ติดตามสถานะการณ์

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


อุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้เกิดเพลิงไหม้ใหม่ 35 แห่งในออสเตรเลีย

ไฟได้กวาดมากกว่าสี่ล้านเฮกตาร์และมีผู้เสียชีวิต 11 คน


เนื่องจากความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ของรัฐออสเตรเลียบังคับให้อพยพ 30,000 คนจาก East Gippsland ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความกังวลมากที่สุดในขณะนี้ “ มีชิ้นส่วนป่ามากมาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนที่ตั้งแคมป์ในพื้นที่เหล่านั้น นั่นเป็นสถานที่สุดท้ายที่พวกเขาควรจะเป็น” แอนดรูว์ คริสต์ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของรัฐวิกตอเรีย


ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ฤดูไฟในออสเตรเลียยาวนานขึ้นด้วย“ อุณหภูมิที่สูงขึ้นและความแห้งแล้งที่รุนแรงมากขึ้น” ดังที่ยืนยันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาถึงประเทศ เจมี่ แฮนสัน กรีนพีซในภูมิภาคออสเตรเลียแปซิฟิก


ในอีกทางหนึ่งในนิวเซาธ์เวลส์ ภูมิภาคซิดนีย์ หน่วยดับเพลิงในเขตชนบทรายงานเมื่อวันจันทร์ว่ามีการเสียชีวิตของนักดับเพลิงอาสาสมัคร ผู้เสียชีวิตกำลังช่วยงานดับไฟเมื่อลมแรงพลิกคว่ำรถที่เขาอยู่ นอกจากนี้นักผจญเพลิงอีกสองคนได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้อย่างรุนแรง เสียชีวิตเป็นรายที่สามซึ่งเสียชีวิตในเดือนนี้เพื่อต่อสู้กับเปลวไฟในรัฐออสเตรเลียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไฟได้ทำลายบ้านเรือนไปแล้วกว่า 900 หลัง

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


เมฆแปลกๆบนท้องฟ้าของ salekhard, รัสเซีย

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

เมฆที่น่าทึ่งในท้องฟ้าของ vemdalsskalet, jämtlands laan สวีเดน #30 ธ. ค.

 

Setiawan

seismogram ภูเขาไฟ อินโดนีเซีย วันที่ 31 ธันวาคม 2019 น. เวลา 6:18 pm

 

แม่น้ำยมแห้ง ชาวบางระกำ เจาะบาดาลสูบน้ำเข้านา

31 ธันวาคม 2562 17:30

สถานการณ์แม่น้ำยม จ.พิษณุโลกเริ่มแห้งขอด ชาวนาหลายรายต้องเจาะบ่อบาดาลกลางแม่น้ำเพื่อสูบน้ำเข้านา ขณะที่ จีนส่งหนังสือแจ้ง 5 ประเทศที่อยู่ติดริมน้ำโขง หลังปีใหม่จะลดการระบายน้ำเพื่อทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าเขื่อนจิ่งหง

วันนี้ (31 ธ.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพแม่น้ำยม พื้นที่อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ขณะนี้เริ่มแห้งขอด ไม่มีน้ำจากตอนบนมาเติม บางช่วงเป็นทรายทอดยาว บางช่วงจะยังคงมีน้ำขังอยู่เป็นแอ่ง ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยเครื่องสูบน้ำของชาวนา ที่กำลังระดมติดเครื่องดึงน้ำขึ้นไปหล่อเลี้ยงนาข้าว ขณะที่ชาวนาอีกจำนวนมาก ต้องลงมาเจาะบ่อน้ำบาดาลกลางแม่น้ำยม เพื่อสูบน้ำขึ้นมาใช้

ขณะที่ลำน้ำสาขาในลุ่มน้ำยม ได้แก่ คลองบางแก้ว คลองวังแร่ และคลองกล่ำ มีน้ำเหลืออยู่ในลำน้ำ แต่สภาพคลองกำลังเริ่มแห้งลง เพราะริมคลองก็เต็มไปด้วยเครื่องสูบน้ำของชาวนาที่สูบน้ำดึงขึ้นไปใช้ในนาข้าวที่กำลังเริ่มตั้งท้อง ขณะที่ ชาวนาบางคน จำยอมต้องปล่อยที่นาบางแปลง ให้ยืนต้นตายไปเพราะสูบน้ำไม่ไหว

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้งของแม่น้ำลพบุรี จากการสำรวจบริเวณสะพานท่าข้าม วัดบ้านดาบ ตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี เริ่มส่อความรุนแรง แห้งขอดเป็นเป็นช่วงๆ จนทำให้ผู้เลี้ยงปลากระชังได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านเริ่มหวั่นว่า จะขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค

ทางด้าน นายอนัน จรุงโรจน์รัศมี นายอำเภอบ้านหมี่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งของอำเภอบ้านหมี่ ที่เริ่มส่อความรุนแรง หลังจากที่แม่น้ำบางขาม แม่น้ำสายหลักของชาวบ้านใน 3 อำเภอ คือ เมืองลพบุรี, บ้านหมี่และอำเภอท่าวุ้ง เริ่มแห้งขอดเป็นช่วงๆ

