ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    CFAAA219-7CB4-4C84-A003-8C7C4B52E290.jpeg
    (Dec 28) ข้อดีของค่าเงินบาทแข็งตัว? ค่าเงินบาทสามารถแข็งตัวหรืออ่อนตัวลงได้ด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งทางการเงินและเศรษฐกิจ... มีท่านผู้อ่านถามเรื่องค่าเงินบาท ว่ามีผลต่อพี่น้องคนไทยอย่างไร?และค่าเงินบาทขึ้นลงอย่างไร?วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก็เลยนำเรื่องค่าเงินบาทมาเล่าสู่กันฟัง ว่าค่าเงินบาทคืออะไร? ค่าเงินบาท คือจำนวนเงินบาทรวม เมื่อแลกกับเงินต่างประเทศ ที่เป็นเงินสกุลอื่นๆ เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ เงินเยนญี่ปุ่น เงินปอนด์สเตอร์ลิง


    อัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้กำหนดค่าที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในวันและเวลานั้นๆ เงิน 1 ดอลลาร์จะแลกได้เท่ากับกี่บาทนั้น...ค่าเงินอาจขึ้นลงเป็นรายชั่วโมงเงินบาทแข็ง คือเงินบาทของเรามีค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ


    ส่วนค่าเงินบาทอ่อน ตรงกันข้ามกับเงินบาทแข็ง เช่น ถ้ามีโปรแกรมเดินทางไปต่างประเทศขณะค่าเงินบาทอ่อน ก็ต้องใช้เงินไทยจำนวนที่มากขึ้นในการแลกเป็นเงินดอลลาร์จำนวนเท่าเดิมค่าเงินบาทจะแข็งตัวหรืออ่อนตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น มีเงินลงทุนจากต่างประเทศ หลั่งไหลกันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมากพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเข้ามาในตลาดหุ้นหรือตลาดการเงิน


    รวมทั้งการลงทุนอื่นๆ ที่นักลงทุนต่างชาติจะไม่สามารถใช้เงินตราต่างประเทศที่พวกเขามีอยู่ มาลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นไทยได้ โดยต้องแลกเป็นเงินไทยก่อน...ปัจจัยดังกล่าว รวมทั้งกลไกตลาดจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งตัวขึ้นโดยอัตโนมัติขณะที่การส่งออกของไทยก็มีผลด้วยเช่นกัน คือหากไทยสามารถส่งออกได้มาก ผู้ส่งออกของไทยเราก็จะได้รับรายได้ในรูปของเงินสกุลต่างประเทศ ซึ่งผู้ส่งออกก็จะต้องนำเงินสกุลประเทศนั้นๆ มาแลกเป็นเงินบาท เพื่อการใช้จ่ายในประเทศต่อไป ขณะเดียวกันก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นกรณีแรก นั่นคือความต้องการเงินบาทมีมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ค่าเงินบาทสูงขึ้น จนเกิดค่าเงินบาทแข็งตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด....


    ส่วนค่าเงินบาทอ่อน จะตรงข้ามกับเงินบาทแข็ง และมีเหตุปัจจัยทางการเงินหลายอย่าง เช่น ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าต่างประเทศจำนวนมากๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน พืชผลทางการเกษตรบางชนิด เครื่องจักรและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆก็จะมีการนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินตราสกุลของประเทศนั้นๆ ก่อนจะนำมาใช้จ่ายซื้อสินค้าได้ ทำให้เงินของประเทศนั้นเป็นที่ต้องการ และกลไกของตลาดก็จะทำให้ค่าเงินประเทศนั้นแข็งตัวขึ้น


    ในขณะที่ค่าเงินบาทไทยอ่อนตัวลง เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าค่าเงินบาทสามารถแข็งตัวขึ้น หรืออ่อนตัวลงได้ด้วยปัจจัยทางการเงิน และเศรษฐกิจร่วมกัน ซึ่งหากนักเก็งกำไรมีความรู้สึกว่าค่าเงินบาทน่าจะอ่อนตัวลงกว่านี้ ก็จะวิเคราะห์ว่าความต้องการถือครองเงินบาทในตลาดกำลังลดลง


    เช่นเดียวกับการจะบอกว่าค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อนอะไร? ดีกว่ากันนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ได้ประโยชน์กับเสียประโยชน์...เหมือนเหรียญมี 2 ด้าน ย่อมไม่สามารถตัดสินได้ด้วยการมองเพียงแค่ด้านเดียว!?!?


    อย่างไรก็ตามการที่ค่าเงินบาทแข็งตัวก็ส่งผลเสียบางอย่าง อาทิเช่น เมื่อต่างชาติจะทำการซื้อข้าว หรือผลิตผลการเกษตรจากไทย เดิมเคยใช้เงินจำนวนน้อยกว่าในการซื้อสินค้าปริมาณเท่าเดิม เมื่อต้องจ่ายแพงขึ้น ก็อาจตัดสินใจเปลี่ยนแหล่งซื้อไปเป็นประเทศเที่ราคาถูกกว่าแทนสรุปว่า ค่าเงินบาทจะแข็งตัว หรืออ่อนตัว ต่างก็มีผลกระทบทั้งด้านดีและไม่ดี จึงขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ในสถานะใด?มากกว่า จึงจะสามารถ “บ่งชี้” ได้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร?


    คอลัมน์ อยู่กับปัจจุบัน โดย พงษ์ศักดิ์ ศรีสด


    Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์

    https://www.thansettakij.com/content/417590
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    # ไต้ฝุ่น Phanfone #UrsulaPH #ประเทศฟิลิปปินส์


    "ผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นเออซูล่าที่ทำลายวิซายาในช่วงคริสต์มาสได้ค้นมาถึง 31 ราย แล้ว NDRRMC รายงานเมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จมลงในน้ำท่วมฉับพลันและพายุซัดในขณะที่คนอื่น ๆ 12 คนยังคงหายไป "


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ทางการเม็กซิโกปิดศูนย์พักพิงผู้อพยพ หลังโรคอีสุกอีใสแพร่ระบาด ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อภายในศูนย์พักพิงแล้ว 72 คน

    • อ่านข่าวเพิ่มเติม : tna.mcot.net
    • เฟซบุ๊ก : fb.com/tnamcot
    • ยูทูบ : youtube.com/tnamcot
    • แอดไลน์ : line.me/R/ti/p/%40tnamcot
    • ทวิตเตอร์ : twitter.com/tnamcot
    • อินสตาแกรม : instagram.com/tnamcot
    • ช่อง 9 MCOT HD กดเลข 30

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เฝ้าระวังปัญหาน้ำเค็มรุกหนักจากปัญหาภัยแล้ง

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Cr. ธืระวัฒน์ เหมะจุฑา

    ยังไหวน่า เซลล์สมองงอกใหม่

    อย่าหมดหวัง...เซลล์สมองงอกใหม่ได้


    แต่ดั้งเดิมเป็นความรู้พื้นฐานของระบบประสาททั่วไป ที่เรียนกันมาแต่อ้อนแต่ออกว่า เมื่อเกิดมาแล้ว เซลล์สมองจะเริ่มตายไปทุกวัน วันละ 20,000 ตัว ที่เหลือต้องทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างเครือข่ายโยงใยซึ่งกันและกัน เพื่อให้มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ที่มีความเฉลียวฉลาด เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้ เรียนรู้จากสิ่งผิดพลาด และหาทางแก้ไขไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

    ปรากฏการณ์ของเซลล์สมองสามารถมีการงอกงามได้ใหม่ทราบกันมานานแล้ว ตั้งแต่ ค.ศ.1990 โดยที่แต่ก่อนเชื่อกันว่าความสามารถดังกล่าว (Neurogenesis) จะเกิดในเฉพาะอายุที่ยังน้อยๆมากเท่านั้น Dr.Elizabeth Gould (มหาวิทยาลัย Rockefeller) ได้แสดงให้เห็นว่า แม้แต่สมองมนุษย์ที่โตเต็มที่แล้ว ยังมีการงอกใหม่ของเซลล์ได้ โดยเฉพาะในส่วนที่เรียกว่า Hippocampus ในกลีบขมับทางด้านในที่เรียกว่า dentate gyrus ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญของการเรียนรู้ และความจำและ Hippocampus เป็นส่วนที่เสียหายก่อนเพื่อน ในโรคอัลไซเมอร์ หลังจากการค้นพบในครั้งนั้น มีรายงานทยอยตามกันมาในสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่หนูจนถึงสัตว์ใหญ่ เช่น Marmoset และในปี ค.ศ.1998 นักวิทยาศาสตร์ทางประสาทและสมองทั้งในสหรัฐฯและสวีเดนก็พบว่าในสมองคนก็มีศักยภาพในการงอกใหม่เช่นกัน (วารสาร Scientific American, 1999)


