ติดตามสถานะการณ์

Kike Santillana

พายุ Barry ก่อให้เกิดฝนตกหนักในสหรัฐอเมริกา อาร์คันซอมีรายงานรถยนต์หลายคันจมอยู่ใต้น้ำและถนนที่แตก

16/07/2019

 

แพรวา 9 ศพเกือบ10 ปีไร้การเยียวยา ขุดคดีแพรวา 9 ศพ ผ่านมาเกือบ 10 ปี "ไร้การเยียวยา" แม้แต่งานศพก็ไม่มา ระบุทนายคนดังยังท้า "ถ้าอยากได้เงินกูต้องออกแรงหน่อย" แฉเปลี่ยนชื่อบ่อย-แต่งงานแล้ว #คมชัดลึก #อาชญากรรม #แพรวา9ศพ #เยียวยา

 

ตระกูล "เทพหัสดิน ณ อยุธยา"
ขู่ฟ้องแหลกคนด่า "แพรวา"
แม่เหยื่อสิ้นหวังไม่รู้จะมีชีวิตอยู่หรือไม่

วันนี้ (17 ก.ค.) จากกรณีที่ในโลกโซเชียลมีเดียวิจารณ์คดีที่ น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ชนรถตู้โดยสาร บริเวณบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2553 แต่ผ่านมา 9 ปี เหยื่อและครอบครัวยังไม่รับการเยียวยา ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจ พิพากษาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ให้ น.ส.แพรวา รวมทั้ง พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา, นางนิลุบล อรุณวงศ์ บิดามารดา ของ น.ส.แพรวา และ นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 24,796,925 บาท แต่กลับพบคำขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ ระบุว่า คดียังไม่ถึงที่สุด ยังไม่ขอชำระค่าเสียหายศาลแพ่ง และขอยังไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาลแทนโจทก์ โดยอ้างว่ามีฐานะมั่นคง และอยู่ในวงศ์ตระกูลที่มีชื่อเสียงในสังคม จำเลยที่ 1-3 ยังเป็นทายาทของ พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงและประกอบคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติมาโดยตลอด ฐานะทางการเงินมั่นคง สามารถที่จะชำระหนี้ได้ตามคำพิพากษาหากคดีถึงที่สุด

อ่านต่อ>>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000068034

#แพรวา9ศพ #ตระกูลเทพหัสดิน #พลเอกวิชญ์

 

สำนักข่าวอาเซี่ยน

สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร ‘มิน ออง หล่าย’ ผบ.สส.พม่า พร้อมนายพลอีก 3 กรณีสังหารหมู่โรฮิงญา
.
รอยเตอร์ 17 ก.ค.- สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพพม่า และนายพลอีกจำนวนหนึ่ง ที่สหรัฐฯ ระบุว่าเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา โดยกำหนดห้ามมิให้บุคคลเหล่านี้เดินทางเข้าสหรัฐฯ
.
มาตรการคว่ำบาตรนี้ที่ครอบคลุมถึง พล.อ.โซ วิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลจัตวาถั่น อู พลจัตวาอ่อง อ่อง และครอบครัวของพวกเขา ถือเป็นการดำเนินการของสหรัฐฯ ในการตอบโต้การสังหารหมู่ชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาในพม่าที่หนักที่สุด
.
“เรายังมีความวิตกว่ารัฐบาลพม่าไม่ได้ดำเนินการที่ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้ที่รับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำทารุณเหล่านี้ และยังมีรายงานต่อเนื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำทารุณโดยทหารพม่าทั่วประเทศ” ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในคำแถลง
.
พอมเพโอ กล่าวว่า พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย สั่งการให้ปล่อยตัวทหารที่ถูกตัดสินความผิดจากการสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมที่หมู่บ้านอินดิน ระหว่างปฏิบัติการกวาดล้างชาติพันธุ์โรฮิงญาในปี 2560 เป็นตัวอย่างอันเลวร้ายของการขาดความรับผิดชอบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องของกองทัพและผู้นำอาวุโสของกองทัพ
.
“ผู้บัญชาการทหารสูงสุดปล่อยตัวอาชญากรเหล่านี้หลังจำคุกเพียงไม่กี่เดือน ขณะที่นักข่าวที่เป็นผู้เปิดเผยเรื่องราวการสังหารในหมู่บ้านอินดิน กลับถูกจำคุกนานกว่า 500 วัน” พอมเพโอ ระบุ
.
การสังหารหมู่ในหมู่บ้านอินดินถูกเปิดเผยโดยนักข่าวสองคนของรอยเตอร์ คือ วา โลน และ จ่อ โซ อู ที่ถูกคุมขังในเรือนจำนานกว่า 16 เดือน จากข้อหาครอบครองเอกสารลับของรัฐ และทั้งสองได้รับการปล่อยตัวจากการอภัยโทษเมื่อวันที่ 6 พ.ค.
.
ประกาศของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในวันแรกของการประชุมระดับรัฐมนตรีระหว่างประเทศว่าด้วยเสรีภาพทางศาสนาที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีผู้แทนจากชนกลุ่มน้อยโรฮิงญาเข้าร่วมการประชุม
.
“จากการประกาศนี้ สหรัฐฯ ถือเป็นรัฐบาลแรกที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยด้วยความเคารพต่อผู้นำอาวุโสสูงสุดของกองทัพพม่า เรากำหนดมาตรการกับบุคคลเหล่านี้ตามข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของผู้บัญชาการดังกล่าวในการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” พอมเพโอ กล่าว
.
พลจัตวา ซอ มิน ตุน โฆษกกองทัพพม่า กล่าวทางโทรศัพท์ว่า กองทัพไม่ได้เพิกเฉยต่อข้อกล่าวหา โดยอ้างถึงการสอบสวนภายในที่เป็นการสืบสวนภายใต้การนำของกองทัพในปี 2560 ที่ทำให้กองกำลังความมั่นคงพ้นข้อกล่าวหาการกระทำทารุณ และยังมีการสอบสวนอีกคณะหนึ่งที่กำลังดำเนินการอยู่
.
“ในตอนนี้เรามีคณะกรรมการสอบสวนที่ดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด พวกเขาควรให้คุณค่ากับข้อเท็จจริงเหล่านี้” โฆษกกองทัพพม่า กล่าว และว่าทหารกลุ่มดังกล่าวได้รับการปล่อยตัวอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
.
เมียว ยุ้นต์ โฆษกของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย กล่าวตำหนิการตัดสินใจกำหนดมาตรการคว่ำบาตร ว่า การกระทำของสหรัฐฯ ในลักษณะนี้เกิดขึ้น เพราะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศ และผู้นำพม่าไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาสิทธิมนุษยชน.

 

คดีแพรวา 9 ศพ เหยื่อยังไม่ได้เยียวยา แถมยังเจอปิดปาก "บิ๊กน้อย" ขู่โลกโซเชียลฟ้องแหลกแน่ ถ้าไปแตะ "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" อ้างนามสกุลพระราชทาน ขณะที่แม่ด็อกเตอร์ สวทช. หนึ่งในเหยื่อสิ้นหวัง ต้องร้อยพวงมาลัยขายประทังชีวิตหลังเสียลูกชาย ขั้นตอนเยียวยาไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นหรือไม่ วอนจำเลยเห็นใจกันบ้าง
https://news1live.com/detail/9620000068034
● อีกช่องทางติดตาม NEWS1
Line : https://line.me/R/ti/p/@news1
Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO

 

เตือนภัย‼️ระวังแบงก์ปลอมกันนะคะ
ธนบัตรปลอมฉบับละ 50 บาท ถูกเจ้าของสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง บริเวณสามจอมพล ตัดถนนกสิกรทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น บันทึกภาพไว้ หลังพบว่ามีลูกค้าที่มาใช้บริการเติมน้ำมัน ได้ใช้ธนบัตรฉบับละ 50 บาท จ่ายค่าน้ำมันแต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นธนบัตรปลอม
นางสาวเบญจพร อุ่นอก ลูกสาวผู้ดูแลสถานีบริการน้ำมันเล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 15 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา ขณะที่พ่อของตนเองได้เติมน้ำมัน ให้กับวัยรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ที่ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา 2 คน โดยขอเติมน้ำมัน 50 บาท เมื่อเติมเสร็จได้นำธนบัตรฉบับละ 50 บาท จ่ายมาให้ และเมื่อจับธนบัตรรู้สึกว่ามีความแปลก จึงได้บอกวัยรุ่นให้รอก่อน
จากนั้น จึงนำไปใส่น้ำพบว่าสีบนธนบัตรได้ละลายออก เลยนำมาถ่ายภาพไว้ ก่อนที่จะเอาคืน เพราะเชื่อว่าเป็นธนบัตรปลอม พร้อมกับถามว่าได้มาจากที่ไหน วัยรุ่นบอกว่าไปซื้อของแล้วมีการทอนเงินธนบัตรดังกล่าวมา จากนั้นจึงได้มีการโพสต์เตือนบนโลกออนไลน์ และมีการระวังมากขึ้นสำหรับลูกค้าที่มาเติมน้ำมัน

 

เพื่อไทยเร่งรัฐบาลโปรย ฝนเทียม ใน 3 วัน ก่อนชาวนาจะสิ้นเนื้อประดาตัว! วันที่ 17 กรกฎาคม 2562 - 15:07 น.

