ติดตามสถานะการณ์

"เงินแสนหายวับไปกับตา หลังลูกเห็บถล่ม"
เป็นกำลังใจให้เกษตรกรชาวไร่ ชาวสวน ปลายปีนี้เจอหนักจริงๆ พายุลูกเห็บพัดถล่มจนผลลำไยร่วงเกลื่อนพื้น เงินแสนหายวับไปกับตา นอกจากนั้นพี่น้องชาวสวนทั้ง สวนสตอร์เบอรี,สวนดอกไม้,สวนผัก เสียหายกันถ้วนหน้า....
รวบรวมพลังลุกขึ้นสู้กันใหม่นะพวกเรา สู้ สู้ สู้
ขอกำลังใจให้พี่น้องเราด้วยครับ.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เครดิตภาพ อนุรักษ์ ก๋องโน

 

ฤทธิ์พายุลูกเห็บถล่มภาคเหนือส่งท้ายปีอ่วมหลายจังหวัด..เฉพาะเชียงใหม่พบบ้านเรือนชาวบ้านหลังคาพรุนกว่า 700 หลัง ส่วนหัวยน้ำดังวันเดียวโดนซ้ำ 2 รอบ ขณะที่เมืองแพร่เจอลูกเห็บกลางดึกเสาไฟล้มระนาว คนเจ็บด้วย
#MGROnline

 

กปน. ยัน "น้ำประปากร่อย" ยังไม่กระทบสุขภาพ จับมือกรมชลฯ ดันน้ำเจ้าพระยาไล่ลิ่มเค็ม





การประปานครหลวง แจงค่าความเค็มเข้ามาในระบบประปา รสชาติเปลี่ยนเล็กน้อยแต่ยังไม่กระทบสุขภาพ ห่วงใยผู้ป่วยโรคไต-ลดเค็ม และอุตสาหกรรมบางประเภท ส่งเจ้าหน้าที่ดูแล พบร่วมกับกรมชลฯ ทดลองไล่ลิ่มความเค็ม พร้อมปรับลดแรงดันน้ำช่วงกลางคืน เสริมน้ำจากฝั่งตะวันตกหนุน

วันนี้ (30 ธ.ค.) จากกรณีที่มีบริษัทเอกชนรายหนึ่ง รายงานว่า ความผิดปกติของคุณภาพน้ำประปากรุงเทพ ฝั่งตะวันออก (ฝั่งพระนคร) ที่รับน้ำจากคลองประปาจากสถานีสูบน้ำสำแล ต.สำแล อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี ซึ่งมีค่าความนำไฟฟ้า (Conductivity) สูงขึ้นอย่างผิดสังเกต จากระดับปกติประมาณ 300-400 ไมโครซีเมนส์ต่อเซนติเมตร (uS/cm) สูงถึง 1,300-1,800 uS/cm ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ใช้น้ำในระบบผลิตสินค้าบางประเภท ส่วนผู้ที่ใช้น้ำประปาผลิตน้ำดื่มอาจจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากรสชาติน้ำที่เปลี่ยนไป ซึ่งพบว่ามีบางพื้นที่พบค่าความนำไฟฟ้ามากที่สุด ส่วนค่าความเค็มพบว่ากร่อยเล็กน้อย ตามที่ MGR Online นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้


อ่านประกอบ : ปะแล่มๆ! พบน้ำประปากรุงเทพฯ ค่าความนำไฟฟ้าพุ่ง แต่ความเค็มกร่อยเล็กน้อย

การประปานครหลวง ชี้แจงว่า แนะนำประชาชนสามารถติดตามข้อมูลคุณภาพน้ำประปาออนไลน์แบบเรียลไทม์ได้ด้วยตนเองทาง http://twqonline.mwa.co.th หรือ แอปพลิเคชัน MWA onMobile คลิกเมนู “คุณภาพน้ำ” โดยเฉพาะข้อมูลค่าความนำไฟฟ้า และค่าคลอไรด์ ซึ่งค่าความนำไฟฟ้า เป็นความสามารถที่ยอมให้ไฟฟ้าไหลผ่าน เนื่องจากมีแร่ธาตุในน้ำมาก ซึ่งส่วนหนึ่งคือเกลือ ส่วนน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุเลย ค่าความนำไฟฟ้าคือศูนย์ ในขณะที่น้ำแร่ ถือเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุสูง นั่นคือ มีค่าการนำไฟฟ้าสูงด้วยเช่นกัน โดยค่าความนำไฟฟ้าที่ไม่ส่งผลต่อรสชาติของน้ำประปา มีค่าไม่เกิน 1,200 หน่วย หรือ ค่าคลอไรด์ ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร

ก่อนหน้านี้ นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง เปิดเผยว่า ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น พร้อมประสานงานกับ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด ในขณะนี้ยังเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนอย่างต่อเนื่อง แม้การประปานครหลวงจะหลีกเลี่ยงการสูบน้ำดิบในช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูงมาผลิตน้ำประปามาตลอด แต่ยังคงมีความเค็มหนุนสูงเข้ามาในระบบ จึงส่งผลให้รสชาติของน้ำประปาในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ล่าสุด กรมชลประทานและการประปานครหลวงได้ดำเนินการไล่ลิ่มความเค็มด้วยการทดลองกระแทกลิ่มความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยวิธีผลักดันน้ำอย่างรุนแรงและฉับพลัน (Water Hammer of Chao Phraya River Flow Operation) ผลการทดลองพบว่า มีค่าความเค็มลดลง ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะติดตามข้อมูลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันหาแนวทางบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดต่อไป