    ในสัตว์ทดลองเช่นหนู การพิสูจน์ว่ามีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นจริง สามารถทำได้โดยไม่ซับซ้อนจากการฉีดสาร BrdU (Bromodeoxy uridine) ซึ่งจะเป็นเครื่องหมายสำหรับเซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่เท่านั้น โดยที่พบว่าในหนูมีเซลล์สมองใหม่เกิดขึ้นระหว่าง 5,000-10,000 ตัว ทุกวัน แต่สำหรับในคนยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด การเกิดใหม่ของเซลล์เหล่านี้ในสัตว์ทดลอง พบว่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วถ้าไม่ได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่พอเหมาะหลังจากที่เกิดงอกมาใหม่ ก็จะตายไปหมดในเวลาอันรวดเร็ว

    ศาสตราจารย์ Tracey J.Shors กับ Elizabeth Gould ซึ่งเป็นคนค้นพบว่าสมองที่โตเต็มที่แล้ว ก็สามารถงอกใหม่ได้ ได้ร่วมกันทำการ ศึกษาต่อเนื่องถึงกระบวนการที่จะรักษาเซลล์ใหม่เหล่านี้ให้คงทนจนเป็นเซลล์ที่ใช้งานต่อไปได้อีก (วารสาร Nature Neuroscience 1999; Nature 2001 European J Neuroscience 2008; Scientific American 2009)

    การค้นพบเหล่านี้น่าจะสามารถประยุกต์ใช้กับสมองมนุษย์ได้ไม่มากก็น้อย ปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้มีการงอกใหม่ของเซลล์ที่สำคัญ คือ การออกกำลังกาย (ตัวอย่างเช่น หนูถีบจักรขยันขันแข็งมีเซลล์ใหม่เกิดเป็น 2 เท่าของ หนูขี้เกียจ) กินลูกเบอรี่ทั้งหลาย ส่งผลให้มีการงอกใหม่ได้ ในขณะที่แอลกอฮอล์ในปริมาณเกินกำหนด (ชาย 2-3 หญิง 1-2 แก้ว/วัน) และบุหรี่ เป็นตัวขัดขวางการงอกใหม่ของเซลล์

    อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวข้างต้นเซลล์ใหม่เหล่านี้ถ้าไม่ถูกกระตุ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือ ระหว่าง 7-14 วัน หลังเกิด ก็จะตายไปหมดสิ้น การกระตุ้นที่เหมาะสมต้องเป็นกระบวนการที่สมองต้องใช้ความคิด มีการฝึกสมองอย่างจริงจัง จึงจะสามารถเติบโตผสมผสานตัวเข้ากับระบบโยงใยเครือข่ายของระบบประสาทได้ การผลักให้หนูตกน้ำและให้ว่ายไปหาที่เกาะไม่ถือเป็นการฝึกสมองจริงๆ เพราะเท่ากับเป็นการเอาชีวิตรอดตามสัญชาตญาณเท่านั้น จากลักษณะดังกล่าว เมื่อนำมาประยุกต์ในคนจะเข้ากันได้อย่างดิบดีกับการส่งเสริมให้ออกกำลังอย่างต่อเนื่อง อาทิตย์ละ 3-4 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ


    ในเมืองไทยอาจไม่ต้องเสาะหาลูกบลูเบอรี่ให้ลำบากยากเย็น ทานผักผลไม้บ่อยๆ (ซึ่งหาง่ายทุกฤดูกาล) อย่างน้อย 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน ถั่วทั้งหลายก็น่าจะให้คุณประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์ใหม่ได้ (วารสาร JAMA Intern Med 2015) สารสกัดองุ่น Resveratrol (วารสาร Science 2014; Nature 2015) หยุดบุหรี่เด็ดขาด

    ทั้งนี้ สมมติว่าเราออกกำลังแล้ว ผักก็กินแล้ว จะทำให้เซลล์ใหม่กลายเป็นเซลล์สมบูรณ์ทำงานได้อย่างไร ข้อเสนอฟิตเนสโปรแกรมทางสมองของหมอ อาทิ เล่นไพ่ที่เล่นอย่างมีชั้นเชิง เล่ห์เหลี่ยม และถ้าจะใช้สมองจริงจัง ขอร้องให้เล่นกินเงินด้วย เพราะการฝึกสมองทำเป็นเล่นๆไม่ได้ ถ้าคุณตำรวจมาก็ชวนเล่นด้วยกัน ถ้าไม่ชอบเล่นไพ่ ต้องลีลาศครับ เน้น.......เต้นบอลรูม ซึ่งเป็นการฝึกสมองทุกส่วน ซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง ตื้น-ลึกหนาบาง เพราะหูฟังดนตรี


    มีจังหวะ สั่งการไปยังขา แขนและมือ ซึ่งกุมมืออันนุ่มนวลของคู่เต้น มีการเคลื่อนท่าเป็นจังหวะในก้าวย่างที่เท่ากันสม่ำเสมอ หมุนตัวในองศาที่พอเหมาะกับตัวเองและคู่เต้น มีการควบคุมการทรงตัวที่ถูกต้องจากสมองส่วนท้ายทอย ก้านสมองลงมายังไขสันหลังไม่ให้เหยียบเท้าคู่เต้น เสียงส่งผ่านไปยังสมองความจำ และอารมณ์ให้เคลิบเคลิ้มไปตามความไพเราะของดนตรีและเนื้อหา

    สายตามองไปยังคู่เต้น...ถ้าอายเขินที่จะหัดเต้นรำเอาตอนโตหรือแก่ก็หัดร้องเพลงที่ไม่ใช่เพลงชาติ เพราะเหล่านี้จำจนขึ้นใจแล้ว ให้ ไปหาเครื่องเล่นคาราโอเกะ โดยตาดูที่เนื้อ ซึ่งจะมีตัววิ่งคอยกำกับให้ร้องถูกจังหวะ และคุมระดับเสียงให้ไม่หลุดเลยออกไปนอกคีย์

    ที่ว่ามาเหล่านี้เป็นการสร้างเสริมใหม่ และรักษาให้คงสภาพ หรือมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาจสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วย เช่น อัลไซเมอร์ได้ ถึงแม้อัตราสร้างใหม่จะไม่สามารถทดแทนอัตราตายได้ก็ตาม แต่ก็น่าจะช่วยชะลอความเสื่อมได้ และเป็นอะไรที่ไม่ต้องสิ้นเปลืองซื้อหา.

