ติดตามสถานะการณ์

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข-ตำรวจลงพื้นที่หา หลวงปู่ครูบาเณร เจ้าของวัตถุมงคลใช้กันโควิด-19 แต่เจ้าตัวพร้อมคนสนิทเผ่นหนี ทิ้งไว้แค่สุนัขเฝ้าอาศรม

 

อาศัยการปิดเมืองช่วง COVID ขโมยภาพแวนโก๊ะ

ผลงานชิ้นเอกของแวนโก๊ะถูกขโมยที่พิพิธภัณฑ์ ในลาเรน โดยทางเจ้าหน้าที่ยืนยันในช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563 ซึ่งช่วงนี้มิวเซียมปิดชั่วคราวเพราะการระบาดของ #โควิด19 #COVID19 โดยภาพที่ถูกขโมยชื่อ "De Lentetuin"
Jan Rudolph de Lorm ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า

"ฉันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์นี้ มันยากมากโดยเฉพาะในเวลานี้"

De Lentetuin ยืมตัวมาจากพิพิธภัณฑ์ Groninger ภาพวาดในปี 1884 เป็นภาพของสวนของโบสถ์ปฏิรูปชาวดัตช์ใน Nuenen ที่ซึ่งพ่อของแวนโก๊ะเป็นตัวนักบวชอยู่ที่นั้น
https://nltimes.nl/2020/03/30/van-g...aUq9jegTpudBgHVf0st7vC3LH5Mf8l7FWqAQzB6y5sVak

 

กระทรวงสาธารณสุขซาอุฯ เปิดเผยว่า กษัตริย์ซัลมาน จะทรงออกค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วย #โควิด19 ในประเทศทั้งหมด ย้ำให้ผู้ที่มีอาการป่วยหรือเข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อไปเข้ารับการตรวจ // ปัจจุบัน ซาอุฯ พบผู้ติดเชื้อแล้ว 1,453 คน สูงที่สุดในบรรดาชาติอาหรับ และเสียชีวิตอีก 8 คน

 

ชิดกันเจอปรับ!!
.
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย เตือน คนไทยในซิดนีย์ ทางออสเตรเลียเข้มงวดมาตรการ รักษาระยะห่าง 1.5 เมตร และ ห้ามมีการรวมกลุ่ม ฝ่าฝืนเจอโทษปรับ 1000 Australian dollar

 

Wassana Nanuam

“แม่ทัพภาค4”ส่งทหาร
ซีลชายแดนไทย-มาเลเซีย
คุมเข้ม เขตพรมแดน
หวั่น มีผู้ลักลอบข้ามแดนในช่องทางธรรมชาติ
สกัดการแพร่เชื้อCoViD-19
หลัง มีชาวไทยมุสลิม ไปติดเชื้อจาก มาเลเซีย
และจำนวนผู้ติดเชื้อในชายแดนใต้ เพิ่มสูงขึ้น

รั้วชายแดนใต้ สร้างไม่สำเร็จ เสียที...(เพราะการเมืองระหว่างประเทศ)
.....ทหาร ก็ต้องไปยืน เป็นรั้ว และออกบาดตระเวณ แนวพรมแดน กันต่อไปเช่นนี้ ยิ่งในช่วงCoViD-19ระบาด และมาเลเซีย ปิดประเทศ เช่นนี้

พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค4/ผอ.รมน.ภาค4 สั่งการให้หน่วย คุมเข้มพื้นที่เขตพรมแดน ไทย-มาเลเซีย เพิ่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน โดยเฉพาะ ช่องทางธรรมชาติ โดยให้ วางลวดหนาม และ ขึงเส้นแสดงเขตห้ามผ่าน ตลอดแนว เป็นเชิงสัญลักษณ์

ที่บริเวณ พรมแดน ไทย-มาเลเซีย อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ....พันเอก โกเมธ รัตนผ่องใส ผู้บังคับกองพันทหารราบเชิงรุกที่ 1 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพล ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ ดูแลเขตพื้นที่รับผิดชอบพรมแดน ไทย-มาเลเซีย เพื่อแนะนำแนวทางในการปฏิบัติงานให้กับกำลังพล

รวมทั้งชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการ การเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมเชื้อไวรัส COVID - 19 จากบุคคลที่อาจจะลักลอบผ่าน เข้า-ออก

ทั้งนี้ ผู้บังคับกองพันทหารราบเชิงรุกที่ 1 ได้ตรวจมาตรการในการป้องกัน และยับยั้งการติดเชื่อไวรัส COVID - 19 โดยได้มีการคัดกรองบุคคลผ่าน เข้า-ออก

รวมทั้งตรวจการบันทึกบุคคล ยานพาหนะในการเข้า - ออก และได้ชี้แจงเน้นย้ำ กำลังพลให้ปฏิบัติตามข้อสั่งการของผู้บังคับบัญชา และให้ตระหนักถึงมาตรการในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID - 19

อีกทั้งการจัดหาอุปกรณ์ในการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยได้เน้นย้ำให้ดำเนินการฉีดยาฆ่าเชื้อเป็นประจำทุกวัน

Cr. ภาพ :กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค4ส่วนหน้า

 

ศบค. แถลงยัน เสียชีวิตรายที่ 10 พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่อีก 127
โฆษก ศบค. แถลงยืนยัน พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย อยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่วันนี้พบอีก 127 ราย รวมสะสม 1,651 ราย



Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/pol...EmzS3US-hD-CCi0BQhGYUkzQ3GD5rBcY6CrEV1_zPKrbY

 

