได้เริ่มรณรงค์ปราบปรามยาเสพติดตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 ไม่กี่สัปดาห์หลังจากการมาเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์ โดยผู้นำทั้งสองต่างประกาศความร่วมมือต่อต้านยาเสพติด จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่รัฐ การรณรงค์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดการเสพและอันตรายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในกัมพูชา ทั้งนี้โดยการจับกุมผู้เสพยาเสพติดจำนวนมาก เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซาร์เข่ง รัฐมนตรีมหาดไทยเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับ “ผู้เสพยาและผู้ค้ายารายย่อยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสพและการจำหน่าย” ทุกคน

    แต่เช่นเดียวกับสิ่งที่เรียกว่า “สงครามปราบปรามยาเสพติด” ของฟิลิปปินส์ การปราบปรามยาเสพติดของกัมพูชาเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยมีเป้าหมายเป็นคนจนและคนชายขอบ และไม่คำนึงถึงว่าพวกเขาเป็นผู้เสพยาหรือไม่

    “การใช้แนวทางมิชอบเพื่อลงโทษผู้เสพยาไม่เพียงเป็นสิ่งที่ผิด หากยังไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ถึงเวลาแล้วที่ทางการกัมพูชาต้องรับฟังหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอย่างแพร่หลาย ซึ่งต่างชี้ให้เห็นว่าการรณรงค์โดยใช้กฎหมายในเชิงลงโทษ กลับยิ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อสังคมเพิ่มขึ้น” นิโคลัส เบเคลังกล่าว

    ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.amnesty.or.th/latest/news/792/


    https://www.tcijthai.com/news/2020/5/current/10332
     

แชร์หน้านี้

Loading...