ติดตามสถานะการณ์

ข่าวเศร้าที่ญี่ปุ่น



เจ้าของร้านทงคัตสึที่มีรายชื่อเป็นผู้วิ่งคบเพลิงโอลิมปิก 2020 ได้ฆ่าตัวตายด้วยการเอาน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาตัวเอง
เจ้าของนี่เป็นคนเก่งมาก เรียนนิติฯภาคกลางคืน (แต่ดูจากเนื้อข่าวภาษาญี่ปุ่น น่าจะเรียนเศรษฐศาสตร์ภาคกลางคืนมากกว่า) จบแล้วเข้า ม.เคโอต่อ จนจบ ป.โท จากนั้นถึงมารับช่วงร้านทงคัตสึ ทำร้านมาเกือบ 30 ปีจนมาเจอวิกฤติ #COVID19 #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #coronavirus
#Japan

(นำมาจากทวิตเตอร์ Lazy_and_lame )

https://mainichi.jp/articles/20200502/k00/00m/040/003000c.amp?__twitter_impression=true

 

MisterBan

May 4, 2020 ยุคที่เชื้อไวรัสฆ่าห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ ระดับตำนานตายสนิท ล้มละลายแล้วหนึ่ง จะตามมาอีก 3-4 ห้าง

เจ.คริว ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่และชื่อดังในสหรัฐ ประกาศล้มละลายอย่างเป็นทางการ และขอศาลพิทักษ์ทรัพย์สินทั้งหมดตามกฎหมายมาตรการ 11 ล้มละลายของสหรัฐอเมริกา กลายเป็นห้างสรรพสินค้ารายแรกที่ต้องปิดฉากธุรกิจขายปลีกในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐ ที่มีสัดส่วนมากถึง 70% ของมูลค่าเศรษฐกิจสหรัฐ

สาเหตุจากธุรกิจห้างสรรพสินค้าในสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากปี 2562 จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของนักช้อปปิ้งอย่างรุนแรงด้วยการซื้อหาสินค้าออนไลน์มากกว่าไปเดินห้างสรรพสินค้า การแข่งขันของเว็บไซต์ออนไลน์อีคอมเมิร์ซที่รุนแรงทั้งในสหรัฐและจากต่างประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนพุ่งสูง เกิดภาวะหนี้สะสมมากมาย ซึ่งเจ.คริว มีหนี้สะสมในสิ้นปีที่แล้วสูงถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 52,800 ล้านบาท เมื่อมาถึงปี 2563 ในช่วง 4 เดือนแรก ต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลกและในสหรัฐ ทำให้ห้างสรรพสินค้าต้องปิดบริการจากมาตรการปิดล๊อคเมือง ต่างชาติงดเดินทางเข้าสหรัฐจากมาตรการห้ามต่างชาติเข้าประเทศสหรัฐ และพนักงานต้องเข้าโครงการพักงาน

ทั้งนี้ ห้างสรรพสินค้าเจ.คริว มีสาขาและห้างในเครือรวมกันทั้งสิ้น 497 แห่งทั่วสหรัฐ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดทำการได้ตามปกติในเวลานี้ ธุรกิจห้างสรรพสินค้าในสหรัฐอเมริกาเข้าขั้นวิกฤตการเงินอีกหลายราย ซึ่งมีการประเมินว่า หากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐไม่สามารถควบคุมได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่านี้ อาจมีห้างสรรพสินค้าอีก 3-4 ห้างที่เลี่ยงไม่พ้นต้องประกาศภาวะล้มละลาย ได้แก่ เซียร์ส เจซีเพนนี ไนแมนมาร์คัส



#เจคริว #ห้างสรรพสินค้า #ล้มละลาย #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #misterban #covid19 #bankruptcy #usa

 

องค์การอนามัยโลกยัน การกลั้นหายใจเป็นเวลา 10 วินาที ตรวจโควิด-19 ไม่ได้ หากมีอาการใกล้เคียงหรือสงสัย ควรไปโรงพยาบาลเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยค่ะ !!
.

#กลั้นหายใจ #ตรวจหาเชื้อไวรัส #ไวรัส #COVID19 #โควิด19 #องค์การอนามัยโลก #MisterBan

 

MisterBan
=68.ARDPB1_LjLyhwzEsA7P24pCzUuIV9bamlpiqPx_akv2hk5bLMYPvO_zgBxYyOE7mMKOm5mZKapy0RL8sGOI8nPmhy5AQKsoLkKDBeZndgQ-TP-WtoZjhHhAvDuC3qxOWZ9SqzF58wEZxCx5pPpk8mCm995OV9Mwjc7oAKNCnw0dhsmdQqZ44uUjLmw8JPaGcgAdABP93s20tpLnOz2Km4tKS3wGzgZvzKAO90ZrAjlsIxHN_Yl4CHtUebGC1HZ02nhbvTcQdzZqtqZbF4qIiQ24o334zvS2S_J06HnSXDsg0uWZcBvCpcDRieloHiEMROq5UBoAokmrsPse6SEAOG2Zs8AfbYhHJR71TBnrmBJVDBIKPAVXijA&__tn__=k*F&tn-str=k*F#']
May 5, 2020 วันก่อนเจอค่ายผลิตเครื่องยนต์ให้เครื่องบินปลด 8,000 คน มาเจออีกค่ายปลด 13,000 คน การบินโลกไม่เหลือ