    หมอดื้อ

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk


    เป็นที่น่าสนใจว่าดาวสีแดงในกลุ่มดาวนายพรานกำลังสลัวไป 4 เดือนก่อนที่ดาวศุกร์-Pleiades จะมารวมตัวกัน

    IMG_5856.JPG
    โยบ 9:4-13


    4 พระองค์ฉลาดอยู่ในพระทัย และพระกำลังก็แข็งแรง ผู้ใดเคยได้แข็งต่อพระองค์และเจริญขึ้นได้เล่า

    5 พระองค์ผู้ทรงเคลื่อนภูเขา และภูเขาทั้งหลายก็ไม่รู้ เมื่อพระองค์ทรงคว่ำมันเสียด้วยพระพิโรธของพระองค์

    6 ผู้ทรงสั่นแผ่นดินโลกให้ออกจากที่ของมัน และเสาของมันก็สั่นสะเทือน

    7 ผู้ทรงบัญชาดวงอาทิตย์ และมันไม่ขึ้น ผู้ทรงผนึกเก็บบรรดาดวงดาวไว้

    8 ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์ออกแต่พระองค์เดียว และทรงย่ำคลื่นของทะเล

    9 ผู้ทรงสร้างหมู่ดาวจระเข้ และหมู่ดาวไถ หมู่ดาวลูกไก่ และหมู่ดาวทิศใต้

    10 ผู้ทรงกระทำมหกิจเหลือที่จะเข้าใจได้ และการมหัศจรรย์อย่างนับไม่ถ้วน

    11 ดูเถิด พระองค์ทรงผ่านข้าไป และข้าหาเห็นพระองค์ไม่ พระองค์ทรงเลยไป และข้าหาสังเกตเห็นไม่

    12 ดูเถิด พระองค์ทรงฉวยไป ใครจะห้ามพระองค์ได้ ใครจะทูลพระองค์ว่า `พระองค์ทรงกระทำอะไรนั่น'

    13 ถ้าพระเจ้าจะไม่ทรงหันพระพิโรธของพระองค์กลับต่อพระองค์ เหล่าสมุนของความอหังการต้องกราบอยู่


    โยบ 38:31

    31 เจ้ามัดหมู่ดาวลูกไก่ให้เป็นกลุ่มได้หรือ หรือแก้เครื่องผูกหมู่ดาวไถได้หรือ


    อาโมส 5:8

    8 จงแสวงหาพระองค์ผู้ทรงสร้างหมู่ดาวลูกไก่และหมู่ดาวไถ และเป็นผู้ทรงกลับเงามัจจุราชให้เป็นรุ่งเช้า และทรงกระทำกลางวันให้มืดเป็นกลางคืน ผู้ทรงเรียกน้ำทะเลมาและโปรยน้ำนั้นลงบนพื้นพิภพ พระเยโฮวาห์คือพระนามของพระองค์


    วิวรณ์ 1:16

    16 พระองค์ทรงถือดวงดาวเจ็ดดวงไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และมีพระแสงสองคมที่คมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และสีพระพักตร์ของพระองค์ดุจดังดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงด้วยฤทธานุภาพของพระองค์


    วิวรณ์ 1:20

    20 ส่วนความลึกลับของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าได้เห็นในมือข้างขวาของเรา และแห่งคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ก็คือ ดาวทั้งเจ็ดดวงได้แก่ทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันซึ่งเจ้าได้เห็นแล้วนั้นได้แก่คริสตจักรทั้งเจ็ด"


    วิวรณ์ 2:1


    1 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองเอเฟซัสว่า `พระองค์ผู้ทรงถือดาวทั้งเจ็ดไว้ในพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์ และดำเนินอยู่ท่ามกลางคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้นตรัสดังนี้ว่า


    วิวรณ์ 3:1

    1 "จงเขียนถึงทูตสวรรค์แห่งคริสตจักรที่เมืองซาร์ดิสว่า `พระองค์ผู้ทรงมีพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า และทรงมีดาราเจ็ดดวงนั้น ได้ตรัสดังนี้ว่า เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า เจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าได้ตายเสียแล้ว


    It's interesting that the red star in Orion is going dim 4 months before the Venus - Pleiades conjunction.


    Job 9:4-13

    4 He is wise in heart, and mighty in strength: who hath hardened himself against him, and hath prospered?

    5 Which removeth the mountains, and they know not: which overturneth them in his anger.

    6 Which shaketh the earth out of her place, and the pillars thereof tremble.

    7 Which commandeth the sun, and it riseth not; and sealeth up the stars.

    8 Which alone spreadeth out the heavens, and treadeth upon the waves of the sea.

    9 Which maketh Arcturus, Orion, and Pleiades, and the chambers of the south.

    10 Which doeth great things past finding out; yea, and wonders without number.

    11 Lo, he goeth by me, and I see him not: he passeth on also, but I perceive him not.

    12 Behold, he taketh away, who can hinder him? who will say unto him, What doest thou?

    13 If God will not withdraw his anger, the proud helpers do stoop under him.


    Job 38:31

    Canst thou bind the sweet influences of Pleiades, or loose the bands of Orion?


    Amos 5:8

    Seek him that maketh the seven stars (Pleiades) and Orion, and turneth the shadow of death into the morning, and maketh the day dark with night: that calleth for the waters of the sea, and poureth them out upon the face of the earth: The Lord (YHVH) is his name:


    Revelation 1:16

    And he had in his right hand seven stars: and out of his mouth went a sharp twoedged sword: and his countenance was as the sun shineth in his strength.


    Revelation 1:20

    The mystery of the seven stars which thou sawest in my right hand, and the seven golden candlesticks. The seven stars are the angels of the seven churches: and the seven candlesticks which thou sawest are the seven churches.


    Revelation 2:1

    Unto the angel of the church of Ephesus write; These things saith he that holdeth the seven stars in his right hand, who walketh in the midst of the seven golden candlesticks;


    Revelation 3:1

    And unto the angel of the church in Sardis write; These things saith he that hath the seven Spirits of God, and the seven stars; I know thy works, that thou hast a name that thou livest, and art dead.


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รัสเซียประจำการ "อาวอนการ์ด" ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงระดับไฮเปอร์โซนิกแล้ว
    16482DA9-E2D0-4D25-BAC5-DE4D1B86A6BD.jpeg
    พล.อ. เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียแถลงว่า ได้นำระบบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงในระดับสูงหรือระดับไฮเปอร์โซนิก ที่เรียกว่า "อาวอนการ์ด" (Avangard) เข้าประจำการในกองทัพเพื่อพร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว

    พล.อ. ชอยกู ระบุว่า "เหตุการณ์ประวัติศาสตร์" ครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 10.10 น. ของวันที่ 27 ธ.ค. ตามเวลาในกรุงมอสโก โดยไม่ได้ระบุตำแหน่งของฐานทัพที่นำขีปนาวุธเข้าประจำการ แต่คาดว่าอาจจะเป็นทางตอนใต้ของเทือกเขาอูราล (Ural) ตามที่มีกระแสข่าวไปก่อนหน้านี้

    เมื่อวันอังคารที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียแถลงว่า ระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้สูงสุด 2 เมกะตัน สามารถจะพุ่งทะยานด้วยความเร็วเหนือเสียงถึง 20เท่า และเจาะทะลวงผ่านระบบป้องกันขีปนาวุธทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งที่กำลังจะพัฒนาขึ้นในอนาคต

    "ขณะนี้ไม่มีประเทศใดในโลกที่ได้ครอบครองอาวุธไฮเปอร์โซนิก ยังไม่ต้องไปพูดถึงขีปนาวุธข้ามทวีปที่เร็วระดับไฮเปอร์โซนิกให้เสียเวลา" นายปูตินกล่าว

    ปัจจุบันสหรัฐฯ และจีนมีโครงการพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกเช่นกัน โดยจีนได้เคยทำการทดสอบไปครั้งหนึ่งเมื่อปี 2014 ส่วนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยออกมาแสดงความกังขาว่า ระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดอาจไม่ได้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมเหมือนกับที่รัสเซียแถลงเอาไว้ หลังจากได้เห็นคลิปวิดีโอแสดงการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าวเมื่อปลายปีที่แล้ว

    โจนาธาน มาร์คัส ผู้สื่อข่าวด้านการทหารของบีบีซีวิเคราะห์ว่า ยังไม่อาจจะสรุปได้แน่นอนว่าระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดนั้นผ่านการพัฒนาจนเสร็จสิ้นแล้ว และได้เข้าประจำการตามที่ทางการรัสเซียแถลง หรือยังอยู่ในกระบวนการทดสอบภาคสนามขั้นสูงกันแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสหรัฐฯยังคงล้าหลังรัสเซียและจีนอยู่มากในส่วนของเทคโนโลยีดังกล่าว

    ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกนั้นมีความเร็วเหนือเสียงในระดับสูงเป็นพิเศษ กล่าวคือต้องมีความเร็วอย่างน้อยในระดับมัค 5 (Mach 5) หรือเร็วกว่าเสียง 5 เท่าขึ้นไป โดยระบบอาวอนการ์ดอาจจะเป็นได้ทั้งขีปนาวุธประเภทที่มีการจุดระเบิดขับดันไปตลอดทาง หรือเป็นหัวรบที่ติดตั้งบนขีปนาวุธข้ามทวีป ซึ่งจะแยกตัวออกและพุ่งเข้าหาเป้าหมายในภายหลัง ตามการนำวิถีของพาหนะนำร่อน (glide vehicle) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