นายปริญญา กล่าวว่า ได้แสดงความห่วงใยผู้ใช้น้ำในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคไต หรือผู้ป่วยที่แพทย์ให้ควบคุมอาหารประเภทรสเค็ม รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ฟอกย้อม ยา เลนส์ กระจก เหล็ก ฯลฯ และโรงพยาบาล ซึ่งการประปานครหลวงได้ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต่างๆ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลรักษาระบบสำรองน้ำประปา และระบบกรองน้ำของแต่ละหน่วยงานแล้ว

นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด ใช้น้ำเท่าที่จำเป็นเพื่อสงวนน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปาไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งต่อไป รวมทั้งขอให้ประชาชนช่วยตรวจสอบก๊อกน้ำ ท่อน้ำประปาภายในบ้าน และรีบซ่อมแซม หากมีการรั่วไหลเพื่อรักษาทรัพยากรน้ำอันมีค่า ซึ่งมีปริมาณน้ำที่น้อยลง เนื่องจากภัยแล้งในปัจจุบัน หากประชาชนพบท่อประปาแตกรั่ว โปรดแจ้งการประปานครหลวง โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแอปพลิเคชัน MWA onMobile และไลน์ @MWAthailand เพื่อช่วยกันลดน้ำที่จะสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ด้วย

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า การประปานครหลวงได้เปิดจุดจ่ายน้ำประปา 27 จุด ซึ่งตั้งอยู่ภายในสำนักงานประปาสาขาทั้ง 18 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อให้หน่วยงานราชการในจังหวัดใกล้เคียง สามารถนำภาชนะหรือรถบรรทุกน้ำของทางราชการมาขอรับน้ำประปาได้ฟรี เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับปริมาณการสูบจ่ายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำดิบ เช่น ปรับลดแรงดันน้ำลงเล็กน้อยในช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากเป็นช่วงที่คนใช้น้ำน้อย พร้อมผันน้ำจากโรงงานผลิตน้ำฝั่งตะวันตก (โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์) มาสนับสนุนฝั่งตะวันออกซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำเค็มอีกด้วยhttps://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000124149
#MGROnline #การประปานครหลวง #น้ำประปา #รสกร่อย #ค่าความเค็ม

 

Setiawan


....กราฟนี้วัดอุณหภูมิพื้นผิวโดมของภูเขาไฟนี้



.... I think so

This graph it's measuring dome surface temperature of this volcano

 

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยทั่วไทยอากาศเย็น อุณหภูมิลด 1-3 องศาเซลเซียส ภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองและลูกเห็บตกบางพื้นที่ ภาคตะวันออก และภาคกลาง มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้มีฝนบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังสุขภาพด้วย เนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง

#MGROnline #กรมอุตุนิยมวิทยา

 

John Traczyk


29 ธันวาคม 2019 แผนที่สภาพอากาศในสหราชอาณาจักร: 'กลุ่มเขตร้อน' กว้าง 1,000 ไมล์ทำให้เกิดอุณหภูมิร้อนจัดถึงสหราชอาณาจักร


สหราชอาณาจักรสามารถเห็นปีใหม่ที่ร้อนรุนแรงที่สุดในรอบเกือบสองศตวรรษเมื่อ“ กลุ่มเขตร้อน” ขนาดยักษ์ที่มีความกว้าง 1,000 ไมล์ที่ชนกับประเทศชาติ นี่คือการพยากรณ์อากาศล่าสุด


"แผ่นดินโลกจะสั่นสะท้านไปเหมือนขี้เมาและจะถูกลบออกเหมือนกระท่อมและการละเมิดของมันจะหนักอยู่บนนั้นและมันจะตกลงมาและจะไม่ลุกขึ้นอีก" อิสยาห์ 24:20


December 29, 2019. UK weather MAP: Shock 1000-mile wide ‘tropical plume’ brings scorching temperatures to UK.


THE UK could see the hottest New Year in almost two centuries as a gigantic 1000-mile wide “tropical plume” hits the nation. Here's the latest weather forecast.


"The earth shall reel to and fro like a drunkard, and shall be removed like a cottage; and the transgression thereof shall be heavy upon it; and it shall fall, and not rise again." Isaiah 24:20

 

John Traczyk


27 ธ.ค. อินเดีย - Kurseong สั่นสะเทือนหลังจากพายุลูกเห็บฉับพลัน พายุลูกเห็บที่เกิดขึ้นทันทีพร้อมกับมีฝนทำให้เกิดความเย็นจัดใน Tindharia รวมถึงในและรอบ ๆ Kurseong ลูกเห็บดังกล่าวหายากมากเนื่องจาก Tindharia เป็นภูมิภาคที่อบอุ่น ภูมิภาคทินฮาเรียเห็นลูกเห็บขนาดใหญ่ลูกแรกของมันซึ่งเปลี่ยนพื้นที่เป็นผ้าห่มสีขาว

https://www.thestatesman.com/bengal/kurseong-shivers-hailstorm-1502838495.html


28 ธ.ค. ปาปัวนิวกีนี - สวน พายุลูกเห็บ ทำลายในฮาเกนเซ็นทรัล พายุลูกเห็บ สร้างความเสียหายและทำลายสวนอาหารของพวกเขาทั้งหมดที่พวกเขาได้ที่ดิน เพื่อปลูกพืชราก พืชผลเช่น กล้วย อ้อย กาแฟ ยาสูบและอื่น ๆ อีกมากมาย ปศุสัตว์ถูกฆ่าโดยลูกเห็บ

https://reliefweb.int/report/papua-new-guinea/hailstorm-ravage-gardens-hagen-central


29 ธ.ค. ประเทศไทย - พายุลูกเห็บทำให้เกิดไฟดับในจังหวัดภาคเหนือของประเทศไทย ภาพจากทีวีแสดงให้เห็นว่าต้นไม้ถูกลมพัดแรงขวางกั้นการจราจรหลายเขตและสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนหลายหลัง

http://www.xinhuanet.com/english/2019-12/29/c_138664900.htm


29 ธ.ค. อินเดีย - ข่าวคลื่นเย็น: ปีใหม่จะนำฝนลูกเห็บสำหรับ Delhi-NCR

https://www.indiatoday.in/india/sto...ve-temperature-december-29-1632273-2019-12-29


