ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผู้นำทั่วโลกร่วมลงขันเป็นเงินกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนต่อต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่สหรัฐอเมริกาเมินหน้าหนี โดยอ้างว่าทุกวันนี้ก็เป็นผู้นำในการรับมือโรคระบาดอยู่แล้ว มิหนำซ้ำประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคุยโวอเมริกาจะมีวัคซีนใช้เองภายในสิ้นปีนี้ สวนทางกับความเห็นผู้ของเชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ว่าอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี-ปีครึ่ง

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000048399
    ………………………………
    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
    Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    โควิด 19 เกาหลีใต้ และ บาร์เกย์
    .
    โควิด19 กลับมายังเกาหลีครั้งนี้ผ่านการระบาดจากบาร์แห่งหนึ่งในย่าน Itaewon ของกรุงโซล โดยผู้ที่ติดเชื้อนั้นเป็นชาย เขาแจ้งว่าไปเที่ยวบาร์ในย่าน Itaewon ซึ่งบาร์นั้นเป็นบาร์เกย์ ส่งผลให้ การระบาดหนนี้เป็นปัญหาสังคมนิดๆ
    ต้องเข้าใจก่อนว่าเกาหลีใต้ยังไม่ใช่ประเทศที่เปิดกับเพศที่สาม ดังนั้นกลุ่มคนที่ไปเที่ยวบาร์พวกนี้จะอำพรางตัวเองและไม่ต้องการเปิดเผยตัว และเมื่อผู้ที่ติดเชื้อระบุว่าไปเที่ยวบาร์เกย์มาทำให้เรื่องยากที่สุดคือการค้นหาตัวผู้ที่ไปบาร์แห่งนี้ หนักกว่านั้นมีข่าววงในว่ามีคนในระดับไอดอลของเกาหลีเป็นหญิงไปเที่ยวบาร์เกย์แห่งนั้นด้วย
    ปัญหานี้ทำให้เกิดแฮชแท็ก "Gay club" (club 클럽) ติดเทรนทวิตของเกาหลีการระบาดในเกาหลีคนนี้ไม่ต่างจากคนที่แล้วที่ระบาดจากคนในโบสถ์และกลายเป็นสิทธิเรื่องของศาสนา ทุนนี้เป็นสิทธิทางเพศซึ่งก็เหมือนกับครั้งที่แล้วคือเป็นปัญหาทางสังคมซ้อนกับปัญหาการระบาด

    https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-southkorea-idUSKBN22K0SK

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    ตำรวจแวนคูเวอร์แคนาดา เผยแพร่ภาพถ่ายคนอื่นซึ่งเข้าไปทำร้ายหญิงชราชาวเอเชียที่ไม่รู้จักกันแล้วเดินหนี
    โดยขอให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส แม้ตำรวจจะยังไม่ระบุว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการความผิดทางเชื้อชาติหรือไม่
    แต่เป็นที่รับรู้ว่าปัจจุบันความรุนแรงที่มีต่อชาวเอเชียในเมืองต่างๆของแคนาดามีมากขึ้นโดยมีสาเหตุหลังจากการระบาดของ โควิด19

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    หลังจากสงบมานานเพราะล๊อกดาวน์จากโควิด19 ฮ่องกงกลับมาวุ่นวายอีกครั้งในสภา............
    โดยมีการเปิดประชุมสภาเพื่ออนุมัติแผนฟื้นเศษรฐกิจและเกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย( pro-democracy)และฝ่ายสนับสนุนจีน(pro-Beijing)
    โดยในคลิปเป็น นาย Kwok Wai-keung สส ผู้สนับสนุนจีนลากตัวนาย Raymond Chan ฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย เพื่อนำเขาออกจากห้องประชุมสภา
    โดยหลังเกิดเหตุการณ์นี้ก็มีการแถลงและประท้วงต่อเนื่อง
    #HongKongProtests
    CR TW #ezracheungtoto

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    ก็ไม่มีใครไปมัสยิด เจ้าเหมียวก็เลยยึดเป็นบ้าน
    .
    ช่วงนี้มัสยิดทั่วโลกเพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 มัสยิดในตุรกีเช่นเดียวกันรวมถึงที่เมืองอิสตันบูลด้วย อย่างไรก็ดีมาสิพวกนี้ยังคงมีการดูแลทำความสะอาดและอิมาม แห่งมัสยิด Arakiyeci Ahmet Çelebi ได้เข้าทำความสะอาดมัสยิดและได้เจอกับแม่แมวเพิ่งมาคลอดลูกในมัสยิด
    เรื่องนี้เกือบจะเป็นไปไม่ได้ในช่วงเวลาปกติเนื่องจากจะมีการใช้งานและมีผู้คนตลอดเวลาแต่ในช่วงระบาดนี้มัสยิดเงียบทำให้เจ้าเหมียวใช้พื้นที่นี้ในการคลอดลูก
    อิหม่ามได้ย้ายเจ้าเหมียวไปยังบ้านของเขาแล้วทำความสะอาดพื้นที่ตรงนั้นก่อนจะซื้อนมไปเลี้ยงเจ้าเหมียวและลูก เขาได้นำเรื่องนี้ลงโซเชียลออนไลน์ของตุรกีก่อนจะเป็นเรื่องดังไปทั่ว โดยตั้งชื่อแม่เหมียวว่า“Pamuk” ที่แปลว่าสำลีจากความนุ่มของขนมัน ส่วนลูกของบ้านนั้นแล้วแต่ใครจะขอไปเลี้ยงแล้วตั้งชื่อต่อไป.

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก คัดข่าว

    หมาดมกลิ่นโควิด19
    .
    คณะสัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียประเทศสหรัฐอเมริกากำลังทดลองฝึกหมาให้ดมกลิ่นของคนที่ป่วยเป็นโควิด 19 โดยปัจจุบันยังอยู่ในช่วงต้นของการฝึกฝนและทดลอง
    สุนัขนั้นมีประสาทของจมูกที่ไวมากและจะใช้ชีวิตกับการดมกลิ่นในการจำแนกมิตรศัตรูและอื่นๆ ในปัจจุบันสุนัขบางตัวถูกฝึกจนสามารถดมกลิ่นผู้มีเนื้อร้ายจำพวกมะเร็งได้ และหากถูกฝึกอย่างเหมาะสมก็อาจจะถูกนำมาช่วยค้นหาผู้ป่วยเป็นโควิด 19 ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยลดการระบาดของโรค

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก Thailand State

    FB_IMG_1589017064403.jpg

    คลื่นความร้อนปกคลุมทั่วไทย อุณหภูมิสูงสุด 43 องศา
    แต่วันที่ 10-13 พ.ค. อาจเกิดพายุฤดูร้อนในหลายจังหวัด
    .
    ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้หลายคนคงรู้สึกเหมือนกันครับว่า
    อากาศนั้นร้อนกว่าปกติ ออกไปข้างนอกทีผิวแทบไหม้
    นั่นเป็นเพราะช่วงนี้มีคลื่นความร้อนแผ่ปกคลุมประเทศไทยอยู่
    จึงทำให้อากาศร้อนทะลุ 40 องศา ถึง 43 องศา เลยทีเดียว
    .
    กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าคลื่นความร้อนปกคลุมประเทศไทย
    ตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไป
    และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่
    อุณหภูมิสูง 40-43 องศาเซลเซียส
    .
    แต่ในช่วงวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2563
    บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมา
    ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้
    ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน
    ทำให้อาจจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในช่วงนี้
    .
    ข้อมูลที่น่าสนใจ : ประเทศไทยเคยมีสถิติที่ถูกบันทึกไว้
    ว่าร้อนที่สุดอยู่ที่ 44.6 องศาเซลเซียส โดยสถิตินี้ถูกบันทึกไว้
    เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2559 ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
    .
    เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State
    กด Like เพจ และตั้งค่า See First
    เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
    .
    Source : กรมอุตุนิยมวิทยา
    .
    #ThailandState #ThailandStateUpdate

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    FB_IMG_1589017411319.jpg

    (May 9) New normal: ปทัสถานใหม่ ความปกติที่ไม่เคยปกติ - สวัสดีครับวันอาทิตย์ถือเป็นวันพักผ่อนที่ผมมักจะตื่นสายเป็นพิเศษ แต่สัปดาห์นี้ต้องตื่นเร็วขึ้นเพื่อไปจองคิวร้านตัดผมที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการเป็นวันแรก แม้ว่าจะไปถึงร้านก่อนเวลาเปิดกว่าครึ่งชั่วโมง แต่พบว่ามีลูกค้ามานั่งคอยที่เก้าอี้หน้าร้านหลายคนแล้ว พอถึงคิวผมต้องล้างมือด้วยเจล กัลบกซึ่งสวมใส่ face shield ไม่พูดพล่ามทำเพลง จับกรรไกรตัดผมเสียงดังสวบ ๆ แล้วเอาปัตตาเลี่ยนมาไถผมตกแต่งเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการภายใน 20 นาที โดยที่ผมไม่ได้โอกาสงีบหลับเหมือนครั้งก่อน ๆ เรียกว่าต้องรีบเร่งเพราะมีลูกค้ารออยู่อีกหลายคน ผมดูตัวเอง
    ผ่านกระจกเห็นใส่หน้ากากยังอดขำไม่ได้ เพราะเป็นบรรยากาศแปลกใหม่ ในศัพท์ new normal ที่กำลังฮิต

    ถึงกับต้องถามว่า “เรามาถึงวันนี้ได้อย่างไร?”