    นอกจากนี้ ระบบ "ขับดัน-ร่อน" (boost-glide) ยังทำให้การยิงขีปนาวุธอาวอนการ์ดถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วขึ้นไปอีก โดยพาหนะนำกลับของขีปนาวุธจะถูกทำให้อยู่ในวิถีที่เกิดการตกกลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศโลกได้เร็วขึ้น ก่อนที่ขีปนาวุธจะร่อนต่อไปโดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงขับดันอีกหลายพันกิโลเมตร

    ผู้สื่อข่าวด้านการทหารของบีบีซีมองว่า การที่ระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดมีอานุภาพร้ายแรง ไม่ใช่แค่เพราะมีความเร็วเหนือเสียงในระดับสูงเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ยังมีระบบควบคุมการร่อนเข้าหาเป้าหมายที่ทรงประสิทธิภาพอย่างยิ่งด้วย โดยจะมีวิถีการพุ่งทะยานไปตามแนวขอบของชั้นบรรยากาศโลก ทำให้ระบบป้องกันขีปนาวุธตรวจจับและยิงสกัดได้ยาก
    "หากคำกล่าวอ้างของรัสเซียเรื่องระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดเป็นจริง ก็เท่ากับว่าได้พัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่ไม่สามารถจะสกัดหรือต้านทานได้ขึ้นมาแล้ว" ผู้สื่อข่าวด้านการทหารของบีบีซีกล่าว

    "ถ้อยแถลงเรื่องการนำระบบขีปนาวุธอาวอนการ์ดเข้าประจำการ แท้ที่จริงก็คือคำประกาศเริ่มยุคการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ที่อันตรายอย่างยิ่ง รัสเซียอาจต้องการโต้ตอบโครงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ แต่ข่าวคราวเช่นนี้ไม่เป็นผลดีในช่วงที่สนธิสัญญาจำกัดควบคุมนิวเคลียร์ต่าง ๆ ซึ่งทำขึ้นในยุคสงครามเย็นกำลังพังทลายลง"

    https://www.bbc.com/thai/internatio...BD96E8478F&at_custom3=BBC+Thai&at_campaign=64
    .
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สุดยอด งานวิจัยจากเเล็บ มก. พบสกัดกัญชา มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งปากมดลูก‼️

    นับเป็นอีกก้าวสำคัญด้านการแพทย์ของไทย เมื่อล่าสุด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด จากภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก Weerachai Phutdhawong ว่า ขณะนี้งานวิจัยล่าสุดจากห้องปฏิบัติการวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมีใบอนุญาตการผลิตสารสกัดจากกัญชา และใบอนุญาตครอบครองกัญชาจากกัญชาของกลาง ของ ป.ป.ส. ค้นว่าพบสารสกัดหยาบจากกัญชา ที่สกัดด้วยเทคนิคคาร์บอนไดออกไซด์เหลว มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปากมดลูกได้ดีมาก

    รศ. ดร.วีรชัย เผยว่า ผลการทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งปากมดลูก (HeLa, cervix carcinoma cell) ดังกล่าว มีสารสกัดที่ทำให้บริสุทธิ์ 99.9 % หลายตัวที่ออกฤทธิ์ โดยงานวิจัยได้ใช้วิธี MTT [3- (3,5- dimethylthiazol-2,5-diphenyltetrazolium bromide) ] assay พบว่าสารสกัดกัญชาจากเทคนิคการสกัดด้วยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เหลว มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปากมดลูกได้ดี

    โดย Cannabinol (CBN) เป็นสารบริสุทธิ์ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชลล์มะเร็งดีที่สุด มีค่าความเข้มข้นของสารที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ครึ่งหนึ่ง (half maximal inhibitory concentration, IC50) เท่ากับ 6.16 µg/mL และ Cannabidiol (CBD) ให้ฤทธิ์ที่ดีมากเช่นกันในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งปากมดลูกเช่นเดียวกัน โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 7.00 µg/mL และจะต้องทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติ (normal cell) ต่อไป

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สังเกตอาการชาตามร่างกาย บอกโรคได้‼️

    ▪️ชาเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งซีก (ซีกที่อยู่ติดกับนิ้วกลาง) นอกนั้นไม่มีอาการชา อาจเป็นสัญญาณของโรคเส้นประสาทมือถูกบีบรัด เนื่องจากเยื่อหุ้มเอ็นที่อยู่ในช่องใต้กระดูกมือบวม หรือกระดูกมือโตทำให้ช่องใต้กระดูกมือแคบ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หรืออาจเกิดจากแผ่นพังผืดเสื่อม และหนาตัวขึ้น

    ▪️ชานิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และอาจมีอาการปวดมือ ปวดร้าวไปถึงแขนด้วย นั่นอาจหมายถึงสัญญาณของโรคเส้นประสาทกดทับที่ฝ่ามือ โดยเกิดจากการใช้งานมือในลักษณะการเกร็งอยู่นานๆ ในท่าเดิม เช่น การจับมีด กรรไกร ไดร์เป่าผม คอมพิวเตอร์ ซึ่งมักจะมีอาการปวดในเวลากลางคืนหรือตื่นนอนตอนเช้า

    ▪️ชาที่นิ้วก้อย อาจเกิดจากเส้นประสาทบริเวณรักแร้ที่ยาวไปถึงนิ้วก้อย สาเหตุจากงอและเกร็งข้อศอกเพื่อถือหูโทรศัพท์เป็นเวลานาน

    ▪️ชาปลายเท้าและปลายมือ อาจเกิดจากอาการปลายประสาทอักเสบหรือเสื่อม หรือภาวะขาดวิตามินบี 1 บี 6 หรือบี 12 ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคไต โรคมะเร็ง และจากยาหรือสารพิษ เป็นต้น

    ▪️ชาปลายนิ้วมือเกือบทุกนิ้ว แต่ไม่มีอาการชาปลายเท้า และมักจะชาช่วงกลางคืนหรือก่อนนอน อาจเกิดจากการใช้มือทำงานหนัก เช่น ขี่มอไซค์ต่อเนื่องนานๆ เล่นโทรศัพท์บ่อยๆ ครั้งละนานๆ ซึ่งอาจทำให้เอ็นกดทับเส้นประสาทตรงข้อมือได้

    ▪️ชานิ้วก้อย นิ้วนาง และด้านข้างฝ่ามือ (สันมือ) อาจเกิดจากเส้นประสาทบริเวณข้อศอกถูกกดทับ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ซึ่งก็ควรเปลี่ยนท่านั่งหรือท่านอนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการชาดังกล่าว
    มือชา

    ▪️ชาง่ามนิ้วระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ อาจเกิดจากเส้นประสาทกดทับที่ต้นแขน แนะนำให้เปลี่ยนท่านั่งบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการเอาแขนพาดพนักเก้าอี้

    ▪️ชาทั้งแถบ ตั้งแต่แขนลงไปถึงนิ้วมือ อาจเกิดจากกระดูกต้นคอเสื่อมและกดทับเส้นประสาท ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์นะคะ เพราะน่าเป็นห่วงมากเลยทีเดียว

    ▪️ชาหลังเท้าลากยาวไปถึงหน้าแข้ง แต่ไม่มีอาการชาที่มือ อาจเกิดจากการนั่งไขว้ห้าง ขัดสมาธิ พับเพียบ เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เส้นประสาทบริเวณใต้เข่าด้านนอกถูกกดทับจนเลือดเดินติดขัดได้

    ▪️ชาทั้งเท้า และเลยไปถึงสะโพก อาการนี้ก็ควรต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากอาจเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท

    อาการชาที่เริ่มเกิดขึ้นจากปลายเท้า ฝ่าเท้า ปลายนิ้ว ลามขึ้นไปที่ข้อเท้า เข่า และลำตัว เป็นอาการที่มักเกิดกับนักดื่มคอทองแดง เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าไปทำลายเส้นประสาทให้เสียหายหลายเส้น

    ขอบคุณภาพ : NewsClear
    ขอบคุณข้อมูล : Vejthani
    _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _

    อยากมีสุขภาพดีต้องเริ่มตอนนี้
    วันนี้ใครๆก็กินถั่งเฉ้า
    แล้วคุณล่ะคะเริ่มกินถั่งเฉ้าหรือยัง⁉️
    อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
    ด้วยรักและห่วงใยจาก Megara Plus

    #MegaraPlus #ถั่งเฉ้าเมการ่า
    #เมการ่าพลัส #คำคม
    #สุขภาพดี #ถั่งเช่า #หายป่วย
    #MegaraThaiถั่งเช่าถั่งเฉ้า
    #ถั่งเช่าเมการ่าพลัส

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกาหลีหนาวแบบพีคสุดแน่ สัปดาห์หน้า!