เจนเนอรัล อิเลคทริค หรือจีอี ยักษ์อุตสาหกรรมหลากหลายชั้นนำของโลกในสหรัฐ ประกาศปลดพนักงาน 13,000 คนทั่วโลก หรือราว 25% ของพนักงานทั้งหมดในธุรกิจผลิตเครื่องยนต์ให้กับเครื่องบินยักษ์ใหญ่ทั้งแอร์บัสของฝรั่งเศส และโบอิ้งของสหรัฐอเมริกา สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง และสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการบินและธุรกิจสายการบินทั่วโลกครั้งประวัติศาสตร์

สำหรับการปลดพนักงานรวมทั้งสิ้น 13,000 คน ในครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทจีอีประหยัดค่าใช้จ่ายมากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 33,000 ล้านบาท ในจำนวน 13,000 คนที่จะถูกปลดนั้น รวมตัวเลขปลดพนักงานในสหรัฐที่ 2,600 คน หรือ 10% ที่ได้ประกาศไปเมื่อเร็วๆนี้

ทั้งนี้ จีอียอมนับว่า ภาวะโรคระบาดโควิด-19 ฉุดรายได้ของทั้งเครือจีอีมากถึง 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 29,700 ล้านบาท และกระทบต่อสภาพคล่องเงินสดหมุนเวียนในบริษัทมากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 33,000 ล้านบาท หากมองในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ พบว่า รายการสั่งซื้อเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินพาณิชย์ทรุดต่ำหนัก -82% เหลือเพียง 145 ชุด







#ปลดพนักงาน #ปลดคน #ตกงาน #การบิน #จีอี #โควิด19 #misterban #ge #jobcut #covid19

 

MisterBan

May 4, 2020 โควิด-19 ทุบเศรษฐกิจเกาะสวรรค์นักช้อปทั่วโลกทรุดครั้งประวัติศาสตร์ ติดลบเกินคาดหมาย

รัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แถลงตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ปรากฎว่า ทรุดหนักมากถึง -8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทำสถิติเศรษฐกิจฮ่องกงดกดิ่งครั้งประวัติศาสตร์ โดนตัวเลขดังกล่าวยังทำลายสถิติจีดีพีไตรมาส 3 ปี 1998 ซึ่งทรุดที่ระดับ -8.3% ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินเอเชีย หรือวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 นอกจากนี้ ยังทำสถิติตกต่ำหนักมากกว่าในไตรมาสที่ 1 ในปี 2009 ที่ทรุดมากถึง -7.8% ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐเกิดขึ้นในปี 2008 ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขเศรษฐกิจฮ่องกงไตรมาสที่ 1 ปีนี้ ยังทำสถิติจีดีพีติดลบเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเปิดภาวะถดถอยเศรษฐกิจเป็นทางการ และเป็นการถดถอยที่ยาวนานที่สุดในรอบ 11 ปี หรือนับตั้งแต่หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อปี 2008 ด้วย

สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 นับตั้งแต่ต้นปี สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจฮ่องกงอย่างรุนแรง การบริโภคภาคเอกชน -10.2% การส่งออก -9.7% การส่งออกภาคบริการ -37.8% แต่มีเพียงการใช้จ่ายภาครัฐบาลเท่านั้น ที่เพิ่มขึ้น 8.3% หากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ยังไม่สามารถควบคุมให้ดีขึ้นได้ กระทรวงการคลังฮ่องกง ประเมินว่าเศรษฐกิจฮ่องกงตลอดทั้งปีนี้ จะดำดิ่งมากถึง -7%





#ฮ่องกง #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #covid19 #coronavirus #misterban #hongkong #btimes

 

MisterBan

May 4, 2020 พนักงานขับรถยนต์บริการรับส่งผู้โดยสารชื่อดังถูกพักงาน แถมไม่จ่ายเงินเดือน เซ่นโควิด-19 ทุบธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร

แกร็บ (Grab) ประเทศสิงคโปร์ ประกาศโครงการให้พนักงานหยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนแบบสมัครใจ สาเหตุจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากมาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ของรัฐบาลสิงคโปร์อย่างรุนแรง ส่งผลให้ยอดผู้โดยสารที่เรียกรถยนต์เพื่อเดินทางลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แกร็บประเทศสิงคโปร์ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือคนขับด้วยการลดค่าธรรมเนียม ซึ่งแกร๊บต้องเรียกเก็บจากคนขับระหว่าง 50-55% ไปจนถึงวันที่ 1 มิถุนายนนี้