นายอำเภอบ้านหมี่ เปิดเผยว่า ทางอำเภอได้มีการประสานชลประทาน ให้ปล่อยน้ำเข้าสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก เพื่อให้น้ำเข้าสู่บริเวณที่ตั้งสถานีสูบน้ำการประปาภูมิภาค สาขาลพบุรี ซึ่งการประปาสามารถสูบน้ำไปผลิตน้ำประปา จ่ายเข้าระบบให้บริการแก่ประชาชนในเขตจังหวัดลพบุรี ได้ตามปกติ

ขณะที่ในช่วงนี้ เรือบรรทุกสินค้าสัญชาติจีน ได้หยุดแล่นในลำน้ำโขง ตั้งแต่ท่าเรือ ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จนถึงประเทศจีน เนื่องจากระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกระทรวงทรัพยากรน้ำของประเทศจีน โดยศูนย์ควบคุมแม่น้ำล้านช้างที่เขื่อนจิ่งหง ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำทั้งในประเทศไทย, สปป.ลาว, เวียดนาม , เมียนมา และกัมพูชา แจ้งว่าทางการจีนจะลดระดับการปล่อยน้ำในเขื่อนจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน

โดยในวันที่ 1-3 มกราคม 2563 จะปรับลดการระบายน้ำลงเหลือเพียง 800-1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในวันที่ 4 มกราคม จะลดลงเหลือเพียงประมาณ 500 – 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งหลังจากนั้นทางการจีนก็จะเพิ่มการระบายน้ำให้เข้าสู่ภาวะปกติต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการทดสอบอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบการส่งกำลังไฟฟ้า

ขณะที่ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย ได้แจ้งเตือนผู้ที่อาศัยอยู่ริมฝั่ง รวมถึงผู้ใช้เรือในแม่น้ำโขงสัญจร คาดว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะลดลงตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม เป็นต้นไป ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ คาดว่า ในวันที่ 10-13 มกราคม ระดับน้ำจะลดลงถึงจังหวัดเลย และต่อเนื่องไปตามจังหวัดที่อยู่ติดแม่น้ำโขง จนถึงวันที่ 19 มกราคม ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ให้ได้รับทราบแล้ว

https://www.tnnthailand.com/content/25228

 

ออสเตรเลียระดมทหารช่วยประชาชนหนีไฟป่า

 

... “นักลงทุนหอบเงินหนีประท้วงฮ่องกง 50,000 ล้าน เข้าทางตะวันตก”

... หลังจากประท้วงมาหลายเดือนผลไม้พิษที่เริ่มปลูกเพาะชำในหมู่อาจารย์ นักศึกษา สื่อมวลชนบางกลุ่ม ก็เริ่มออกผล ทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติเริ่มไม่มั่นใจในสถานการณ์ในการประท้วงที่ฮ่องกง ทำให้ “นักลงทุนหอบเงินกองทุนหนีไปแล้วกว่า 50,000 ล้านดอลล่าร์”

... ข่าวจาก “ธนาคารแห่งอังกฤษ” Bank of England ( ไม่แน่ใจว่าเป็นหนึ่งใน “ขบวนการเตะตัดขาฮ่องกง” หรือเปล่า ทั้งเอ็นจีโอ สื่อมวลชน และ นายธนาคาร ทำงานเป็นทีม เหมือนตอนวิกฤติ 2008 นักวิเคราะห์บอกว่าพวกเขาทำงานเป็นทีม ) บอกว่านับตั้งแต่เดือนเมษายนถึงกลางเดือนธันวาคม 2019 นั้นมี “กองทุนการลงทุนจากต่างชาติ” หอบเงินหนี “ฮ่องกง” ไปแล้ว 50,000 ล้านดอลล่าร์ แต่เงินในระบบธนาคารยังไม่มีการแจ้งว่าเหือดหายไป แค่เงินการลงทุนเท่านั้น

... แต่การไหลออกของเงินชุดนี้ ก็คิดเป็นเกือบ 1.25% ของจีดีพี หรือ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของฮ่องกง” ที่เริ่มขึ้นเมื่อการประท้วงคัดค้านข้อเสนอเพื่ออนุญาตให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ได้ จากนั้นก็ลามไปเป็นเรื่องการขออิสรภาพมากขึ้น เพิ่มระดับความรุนแรง การประท้วงนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงและยอดการค้าปลีกลดลง ผลักดันให้เมืองศูนย์กลางทางการเมืองแห่งนี้เข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบทศวรรษ

… “ธนาคารแห่งอังกฤษ” ยังบอกต่ออีกว่า “ความตึงเครียดทางการเมืองเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงสืบเนื่องไปถึงสถานะของฮ่องกงที่เป็น “ศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญ” ของโลก” ซึ่งการที่ BOE ตรวจสอบจับตาฮ่องกงอย่างใกล้ชิดก็เนื่องจากธนาคารจากสหราชอาณาจักรเช่น HSBC และ Standard Chartered ยังเป็นธนาคารชั้นนำใน “ฮ่องกง” มาตลอดจนถึงปัจจุบัน

... แต่สถานการณ์ในฮ่องกงก็ยังไม่เลวร้ายมากกว่าที่ ธนาคารแห่งอังกฤษตั้งเกณท์การทดสอบไว้ เพราะได้ผ่านการทดสอบขั้นวิกฤติ เช่น ถ้าจีดีพีฮ่องกงลดลงเกือบ 8% และ “ราคาอสังหาริมทรัพย์”ตกต่ำลงมากกว่าครึ่งจากเดิมนั้น จะถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเป็นศูนย์กลางการเงินของฮ่องกงทันที อาการขั้นโคม่า