    หากมนุษย์ต่างดาวได้กลับมาบนพื้นโลกคงจะประหลาดใจ เพราะเห็นพวกตัวเองมาอยู่ก่อนแล้ว

    คำศัพท์ไทยที่ใกล้เคียงกับ “new normal” คงจะเป็น “ปทัสถานใหม่” ซึ่งตามพจนานุกรมให้ความหมายว่า “แบบแผนใหม่สำหรับยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติ” แต่หากแปลตรง ๆ คงแปลว่า “ความปกติในรูปแบบใหม่” หรือที่คุณสุทธิชัย หยุ่น ใช้คำว่า “ความปกติที่ไม่เคยปกติ” หมายถึงวิถีการดำรงชีวิตประจำวันต้องเปลี่ยนแปลงไป
    เป็นผลจากสภาพแวดล้อมที่เกิดใหม่ เนื่องมาจากธรรมชาติ ภัยพิบัติต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

    การค้นพบพลังงานไฟฟ้า การเข้าสู่ยุคโลกคอมพิวเตอร์ แต่ที่จริงสาเหตุหลักที่ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป หรือ new normal มากที่สุด เห็นจะเป็นกฎกติกาที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา

    ประเทศจีนเป็นตัวอย่างของการเกิด new normal ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเพราะเกิดขึ้นตลอดเวลา ตั้งแต่มีการปฏิวัติเข้าสู่ระบบสังคมนิยมในปี 1949 ภายใต้การนำของประธานเหมา เจ๋อ ตุง ที่ชูนโยบายก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ (Great Leap Forward) รวมถึง การปฏิวัติวัฒนธรรม (culture revolution) ในรูปแบบที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจ
    ทั้งหมดถูกควบคุมโดยรัฐ ทำให้ประเทศเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่รัฐเป็นเจ้าของ

    วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนจีนในเวลานั้นคือ การเป็นลูกจ้างในโรงงาน ทุกเช้าจะต้องตื่นตามเสียงนกหวีดทำงานตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเสียงนกหวีดแจ้งให้เลิกงาน ได้ค่าตอบแทนเป็นอาหารซึ่งรัฐเป็นผู้จัดสรรให้ ไม่มีสิ่งใดเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล หากเป็นเกษตรกร จะไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง รัฐจัดหาเครื่องมือการเกษตรให้ ข้าวทุกเมล็ดต้องตกเป็นของรัฐ

    แต่เหตุการณ์คืนหนึ่งในหมู่บ้านเสี่ยวกัง (Xiaogang) หมู่บ้านชนบททางตะวันออกของประเทศได้เกิดการเปลี่ยนแปลง

    วิธีคิดและวิถีชีวิตของคนจีนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ นำไปสู่การเกิด new normal บุกเบิกหนทางให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในทุกวันนี้

    เสี่ยวกังเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กไม่แตกต่างจากหมู่บ้านส่วนใหญ่ ประชากรมีอาชีพทำนา อยู่ภายใต้กฎกติกาของรัฐ ผลผลิตในทุก ๆ ปีไม่เคยเพียงพอแม้แต่จะประทังชีวิต ประกอบกับสภาพอากาศไม่เป็นใจ เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ จนคนในหมู่บ้านต้องร่อนเร่ไปตามยถากรรมเพื่อขออาหารมาเลี้ยงดูครอบครัว1/

    ค่ำคืนหนึ่งในฤดูหนาวปี 1978 ชาวนา 18 คนในหมู่บ้านเสี่ยวกัง ได้มารวมตัวกันที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งพื้นบ้านยังเป็นดิน กำแพงก่อด้วยดินเหนียว หลังคาปูด้วยหญ้าฟาง เย็น จิงชาง (Yen Jingchang) หนึ่งในผู้นำซึ่งยังมีชีวิตอยู่เล่าว่า ในยุคนั้นทุกอย่างเป็นทรัพย์สินของรัฐ การประชุมหมู่บ้านในคืนวันหนึ่ง ลูกบ้านถามว่า “ฟันที่อยู่ในปากผม เป็นของใคร?”

    ตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์รีบตอบสวนกลับทันควันว่า “อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของคุณเป็นของรัฐ” ดังนั้น รัฐจะนำผลผลิตทั้งหมดมาจัดสรรอย่างเท่าเทียม จิงชางเล่าต่อว่า จึงไม่แปลกที่บรรยากาศการทำงานในสมัยนั้น เป็นแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่มีแรงจูงใจพิเศษอะไรที่จะต้องออกไปทำงานก่อนที่นกหวีดส่งสัญญาณเริ่มงานจะดังขึ้น2/

    การรวมตัวของชาวนา 18 คนครั้งนั้นไม่ได้ขออนุญาตจากทางการ ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่พวกเขา พร้อมที่จะเสี่ยงเพราะไม่อาจทนต่อความเป็นอยู่ในแบบนี้ได้อีกต่อไป คนทั้งหมดได้ตัดสินใจที่จะทำสัญญาร่วมกัน จิงชางลงมือเขียนข้อตกลงบนแผ่นกระดาษด้วยปากกาพู่กัน อาศัยแสงสว่างจากตะเกียงน้ำมัน พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ ข้อความในสัญญาระบุว่า “เราตกลงที่จะแบ่งที่ดินของชุมชนให้แต่ละครอบครัวอย่างลับ ๆ ทุกครอบครัวจะต้องผลิต ตามโควตาของรัฐบาล แต่ส่วนเกินสามารถเก็บไว้ในครัวเรือนได้ หากข้อตกลงฉบับนี้ถูกเปิดเผย และใครคนใดคนหนึ่งในสัญญานี้ถูกขังคุกหรือประหารชีวิต คนอื่นในกลุ่มจะต้องดูแลบุตรของเขาจนกว่าจะอายุ 18 ปี”1/

    นี่คือข้อตกลงที่ขัดกับหลักการที่รัฐบาลได้กำหนดไว้อย่างสิ้นเชิง เสี่ยงต่อการถูกทำโทษถึงขั้นประหารชีวิตหากถูกจับได้ จิงชางได้เก็บสัญญานี้ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ใต้หลังคาบ้านของเขา และแล้ว new normal ได้เริ่มต้นขึ้นในหมู่บ้าน ทุกคนรีบตื่นแต่เช้าไปทำนาในบริเวณพื้นที่ที่ตนเองได้รับการจัดสรรตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น มีการแข่งขันกันอย่างเงียบ ๆ เปรียบเทียบกันว่าใครสามารถปลูกข้าวได้มากกว่ากัน ปรากฏว่า ผลผลิตในปีนั้นเพิ่มสูงขึ้นมากได้ผลผลิตข้าวมากกว่า 5 ปีที่ผ่านมารวมกันเสียอีก

    ผลผลิตที่สูงขึ้นดังกระฉ่อนไปทั้งจังหวัด แต่ไม่เล็ดลอดสายตาของทางการ ชาวนาทั้ง 18 คนถูกสอบสวนและสารภาพว่าได้ทำข้อตกลงดังกล่าวจริง แต่เหมือนฟ้าประทาน พวกเขารอดชีวิตมาได้เพราะเกิดการเปลี่ยนผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์มาเป็น เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้มีนโยบายเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาจากระบบรวมศูนย์มาสู่ระบบเปิดเสรีภายใต้นโยบายเศรษฐกิจแบบ “เสรีนิยมใหม่” เติ้ง เสี่ยวผิง ได้นำรูปแบบการจัดสรรและการทำงานของชาวนา

    ในหมู่บ้านเสี่ยวกังมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาประเทศ ท่านประธานเติ้งกล่าวว่า “ไม่สำคัญ ว่าแมวดำหรือแมวขาว หากจับหนูได้เป็นพอ” (It doesn’t matter if the cat is black or white, as long as it catches mice.)

    นี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนแบบก้าวกระโดด ประชากรกว่า 500 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน จีนกลายเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก ปัจจุบันสัญญาชาวนา 18 คนในหมู่บ้านเสี่ยวกังถูกจัดเก็บไว้ในพิพิพิธภัณฑ์ในเมือง พร้อมกับมีการนำเรื่องราวบรรจุไว้ในตำราเรียนสำหรับเด็กชาวจีน

    New Normal ตามรูปแบบเสรีนิยมใหม่ ได้สร้างวิถีชีวิต รูปแบบ และวัฒนธรรมใหม่ให้กับสังคมจีน ขณะเดียวกันก็เกิดความนิยมชมชอบและหลงใหลใน “วัตถุนิยม” เกิดการชิงดีชิงเด่น เห็นแก่ตัวเราและของเรามากขึ้น

    Weekly Mail ฉบับหน้า ผมจะพาพวกเราไปเยี่ยมหมู่บ้านเสี่ยวกังเพื่อดูว่า วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในช่วงเวลา 42 ปีที่ผ่านมา

    รณดล นุ่มนนท์
    รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน
    ธนาคารแห่งประเทศไทย
    5 พฤษภาคม 2563
    Ronadol Numnonda

    Source: BOTSS

    แหล่งที่มา:
    1/ The Momentum. 2020. สัญญาลับชาวนา จุดเปลี่ยนประเทศจีนสู่ยุคทุนนิยม. [online] Available at:
    <https://themomentum.co/china-rural-reform/> [Accessed 3 May 2020].
    2/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200509_164646.jpg