คนขับที่เช่ารถยนต์จาก GrabRentals ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน จะได้รับการลดค่าธรรมเนียมลง 75% ส่วนผู้เช่าเดิมจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดถึงวันที่ 10 พฤษภาคม นอกจากนี้ คนขับรถยนต์ของแกร็บยังได้รับอนุญาตให้สามารถขับรถยนต์เพื่อรับส่งอาหาร และของใช้อื่นๆที่ใช้ภายในบ้านได้ เพื่อเป็นการเสริมรายได้ จากเดิมที่อนุญาตให้ขับรถยนต์เพื่อรับส่งผู้โดยสารเท่านั้น

ทั้งนี้ รัฐบาลสิงคโปร์ใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เน้นให้ประชาชนอยู่ในบ้าน รวมถึงลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น เพื่อควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้านี้ ผู้บริหารแกร็บที่ประเทศสิงคโปร์ประกาศปรับลดเงินเดือนตัวเองลง 20% เพื่อควบคุมและลดค่าใช้จ่ายไปแล้ว
#แกร็บ #สิงคโปร์ #โควิด19 #ไวรัสโคโรนา #covid19 #grab #singapore

 

MisterBan

May 5, 2020 เริ่มต้นวันแรกในสัปดาห์ใหม่ หุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้นกว่า 20 จุด ราคาน้ำมันดิบไปต่อกว่า 3% ส่งราคาไนเม็กซ์ปิดเหนือกว่า 20 ดอลลาร์ ราคาทองคำตลาดโลกปิดเหนือ 1,710 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม(ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 23,749 จุด +26 จุด หรือ +0.11% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,842 จุด +12 จุด หรือ +0.43% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 8,710 จุด +105 จุด หรือ +1.23% สาเหตุจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวจากผู้บริโภคที่ใช้เครือข่ายเทคโนโลยีออนไลน์จากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ท่ามกลางความตึงเครียดทางสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีน

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 20.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +3.08% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 26.72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.28 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ +1.1% สาเหตุจากหลายประเทศทั่วโลกทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลต่อการกระเตื้องขึ้นกับความต้องการใช้น้ำมันดิบการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสตามที่มีมติกันไปก่อนหน้านี้ ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เริ่มมีผลตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป

ราคาทองคำนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,713.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จีนที่จะใช้มาตรการภาษีอย่างเข้มข้นกับจีน เพื่อตอบโต้ที่จีนต้องรับผิดชอบต่อโรคระบาดโควิด-19 ไปทั่วโลก กลายเป็นปัจจัยลบที่กระหน่ำภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำครั้งประวติศาสตร์










#ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes

 

เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง3

คนกรุงคัมแบ๊ค!! กลับมาทำงานตามปกติ หลัง Work From Home นาน ด้านชาวเน็ทโพสต์รูปโวยการจัดระเบียบผู้โดยสารบนรถไฟฟ้า BTS เช้าวันนี้ ไม่เหลือพื้นที่ให้เว้นระยะห่าง Social Distancing แน่นทั้งในขบวนรถและชานชาลา ห่วงการแพร่ระบาดโควิด-19

ขณะที่ BTS_SkyTrain แจ้งจุดสับรางที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติและสถานีสยามขัดข้องอีก ส่งผลให้การเดินรถสายสุขุมวิทและสายสีลมเกิดความล่าช้า ตั้งแต่ 04.59 น.ก่อนจะประกาศแก้ไขแล้วเสร็จในเวลา 08.40 น.

ขอบคุณภาพจากสมาชิกเฟซบุ๊ก-ทวิตเตอร์

 

01/05/2563
เรียน ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทุกท่าน

ประกาศเลื่อน!!! การชำระเงินค่าไฟฟ้าบิลเดือน เมษายน 63 ของประเภท บ้านอยู่อาศัย 1.1.1 และ 1.1.2 ออกไปก่อน โดยไม่มีกำหนดที่ชัดเจนและแน่นอน

จากเดิม เคยประกาศไว้ ว่าตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน
#แต่ปัจจุบันระบบยังไม่พร้อมในการรับชำระเงิน

ซึ่งท่านสามารถเช็คยอดและชำระยอดเงินได้ทาง App PEA Smart Plus หรือ นำบิลค่าไฟฟ้าที่ได้รับไปแล้วเดือน เมษายน ไปยิงบาร์โค้ดได้ที่ เคาท์เตอร์เซอร์วิส ได้หลังมีการประกาศวันที่แน่ชัดอีกครั้ง