    วันอังคารหน้าอุณหภูมิช่วงเช้าในกรุงโซลจะอยู่ที่ -10 องศา

    อาจถือได้ว่าเป็นอากาศที่หนาวที่สุดในรอบปีทั่วประเทศ

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลอินโดนีเซียถึงจะย้ายเมืองหลวงจากจาการ์ตาใน ชวา ไปกาลิตันในปี 2025 เพราะเกาะกาลิตันค่อนข้างปลอดภัยจากแผ่นดินไหวในอินโดนีเซีย

    บันทึกแผ่นดินไหวของ usgs ตั้งแต่ 2004 ถึงธันวาคม 2019 สามารถพิสูจน์ได้

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ม่านประเพณี โศกนาฏกรรมรักของผีเสื้อ

    ตำนานรักผีเสื้อ หรือม่านประเพณี เป็นตำนานพื้นบ้านที่ยิ่งใหญ่และสะเทือนใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งของจีน เรื่องราวเริ่มขึ้นจากความรักบริสุทธิ์ของพี่น้องร่วมสาบานคู่หนึ่งที่มีใจให้กัน แต่ต้องพบกับความพลิกผันของโชคชะตา ความรักของทั้งคู่จึงต้องจบลงด้วยความตายอย่างน่าสงสาร

    ปลายยุคราชวงศ์จิ้น (ค.ศ.265-420) ยุคสมัยที่ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิ์จะขีดเส้นชะตาชีวิตให้ตัวเอง จู้อิงไถหรือคุณหนูแห่งสกุลจู้ เป็นกุลสตรีหัวก้าวหน้าที่ไม่ยอมรับกติกา นางเชื่อมั่นว่าผู้หญิงควรมีโอกาสได้เรียนหนังสือเหมือนผู้ชาย แต่ลูกสาวผู้ดีในสมัยนั้นก็เหมือนนกน้อยในกรงทอง ที่พ่อแม่ต้องเก็บซ่อนไว้ในบ้าน เรื่องที่จะปล่อยให้ออกไปตะลอนๆ นั่งเรียนหนังสือเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้ชายนั้นลืมไปได้เลย จู้อิงไถจึงออกอุบายแกล้งทำเป็นล้มเจ็บให้ทางบ้านเชิญหมอมาตรวจอาการ จากนั้นนางก็ปลอมตัวเป็นหมอหนุ่มน้อยออกไปนั่งจิบน้ำชากับพ่อแม่เสียเอง ทั้งยังแนะนะเสร็จสรรพว่าลูกสาวเป็นไข้ใจ อยากจะโบยบินสู่โลกกว้าง ฉะนั้นหากนางปลอมตัวเป็นชายได้เหมือนจนพ่อแม่จับไม่ได้ ก็ควรปล่อยให้นางไปเรียนหนังสือได้ตามที่ต้องการ ทำอย่างนี้รับรองว่าไข้ใจของคุณหนูจะต้องหายอย่างแน่นอน

    เศรษฐีจู้ บิดาของจู้อิงไถฟังแล้วก็หัวเราะร่วน เผลอตกลงรับปากทันที เพราะมีที่ไหนที่พ่อแม่ จะจำลูกสาวที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกไม่ได้ จู้อิงไถรอโอกาสนี้อยู่แล้วจึงสลัดคราบหมอหนุ่มออกโดยไม่รอช้า เล่นเอาท่านเศรษฐีถึงกับหัวเราะค้าง ต้องยอมให้ลูกสาวเจ้าปัญญาไปเรียนหนังสือตามที่นางต้องการ

    ระหว่างที่เดินทางไปสมัครเรียนหนังสือที่หอบัณฑิต จู้อิงไถในคราบเด็กหนุ่มได้รู้จักกับเหลียงซันป๋อบัณฑิตตกยากเข้าโดยบังเอิญ ทั้งคู่ร่วมมือกันช่วยเหลือกูซินเหลียน หญิงสาวชาวประมงให้รอดพ้นจากน้ำมือของนักเลงบ้ากาม ทำให้สองหนุ่มถูกชะตากันมาก จึงสาบานเป็นพี่น้องกันที่วัดกามเทพ และสัญญาว่าแม้จะไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียว แต่ก็จะขอตายวันเดียวปีเดียวกัน

    ที่หอบัณฑิต จู้อิงไถต้องใช้ไหวพริบปิดบังทุกคนตลอดเวลา ไม่ให้ใครรู้ว่านางเป็นหญิง แม้แต่เหลียงซันป๋อที่นางเริ่มหลงรักมากขึ้นทุกวัน แต่หน้าตาหมดจดกับท่าทีอ้อนแอ้นผิดบุรุษเพศของจู้อิงไถก็ทำให้หม่าเหวินไฉคุณชายเจ้าสำราญที่มาเรียนหนังสือที่หอบัณฑิตเช่นกันนึกสงสัยขึ้นมา ด้วยวิสัยผู้ชายเจ้าชู้ที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่าเปลี่ยนผ้าเช็ดหน้า ทำให้หม่าเหวินไฉมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าจู้อิงไถต้องเป็นหญิงแน่นอน

    ความสัมพันธ์ของเหลียงซันป๋อกับจู้อิงไถแน่นแฟ้นกลมเกลียวขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปหลายครั้งที่จู้อิงไถอยากจะสารภาพความจริง แต่ก็กลัวว่าหากเหลียงซันป๋อรู้ฐานะของนางแล้ว เขาจะเปลี่ยนไปไม่เข้ามาสนิทสนมเหมือนเคย ความใกล้ชิดของทั้งคู่ ทำให้หม่าเหวินไฉที่แอบรักจู้อิงไถอยู่นั้นอดอิจฉาไม่ได้ ปกติหม่าเหวินไฉถือว่าเหลียงซันป๋อเป็นคู่แข่งเรื่องเรียนอยู่แล้ว เมื่อต้องมาแข่งเรื่องความรักกันอีก คุณชายเจ้าสำราญที่ถือว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นมาโดยตลอดก็ทนความพ่ายแพ้ไม่ได้ จึงลอบวางแผนกำจัดเหลียงซันป๋อให้สิ้นซาก ด้วยการลอบวางเพลิงเผาสำนัก

    ขณะที่เปลวไฟลุกท่วมหอบัณฑิต จู้อิงไถและเพื่อนนักเรียนคนอื่นๆ กำลังไปเที่ยวงานประจำปี พอกลับมาเห็นสภาพโรงเรียนกลายเป็นทะเลเพลิง จู้อิงไถก็แทบล้มทั้งยืน นางเข้าใจว่าเหลียงซันป๋อติดอยู่ข้างใน จึงตัดสินใจบุกเข้าไปช่วยเขา หารู้ไม่ว่าเหลียงซันป๋อหนีออกมาได้แล้ว เมื่อเหลียงซันป๋อรู้ว่าน้องจู้ที่ตนเอ็นดูยอมเสี่ยยงชีวิตเข้าไปช่วยตน เขาก็บุกเข้าไปในกองไฟ พาจู้อิงไถที่นอนหมดสติอยู่ออกมาได้

    การเสี่ยงตายเพื่อชายที่รักครั้งนี้ ทำให้จู้อิงไถถูกพาไปปฐมพยาบาลเป็นการด่วนและทำให้อาจารย์แม่ ภรรยาเจ้าของหอบัณฑิตได้รู้ความจริงว่านางเป็นหญิงปลอมตัวมา เมื่อหม่าเหวินไฉเห็นศัตรูหัวใจไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนจากแผนจุดไฟเผาของตน ซ้ำการเสี่ยงตายเพื่อกันและกันยังทำให้จู้อิงไถกับเหลียงซันป๋อรักกันแนบแน่นกว่าเดิม คุณชายหม่าก็ใช้แผนสกปรก ด้วยการบอกทางบ้านให้ไปสู่ขอจู้อิงไถมาเป็นภรรยาเสียเลย