ชาวบ้านต้านเปิดโรงแรมให้กลุ่มเสี่ยงโควิด-19 เข้ากักตัวฟรี

วันนี้ (31 มี.ค. 63) – ได้มีกระแสกระหึ่มบนโลกสังคมออนไลน์ ในเพจต่างๆ ของ จ.พะเยา ในกรณีที่ ว่าที่ ร.ต.ยอดรัก คงศิริ กรรมการผู้จัดการโรงแรมพะเยาแกรนด์รูม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา จะเปิดให้กลุ่มเสี่ยงที่มาจากกรุงเทพฯ หรือชาวต่างชาติ เข้ามากักกัน 14 วัน โดยให้บริการฟรี พร้อมอาหาร 3 มื้อ จนสร้างกระแสชื่นชมอย่างล้นหลาม แต่ขณะเดียวกันจะมีชาวบ้านในพื้นที่ ต.ท่าวังทองบางส่วนออกมาต่อต้านอย่างหนัก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า ร.ต.ยอดรัก เปิดใจว่า ทางโรงแรมเห็นว่าการเปิดโรมแรมให้กลุ่มเสี่ยงได้เข้ามากักตัว เป็นการเสียสละและทำบุญช่วยเหลือสังคม โดยคิดว่าถ้าชาวบ้านจนๆ ที่ไม่มีการแยกห้องนอน หรือมีห้องนอนเพียง 1-2 ห้อง การปล่อยให้กักตัวอยู่กับบ้าน จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โรคโควิด-19 เพราะอย่างไรก็ต้องอยู่ใกล้ชิดครอบครัวอยู่ดี แต่ถ้ามาพักที่โรงแรมคนกลุ่มเสี่ยงจะอยู่เฉพาะในห้องตัวเองเพียงคนเดียว ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารเพราะทางโรงแรมมีอาหารให้กิน 3 มื้อฟรีๆ และที่สำคัญก่อนจะเข้ากักตัวจะมีการตรวจเช็ค วัดไข้ จากคณะแพทย์ พยาบาลก่อน ถ้าเจอไข้สูงจะแยกไปที่โรงพยาบาลทันที

สำหรับโรงแรมสามารถรับผู้กักกันได้ 56 คน มีห้องพักแพทย์ พยาบาล 8 ห้อง มีห้องจัดเก็บเวชภัณฑ์ และห้องอบฆ่าเชื้อเสื้อผ้า ของผู้กักกัน โดยหวังว่าเมื่อครบ 14 วันจะคืนคนดีที่ไม่มีโรคกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว และถ้าชาวบ้านไม่เห็นด้วย เราจะขอทำหน้าที่ช่วยทางอื่นด้วยการทำหน้ากากป้องกันละอองน้ำลายหรือหน้ากากคลุมหน้า (face shield ) ไว้แจกจ่ายแพทย์ พยาบาล หรือส่วนราชการอื่นๆตามคำร้องขอ แต่ถ้าชาวบ้านเข้าใจและยอมรับได้ เราจะเดินหน้าที่ทำความดีเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองตามปณิธานของ นพ.บุญเทียม เขมาภิรัตน์ เจ้าของโรงแรมต่อไป

ด้านนายสุวิทย์ สุริยะวงค์ นายอำเภอเมืองพะเยา เปิดเผยว่า ทางอำเภอเมืองพะเยา ทราบและเข้าใจเจตนาของทางโรงแรมดี จึงพาคณะทำงานของอำเภอ เข้าไปตรวจสอบความพร้อมและมาตรการต่างๆเพื่อรองรับการกักกันผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีการจัดเตรียมห้องพักคนกักกัน ห้องพัก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ห้องเวชภัณฑ์ ห้องฆ่าเชื้อ ซึ่งถือว่ามีความพร้อมทุกอย่างที่สำคัญทุกๆอย่างฟรีหมด จะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่าย

แต่เมื่อข่าวแพร่กระจายจายออกไปพบมีเสียงต่อต้านจากคนในพื้นที่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อทางอำเภอทราบอย่างนั้นคงต้องหาพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับการกักกัน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย และรู้สึกขอบคุณในความหวังดีของคณะผู้บริหารโรงแรมและพนักงานทุกๆคนที่พยายามที่จะช่วยเหลือทางราชการ ซึ่งเป็นความคิดที่ควรจะเกิดขึ้นกับทุกคน ทุกองค์กรในช่วงเวลาที่เราจะต้องการความรัก ความสามัคคีและความเห็นอกเห็นใจกัน เพื่อเอาชนะโควิด-19 ไปด้วยกัน

The post ชาวบ้านต้านเปิดโรงแรมให้กลุ่มเสี่ยงโควิด-19 เข้ากักตัวฟรี appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์

https://www.springnews.co.th/thailand/north/639485

 