และในช่วงเวลานี้ ทาง PEA จะไม่มีการตัดกระแสไฟหรืองดจ่ายกระแสไฟฟ้าแต่อย่างใด ในขณะนี้ ทางระบบกำลังเร่งดำเนินการปรับปรุงค่าไฟฟ้าของประเภทบ้านอยู่อาศัยโดยมีส่วนลดตามมาตรการของรัฐ

ซึ่งถ้าได้ชำระไปแล้ว ทาง PEA จะดำเนินการ คืนยอดให้ในบิลประจำ เดือน กรกฎาคม 63 นี้ค่ะ

ปล. นอกนั้น อัตราค่าไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ได้แก่
ประเภท 2. กิจการขนาดเล็ก
ประเภท 3. กิจการขนาดกลาง
ประเภท 4. กิจการขนาดใหญ่
ประเภท 5. กิจการเฉพาะอย่าง
ประเภท 6. องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
ประเภท 7. สูบน้ำเพื่อการเกษตร
ประเภท 8. ไฟฟ้าชั่วคราว

ทั้ง 7 ประเภท 2-8 นั้น สามารถชำระเงินได้ปกติครับ ในบิลของท่านจะได้รับสิทธิ์ส่วนลด 3% ที่ท้ายบิลอยู่แล้วค่ะ

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

มาเลเซีย : 4 พค. วันแรกที่เริ่มผ่อนปรนให้ห้างร้าน
ร้านอาหาร เริ่มเปิดให้บริการ ท่ามกลางความกังวล
ของหลายๆคนเพราะตัวเลขรวมการติดเชื้อรายวันยังสูง คลิปผู้คนจำนวนมากมารอห้างเปิด
* ยอดติดเชื้อรายใหม่ 55 คน รวม 6,355 ราย รักษาหาย4,484 เสียชีวิต 105 ราย

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

เม็กซิโก : รัฐปวยบลา ทอร์นาโดถล่มในบ่ายวันที่ 1พฤษภาคม ที่ผ่านมา

 

World Forum ข่าวสารต่างประเทศ

อินโดนีเซีย: ลิงขับมอเตอร์ไซค์มาขโมยเด็ก

ข่าว
https://7news.com.au/news/world/mon...bQQiQKAAogGUoKJT_cH3DNlqBp7ASsYW8E5VhjYlRt3Mc

 

แบ่งปันจาก สาโรช ฮารุดีน



อดีตนายกรัฐมนตรีไซออนิสต์ ยอมรับ ; ไม่สามารถทำลายฮิซบุลเลาะห์เลบานอนได้... ย้ำ ฮิซบุลเลาะห์มีขีปนาวุธ 140,000 ลูก สามารถกำหนดเป้าครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอิสราเอล
อีฮัด บารัก" อดีตนายกรัฐมนตรีระบอบไซออนิสต์ ได้ตอบคำถามในการให้สัมภาษณ์ว่า ทำไมฮิซบุลเลาะห์จึงไม่ถูกทำลายในช่วงสงครามหลายปีระหว่างเลบานอนกับอิสราเอล เขาได้กล่าวยอมรับว่า : "ไม่สามารถที่จะทำลายของเลบานอนได้"
"อีฮัด บารัก" อดีตนายกรัฐมนตรีระบอบไซออนิสต์ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ "Maariv" ของไซออนิสต์ ในการตอบคำถามที่ว่าทำไมฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอนจึงไม่ถูกทำลายในช่วงสงครามหลายปีของประเทศนี้กับอิสราเอล ได้กล่าวว่า : "ไม่สามารถที่จะทำลายฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอนได้"
เขากล่าวเสริมว่า : "ขบวนการนี้เป็นขบวนการต่อสู้ ที่แท้จริงที่อยู่ในเลบานอนและในพื้นที่ต่างๆ ในชนบทของประเทศนี้ที่ปกคลุมไปด้วยพลเรือน เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายขบวนการนี้โดยไม่เข้าไปในเลบานอนและเข้าไปอยู่ในเมืองซูรและไซดอน
บารักกล่าวว่า : “เราได้ทดลองหลายครั้งแล้ว แต่เราก็ไม่ประสบความสำเร็จ”
เกี่ยวกับอำนาจทางด้านขีปนาวุธของฮิซบุลเลาะห์เลบานอน เขากล่าวว่า : "อำนาจทางด้านขีปนาวุธของฮิซบุลเลาะห์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระหว่างปี 2549-2562 และจำนวนขีปนาวุธของฮิซบุลเลาะห์มีถึง 140,000 ลูก ซึ่งขีปนาวุธเหล่านี้สามารถครอบคลุมดินแดนทั้งหมดของอิสราเอล"
อีฮัด บารัก ได้ชี้ถึงการถอนกองทัพของอิสราเอลออกจากทางตอนใต้ของเลบานอน หลังจากการทำสงครามกับฮิซบุลเลาะห์ โดยกล่าวว่า : "หากเรายังคงอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุผลของการขาดแคลนกองกำลังและในกรณีที่มีการปะทะกำลังกันเป็นประจำทุกวัน สิ่งนี้จะสร้างปัญหาให้กับเรา"

https://www.mehrnews.com/news/4914206/نمی-توان-حزب-الله-لبنان-را-نابود-کرد

 

พวกผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์บริเวณด้านนอกสำนักงานใหญ่ตำรวจนครบาลลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่คนกลุ่มนี้เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูง 5G มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19)

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000046726
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ราคาน้ำมันขยับขึ้นไม่หยุดในวันจันทร์(4พ.ค.) หลังบรรดาบริษัทต่างๆของสหรัฐฯประกาศลดกำลังผลิตโดยสมัครใจท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ และความตึงเครียดระหว่างอเมริกากับจีน ปัจจัยหลังนี้ดันทองคำพุ่งแรง ขณะที่วอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุนจากกรณีรัฐต่างๆเคลื่อนไหวกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง

อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9630000046731
………………………………
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : http://nav.cx/4tvbDJ8
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

ค้นพบดาวแคระขาวแบบ "ยุบ-ขยายตัว" ในระบบดาวคู่เป็นครั้งแรก!

ดวงอาทิตย์ของเรานั้นเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการตลอดช่วงอายุ และจะมีจุดจบคือการกลายเป็น “ดาวแคระขาว” ซึ่งเป็นจุดจบแบบเดียวกันกับดาวฤกษ์เกือบ 97 เปอร์เซ็นต์ในกาแล็กซีทางช้างเผือก

อย่างไรก็ดี ล่าสุดมีการค้นพบใหม่ทางดาราศาสตร์ที่อาจเติมเต็มชะตากรรมสุดท้ายของดวงอาทิตย์ได้

งานวิจัยครั้งนี้นำทีมโดย สตีเวน พาร์สันส์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ ค้นพบดาวแคระขาวที่มีลักษณะแบบยุบ-ขยายตัวได้ ในระบบดาวคู่ SDSS J1152+0248 มีลักษณะเป็นดาวแคระขาวสองดวงโคจรรอบกัน เบื้องต้นคาดว่าเป็นผลจากการโคจรรอบกันและกันจนส่งผลต่อโครงสร้างภายในของดาวแคระขาว

ข้อมูลของการศึกษาครั้งนี้มาจาก HiPERCAM กล้องถ่ายภาพความเร็วสูงที่ติดตั้งอยู่กับกล้องโทรทรรศน์ “Gran Telescopio Canarias” ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10.4 เมตร สามารถถ่ายภาพด้วยความเร็วสูงถึง 1,000 ภาพต่อวินาที และถ่ายภาพในช่วงแสง 5 สีที่แตกต่างกัน ด้วยประสิทธิภาพดังกล่าวทำให้สามารถตรวจจับการยุบและขยายตัวอย่างรวดเร็วของดาวแคระขาว ซึ่งการเก็บข้อมูลและการศึกษาส่วนใหญ่ของงานวิจัยนี้สำเร็จได้ด้วยฝีมือของนักศึกษาระดับปริญญาตรีอีกด้วย

ระบบดาวคู่ SDSS J1152+0248 เป็นระบบดาวคู่แบบอุปราคา กล่าวคือ ดาวทั้งสองดวงโคจรบังหน้ากันและกันสลับไปมาเมื่อมองจากโลก และเป็นครั้งแรกที่ค้นพบดาวแคระขาวยุบและขยายตัวในระบบดาวคู่แบบนี้ ทำให้ทีมวิจัยสามารถวัดมวลกับรัศมีของดาวแคระขาว และสามารถระบุองค์ประกอบภายในของดาวได้

สตีเวน พาร์สันส์ กล่าวว่า “เนื่องจากองค์ประกอบของดาวแคระขาวจะซ่อนอยู่ใต้ชั้นไฮโดรเจนที่มองไม่เห็น การระบุองค์ประกอบภายในของดาวแคระขาวจึงทำได้ยากมาก แต่อย่างไรก็ตามเราสามารถคาดการณ์องค์ประกอบภายในของดาวแคระขาวได้จากขนาดของมัน”

ดาวแคระขาว คือใจกลางของดาวฤกษ์ที่เผาเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจนหมด และเริ่มหลอมรวมฮีเลียมไปเป็นธาตุที่หนักกว่า ส่วนใหญ่จึงมีองค์ประกอบเป็นคาร์บอน หรือออกซิเจน แต่ดาวแคระขาวที่ค้นพบในครั้งนี้มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นฮีเลียม และใช้เวลาโคจรรอบกันเพียง 2.5 ชั่วโมง ที่เป็นเช่นนี้คาดการณ์ว่า เกิดจากวิวัฒนาการของดาวฤกษ์หยุดลงเร็วกว่าปกติก่อนที่จะหลอมรวมกับฮีเลียม

