ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอกชน มอง กนง.คงดอกเบี้ย 2.5% ซ้ำเติมเศรษฐกิจขาลง ทำต้นทุนการเงินธุรกิจสูง
    .
    ส.อ.ท.แปลกใจ กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย 2.50% รับเศรษฐกิจโลกยังขาลง หลายประเทศทั่วโลกเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว หวั่นเอสเอ็มอี แบกต้นทุนทางการเงินไม่ไหว "หอการค้า" มอง กนง.คงดอกเบี้ยเพื่อรักษาระยะห่างไทยกับสหรัฐ หวังครั้งต่อไป กนง.ยอมลดดอกเบี้ย
    .
    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประชุมวันที่ 21 ส.ค.2567 มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี โดย 1 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี ซึ่งมีการพิจารณาว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวตามที่ประเมินไว้จากการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศขณะที่การส่งออกโดยรวมฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    .
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ต่อปี สร้างความแปลกใจให้เอกชนพอสมควร เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังคงอยู่ในภาวะขาลงอยู่ อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายบ้างแล้ว
    .
    ทั้งนี้ ในมุมเอกชนยังมองว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยยังคงชะลอตัว หนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มกำลังซื้อ และลดต้นทุนด้านการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้ก็สำคัญ โดยก่อนหน้านี้ เอกชนได้เคยมีความหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567ต้นทุนทางด้านการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะลดลง
    .
    “เคยคาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังดอกเบี้ยนโยบายจะลดลง กลุ่มเอสเอ็มอียังหวังเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากการกู้เงินที่ดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม เพราะส่วนมากยังเผชิญกับปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจในส่วนนี้"
    .
    ดังนั้น เมื่อเอสเอ็มอียังเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่เป็นต้นทุนอยู่ขณะนี้ จึงยากที่จะดำเนินธุรกิจแข้งขันกับสินค้าราคาถูกที่เข้ามามากในปัจจุบัน
    .
    นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่ กนง.คงอัตรดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ คาดว่า กนง.ประเมินจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจไทยที่มีสัญญาณการฟื้นตัวในหลาย sector แม้จะยังไม่โดดเด่น
    .
    รวมทั้งตั้งใจจะรักษาระยะห่างของอัตราดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐไม่ให้ห่างมากเกินไป จนทำให้ดึงเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจออก ซึ่งสอดคล้องหลายประเทศที่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อรอความชัดเจนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และหากสหรัฐลดดอกเบี้ยลงเชื่อว่าหลังจากนั้นแต่ละประเทศจะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสมแต่ละประเทศ
    .
    นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย แม้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำ กว่า 1% แต่เป็นผลมาจากนโยบายการช่วยเหลือด้านพลังงาน จึงเห็นว่า กนง.จะมีทิศทางชัดเจนขึ้นหลังจากเฟดลดดอกเบี้ยแล้ว แต่อาจทิ้งช่วงเพื่อดูทิศทางของสถานการณ์เศรษฐกิจให้เหมาะสม
    .
    “เอกชนหวังว่าหากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด กนง. คงจำเป็นจะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้เหมาะสม เพื่อให้ช่วยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายสนั่น กล่าว
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/2GrSrUpewbbFDrAM/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮุนมาเนตชี้ #กัมพูชา ต้องการการลงทุนจาก #จีน เพิ่มขึ้น
    .
    นายกฯ ฮุน มาเนตย้ำ 'กัมพูชา' ต้องการการลงทุนจาก 'จีน' เพิ่มขึ้น คาดปีนี้เศรษฐกิจโตต่ำเป้าแค่ 6% หลังภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
    .
    สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ว่า ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งร่วมประชุมกับคณะผู้แทนทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทจีนในกรุงพนมเปญ กล่าวว่า กัมพูชาต้องการการลงทุนจากจีนเพิ่มขึ้น โดยกัมพูชาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านพลังงานสะอาด การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเกษตร อุตสาหกรรม และการเงิน
    .
    ฮุนมาเนตกล่าว สนับสนุนคณะผู้แทนของจีนหารือกับกระทรวงและสถาบันที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสภาเพื่อการพัฒนาแห่งกัมพูชา เพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพทางการลงทุนของกัมพูชาเพิ่มเติม ขณะจีนเป็นนักลงทุนและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา
    .
    นีก จันดาริธ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ของกัมพูชา กล่าวว่าผู้ประกอบการที่ใช้เงินทุนของจีนมีบทบาทสำคัญต่อการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกัมพูชาและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนท้องถิ่น
    .
    นีกเสริมว่าโครงการขนาดใหญ่ที่จีนลงทุนภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ทางด่วนสายพนมเปญ-สีหนุวิลล์ ท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ อังกอร์ ถนน และสะพาน ได้มีบทบาทและจะมีบทบาทสนับสนุนเศรษฐกิจกัมพูชาต่อไป
    .
    กลุ่มโครงการตามแผนริเริ่มฯ ที่สำคัญจะช่วยกัมพูชาบรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบนภายในปี 2030 และประเทศรายได้สูงภายในปี 2050
    .
    เศรษฐกิจปี '67 จ่อโตต่ำเป้า
    .
    ก่อนหน้านี้กระทรวงเศรษฐกิจและการเงินของกัมพูชาคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกัมพูชาจะเติบโต 6% ในปี 2024 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6.6% เนื่องจากบางภาคธุรกิจเติบโตช้ากว่าคาด โดยเฉพาะการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
    .
    รายงานฉบับกลางปีจากกระทรวงฯ ระบุว่าเศรษฐกิจของกัมพูชาขับเคลื่อนด้วยการส่งออกเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง รวมถึงการท่องเที่ยว การเกษตร การก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก
    .
    กระทรวงฯ คาดการณ์ว่าภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า และสินค้าเพื่อการเดินทาง รวมถึงการก่อสร้าง มีแนวโน้มเติบโต 7.9% ในปี 2024 ส่วนภาคการบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว การขนส่งและการสื่อสาร การค้า และอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มเติบโต 5.8% ขณะภาคการเกษตรมีแนวโน้มเติบโต 0.7%
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ประจำสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคอาเซียน+3 เผยว่ากัมพูชายังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของภูมิภาค โดยภาคการก่อสร้างอาจฟื้นตัวช้าลงจนอัตราการเติบโตต่ำกว่าระดับก่อนโรคระบาดใหญ่เพราะภาวะขาลงยิงยาวของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการกระตุ้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอาจชดเชยส่วนนี้
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจGeopolitics

    https://www.facebook.com/share/p/bgvYJCRyqRLZYUBj/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘วิกฤติเหล็ก’ กำลังมา เหล็กจีนล้นโลก ฉุดราคาต่ำสุด 2 ปี
    .
    จากปัญหาการผลิตล้น (Overcapacity) ในจีนที่นำไปสู่ผลกระทบต่อบางอุตสาหกรรมเช่น แผงโซลาร์เซลล์ ล่าสุดมีสัญญาณมาถึง “อุตสาหกรรมเหล็ก” เป็นรายต่อไป หลังบริษัทผู้ผลิตเบอร์ 1 ของโลกออกโรงเตือนอุตสาหกรรมจ่อวิกฤติรุนแรง ขณะที่ราคาสินแร่เหล็กร่วงต่ำสุดในรอบ 2 ปี
    .
    สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดแร่เหล็กโลกกำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง เมื่อราคาฟิวเจอร์สแร่เหล็กในตลาดสิงคโปร์ร่วงลงสู่ระดับ 92.65 ดอลลาร์ต่อตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ “อุปทานส่วนเกินทั่วโลก” โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่ผู้ผลิตเหล็กของจีนกำลังประสบปัญหาและต้องลดกำลังการผลิตลง
    .
    “ไชน่า เป่าอู่ สตีล กรุ๊ป” (China Baowu Steel Group Corp) ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดเบอร์ 1 ของโลกจากจีน ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับวิกฤติอุตสาหกรรมเหล็กในจีนที่อาจจะส่งผลกระทบไปทั่วโลก และจะยิ่งฉุดให้อุตสาหกรรมนี้ถดถอยลงไปอีก
    .
    “สถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมเหล็กของจีนเป็นเหมือน ฤดูหนาวที่โหดร้ายที่จะยาวนาน หนาวเย็น และยากที่จะทนเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้" หู หวางหมิง ประธานของบริษัทไชน่าเป่าอู่สตีลกรุ๊ป กล่าวกับพนักงานในการประชุมรอบครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเตือนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นความท้าทายที่เลวร้ายกว่าวิกฤติครั้งใหญ่ในปี 2551 และ 2558
    .
    นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในภูมิภาคและทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กที่ใหญ่ที่สุดของโลก
    .
    เบอร์ 1 อย่างเป่าอู่ สตีล ซึ่งมีปริมาณการผลิตเหล็กมากถึงราว 7% ของโลก ได้ออกมาเตือนถึง “ความเสี่ยง”ที่อาจเกิดขึ้นกับอุปสงค์และราคาเหล็ก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง
    .
    ด้าน "ทิสเซ่นกรุปป์ เอจี” (ThyssenKrupp AG) ยักษ์ใหญ่ด้านเหล็กของเยอรมนีเน้นย้ำถึงความท้าทายที่อุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญ หลังจากรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่
    .
    ข้อความที่ชัดเจนของหู น่าจะเป็นความกังวลสำหรับคู่แข่งทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ เนื่องจากผู้ผลิตเหล็กจีนต้องเผชิญกับความต้องการภายในประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้จีนเร่งการส่งออกเหล็กไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกเหล็กของจีนในปีนี้จะสูงถึง 100 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี เพื่อชดเชยการชะลอตัวภายในประเทศ
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1141317?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/q78i93CWPeak9Y1A/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เด็กจบใหม่ในแคนาดาเตะฝุ่นเพียบ! หางานยาก แรงงานต่างชาติราคาถูกเข้ามาแย่งงานสูงถึง 211%
    .
    ไม่นานมานี้สำนักงานบลูมเบิร์กรายงานว่า วัยทำงานหนุ่มสาว Gen Z ในประเทศแคนาดา กำลังหางานยากขึ้น โดยเฉพาะตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมร้านอาหารและร้านค้าปลีก เพราะ “แรงงานต่างชาติราคาถูก” หลั่งไหลเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมดังกล่าว เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ยกตัวอย่างกรณีของ “มิเชลล์ เอซ (Michelle Eze)” บัณฑิตจบใหม่จากสาขานโยบายสาธารณะวัย 22 ปี เล่าว่า หลังเรียนจบเธอก็เริ่มมองหางานอย่างจริงจังในเมืองโตรอนโต ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ในแคนาดาเริ่มเพิ่มสูงขึ้น
    .
    เธอพยายามมองหาตำแหน่งงานสอนหนังสือ และแม้แต่งานบริการในร้านอาหาร เพื่อจะได้มีเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายและเลี้ยงดูพ่อแม่ของเธอ แต่ก็ล้มเหลว
    .
    จากกรณีข้างต้น เน้นย้ำถึงปัญหาตลาดแรงงานแคนาดาที่สะท้อนว่า “งานระดับเริ่มต้น” สำหรับผู้ที่กำลังศีกษาและผู้สำเร็จการศึกษาใหม่นั้น หาได้ยากขึ้นมาก เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง
    .
    ข้อมูลจากฐานข้อมูลรัฐบาลแคนาดา พบว่าเมื่อ 2 ปีก่อน อัตราการว่างงานของแรงงานอายุ 15 - 24 ปีอยู่ที่ประมาณ 9% แต่ในปัจจุบันอยู่กลับอยู่ที่ 14.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
    .
    สะท้อนภาพชัดเจนว่า จำนวนแรงงานต่างชาติชั่วคราวในอุตสาหกรรมอาหารและค้าปลีกเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจำนวนแรงงานต่างชาติที่ได้รับการอนุมัติให้ทำงานใน 2 ภาคส่วนนี้เพิ่มขึ้น 211% ระหว่างปี 2019 - 2023
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1141296?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจWorklife #กรุงเทพธุรกิจ