    (May 9) การบินไทย’ สายการบินแห่งชาติที่เสี่ยง ‘ล้มละลาย’ รายแรกของโลกช่วงโควิด : ท่ามกลางวิกฤติอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ดูเหมือนว่า “การบินไทย” ที่ประสบปัญหาการเงินหนักอยู่แล้ว สุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นสายการบินแห่งชาติรายแรกของโลกที่อาจ “ล้มละลาย”

    ประเด็น การบินไทยล้มละลาย ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้เลย และไม่ได้ถูกเอ่ยถึงเป็นครั้งแรกในช่วงนี้ แต่ก่อนหน้านี้ บรรดาสื่อต่างประเทศ คาดการณ์ไว้ว่า สายการบินรัฐวิสาหกิจของไทย ส่อเค้าเป็นหนึ่งในสายการบินที่จะหายสาบสูญจากอุตสาหกรรมการบินภายในปีนี้อย่างเร็วที่สุด

    เมื่อปลายเดือน เม.ย. เว็บไซต์นิกเกอิ เอเชียน รีวิว (Nikkei Asian Review) ของญี่ปุ่น รายงานว่า การบินไทยตกอยู่ในภาวะอันตรายจนใกล้จะกลายเป็นสายการบินแห่งชาติที่ล้มละลายเป็นรายแรกของโลก ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19

    นิกเกอิอ้างรายงานของสื่อไทยที่ระบุว่า การบินไทยเหลือเงินสดอยู่เพียง 1 หมื่นล้านบาท เหลือพอจ่ายเงินเดือนพนักงานเพียงเดือนเดียว และต้องการให้กระทรวงการคลังอนุมัติเงินกู้มากถึง 7 หมื่นล้านบาท

    ตกเป็นภาระกระทรวงคลัง

    นักวิเคราะห์รายหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ บอกกับนิกเกอิว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นภาระของกระทรวงการคลังในการหาทางอุ้มการบินไทย ขณะที่การบินไทยขอเงินกู้โดยอิงตามข้อสันนิษฐานที่ว่าโรคโควิดจะอยู่ในขั้นควบคุมได้ภายในเดือน ต.ค.นี้

    ขณะที่กระทรวงการคลังกำลังหาทางช่วยเหลือการบินไทยอยู่ ตามที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า “ยังอยากเห็นการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติต่อไป” แต่จะยังเป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของแผนฟื้นฟู

    อย่างไรก็ตาม การบินไทยไม่ใช่สายการบินเดียวในเอเชียแปซิฟิกที่ประสบปัญหาในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้หลายประเทศสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวของตนและระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมด

    ก่อนหน้านี้ สายการบินในเครือ “เวอร์จิน ออสเตรเลีย โฮลดิงส์” ของออสเตรเลีย ซึ่งครองส่วนแบ่ง 1 ใน 3 ของตลาดการบินเอเชียแปซิฟิก ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน โดยได้ยื่นขอการบริหารจัดการโดยสมัครใจของเจ้าหนี้ ซึ่งหมายความว่า ผู้บริหารยอมรับว่าบริษัทขาดเงินสดและขอให้เจ้าหนี้บริหารแทน

    ก่อนโควิด-19 ระบาด การบินไทยประสบภาวะขาลงอย่างหนัก โดยรายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2562 นับเป็นการขาดทุนปีที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 1.17 หมื่นล้านบาทนับถึงสิ้นปี 2562 ลดลง 42.5% จากปีก่อนหน้า

    เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2553 ช่วงที่การบินไทยยื่นขอกู้เงินมากที่สุดครั้งล่าสุด ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวมลดลงมากถึง 84.5%

    ติด 1 ใน 3 การบินแห่งชาติเสี่ยงล้มในปีนี้

    หากย้อนไปในปีที่แล้วถือเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่งสำหรับอุตสาหกรรมสายการบินโลก ผู้ดำเนินการหลายรายพากันล้มละลายและปิดตัวลง ไล่ตั้งแต่การปิดกิจการครั้งสำคัญของ “โทมัส คุก” บริษัททัวร์เก่าแก่ของอังฤษ ไปจนถึงการปิดตัวลงของ “เอเดรีย แอร์เวย์ส” สายการบินแห่งชาติของสโลวีเนีย

    สำหรับการบินไทยที่ประสบปัญหาการเงินมาหลายปี ยังมีชื่อติด 1 ใน 3 การบินแห่งชาติที่จะหายไปจากอุตสาหกรรมในปีนี้ เมื่อเดือน ม.ค. เว็บไซต์ทราเวล อัพเดท (Travel Update) ระบุว่า แอร์ อินเดีย (อินเดีย), อาลีตาเลีย (อิตาลี) และการบินไทย เป็น 3 สายการบินแห่งชาติที่อาจต้องปิดกิจการภายในปีนี้

    ทราเวล อัพเดทให้เหตุผลว่า ปัจจุบัน การบินไทยกำลังอยู่ในวิกฤติ ในฐานะสายการบินฟูลเซอร์วิสที่อยู่ในตลาดที่ถูกครองโดยบรรดาสายการบินต้นทุนต่ำ การบินไทยไม่ได้ปรับตัวรวดเร็วพอกับความเปลี่ยนแปลงในสมรภูมิการบินทั่วโลก

    สายการบินแห่งชาติของไทยมีเงินสดเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ และหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงฟื้นฟูกิจการในหลายเดือนข้างหน้า การบินไทยอาจล้มละลายได้

    ก่อนหน้านั้นในเดือน พ.ย. 2562 เอกนิติ นิติทัณฑ์ ประธานบอร์ดบริหารของการบินไทยในขณะนั้น ได้ลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ผู้บริหารคนอื่น ๆ ก็พากันสละเก้าอี้เช่นกัน
    เนื่องด้วยรายได้ที่ลดลง 10% และยอดการเดินทางของผู้โดยสารลดลง 5% ทำให้สถานการณ์ของการบินไทยดูเลวร้ายลงตั้งแต่เริ่มต้นปีนี้ และแน่นอนว่า เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 อนาคตของสายการบินแห่งชาติอายุ 60 ปี ย่อมมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะไปไม่รอด หากไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือไม่มีการปรับโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

    Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    https://www.bangkokbiznews.com/news...homepage_hilight&utm_medium=internal_referral

    เพิ่มเติม
    - สหภาพการบินไทย ยกเหตุผล 10 ข้อ ปูมหลังหนี้บาน “มรดกบาปจากใคร ?”สหภาพการบินไทย ยกเหตุผล 10 ข้อ ปูมหลังหนี้บาน “มรดกบาปจากใคร ?”

    - เปิดปฏิบัติการกู้ชีพ “การบินไทย” ทุ่มเงินหมื่นล้านลดพนักงาน 6 พันคน การเดิมพันครั้งสุดท้ายในฐานะ “รัฐวิสาหกิจ”
    https://mgronline.com/daily/detail/9630000048326
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200509_164646.jpg

    (May 9) ธปท.ผ่า'รายธุรกิจ'พิษโควิด 'ค้าปลีก-การผลิต'ส่อฟื้นเร็วสุด : การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ทำให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธุรกิจเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและเป็น วงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เวลาหรือการลงทุนมากกว่าในการปรับตัว เช่น ภาคการผลิต ภาคท่องเที่ยว และภาคค้าปลีก ประเภทร้านค้ารายย่อย

    ขณะที่ธุรกิจที่พึ่งพา ดิจิทัล เทคโนโลยี โดยเฉพาะการขายออนไลน์ยังดำเนินธุรกิจต่อได้ และคาดว่าจะยังเห็นการเติบโต ต่อเนื่อง แม้การแพร่ระบาดจะจบลง

    จากผลสำรวจในโครงการ Business Liaison Program ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้ประกอบการแต่ละอุตสาหกรรม ทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่พยายามปรับตัวเพื่อให้พอมีรายได้ โดยแนวทางการปรับตัวคล้ายกับธุรกิจในต่างประเทศ แยกพิจารณาได้ ดังนี้

    ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวแนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่ปรับตัวได้ค่อนข้างยาก จากลักษณะของธุรกิจ เช่น สายการบิน โรงแรม หรือ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น โดยบางส่วนปรับรูปแบบการบริการให้หลากหลายมากขึ้น อาทิ โรงแรมหันมาทำอาหารขายและส่งถึงบ้าน หรือรถโดยสารสาธารณะ เช่น แท็กซี่ หรือ ตุ๊กตุ๊ก หันมาส่งสินค้าแทนการรับส่งผู้โดยสาร

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    ส่วนใหญ่คาดว่า การท่องเที่ยวจะกลับมาได้เร็วสุดราวไตรมาส 4 ปี 2563 แต่อาจใช้เวลาอีก 1-2 ปี กว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มเน้นทำตลาดและให้บริการหลากหลายมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    หลายสายการบินทั่วโลกเลิกจ้าง พนักงานจำนวนมาก บางสายการบิน ใช้ช่วงที่หยุดบินมาปรับปรุงและซ่อมแซมเครื่องบิน ในระยะข้างหน้าคาดว่าความต้องการเครื่องบินขนาดเล็กและแคบลงจะมีมากขึ้น เนื่องจากง่ายต่อการดูแลและต้นทุนต่ำกว่า ส่วนร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจในเครือพันธมิตรของจีน มีการใช้พนักงานร่วมกัน ธุรกิจใดต้องการพนักงานในช่วงเร่งด่วนสามารถยืมพนักงานจากส่วนกลางได้
    บริษัทแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของจีนได้ให้พนักงานรื้อระบบเทคโนโลยีของบริษัททั้งหมด มีการอบรมออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะใหม่ๆ รวมถึงการออกแบบวิธีการบริหารใหม่ๆ เพื่อพร้อมให้บริการหลังวิกฤติสิ้นสุดลง