งานวิจัยครั้งนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา สำหรับขั้นตอนต่อไป นักวิจัยวางแผนที่จะศึกษาดาวแคระขาวดวงเดิมโดยใช้กล้อง HiPERCAM ร่วมกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ซึ่งจะช่วยให้ศึกษาดาวแคระขาวดวงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และความรู้และความเข้าใจที่ได้รับ จะสามารถนำมาอธิบายถึงวิวัฒนาการและจุดจบของดวงอาทิตย์ต่อไปได้

อ้างอิง
[1] https://astronomy.com/news/2020/03/rare-pulsating-white-dwarf-spotted-in-a-binary-star-system?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed%3A+astronomy%2ForOJ+%28Astronomy.com+News+-+Presented+by+Astronomy+Magazine%29
[2] http://www.sci-news.com/astronomy/pulsating-white-dwarf-eclipsing-binary-system-08231.html

เรียบเรียง : ศวัสกมล ปิจดี - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

 

อินเดียหยุดการปล่อยจรวดเพื่อผลิตเวชภัณฑ์รับมือ #ไวรัสโคโรนา

#องค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (ISRO) ประกาศหยุดการปล่อยจรวด เพื่อหันมาผลิตเครื่องช่วยหายใจและน้ำยาล้างมือ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทั่วโลก สื่อท้องถิ่นในอินเดียรายงานว่า ISRO (Indian Space Research Organisation) ในฐานะองค์การอวกาศของอินเดียได้หยุดการปล่อยจรวด และนำทรัพยากรที่มีหมุนมาใช้พัฒนาเครื่องช่วยหายใจและน้ำยาล้างมือ

#ISRO เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการปล่อยจรวดและภารกิจอวกาศของประเทศอินเดีย รวมถึงจรวดส่งดาวเทียมค้างฟ้า และยานจันทรยาน-2 ที่กำลังสำรวจดวงจันทร์ ทางองค์กรดังกล่าวได้สั่งพักโครงการอวกาศที่กำลังจะมีขึ้น นั่นคือการส่งดาวเทียมสังเกตการณ์โลก GISAT-1 รวมถึงโครงการอื่น ๆ แล้วไปเน้นภารกิจการรับมือโรค COVID-19 ทางด้านหัวหน้าศูนย์อวกาศวิกรมภายใต้ ISRO ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ The Times of India ว่า “พวกเรากำลังออกแบบเครื่องช่วยหายใจ ผลิตน้ำยาล้างมือ และจัดส่งสิ่งของเหล่านี้”

ณ วันที่ 1 พ.ค. 63 อินเดียมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 35,043 ราย ขณะที่น้ำยาล้างมือถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการชะลอการแพร่กระจายของไวรัส และเครื่องช่วยหายใจเป็นสิ่งจำเป็นในการประคองผู้ป่วยที่อยู่ในสภาวะวิกฤต ซึ่ง ISRO กำลังพยายามสร้างเครื่องช่วยหายใจแบบที่ใช้งานได้ง่ายอยู่

ทางองค์การ NASA ของสหรัฐฯ กำลังพยายามทำแบบเดียวกัน โดยจิม ไบรเดนสไตน์ ผู้บริหารองค์การ NASA กล่าวถึงเรื่องนี้ในวันที่ 25 มีนาคมว่า ตนและผู้นำองค์กรอื่น ๆ กำลังร่วมมือกันกับฝ่ายอื่นในรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาว่าทาง NASA จะสนับสนุนอะไรได้บ้างในการรับมือโรค COVID-19 เจ้าหน้าที่ของ NASA ระบุว่าอาจรวมถึงการผลิตเครื่องช่วยหายใจ และทำงานร่วมกันกับบริษัทอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ที่ผลิตเครื่องช่วยหายใจ

เรียบเรียง : พิสิฏฐ นิธิยานันท์ - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ชำนาญการ สดร.

อ้างอิง :
[1] https://www.space.com/india-space-agency-stops-launches-makes-ventilators-coronavirus.html
[2] https://news.google.com/covid19/map?hl=en-US&gl=US&ceid=US%3Aen&mid=%2Fm%2F03rk0

 

#ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน เริ่มต้นอาทิตย์แรกของเดือนใหม่ มาดูอีกหนึ่งการค้นพบทางดาราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังกันครับ

นักดาราศาสตร์ค้นพบ #การปลดปล่อยพลังงานมหาศาล ออกมาจาก #เควซาร์ ณ ใจกลางกลางกาแล็กซีอันไกลโพ้น ด้วยข้อมูลจากข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล แรงดันจากการแผ่รังสีส่งผลให้สสารรอบข้างถูกกวาดออกคล้ายกับถูกซัดด้วย “คลื่นยักษ์สึนามิ” ก็ไม่ปาน