เพื่อไทยเร่งรัฐบาลทำ ฝนเทียม ภาคเหนือภายใน 3 วันก่อนชาวนาจะสิ้นเนื้อประดาตัว บี้ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่
ฝนเทียม – วันที่ 17 ก.ค. นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรที่มีอาชีพเพาะปลูกข้าวและพืชไร่ต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางจังหวัดกำลังเดือดร้อนอย่างหนักอันเนื่องมาจากภัยแล้งฝนทิ้งช่วง ซึ่งปีนี้รุนแรงหนักสุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่จะต้องรีบลงไปหาทางแก้ไขวิกฤตโดยเร่งด่วนที่สุด

สิ่งที่เกษตรกรอยากได้ก็คือ การส่งเครื่องบินมาทำฝนเทียมเพื่อให้ฝนตกก็พอจะประทังได้บ้าง ข้าวและพืชไร่ต่างๆ จะไม่แห้งเหี่ยวเฉาตายไป ทั้งนี้ ขอเสนอให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่จะเดินทางมากว๊านพะเยา จ.พะเยาในวันที่ 20 ก.ค.นี้ได้ลงไปดูพื้นที่แห้งแล้ง และรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน เช่น อ.จุนแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิพันธุ์ดีของภาคเหนือ

นาข้าวและหนองน้ำธรรมชาติขาดแคลนน้ำจนดินแตกระแหง อย่างไรก็ตาม ภายใน 2-3 วันนี้ขอให้รีบส่งเครื่องบินไปทำฝนเทียมก็จะดีที่สุด ขืนล่าช้าไปมากกว่านี้เกษตรกรก็คงสิ้นเนื้อประดาตัวและเป็นหนี้เป็นสินอย่างแน่นอน นับเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า สังเกตว่าการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แตกต่างกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตที่ตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพะเยาแบบรวมเขตทั้งเก้าอำเภอ เมื่อเกิดฝนทิ้งช่วงตนได้ทำหนังสือร้องขอไปยังกระทรวงเกษตรฯ ก็ได้รับการช่วยเหลือไปทำฝนเทียมให้ทันที

“ตนยังเคยนำตัวแทนชาวนาขึ้นเครื่องบินสังเกตวิธีปฏิบัติการทำฝนเทียมซึ่งจำได้ว่าเป็นเครื่องบินของทหารอากาศมาช่วยกระทรวงเกษตรฯ บินทำฝนเทียมให้พื้นที่จ.พะเยา แต่ทราบว่าข่วงนี้กระทรวงเกษตรฯ ส่งเครื่องบินลำเล็กเพียงลำเดียวแต่ใช้บินทำฝนเทียมทั่วภาคเหนือผลที่ได้รับก็อย่างที่เห็นอยู่คือไม่มีฝนตกเลย” นางลดาวัลลิ์ กล่าว

https://www.khaosod.co.th/politics/news_2717406

 

ไต้ฝุ่นดานัส พัดเฉียดไปทางทิศตะวันออก ไต้หวันรอดหวุดหวิด พรุ่งนี้ทำงานตามปกติ แต่ยังต้องระวังฝนตกหนัก#RtiFanpage


ทิศทางการเคลื่อนตัวของไต้ฝุ่นดานัสในช่วง 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา เคลื่อนตัวค่อนไปทางตะวันออกมากขึ้น ทำให้ภัยคุกคามจากไต้ฝุ่นลูกนี้ลดน้อยลง กรมอุตุนิยมวิทยาแถลงในเวลา 17.30 น. ของวันที่ 17 ก.ค. นี้ ยกเลิกการเตือนภัยบนบกที่ผิงตง และจะยกเลิกการเตือนภัยบนบกบริเวณไถตง ฮัวเหลียน ในเวลา 20.30 น. วันเดียวกัน

กรมอุตุฯ แถลงว่า ไต้ฝุ่นดานัสเดิมมีทิศทางมุงตรงยังเกาะไต้หวัน พื้นที่จะได้รับผลกระทบระลอกแรกจากไต้หวันฝุ่นประกอบด้วย ไถตง (รวมเกาะลวิเต่า และหลันอวี่) คาปสมุทรเหิงชุน พื้นที่รอบผิงตง

อย่างไรก็ตาม แม้ดานัสจะพัดเฉียดจากไต้หวันไปทางทิศตะวันออก ทำให้ความเสี่ยงจากภัยไต้ฝุ่นลดลงแล้ว แต่กรมอุตุฯ เตือนยังคงต้องระวังภัยฝนตกหนักทางภาคใต้และตะวันออก

https://th.rti.org.tw/news/view/id/2001248

 

เผยประวัติ "บิ๊กน้อย" พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีต สนช. ผู้ออกมาบอกสื่อ-โซเชียลว่าจะฟ้องแหลก ถ้าแตะ "แพรวา" โยงตระกูล อ้าง "นามสกุลพระราชทาน" พบเป็นคนสนิท "บิ๊กป้อม" เจ้าของฉายาแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9620000068083

#MGROnline #แพรวา9ศพ #แพรวาหายไปไหน #แพรวา

 