    แน่นอนว่าตระกูลหม่าที่ร่ำรวยเงินทองและมีชื่อเสียงมาสู่ขอลูกสาวจอมแก่นของตนไปเป็นศรีสะใภ้ เศรษฐีจู้ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ สองตระกูลจึงแลกเปลี่ยนสินสอดทองหมั้น และกำหนดวันแต่งงานกันตามประเพณี จากนั้นเศรษฐีจู้ก็มีจดหมายเรียกตัวจู้อิงไถกลับบ้านโดยหลอกว่ามารดาของนางกำลังป่วยหนัก จู้อิงไถจึงจำใจต้องจากเหลียงซันป๋ออย่างเลี่ยงไม่ได้

    ก่อนจะออกจากหอบัณฑิต จู้อิงไถตัดสินใจจะบอกความจริงกับชายที่นางรัก นางพยายามพูดเป็นนัยหลายอย่าง แต่เหลียงซันป๋อกลับเข้าใจไปอีกทางหนึ่ง จู้อิงไถจึงตัดสินใจบอกว่า นางมีน้องสาวฝาแฝดที่หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว หากเหลียงซันป๋อไม่รังเกียจนางก็อยากจะยกน้องสาวให้เป็นภรรยาของเขา ทั้งคู่ตกลงกันว่าอีกหนึ่งร้อยวันเหลียงซันป๋อจะเดินทางไปสู่ขอคุณหนูสกุลจู้ไปเป็นภรรยา จากนั้นจู้อิงไถก็เดินทางจากไป เมื่ออาจารย์แม่ซึ่งรักและเอ็นดูทั้งสองเห็นเหลียงซันป๋อไม่เข้าใจจุดประสงค์ของจู้อิงไถเสียทีกนึกระอาความซื่อของลูกศิษย์ จึงแอบบอกความจริงกับเขาและแนะนำให้เขารีบไปสู่ขอจู้อิงไถตามสัญญา

    ทว่าขณะที่อาจารย์แม่กับเหลียงซันป๋อกำลังคุยกันอยู่นั้น หม่าเหวินไฉก็บังเอิญมาได้ยินเข้า คุณชายวายร้ายจึงคิดแผนการกีดกันเวอร์ชั่นใหม่ โดยไปขอร้องพ่อของตัวเองซึ่งเป็นขุนนางใหญ่ ให้ตั้งเหลียงซันป๋อเป็นนายอำเภอในท้องที่ห่างไกลที่มีโจรผู้ร้ายชุกชุม และให้รีบออกเดินทางไปรับตำแหน่งในทันที เหลียงซันป๋อจึงจำต้องเดินทางไป ไม่ทันได้ไปสู่ขอจู้อิงไถอย่างที่ตั้งใจไว้

    ที่บ้านสกุลจู้ เมื่อจู้อิงไถรู้ว่าพ่อแม่รับของหมั้นของหม่าเหวินไฉไว้แล้ว นางก็ประกาศว่า หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ขอแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก นางเฝ้าภาวนาให้เหลียงซันป๋อมาปรากฏตัวพร้อมสินสอดทองหมั้นเพื่อสู่ขอนางเร็วๆ แต่เวลาผ่านไผจนครบหนึ่งร้อยวัน เหลียงซันป๋อที่ติดภารกิจต้องปราบโจรอยู่ในอำเภอทุรกันดาร ก็ไม่ได้กลับมาตามสัญญา ยังโชคดีที่อาจารย์เห็นใจสองหนุ่มสาวจึงเดินทางมาเป็นเถ้าแก่สู่ขอจู้อิงไถแทนบัณฑิตหนุ่มสร้างความลำบากใจให้เศรษฐีจู้กับภรรยาเป็นอย่างมาก ด้านหนึ่งก็เห็นแก่ความรักของลูก แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องเห็นแก่ความปลอดภัยของวงศ์ตระกูล เพราะครอบครัวของหม่าเหวินไฉเป็นขุนนางใหญ่ หากถูกบอกยกเลิกการแต่งงาน สกุลหม่าก็คงจะอาฆาตแค้นและหาทางเล่นงานสองผัวเมียเป็นแน่

    สิ่งที่เศรษฐีจู้กังวลไม่ได้เกินความจริงเลย พอบิดาของหม่าเหวินไฉรู้ว่า ว่าที่ศีสะใภ้ไม่อยากแต่งงานกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนก็เลือดขึ้นหน้า จึงแกล้งใส่ร้ายจนเศรษฐีจู้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีสำคัญ อีกทั้งครอบครัวก็จะถูกยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมด จู้อิงไถจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องแต่งงานเพื่อช่วยพ่อแม่ให้พ้นภัย

    ทางด้านเหลียงซันป๋อหลังจากปราบโจรผู้ร้ายได้ราบคาบ เขาก็รีบเดินทางมาหาหญิงคนรักที่สกุลจู้ทันที แต่จูอิงไถกลับรอเขาอยู่พร้อมน้ำตาและสารภาพว่าความรักของทั้งสองคงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เพราะนางคงต้อง แต่งงาน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากจู้อิงไถพูดจบเหลียงซันป๋อก็ถึงกับกระอักเลือดออกมา บัณฑิตหนุ่มเข้าใจความจำเป็นของนาง แต่เขาก็ไม่อาจจะห้ามหัวใจของเขาไม่ให้ปวดร้าวไม่ได้ เมื่อกลับถึงบ้าน เหลียงซันป๋อก็โหมทำงานหนักทั้งวันทั้งคืน เพื่อไม่ให้ตัวเองมีเวลาคิดถึงความจริงอันโหดร้าย แต่ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น ในห้วงความคำนึงของเขาก็ยังมีแต่ภาพของน้องจู้ หนุ่มน้อยที่เขารักเอ็นดูกับคุณหนูจู้สาวงามที่เขาได้พบหน้าเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว ยิ่งใกล้จะถึงวันแต่งงานเหลียงซันป๋อก็ยิ่งปวดร้าวจนล้มป่วยปละตรอมใจตายไปในที่สุด

    ข่าวการตายของเหลียงชันป๋อมาถึงจู้อิงไถก่อนหน้าวันวิวาห์เพียงวันเดียว นางตะลึงงันราวกับถูกฟ้าผ่าลงที่กลางใจ คืนนั้นคุณหนูจู้นั่งนิ่งให้สาวใช้แต่งตัวให้ด้วยใบหน้าเฉยชาราวกับหุ่นยนต์ ในใจของนางคิดถึงแต่คำสาบานที่นางกับเหลียงซันป๋อเคยให้ไว้แก่กัน

    "แม้ไม่ได้เกิดวันเดียวปีเดียว แต่ก็จะขอตายวันเดียวปีเดียวกัน"

    เมื่อเจ้าบ่าวพาเกี้ยวมารับเจ้าสาวในตอนเช้า จู้อิงไถก็ยื่นคำขาดว่าตนจะยอมขึ้นเกี้ยว แต่มีข้อแม้ว่าหม่าเหวินไฉจะต้องยอมให้นางได้ไปเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของเหลียงซันป๋อก่อน ถึงแม้จะไม่พอใจแต่เพื่อไม่ให้เสียพิธี หม่าเหวินไฉจึงยอมตกลง พอเกี้ยวเจ้าสาวไปถึงหลุมศพของเหลียงซันป๋อ จู้อิงไถก็เปลื้องชุดเจ้าสาวออก เผยให้เห็นชุดไว้ทุกข์ที่สวมอยู่ภายใน นางเดินตรงเข้าไปที่หน้าหลุมศพ แล้วกัดนิ้วตัวเองนางใช้เลือดเขียนชื่อของตนไว้บนแผ่นหินเหนือหลุมฝังศพเคียงข้างกับชื่อของเหลียงซันป๋อ ทันใดนั้นเองท้องฟ้าที่กำลังสว่างจ้าก็กลับมืดมัวลง และเกิดลมพายุคะนองพัดกรวดทรายปลิวว่อนอย่างไม่มีสาเหตุ และจู่ๆ แผ่นดินตรงหน้าของจู้อิงไถก็พลันแยกออกเป็นช่อง นางไม่รีรอตัดสินใจกระโดดลงไปในรอยแยกนั้นทันที หลังจากนั้นแผ่นดินที่สะเทิอนเลื่อนลั่นก็เคลื่อนตัวเข้าหากันสนิท ฝังร่างของหนุ่มสาวทั้งสองให้อยู่ด้วยกันตลอดไป