Dec 27. India - Kurseong shivers after sudden hailstorm. The sudden hailstorm accompanied by rain, brought intense cold in Tindharia as well as in and around Kurseong region. Such hailstorms are very rare considering that Tindharia is a warm region. Tindharia region witnessed its first such massive hailstorm, that turned the area into a white blanket.

https://www.thestatesman.com/bengal/kurseong-shivers-hailstorm-1502838495.html


Dec 28. Papua New Guinea - Hailstorm ravage gardens in Hagen Central. The hailstorm damaged and destroyed all their food gardens where they had toiled their land to cultivate root crops, tree crops such as bananas, sugarcane, coffee, tobacco, and many others. Livestock were also killed by the hailstorm.

https://reliefweb.int/report/papua-new-guinea/hailstorm-ravage-gardens-hagen-central


Dec 29. Thailand - Hail storm triggers blackout in northern Thai province. TV footage showed trees were felled by strong winds, blocking traffic several districts and damaged several houses.

http://www.xinhuanet.com/english/2019-12/29/c_138664900.htm


Dec 29. India - Cold wave updates: New year to bring rain, hailstorm for Delhi-NCR.

https://www.indiatoday.in/india/sto...ve-temperature-december-29-1632273-2019-12-29

 

แปลกไหมครับ?
ฝนตกหนัก ลูกเห็บทั่วเหนือ . คิดเห็นกันอย่างไร?

 

หมีในยูเครนไม่จำศีลเนื่องจากอากาศอบอุ่นเกินไป เริ่มมีอาการเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับ

อากาศที่อบอุ่นขึ้นกำลังส่งผลต่อการจำศีลของหมีน้ำตาลในยูเครน นักสิ่งแวดล้อมกล่าว
จากเฟซบุ๊คของอุทยานแห่งชาติ Synevyrในยูเครนกล่าวว่าในช่วงฤดูหนาว เป็นช่วงที่หมีทุกตัวจำศีล อย่างไรก็ตามที่ศูนย์พักพิงสัตว์ มีหมีเพียง3ตัวเท่านั้นที่กำลังจำศีล หมีอีก29ตัว มีอาการเหมือนนอนไม่หลับ สัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่ในศูนย์มาทั้งชีวิต ดังนั้นสัญชาตญาณการจำศีลของพวกมันจะค่อนข้างน้อย แต่ในปีที่แล้วหมีก็อยู่ในช่วงหลับจำศีล พวกเค้ากล่าวว่าปีนี้อุณหภูมิไม่ต่ำพอที่พวกหมีจะจำศีล

อุณหภูมิในอุทยานแห่งชาติ Synevyr อยู่ที่ประมาณ 4องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิปกติช่วงธันวาคมจะอยู่ประมาณ ติดลบ2.3องศาเซลเซียส อุณหภูมิในช่วงนี้ค่อนข้างใกล้เคียงกับช่วงเดือนเมษายน (อุณหภูมิเดือนเมษายนเฉลี่ยประมาณ 6.9องศาเซลเซียส) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกสัตว์จะตื่นจากจำศีล
เจ้าหน้าที่อุทยานกล่าวว่า ที่นี่มีช่วงหนาวเย็นแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หมี 3 ตัวเข้าสู่ช่วงจำศีล ส่วนที่เหลือนั้น รอช่วงที่หนาวเย็นกว่านี้ รอช่วงเวลาที่เป็นน้ำแข็ง อุณหภูมิอากาศภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญที่พวกหมีจะตัดสินใจว่าจำศีลเมื่อไหร่ นานแค่ไหน

ในช่วงที่เข้าสู่การจำศีล มีการศึกษาว่าอัตราการเต้นของหัวใจพวกหมีจะเต้นช้าลง และกิจวัตรประจำวันจะลดลง เมื่ออุณหภูมิเข้าใกล้ 0 องศาเซลเซียสและหิมะมาถึง พวกหมีจะหาถ้ำสำหรับนอน เป็นการเริ่มต้นจำศีลในช่วงฤดูหนาว
ที่อุทยานแห่งชาตินั้น ระยะเวลาที่พวกหมีจำศีลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยรวมถึงสายพันธุ์ของหมีด้วย มีตั้งแต่หลายวัน หลายสัปดาห์ ไปจนถึง 6 เดือน การจำศีลทำให้พวกมันอยู่รอดจากอากาศที่หนาวและอาหารที่มีน้อย
ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงหรือภาวะโลกร้อน (climate change)ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสัตว์ จำศีลลดลงและออกจากถ้ำเร็วขึ้นเมื่ออากาศอบอุ่น
ในทุกๆ 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้นในฤดูหนาว การจำศีลของหมีดำจะลดลง 6 วัน นั่นแปลว่าภายในปี 2050 ระยะเวลาจำศีลของหมีดำจะเหลือประมาณ 15-39 วัน

https://www.newsweek.com/ukraine-bears-insomnia-hibernation-warm-winter-1479038

 

Thon Thamrongnawasawat

อันดามันน้ำเย็นผิดปรกติ อุณหภูมิน้ำเหลือ 23 องศา สัตว์ใหญ่ๆ เข้ามาเยอะ แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? #เหตุผลที่ทะเลเย็น #IndianOceanDipole เกี่ยวกับไฟป่าในออสเตรเลียด้วยครับ


อย่างที่เราพอทราบ อุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรเกี่ยวข้องกับลมฝน เช่น เอลนีโญ่-ลานีญ่า ที่คนไทยรู้จักดี


ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดในแปซิฟิก แต่มีปรากฏการณ์คล้ายกันในมหาสมุทรอินเดีย


เราเรียกว่า Indian Ocean Dipole (IOD)


ไดโพลหรือสองขั้ว หมายถึง 2 ฝั่งมหาสมุทรอินเดีย


ไทย/ออสเตรเลีย ฝั่งตะวันออก

ตะวันออกกลาง/แอฟริกา ฝั่งตะวันตก


โดยปรกติ อุณหภูมิน้ำฝั่งตะวันออกจะร้อนกว่านิดหน่อย


แต่ก็มีภาวะผิดปรกติเป็นระยะ ภาวะที่เราเจออยู่คือ positive phase น้ำในฝั่งตะวันตก (แอฟริกา) ร้อนกว่าปรกติ


เมื่อน้ำร้อนด้านโน้น น้ำเย็นก็ผุดขึ้นมาจากที่ลึกในฝั่งเรา ทำให้อุณหภูมิน้ำต่ำลง


นั่นคือสาเหตุที่เหล่านักดำน้ำตัวสั่นเป็นระยะ เมื่อเจอน้ำอันดามัน 23 องศา


คราวนี้ลองดูภาพ เห็นคำว่า thermocline นั่นคือชั้นที่อุณหภูมิของน้ำแตกต่างกัน ชั้นน้ำร้อนอยู่บน ชั้นน้ำเย็นอยู่ล่าง


บริเวณนั้นถือเป็นเขตที่สมบูรณ์ เพราะธาตุอาหารไปรวมอยู่ สัตว์น้ำในมหาสมุทรชอบ


ปรกติชั้นเทอร์โมไคลน์จะอยู่ลึก แต่เมื่อเกิด positive IOD ชั้นเทอร์โมไคลน์จะเขยิบขึ้นมาใกล้ผิวน้ำมากขึ้น


หากชั้นอุณหภูมิเข้าใกล้ 50 เมตร อาจมีน้ำเย็นเฉียบจากใต้มหาสมุทร พัดเข้ามาในเขตเกาะในอันดามัน โดยเฉพาะสิมิลันและเกาะสุรินทร์ ที่อยู่ขอบทวีป ใกล้ที่ลึกเป็นพิเศษ


ยังรวมถึงกองหินต่างๆ ในอันดามัน


มวลน้ำเย็นพวกนี้เข้ามาเป็นระลอก ดูเป็นเมือกๆ เพราะอุณหภูมิต่ำกว่าน้ำด้านบน


บางทียังมีตะกอนจิ๋วดูขุ่นกว่ารอบๆ เพราะเป็นตะกอนที่อยู่ในชั้นเทอร์โมไคลน์ ถูกพัดมาพร้อมมวลน้ำ


เมื่อมวลน้ำเย็นพัดมา น้ำอาจแรงขึ้นเป็นจังหวะ หรืออาจขุ่นเป็นระยะ เพื่อนธรณ์ที่เป็นนักดำน้ำและลงไปที่ลึก ควรระวังไว้ด้วยนะครับ


มวลน้ำเย็น/อุดมด้วยธาตุอาหาร คือสาเหตุที่สัตว์ใหญ่ๆ ที่เราไม่ค่อยเจอในภาวะปรกติ เช่น กระเบนหลังดำ ฉลามเสือ โรนัน ฯลฯ พากันเข้ามาเยี่ยมเยือนอันดามันในปีนี้


ยังหมายถึงวาฬที่พากันเข้ามาสิมิลันแบบต่อเนื่อง จนกลายเป็นที่เฮฮาช่วงสิ้นปี


น้ำเย็นแม้จะทำให้อันดามันมีสัตว์เยอะ แต่ส่งผลกระทบเช่นกัน


ผลที่เห็นคืออุณหภูมิน้ำที่ต่ำเกินไป ทำให้ปะการังอ่อน/กัลปังหาซบเซา บางครั้งเห็นเหี่ยวเฉาเป็นดง


หากเกินรุนแรง/ต่อเนื่อง ปะการังอ่อนอาจตาย โดยเฉพาะพวกสีสวยน้ำลึก


ที่เห็นแล้ว เช่น น้ำเย็นปี 40 ทำให้ปะการังอ่อนน้ำลึกหมู่เกาะสุรินทร์หายไปเยอะ


ผมเคยดำน้ำก่อนหน้านั้น ยืนยันว่ามีเป็นหน้าผาเลยครับ แต่ปีเดียวหมดเหี้ยน และไม่กลับมาอีกเลย


ปรากฏการณ์ IOD อีกครั้ง ทำให้ปะการังอ่อนที่หินม่วงหินแดงเฉาและหายไปเยอะ เคราะห์ดีที่ฟื้นกลับมาได้


ผลกระทบเกิดกับกัลปังหาเช่นกัน บางครั้งทำให้อ่อนแอและเป็นโรคง่าย บางทีอาจลุกลามไปจนตายหมด เหลือแต่ตอ


IOD ยังส่งผลต่อภูมิอากาศ หากเกิด positive อย่างที่เป็นตอนนี้ จะทำให้ฝนตกน้อยในฝั่งตะวันออกของม.อินเดีย


ทำให้เกิดภัยแล้ง เช่น ไฟป่าในออสเตรเลีย ภัยแล้งในไทย (มีสาเหตุอื่นปประกอบด้วย แต่ปีนี้น้ำน้อยมากครับ)


ภาวะเช่นนี้จะเกิดช่วงปลายปี-ต้นปี ยาวประมาณ 6 เดือน แต่อาจเกิดซ้ำติดต่อกัน 2-3 ปีหรือกว่านั้น ก่อนจะเข้าสู่ภาวะปรกติ