    https://www.facebook.com/share/p/5gwVv4H3uv1Yrsq5/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ‘แพทองธาร‘ เครื่องร้อน เรียกเอกชน 3 สถาบัน ถกแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศ
    .
    นายกฯ "แพทองธาร" เตรียมหารือ "ส.อ.ท.- หอการค้า - สมาคมแบงก์" ร่วมแก้วิกฤติเศรษฐกิจ - เคลื่อนนโยบายประเทศ พรุ่งนี้!
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรุ่งนี้ (23 ส.ค.2567) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.), สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย จะเข้าหารือกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันที่ อาคารชินวัตร 3 โดยเวลา 10.00 น. จะเป็นการหารือระหว่าง ประธานหอการค้าไทย และคณะกรรมการฯ
    .
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้ขอเข้าพบกับนางสาวแพทองธาร เพื่อร่วมหารือถึงแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดย ส.อ.ท. พร้อมคณะกรรมการบริหารฯ จะเริ่มหารือในเวลา 11.00 น.
    .
    สำหรับ สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ แก้ปัญหาเฉพาะหน้า และเร่งด่วน ซึ่งส.อ.ท. ได้เน้นย้ำเสมอ และไม่เปลี่ยนจากเดิม คือ
    .
    1.) นโยบายช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะขีดความสามารถทางการแข่งขันโดยหลักๆ มาจากต้นทุนที่สูงขึ้นในทุกอย่าง ทั้งวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ค่าไฟ และน้ำมัน รวมถึงค่าแรงที่กำลังจะปรับขึ้น 400 บาททั่วประเทศ วันที่ 1 ต.ค.2567 นี้ สิ่งเหล่านี้ ก็หวังว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรให้ต้นทุนเหล่านี้ต่ำลง และสามารถแข่งขันได้ รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งในระบบ และนอกระบบที่ยังคงสูงมาก
    .
    2.) เงินทุน ปัจจุบันเอสเอ็มอีกำลังขาดออกซิเจนคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขณะนี้ ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ หลายธนาคารได้ประกาศลดเป้าหมายของการปล่อยสินเชื่อ และมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเม็ดเงินที่จะปล่อยได้ถูกจำกัด และลดลงไปอีก ดังนั้น ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่มหาศาล รัฐบาลต้องหาเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติมเงินเข้าไปให้เอสเอ็มอีได้เข้าถึงแหล่งเงิน ที่นอกจากธนาคารพาณิชย์แล้วจะต้องมีกลไกอื่นมาเติมให้สู้ต่อไปได้
    .
    3.) สินค้าราคาถูกต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาด ขณะนี้ที่ทราบว่าสินค้าราคาถูกได้ทะลักมาทุกทิศทุกทาง จนท่วมตลาดทั้งในไทย และภูมิภาค ส่งผลให้เอสเอ็มอีไทยแข่งขันไม่ได้ จนต้องปิดกิจการมากมาย เหมือนช่วง 6 เดือน ม.ค.- พ.ค.2567 ปิดกิจการกว่า 667 แห่ง เป็นขนาดมูลค่ากิจการที่ 20 ล้านบาท เป็นกิจการของคนไทยเกือบ 100% ในขณะที่ โรงงานที่เปิดใหม่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่ขอการสนับสนุนจาก BOI และส่วนใหญ่เป็นต่างชาติเกือบทั้งหมดที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 140 ล้านบาท
    .
    ดังนั้น มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลจะป้องกันต้องดีพอ และตรวจขันตั้งแต่การนำเข้า มีการตรวจสอบ 100% ทำตามกฎเกณฑ์ที่อยู่ในขอบเขต และต้องทำอย่างเต็มที่ จะต้องระมัดระวังไม่ใช่ไปจ้องทะเลาะ ทำตามมาตรฐานสากลทั่วโลกที่มีเกณฑ์อยู่แล้ว เหมือนเวลาที่ประเทศไทยส่งสินค้าจากไทยไปจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นที่เข้าตรวจในตู้คอนเทนเนอร์ของทางเข้าที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งไทยตรวจต่ำกว่ามาตรฐานมาก
    .
    "ต้องยอมรับว่าสินค้าที่เข้ามาในไทยมีมาแทบจะทุกทิศทุกทาง ดังนั้น การสกัดสินค้าด้อยคุณภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ได้เร่งดำเนินการก่อนจะถูกตัดสินให้พ้นเก้าอี้นายกฯ โดยเรียกกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ที่กำกับดูแล ให้เร่งแก้ปัญหา หวังว่ารัฐบาลจะทำต่อ และต้องรีบเร่งกว่าเดิม
    .
    นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับการแก้ปัญหาระยะกลาง และยาวมีหลายเรื่องที่ต้องทำ อาทิ การศึกษา ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม แก้กฎหมายเพื่อให้ทำงานง่ายขึ้น และการสร้างบุคลากร ที่ต้องเดินต่อ เพราะที่ผ่านมาช้าเกินไปแล้ว
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/cS5M3t7WTapnFjL3/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "จีน" เพิกถอนหุ้น 40 บริษัท ออกจากตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น และอีก 9 บริษัท มีแนวโน้มถูกเพิกถอนเช่นกัน เดินหน้าสกัด บจ.ที่มีลักษณะไม่มั่นคง หวั่นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม : https://moneyandbanking.co.th/2024/125335/