สนง.สาธารณสุข จังหวัด มหาสารคาม

สรุปTIMELINEผู้ป่วยเคสcovid19 อ.พยัคฆภูมิพิสัย
ผู้ป่วยชาย อายุ 48 ปี อาชีพนักดนตรีกลางคืน ทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
10 มีนาคม อยู่ที่ บ้านกรวด บุรีรัมย์
11 มีนาคม เดินทางไปกทม.
15-19 มีนาคม ทำงานเป็นนักดนตรีในผับ เวียนเล่นหลายร้าน ในย่านศิริราช ปิ่นเกล้า
20 มีนาคม เดินทางจาก กทม. ด้วยรถไฟ มาที่ สถานีรถไฟจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อไปอยู่ที่บ้านกรวด
หลังจากนั้น พี่สาวแนะนำให้มาอยู่ที่พยัคฆ์
21 มีนาคม
เดินทางด้วยรถบัส สายขอนแก่น สุรินทร์ จากแยกระกา จ.บุรีรัมย์ จนถึงพยัคฆภูมิพิสัย
ลงที่สถานีของผู้ประกอบการรถบัส โดยไม่ทราบสายรถที่แน่ชัด
โดยมีรถที่สงสัยเข้าข่าย2 คันได้แก่
รถป.1 281-10 ถึงพยัคฆภูมิพิสัยเวลา7.25
และ ป.2 281-2 ถึงพยัคฆภูมิพิสัยเวลา 8.25
ช่วง 8.00-9.00 ผู้ป่วยเดินทางกลับบ้านที่พักอาศัย โดยรถกะบะรับจ้าง ตอนนี้ทราบชื่อคนชับรถแล้ว
ซึ่งถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการติดตามคัดกรองและกักตัวแล้ว
9.00 น.แวะซื้อสินค้าที่ร้านแห่งหนึ่งหน้าที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย
บริเวณดังกล่าว มีผู้สัมผัส 4 ราย ถือเป็นกลุ่มความเสี่ยงต่ำ
9.30 น.แวะซื้อเตียงนอนที่ร้านแห่งหนึ่ง ปากทางบ้านอีเม้ง มีผู้สัมผัส 1 ราย
22 มีนาคม ออกมาซื้ออาหารทื่ปากทางหน้าบ้านตนเอง มีผู้สัมผัส 1 ราย
23 มีนาคม ออกมาซื้อน้ำแข็งใสในหมู่บ้านใกล้ที่พัก มีผู้สัมผัส 1 ราย
24-25 มีนาคม พักในบ้านพัก ไม่ได้ไปไหน
26 มีนาคม มีอาการผิดปกติ แจ้งอสม. โทรแจ้ง1669 แจ้งว่ามีอาการปวดท้อง ทีมกู้ชีพออกรับนำส่งโรงพยาบาบาล
ถือเป็นผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง ตอนนี้ได้กักตัวและเฝ้าสังเกตอาการเจ้าหน้าที่ทั้งสองท่านนั้นแล้ว
ที่ห้องฉุกเฉิน ผู้ป่วยแจ้งว่า ปวดท้องรุนแรง มีรอยแผลเป็นผ่าตัดที่หน้าท้อง แพทย์ซักประวัติและสั่ง Xray
หลังจากนั้นผู้ป่วยจึงค่อยมาแจ้งทีหลังว่าตนมีอาการ ไข้ไอ หอบเหนื่อยเพิ่มเติม และทำงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
และมาจากกรุงเทพมหานคร(ในภายหลัง) หลังจากนั้น ตรวจพบภาวะออกซิเจนต่ำ และแพทย์ก็ได้ดำเนินแนวทาง
คัดกรองcovid19 ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ และส่งตัวไปที่โรงพยาบาบลมหาสารคาม เพื่อตรวจการติดเชื้อ
มีผู้สัมผัสและอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงได้แก่แพทย์ พยาบาลที่ขึ้นปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉินเวรเช้าวันที่ 26 มีนาคม
และทั้งหมดได้มีคำสั่งกักตัวและเฝ้าระวังการติดเชื้อเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยการดูแลจากอายุรแพทย์
ผลการติดเชื้อยืนยันทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทย์ ยืนยันว่า ผู้ป่วยมีการติดเชื้อ covid19

#คำแถลงการณ์นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม

 

ญี่ปุ่นเตรียมประกาศเพิ่ม อเมริกา จีน เกาหลีใต้ อังกฤษ กรีก (ยุโรปเกือบทุกพื้นที่) รวมไปถึงเอเชียอาคเนย์ 7 ประเทศซึ่งรวมอินโดนีเซีย และ ไทย อยู่ในรายชื่อด้วย

เพิ่ม 49 ประเทศ รวม 73 ประเทศที่ถูกปฏิเสธ

การประกาศนี้จะมีผลคือ
“ชาวต่างชาติ” ที่อยู่ในประเทศดังกล่าว (14 วันก่อนหน้าที่จะเข้าประเทศญี่ปุ่น) จะถูกปฏิเสธการเข้าประเทศ

ด้านคนญี่ปุ่น ที่ต้องการเดินทางไปประเทศเหล่านี้ ทางรัฐบาลได้เลื่อนระดับการเตือนภัยเป็นระดับ 3 (สูงสุด) คือ “ยกเลิกเดินทาง”

——-

✒️อันนี้มีไซริวการ์ดก็เข้าไม่ได้นะคะ

✒️ ในข่าวยังไม่เขียนว่าเริ่มวันไหน แต่บอกว่าประสานงานไว้พร้อมแล้ว 

米中韓の全土と欧州ほぼ全域からの外国人の入国拒否へ https://www3.nhk.or.jp/news/html/20200331/k10012359331000.html

 

#สรุป จากแถลงข่าวของผู้ว่าโคอิเคะ ของกรุงโตเกียวเมื่อวานนี้ (30 มีนา)

ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงสถานที่ 4 แห่งนี้
- 2 ที่แรก คือ คาราโอเกะ และ ไลฟ์เฮ้าส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น
- 2 ที่ถัดมาคือ บาร์ และ ไนท์คลับ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคนค่ะ 

ย้ำนะคะ “ขอ” ไม่ได้ “ห้าม” นะคะ

จากสถิติสถานที่เหล่านี้เกิดคลัสเตอร์ได้ง่าย เป็นที่รวมของ “密” (ใกล้ชิด) 3 วง ที่เคยเขียนไปแล้วนะคะ
อ่าน>>วงกลมเสี่ยงภัยโควิด