... “จากสถิติล่าสุดของการฝากเงินและปริมาณการใช้จ่ายเงินรวมถึงสถานการณ์ตลาดการเงินล่าสุด ยังไม่มีการไหลออกของเงินดอลลาร์ฮ่องกงหรือจากระบบธนาคารแต่อย่างใด”

... เพราะ “เงินดอลลาร์ฮ่องกง” ยังปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 5 เดือนเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2019 ที่ผ่านมา หลังผู้ประท้วงถูกปราบและเงียบไป เพิ่งจะมาก่อกวนเผาเมืองอีกครั้งก่อนวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา

... โดย “ธนาคารแห่งอังกฤษ” อ้างถึงการเปลี่ยนแปลง “เงินทุนผ่านกองทุนรวม” ซึ่งอาจหมายถึงการเคลื่อนย้ายจัดสรรสินทรัพย์ในหมู่นักลงทุนเท่านั้น และยังไม่เกี่ยวข้องกับการแปลงสกุลเงินหรือการขายเงินดอลล่าร์ฮ่องกงทิ้งเพื่อไปซื้อเงินสกุลอื่นแทนเพื่อหอบหนีกลับไปประเทศอื่นแทนแต่อย่างใด ดังนั้นจึงยังไม่มีการเคลื่อนย้ายนำเงินออกจาก “ตลาดการเงินฮ่องกง” หรือระบบธนาคารของฮ่องกง แต่อย่างใดในตอนนี้”

... The spokeswoman added that the $5 billion in the BoE’s report referred to portfolio capital changes via investment funds, which “could mean asset reallocation by or among investors and may not involve conversion of currencies, and therefore it does not necessarily lead to fund outflows from Hong Kong dollars or Hong Kong’s banking system.”

.

... https://www.reuters.com/article/us-...nds-amid-unrest-bank-of-england-idUSKBN1YL0DX

...

 

เมืองหลวงอินเดียเผชิญคลื่นเย็นจัดที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ

 

เคาท์ดาวน์ “ภัยแล้ง” 13จังหวัด 9เขื่อน วิกฤติ 29 Dec 2019

ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้เผยแพร่รายงานแจ้งข่าว แจ้งเตือนสาธารณภัย ประจําวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 08.00 น.

โดยหนึ่งในของข้อมูลระบุถึง สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยว่า ประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูฝนและเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2562 และไม่มีฝนตกต่อเนื่องเป็น ระยะเวลานาน ทําให้น้ำในอ่างมีปริมาณน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ของความจุอ่าง จํานวน 9 แห่ง ในพื้นที่ 4 จังหวัด อาจเกิดภาวะน้ำน้อยหรือขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งได้มีการประกาศเขตให้ความช่วยเหลือกรณี



ภาคเหนือ ได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เขื่อนลําพระเพลิง จ.นครราชสีมา เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์

ภาคกลาง ได้แก่ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี และ เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา

ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง จํานวน 13 จังหวัด ภาคเหนือ จ.เชียงราย 14 อําเภอ จ.น่าน 1 อําเภอ จ.เพชรบูรณ์ 6 อําเภอ จ.อุทัยธานี 8 อําเภอ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.นครพนม 1 อําเภอ จ.มหาสารคาม 5 อําเภอ จ.บึงกาฬ 4 อําเภอ จ.หนองคาย 8 อําเภอ จ.บุรีรัมย์ 6 อําเภอ จ.กาฬสินธุ์ 1 อําเภอ จ.นครราชสีมา 5 อําเภอ และ ภาคกลาง จ.กาญจนบุรี 6 อําเภอ และ จ.ฉะเชิงเทรา 2 อําเภอ





https://www.thansettakij.com/content/normal_news/417777

 

ผ่า “ดวงเมือง” ปี 63 มหาวิปโยค “เศรษฐกิจพัง-การเมืองส่อยุบสภา-อาชญากรรมพุ่ง”
เผยแพร่: 30 ธ.ค. 2562 18:45 ปรับปรุง: 31 ธ.ค. 2562 16:06 โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เปิดชะตา “ปีชวด” วิปโยค บ้านเมืองปั่นป่วน เศรษฐกิจแย่ คนตกงานเพียบ การเมืองไม่ดี แตกแยกถึงขั้นยุบสภา พลิกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั่วโลก หมอดูเตือน หนูป่วนกวนประสาท ระวังปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน-อาชญากรรมเลวร้าย!! คดีข่มขืนเพียบ


ฟันธง!! “เศรษฐกิจแย่-ปรับคณะรัฐมนตรี-บ้านเมืองปั่นป่วน”

“ปีชวด หัวเป็นหนู แต่หางเป็นราชสีห์ หมายถึงหนูมันจะกวนประสาทชาวบ้านเขาอยู่เรื่อย เราต้องแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาเรื่องการเดินทาง ปัญหาคอร์รัปชัน เพราะว่าหนูมันคอร์รัปชัน มากที่สุด ระวังนะปีหนู ถ้าว่าตามดวง”

พ.ต.อ.ดร.อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา นักพยากรณ์ชื่อดัง ผู้ตรวจชะตามุมกว้างทั้งดวงเมืองและดวงโลก ได้พยากรณ์เรื่อง “ดวงเมือง” ให้แก่ทีมข่าว MGR Live ไว้ว่า สำหรับทิศทางของบ้านเมืองในปี 63 นี้ จะมีปัญหาปั่นป่วน บ้านเมืองวุ่นวาย การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น