    ท่ามกลางความตกตะลึงของหม่าเหวินไฉ แม่สื่อ และทุกคนในขบวนเจ้าสาวที่ยังไม่หาย จู่ๆ ก็มีผีเสื้อสองตัวโผบินขึ้นมาจากหลุมศพนั้นแล้วบินคลอเคลียเคียงคู่กันจนหายลับไป ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นเชื่อว่าผีเสื้อสองตัวนั้นคือวิญญาณรักของเหลียงซันป๋อและจู้อิงไถที่กำลังไปครองคู่กันบนสวรรค์นั่นเอง

    ตำนานรักของทั้งสองถูกเล่าต่อกันมาปากต่อปากมานานเป็นเวลานับพันปี และกลายเป็นหนึ่งในตำนานรักที่ยังประทับอยุ่ในความทรงจำของชาวจีนจนไม่รู้ลืม



    ที่มา :https://www.anyapedia.com/

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    BATSRUS เมื่อวันที่ 25-26 ธันวาคม 2562 แสดงคลื่นของ magnetons และเส้นสนามแม่เหล็กที่ไม่เรียบร้อย และไม่สม่ำเสมอ ACE MFR แสดงการบีบอัดที่สำคัญของส่วนประกอบ Bz และ Bx

    IMG_5859.JPG

    BATSRUS on December 25-26, 2019 showing waves of magnetons and unsettled and fitful magnetic field lines. The ACE MFR showing major compression of Bz and Bx components.


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดพายุลูกเห็บตก ในพื้นที่ อ.แม่จัน มีพื้นที่ไหนได้รับผลกระทบบ้างครับ

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    น้ำโขงจะผันผวนหนัก สทนช.ทำได้แค่บุรุษไปรษณีย์

    เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2562 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าว โดย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่ากระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีหนังสือถึงสทนช. ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงฝ่ายไทย ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2562 แจ้งข้อมูลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหง ที่จะเริ่มปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหง บริเวณชายแดนจีนเพื่อดำเนินการทดสอบอุปกรณ์ของโรงผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ ระหว่างวันที่ 27-31 ธันวาคม โดยมีอัตราการระบายน้ำ 1,200-1400 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที จะเริ่มลดการระบายน้ำลงในช่วงวันที่ 1-3 มกราคม2563 เป็น 800-1,000 ลบ.ม./วินาที และลดลงต่ำสุดในวันที่ 4 มกราคม ระบายน้ำอยู่ที่ 504-800 ลบ.ม./วินาที หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจนกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ

    ในเอกสารเผยแพร่สทนช.ได้ออกหขอบ สทนช.ยังระบุด้วยว่า ได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี รวมทั้งแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบสถานการณ์ดำเนินการเฝ้าระวัง และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าระดับน้ำโขงจะลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว แบ่งเป็น อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 2-4 มกราคม ลดลงประมาณ40-60 เซนติเมตร(ซม.) วันที่ 5 มกราคม จะเพิ่มขึ้น 30-50 ซม. ขณะที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ระดับน้ำเริ่มลดลงช่วง 8-11 มกราคม อ.เมือง จ.หนองคาย ช่วงวันที่ 10-13 มกราคม อ.เมือง จ.บึงกาฬ ช่วงวันที่ 11-14 มกราคม และ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี วันที่ 16-19 มกราคม โดยจะมีระดับน้ำลดลงเฉลี่ย 40-60 ซม. เมื่อเขื่อนจิงหงลดการระบายน้ำ 1,000-800 ลบ.ม./วินาที และลดเพิ่มอีก 30-50 ซม. เมื่อลดการระบายน้ำที่ 504-800 ลบ.ม./วินาที

    ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ จ.เชียงราย และสมาชิกเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง กล่าวว่าการที่สทนช. แจ้งเรื่องเขื่อนจีนลดการระบายน้ำ ลงจนราว 500 ลบ.ม./วินาที เป็นการมองแม่น้ำโขที่ผิดพลาด ตลอดเวลาเกือบ 20 ที่ผ่านมา ชุมชนตลอดสองฝั่งโขงได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องการผันผวนของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งเห็นชัดเจนว่าเกิดจากเขื่อน และการจัดการของมนุษย์ มีข้อมูลที่ชัดเจนที่สามารถอธิบายได้ เราพูดมาตลอดเรื่องการผันผวนของแม่น้ำโขงและผลกระทบต่อระบบนิเวศแม่น้ำโขงตอนล่าง การที่สทนช.มาแจ้งว่ารู้ข้อมูลจากจีน แล้วมาแจ้งให้หน่วยงานของไทย แบบนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหา เป็นเพียงการบอก เพราะปัญหาเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว ข้อมูลทุกอย่างมีหมดแล้วชัดเจน สทนช. ต้องทำงานเชิงรุกเพื่อให้ลดการเกิดปัญหาต่อแม่น้ำโขงในทำนองนี้ การรับข้อมูลจากจีนเรื่องการระบายน้ำจากเขื่อนเพียงเท่านั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แม้จะรู้ว่าเขื่อนจีนระบายน้ำและสร้างผลกระทบ แต่น้ำก็ท่วมแปลงผักชาวบ้านอยู่ดี ขณะนี้การรับข้อมูลเพียงแค่นี้ถือว่าไม่พอเพียง โดยรัฐบาลไทยและสทนช.ต้องมียุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งรัฐไทยต้องใช้ข้อมูลเพื่อเจรจากับประเทศต้นน้ำ เพื่อแก้ปัญหาร่วมกันจึงจะนำไปสู่ทางออกได้

    “จะมาแจ้งแบบนี้ผมว่าเสียเวลา หน้าที่แบบนี้ใครทำก็ได้ รับทราบมาแล้วมาบอกต่อไม่ได้แก้ปัญหา ต้องมองการจัดการน้ำโขงร่วมกัน ว่าฤดูไหนจะต้องระบายน้ำจากเขื่อนเท่าไหร่ เพื่อให้ระบบนิเวศอยู่ได้ ปลาอยู่ได้ ชุมชนอยู่ได้” นายนิวัฒน์ กล่าว

    ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของกล่าวอีกว่ากรณีเขื่อนแม่น้ำโขงตอนล่าง ก่อนที่จะมีการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรี ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว พวกตนอยู่ที่เชียงราย ใกล้เขื่อนจีนมากที่สุด ได้รับผลกระทบมาตลอดและพยายามเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน สำหรับแม่น้ำโขงบริเวณพรมแดนไทยลาว ที่ภาคอีสานของไทย ตอนนี้เราเห็นชัดเจนแล้วว่านับตั้งแต่ก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีได้เกิดผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะระดับน้ำที่ขึ้นลงผิดฤดูกาลโดยสิ้นเชิง และไม่ใช่แค่ระดับน้ำแต่คือปลา ทรัพยากรประมงที่สูญเสียอย่างหนัก แต่เจ้าของเขื่อนไซยะบุรีไม่ยอมรับ ไม่มีการแก้ปัญหา ซ้ำร้าย ทราบว่าผู้พัฒนาโครงการเจ้าเดิมกลับจะผลักดันโครงการเขื่อนต่อไป คือโครงการเขื่อนหลวงพระบาง