เราหวังเพียงว่า positive IOD จะจบลงในไม่ช้า


แม้ปลามาเยอะ แต่อาจส่งผลต่อฝน ขืนไม่ตก นอกจากไฟป่าในออสเตรเลียจะยาวต่อเนื่อง คนไทยก็อาจต้องเจอภัยแล้งดุเดือด


ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลในไทยกำลังช่วยกันติดตามสภาพ และแจ้งเตือนไปตามอุทยาน/แหล่งดำน้ำต่างๆ เพื่อช่วยกันตรวจสอบ


เพื่อนธรณ์ก็ส่งข้อมูลให้ผมหลังไมค์เป็นระยะ


แต่นอกจากอุณหภูมิแล้ว ที่ต้องตามดูคือปะการังอ่อนที่ไหนเหี่ยวเฉาบ้าง เราจะได้วางแผนได้ถูกต้องตามสถานการณ์ครับ


เขียนยาวหน่อยแต่น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนธรณ์ เรื่องพวกนี้สำคัญแต่คงหาคนอธิบายยาก ธรณ์จึงจัดให้จ้ะ


ภาพแรก positive IOD น้ำเย็นกองอยู่ฝั่งเรา ชั้นเทอร์โมไคลน์อยู่ตื้นกว่าปรกติ


ภาพสอง ข้อมูลจากทุ่นสมุทรศาสตร์กรมทะเล ด้านซ้ายคือช่วงปรกติปี 2553-60 เห็นเทอร์โมไคลน์แถบสีเหลืองอยู่ระดับร้อยเมตร กราฟขวาตุลา-24 ธันวา ปีนี้ เห็นแถบเหลืองเข้าใกล้ความลึก 50 เมตร มีกระฉอกข้ามเส้นเป็นจังหวะ ช่วงนั้นเย็นจับใจแน่ครับ

 

วิธีทำนํ้าทะเลให้กลายเป็นนํ้าจืด

นํ้าทะเล จะมีเกลือชนิดต่างๆ ละลายอยู่ ถ้าเราต้องการแยกของผสมของนํ้าทะเลออกจากนํ้า วิธีที่นิยมใช้คือ การกลั่น

การกลั่น (Distillation) เป็นวิธีที่ใช้แยกสารออกจากสารละลายที่เป็นของเหลว โดยอาศัยความแตกต่างของจุดเดือด วิธีการคือ นำสารละลายที่เป็นของเหลวมาให้ความร้อนจนระเหยกลายเป็นไอ (vaporization) สารที่มีจุดเดือดตํ่าจะกลายเป็นไอออกมาก่อนสารที่มีจุดเดือดสูงกว่า (เพราะสารที่มีจุดเดือดตํ่า จะระเหยง่าย มีความดันไอสูง) แล้วทำให้ไอของสารแต่ละชนิดที่แยกได้เกิดการควบแน่น (condensation) กลับเป็นของเหลว หรือกลายเป็นของแข็ง แล้วแต่ธรรมชาติของสารที่แยกได้ แต่ส่วนใหญ่สารที่กลั่นได้จะเป็นของเหลว ดังนั้น การกลั่นจึงเป็นวิธีที่สะดวกและใช้ทั่วไป เพื่อแยกของผสมที่เป็นของเหลว หรือ สารละลายที่มีสารระเหยยากเป็นตัวถูกละลาย

เครื่องมือที่ใช้ในการกลั่น เป็นเครื่องมือง่ายๆ ดังแสดงในรูป



โดยนำนํ้าทะเลใส่ในขวดกลั่น แล้วต้มสารละลายนี้ นํ้าซึ่งเป็นสารที่ระเหยง่ายกว่าจะระเหยเป็นไอ เมื่อไอนํ้าผ่านไปยังตัวคอนเดนเซอร์ (condenser) ซึ่งเย็น ไอนํ้าก็จะควบแน่นกลายเป็นนํ้า และไหลลงสู่ภาชนะรองรับ ส่วนเกลือต่างๆ เป็นสารระเหยยาก จะไม่ถูกกลั่น จึงคงเหลืออยู่ในขวดกลั่น เกลือและนํ้าจึงถูกแยกออกจากกันโดยวิธีกลั่นแบบง่ายๆนี้ และเกลือซึ่งยังคงเป็นของผสมอยู่อาจจะถูกแยกออกจากกันและกันต่อไปโดยวิธีการตกผลึก (recrystallization)

การกลั่นแบบธรรมดานี้ใช้สำหรับแยกสารละลายที่ประกอบด้วยตัวทำละลายและตัวถูกละลายที่มีจุดเดือดต่างกันมากกว่า 80 oC ออกเป็นสารบริสุทธิ์ ถ้ามีจุดเดือดต่างกันน้อยกว่านี้จะต้องทำการ กลั่นซํ้าหลายๆครั้ง ซึ่งไม่สะดวกและสิ้นเปลือง

ดังนั้น ในพื้นที่ที่ติดทะเล เช่น บนเกาะ หรือพื้นที่ที่ขาดแคลนแหล่งนํ้าจืด ก็สามารถนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้ได้ ก็จะทำให้ได้นํ้าบริสุทธิ์ สะอาด ทำได้ง่าย และสะดวก สำหรับใช้ในยามขาดแคลนได้

http://chem-around.blogspot.com/2015/02/blog-post_14.html?m=1

 

#เตือนต่อ #ไม่รอแล้วนะ!!! (30ธค.62) ชัดเจนแล้วว่า!!! 1-2-3 มค. มวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย แม้ไม่หนาวเท่าที่ผ่านมา แต่จะได้หนาวแบบฟันกระทบ สรุปว่า!!! จะได้ฉลองปีใหม่ด้วยอากากาศหนาวเย็น!!! ภาคเหนือ ยังไม่ปลอดภัยฝนฟ้าคะนองลูกเห็บตก เพราะฉะนั้นว่า 24 ชม.ข้างหน้าต้องเฝ้าระวัง!!! อยู่ที่ไหน ฝน ฟ้า อากาศเป็นอย่างไรบ้าง บอกต่อข้อมูลกันได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม...สวัสดี ขอรับ กระผ้ม!!!