“หลังวันที่ 16 เม.ย. เป็นวันกาลโยค หมายความว่า หลังจากนั้น ให้วันพฤหัสและวันอาทิตย์เป็นวันดี ท่านจะทำอะไรให้ทำวันอาทิตย์ และวันพฤหัส เป็นวันดี

ดาวพฤษภจะยกมาอยู่ในราศีมังกร วันที่ 2 มี.ค. บ้านเมืองจะมีปัญหาปั่นป่วน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น เมื่อดาวพระเสาร์มารวมกับดาวพระจันทร์ เป็นหลักทั่วไป

จันทร์กับดาวเสาร์ ทำนายดวงแตก ขอทายเลยว่าท่านจะแย่ ท่านจะหมดตัว มีเงินเท่าไหร่ก็หมด บ้านเมืองแก่งแย่งเป็น 2 ฝ่าย หมายความว่าทะเลาะวิวาท ปั่นป่วน อาจจะเหมือนฮ่องกงก็ได้”

[พ.ต.อ.ดร. อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา]

อย่างไรก็ดี หมอดูรายดังกล่าวยังชี้แจงว่า ดวงเมืองปีนี้บ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นที่ไทย หรือต่างประเทศ ต่างล้วนจะเกิดปัญหาปั่นป่วน ซึ่งไทยอาจจะเกิดสภาวะเหมือนประเทศฮ่องกง และคดีความเรื่องการข่มขืน การฆ่าจะมากขึ้นกว่าเก่า

“เพราะว่าเสาร์มาเวียนจันทร์ บ้านเมืองแตกแยก ในเรื่องสำคัญ คือ คนที่มีครอบครัวแล้ว แต่งงานแล้วจะเกิดปัญหาแตกแยก เพราะหลังจากนั้น จะมีการแตกแยก บ้านเมืองแตกแยก ปัญหาเรื่องสังคมจะปั่นป่วน

ต่อไปดาวราหูจะยกมาราศีพฤษภ ซึ่งราศีพฤษภเป็นราศีการเงินของดวงเมืองดวงโลก ราหูยกมาวันที่ 10 ก.ย. ถ้าเป็นดวงคนเขาว่าจะล้มละลายหมดเนื้อหมดตัว คือ ไม่มีเงิน ทำอะไรก็ไม่มีเงิน มันหมดเนื้อหมดตัว ลงทุนอะไรก็หมดตัว”

ส่วนภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจ การเงินแย่ ส่งผลให้ภาพรวมของบ้านเมืองไม่ดี ซึ่งทางด้านที่ไม่ดีนั้น จะสร้างความปั่นป่วนโกลาหลในเรื่องของเศรษฐกิจ และความคล่องตัวทางการเงินทั้งระบบของประเทศ

“เศรษฐกิจมันแย่ ก็แย่ตามเวลา ราศีเมษ ราศีมังกร แย่ที่สุด เพราะว่า 2 มี.ค.พระเสาร์จะทับกับราศีมังกร อันนี้ก็น่ากลัว ราศีมังกรเป็นราศีการงาน ราศีบริหาร เพราะฉะนั้นปัญหาการแตกแยกจะเกิดขึ้นในหมู่นักบริหารด้วยกัน มีการปรับเปลี่ยน โยกย้าย ปรับคณะรัฐมนตรี ปรับอะไรต่างๆ ก็ได้

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อได้ถามว่า ปี 63 บ้านเมืองจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้างมั้ย ทางหมอดูรายนี้ทำนายเอาไว้ว่า ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องดีๆ หรือไม่ แต่มันไม่ดีอย่างที่ว่าไว้ มันจะดีมากแค่ไหนไม่รู้ แต่ทางที่ดีควรไม่ประมาท ประชาชนทุกคนต้องช่วยเหลือกัน

“สิ่งต้องระวังที่สุด ประมาณวันที่ 2 มี.ค. ถึงจุดๆ หนึ่ง และช่วงที่รุนแรงที่สุด คือ 10 ก.ย.- พ.ย.ปลายปีจะรุนแรงมาก ต่อไปราหูยกไปอยู่ราศีเมษ ประมาณปีครึ่ง โอ้โห!! ระเบิดเถิดเทิง เป็นทั่วโลกครับ ทั่วโลกเลย

มีไฟไหม้ มีแผ่นดินไหว มีระเบิด มีอะไรต่างๆ ทั่วไป คือ ลักษณะของดวงดาว และดวงดาวจะอยู่อย่างนี้ไปอีก 14 ปี

เพราะดาวมฤตยูอยู่อย่างนี้มาแล้ว 2-3 ปี จะอยู่ไปอีก 12 ปี ทางที่ดีให้ระวังตัว”


มรสุมเศรษฐกิจ-ระบบการเงินเป็นอัมพาต !!