    https://www.facebook.com/share/u2UHMakn9fyPT4ue/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Aug 22, 2024 ไม่ทิ้งงาน! พีระพันธุ์เผยร่างกฎหมายปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน คืบหน้าเกือบ 100% อยู่ระหว่างรอคณะทำงานพิเศษผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพลังงานตรวจสอบ ยันเสนอ ครม. - สภาแน่นอน

    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมคณะทำงานพิเศษซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพลังงาน โดยมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานที่ประชุมและนายณอคุณ สิทธิพงศ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารจัดการระบบ สำรองน้ำมันและก๊าซเพื่อความมั่นคงทางยุทธศาสตร์และระบบรักษาระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ ศาสตราจารย์พิเศษ อธึก อัศวานันท์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายภายใต้คณะกรรมการการจัดตั้งระบบสำรองน้ำมันและก๊าซ นายจินตพันธุ์ ทังสุบุตร และนายพัชโรดม ลิมปิษเฐียร ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เคยช่วยทำคดีโฮปเวลล์ เป็นต้น
    เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน ซึ่งขณะนี้ได้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นภารกิจที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชน โดยร่างกฎหมายที่ยกร่างขึ้นมานี้มีทั้งหมด 90 หน้า 180 มาตรา โดยอยู่ระหว่างให้คณะผู้เชี่ยวชาญไปนำไปตรวจสอบในรายละเอียดและปรับปรุงต่อไป ซึ่งหากแล้วเสร็จจะนำเสนอเพื่อเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และนำเข้าสู่การพิจารณาสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

    “ในระหว่างรอการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจและมั่นใจว่า ผมไม่ได้ทิ้งงาน ยังทำอยู่และทำต่อ ในทุกเรื่องที่ได้บอกกับพี่น้องประชาชนไว้ ซึ่งเรื่องกฎหมายนี้เป็นบันไดขั้นที่ 3 ที่กำลังรื้อระบบการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน จากบันได 5️ ขั้นที่จะพลิกโฉมระบบพลังงานไทยเพื่อคนไทย ตามแนวทาง รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง ซึ่งก่อนหน้าได้เสร็จไปแล้ว 2 ขั้น ทั้งเรื่องการตรึงราคาน้ำมัน และออกประกาศรื้อระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 51 ปี วันนี้ขั้นที่ 3 ก็เสร็จแล้ว และมุ่งไปสู่บันไดขั้นที่ 5 ซึ่งเป็นขั้นสุดท้าย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และความเป็นธรรมในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซให้กับพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต” นายพีระพันธุ์ กล่าว