แฉที่ตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐในยุโรป
รายงานของคณะกรรมาธิการของนาโต้ด้านกลาโหมและความมั่นคง เปิดเผยข้อมูลที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐในยุโรปโดยไม่ได้ตั้งใจ
นุ้กของสหรัฐมีการติดตั้งที่เมืองKleine Brogelในประเทศเบลเยี่ยม, เมืองBüchelในประเทศเยอรมัน, เมือง Aviano และเมืองGhedi-Torre ในประเทศอิตาลี, เมืองVolkelในเนเธอร์แลนด์ และเมืองIncirlikในประเทศตุรกี
ยังไม่มีการปลดนุ้กของสหรัฐจากยุโรป แม้ว่าสงครามเย็นจะสิ้นสุดลงในปี 1991 หลังจากที่จักรวรรดิโซเวียตล่มสลาย
สหรัฐก่อสงครามเย็นกับรัสเซียเพื่อแบ่งโลกออกเป็นค่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย และค่ายคอมมิวนิสต์ แล้วต่างฝ่ายต่างก็แข่งกันผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถระเบิดโลกออกเป็นเสี่ยงๆได้
หลังจากที่โอบามาทรยศนายรีเชฟ ตอยับ แอร์โดอัน ผู้นำตุรกีด้วยการสนับสนุนการก่อการรัฐประหารในตุรกี แอร์โดอัน ผู้รอดตัวมาได้จากการช่วยเหลือของปูตินได้เปลี่ยนทิศนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงมาเข้ากับฝ่ายรัสเซียแทน
มีรายงานว่า แอร์โดอันสั่งยึดนุ้กของสหรัฐที่อยู่ในกองทัพอากาศที่Incirlik โดยที่สหรัฐพยายามทวงคืนอยู่แต่ยังไม่ได้
แล้วจะให้พี่ปูตินคิดอย่างไรกับเบลเยี่ยม เยอรมัน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์ที่ยอมให้สหรัฐใช้ดินแดนของตัวเองในนามของเสรีนิยมประชาธิปไตยเป็นฐานขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่จ่อเป้าหมายไปที่รัสเซีย?
Cr:Thanong FanClub, thehill.com

 

อัยการพร้อมเป็นพี่เลี้ยงเหยื่อคดีแพรวา เขียนคำร้องบังคับคดีฟรี
"รองโฆษกอัยการ" ระบุ ประชาชนผู้เสียหายขอคำปรึกษา ก.ม. อัยการ สคช. เขียนคำร้องได้เองยื่นกรมบังคับคดี ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่เสียค่าทนาย #คมชัดลึก #แพรวา

 

สมิทธชี้ ภัยแล้งวิกฤติหนักถึงปลายปี เตือนรัฐบอกความจริง แนะปชช.ใช้น้ำอย่างประหยัดกันอดตาย
บอร์ด ข่าววันนี้ โพสท์โดย backo


สมิทธ'ชี้ภัยแล้งวิกฤติหนักถึงปลายปี โดยเฉพาะเดือน ส.ค.-ก.ย.ถือว่าอันตรายสุด เหตุไร้ปัจจัยเพิ่มน้ำ และไม่มีพายุเข้าแม้แต่ลูกเดียว พร้อมเตือนให้รัฐบาลบอกความจริงกับประชาชน อย่าโยนผิดกันไปมา แนะประชาชนให้ใช้น้ำอย่างประหยัดกัน อดตาย

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า มาจากอิทธิพลเอลนินโญ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน ทำให้ภัยแล้งจากคลื่นความร้อนรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทั้งอินเดีย ปากีสถาน ผู้คนตายไปหลายร้อยคน รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามการพยากรณ์อากาศของทั่วโลกประเมินว่าถ้าโลกเผชิญภาวะโลกร้อนไปอีก 8 ปี จะทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มขึ้น 400-500 เท่า จะเกิดน้ำท่วมโลก จากน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้ละลาย ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เช่น กรุงเทพฯน้ำจะท่วมสูง 4-5 เมตร เวียดนาม เซียงไฮ้ ท่วมหนักสุดจะมีคนตายเป็นพัน ๆ คน

สำหรับประเทศไทยปีนี้ภัยแล้งอยู่นานไปถึงปลายปี ตอนนี้ธรรมชาติส่อเค้าให้เห็นแล้วจากการมีพายุคลื่นลมแรงในทะเลจีนใต้ พัดร่องฝนขึ้นไปประเทศจีนหมด

ไม่กลับลงมาภาคเหนือและภาคกลางของไทย ฝนเทียมก็ทำได้น้อย เพราะสภาพอากาศแห้งแล้งมาก อย่าไปเชื่อนักวิชาการบางคนที่ไม่รู้จริง ออกมาบอกว่าฝนจะตก เพราะมีกลุ่มเมฆ มีฝนตกจุดนั้นจุดนี้ โดยไม่รู้ว่าเป็นเมฆบางอยู่ระดับสูง ไม่ใช่เมฆที่ตกมาเป็นฝนได้ “ประเทศไทยมีฝนจะตกได้จากอิทธิพลร่องฝน และพายุ หากเดือนนี้ และเดือนหน้า ไม่มีสองปัจจัยนี้ ประเทศไทยจบแน่ เกิดวิกฤติเลวร้ายที่สุด ไม่มีน้ำกิน คนไทยต้องช่วยตัวเองโดยการประหยัดน้ำ และคนในเมือง เตรียมหาที่เก็บตุนน้ำ ซื้อหาถังพาสติกสำรองน้ำไว้ก่อน

ส่วนเกษตรกรให้ขุดบ่อ หรือสระเล็กเก็บน้ำไว้เพื่อให้มีกินและสัตว์เลี้ยงไม่อดน้ำตาย ช่วงอันตรายสุดในเดือน ส.ค.-ก.ย. ไม่มีพายุจรเข้าเลยสักลูก