    ธุรกิจค้าปลีกแนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจค้าปลีกมีการขายออนไลน์บน E-platform และ Social media มากขึ้น รวมถึงการทำ Content marketing เพื่อส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกันยังเปลี่ยนมาขายสินค้าบางประเภทที่ความต้องการ มากขึ้น เช่น เจลล้างมือ หน้ากาก อุปกรณ์ทำความสะอาด และอาหาร เป็นต้น รวมทั้งยังมีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน หรือมารับสินค้าโดย ไม่ต้องลงจากรถ (Drive thru pick up) มากขึ้น และมีการจัดโปรโมชั่นที่เข้มข้นขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้า

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    คาดว่าการค้าจะกลับมาได้อย่างเร็วราวไตรมาส 4 ปี 2563 โดยจะเริ่มเห็นคนออกมาทำกิจกรรม นอกบ้าน และจับจ่ายอย่างไร้กังวล มีความนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะ Virtual shopping มากขึ้น ขณะที่การลงทุนเพื่อ เปิดสาขาในเมืองหลักอาจลดลง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    จีนพัฒนาระบบ Digital technology เพื่อช่วยวางระบบขายออนไลน์ให้กับ ร้านค้าผ่าน Application ที่ให้คนไปซื้อสินค้าแทน ขณะเดียวกันใน จีน มีการให้พนักงานขายประจำห้างสรรพสินค้า มาขายสินค้าใน Channel online เช่น WeChat โดยบริษัทให้เงินสนับสนุน

    อุตสาหกรรมการผลิตแนวทางการปรับตัว

    อุตสาหกรรมการผลิตเกือบทั้งหมด หดตัวในช่วง Lockdown จากปัญหา Supply chain disruption โดยเฉพาะ SMEs ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจาก ไม่ สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นได้ทันที อย่างไรก็ดี ผลกระทบ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ ประเภทสินค้าและตลาด

    ส่วนธุรกิจการผลิตบางรายมีการปรับตัว มาผลิตสินค้าที่เป็นความต้องการในช่วง ของการระบาด เช่น ธุรกิจผลิตรถยนต์ บางรายปรับไลน์การผลิต มาทำเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือ ธุรกิจผลิต ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หันมาผลิตอุปกรณ์ ทางการแพทย์ เป็นต้น

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    การผลิตจะทยอยกลับมาดีขึ้น เมื่อมาตรการ Lockdown ประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายลง สะท้อนจากการผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กลับมา ผลิตหลังเปิดโรงงานในจีน และผลิตภัณฑ์ ยางพาราเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา ซึ่งคาดว่า กลับมาเป็นปกติได้อย่างเร็วในไตรมาส 4 ปี 2563 ขณะที่การผลิตมีแนวโน้มกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หาแหล่งวัตถุดิบหลากหลายแห่ง ควบคู่กับ การลงทุนใน Digital platform และ Automation เพื่อช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    ผู้ผลิตอาหารในจีนต้องคาดการณ์สต็อก สินค้า และวัตถุดิบล่วงหน้า เน้นการขายหน้าร้านเล็กๆ และขายออนไลน์มากขึ้น รวมถึงมีการเปลี่ยน ช่องทางการขายได้ตลอด ทำให้ผู้จัดส่งวัตถุดิบ และสินค้ายืดหยุ่นมากขึ้นด้วย ส่วนการผลิตในสหรัฐ และญี่ปุ่นจัดหาแหล่งวัตถุดิบอื่น และวางแผนฉุกเฉินสำหรับการขนส่งสินค้า เน้นทำตลาดออนไลน์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่มี ศักยภาพมากขึ้น และเน้นการตลาดแบบ Virtual selling เพื่อ Live ขาย สินค้า

    ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจอสังหาฯ จัดโปรโมชั่นเข้มข้นขึ้น เพื่อระบายสต็อก ขณะที่โครงการ ใหม่ชะลอการเปิดตัว และเน้นสร้างเพื่อ ตอบสนองความต้องการเพื่ออาศัยจริง มากขึ้นขณะเดียวกันมีการออกบูธ และจัดงานมหกรรมรับสร้างบ้านขายบ้านแบบ ออนไลน์

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    มีความกังวลมากขึ้นกับอสังหาฯ ที่เหลือขาย (Oversupply) แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นบ้าง หลังสถานการณ์คลี่คลายลง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    จีนและสหรัฐปรับตัวด้านการขาย โดยเน้นการตลาดแบบออนไลน์ ทั้ง Live ขายสินค้าและพัฒนาระบบการขายแบบ Online booking

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students
    FB_IMG_1589017889986.jpg
    (May 9) ธปท.ผ่า'รายธุรกิจ'พิษโควิด 'ค้าปลีก-การผลิต'ส่อฟื้นเร็วสุด : การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ "โควิด-19" ทำให้ทุกภาคส่วนตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธุรกิจเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบรุนแรงและเป็น วงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ต้องใช้เวลาหรือการลงทุนมากกว่าในการปรับตัว เช่น ภาคการผลิต ภาคท่องเที่ยว และภาคค้าปลีก ประเภทร้านค้ารายย่อย

    ขณะที่ธุรกิจที่พึ่งพา ดิจิทัล เทคโนโลยี โดยเฉพาะการขายออนไลน์ยังดำเนินธุรกิจต่อได้ และคาดว่าจะยังเห็นการเติบโต ต่อเนื่อง แม้การแพร่ระบาดจะจบลง

    จากผลสำรวจในโครงการ Business Liaison Program ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้ประกอบการแต่ละอุตสาหกรรม ทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่พยายามปรับตัวเพื่อให้พอมีรายได้ โดยแนวทางการปรับตัวคล้ายกับธุรกิจในต่างประเทศ แยกพิจารณาได้ ดังนี้

    ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวแนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่ปรับตัวได้ค่อนข้างยาก จากลักษณะของธุรกิจ เช่น สายการบิน โรงแรม หรือ สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น โดยบางส่วนปรับรูปแบบการบริการให้หลากหลายมากขึ้น อาทิ โรงแรมหันมาทำอาหารขายและส่งถึงบ้าน หรือรถโดยสารสาธารณะ เช่น แท็กซี่ หรือ ตุ๊กตุ๊ก หันมาส่งสินค้าแทนการรับส่งผู้โดยสาร

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    ส่วนใหญ่คาดว่า การท่องเที่ยวจะกลับมาได้เร็วสุดราวไตรมาส 4 ปี 2563 แต่อาจใช้เวลาอีก 1-2 ปี กว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มเน้นทำตลาดและให้บริการหลากหลายมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    หลายสายการบินทั่วโลกเลิกจ้าง พนักงานจำนวนมาก บางสายการบิน ใช้ช่วงที่หยุดบินมาปรับปรุงและซ่อมแซมเครื่องบิน ในระยะข้างหน้าคาดว่าความต้องการเครื่องบินขนาดเล็กและแคบลงจะมีมากขึ้น เนื่องจากง่ายต่อการดูแลและต้นทุนต่ำกว่า ส่วนร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจในเครือพันธมิตรของจีน มีการใช้พนักงานร่วมกัน ธุรกิจใดต้องการพนักงานในช่วงเร่งด่วนสามารถยืมพนักงานจากส่วนกลางได้
    บริษัทแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของจีนได้ให้พนักงานรื้อระบบเทคโนโลยีของบริษัททั้งหมด มีการอบรมออนไลน์เพื่อเพิ่มทักษะใหม่ๆ รวมถึงการออกแบบวิธีการบริหารใหม่ๆ เพื่อพร้อมให้บริการหลังวิกฤติสิ้นสุดลง

    ธุรกิจค้าปลีกแนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจค้าปลีกมีการขายออนไลน์บน E-platform และ Social media มากขึ้น รวมถึงการทำ Content marketing เพื่อส่งเสริมการขาย ขณะเดียวกันยังเปลี่ยนมาขายสินค้าบางประเภทที่ความต้องการ มากขึ้น เช่น เจลล้างมือ หน้ากาก อุปกรณ์ทำความสะอาด และอาหาร เป็นต้น รวมทั้งยังมีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน หรือมารับสินค้าโดย ไม่ต้องลงจากรถ (Drive thru pick up) มากขึ้น และมีการจัดโปรโมชั่นที่เข้มข้นขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้า

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    คาดว่าการค้าจะกลับมาได้อย่างเร็วราวไตรมาส 4 ปี 2563 โดยจะเริ่มเห็นคนออกมาทำกิจกรรม นอกบ้าน และจับจ่ายอย่างไร้กังวล มีความนิยมสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะ Virtual shopping มากขึ้น ขณะที่การลงทุนเพื่อ เปิดสาขาในเมืองหลักอาจลดลง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    จีนพัฒนาระบบ Digital technology เพื่อช่วยวางระบบขายออนไลน์ให้กับ ร้านค้าผ่าน Application ที่ให้คนไปซื้อสินค้าแทน ขณะเดียวกันใน จีน มีการให้พนักงานขายประจำห้างสรรพสินค้า มาขายสินค้าใน Channel online เช่น WeChat โดยบริษัทให้เงินสนับสนุน