 

Schumann Resonance เลิก whiteout แล้วน่ะครับ

คลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

ชูมาน์เรโซแนนซ์ (Schumann Resonances) หรือที่รู้จักกันในนามของ ชีพจรของโลก (Earth’s heartbeat) ซึ่งชีพจรโลกนี้ หรือจะเรียกว่าค่าความถี่ของสนามแม่เหล็กโลกก็ได้ ในปัจจุบัน(2014) มีความถี่อยู่ที่ 7.83 รอบต่อวินาที โดยมันกำลังเพิ่มสูงขึ้นในทุกปี ซึ่งในปีถัดไปอาจจะมีอัตตราการขึ้นลงอยู่ราวๆ 9 -11 รอบต่อวินาที

เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนปี 2014 ทีมนักวิทย์ได้ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยชูมาน์เรโซแนนซ์ที่เราตรวจพบกับมีค่าความถี่ที่สูงขึ้นจากค่าปกติมาก ซึ่งค่าดังกล่าวเราสามารถสังเกตได้จากในกราฟที่เป็นขีดสีขาว และหลังจากนั้นในวันที่ 25 ส.ค.57 กราฟได้แสดงผลไปอีก 25 ชั่วโมง คลื่นความถี่ของโลกก็กับเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวอย่างผิดปกติจากครั้งแรกที่เราพบเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2014 ในอนาคตข้างหน้าได้มีการคาดการณ์ว่าคลื่นความถี่นี้มันอาจจะเพิ่มขึ้นจนเป็น 13 รอบต่อวินาที นั่นหมายความว่าเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับดาวโลกด้วยความถี่ 13 รอบต่อวินาที นั่นเอง ซึ่งคลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลกนี้ จะทำงานสะท้อนอยู่ภายในขอบเขตของคลื่นความถี่สมองอัลฟา(Alpha)

อ่านต่อ
http://warningdisasters.blogspot.com/2014/09/blog-post_2.html#sthash.m32qpmjL.dpuf





Dependencies of Amplitudes Schumann Resonance December 29 2019


Dependencies of Quality Schumann Resonance December 29 2019


Dependencies of Frequency Schumann Resonance December 29 2019

https://www.disclosurenews.it/en/schumann-resonance-today-update/

 

###ประเทศไทยเสี่ยงสึนามิหรือไม่?##

โดย ดร.ไพบูลย์ นวลนิล
นักแผ่นดินไหววิทยา

เหตุการณ์แผ่นดินไหว M7.5 และสึนามิ สุลาเวสี อินโดนีเซีย เป็นข่าวกระแสหลักในสื่อดิจิตอลและ โลกโซเชียล ที่แชร์กันไป-มา มีอยู่ข่าวนึงที่อ่านแล้ว พบว่าเป็นข่าวที่ทำให้ผู้คนฝั่งอันดามันและอ่าวไทยมีความกังวลอยู่ไม่น้อยนั่นคือข่าว "นักวิชาการ เผย ประเทศไทยเสี่ยงเกิดสึนามิ" ในเนื้อข่าวพอสรุปใจความสำคัญดังนี้

1. ประเทศไทยเสี่ยงเกิดสึนามิ ทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน โอกาสเกิดซ้ำรอยเดิม ปี 2547
2. เหตุการณ์แผ่นดินไหว M7.5 เมื่อ 28 กย ที่อินโด ประเทศไทยมีความเป็นไปได้ที่ ประเทศไทยอาจได้รับผลกระทบ เนื่องจากรอยเลื่อนอยู่ติดต่อกันอาจเกิดแรงสั่นสะเทือนบ้าง
3.ระยะเวลาในการแจ้งเตือนจากศูนย์เตือนภัยนานาชาติ ที่แจ้งเตือนมายังประเทศไทย ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ทุ่นเตือนภัยในบริเวณนั้นเสีย ไม่สามารถดูข้อมูลได้ หากมีสึนามิเกิดขึ้นอาจเกิดความเสียหาย
4.ส่วนจุดที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือ จังหวัดที่อยู่ริมทะเลอันดามัน ตั้งแต่จังหวัด ระนอง พังงา ภูเก็ต สตูล จนถึงกระบี่ ประกอบกับทุ่นเตือนภัยเสีย ความเสี่ยงที่รองลงมา คือ แนวอ่าวไทย หากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8 แมกนีจูด ที่แผ่นฟิลลิปปินส์ มีโอกาสเกิดสึนามิเช่นกัน

ซึ่งอ่านแล้วคิดว่าข่าวนี้มีความคลาดเคลื่อนทั้งข้อเท็จจริงและหลักวิชาการอยู่ ชาวบ้านอ่านอาจมีความวิตกกังวล อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งสองฝั่งทะเล แบบข่าวสึนามิในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา

ขออธิบายเป็นข้อๆ เพิ่มเติมดังนี้

1. ฝั่งอันดามันเสี่ยงต่อสึนามิเพราะในทะเลมีแนวมุดตัวที่ทอดยาวมาจากสุมาตราเหนือถึงอินเดีย มีโอกาศเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทำให้เกิดสึนามิได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีสึนามิแบบ 26 ธค 2547 ส่วนฝั่งอ่าวไทย สบายใจได้โอกาสเกิดสึนามิจากแผ่นดินไหวแทบเป็น ศูนย์ แต่อาจเกิดจากดินถล่มได้

2. รอยเลื่อนแผ่นดินไหว M7.5 อินโด ไม่เกี่ยวข้องหรือติดต่อกับรอยเลื่อนในประเทศไทยเลย