ทุกอย่างวิกฤติของจริง ไม่อยากนึกภาพจะขาดน้ำไปถึงปีหน้า เพราะถ้าเข้าเดือน ต.ค.-พ.ย. ร่องฝนลงใต้ไปแล้ว ไม่ตกภาคเหนือภาคกลาง อย่าไปเชื่อว่าจะใช้น้ำก้นเขื่อนได้อีก เพราะกรมชลประทาน มองเห็นระดับน้ำข้างบนว่ามีน้ำเหลือ แต่ไม่เคยลงไปดูก้นเขื่อน มีแต่กรวด ทราย ตะกอนดิน ที่สะสมมาเป็น 10 ปี จริง ๆ มีน้ำข้างบนนิดเดียว ได้แต่นั่งภาวนารอให้ฝนตก รัฐบาลและหน่วยงานราชการ อย่ามัวแต่โยนความผิดกัน ควรบอกความจริงประชาชน ชาวนาจะได้ไม่รอปลูกข้าว ถ้าหว่านไปเสียหายขาดทุนยิ่งแย่จะอดตายไปใหญ่ แค่น้ำจะกินยังไม่มีกันแล้ว ต่อไปมีเงินซึ้อน้ำมันใส่รถ แต่ไม่มีเงินซื้อน้ำกิน จะมีราคาแพงมาก

อยากให้รัฐบาลไปดูประเทศเวียดนาม ตอนนี้เตรียมรับปัญหาขาดแคลนน้ำดิบไว้ล่วงหน้าอย่างดี ซื้อเรือรบปรมาณู 5 ลำ ทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืดได้ ส่วนประเทศสิงค์โปร์ ไม่ต้องพูดถึงมีความมั่นคงเรื่องน้ำกินที่สุด สร้างเครื่องทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืดไว้พร้อม แต่ของไทยซื้อเรือดำน้ำไว้ดำในอ่าวไทยลึกเพียง 60 เมตร ดำก็ไม่มิด เครื่องบินข้างเห็นหมด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยมีรับสั่งไว้ว่าจะซื้อทำไม ซื้อมาก็ดำน้ำไม่ได้ สู้ไปซื้อเรือตรวจการณ์ชายฝั่งช่วยชาวบ้านได้ประโยชน์กว่า อยากให้รัฐบาลตั้งหลักหาทางผันน้ำโขง มาก่อนช่วงฤดูฝนนี้ เพราะเรื่องน้ำเป็นชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ นายสมิทธกล่าว

https://board.postjung.com/1156521

 

กรมควบคุมโรคระบุว่า "โรคลายม์" ติดต่อโดยการแพร่เชื้อผ่าน "เห็บ" ซึ่งโรคนี้ไม่ใช่โรคใหม่ สามารถพบได้ทั่วโลก แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีรายงานโรคลายม์ในไทย พร้อมเตือนประชาชนระมัดระวังถูกเห็บกัดและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีเห็บอยู่อาศัย

 

17/7/2562 อุตรดิตถ์ฝนทิ้งช่วง...แล้งจัด...ทำน้ำในเขื่อนแห้ง...
Cr. อุตรดิตถ์24ชั่วโมง

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

อากาศที่รุนแรงทำให้เกิดไฟไหม้บนถนนสู่เยรูซาเล็ม # 17 กรกฎาคม

 

สุลต่านมาเลเซีย “ทรงหย่า” ริฮานาชายานางงามรัสเซีย


สุลต่านมาเลเซีย ทรงหย่า ริฮานา นางงามรัสเซีย
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ปีที่แล้ว สุลต่านมูอัมหมัดที่ 5 ซึ่งขณะนั้นทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งมาเลเซีย ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับนางงามรัสเซียคนนี้ จนกลายเป็นข่าวฮือฮา เพราะชายาคนนี้มีอายุอ่อนกว่าถึง 24 ปี

สุลต่านมูฮัมหมัดที่ 5 แห่งรัฐกลันตัน อดีตพระมหากษัตริย์แห่งมาเลเซีย ทรงหย่ากับพระชายา นางโอกซานา โวเอโวดินา อดีตนางงามรัสเซียอายุ 26 ปี เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา



นอกจากนี้ ยังทะเบียนหย่าหลุดมาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งน่าจะเป็นทะเบียนหย่าของฝ่ายหญิง โดยมีการระบุว่าหย่าที่สิงคโปร์ และได้รับอนุญาตจากศาลศาสนาอิสลามแล้ว

ส่วนการหย่าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากนางโวเอโวดินาให้กำเนิดพระโอรสแก่สุลต่านมูฮัมหมัดที่ 5 เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น

นอกจากนี้สำนักพระราชวังรัฐกลันตันยังออกแถลงการณ์ว่า ห้ามเรียกชื่อพระราชินีรัฐกลันตัน ถ้าไม่มีประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักพระราชวัง อีกด้วย

ทั้งยังไม่มีการเปิดเผยว่าการหย่าครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา นางโวเอโวดินา ยังโพสต์ในอินสตาแกรมเล่าถึงความรักของตนและสุลต่านพระองค์นี้ตั้งแต่แรกพบ ทั้งยังโพสต์รูปคู่กันอีกด้วย



http://hot.muslimthaipost.com/news/38090

 

โปรดระมัดระวังด้วย!!!