    อุตสาหกรรมการผลิตแนวทางการปรับตัว

    อุตสาหกรรมการผลิตเกือบทั้งหมด หดตัวในช่วง Lockdown จากปัญหา Supply chain disruption โดยเฉพาะ SMEs ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจาก ไม่ สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ เกิดขึ้นได้ทันที อย่างไรก็ดี ผลกระทบ อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับ ประเภทสินค้าและตลาด

    ส่วนธุรกิจการผลิตบางรายมีการปรับตัว มาผลิตสินค้าที่เป็นความต้องการในช่วง ของการระบาด เช่น ธุรกิจผลิตรถยนต์ บางรายปรับไลน์การผลิต มาทำเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือ ธุรกิจผลิต ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หันมาผลิตอุปกรณ์ ทางการแพทย์ เป็นต้น

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    การผลิตจะทยอยกลับมาดีขึ้น เมื่อมาตรการ Lockdown ประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายลง สะท้อนจากการผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กลับมา ผลิตหลังเปิดโรงงานในจีน และผลิตภัณฑ์ ยางพาราเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา ซึ่งคาดว่า กลับมาเป็นปกติได้อย่างเร็วในไตรมาส 4 ปี 2563 ขณะที่การผลิตมีแนวโน้มกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เช่น หาแหล่งวัตถุดิบหลากหลายแห่ง ควบคู่กับ การลงทุนใน Digital platform และ Automation เพื่อช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    ผู้ผลิตอาหารในจีนต้องคาดการณ์สต็อก สินค้า และวัตถุดิบล่วงหน้า เน้นการขายหน้าร้านเล็กๆ และขายออนไลน์มากขึ้น รวมถึงมีการเปลี่ยน ช่องทางการขายได้ตลอด ทำให้ผู้จัดส่งวัตถุดิบ และสินค้ายืดหยุ่นมากขึ้นด้วย ส่วนการผลิตในสหรัฐ และญี่ปุ่นจัดหาแหล่งวัตถุดิบอื่น และวางแผนฉุกเฉินสำหรับการขนส่งสินค้า เน้นทำตลาดออนไลน์ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่มี ศักยภาพมากขึ้น และเน้นการตลาดแบบ Virtual selling เพื่อ Live ขาย สินค้า

    ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวทางการปรับตัว

    ธุรกิจอสังหาฯ จัดโปรโมชั่นเข้มข้นขึ้น เพื่อระบายสต็อก ขณะที่โครงการ ใหม่ชะลอการเปิดตัว และเน้นสร้างเพื่อ ตอบสนองความต้องการเพื่ออาศัยจริง มากขึ้นขณะเดียวกันมีการออกบูธ และจัดงานมหกรรมรับสร้างบ้านขายบ้านแบบ ออนไลน์

    ระยะเวลาที่จะฟื้นตัวและแนวโน้ม

    มีความกังวลมากขึ้นกับอสังหาฯ ที่เหลือขาย (Oversupply) แต่เชื่อว่าจะดีขึ้นบ้าง หลังสถานการณ์คลี่คลายลง

    ประสบการณ์ธุรกิจในต่างประเทศ

    จีนและสหรัฐปรับตัวด้านการขาย โดยเน้นการตลาดแบบออนไลน์ ทั้ง Live ขายสินค้าและพัฒนาระบบการขายแบบ Online booking

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    PSX_20200509_165521.jpg

    (May 9) ประธานาธิบดี Trump มีแนวโน้มที่จะขยายเวลามาตรการปิดพรมแดนและเพิ่มความเข้มงวดด้านนโยบายควบคุมแรงงานต่างชาติ

    มีรายงานข่าวประธานาธิบดี Trump วางแผนที่จะประกาศ Executive Order เรื่องนโยบายควบคุมแรงงานต่างชาติฉบับใหม่ในเดือนนี้ หลังจากที่ดำเนินการไปแล้วในเดือน เม.ย. 63 ประกาศฉบับใหม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการมากขึ้น โดยอาจครอบคลุมถึงการระงับการออกวีซ่าใหม่ให้คนต่างชาติที่ต้องการทำงานในสหรัฐฯ ชั่วคราว

    ประกาศรอบนี้จะเน้นที่
    (1) วีซ่าประเภท H-1B ที่ปกติออกให้แรงงานทักษะสูง
    (2) วีซ่าประเภท H-2B ที่ออกให้แรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานตามฤดูกาล และ
    (3) วีซ่านักเรียนรวมถึงใบอนุญาตให้ทำงาน รวมถึงการวางกลไกให้บริษัทหันมาจ้างประชาชนชาวอเมริกันมากขึ้น

    โดยเจ้าหน้าที่รัฐคาดว่านโยบายดังกล่าวน่าจะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่าวัคซีนสำหรับ Covid-19 ได้พัฒนาเรียบร้อยแล้วมีการใช้แพร่หลายในสหรัฐและประเทศในละตินอเมริกาซึ่งน่าจะใช้เวลาอีกกว่าปี

    แนวทางการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของวุฒิสมาชิกในพรรค Republican หลายรายที่ต้องการให้ระงับการออกวีซ่าใหม่กับแรงงานบางประเภท เป็นระยะเวลา 2 เดือน – 1 ปี

    อนึ่ง เดือน เม.ย. ประธานาธิบดี Trump ได้ออก Executive Order เพื่อระงับการออกวีซ่าใหม่ให้กับเครือญาติของพลเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องการย้ายมาพำนักถาวรในสหรัฐฯ รวมถึงระงับการออก green card lotto ด้วย

    Source: BoTSS

    - Trump Administration Working To Temporarily Ban Work-Based Visas: Report

    https://www.ndtv.com/world-news/cor...mporarily-ban-work-based-visas-report-2225761
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เพจสหภาพการบินไทย TG UNION โพสต์ “ปูมการบินไทย มรดกบาปจากทักษิณ”

    เพจสหภาพการบินไทย TG UNION โพสต์ “ปูมการบินไทย มรดกบาปจากใคร” เผยตัวเลขยอดหนี้สัญญาเช่าเครื่องบินตั้งแต่ปี 2544 ก่อนมีการสรุปช่วงท้ายว่า “สถานะทางการเงินของ บมจ.การบินไทย มีความเปลี่ยนแปลงจากบวกเป็นลบอย่างชัดเจนในช่วงยุครัฐบาลทักษิณ”

    9 พ.ค. 63 โพสต์ดังกล่าวจากเพจสหภาพการบินไทย TG UNION ตั้งคำถามในหัวข้อ “ปูมการบินไทย “การบินไทย” มรดกบาปจากใคร !!” จากนั้นได้นำเสนอข้อมูลในเรื่อง “บมจ.การบินไทย ทำไมจึงประสบภาวะการขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง?” ระบุว่า

    ปัญหาหลักใหญ่ที่สุดมาจากการตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งเร่งรัดการซื้อเครื่องบินในช่วงปี 2544 เป็นต้นมา

    1. การบินไทยซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 จำนวน 4 ลำ ในช่วงเวลานั้น แม้ทางสภาพัฒน์จะขอให้ทบทวน นี่คือจุดเริ่มต้นของการขาดทุน ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการบริษัทในช่วงรัฐบาลทักษิณ

    2.ในปี 2547 รัฐบาลทักษิณเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงทุนในสายการบิน จาก 70/30 มาเป็น 51/49 โดยให้แอร์เอเชียถือหุ้น 49% Shincorp 49% กุหลาบแก้ว 2% nominee
    ผู้รับผิดชอบคือรัฐบาล

    3.หลังจัดตั้งไทยแอร์เอเชีย คณะกรรมการบินไทยมีนโยบายมิให้ฝ่ายการพาณิชย์การบินไทยทำการแข่งขันกับไทยแอร์เอเชีย
    ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการ

    4.หลังจัดตั้งสายการบินนกแอร์ ฝ่ายบริหารนกแอร์ไม่ดำเนินการตามนโยบายคณะกรรมการบริษัทฯ การบินไทยก็มิได้เข้าไปควบคุมนโยบาย แม้จะมีเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4
    ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการ

    5.แทนที่จะเขาไปควบคุมสถานการณ์ในนกแอร์ คณะกรรมการกลับไปลงนามใน MOU เพื่อร่วมทุนกับ สายการบิน ไทเกอร์ ที่สิงคโปร์แอร์ไลน์ถือหุ้นในช่วงนั้น 49% โดยไม่ได้ศึกษาว่าสายการบินไทเกอร์ ขาดทุนติดกันหลายปี และถูกระงับการบินไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากด้อยความปลอดภัย ลงเงินไปแล้ว 100 ล้านบาท โครงการต้องล้มไปเพราะมีการต่อต้านว่า ชักศึกเข้าบ้าน
    ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการ

    6.เพียง 5 เดือนหลังโครงการไทยไทเกอร์ต้องล้มไป คณะกรรมการ จัดตั้งสายการบินไทยสมายล์ ผลการศึกษา ปี 57,58,และ 59 จะทำกำไร 5,056 ล้านบาท ผลประกอบการจริง ขาดทุน -4,485 ล้านบาท
    ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการ

    7.ในช่วงจัดตั้งไทยสมายล์ คณะกรรมการบริษัทการบินไทย สนับสนุนให้นกแอร์ (การบินไทยถือหุ้น 39%) ไปร่วมทุนกับสายการบินสกู๊ต ซึ่งสิงคโปร์แอร์ไลน์ถือหุ้น 100% แม้ในปี 58 การบินไทยขาดทุน 13,047 ล้านบาท ยังอนุมัติเงิน 983 ล้านบาทเพื่อลงทุนในนกสกู๊ต
    ผู้รับผิดชอบคือคณะกรรมการ

    8.ปี 2557 สายการบินไทยสมายล์ขาดทุน 577 ล้านบาท และตามสัญญาเช่าเครื่องบินแบบ A320-200 จำนวน 12 ลำ บริษัทผู้ให้เช่าและบริษัทผู้เช่ามีสิทธิ์ยกเลิกสัญญาโดยแจ้งล่วงหน้า 6 เดือน ต้นปี 58 ICAO ให้ธงแดงประเทศ ซึ่งแน่นอนจะต้องกระทบผลดำเนินการของไทยสมายล์ ในปีเดียวกัน คณะกรรมการซุปเปอร์บอร์ดซึ่งมีท่านนายกฯเป็นประธาน มีมติให้การบินไทยชะลอการจัดหาเครื่องบิน และในปี 58 ไทยสมายล์ขาดทุน 1,843 ล้านบาท ควรทบทวนแผนการบินไทยสมายล์ ที่สามารถจะทำการยกเลิกจำนวนเครื่องบินที่เช่าลง แต่กลับไปเพิ่มจำนวนเครื่องบินอีก 8 ลำ และผลประการปี 59 ที่ว่าจะกำไร 1,910 ล้านบาท มาเป็นขาดทุน 2,060 ล้านบาท

    9.อนุม้ติการจัดซื้อระบบสำรองที่นั่ง Navitaire จากบริษัทที่โดนศาลสหรัฐปรับเป็นเงินกว่า 2 พันล้านบาท ฐานรับสินบน ระบบดังกล่าวไม่สามารถเชื่อมต่อกับระบบของการบินไทยได้ เป็นการทำลาย Net work ของการบินไทย ในที่สุดต้องเลิกใช้ เสียหายไป 500 ล้านบาท

    10. ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นการลงทุนในสายการบิน มีรัฐบาลจากการรัฐประหาร 2 รัฐบาล รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง 3 รัฐบาล คณะกรรมการบริษัทมิได้เสนอทางแก้ไขนโยบายดังกล่าวแม้แต่ครั้งเดียวเพื่อปกป้องผลประโยชน์บริษัท และสิทธิการบินซึ่งเป็นสมบัติของชาติ

    ขณะเดียวกันกับการตรวจสอบข้อมูลผลประกอบการของ บมจ.การบินไทย ตั้งแต่ปี 2533 ถึงปี 2547 สามารถสรุปนำเสนอเพื่อเชื่อมโยงไปสืบค้นข้อเท็จจริงในเชิงลึก ถึงต้นสายปลายเหตุต่อสถานะทางธุรกิจในปัจจุบันของต่อไป ดังนี้

    1.ช่วงปี 2533-2539 ถือว่า บมจ.การบินไทย มีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิโดยตลอด ด้วยมูลค่าเม็ดเงิน 1,381 – 4,191 ล้านบาท

    2.ปี 2540 บมจ.การบินไทย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ค่าเงินบาทลอยตัว มียอดขาดทุนทางบัญชี 25,203 ล้านบาท แต่มีการปรับปรุงยอดบัญชีในภายหลังทำให้ บมจ.การบินไทย ยังคงมีผลกำไรในปี 2540 ที่ 2,763 ล้านบาท

    3.ปี 2541 – 2550 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาคาบเกี่ยวการประกาศนโยบายการบินเสรีในยุครัฐบาลทักษิณ ปรากฎว่า บมจ.การบินไทย ได้มีการขยายเส้นทางการบินและเพิ่มเที่ยวบินเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ ทำให้ผลประกอบการของ บมจ.การบินไทยกลับมาเป็นกำไรสุทธิอีกครั้งด้วยเม็ดเงินมูลค่า 1,929 – 12,453 ล้านบาท แม้ว่าจะบางช่วงธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐก็ตาม

    4.ปี 2551 บมจ.การบินไทย มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิอย่างหนักถึง 21,314 ล้านบาท เพราะวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง กอรปกับผลพวงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองที่มีความรุนแรงเป็นลำดับ ถึงขั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปจัดกิจกรรมขับไล่รัฐบาลภายในท่าอากาศยานสำคัญ ๆ หลายแห่ง

    5.ปี 2552 – 2553 เมื่อสถานการณ์การเมืองคลี่คลายรวมถึงเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวดีขึ้น ผลประกอบการ บมจ.การบินไทย ดีดกลับมาเป็นกำไรสุทธิอีกครั้งด้วยมูลค่า 7,416 – 15,398 ล้านบาท

    6.ปี 2554- 2555 ผลประกอบการของ บมจ.การบินไทย มีลักษณะผันผวนตามปัจจัยต้นทุนน้ำมันโลกโดยมีตัวขาดทุนสุทธิ 10,162 ล้านบาทในปี 2554 และกลับมามีกำไรในปี 2555 ที่ 6,510 ล้านบาท

    7.ปี 2556-2558 ผลประกอบ บมจ.การบินไทย ขาดทุนสุทธิต่อเนื่อง หรือจาก 12,047 ล้านบาทในปี 2556 เป็น 15,573 ล้านบาท ในปี 2557 และ 8,218 ล้านบาทในรอบครึ่งปีแรก 2558

    ที่น่าสนใจคือนับตั้งแต่ปี 2544 หรือตั้งแต่ยุคเริ่มต้นรัฐบาลทักษิณเข้าบริหารประเทศเป็นต้นมา มีข้อสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับยอดหนี้สินระยะยาวของ บมจ.การบินไทย โดยเฉพาะมูลค่าหนี้ภายใต้เงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินดังนี้

    ปี 2544 หนี้สินภายใต้เงื่อนไขสัญญาเช่าเครื่องบินตามรายงานประจำปี 2544 มียอดหนี้ 9,927 ล้านบาท แต่มีการปรับปรุงตามรอบบัญชีใหม่และแสดงในรายงานประจำปี 2545 เพิ่มเป็น 44,822 ล้านบาท
    ส่วนปี 2545 ยอดหนี้ภายใต้สัญญาเช่าเครื่องบินของ บมจ.การบินไทย อยู่ที่ 34,801 ล้านบาท จากนั้นก็มีการปรับขึ้นโดยเฉลี่ยแทบทุกปี คือ
    ปี 2546 จำนวน 35,292 ล้านบาท
    ปี 2547 จำนวน 39,672 ล้านบาท
    ปี 2548 จำนวน 49,101 ล้านบาท
    ปี 2549 จำนวน 53,486 ล้านบาท
    ปี 2550 จำนวน 70,572 ล้านบาท
    ปี 2551 จำนวน 65,336 ล้านบาท
    ปี 2552 จำนวน 68,028 ล้านบาท
    ปี 2553 จำนวน 54,732 ล้านบาท
    ปี 2554 จำนวน 47,793 ล้านบาท
    ปี 2555 จำนวน 61,611 ล้านบาท
    ปี 2556 จำนวน 63,319 ล้านบาท
    ปี 2557 จำนวน 61,389 ล้านบาท

    กล่าวโดยสรุปว่าข้อมูลตัวเลขที่แสดงให้เห็นบางส่วนค่อนข้างชัดเจนว่าสถานะทางการเงินของ บมจ.การบินไทย มีความเปลี่ยนแปลงจากบวกเป็นลบอย่างชัดเจนในช่วงยุครัฐบาลทักษิณ ซึ่งอนุมัติทุ่มซื้อเครื่องบินตามนโยบายที่กำหนดออกมาว่า “การบินเสรี” และอ้างว่าเพื่อรองรับการแข่งขันกับสายการบินอื่น ๆ ซึ่งกรณีนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนต่อไปว่าจริงหรือไม่ หรือเป็นข้ออ้างเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจการเมืองที่สร้างปัญหาให้กับ บมจ.การบินไทย มาจนถึงทุกวันนี้

    The post เพจสหภาพการบินไทย TG UNION โพสต์ “ปูมการบินไทย มรดกบาปจากทักษิณ” appeared first on SpringNews.