    #พีระพันธุ์ #โครงสร้างราคาน้ำมัน #พลังงาน #ราคาน้ำมัน #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/ezYqjZLRvdD7w4cE/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักเศรษฐศาสตร์เตือนปัญหาสินค้าจีนทะลัก ดั่งแม่น้ำ 6 สายไหลบ่าท่วมประเทศ
    .
    "สันติธาร เสถียรไทย" หรือ "ดร.ต้นสน" อธิบายปัญหาสินค้าจีนทะลักเปรียบดั่ง "แม่น้ำ 6 สาย 1. Trader คนไทย 2. Crossborder sellers 3. Trader ต่างชาติจำแลง 4. Factory2consumer 5. China +1 โมเดล 6. แพลตฟอร์มต่างชาติ" หวั่นรูรั่วกฎหมายทำไทยเสียเปรียบ ต้องแก้ด้วยยุทธศาสตร์ระดับประเทศ
    .
    ดร.สันติธาร เสถียรไทย ในฐานะนักยุทธศาสตร์แห่งอนาคต อดีตผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีและภาคการเงินระดับโลก ผู้เขียนหนังสือ Twists & Turns เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว Facebook.com/Drsantitarn ถึงมุมมองสถานการณ์สินค้าประเทศจีนราคาถูกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยจำนวนมหาศาลว่า
    .
    หากเปรียบปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าไทยเสมือน ‘ปัญหาน้ำท่วม’ การจะแก้ปัญหาอาจต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าทำไม ‘น้ำ’ (สินค้าจากจีน) ถึงล้นและน้ำเหล่านี้ไหลผ่าน ‘แม่น้ำ’ (ช่องทางการขาย) สายไหนบ้างมาที่ไทย
    .
    ในฐานะคนที่เคยทำงานในธุรกิจแพลตฟอร์มและวิเคราะห์การค้า-การลงทุนระหว่างประเทศมานาน วันนี้ อยากชวนแกะประเด็นใหญ่ของประเทศนี้ที่ผมคิดว่ามีความซับซ้อนสูงเพราะมีหลายปัญหาถูกมัดรวมอยู่ด้วยกัน
    .
    เริ่มจาก 6 แม่น้ำที่เป็นเส้นทางสำคัญที่สินค้าไหลเข้าประเทศตามภาพแผนผังประกอบด้านล่างครับ
    .
    1) Trader คนไทย (offline/online) - ผู้ขายไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อขายในร้านค้าทั่วไปในไทยหรือ ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee Lazadaและ Tiktok เพื่อขายให้ผู้บริโภคไทย
    .
    ผลกระทบ: อาจมีผลเสียต่อผู้ผลิตในประเทศเพราะต้องแข่งกับสินค้านำเข้าราคาถูก แต่อย่างน้อยรายได้ยังอยู่กับคนไทยที่นำสินค้าเข้ามาขาย
    .
    2) Crossborder sellers - ผู้ขายในต่างประเทศใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ เพื่อขายตรงให้กับผู้บริโภคไทยโดยไม่ต้องจดทะเบียนในประเทศ
    .
    ผลกระทบ: เพราะผู้ขายไม่ได้อยู่ในประเทศอาจสามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายและภาษีไทย ทำให้ได้เปรียบผู้ขายในประเทศ
    .
    3) Trader ต่างชาติแปลงตัวเป็นไทย - ผู้ขายต่างชาติ เปิดธุรกิจและร้านค้าออนไลน์ในไทย แต่ส่วนใหญ่ขายสินค้านำเข้าจากจีน
    .
    ผลกระทบ: ผู้ขายต่างชาติในร่างไทยเหล่านี้ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายและมักหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้เกิดความได้เปรียบเหนือธุรกิจในท้องถิ่นในหลายมิติ (และปัญหานี้ก็ไม่ได้อยู่แต่ในภาคการค้าเท่านั้นแต่กระทบหลายอุตสาหกรรมเลย)
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1141390?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/pvACdNvXZKrCtYzd/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พิธีขึ้นบ้านใหม่ ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ

    วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 22, 2567



    อย่าลืมทำ พิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสอง ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ

    คนโดยทั่วไปมักจะมีความเชื่อในสถานที่สำคัญต่างๆ เชื่อว่ามีเจ้าที่เจ้าทาง คอยปกปักรักษาคุ้มครอง ใครก็ตามที่เข้าอยู่ จะต้องให้ความเคารพนับถือ อย่างเช่นการทำพิธีขึ้นบ้านใหม่ เราจะเห็นกันอยู่เป็นประจำตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จะเล็กจะใหญ่ จะมือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม ขอเพียงทำแค่ตามกำลังทรัพย์ที่มีก็พอ ไม่ต้องมากมาย มีพิธีเล็กๆน้อยๆเพื่อเป็นการกล่าวขอขมา เพื่อที่จะทำให้ชีวิตไม่ติดขัด ทำดูก็ไม่เสียหาย

    สิ่งของที่ต้องเตรียมเข้าบ้านใหม่ครั้งแรก

    1 พระพุทธรูป

    2 เครื่องบูชาพระ เช่น ธูป เทียน กระถางธูป แจกันดอกไม้

    3 ดอกไม้มงคลที่นำมาไว้โปรยรอบบ้าน

    4 เหรียญ จะเป็นเหรียญบาท หรือสิบบาทก็ได้ค่ะ = เงินทองเต็มบ้าน

    5 ดอกดาวเรือง = ความรุ่งเรือง เจริญรุ่งโรจน์

    6 ดอกกุหลาบ = เส้นทางข้างหน้าต่อไปจะได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

    7 ดอกรัก = ความรัก ความเอื้ออาทรกัน

    8 ข้าวตอก ถั่ว งา = ความเจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป

    9 ถังน้ำ ถังข้าวสาร (ใส่เต็มถัง) = ความอุดมสมบูรณ์

    10 หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง กะปิ น้ำปลา น้ำตาลทราย เกลือ = ข้าวปลาอาหารมีกินมีใช้

    11 เงินแบงค์ 900 บาท เงินเหรียญอีก 99 บาท เป็น 999 = มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

    12 กล่องใส่ทอง เพชร หรือเครื่องประดับ อัญมณีมีค่า = ความร่ำรวย มั่งมีเงินทอง

    13 หมากพลู

    14 พวงมาลัยดาวเรือง

    15 น้ำเปล่า

    ของไหว้เจ้าที่เจ้าทางมีผลไม้ 5 ชนิด

    1 มะพร้าว ความบริสุทธิ์

    2 สาลี่ การเรื่องคุณงามความดีเอาไว้อย่างมั่นคง โชคลาภเงินทองมิให้หาย

    3 ทับทิม คุ้มครองกันภัย

    4 กล้วย กล้วยคือผลไม้มงคล ที่เชื่อว่าเป็นตัวแทนแห่งการขย ายสาขา กิจการ การมีบุตรสืบสกุล มีบริวารมาก