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Jul 15) โอเปก'คาดปีหน้าดีมานด์น้ำมันดิบโลกโตลดลง - “โอเปก” คาด ดีมานด์น้ำมันดิบทั่วโลกจะลดลงในปีหน้าเนื่องจากคู่แข่งเพิ่มการผลิต ขณะเดียวกันชี้ปริมาณน้ำมันจะกลับมาเกินความต้องการแม้ว่าโอเปกทำข้อตกลงลดกำลังการผลิต

ดีมานด์น้ำมันดิบจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ลดลง ย้ำว่า นโยบายของโอเปกในการหนุนราคาน้ำมันด้วยการลดซัพพลายกำลังเป็นแรงหนุนอย่างยั่งยืนต่อซัพพลายน้ำมันในชั้นหินของสหรัฐฯ และคู่แข่งรายอื่น ๆ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสมากขึ้นที่จะคงมาตรการลงโทษต่ออิหร่านและเวเนซุเอลาต่อไป

รายงานประจำเดือนของโอเปก ซึ่งเป็นประมาณการครั้งแรกของในปี ชี้ว่า ทั่วโลกจะต้องการน้ำมันดิบจากกลุ่มโอเปก 29.27 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ลดลงจาก 1.34 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้

รายงานของโอเปกยังชี้ว่าดีมานด์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับปีนี้และเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในอัตราเดียวกับปีนี้ แม้ว่าการเติบโตในสหรัฐฯ และจีนซึ่งเป็นสองผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่สุดจะลดลง

โอเปกได้พูดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในปีหน้าว่า จะไม่มีความเสี่ยงในด้านลบอีกโดยเฉาะอย่างยิ่งปัญหาที่เกี่ยวกับการค้าจะไม่ลุกลามเพิ่มอีก

โอเปก รัสเซีย และผู้ผลิตน้ำมันชาติอื่น ๆ ได้ตกลงลดการผลิตประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน และในสัปดาห์ที่ผ่านมา พันธมิตรกลุ่มนี้ซึ่งเรียกว่า OPEC+ ได้ทำข้อตกลงใหม่เพื่อลดการผลิตจนถึงเดือนมีนาคม 2563 เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ปริมาณน้ำมันคงคลังเพิ่มขึ้นจนอาจกระทบต่อราคาได้

หลังจากโอเปกเปิดเผยรายงานข้างต้น ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงจากช่วงก่อนหน้าแต่ยังคงมีการซื้อขายเหนือ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากที่เรืออิหร่านสามลำพยายามขัดขวางเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษในช่องแคบฮอร์มุซ

แม้คาดว่าซัพพลายน้ำมีนจะลดลง แต่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวลงจาก 75 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี 2562 เมื่อเดือนเมษายน เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

โอเปกยังกล่าวว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วเพิ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งชี้ถึงแนวโน้มที่สามารถทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีน้ำมันปริมาณมากเกินไป โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเดือนพฤษภาคมเกินกว่าปริมาณเฉลี่ยในรอบ 5 ปีประมาณ 25 ล้านบาร์เรล

โอเปกลดกำลังการผลิตในเดือนมิถุนายนลงประมาณ 68,000 บาร์เรลต่อวัน โดยเหลือ 29,83 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากมาตรการลงโทษของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่านเพิ่มผลกระทบของข้อตกลงลดกำลังการผลิต

จากตัวเลขที่โอเปกรวบรวมจากแหล่งทุติยภูมิ ซัพพลายจากอิหร่านลดลงมากสุดประมาณ 142,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากรัฐบาลวอชิงตันเข้มงวดต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน

ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่สุดของโอเปก ได้เพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 126,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 9.81 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิถุนายน แต่ซาอุดีอาระเบียยังสมัครใจที่จะยังคงผลิตน้ำมันน้อยกว่าที่ได้ตกลงไว้เพื่อหนุนตลาดน้ำมัน

ไนจีเรียซึ่งหาทางที่จะผลิตน้ำมันสูงกว่าโควตาที่โอกเปกกำหนดไว้ ได้เพิ่มการผลิตมากสุดในกลุ่มโอเปก

โอเปกและพันธมิตรได้ลดกำลังการผลิตมาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อช่วยกำจัดปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาดในช่วงปี 2557-2559 และทำให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวได้ แต่การฟื้นตัวของราคาน้ำมันได้ทำให้ซัพพลายน้ำมันในชั้นหินจากสหรัฐฯ และจากคู่แข่งอื่น ๆ เพิ่มขึ้นด้วย

โอเปกคาดว่าซัพพลายน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะขยายตัวประมาณ 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ซึ่งมากกว่าการขยายตัวของดีมานด์น้ำมันทั่วโลก ซึ่งโอเปกคาดว่าจะอยู่ที่ 1.14 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่ากับปีนี้