3. ในการแจ้งเตือนสึนามิจากศูนย์เตือนภัยนานาชาติ เดี๋ยวนี้มีการแจ้งข้อมูลภายใน 5-6 นาที หลังเกิดแผ่นดินไหว ส่วนการแจ้งเตือนเพื่อให้อพยบต้องใช้เวลาที่สึนามิเดินทางถึงทุ่นที่ใกล้ที่สุด เสียก่อนเพื่อยืนยัน ทุ่นสึนามิไม่เสียจากสึนามิหรอกครับ เพราะในแต่ละวันคลื่นทะเลก็เขย่ากัน มากกว่าสึนามิเสียอีก ปัจจุบันประเทศไทยไม่ต้องรอศูนย์เตือนภัยนานาชาติ ก็สามารถประเมินการเกิดสึนามิได้

4. จังหวัดทางชายฝั่งอันดามันเสี่ยงต่อสึนามิใหญ่ก็จริง แต่ความเสี่ยงกี่เปอร์เซนต์ละ การระบุความเสี่ยงต้องบอกถึงโอกาสการเกิดว่ากี่เปอร์เซนต์ในเวลา กี่ปี ไม่งั้นชาวบ้านก็ผวาทุกวัน เพราะเข้าใจผิด

โอกาสเกิดสึนามิใหญ่แบบ 26 ธค 2547 ถามคนอายุเกือบร้อยปีก็บอกว่าเพิ่งได้ยินครั้งนั้นครั้งเดียว ดังนั้นอย่าวิตกเกินไปครับ

ส่วนทางอ่าวไทยนี้ก็พูดกันมาก เพราะอ้างสึนามิจากฟิลิปปินส์ จากข้อมูลสึนามิในฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี คศ 1627 เกิดสึนามิที่มีการบันทึก 92 ครั้ง ครั้งที่มีคนตายมากสุดในปี คศ 1976 เสียชีวิต 6800 คน ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว ไม่มีผู้สียชีวิต ถามว่าในรอบ 390 ปีที่ผ่านมามีสึนามิจากฟิลิปปินส์ ถึงอ่าวไทยหรือเปล่า? ไม่เคยมีครับ

ยาวไปสักนิด ขออภัยครับ

ติดตามท่านได้ที่
Namom Thoongpoh

 

Setiawan

ลมสุริยะที่ไหลออกมาจากหลุมเล็ก ๆ นี้สามารถไปถึงโลกได้ในวันที่ 1 มกราคม 2020

เครดิต: SDO / AIA


หลุมโคโรนาเป็นพื้นที่ที่โคโรนาของดวงอาทิตย์เย็นกว่าจึงมืดกว่าและมีพลาสมาที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเนื่องจากมีพลังงานและระดับก๊าซที่ต่ำกว่า

หลุมโคโรนาเป็นส่วนหนึ่งของโคโรนาของดวงอาทิตย์และมีการเปลี่ยนแปลงและปรับรูปแบบอยู่ตลอดเวลาเพราะโคโรนาไม่สม่ำเสมอ


โดยทั่วไปแล้วหลุมชเวียนจะปล่อยลมสุริยะด้วยความเร็วประมาณสองเท่าของค่าเฉลี่ย


ลมสุริยะที่กำลังหนีรอดนั้นเป็นที่ทราบกันว่าเดินทางไปตามแนวสนามแม่เหล็กเปิดที่ไหลผ่านบริเวณรูเวียน


ในระหว่างหลุมสุริยจักรวาล Minima เป็นแหล่งที่มาหลักของการรบกวนสภาพอากาศในอวกาศ


โดยทั่วไปแล้ว geomagnetic (และโปรตอน) พายุที่เกิดจากหลุม coronal มีการเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป (มากกว่าชั่วโมง) และไม่รุนแรงเท่าพายุที่เกิดจากการกดปุ่มออกมวลชเวียน (CMEs) ซึ่งมักจะมีการโจมตีอย่างฉับพลัน


เนื่องจากความจริงของหลุมโคโรนาสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนจึงมักจะสามารถทำนายการเกิดซ้ำของการรบกวนประเภทนี้ได้ไกลกว่าล่วงหน้าอย่างมากสำหรับการรบกวนที่เกี่ยวข้องกับ CME


Solar wind flowing from this minor coronal hole could reach Earth on Jan 1st, 2020

Credit: SDO/AIA


Coronal holes are areas where the Sun's corona is colder, hence darker, and has lower-density plasma than average because there is lower energy and gas levels.

Coronal holes are part of the Sun's corona and are constantly changing and reshaping because the corona is not uniform.


Coronal holes generally discharge solar wind at a speed about twice the average.


The escaping solar wind is known to travel along open magnetic field lines that pass through the coronal hole area.


During Solar Minima coronal holes are the primary sources of space weather disturbances.


Typically, geomagnetic (and proton) storms originating from coronal holes have a gradual commencement (over hours) and are not as severe as storms caused by coronal mass ejections (CMEs), which usually have a sudden onset.


Due to the fact coronal holes can last for several months, it is often possible to predict the recurrence of this type of disturbance significantly farther in advance than for CME related disturbances.