“เกณฑ์เคราะห์ใหญ่ในเมืองที่จะมี ซึ่งมันจะเห็นชัดกันหลายเคราะห์ ดวงเมืองก็เหมือนดวงคน ไม่มีหรอกที่จะดีหมด ร้ายหมด ต้องมีทั้งโชค ทั้งเคราะห์ ต้องมีทั้งดีและร้าย เพียงแต่จะดีหรือร้ายมากกว่าเท่านั้นเอง”

นี่คือคำพยากรณ์ของ “ฟองสนาน จามรจันทร์”นักพยากรณ์ดวงชะตาได้เปิดคำทำนายของดวงชะตาเมือง แบบเจาะลึก ผ่านแฟนเพจ “โหรฟองสนาน” เอาไว้ว่า มองดวงเมืองเป็นทั้งมุมดี มุมร้าย มันเป็นธรรมดาของชีวิต ถ้าเรามองแต่ด้านเดียว มันก็ไม่ใช่

“การที่จะมีเรื่องร้ายอย่างเดียวมันไม่ใช่ โดยเฉพาะเมืองรัตนโกสินทร์ อย่างที่บอกมาตลอด เกิดท่ามกลางภัยสงครามและความแตกแยก เมืองถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัยทุกสถานการณ์ แต่พวกเราจะทะเลาะกันเอง หรือไม่ก็มีเรื่องวุ่นวายไม่เลิก แต่หลังวิกฤตผ่านพ้นไปหรือภายใต้ความวิกฤต มักจะมีโอกาสตามมาทุกครั้ง แล้วเราก็รอดปลอดภัยมา 200 กว่าปีแล้ว”

ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าตัวออกมาพยากรณ์อีกว่า ทหารจะมีเรื่องไม่ค่อยเป็นมงคลเกิดขึ้นบ่อย ถ้าจะให้ถูกโฉลกตั้งแต่เมษายน 2563 เป็นต้นไป ทหารไม่ควรทำตัวโดดเด่นหรือล่อเป้า ส่วนเรื่องดีที่ทำให้คนไทยชื้นอยู่บ้าง คือ แข่งอะไรมีโอกาสชนะหรืออันดับดีมากกว่าไม่ดี

“ส่วนคำทำนายด้านดี สรุปรวมว่า…เมืองพ้นเคราะห์สำหรับรอบนี้ - เรื่องร้ายมากในเมืองจะลดน้อยถอยลงเป็นร้าย เรื่องร้ายจะกลายเป็นร้ายน้อย หากร้ายน้อยก็จะปัดเป่าไปได้ - เมืองจะได้รับการชื่นชมยินดีตามโฉลก..ได้ฐานาลุลาภาอยู่นองเนือง..- แขกต่างประเทศมาเยือนกันขวักไขว่ - จับตาเด็กและเยาวชนของชาติ จะมีข่าวดีให้ชื่นใจ - แข่งอะไรมีโอกาสชนะหรืออันดับดีมากกว่าไม่ดี เช่น นางงาม ชกมวย - กระบวนการยุติธรรมทำงาน ใครทำดีก็รับผลดี ทำไม่ดีก็รับกรรม - นั้นสิ่งที่ทยอยเกิดขึ้นแล้ว”

อีกฝั่งการทำนาย “โสรัจจะ นวลอยู่” เจ้าของฉายานอสตราดามุสเมืองไทย ผู้ตรวจชะตามุมกว้าง ทั้งดวงเมืองและดวงโลก ได้ทำนายเอาไว้ว่า จากดาวมฤตยูที่เข้าทับดวงเมืองจนถึงปี 65 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรุนแรงยิ่งกว่า ด้วยมีอิทธิพลของดาวเสาร์ ดาวราหู ทำมุมหักศอกกับดวงเมือง เกิดมีความขัดแย้งหนักมากทุกด้าน กลางปีอาจจะยุบสภา เกิดม็อบ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำหนักกว่าปี 2540 รวมทั้งภัยแล้งปีหน้า จะยาวนาวมากที่สุด พร้อมเตือนประชาชนควรมีสติ อย่าประมาท

“ขอเตือนทุกฝ่ายอย่าประมาท ถ้าเศรษฐกิจเราพังทุกหย่อมหญ้าไปหมด นายทุน กลุ่มใหญ่ตกไปหายไป หนี้สินต่างประเทศเยอะมาก การต่อรองต่างๆ แทบไม่มีผล เป็นปีมหาวิปโยค ผู้คนตกงานมากมาย โรงงานปิดตัว ทุนใหญ่ล้ม เป็นปีเผาจริง ที่ออกมาบอกว่าตัวเลขต่างๆ ดี จะได้เห็นของจริงปีหน้า ส่งผลการเมืองเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมช่วงกลางปีเป็นต้นไป อาจยุบสภา หรือเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

ทุกคนไม่ควรประมาท มีสติ ทำสมาธิ หมั่นทำบุญบริจาคช่วยชีวิตผู้อื่น และทำด้วยใจที่เป็นกุศลจริงๆ จะช่วยทำให้ตั้งรับกับภาวะบ้านเมือง ก่อนหน้านี้ ตนเตือนมาตลอดว่าจะเกิดเหตุการณ์กลียุคกว่าทุกครั้ง อีกทั้งดวงดาวส่งผลให้เกิดภัยพิบัติร้ายแรง เกิดสลับกันตลอดปี แผ่นดินไหว สึนามิ ภัยแล้งยาวนาน ปลายปีหน้าจะหนาวมากถึงขั้นคนเจ็บป่วยจำนวนมาก ยังมีน้ำท่วมใหญ่ตามมาด้วย”