รายงานของโอเปกยังคาดการณ์ว่า บราซิล นอร์เวย์ และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกก็จะผลิตน้ำมันเพิ่มในปีหน้า

เนื่องจากคาดว่า ดีมานด์น้ำมันดิบของโอเปกในปีหน้าจะอยู่ที่ 29.27 ล้านบาร์เรลต่อวัน ดังนั้นโอเปกจะมีซัพพลายเกินดีมานด์กว่า 500,000 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า หากโอเปกยังคงผลิตน้ำมันเท่าเดือนมิถุนายนและสมาชิกอื่น ๆ ยังคงผลิตเท่าเดิม

Source: ข่าวหุ้น

- OPEC+ agreement does not change outlook of oversupplied market: IEA report : https://www.oilandgasmiddleeast.com...nge-outlook-of-oversupplied-market-iea-report

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Jul 17) 'แบงก์ชาติ'ยันดอกเบี้ยไม่ทำให้เงินไหลเข้าไทย : แบงก์ชาติชี้ดอกเบี้ยไทยต่ำสุดในภูมิภาค ไม่ได้เป็นปัจจัยเงินทุนไหลเข้า จนดันบาทแข็งค่า พร้อมปรับนโยบายการเงินหากสถานการณ์เปลี่ยนกว่าที่คาด

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมนักวิเคราะห์ว่า ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าเกิดจากหลายปัจจัย แต่มองว่าอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นปัจจัยที่ทำให้มีเงินเข้ามาในประเทศ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทยอยู่ในระดับต่ำที่ 1.75% และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 0.88% เท่านั้น ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค จึงมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจไม่ได้ส่งผลมากนัก และการดำเนินนโยบายการเงินต้องขึ้นอยู่ปัจจัยแต่ละประเทศว่าตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศนั้นๆหรือไม่ แต่ธปท.พร้อมปรับนโยบายการเงินหากสถานการณ์เปลี่ยนไปกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้แต่ละปัจจัยไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่ง และการใช้นโยบายไม่ได้ช่วยได้ทั้งหมด เช่น มาตรการดูแลค่าเงินที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือดูแลอัตราแลกเปลี่ยน และการดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจและเสถียรภาพระบบการเงินต้องดำเนินนโยบายอย่างผสมผสาน โดยพิจารณาผลดีและผลกระทบทางเลือกเชิงนโยบายต่างๆอย่างเหมาะสม ทั้งนโยบายการเงิน มาตรการดูแลระบบสถาบันการเงิน(ไมโครพรูเด็นเชี่ยล) มาตรการดูแลระบบการเงิน(แมคโครพรูเด็นเชี่ยล) และนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน นโยบายเงินทุนเคลื่อนย้าย

นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าช่วงที่ผ่านมาเกิดจากสภาวะเศรษฐกิจการเงินโลกที่ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนโลกผันผวน ขณะที่ไทยยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลสูงกว่ารายจ่าย ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ธปท.จึงออกมาตรการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้หวังว่ามาตรการจะเห็นผลทันที แต่เป็นการลดแรงกระแทก สร้างกันชนเวลาที่มีเงินไหลเข้ามาแรง จึงไม่ได้เป็นยาแรงและเห็นผลทันที แต่ต้องการความต่อเนื่องในระยะยาว

“ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจน และภายหลังออกมาตรการพบว่า ตลาดปรับตัวในทิศทางที่ดี บาทอ่อนค่าลง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติต้องระวังหากคิดจะพักเงินในระยะสั้นของไทย โดยทุกมาตรการต้องชั่งน้ำหนัก ไม่มีมาตรการใดไม่มีต้นทุน ไม่มีมาตรการใดไม่มีผลข้างเคียง ส่วนมาตรการการควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุน (ยูอาร์อาร์) ยืนยันว่า จะไม่ได้ออกมาตรการแบบเหวี่ยงแห แต่จะเป็นมาตรการที่เฉพาะเจาะจง และต้องวิเคราะห์ในเชิงลึกมากขึ้น”

Source: เดลินิวส์ออนไลน์ https://www.dailynews.co.th/economic/720845

เพิ่มเติม
- เอกสาร/ VDO clip ของการประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ครั้งที่ 3/2562 ของ ธท.
https://www.bot.or.th/Thai/AboutBOT/Activities/Pages/AnalystMeeting3_2019.aspx

 

Bank of Thailand Scholarship Students

(Jul 17) ผู้ว่าฯ ธปท.แจงข้อดีคุมเก็งกำไรบอนด์สั้น แบะท่าออกมาตรการเพิ่มเติม : ธปท.เล็งคุมการออกบอนด์ หวังให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นหด ลดแรงจูงใจต่างชาติหอบพักเงินมาพักไทย ผู้ว่า “วิรไท” ชี้ลดดอกเบี้ยนโยบายแก้ปัญหาไม่ตรงจุดกระทบโครงสร้างเศรษฐกิจ มองดอกเบี้ยไทยยังต่ำสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาค

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ครั้งที่ 3/2562 ว่า ค่าเงินบาทไทยมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น โดยเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกประเทศหลังธนาคารกลางประเทศหลักมีการดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้ามากขึ้นในระยะหลังในประเทศเกิดใหม่ รวมทั้งประเทศไทย ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศของไทย ได้แก่ 1.ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง 2.สถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีเสถียรภาพขึ้นส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนสามารถกลับเข้ามาลงทุนได้

3.นักลงทุนมองเงินบาทในฐานะค่าเงินปลอดภัยในภูมิภาค (regional safe–haven) จากปัจจัยพื้นฐานที่ดีเชิงเปรียบเทียบ 4.ผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน (Trade tension) มีแนวโน้มอาจกระทบไทยน้อยกว่าประเทศอื่น 5.การเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI และพันธบัตรรัฐบาลไทยในดัชนี JP Morgan Emerging Markets Bond Index และ 6.ราทองคำที่ปรับสูงขึ้นส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกมา ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นกัน

ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการที่เงินทุนระยะสั้นไหลเข้ามาในประเทศและส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่า นายวิรไท กล่าวว่า ที่ผ่านมาธปท.ได้มีการปรับปรุงมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทและเพิ่มความเข้มงวดในการรายงานข้อมูลการลงทุนในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ ได้แก่ การลดยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (NRBA และ NRBS) จากเดิม 300 ล้านบาทเป็น 200 ล้านบาทต่อราย และการเพิ่มความเข้มงวดในการรายงานข้อมูลยอดคงค้างการถือครองตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยให้รายงานถึงระดับชื่อผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (Ultimate Beneficial Ownership: UBO)

“เรื่องมาตรการที่เราออกไม่ได้หวังให้มีผลทันทีหรือเร่งด่วนในครั้งเดียว เช่น มาตรการ NRBA NRBS และมาตรการที่ให้เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น (UBO) เพื่อลดขนาดท่อ ลดแรงกระแทก และสร้างกันชนเมื่อเงินไหลเข้ามาในประเทศแรงๆ โดยเราหวังจะให้เป็นมาตรการที่จะให้ผลต่อเนื่องในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผลที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่แรง โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงในวันแรกที่ประกาศมาตรการและยังรักษาอยู่ในระดับที่อ่อนค่าลงได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วง 2-3 ที่ผ่านมา เราเห็นสกุลเงินบางประเทศในภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นแต่สกุลเงินบาทไม่ได้แข็งค่าขึ้นตาม ดังนั้น มองว่านักลงทุนต่างประเทศจะต้องระวังมากขึ้นหากคิดว่าจะมาพักเงินในช่วงสั้นๆ ไว้ในประเทศไทย” นายวิรไท กล่าว

นอกจากนี้ เรื่องของการลดความต้องการขายตราสารหนี้ (Supply Bond) มองว่าอาจช่วยให้อัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นลดลงและอาจช่วยลดแรงจูงใจของนักลงทุนในการมาพักเงินในประเทศไทยได้บ้าง ซึ่งดีกว่าการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางเศรษฐกิจอื่นๆ โดยการการปรับเพิ่มหรือลดซัพพลายบอนด์ ข้อดีคือมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายมากกว่าและสามารถปรับขึ้นลงได้ทุกเดือนขึ้นอยู่กับสถานการณ์เงินทุนไหลเข้าออกและเงื่อนไขทางการเงินของโลก

“ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศรอบๆ บ้านของเรามีทิศทางปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงที่ผ่านมา หากพิจารณาจะเห็นว่าประเทศเหล่านั้นมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่สูงกว่าไทยมาก และมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงต้นแต่กลางปี 2561 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังอยู่ในระดับที่อาจเรียกได้ว่าเกือบจะต่ำสุดเมื่อเทียบกับประเทศที่มีความเสี่ยงและมีระดับของพัฒนาการทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกันที่ 1.75% รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังอยู่ในระดับต่ำสุดในภูมิภาค” นายวิรไท กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ทั้งในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง โดยตัวเลข ณ วันที่ 11 ก.ค.62 อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยอยู่ที่ 0.88% ส่วนประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ เวียดนามอยู่ที่ 4.09% อินเดีย 3.30% มาเลเซีย 2.80% อินโดนีเซีย 2.72% ฟิลิปปินส์ 1.80% และเกาหลี 1.05% ด้านอัตราดอกเบี้ยที่เป็นตัวเงิน (Nominal Interest Rate) อยู่ในระดับต่ำเช่นกันเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาค (ดูกราฟ)

“ในช่วงปลายปีที่แล้วเราปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วครั้งหนึ่งจาก 1.5% มาอยู่ที่ 1.75% ขณะที่หลายๆ ประเทศมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วหลายครั้ง หลายประเทศ เช่น อินโดนีเซียและมาเลเซียก็อยู่ในระดับที่ประมาณ 3-4% ขึ้นไป ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเรายังอยู่ในระดับที่ต่ำ และการพิจารณาความเหมาะสมของอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก” นายวิรไท กล่าวสรุป

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
https://www.prachachat.net/finance/news-350531