    5 ส้ม ความโชคดี เจอแต่สิ่งดีเป็นสิริมงคล

    ขนมมงคล 5 อย่าง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน และขนมถ้วยฟู

    สำหรับพิธีการ มีดังต่อไปนี้

    1. เมื่อไปถึงบ้านก่อนฤกษ์ให้เตรียมสิ่งของที่จะนำเข้าบ้านให้พร้อม ใครเข้าบ้านก่อนถึงฤกษ์ก็เลยต้องเตรียมอุปกรณ์กันที่นอกบ้าน

    2. ก่อนเข้าประตูหน้าบ้าน (เจ้าของบ้าน) หยิบหินขึ้นมา 1 ก้อนกำไว้ในมือแล้วกลั้นหายใจอธิษฐานขอให้จิตใจหนักแน่น และแข็งแกร่งเหมือนหิน มีแต่สิ่งดีเกิดขึ้นนับแต่นี้ไป สิ่งไม่ดีอย่าได้แพ้ แล้ววางหินลงหน้าบ้าน จากนั้นให้คุณพ่อเป็นคนเดินนำอุ้มพระพุทธรูปเข้าบ้านเพื่อเป็นสิริมงคล ให้คุณป้า (ที่รวยที่สุด) ถือพานเงิน, ทอง ตามเข้าบ้าน คุณแม่ถือข้าวสารอาหารแห้ง และคนอื่นก็ช่วยกันถือของอื่น ตามเข้ามา

    3. นำพระพุทธรูปวางที่ห้องพระที่เราจัดเตรียมไว้ จุดธูปเทียนอธิษฐานจิตให้ท่านคุ้มครอง และอวยพรให้เราประสพพบเจอแต่สิ่งดี

    ก่อนที่จะเข้าสู่พิธีขึ้นบ้านใหม่ เจ้าของบ้านต้องทำพิธี “เข้าบ้านใหม่” เสียก่อน ซึ่งพิธีจะเริ่มต้นด้วยการให้หัวหน้าครอบครัวหรือเจ้าบ้านเป็นผู้ประกอบพิธีทั้งหมด ที่สำคัญจะต้องมีการอัญเชิญพระพุทธรูปประจำบ้านให้เข้ามาประดิษฐานเพื่อคอยปัดเป่าภูติผีและสิ่งที่ไม่ดี ไม่ให้เข้ามาภายในบ้านได้ ในขณะอัญเชิญให้ทำการจุดธูปเทียนเพื่อเป็นการบูชา จากนั้นจึงตามด้วยอธิษฐานเพื่อบอกกล่าวแก่องค์พระเพื่อให้ท่านได้ปกป้องคุ้มครองบ้านหลังนี้ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ห่างไกลจากสิ่งไม่ดี ให้สมาชิกในครอบครัวมีความปลอดภัยและอยู่เย็นเป็นสุข ในพิธีนี้ สิ่งของที่ไม่ควรตกหล่น คือดอกไม้ธูปเทียน พระพุทธรูป ผลไม้และไม้มลคลต่าง ซึ่งจะนำเอาใช้สำหรับการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในที่นี้อาจจะมีการบวกรวมกับขนมไทที่มีชื่อเป็นมงคลรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ทองหยิบ ทองหยอด และทองเอก เป็นต้น

    พระสงฆ์ที่นิมนต์มาควรนิมนต์มาก่อนวันทำบุญไม่น้อยไปกว่า 5 วัน โดยให้เลือกระหว่าง 5,6 หรือ 9 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมด้วยการจัดโต๊บูชา มีผ้าขาว กระถางธูปและเชิงเทียน โดยจัดให้โต๊ะอยู่ด้านขวาของพระสงฆ์

    วันต้องห้ามตามคติโบราณ ห้ามขึ้นบ้านวันเสาร เนื่องจากว่าวันเสาร์ตามหลักโหราศาสตร์แล้ว ถือกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ และ ถือกันว่าเป็นวันแห่งโทษทุกข์ และดาวเสาร์ยังจัดเป็นดาวแห่งบาปเคราะห์อีกด้วย

    ทั้งนี้ตามหลักความเชื่อแล้ว เพื่อความสบายใจทางใจ ก็ขอให้ทำพิธีให้ถูกต้อง ก่อนเข้าอยู่อาศัย หรือบางคนเข้าพอพักไปเรียน ไปทำงาน ก็ทำพิธีขอเข้าอยู่ให้ถูกต้อง เพราะทุกๆ ที่มีเจ้าของเฝ้าอยู่ แม้เราจะมองไม่เห็นก็ตาม