คำทำนายที่นักพยากรณ์ได้ทำนายเอาไว้นั้น ฟังแล้วอาจจะทำให้กลัว และกังวลว่าจะเกิดขึ้น แต่ความเป็นจริงจะเป็นอย่างไร ตรงกับคำทำนายหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปในปี 63

https://mgronline.com/live/detail/9620000124249

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

Latakia.. ฝนตกหนักทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนในหลายพื้นที่และที่ดินการเกษตรน้ำท่วม

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


ออสเตรเลีย เป็นพันๆคนได้ลี้ภัยบนชายหาดของชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย เพื่อหลบหนีไฟป่าที่รุนแรง

 

บางข่าวบอกว่ายกเลืก สรุปเฉลิมฉลองเพื่อเริ่มต้นสู่หายนะ

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra


บางคนทุกข์ทรมานจากไฟไหม้ป่าและนี่คือใบหน้าอื่นๆในออสเตรเลียฉลองปี 2020

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ปี 2020 นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศแรกๆที่ได้รับปีใหม่

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

กล้องรักษาความปลอดภัยของตุรกีจับภาพช่วงเวลาที่ต้นไม้ถล่มในอิสตันบูลเนื่องจากลมแรงเกือบจะโดนคนเดินเท้าหลายคนพัง ยานพาหนะอย่างน้อย 2 คันได้รับความเสียหายร้ายแรง แต่ไม่มีรายงานการบาดเจ็บ

 

Bank of Thailand Scholarship Students


(Dec 31) เศรษฐกิจ พ.ย. 'ชะลอ' ยกแผง บริโภค 'สินค้าคงทน' หดตัวเฉียด 10% : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจเดือน พ.ย.2562 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยเดือนดังกล่าวยังอยู่ในภาวะ "ชะลอตัว" โดยการส่งออกสินค้าหดตัวต่อเนื่องตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ ส่งผลให้การนำเข้าสินค้า การผลิตภาคอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสอดคล้องกับการใช้จ่ายภาครัฐ หดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน



ส่วนการบริโภคภาคเอกชนยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว โดยมาตรการภาครัฐมีส่วนช่วยพยุงกำลังซื้อ บางส่วน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังขยายตัว ได้ต่อเนื่อง



ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนตามอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่หดตัว น้อยลง ขณะที่อัตราการว่างงานเมื่อขจัดปัจจัย ฤดูกาลปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ส่วนจำนวนผู้มีงานทำทรงตัว ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ในขณะที่ดุลบัญชี เงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากด้านสินทรัพย์



พรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจ ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกสินค้า ในเดือน พ.ย.หดตัว 7.7% จากระยะเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับมูลค่าการส่งออก ที่ไม่รวมทองคำ โดยเป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า จาก 1.ภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว 2.วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน และ 3.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน



ประกอบกับมีปัจจัยชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่ง ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหดตัวทั้งด้านราคาและปริมาณ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างการผลิตและการค้าโลกจากสภาวะกีดกันทางการค้าที่ผ่านมา ยังทำให้สินค้าไทยบางส่วนถูกทดแทนด้วยสินค้าจากจีนในตลาดอาเซียน



อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ การส่งออก สินค้าในภาพรวมที่หดตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวสอดคล้องกัน



มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัว 13.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการนำเข้าทองคำหดตัว 15.4% เป็นการหดตัวในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดย 1.การนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางหดตัวต่อเนื่อง ตามการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันบางแห่ง 2.การนำเข้าสินค้าทุนหดตัว ตามการนำเข้าเครื่องกังหันไอพ่นและอุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมเป็นสำคัญ และ 3.การนำเข้า สินค้าอุปโภคบริโภคยังคงหดตัว ตามการนำเข้า อาหารทะเลเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลของฐานสูงในปีก่อน



เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัว ต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน จากอุปสงค์ ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ภาคธุรกิจยังคงชะลอการลงทุน โดยเครื่องชี้การลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์หดตัวต่อเนื่อง



ทั้งการนำเข้าสินค้าทุน ยอดขายเครื่องจักรในประเทศ และยอดจดทะเบียนรถยนต์ ขณะที่ เครื่องชี้การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัว ต่อเนื่องตามพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นสำคัญ สอดคล้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่ออุตสาหกรรมขยายตัวดีขึ้น รวมทั้งพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และอื่นๆ กลับมาขยายตัวได้ในเดือนนี้



การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัว จากระยะเดียวกันปีก่อนจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายจ่ายประจำกลับมาหดตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการของหน่วยงานด้านความมั่นคงบางหน่วยงาน ขณะที่รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางหดตัวต่อเนื่อง ส่วนหนึ่ง เป็นผลจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่ยัง ไม่ประกาศใช้ สำหรับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่าย ของหน่วยงานด้านพลังงานเป็นสำคัญ



เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว ดีขึ้นเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี ตามปัจจัยด้านรายได้ของลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรมและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังแผ่วอยู่ รวมทั้งสถาบันการเงินที่ยังระมัดระวังในการให้สินเชื่อรถยนต์ตามคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลง



อย่างไรก็ดี มาตรการภาครัฐยังคงมีส่วน ช่วยพยุงกำลังซื้อได้บางส่วน ในเดือนนี้เครื่องชี้การใช้จ่ายในหมวดสินค้าไม่คงทนและ หมวดบริการชะลอลง หลังจากเร่งขึ้นในเดือน ก่อน ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ขณะที่การใช้จ่ายในหมวดสินค้ากึ่งคงทนและหมวดสินค้าคงทนหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ยอดขายรถยนต์ ทำให้การบริโภคในหมวดสินค้าคงทนเดือน พ.ย.หดตัวถึง 9.1%



จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่องที่ 5.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจาก 1.มาตรการยกเว้น ค่าธรรมเนียม Visa on Arrival ที่มีส่วนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีน อินเดีย และไต้หวันขยายตัว 2.ภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียที่เริ่มฟื้นตัว และการเพิ่มเส้นทางการบินจากรัสเซีย มาไทย ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียขยายตัวดีขึ้น และ 3.นักท่องเที่ยวสัญชาติเอเชียอื่นยังคงขยายตัวดีต่อเนื่อง อาทิ นักท่องเที่ยวลาวและญี่ปุ่น



อย่างไรก็ดี อัตราการขยายตัวของจำนวน นักท่องเที่ยวต่างประเทศชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากฐานจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ที่ต่ำในปีก่อนจากเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยว ล่มที่ จ.ภูเก็ตทยอยหมดลง



ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.21% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่หดตัวน้อยลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับสูงขึ้นจากเดือนก่อน และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน สำหรับอัตราการว่างงานที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำทรงตัว



ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุล ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ จากด้านสินทรัพย์ ตามการออกไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในตราสารทุน และการออกไปลงทุนในตราสารหนี้ ต่างประเทศของนักลงทุนไทย


Source: กรุงเทพธุรกิจ

 

และถึงกระนั้นที่ท่าเรือซิดนีย์หลายล้านคนก็จะร่วมเฉลิมฉลองกัน ในขณะที่ประเทศของพวกเขาถูกไฟไหม้ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีและสิ่งที่ดีเลิศของความโง่เขลาของมนุษย์ในช่วงเวลาสุดท้ายที่พระเจ้าทรงเตือนพวกเราทุกคน

กลับใจและเชื่อในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์ การพิพากษาของพระเจ้ากำลังมา

And yet down at Sydney harbor, millions will be throwing their hands up in celebration while their country burns. This is a fine example and the epitome of the foolishness of men during these last days in which God is warning us all.

REPENT AND BELIEVE IN THE GOSPEL OF OUR LORD JESUS CHRIST. THE JUDGEMENT OF GOD IS COMING.

 

เมื่อเรียกร้องความหายนะ เราก็จักเป็นหายนะแก่ตัวเรา และท่านทั้งหลาย

 

#นักฆ่าต้นทุนกับช่องทางธรรมชาติของเขา
#ญี่ปุ่นมึน

สุดยอดข่าวดังปิดท้ายปีนี้ ขอยกให้กับ Now You See Me ภาคพิศดาร ของ คาร์ลอส กอส์น อดีตประธานกรรมการบริษัท นิสสัน ที่ถูกปลดฟ้าฝ่า และยังถูกดำเนินคดีในญี่ปุ่นข้อหา ปกปิดข้อมูลทรัพย์สิน แจ้งรายรับต่ำกว่าความเป็นจริง รวมถึงการใช้อำนาจมิชอบในตำแหน่ง แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเอง ได้หลบหนีออกจากญี่ปุ่น ไปอยู่ในบ้านพักส่วนตัวที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอนเรียบร้อยแล้ว และประกาศว่า ที่เขาหนีมา เพราะเขาไม่ได้รับความยุติธรรมจากกระบวนการศาลของญี่ปุ่น

สำหรับท่านที่อาจจะยังไม่ทราบว่า คาร์ลอส กอส์น คือใคร มาย้อนประวัติคร่าวๆสักเล็กน้อย

คาร์ลอส กอส์น เป็นชาวเลบานอน ที่เกิดในบราซิล แต่ไปเรียนจบวิชาวิศวกรรมในฝรั่งเศส ทำให้เขาสามารถถือพาสปอร์ตได้ถึง 3 ประเทศ บราซิล เลบานอน และ ฝรั่งเศส นอกจากจะแตกฉานด้านวิศวกรรมยานยนต์ ยังสามารถพูดได้ถึง 6 ภาษา สเปน โปรตุเกส อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส รวมถึงภาษาญี่ปุ่นในระดับที่สื่อสารได้

เขาเริ่มต้นทำงานในบริษัทยางมิชลิน และฉายแววอัจฉริยะด้านการพัฒนาระบบการผลิตจนสร้างกำไรให้กับมิชลินเป็นกอบ เป็นกำ ก่อนที่จะถูกดึงตัวมาทำงานที่เรโนลต์ในปี 1996 และเขาก็ปรับปรุงโครงสร้างการผลิต ที่สามารถลดต้นทุนได้อย่างมหาศาลจนทำให้ เรโนลต์กลับมาเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์ที่แข็งแกร่ง และทำให้เขาได้รับฉายาจากวงการผลิตรถยนต์ว่า "Le Cost Killer" หรือ นักฆ่าต้นทุน

หลังจากนั้น เรโนลต์ เข้าควบกิจการนิสสัน ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ด้วยการเข้าซื้อหุ้น 40% แล้วส่งคาร์ลอส กอส์น มานั่งเป็นประธาน โดยให้โจทย์ว่า ต้องฟื้นฟูกิจการรถนิสสัน ที่ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องมานานกว่า 7 ปีให้ได้ภายใน 2 ปี