✒️เหล่าคนกลางคืนก็บ่นกันเพียบ คือ จะห้ามก็ห้ามไปเลย แล้วก็ออกมาตรการทางการเงินมาช่วย นี่แบบขอร้อง.... แล้วเรื่องเงินก็ไม่มี -_-; ก็คงเปิดกันต่ออยู่ดี

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

“กรุงวอชิงตัน”เข้ม! สั่งปชช.กักตัวที่บ้าน ฝ่าฝืนจำคุก 90 วัน ปรับ 1.6 แสน

มูเรียล บาวเซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงของสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยจะออกจากบ้านได้หากมีความจำเป็นเท่านั้น

“ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงวอชิงตันดีซี และภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้น จึงได้มีคำสั่งให้ประชาชนทุกคนในเขตโคลัมเบียอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นเมื่อมีกิจจำเป็น ซึ่งรวมถึงการออกจากบ้านเพื่อซื้ออาหารและสินค้าจำเป็นในครัวเรือน เข้ารับการรักษาทางการแพทย์ ติดต่องานราชการ หรือทำธุรกิจหรือการเดินทางที่จำเป็น” นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ระบุ

ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวถือเป็นความผิดอาญา โดยอาจถูกปรับเป็นเงินสูงสุด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ จำคุกสูงสูด 90 วัน หรือทั้งจำทั้งปรับ
https://www.springnews.co.th/global/639511

 

‘ปักกิ่ง’ สกัดนำเข้าผู้ป่วยเพิ่ม ห้ามลงจอดกว่า 100 เที่ยวบิน

เมื่อวันจันทร์ (30 มี.ค.) จินจวินห่าว เจ้าหน้าที่สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) รายงานว่าจนถึงวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) เที่ยวบินระหว่างประเทศรวม 100 เที่ยวบินที่มุ่งหน้ามายังกรุงปักกิ่ง ถูกเปลี่ยนเส้นทางบินไปยังเมืองอื่นๆ 12 เมืองทั่วประเทศ

จินกล่าวว่าจำนวนผู้โดยสารขาเข้าผ่านท่าอากาศยานทั่วประเทศจะลดลงเหลือราว 4,000 คนต่อวันในสัปดาห์นี้ จากเดิมสูงสุดที่ 25,000 คนต่อวัน หลังจีนได้เพิ่มมาตรการเพื่อป้องกันผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

รายงานระบุว่าตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา เที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งหมดที่มุ่งหน้ามายังกรุงปักกิ่งจำเป็นต้องถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังท่าอากาศยานอื่นๆ 12 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยเทียนจิน ฮูฮอต ไท่หยวน เซี่ยงไฮ้ สือเจียจวง จี่หนาน ชิงเต่า หนานจิง เสิ่นหยาง ต้าเหลียน เจิ้งโจว และซีอัน เพื่อดำเนินตามขั้นตอนที่กำหนดก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าปักกิ่ง

จินเสริมว่าสายการบินของจีนยังได้ยับยั้งและโน้มน้าวผู้โดยสารจากต่างประเทศที่มีอาการไข้รวม 443 คนไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน นับตั้งแต่วันที่ 19-29 มี.ค. ที่ผ่านมา
https://www.springnews.co.th/global/639486

 

“บิลล์ เกตส์” แนะทางออกวิกฤต ชง “ทรัมป์” ล็อกดาวน์ 6-10 สัปดาห์ ฝ่าโควิด 19

วิกฤตการแพร่ระบาด โควิด 19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โยนหินถามทางว่า ต้องการผ่อนคลายมาตรการ “ล๊อกดาวน์” ที่คุมเข้มหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ด้วยการปิดธุรกิจบริการหลายแห่ง รวมทั้งขอให้ประชาชนกักตัวอยู่กับบ้าน โดยทรัมป์บอกว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯไม่ได้สร้างมาเพื่อการปิดประเทศ เขาอยากให้ผ่อนคลายมาตรการเหล่านี้ ภายในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งก็คือวันที่ 12 เม.ย.นี้

แต่สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อสถานการณ์ที่ไม่ได้บรรเทาเบาบางลง และดูเหมือนจะหนักขึ้น ล่าสุด ทรัมป์ ยอมรับว่า รัฐบาลเห็นชอบให้ขยายเวลาของมาตรการล๊อกดาวน์ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ทั่วประเทศไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้เป็นอย่างน้อย

ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ สอดคล้องแล้วกับความคิดเห็นของ “บิลล์ เกตส์” มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ ที่ผันตัวมาทำงานด้านสาธารณกุศลเพื่อสังคมอย่างเต็มตัว โดยบิลล์ เกตส์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น สื่อใหญ่ของสหรัฐฯว่า ถ้าหากต้องการฝ่าวิกฤติโรคโควิด-19 ให้รอด เขาเห็นว่า สหรัฐฯจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง “ชัตดาวน์ตัวเองอย่างเคร่งครัดที่สุด” นั่นหมายถึงการคุมเข้มวิถีการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเปลี่ยนไปจากเดิม ๆ อย่างน้อยเป็นเวลา 6-10 สัปดาห์

“เป็นเรื่องขาดความรับผิดชอบอย่างมาก หากใครจะเสนอความคิดขึ้นมาว่าเราทำได้ทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆกัน” บิลล์ เกตส์ กล่าวโดยไม่ได้ระบุว่า “ใครคนนั้น”หมายถึงใคร แต่เขาเห็นว่า สหรัฐฯจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไปพร้อม ๆ กับการเปิดประเทศ และให้ธุรกิจต่าง ๆ เปิดดำเนินการเหมือนที่เคยเป็นมา

“สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำอย่างยิ่งในเวลานี้คือ การชัตดาวน์ขั้นสูงสุด 6-10 สัปดาห์ ถ้าอะไรๆดีขึ้นแล้ว ก็ค่อยเริ่มเปิดธุรกิจต่าง ๆ เพื่อกลับสู่ภาวะปกติ” “หนทางที่ดีที่สุดที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัสก็คือ การเร่งให้บริการตรวจหาเชื้อขยายวงกว้างให้ได้มากที่สุด ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจหาเชื้อเป็นอันดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ทำงานจากที่บ้าน เป็นเวลาอย่างน้อย 6-10 สัปดาห์ ”

อดีตผู้บริหารไมโครซอฟต์ยอมรับว่า การปิดพื้นที่หลายชุมชน หรือเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นควบคู่ไปกับการขยายบริการตรวจร่างกายเพื่อหาเชื้อโควิด-19 ให้ครอบคลุมทั่วถึง เป็นภารกิจที่ยุ่งยากและอาจสร้างความเสียหาย “มหาศาล” ในเชิงเศรษฐกิจ แต่ก็จำเป็นต้องทำ “ยิ่งเราลงมือใช้มาตรการเข้มงวดเหล่านี้ได้เร็วเท่าไหร่ เราก็จะเลิกทำมันได้ไวขึ้นเท่านั้น”

เกตส์ ย้ำว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีคำว่า “พบกันครึ่งทาง” เขายอมรับว่า เราไม่สามารถบอกกล่าวผู้คนในภาวะที่โรคระบาดกำลังลุกลามอย่างรวดเร็วนี้ว่า ให้พวกเขาใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ ออกไปสังสรรค์ กินอาหารนอกบ้าน ช่วยกันจับจ่ายใช้สอย ไม่งั้นเศรษฐกิจของประเทศจะหยุดชะงัก เพราะเราเองต่างรู้ดีว่า กิจกรรมต่าง ๆ

ที่เราทำนั้น สามารถแพร่กระจายไวรัสได้ อีก 2-3 ปียังทิ้งความเสียหายให้เห็นสิ่งที่น่าห่วงกังวลก็คือ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา

“เรายังบอกลงไปชัดๆไม่ได้เลยว่า แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยจะหลุดพ้นจากวิกฤตินี้ได้ภายใน 6-10 สัปดาห์ ประเทศกำลังพัฒนาคงต้องได้รับผลกระทบที่สาหัสอย่างมาก” บิลล์ เกตส์ กล่าวและมองว่า 2-3 ปีข้างหน้านับจากนี้ ทั่วทั้งโลกยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงจากโรคโควิด-19 แม้ว่าถึงตอนนั้น การแพร่ระบาดอาจจะจบลงแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ บิลล์ เกตส์ ได้ลาออกจากบอร์ดบริหารบริษัท ไมโครซอฟต์ และเบิร์คไชร์ แฮทะเวย์ เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจะสามารถทำงานด้านสาธารณกุศลเพื่อสังคมได้อย่างเต็มตัว มูลนิธิบิลล์และเมลินดา เกตส์ ของเขาได้บริจาคเงินแล้ว 100 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3,200 ล้านบาท เพื่อการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก

https://www.springnews.co.th/global/639444

 

ช่วยด้วย! นิวยอร์กวอนแพทย์ทั่วสหรัฐฯ มาช่วยต่อสู้โควิด 19

นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เรียกร้องให้บุคลากรทางการแพทย์ทั่วสหรัฐฯเดินทางมายังนิวยอร์ก เพื่อช่วยต่อสู้กับโรคโควิด-19 “โปรดมาช่วยนิวยอร์กด้วยเพราะเรากำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก” นายคูโอโม กล่าว

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สหรัฐมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 155,969 ราย ซึ่งสูงที่สุดในโลก และมีผู้เสียชีวิต 2,854 ราย โดยรัฐนิวยอร์ก ถือเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีผู้ติดเชื้อสูงสุด จำนวนกว่า 66,000 ราย ตามมาด้วยนิวเจอร์ซีย์ แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน นอกจากนี้ รัฐนิวยอร์ก ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในสหรัฐฯ โดยมีจำนวน 1,218 ราย ตามมาด้วยวอชิงตัน นิวเจอร์ซีย์ หลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และมิชิแกน

ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก รองลงมาคืออิตาลี สเปน จีน และเยอรมนี ส่วนอิตาลีเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก ตามมาด้วยสเปน จีน อิหร่าน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ
https://www.springnews.co.th/global/639351

 

รัฐบาลเตรียมอัดมาตรการชุด 3 หวังเยียวยา-ดูแลเศรษฐกิจพ้นภัยโควิด-19
“สมคิด” ควง “อุตตม-วิรไท-รื่นวดี” พบนายกรัฐมนตรี ชงออกมาตรการชุดที่ 3 เน้นเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจไทย โดยใช้ทั้งเงินงบประมาณและออก พ.ร.ก.เงินกู้ ย้ำทุกกระทรวงต้องตัดงบ 10% มาไว้ในงบกลาง



Source : #ไทยรัฐ #ไทยรัฐทีวี #Thairath #ThairathOnline

https://www.thairath.co.th/news/bus...tKwLvWi5UTkdwxo_EE9Q2jIzGjYACvY3tbMaqGRoyIbj4

 

การถอยของธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาตะวันออก
ข่าวต่างประเทศ ไทยรัฐฉบับพิมพ์31 มี.ค. 2563 08:01 น.