    ขอขอบคุณ : postsara


    อย่าลืมทำ พิธีขึ้นบ้านใหม่ บ้านมือหนึ่ง บ้านมือสอง ทำให้ถูกแล้วจะดีขึ้น คนในบ้านมีแต่ความเจริญ
    https://www.kubkhao.com/2024/08/blog-post_22.html
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    รู้สึกแย่ เจ็บปวด สะเทือนใจ
    รับมืออย่างมีสติยังไง
    เมื่อได้รับ ‘Bad Feedback’ จากหัวหน้า
    .
    เป็นธรรมดาในชีวิตการทำงานที่จะต้องเจอกับความคิดเห็นอันหลากหลาย ทั้งแบบที่ฟังแล้วรับได้ ไปจนถึงแบบที่ฟังแล้วสร้างความสะเทือนใจ เสียใจ เพราะหีบห่อไว้ด้วยคำพูดรุนแรง-ความหมายทิ่มแทง หรือที่เรียกว่า ‘Bad Feedback’
    .
    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยได้รับ ‘Bad Feedback’ แล้วรู้สึกแย่ นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณเป็นคนปิดกั้น ไม่รับความเห็นต่าง แต่เพราะเราเป็นมนุษย์ที่ยังมีความรู้สึกและยังแคร์อยู่ว่า ศักยภาพ-ผลงานของตัวเองจะเป็นเช่นไร
    .
    ในทางจิตวิทยาบอกว่า ไม่ต้องรู้สึกแย่เมื่อเกิดความรู้สึกเหล่านี้ขึ้น แต่จงระลึกไว้เสมอว่า อย่างน้อยที่สุด คุณยังเป็นมนุษย์ทำงานคนหนึ่งที่ไม่ปิดกั้นความคิดเห็น ยังมีความกระตือรือร้นที่อยากจะพัฒนาตัวเองอยู่
    .
    เพียงแต่เราต้องมาหาคำตอบก่อนว่า ความหมายโดยนัยของฟีดแบ็กที่รุนแรงเหล่านี้มีอะไรที่สามารถหยิบมาเป็น ‘Key Takeaway’ ได้บ้าง
    .
    [ ทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง แกะความหมายใต้ความรุนแรง ]
    .
    ผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์ในที่ทำงานให้ความเห็นว่า สิ่งแรกที่ต้องทำหลังได้รับ ‘Bad Feedback’ ไม่ใช่การรับคำวิจารณ์เหล่านั้นใส่ตัวทันที แต่ต้องหาทางแกะอารมณ์ก่อนว่า เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ โกรธ เสียใจ กลัว วิตกกังวล ฯลฯ
    .
    Liz Fosslien ผู้เขียนหนังสือขายดีจาก The Wall Street Journal ที่มีชื่อว่า ‘No Hard Feelings: The Secret Power of Embracing Emotion at Work and Big Feelings: How to Be Okay When Things Are Not Okay’ บอกว่า
    .
    หากคุณเริ่มรู้สึกว่า ตนเองอยู่ในสภาวะที่มีอารมณ์ท่วมท้นไปหมดให้ลองพิจารณาและ ‘ตั้งชื่อ’ ให้อารมณ์เหล่านั้นดู
    .
    เมื่อได้รับคำพูดที่ไม่ดีเรามักติดอยู่ในวังวนของคำพูดเหล่านั้น Liz จึงแนะนำว่า ให้ดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นั้นแล้วสร้างพื้นที่ปลอดภัยด้วยการตั้งสติแล้วมี ‘Self-talk’ กับตัวเอง
    .
    เช่น คุณอาจจะพูดกับตัวเองว่า “ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจะอยู่ที่นี่และจะค่อยกลับมาทีหลัง” หรือ “ฉันกำลังมีอารมณ์และปฏิกริยารุนแรงกับสิ่งที่หัวหน้าพูด และต้องการขอเวลานอก”
    .
    จากนั้นให้ประเมินระดับอารมณ์ของตัวเอง จาก 1 ถึง 10 ณ ตอนนี้เราอยู่ในเลเวลไหน และระดับใดที่เป็นเดดไลน์ของตัวเอง (ถ้า 10 คือโกรธมาก ถ้า 4 แปลว่าสงบลงแล้ว เป็นต้น)
    .
    หลังจากนั้นใช้วิธี ‘แยกเมล็ดข้าวออกจากแกลบ’ ความหมายก็คือ ใน ‘Bad Feedback’ ที่ได้รับมา ส่วนไหนคือข้อเท็จจริงหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำมาพัฒนาผลงานต่อได้
    .
    เพราะสำหรับบางคนแล้วแม้เขาจะพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ คำพูดไม่น่าฟัง แต่คำพูดรุนแรงเหล่านั้นก็อาจจะช่วยต่อยอดให้คุณประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน หัวหน้าของคุณอาจจะอ่อนด้อยทักษะทางการสื่อสารและไม่สามารถถ่ายทอดฟีดแบ็กออกมาได้ดีพอ
    .
    นี่เป็นอีกขั้นตอนที่ให้ความรู้สึก ‘ท้าทาย’ กับภาวะทางอารมณ์อยู่ไม่น้อย เพราะแม้จะเป็นกรณีที่เรารู้สึกไม่เห็นด้วยกับการใช้คำพูดและวิธีนำเสนอ แต่ให้ลองท้าทายตัวเองด้วยการค้นหาแง่มุมที่อีกฝ่ายพูดดู
    .
    ผู้เชี่ยวชาญเปรียบเทียบว่า แม้จะมีแกลบเต็มถังและมีข้าวสารเพียงเมล็ดเดียว แต่ก็คุ้มที่จะลองค้นหาแล้วหยิบมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดดู ไม่แน่ว่า นั่นอาจจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณค่ากับคุณก็ได้นะ
    .
    [ ฟีดแบ็กกลับไป ตัดสินใจว่าจะ ‘ตกปลา’ หรือ ‘ตัดเบ็ด ]
    .