แต่คาร์ลอส กอส์น ใช้เวลาเพียง 1 ปี ก็สามารถพลิกสถานการณ์ให้นิสสันกลับมาทำกำไร และกลายเป็นค่ายรถยนต์เบอร์ต้นๆของโลกได้อีกครั้ง

ประวัติการทำงานของคาร์ลอส กอส์น ไม่ธรรมดา และชาวญี่ปุ่นเคยยกย่องเขาประหนึ่งฮีโร่ด้วยซ้ำไป

แต่ทว่า มาถึง ปี 2018 เกิดมีคดีอื้อฉาวว่าเขาจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน แจ้งรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง

คดีของคาร์ลอส กอส์น เริ่มต้นตั้งแต่ปลายปี 2018 โดยเขาถูกจับกุมตัวทันทีที่ลงเครื่องบินที่สนามบิน ฮาเนดะ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2018 หลังตรวจพบว่าเขาจงใจใช้อำนาจในตำแหน่งหาผลประโยชน์ในทรัพย์สินของบริษัทให้ตัวเอง ปกปิดรายได้ และแจ้งรายรับต่ำกว่าความเป็นจริง ที่อาจทำให้เขาต้องชำระเงินคืนให้นิสสันถึง 16 ล้านเหรียญหากแพ้คดี

การจับกุมคาร์ลอส กอส์นเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ที่ต้องใช้เงินประกันตัวสูงถึง 5 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นเงินประกันตัวที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่น

และการประกันตัว ยังต้องมีเงื่อนไขว่า เขาต้องส่งมอบพาสปอร์ตทั้ง 3 เล่มให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น และตัวเขาต้องถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้าน ที่มีกล้องวงจรปิดตรวจสอบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเจ้าหน้าที่คุ้มกันหนาแน่น และมีเวลาพบกับทนายได้แค่เพียงช่วงเวลาที่จำกัดเท่านั้น แม้แต่ภรรยายังต้องยื่นคำร้องให้ศาลอนุญาตก่อน ถึงจะมาพบได้

แต่คำถามคือ? ถ้ามีการคุ้มกันหนาแน่น กล้องจับส่องเป็นตาสับปะรดขนาดนี้ แล้วคาร์ลอส กอส์น หลบหนีออกจากญี่ปุ่น ข้ามประเทศมาถึงเลบานอนได้อย่างไร?

มีรายงานว่า แผนการหลบหนีของคาร์ลอส กอส์นครั้งนี้ มาจากแครอล ภรรยาของเขา

โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แครอลได้ว่าจ้างวงดนตรีเข้าไปเล่นในบ้านของกอส์น ในโตเกียว เหมือนเป็นงานฉลองส่งท้ายปี โดยผ่านการตรวจเช็คเรียบร้อย หลังจากเลิกงาน คาร์ลอส กอส์น ก็ซ่อนตัวอยู่ในกล่องใส่เครื่องดนตรี กลับไปพร้อมนักดนตรีทั้งคณะ ที่รีบพาเขาไปส่งที่สนามบินเล็กๆนอกเมืองโตเกียว ที่มีเครื่องบินเจทส่วนตัวจอดรออยู่

แล้วเขาก็จับเครื่องบินเจท บินต่อไปลงที่ตุรกี ก่อนที่จะเปลี่ยนเครื่องมาลงที่กรุงเบรุตได้สำเร็จตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา

หลังจากที่หลบหนีสำเร็จ เขาก็แจ้งผ่านเอเจนซี่ส่วนตัวของเขาว่าอยู่ที่เลบานอนแล้ว และยืนยันความบริสุทธ์ของตัวเอง พร้อมสับแหลกทั้งบริษัทนิสสัน ที่ใส่ความเพื่อโค่นเขาออกจากตำแหน่ง และกระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น

ในขณะที่มีข่าวยืนยันว่าตัวคาร์ลอส กอส์นมาอยู่ที่เลบานอนแล้ว ท่านฑูตยามางูจิ มาตาฮิโระ เอกอัคราชฑูตญี่ปุ่นประจำเลบานอนแกยังอยู่ในงานเลี้ยงปีใหม่อยู่เลย ถึงกับติดต่อกลับไปทางญี่ปุ่นเพื่อขอข้อมูล แต่ทางฝั่งญี่ปุ่นยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่า คาร์ลอส กอส์น ลอดช่องทางธรรมชาติหนีมาถึงเลบานอนแล้ว ท่านฑูตถึงกับยั๊วะจัด ทิ้งงานเลี้ยงออกมาทันทีโดยไม่ลาใครสักคำ

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ทางญี่ปุ่นเขาหายมึนแล้วหรือยัง แล้วจะเอาอย่างไรต่อกับคดีของคาร์ลอส กอส์น ที่ถึงตอนนี้คงจับตัวได้ยากแล้ว และความสามารถของเขาก็ยังเป็นที่ต้องการในวงการรถยนต์อย่างมาก สำหรับคาร์ลอส กอส์น คงหาบ้านใหม่ได้ไม่ยาก

แต่คดีนี้คงเป็นที่จดจำไปอีกนาน และอาจจะกลายเป็นหนังฮอลลิวูดสักวันแน่ๆ จองตั๋วล่วงหน้าได้เลย

 

Setiawan


ปีใหม่หนัก 2020!