#เควซาร์ (Quasar) คือ นิวเคลียสของกาแล็กซีที่มีการปลดปล่อยพลังงานสูง เกิดจากหลุมดำมวลยวดยิ่งที่อยู่ใจกลางดึงดูดมวลสารที่อยู่รอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนแผ่รังสีที่มีความสว่างมากกว่ากาแล็กซีทั้งกาแล็กซี และยังส่งผลให้มวลสารบางส่วนถูกเป่าออกไปนอกกาแล็กซีอีกด้วย

งานวิจัยครั้งนี้ศึกษาเควซาร์ที่พ่นมวลสารออกจากกาแล็กซีจำนวน 13 เควซาร์ โดยศึกษาอัตราเร็วของแก๊สพลังงานสูงที่พ่นออกมาปะทะเข้ากับสสารในระนาบกาแล็กซีจนเกิดอุณหภูมิสูงนับพันล้านองศาเซลเซียส เปรียบเสมือนคลื่นสึนามิที่พามวลสารออกสู่นอกกาแล็กซี

นักดาราศาสตร์ตั้งสมมติฐานมานานหลายทศวรรษว่า มีกระบวนการบางอย่างหยุดการก่อตัวของดาวฤกษ์ในกาแล็กซีขนาดใหญ่ และเมื่อนำกระบวนการพ่นมวลสารนี้มาประกอบกับแบบจำลองวิวัฒนาการของกาแล็กซี แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจมีผลกับการก่อตัวของดาวฤกษ์และวิวัฒนาการของกาแล็กซี

นอกจากนี้นักดาราศาสตร์ยังพบว่ามีหนึ่งเควซาร์ที่พ่นมวลสารรุนแรงกว่าเควซาร์อื่น ๆ โดยเพิ่มความเร็วจาก 68.8 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 73.6 ล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี นับเป็นการพ่นมวลสารที่มีอัตราเร่งสูงสุดเท่าที่เคยค้นพบ และคาดว่ามันจะเพิ่มความเร็วต่อไปอีกเรื่อย ๆ

การค้นพบครั้งนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Astrophysical Journal เดือนมีนาคม 2563 โดยใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลศึกษาเควซาร์ในช่วงคลื่นอัลตราไวโอเลต ซึ่งช่วยเติมเต็มข้อมูลช่วงระดับพลังงานที่เควซาร์ปลดปล่อยออกมาตั้งแต่พลังงานต่ำไปจนถึงพลังงานสูง และอาจช่วยไขปริศนาของความสัมพันธ์ระหว่างกาแล็กซีและหลุมดำยักษ์ ไปจนถึงวิวัฒนาการของกาแล็กซีได้มากยิ่งขึ้น

เรียบเรียง : กฤษดา รุจิรานุกูล - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง : https://www.nasa.gov/feature/goddard/2020/quasar-tsunamis-rip-across-galaxies

 

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page

จีนสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุจานเดี่ยวแบบเคลื่อนไหวได้ #ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย

ประเทศจีนเดินหน้าสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุประเภทจานเดี่ยวแบบเคลื่อนไหวได้ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 70 เมตร มีพื้นที่รับสัญญาณเทียบเท่าสนามบาสเก็ตบอล 9 สนาม ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย รองรับภารกิจสำรวจดาวอังคารจากยาน “เทียนเวิ่น-1” (Tianwen-1) ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้

จีนเริ่มดำเนินการก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุดังกล่าวในตุลาคม พ.ศ. 2561 นำเทคโนโลยีคุณภาพสูงมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณและรองรับภารกิจการสำรวจอวกาศลึกในอนาคต คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้

หลี่ ชุนไหล รองหัวหน้าฝ่ายออกแบบภารกิจสำรวจดาวอังคารของจีน กล่าวว่า “การสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุแห่งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับติดต่อสื่อสารกับยานเทียนเวิ่น-1 ขณะปฏิบัติภารกิจสำรวจดาวอังคาร เนื่องจากดาวอังคารอยู่ห่างจากโลกกว่า 400 ล้านกิโลเมตร สัญญาณที่ส่งมาถึงโลกจึงเบาบางมาก”

จีนประสบความสำเร็จจากการส่งยานสำรวจและลงจอดบนดวงจันทร์ เริ่มจาก “ยานฉางเอ๋อ 1” โคจรรอบดวงจันทร์ ในปี พ.ศ. 2550 และ “ยานฉางเอ๋อ 2” ในปี พ.ศ. 2553 ต่อมาส่งยาน “ฉางเอ๋อ 3” ไปลงจอดบนดวงจันทร์ ในปี พ.ศ. 2556 และล่าสุดส่ง “ยานฉางเอ๋อ 4” ลงจอดด้านไกลของดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นชาติแรกของโลก เมื่อปี พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์มีระยะห่างจากโลกมากที่สุด 400,000 กิโลเมตร ขณะที่ดาวอังคารมีระยะห่างจากโลก มากที่สุด 400 ล้านกิโลเมตร ไกลกว่าระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ถึง 1,000 เท่า ดังนั้น สัญญาณที่ส่งมาจากดาวอังคารที่ค่อนข้างเบาบาง จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายและยิ่งใหญ่มากสำหรับภารกิจนี้ ซึ่งกล้องโทรทรรศน์วิทยุตัวนี้จะทำงานร่วมกับกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่อีก 3 ตัว ที่ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งและตอนใต้ของเมืองคุนหมิง

สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของดาวอังคารที่คล้ายกับโลก ทำให้ดาวอังคารกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ได้รับความสนใจที่จะส่งยานอวกาศไปสำรวจ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 มีการส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวอังคารมากกว่า 40 ภารกิจ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ การสำรวจดังกล่าวนอกจากจะช่วยตอบคำถามเรื่องสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารแล้ว ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ศึกษาความเป็นมา วิวัฒนาการของดาวเคราะห์หินในระบบสุริยะ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งมนุษย์ไปอาศัยบนดาวอังคาร

หลี่ ชุนไหล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ภารกิจเทียนเวิ่น-1 ถือเป็นการเปิดทางเข้าสู่ยุคแห่งการสำรวจดาวเคราะห์ของประเทศจีน หากกล้องโทรทรรศน์วิทยุดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จ เทคโนโลยีด้านการสำรวจอวกาศลึกของประเทศจีนจะพัฒนาเป็นอย่างมาก และจะเป็นรากฐานสำหรับการสำรวจดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง รวมถึงภารกิจการสำรวจดาวเคราะห์อื่น ๆ ในอนาคตอีกด้วย”

เรียบเรียง : ธราดล ชูแก้ว - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง :

 

สุดชัด!! เผยภาพถ่ายการแตกตัวของ #ดาวหางแอตลาส จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล

ดาวหาง C/2019 Y4 (ATLAS) ค้นพบครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2562 โดยเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์แอตลาส (ATLAS : Asteroid Terrestrial-Impact-Last Alert System) จากนั้นพบว่าดาวหางดวงนี้มีค่าอันดับความสว่างปรากฏเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าอาจจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หลังจากนั้นดาวหางกลับมีความสว่างลดลง ยืนยันโดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่น โฆเซ เด เกอิโรซ (Jose de Queiroz) ว่าชิ้นส่วนของดาวหางนั้นแตกออกจากกัน 3 ชิ้น เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

เมื่อวันที่ 20 และ 23 เมษายน ที่ผ่านมา กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลได้บันทึกภาพดาวหาง C/2019 Y4 (ATLAS) ภาพถ่ายเผยให้เห็นชิ้นส่วนแตกออกจากกันอยู่ภายในหางฝุ่นของดาวหางที่สะท้อนแสงอาทิตย์อย่างชัดเจน (วันที่ 20 เมษายน ประมาณ 30 ชิ้น และ วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา อีกประมาณ 25 ชิ้น) แสดงหลักฐานเพิ่มเติมว่าการแตกกระจายออกจากกันของดาวหางเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นกลไกสำคัญของนิวเคลียสดาวหางที่กำลังจะสิ้นอายุขัย ขนาดของชิ้นส่วนที่แตกออกมาเทียบเท่าขนาดบ้าน ขณะที่นิวเคลียสอาจจะมีขนาดหนึ่งหรือสองเท่าของสนามฟุตบอล

เนื่องจากการกระจายตัวของชิ้นส่วนดาวหางเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่อาจคาดการณ์จากการสังเกต นักดาราศาสตร์จึงไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของการแตกตัวของดาวหางดวงนี้ และสันนิษฐานว่าการแตกตัวของดาวหาง C/2019 Y4 (ATLAS) อาจเกิดจากนิวเคลียสที่เป็นน้ำแข็งดั้งเดิมหมุนตัวเนื่องจากไอน้ำที่ระเหิดและพ่นออกมาจากน้ำแข็ง ซึ่งการระเหิดดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบนนิวเคลียสของดาวหางเป็นหย่อม ๆ จนทำให้น้ำแข็งน้อยลงจนเกิดการปริแตก เป็นเหตุให้ส่วนต่าง ๆ ของดาวหางแยกออกจากกัน

ปัจจุบันดาวหาง C/2019 Y4 (ATLAS) อยู่ในวงโคจรของดาวอังคาร ห่างจากโลกประมาณ 146 ล้านกิโลเมตร จากการบันทึกภาพด้วยกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลครั้งล่าสุด และจะเข้าใกล้โลกที่สุดในวันที่ 23 พฤษภาคม 2563 ห่างประมาณ 116 ล้านกิโลเมตร จากนั้นจะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ห่างประมาณ 40 ล้านกิโลเมตร

เรียบเรียง : ธราดล ชูแก้ว - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

อ้างอิง https://www.nasa.gov/feature/goddard/2020/hubble-watches-comet-atlas-disintegrate-into-more-than-two-dozen-pieces