    เมื่อถอดรหัสฟีดแบ็กออกมาได้แล้ว หากคุณเห็นด้วยกับข้อเสนอเหล่านั้นให้หยิบมาทำตามดู จากนั้นอัปเดตให้หัวหน้าของคุณรู้ว่า คุณได้นำคำติชมมาพัฒนา-ปรับปรุงอย่างไรบ้าง หากไม่เห็นด้วยในจุดไหนให้อธิบายด้วยเหตุผลอย่างมีวุฒิภาวะ
    .
    แน่นอนว่า ในจุดที่เป็นคำพูดรุนแรง ‘คุณ’ ในฐานะผู้ฟังและได้รับฟีดแบ็กนั้นโดยตรงก็มีสิทธิที่จะสะท้อนกลับไปให้หัวหน้ารับรู้ด้วยว่า วิธีถ่ายทอดคำพูดของเขาส่งผลกระทบกับคุณอย่างไรบ้าง
    .
    Liz เล่าว่า หนึ่งในผู้เข้าร่วมการเวิร์กชอปของเธอเล่าให้ฟังว่า เคยพูดอย่างตรงไปตรงมากับหัวหน้าที่ชอบพูดเสียงดังและตะคอกใส่บ่อยๆ ว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังอารมณ์เสีย แต่เวลาคุณตะคอกใส่ฉัน ฉันทำงานต่อไม่ได้”
    .
    หลังจากนั้นหัวหน้าของเธอขอโทษและตระหนักได้ว่า เขาทำร้ายการทำงานของเธอโดยไม่ตั้งใจมากขนาดไหน หลังจากนั้นความรุนแรงทางคำพูดและอารมณ์ก็ลดลง สะท้อนให้เห็นว่า การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมามีประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
    .
    ในทางกลับกันก็มีหัวหน้าหลายคนที่ไม่สามารถยอมรับฟีดแบ็กได้ แต่การลาออกทันทีไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เราอาจเริ่มจากการเว้นระยะห่าง เพราะหัวหน้าที่ไม่รับฟังและมีกำแพงย่อมสร้างความลำบากใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างลูกน้อง
    .
    แต่ถ้าเว้นระยะห่างและทำงานตามมาตรฐานไปสักพักแล้ว ยังเกิดช่องว่างที่เราและหัวหน้าต่อไม่ติด สื่อสารกันไม่ได้อยู่ นั่นก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่า เราควรไปต่อหรือพอแค่นี้ เราอาจลองปรึกษาผู้บริหารที่มีอำนาจเหนือกว่าดูว่าจะช่วยกันแก้ปัญหายังไงได้บ้าง
    .
    ถ้าสุดท้ายหัวหน้าไม่สามารถให้คำแนะนำดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับการทำงานได้ การมองหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจอกับสิ่งที่ดีที่ใช่มากกว่า
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/tpaqtEQUJdFtav42/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,459
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สมาคมมหาวิทยาลัยแห่งชาติของญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเตือนว่ามหาวิทยาลัยแห่งชาติกำลังเผชิญหน้าผากับข้อจำกัดสำคัญทางการเงิน เพราะจำนวนคนเข้าเรียนลดลงเรื่อยๆ
    .
    ถทอมหาวิทยาลัยว่าเป็นจุดเปลี่ยนอันใหญ่หลวงของมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น โดยการลดลงของจำนวนเด็กนักศึกษาทำให้เกิดการหารือถึงทางออกหลายทางในการรับมือ ตั้งแต่การรวมมหาวิทยาลัย, การลดขนาดมหาวิทยาลัย ไปจนถึง การปิดมหาวิทยาลัย
    .
    อย่างไรก็ตาม คณะทำงานของสภาการศึกษากลาง ซึ่งให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำลังพิจารณาอนาคตของมหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองต่ออัตราการเกิดที่ต่ำของญี่ปุ่นให้เป็นวาระเร่งด่วน
    .
    ทั้งนี้ มีคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรส่วนใหญ่ที่เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย มีจำนวนรวมประมาณ 1.1 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดประมาณ 2.49 ล้านคนในปี 1966
    .
    นอกจากนี้ รายงานฉบับร่างชั่วคราวของคณะทำงานฯ ได้คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ที่มีอายุ 18 ปีจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจะเหลือประมาณ 820,000 คนในปี 2040 ส่งผลให้มีตัวเลขประเมินว่า จำนวนผู้เข้ามหาวิทยาลัยจะลดลงตามอย่างแน่นอนจากประมาณ 630,000 คนในปีที่แล้ว เหลือประมาณ 510,000 คนในปี 2040 เท่านัั้น
    .
    ขณะนี้คำแนะนำจากคณะทำงานฯ ชั่วคราว บอกแต่เพียงว่า ให้เพิ่มประสิทธิภาพของหลักสูตรเรียนให้ดีแม้คนเรียนน้อย การคัดกรองและเข้มงวดในการรับสมัครคนเข้าเรียนจำเป็นต้องรักษามาตรฐานเช่นเดิม เพื่อสร้างบุคลากรคุณภาพให้กับประเทศชาติ
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY
    .

    อ้างอิง:

    https://www.japantimes.co.jp/news/2...lk_s4vkgtzthrpqewvy8mnvt24cbcr68n_mpzwxjcydvk

    https://www.facebook.com/share/p/ZkDKm7fcyrPUT7sn/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...