Credit : NASA

เคยมีความคิดกันว่าธารน้ำแข็งแอนตาร์กติกาตะวันออกนั้นถูกคุกคามน้อย แต่เมื่อธารน้ำแข็งอย่างเดนแมน (Denman) ถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากกลุ่มวิทยาศาสตร์หิมะภาค (cryosphere) ก็เริ่มเห็นหลักฐานของความไม่แน่นอนของแผ่นน้ำแข็งทางทะเลที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้

เมื่อเร็วๆนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ และห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น (Jet Propulsion Laboratory) ขององค์การนาซา ในสหรัฐอเมริกา ได้วิจัยพบว่าธารน้ำแข็งเดนแมนสูญเสียมวลน้ำแข็งไป 268,000 ล้านตัน ระหว่างปี พ.ศ.2522-2560 และยังพบว่าธารน้ำแข็งของแอนตาร์กติกาตะวันออก ได้ถอยห่างออกไป 5 กิโลเมตรในรอบ 22 ปีที่ผ่านมา ทำให้สร้างความกังวลว่ารูปร่างของพื้นผิวดินที่อยู่ใต้ธารน้ำแข็งอาจอ่อนแอมากขึ้นต่อการล่มสลายของสภาพภูมิอากาศ

ที่น่าห่วงตามมาก็คือหากธารน้ำแข็งเดนแมนละลาย จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ 1.5 เมตร ซึ่งการตรวจสอบอย่างละเอียดที่สุดในธารน้ำแข็งและบริเวณโดยรอบทำให้รู้เบาะแสที่น่าตกใจเกี่ยวกับสภาวะภายใต้ภาวะโลกร้อน.

https://www.thairath.co.th/news/for...jWUKLDaLpUJ4xs7bG1WhqA3bF42EeLS_5ZQKEfgWp0rPo

 

สุดระทึก รถไฟโดยสารจีนตกราง เจอดินถล่ม หลังฝนตกหนัก เจ็บอื้อ ข่าวต่างประเทศ ไทยรัฐออนไลน์30 มี.ค. 2563 21:26 น.


ผู้โดยสารช็อก รถไฟจีนประสบเหตุตกราง ที่มณฑลหูหนาน หลังเกิดดินถล่ม ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน เดชะบุญ ไม่มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บกว่า 20

สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อ 30 มี.ค. 63 หน่วยงานท้องถิ่นในเมืองเซินโจว เผย เกิดเหตุรถไฟตกรางในมณฑลหูหนาน ทางตอนกลางของจีน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 20 ราย

การรถไฟจีนกว่างโจว ระบุว่า เหตุรถไฟตกรางครั้งนี้เกิดขึ้นที่อำเภอหย่งซิง เมืองเซินโจว เมื่อเวลา 11.40 น. ของวันที่ 30 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น โดยรถไฟขบวนดังกล่าววิ่งมาจากเมืองจี่หนาน มณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน มุ่งหน้าไปยังเมืองกว่างโจว มณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน

การสืบสวนเบื้องต้นทำให้ทราบว่าสาเหตุของรถไฟตกรางในครั้งนี้เกิดจากดินถล่ม ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา พนักงานขับรถไฟได้หยุดรถไฟฉุกเฉินทันทีที่เห็นดินถล่ม อย่างไรก็ตาม รถไฟยังคงพุ่งเข้าชนดินถล่ม ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้บริเวณหัวรถจักร และตู้โดยสาร 5 ตู้พลิกคว่ำ



จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้โดยสารและพนักงานรถไฟที่ได้รับบาดเจ็บถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล ในจำนวนนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย ทางด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งทำการกู้ภัยและสืบสวนสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้นต่อไป

https://www.thairath.co.th/news/for...Yloj4qNY-WqoJx1tWYFKYKRlZBDQSEXmNotYnox3ZCBuE

 

ตัดสินแล้ว! จำคุกผู้หนีการกักกันเชื้อในฮ่องกง

เมื่อวานนี้ได้มีการตัดสินคดีชาย 3 คนที่หลบหนีการกักกันเชื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดโคโรน่าไวรัสในฮ่องกง

ผู้พิพากษากล่าวว่าการจำคุกเป็นการลงโทษที่เหมาะสมเพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไม่รับผิดชอบ และกล่าวเสริมว่าพวกเขาได้พยายามต่อต้านการควบคุมการแพร่เชื้อของฮ่องกงและอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชุมชน

ชายคนแรกเป็นคนจรจัดไร้บ้าน หลังจากที่เขายอมรับสารภาพการเลี่ยงการกักกันเชื้อโดยใช้ที่อยู่ปลอม เขาถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 เดือน

ส่วนชายอีก 2 คน ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 วันและ 6 สัปดาห์ตามลำดับ หลังจากที่พยายามจะออกจากฮ่องกงไปยังประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่พวกเขาจะต้องทำการกักกันเชื้อที่บ้านพักอาศัยเป็นเวลา 14 วัน

***ติดตามอัพเดทสรุปประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าในฮ่องกงได้ที่กระทู้ปักหมุด***
https://www.facebook.com/119537452088669/posts/494989721210105/?d=n

Source : https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3077512/coronavirus-hong-kong-jails-homeless-man-who

#ข่าวฮ่องกง #khaohongkong

 