    “ผมมองว่า หากมองแบบชาวบ้านเลยคือ ขี้อันเดิมยังเช็ดไม่หมด ก็จะมาขี้เพิ่มอีก แบบนี้ไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องทบทวน สถานการณ์ขณะนี้ชัดเจนมาก จะมาบอกว่าสร้างเขื่อนหลวงพระบางไม่มีป้ญหา พูดแบบนี้ไม่ได้ ทุกเขื่อนบนแม่น้ำโขงล้วนแล้วแต่สร้างผลกระทบ จะปัดว่าเป็นผลกระทบของอีกเขื่อน ไม่มีใครรับผิดชอบ แต่ที่แน่ๆ คือเกิดผลกระทบ ทั้งการหายไปของตะกอน ระดับน้ำโขงผันผวนหนักมาก น้ำระหว่างเขื่อนไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติอีกแล้ว แต่เกิดจากการบังคับของเขื่อนแต่ละตัว สำหรับโครงการเขื่อนหลวงพระบาง ต้องทบทวนว่ากระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า หรือ PNPCA จะดันทุรังเพื่อสร้างเขื่อน กลายเป็นว่าไม่ฟังอะไรแล้ว เห็นชัดเจนว่าเป็นกระบวนการที่เอื้อต่อกลุ่มทุนเพื่อการสร้างเขื่อนเท่านั้น สทนช. ต้องทบทวนกระบวนการ PNPCA ด้วย จะทำแบบเดิมๆ ปัญหาก็เห็นอยู่ จะมามองว่าเป็นเขื่อนนอกประเทศ ไทยไม่สามรถยับยั้งได้ แบบนี้ไม่ได้ เพราะในเชิงวิชาการข้อมูลผลกระทบชัดเจนอยู่แล้ว” นายนิวัฒน์ กล่าว

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ใครใช้น้ำจาก 3 อ่างเก็บน้ำนี้ จ่ายค่าชลประทาน

    กำหนดอัตราค่าชลประทานในอัตราลูกบาศก์เมตรละ เก้าสิบสตางค์หรือ 2,000 ลิตรต่อ 1 บาท

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 24 ธันวาคม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบตามที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1.ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยประดู่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ... 2.ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองไฮ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ... 3.ร่างกฎกระทรวงกำหนดทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยขอนสัก เป็นทางน้ำชลประทานเพื่อเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ...

    สำหรับหลักเกณฑ์กำหนดอัตราค่าชลประทาน กำหนดให้เรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้รับอนุญาตใช้น้ำในอัตราลูกบาศก์เมตรละห้าสิบสตางค์ หรือ 2,000 ลิตร ต่อ 1 บาท

    โดยสาระสำคัญของกฎกระทรวง 1.กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเก็บค่าชลประทาน ทำให้เกิดประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งทำให้ทราบถึงปริมาณของน้ำที่ขาดหายไปจากระบบชลประทาน ซึ่งการเรียกเก็บค่าชลประทานนั้น จะเป็นผลดีต่อการเงินและงบประมาณ โดยเงินที่เก็บได้จากผู้ใช้น้ำชลประทาน เมื่อกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้แล้ว จะนำเข้ากองทุนหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน โดยใช้จ่ายเป็นค่าปรับปรุงบำรุงรักษาระบบชลประทาน อันจะทำให้ใช้เงินงบประมาณในส่วนนี้น้อยลง

    2.โดยที่การใช้น้ำนอกภาคเกษตรกรรมจากทางน้ำชลประทาน จะต้องมีการติดตั้งมาตรวัดน้ำและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งในการออกกฎกระทรวง กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเป็นทางน้ำชลประทานที่เรียกเก็บค่าชลประทานนั้น จะดำเนินการได้เฉพาะทางน้ำที่มีการประกาศกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดให้เป็นทางน้ำชลประทานตามพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. 2485 แล้วเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีกฎกระทรวงฉบับที่ 42 (พ.ศ.2540) กำหนดอัตราค่าชลประทานและหลักเกณฑ์ไว้แล้ว

    3.จากปริมาณการใช้น้ำในทางน้ำชลประทานทั้ง 3 แห่ง ไม่มีผลกระทบต่อปริมาณน้ำในถังน้ำชลประทาน ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอ สามารถกำหนดแผนจัดสรรน้ำให้แก่ผู้ที่ได้รับอนุญาตใช้น้ำในภายหน้าได้ตามความเหมาะสม

    นอกจากนี้ ร่างกฎกระทรวง ยังกำหนดให้การใช้น้ำจากทางน้ำชลประทานเพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่น ในหรือนอกเขตชลประทาน ต้องดำเนินการติดตั้งมาตรวัดน้ำตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด และในกรณีที่มาตรวัดน้ำของผู้รับอนุญาตใช้น้ำชำรุดใช้การไม่ได้หรือด้วยเหตุอื่นใด ให้ผู้รับอนุญาตใช้น้ำดำเนินการซ่อมแซมมาตรวัดน้ำหรือติดตั้งมาตรวัดน้ำตัวใหม่ทดแทนภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากนายช่างชลประทาน

    ก่อนหน้านี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีแนวคิดที่จะให้มีการเก็บภาษีจากการใช้น้ำภาคการเกษตร กระทั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.คลอดพระราชการบัญญัติทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ.2561 โดยกำหนดให้การใช้น้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาและกิจการอื่น และน้ำสาธารณะเพื่อกิจการขนาดใหญ่ ที่ใช้น้ำปริมาณมาก หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบข้ามลุ่มน้ำ หรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง ต้องได้รับใบอนุญาต


    ส่วนที่ไม่ต้องขออนุญาตคือ น้ำสาธารณะเพื่อการดำรงชีพ การอุปโภคบริโภคในครัวเรือน การเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพ การอุตสาหกรรมในครัวเรือน การรักษาระบบนิเวศ จารีตประเพณี การบรรเทาสาธารณภัย การคมนาคม และการใช้น้ำในปริมาณเล็กน้อย

    จะเห็นว่า พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เว้นเฉพาะน้ำที่ใช้ใน “การเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพ” ไม่ได้หมายถึงน้ำการเกษตรเพื่อการค้าและจำหน่าย

    ดังนั้น จึงต้องรอดูความชัดเจนในลำดับต่อไป ว่าเกษตรกรแบบใดบ้างที่จะต้องเสียภาษีการใช้น้ำชลประทาน
    //////////

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan


    # ดาวตก

    มีการพบเห็น "ไฟ" ที่สดใสลงมาจากท้องฟ้าใน saipan และกวม (หมู่เกาะมาเรียนา) วันที่ 26 ธันวาคม 2019


    จากสหรัฐฯ nws ในกวม อาจเป็นอุกกาบาตที่แตกสลายบนท้องฟ้า ขณะที่พวกมันเข้าสู่บรรยากาศของโลก


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    คืนนี้ พายุฝนฟ้าคะนองลมกรรโชกแรง สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ของ อ.แม่จัน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
    ขอบคุณ ภาพและการรายงานจากเครือข่ายครับ...

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ด่วน...มีรายงานว่าดึกคืนนี้มีพายุลูกเห็บพัดถล่ม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ขาวโพลนไปทั่ว...

    เมื่อเวลา21.35น.ของคืนนี้เกิดพายุฝนตกหนัก,ลมแรงและมีลูกเห็บหลงฤดูตกในพื้นที่ อ.เชียงของ, อ.เชียงเเสน จ.เชียงราย ทำให้มีต้นไม้หัก เสาไฟฟ้าโค่น กระแสไฟฟ้าดับ อยู่ระหว่างเร่งสำรวจความเสียหาย

    รวมถึงเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา มีฝนตกกระจายหลายจุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เครดิตภาพ รักเชียงแสน

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,703
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เมื่อเวลาประมาณ 21.30 28 ธันวาคม 2562 ที่ ตำบลบ้านแซว ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย มี ลมแรงมาก ฝนตกหนัก ลูกเห็บตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ไฟฟ้าดับ หลังจากฝนไม่ตกมาหลายเดือน

    ซึ่งคนในพื้นที่บอกว่า ธรรมชาติที่เปลี่ยนไป ปกติพายุลูกเห็บจะมาช่วง เมษา-พฤษภา

    จากแรงพายุฝนฟ้าคนองและลูกเห็บตก ส่งผลให้หลังคาบ้านเรือนของประชาชน และพืชผลทางการเกษตร ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

    เครดิตตุ๊ขุนเดช พรมสวัสดิ์
    PhraSomkid Chompootee

     

แชร์หน้านี้

Loading...