 

Setiawan



คำสั่งการอพยพออกในวันอาทิตย์ โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 30,000 คนที่ทางเข้า Lakes และผู้อยู่อาศัยนับพันในพื้นที่ที่จะอพยพออก , ประเทศออสเตรเลีย 30 ธ.ค. 2562


“ เมื่อถึงจุดนี้คุณต้องออกไปจากที่นั่น” ผู้อำนวยการด้านการจัดการเหตุฉุกเฉิน วิคตอเรีย คริสแอนดรูว์คริส บอกกับ Nine ในวันจันทร์


“ หากคุณไม่ออกก่อน 9.00 น. คุณจะต้องหลีกเลี่ยงเงื่อนไขต่างๆ


“ เราได้เห็นไฟใหม่จากพายุฝนฟ้าคะนองและฟ้าผ่าในที่แห้งแล้งและเราได้เห็นไฟใหม่จำนวนมากทางด้านตะวันออกของรัฐใกล้กับแม่น้ำคาน”


อุณหภูมิถูกตั้งค่าให้ทะยานสู่ 40 ในรัฐวิกตอเรียในวันจันทร์โดยมีการห้ามการจุดไฟโดยรวมทั่วทั้งรัฐ


สำนักอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีลมแรงและมีลมแรงตลอดทั้งวันจันทร์รวมถึงพายุฝนฟ้าคะนองที่จะทำให้อากาศเย็นลงทั่ววิคตอเรียในภายหลังในระหว่างวัน


เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินมากกว่า 70 เครื่องจะทำงานในวันจันทร์หากเงื่อนไขอนุญาต


เงื่อนไขการคาดการณ์รวมถึงลมที่สูงถึง 100 กม. / ชม. บังคับให้ผู้จัดงานเทศกาลฟอลส์เฟสติวัลบนชายฝั่งตะวันตกของรัฐวิกตอเรีย เพื่อยกเลิกการจัดงานด้วย 9000 ผู้ชมงานเทศกาลบอกให้แพ็คขึ้น


กรมการขนส่งกระตุ้นให้ชาวเมืองเมลเบิร์น พิจารณาแผนการเดินทางของพวกเขาในวันจันทร์เนื่องจากอุณหภูมิในเมืองคาดว่าจะสูงถึง 43 องศาเซลเซียสในชานเมืองบางแห่ง

จาก AAP - Courtesy Gold 104.3


An evacuation order issued on Sunday, telling about 30,000 tourists at Lakes Entrance and thousands of residents in the area to leave, remains in place. Australia Dec30 2019


“At this point in time you need to get out of there,” Emergency Management Victoria Commissioner Andrew Crisp told Nine on Monday.


“If you are not out by 9am you need to stay across the conditions.


“We have seen new fires as a result of thunderstorms and dry lightning and we have seen significant new fire in the east of the state near the Cann River.”


Temperatures are set to soar into the 40s across Victoria on Monday, with a total fire ban in place across the state and extreme fire danger ratings in most regions.


The Bureau of Meteorology expects strong and gusty winds throughout Monday, as well as thunderstorms that will give way to much cooler air across Victoria later during the day.


More than 70 helicopters and planes will be working on Monday if conditions allow.


The forecast conditions, including winds up to 100km/h, forced organisers of the Falls Festival on Victoria’s west coast to cancel the event, with 9000 festival-goers told to pack up and leave.


The transport department urged Melbourne residents to consider their travel plans on Monday, as temperatures in the city are expected to reach 43C in some suburbs.

AAP - Courtesy Gold 104.3

 

Setiawan

ภูเขาไฟKarangetang เกาะเซียซู, ซูลาวาซีตอนเหนือ ในวันที่ 26 ธ.ค. 2019


Karangetang volcano Siau island, northern Sulawasi Dec26 2019

 

Setiawan

ด้วยกิจกรรม Strombolian ภูเขาไฟ #Pacaya ใน #Guatemala วิดีโอนี้จากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2019


การปะทุยังคงดำเนินต่อไป 2 วันที่ผ่านมา ลาวาได้ไหลอีกครั้งบนพื้นที่ลาดชันทางตะวันออกเฉียงใต้ / การปะทุยังดำเนินต่อไป 2 วันที่ผ่านมา ลาวาไหลอีกครั้งที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ


With Strombolian activity the #Pacaya volcano in #Guatemala this video from last December 26, 2019


The eruption continues, still modest. 2 days ago lava was flowing again on the high southeast slope / Eruption is ongoing, still weak-moderate. 2 days ago, lava was flowing again on the upper SE flank.

 

Setiawan

การปะทุของภูเขาไฟ Anak #Krakatau ในลัมปุง, สุมาตรา, อินโดนีเซีย วันที่ 29 ธันวาคม 2019 05:29 เวลาท้องถิ่น


บันทึกบน seismogram ที่มีความกว้างสูงสุด 37 มม. และระยะเวลา± 1 นาที 59 วินาที

ความสูงของเสาขี้เถ้าสูงกว่ายอดสูงสุด± 50 เมตร (± 207 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)


ในปัจจุบัน G. Anak Krakatau อยู่ในสถานะ * ระดับ II (แจ้งเตือน) * พร้อมคำแนะนำ:

ประชาชน / นักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ปากปล่องภูเขาไฟภายในรัศมี 2 กิโลเมตรจากปากปล่องภูเขาไฟ


Anak #Krakatau volcano eruption in Lampung, Sumatra, Indonesia Dec29 2019 05:29 local time.


Recorded on a seismogram with a maximum amplitude of 37 mm and a duration of ± 1 minute 59 seconds.

The height of ash column observed ± 50 m above the peak (± 207 m above sea level).


At present G. Anak Krakatau is in Status * Level II (Alert) * with recommendations:

The public / tourists are not allowed to approach the crater within a radius of 2 km from the crater

 

Setiawan


กิจกรรมปะทุของภูเขาไฟ #Sabancaya, #Peru วันที่ 27 ธันวาคม 2019 09:30 น


กระบวนการปะทุในระดับปานกลาง

- ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการบันทึกการปะทุประมาณ 10 ถึง 15 ครั้ง

- ปะทุเล็กน้อย

เสาสูงถึง 2 กม. สูงจากด้านบนของภูเขาไฟ


Explosive activity of the #Sabancaya volcano, #Peru Dec27 2019 09:30 hours


Eruptive process with moderate levels.

- In the last 24 hours, about 10 to 15 explosions were recorded.

- Slight explosions.

Eruptive columns up to 2 km high above the top of the volcano.