พิธีกรรมทางศาสนาที่นิซามมุดดินกำลังกลายเป็นแหล่งระบาดใหม่ในอินเดีย
.
วันนี้ต้องขอเอาข่าวช็อคมาเล่าสู่กันฟัง เมื่อสถานการณ์อินเดียกำลังเริ่มเข้าขั้นน่ากังวลมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรุงนิวเดลี เพราะเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม เกิดเหตุการตายปริศนาในรัฐเตลางกานา เป็นชายวัย74 ปี ซึ่งชายคนนี้เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมและเบาหวาน ทำให้แพทย์เกิดสงสัยว่าสุ่มเสี่ยงจะเป็นโรค #โควิด19 จึงได้ทำการตรวจซึ่งปรากฎว่าแกตายด้วยโควิด19จริง ๆ (เจอหลังจากตายแล้ว)
.
และพอสืบย้อนประวัติการเดินทางของแกไปยังพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ ปรากฎว่าแกและกลุ่มเพื่อนที่มีรุ่นราวคราวเดียวกัน ได้ไปเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาอิสลามในเขตนิซามมุดดิน ของกรุงนิวเดลี ระหว่างวันที่ 13-15 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะล้มป่วย
.
การเสียชีวิตของแกทำให้ทางการเตลางกานาได้แจ้งข่าวนี้อย่างเร่งด่วนไปที่มุขมนตรีรัฐนิวเดลี ว่ามัสยิดในเขตนิซามมุดดินอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อของไวรัสโควิด19 นอกจากนี้ทางการเตลางกานายังได้เร่งติดตามตัวบรรดาเพื่อนที่ติดตามไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนากับแกด้วย ซึ่งปรากฎว่าทุกคนติดเชื้อกันหมด
.
ที่น่ากังวลคือเมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์ที่ผ่านมา กลุ่มคนเหล่านี้ ได้ตายพร้อม ๆ กันถึง 6 ราย ระหว่างเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (เพราะส่วนใหญ่อายุมากและมีโรคประจำตัว) ทำให้ทางการเตลางกานาออกประกาศใหญ่ไปทั่วรัฐ โดยให้เหล่านายอำเภอ และผู้ว่าเขตเมืองต่าง ๆ เร่งสอบสวนหาบุคคลที่ได้เดินทางไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาดังกล่าวเพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อ
.
มุขมนตรีรัฐเตลางกานาย้ำว่า ขอให้ประชาชนทุกคนที่ไปร่วมงานพิธีดังกล่าวรีบติดต่อหาเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจหาเชื้อ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดรัฐบาลจะออกให้เอง ไม่ต้องเป็นกังวล การรักษาพยาบาลทั้งหมดไม่เสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่พบว่าติดเชื้อ
.
ข่าวนี้กำลังกลายเป็นข่าวใหญ่ในอินเดีย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามัสยิดที่เขตนิซามมุดดินของอินเดียนั้น เป็นแหล่งพักพิงและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญไม่เฉพาะของชาวมุสลิมในอินเดีย แต่ชาวมุสลิมจากหลายประเทศทั่วโลกก็เดินทางมาแสวงบุญและพักพิงในที่แห่งนี้
.
เช่นเดียวกันหลังได้รับรายงานจากทางการเตรางกานา รัฐบาลกรุงนิวเดลีได้ดำเนินการตรวจผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ซึ่งพบว่าในวันเสาร์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อมากถึง 7 คน และในวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ สถานการณ์เริ่มน่ากังวลมากขึ้น เมื่อคนในพื้นที่ดังกล่าวมากกว่า 200 คน เริ่มแสดงอาการป่วยออกมา ทำให้รัฐบาลต้องนำทุกคนไปตรวจหาเชื้อทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
.
สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตอนนี้รัฐบาลเดลีตัดสินใจปิดตายพื้นที่ของนิซามมุดดินเพื่อไม่ให้คนในพื้นที่ดังกล่าวออกมาภายนอก อันจะเป็นการป้องกันในกรณีที่พื้นที่นี้อาจกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาด ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง หลังจากเริ่มพบผู้ติดเชื้อในหลายพื้นที่ของอินเดียที่มีประวัติเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนาจากพื้นที่นี้ เช่นใน เตลางกานา และแคชเมียร์ เป็นต้น
.
ส่วนต้นสายปลายเหตุของการแพร่ระบาดนั้น ยังสืบไม่ได้มากนัก แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจมาจากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาร่วมพิธีกรรมทางศาสนาดังกล่าว ซึ่งมีทั้งชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย ซาอุดิอารเบีย และคาซัคสถาน (แอดเข้าใจว่าอาจมีคนไทยบางส่วนเข้าร่วมงานนี้ด้วย) ทั้งนี้จากการประเมินของสาธารณสุขอินเดียคาดว่ามีมากกว่า 1000 คน ที่อาจเข้าร่วมพิธีกรรมดังกล่าว
.
ตอนนี้ทางการอินเดียจึงกำลังหัวหมุนกับรายงานข่าวใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ เพราะต้องไม่ลืมว่าพิธีกรรมนี้ทำก่อนที่อินเดียจะดำเนินมาตรการปิดเมืองหลาย 10 วัน ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าใครเป็นพาหะนำเชื้อไปที่ไหนบ้างแล้ว และติดเป็นวงกว้างไปมากแค่ไหน
.
ยังไงผมขอให้ข้อมูลอย่างนี้ครับ เผื่อมีพี่น้องชาวไทยมุสลิมได้ไปร่วมงานนี้ สถานที่คือ Alami Markaz Banglewali Masjid ช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมเป็นต้นไปล้วนมีความเสี่ยงทั้งหมด
.
ผมขอฝากใครที่มีคนรู้จัก หรือทราบว่ามีคนไทยคนไหนไปร่วมงานพิธีนี้ ก็ช่วยกันสังเกตอาการหรือกักตัวอยู่บ้านอย่างเคร่งครัดนะครับ เพราะตอนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงแล้ว และถ้ามีอาการให้แจ้งแพทย์ด้วยว่างานนี้มีการระบาดอยู่
.
#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #พิธีกรรมทางศาสนา #โรคระบาด #การแพร่ระบาด