    Source : #Springnews #สปริงนิวส์

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "โควิด-19" ระบาดไปทั่วโลก หลายประเทศล็อกดาวน์ ฉุดเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในรอบ 70 ปี

    จีดีพีไทยติดลบกว่า 6% ช่วงล็อกดาวน์ เอกชนเผยก่อนคลายล็อกดาวน์ตกงานกว่า 9 ล้านคน ลุ้นคลายล็อกดาวน์เฟส 2-3 แรงงานกว่าครึ่งได้กลับมาทำงาน เตือนแรงงานอายุมากกว่า 40 ปี ปรับตัวรับโลกเปลี่ยนแปลง

    ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย วิเคราะห์ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์แรงงานไทย หลังเกิดวิกฤติไวรัส "โควิด-19" ว่า จะมีคนตกงานจำนวนมาก และเศรษฐกิจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว หลังจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปิดสนามบิน ปิดเมือง จนเศรษฐกิจวิกฤติรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 70 ปี

    เฉพาะไตรมาสแรกของปี 2563 "จีดีพี" หรือ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ของประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยอยู่ในสภาวะหดตัว เช่น ประเทศจีน -6.8%, อังกฤษ -6.5%, ฝรั่งเศส -5.8%, ญี่ปุ่น -5.2%, สหรัฐอเมริกา -4.8%, สิงคโปร์ -3.5% ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปเศรษฐกิจ - 7.5% โดยองค์กรการเงินระหว่างประเทศ หรือ "IMF" ประเมินว่า การเงินโลกจะมีการตึงตัว เศรษฐกิจโลกจะหดตัวมากกว่า 3%

    นี่คือ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในสภาวะถดถอยในครึ่งปีหลัง และหากยังไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดภายในเดือนพฤษภาคม 2563 จะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวที่ต้องใช้เวลา

    จีดีพีไทยดิ่งติดลบ 6% เม็ดเงินท่องเที่ยวหายกว่าครึ่ง

    สำหรับประเทศไทยจากการใช้ค่าเฉลี่ยประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2563 อาจติดลบ 6% ขึ้นอยู่กับงบกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีมากน้อยเพียงใด และสามารถลงสู่เศรษฐกิจฐานรากได้เร็วแค่ไหน โดยภาคท่องเที่ยวถูกกระทบหนัก เพราะนักท่องเที่ยวลดลงจากปีที่แล้ว 39.8 ล้านคน ในปีนี้จะเหลือ 16 ล้านคน หรือลดลง 60% เม็ดเงินจะลดจาก 3.01 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 1.12 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 62.7% การเริ่มฟื้นตัวอาจอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ไปถึงต้นไตรมาส 4 แต่ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและมูลค่าจะไม่เหมือนเดิม

    ช่วงล็อกดาวน์ตกงานกว่า 9.6 ล้านคน

    ดร.ธนิต ได้สำรวจข้อมูลจากหน่วยงานรัฐและในกลุ่มของสภานายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย พบว่า ก่อนการคลายล็อกดาวน์เฟส 1 (ก่อน 3 พฤษภาคม) คาดว่า มีจำนวนผู้ที่ตกงานรวมกันประมาณ 9,523,411 คน กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มแรงงานอิสระภาคท่องเที่ยว รองลงมาคือ กลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์

    จำนวนกว่า 9.5 ล้านคนนี้ คิดเป็นสัดส่วนการว่างงานประมาณ 24% ของแรงงาน แต่การประเมินว่า ในเฟส 1 ของมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ อาจทำให้การจ้างงานกลับคืนมาประมาณ 1 ล้านตำแหน่ง และในเฟส 2 และเฟส 3 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณามีการเปิดศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าธุรกิจจะทำให้การจ้างงานกลับคืนมาได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง

    ภาคอุตสาหกรรม 6 ล้านคนยังเสี่ยง

    สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่มีแรงงานประมาณ 6 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ ทั้งจากดีมานด์การบริโภคในประเทศที่ลดลงและการชะลอตัวการส่งออก ถึงแม้ในไตรมาสแรกปี 2563 จะยังขยายตัว 0.91% เพราะหากหักการส่งออกทองคำแท่งก็จะพบตัวเลขเป็นติดลบ 3.1% จึงคาดว่าทั้งปีการส่งออกของไทยอาจติดลบ 8.27%

    สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์อาจหดตัวมากกว่า 30% เพราะค่ายรถยนต์ต่างๆ ปิดตัวชั่วคราวตั้งแต่เดือนเมษายน และจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนใหญ่ยังไม่เปิด และบางส่วนปรับลดเหลือ 1 กะหรือสลับกันหยุด

    อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความเสี่ยงจากดีมานด์และการส่งออกที่ติดลบ นอกจากนี้ อุตสาหกรรมที่ยังมีความอ่อนแอจากการที่ส่งออกไตรมาสแรกหดตัว เช่น อุตสาหกรรมยางพารา, ข้าวแปรรูปเพื่อการส่งออก, อาหารทะลกระป๋องและแปรรูป, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องสำอางค์, ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง, ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับไม้ ฯลฯ

    ลุ้นไตรมาส 4 เศรษฐกิจเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น

    ดร.ธนิต คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 จบ อาจต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งปี นานกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 และมากกว่าทุกวิกฤตที่ประเทศไทยเคยประสบมา แม้คลายล็อกดาวน์แล้ว แต่กำลังซื้อยังไม่สูง เห็นได้จากเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายนที่ติดลบ 2.99% ต่ำสุดในรอบ 11 ปี คาดว่า ในไตรมาส 2 เงินเฟ้อจะยังคงติดลบ 2.28% ซึ่งจะทำให้ทั้งปีเงินเฟ้อทั่วไปคงติดลบไม่น้อยกว่า 1%

    เงินเฟ้อติดลบ คือ การสะท้อนถึงอำนาจการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนลดน้อยลง จะเห็นว่ารัฐได้นำเงินเข้ามาเยียวยาเศรษฐกิจในกลุ่มประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น โครงการ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ในกลุ่มแรงงานอิสระ 16 ล้านคน และเกษตรกร 10 ล้านคน โดยใช้เงิน 3.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 2.25% ของจีดีพี แต่อาจไม่พอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกลับมาทำงานได้ตามปกติ

    แรงงานต้องปรับตัวรับ New Normal
    ในอนาคต แม้จะผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่ ดร.ธนิต ได้เตือนถึงการมาของ "New Normal" ในภาคธุรกิจต่างๆ ที่ธุรกิจจะเดินอยู่บนดิจิทัลแพลตฟอร์ม ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไป ที่ให้ความสำคัญกับมาตรการสุขอนามัย การท่องเที่ยวกับที่การเดินทางระหว่างประเทศจะมีความเข้มงวดด้านสุขภาพฟรีวีซ่า

    อีกส่วนหนึ่งภาคแรงงานต้องปรับตัวครั้งใหญ่ จากก่อนหน้านี้ที่มีเทคโนโลยี เครื่องจักร หุ่นยนต์เข้ามาทดแทนบางส่วน โดยเฉพาะแรงงานสูงวัยอายุ 40-45 ปี ที่มีประสิทธิภาพสร้างผลผลิตในระดับต่ำ แรงงานเองจึงต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนทัศนคติการทำงาน พัฒนาทักษะ และเพิ่มทักษะใหม่ๆ เพื่อรับวิกฤติต่าง ๆ ที่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไป.

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อินเดียยังผวาแก๊สรั่ว สั่งขยายพื้นที่อพยพ
    นาย เอส.เอ็น ประธาน ผู้อำนวยการทั่วไป ประจำกองกำลังรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ สั่งให้ขยายพื้นที่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในระยะ 5 กม. อพยพเพิ่มจากเดิมในรัศมีโดยรอบ 3 กม.
    Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

    https://www.thairath.co.th/news/foreign/1839858

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักลงทุนห่วง'วิกฤติการเมืองจีน-สหรัฐ'สูงสุด ทรัมป์เตรียมเผยเร็วๆนี้ จีนซื้อสินค้าสหรัฐตามข้อตกลงหรือไม่ - นักเศรษฐศาสตร์ชี้ การเผชิญหน้าทางการเมืองของจีนและสหรัฐเป็นความกังวลอันดับหนึ่งของนักลงทุน และในขณะนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเพิ่มมากขึ้น โดยความตึงเครียดเหล่านี้จะมีไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะกระทบต่อตลาดเงินโดยเงินหยวนจะอ่อนตัวลง ขณะเดียวกัน ทรัมป์เตรียมเผยในหนึ่งหรือสองสัปดาห์นี้ว่า จีนซื้อสินค้าสหรัฐตามเงื่อนไขในข้อตกลงเฟส 1 หรือไม่

    จีเว่ย จาง ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัท พินพอยต์ แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาอาจพุ่งสูงสุดแล้ว แต่วิกฤติการเมืองที่เกิดจากไวรัสกำลังเริ่มที่จะเพิ่มมากขึ้นและนักลงทุนเป็นกังวลมาก

    จางชี้ว่าความตึงเครียดทางการเมืองน่าจะอยู่ในขั้นต้นเท่านั้น และเกิดขึ้นเพียง 6 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมีสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐอาจจะกำลังเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลปักกิ่งซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณของการกดดันเพิ่มขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเมื่อฝ่ายสหรัฐชี้นิ้วโทษจีน

    จาง กล่าวว่า ความตึงเครียดเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน และเงินหยวนอาจอ่อนตัวลงเมื่อการซื้อขายมีความผันผวน และตลาดเป็นกังวลมากเกี่ยวกับการพิพาทเกี่ยวกับต้นตอของไวรัส

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เชื่อว่า “ความผิดพลาด” ของจีนเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดไปทั่วโลก และ ไมค์ พอมเพว รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐก็กล่าวว่า มีหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ว่าไวรัสมีต้นตอมาจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น แต่จีนได้ปฏิเสธการกล่าวอ้างเหล่านี้

    มีเสียงโจมตีเช่นกันว่า รัฐบาลปักกิ่งไม่แถลงให้ชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายของไวรัสในช่วงต้นที่มีการระบาด และโจมตีว่ารัฐบาลจีนตอบโต้ช้าเกินไปและรายงานความรุนแรงของการระบาดในพรมแดนจีนต่ำกว่าความเป็นจริง

    ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐได้รุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้เมื่อไวรัสโคโรนาระบาดไปทั่วสหรัฐจนทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากสุด และส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐหยุดชะงัก

    สหรัฐและจีนได้ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 เมื่อเดือนมกราคม ก่อนที่จะเกิดการระบาดของไวรัสในมณฑลหูเป่ย เป็นครั้งแรก สองเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกได้ใช้เวลาในช่วงสองปีที่ผ่านมาทำสงครามการค้าจนฉุดเศรษฐกิจโลก และทั้งสองประเทศได้เก็บภาษีสินค้าซึ่งกันและกันเพิ่มเป็นจำนวนมาก

    คลีต วิลเล็ม อดีตผู้เจรจาการค้าของทำเนียบขาว กล่าวว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็นใหม่ และหากไม่ระวัง สถานการณ์อาจะเลวร้ายลงเป็นอันมาก

    ทรัมป์ได้กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาจะสามารถเปิดเผยได้ในเวลาประมาณหนึ่งหรือสองสัปดาห์ว่า จีนกำลังทำตามเงื่อนไขในข้อตกลงเฟส 1 ที่สองประเทศได้ลงนามในเดือนมกราคมหรือไม่

    ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า จีนกำลังซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐจำนวนมากแต่สงสัยว่าซื้อในระดับที่ได้สัญญาไว้หรือไม่ โดยในหนึ่งหรือสองสัปดาห์จะสามารถรายงานได้ โดยไม่เพียงแต่รายงานการซื้อสินค้าเกษตรเท่านั้นแต่จะรายงานเกี่ยวกับการซื้อสินค้าในอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่นกัน

    ตามข้อตกลง จีนตกลงซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐเพิ่มจากปี 2550 ประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์ในเวลา 2 ปี โดยซื้อเพิ่มขึ้นในปีแรก 77,000 ล้านดอลลาร์ และซื้อเพิ่ม 123,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่สอง แต่วิกฤติสุขภาพส่งผลกระทบต่อดีมานด์จีนและเศรษฐกิจจีนเพิ่งเริ่มจะฟื้นตัวเท่านั้น

    การสัญญาว่าจะตรวจสอบการซื้อสินค้าสหรัฐของจีนมีขึ้นในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังงัดข้อเกี่ยวกับต้นตอในการเกิดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

    Source: ข่าวหุ้น

    -Investors’ No. 1 concern is a US-China political face-off, says economist
    https://www.cnbc.com/2020/05/06/us-...is-major-concern-for-investors-economist.html

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก MisterBan

    May 9 , 2020 สำนักงานประกันสังคมจัดโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงิน 30,000 ล้านบาท ดึงธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19
    .
    นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน ได้มีมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 ให้สามารถรักษาการจ้างงานให้ผู้ประกันตนมีงานทำต่อเนื่องและอยู่ในระบบประกันสังคม
    .
    สำนักงานประกันสังคมได้มีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน วงเงินไม่เกิน 30,000 ล้านบาท เพื่อให้สถานประกอบการกู้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการเสริมสภาพคล่อง ให้มีศักยภาพ มีการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการกู้เพื่อ Refinance ได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินปล่อยกู้ของแต่ละธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯ
    .
    ซึ่ง ณ ขณะนี้มีธนาคารเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานแล้ว จำนวน 2 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) วงเงินสินเชื่อ เพื่อกู้ในโครงการฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท และล่าสุดมีธนาคารเข้าร่วมโครงการสินเชื่อฯ เพิ่มเติมได้แก่ ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ มีระยะเวลาการยื่นคำขอกู้ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึง 31 ธันวาคม 2563 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด
    .
    สำหรับวงเงินสินเชื่อได้มีการจัดสรร ดังนี้
    .
    1. วงเงิน 18,000 ล้านบาท สำหรับสถานประกอบการที่มีลูกจ้างไม่เกิน 50 คน วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ต่อราย
    .
    2. วงเงิน 9,000 ล้านบาท สำหรับสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง 51 - 200 คน วงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ต่อราย
    .
    3. วงเงิน 3,000 ล้านบาท สำหรับสถานประกอบที่มีลูกจ้างเกิน 200 คน วงเงินกู้ไม่เกิน 15 ล้านบาท ต่อราย ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น สถานประกอบการที่สนใจกู้และมีหลักทรัพย์ค้ำประกันอัตราดอกเบี้ย จะอยู่ที่ร้อยละ 3 ต่อปี และคงที่ 3 ปี และในกรณีสถานประกอบการที่สนใจกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี และคงที่ 3 ปี สำหรับข้อกำหนดของสถานประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และหลังจากที่ได้รับสินเชื่อไปแล้ว ต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนผู้ประกันตน ณ วันที่ได้รับสินเชื่อตลอดอายุโครงการ 3 ปี ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบให้มีการเลิกจ้างลูกจ้างในสถานประกอบการ โดยสำนักงานประกันสังคมจะมีการตรวจสอบข้อมูลทุก 1 ปี
    .
    ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถขอหนังสือรับรองสถานะสถานประกอบการ ได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่ง เพื่อนำไปติดต่อขอยื่นกู้กับธนาคารที่เข้าร่วมโครงการฯโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน เป็นโครงการฯ ที่ดำเนินงานตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมว่าด้วยการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนประกันสังคม พ.ศ.2559 ที่สามารถนำเม็ดเงิน ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินกองทุนประกันสังคมมาลงทุนทางสังคม เพื่อประโยชน์ทางอ้อมแก่นายจ้าง และผู้ประกันตนได้ นอกจากจะช่วยเป็นทุนหมุนเวียนและเสริมสร้างสภาพคล่องในสถานประกอบการรักษาสภาพการจ้างงานแล้ว ยังทำให้เกิดทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอีกด้วย
    .
    #สินเชื่อ #ประกันสังคม #จ้างงาน #ไวรัสโควิด19 #Misterban
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แบ่งปันจาก MisterBan

    May 9 , 2020 “รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล”เตือนให้ติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อตั้งแต่กลางเดือนนี้ หวั่นกลับมาระบาดหนักรอบสองหลังผ่อนปรน พร้อมเชื่อว่าวัคซีนจะได้ช่วงเม.ย.2564
    .
    รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยถึงการผ่อนปรน และการเปิดให้บริการต่างๆ ช่วงนี้ จะเห็นผลในช่วงกลางเดือน พ.ค. ว่าการระบาดโควิด-19 จะเป็นอย่างไร
    .
    ส่วนสัญญาณอะไรที่จะบ่งบอกว่ามีการระบาดระลอกสองแล้ว ให้ดูที่ผู้ติดเชื้อ หากผู้ติดเชื้อรายวันรายใหม่กลับมาสูงถึง 50 คน เมื่อไหร่ คือ ธงเหลือง ธงสัญญาณเตือน และหากผู้ติดเชื้อมากกว่า 50 คน ต่อเนื่อง คือ การเข้าสู่การระบาดระลอกสองแล้ว
    .
    หากผู้ติดเชื้อรายวันกลับมาถึง 50 คน ประเทศต้องมาคุยกันใหม่แล้วถึงมาตรการต่างๆ หย่อนยานไปไหม ต้องเข้มข้นขึ้นมาใหม่ ต้องมีความสมดุล หากเข้มข้นไป คนก็อยู่กันไม่ไหว แต่ถ้าปล่อยมากไป ก็จะมีคนป่วยเยอะเกินไป
    .
    การดำเนินการต้องสมดุล ให้คนใช้ชีวิตสะดวกขึ้นในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องคอยติดตามผู้ป่วยรายใหม่ไม่ให้เพิ่มมากจนเรารับมือไม่ไหว
    .
    เมื่อถามว่า หากกลับมาระบาดระลอกสอง กังวลว่ามันจะหนักกว่าเดิม ห้องไอซียูจะล้น
    จะเหมือนในต่างประเทศหรือไม่ ที่มีการปล่อยให้เสียชีวิต ประเทศไทยได้มีการประชุมวางหลักเกณฑ์ไว้แล้วว่าระดับวิกฤตไอซียู ผู้ป่วยกลุ่มไหนจะได้สิทธิใช้เตียงและห้องไอซียูก่อน โดยพิจารณาจากศักยภาพโอกาสของผู้ป่วยที่จะเป็นกำลังให้แก่ประเทศ มีการวางไว้แล้วไม่ต้องกังวล
    .
    ส่วนการกลายพันธุ์ของไวรัสชนิดนี้ ไวรัสชนิดนี้ถือเป็นสายพันธุ์ที่5 ของไวรัสโคโรนา ลักษณะสายพันธุ์ของมัน ต่อไปจะระบาดเป็นฤดูกาล ต้องเตรียมรับมือ เรื่องการกลายพันธุ์ก็ต้องศึกษาวิจัยว่ามันจะแข็งแรงอีกมากขึ้นขนาดไหน แต่สิ่งที่จะมาช่วยได้ คือ วัคซีน เชื่อว่า เม.ย. 2564 น่าจะมีวัคซีน
    .
    #หมอ #เตือน #กลางเดือน #พฤษภาคม #Misterban
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,685
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ช่วงนี้ท้องฟ้ากรุงเทพมหานคร ประเทศไทยแปลกดี น่ะครับ เห็นแบบนี้มาซักอาทิตย์แล้ว แต่ไม่ทุกวันครับเพราะไม่ได้ออกมาเดินทุกวัน แต่พอออกมาเดินก็เห็นแบบนี้ ช่วงเย็น

    IMG_20200509_184559.jpg IMG_20200509_184642.jpg IMG_20200509_184701.jpg IMG_20200509_184711.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...