 

รัฐบาลอินเดียขอรับบริจาคเงินจากประชาชนสู้ภัยโควิด19
.
หลังจากสถานการณ์ #โควิด19 ของอินเดียมีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก แม้รัฐบาลอินเดียจะมีมาตรการออกมามากมายเพื่อจำกัดไม่ให้การแพร่ระบาดภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการปิดประเทศ และปิดเมือง
.
อย่างไรก็ตามแนวโน้มสถานการณ์ไม่ดีขึ้นนัก และดูเหมือนจะแย่มากขึ้น เพราะการปิดเมืองส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในขณะตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ระบบสาธารณสุขของอินเดียเริ่มรับมือไม่ไหว
.
วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีของอินเดีย นายนเรนทรา โมดี จึงได้ประกาศตั้งกองทุนพิเศษเพื่อสู้กับโควิด19 (PM-CARES Fund) เพื่อเป็นงบประมาณฉุกเฉินในการตอบโต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างทันท่วงถึง ซึ่งจะอยู่นอกกรอบงบประมาณปกติ
.
ก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียได้ประกาศช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด19 ทุกภาคส่วนผ่านมาตรการต่าง ๆ ทั้งเงินช่วยเหลือ เงินกู้ การพักชำระหนี้และอื่น ๆ แต่ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่เพียงพอเท่าที่ควร
.
กองทุนนี้จึงก่อตัวขึ้นเพื่อเป็นงบประมาณสำหรับสำรองจ่าย และมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ โดยกองทุนจะรับบริจาคเงินจากประชาชนชาวอินเดียทุกคนที่มีความประสงค์อยากช่วยรัฐบาลในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้
.
ซึ่งหลังเปิดกองทุนนี้ไม่นานจำนวนเงินบริจาคก็พรั่งพรูเข้ามาจำนวนมหาศาลเป็นความร่วมแรงร่วมใจของคนอินเดียทั่วประเทศที่หวังจะช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะเหล่าคนดังของอินเดียและบรรดานักธุรกิจและมหาเศรษฐี
.
เฉพาะกลุ่มตาต้า ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่อันดับต้น ๆ ของอินเดียก็บริจาคเงินเข้ากองทุนนี้กว่า 15,000 ล้านรูปีหรือคิดเป็นเงินไทยราว 7,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และสูงที่สุดในบรรดาผู้บริจาคทุกราย
.
ทั้งนี้นายรตัน ตาต้า ผู้บริหารสูงสุดของกลุ่มตาต้า ได้ทวิตให้เหตุผลของการบริจาคเงินจำนวนมหาศาลนี้ว่า "วิกฤต #COVID19 เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยากที่สุดที่พวกเราต้องเผชิญ บริษัทในกลุ่มตาต้านั้น ในอดีตเติบโตขึ้นได้จากความต้องการของคนในชาติ และในเวลานี้ความต้องการของประเทศชาติในเวลานี้มากกว่าช่วงเวลาใด ๆ "
.
นอกจากกลุ่มตาต้าแล้วยังมีอีกหลายกลุ่มธุรกิจที่บริจาคเงินหลายพันล้านบาทเข้ากองทุนนี้เช่นเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลในยามที่เกิดวิกฤตเช่นนี้ แม้แต่คนธรรมดาสามัญก็แห่บริจาคเข้ากองทุนจนในช่วงเวลาเพียง 2 วันยอดการบริจาคทะลุหลายหมื่นล้านบาท
.
เรียกได้ว่าในยามวิกฤตแบบนี้แม้รัฐบาลอินเดียจะมีงบประมาณมากมายมหาศาลเท่าใด แต่มันก็คงไม่เพียงพอที่จะบริหารจัดการ เพราะในบางเรื่องกรอบวงเงินงบประมาณก็ไม่ตอบโจทย์ในการจัดซื้อจัดจ้าง
.
นี่ยังไม่นับรวมว่ายังมีระเบียบการเบิกจ่ายเงินอีกมากมายในระบบงบประมาณปกติที่อาจทำให้การใช้จ่ายเงินของรัฐบาลล่าช้าออกไป ฉะนั้นกองทุนหรือการรับบริจาคเฉพาะกิจในยามพิบัติภัยเช่นนี้จึงเป็นช่องทางช่วยรัฐที่ดีที่สุดในเวลานี้
.
น่าสนใจนะครับว่าการระดมทุนครั้งนี้ของรัฐบาลอินเดียมีแต่เสียงตอบรัฐในด้านบวก และคนอินเดียก็ต่างเต็มใจบริจาคเงินกันเพื่อร่วมกันฝ่าฟันวิกฤต แม้ว่างบประมาณแผ่นดินของอินเดียจะสูงมากและมีการต้องงบประมาณสำรองไว้สู้กับสาธารณภัยอยู่แล้วก็ตาม
.
#กระแสเอเชียใต้ #อินเดีย #บริจาค #โรคระบาด #งบประมาณ #ฉุกเฉิน