ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วัดใจ กนง. ประชุมนัดหน้า 10 เมษายน 67 จะต้านทานกระแสกดดันไหวไหม ลุ้นกันตัวโก่ง “ลด หรือ ไม่ลด ดอกเบี้ยนโยบาย” ถ้าไทยเดินทางถึงภาวะเงินฝืดทางเทคนิคแล้ว?
    .
    หากนับถอยหลังก็จะเหลืออีกแค่เพียงไม่กี่วัน ที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ หลายฝ่ายยังคงจับตามองว่า กนง.จะตัดสินใจที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ เพราะช่วงที่ผ่านมากระแสกดดันจากทั้งภาคการเมือง เอกชน หรือแม้แต่ประชาชนเองก็คะยั้นคะยอ ให้ กนง. ลดเถอะ ถ้าเห็นแก่สภาพเศรษฐกิจและหนี้สินที่ประชาชนแบกอยู่ในมือปัจจุบัน
    .
    โดยในการประชุม กนง. ครั้งแรกของปี 2567 หรือในครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2.50 ต่อปี โดยมี 2 เสียง เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เสียงแตกแต่ไม่ดังโพล๊ะ หรือตู้มต้าม ให้ฝั่งที่รอความหวังว่าจะลดได้ดีใจ
    .
    ซึ่งในแต่ละครั้ง คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ให้เหตุผลเสมอว่าเหตุใดจึงไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะคำตอบที่ว่า “เศรษฐกิจไม่วิกฤต ถ้าลดดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรจะเป็นการส่งสัญญาณผิด” ทำเอาหลายคนตั้งคำถามแล้วว่า “ยังไม่วิกฤตอีกหร้อออ?” แต่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เองก็ได้ยืนยันเสมอว่ารับทราบดีถึงผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูง มีผลต่อความยากลำบากของผู้ที่กู้หนี้ยิมสินอย่างไร เพราะจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่ยังไม่ได้ขยับลงให้ได้โล่งอก แต่สิ่งที่สะท้อนความคอนทราสต์ของคำตอบของผู้ว่าแบงก์ชาติ ก็คือเป็นห่วงว่าถ้าหากลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควร อาจเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน เพราะหนี้ครัวเรือนยังมากกว่า 90% ของจีดีพี
    .
    และถ้าหากมองภาพรวมของเศรษฐกิจปัจจุบัน การปรับลดดอกเบี้ย ไม่ได้ส่งผลลดภาระหนี้ของประชาชนได้ เพราะมีสัดส่วนไม่น้อย ดอกจากการลดดอกเบี้ยไม่ได้เป็นผล และอาจทำให้เกิดการกู้เพิ่ม จนหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นอีก ที่สำคัญดอกเบี้ยเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องมีการอิงกับข้อมูล ภาพรวม และต้องดูผลเกี่ยวเนื่องระยะยาว ไม่ใช่แค่ผลระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อ ตัวเลขจีดีพีต่างๆ สำคัญที่สุดคือ เสถียรภาพของระบบการเงิน
    .
    ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่า ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้วเศรษฐกิจจะเป็นไปในทิศทางฟื้นตัว แต่ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่กระทรวงพาณิชย์รายงาน โดยยังติดลบ 0.47% นั้น ทำให้ขณะนี้สะท้อนถึงเงินเฟ้อของไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะเงินฝืดทางเทคนิค โดยเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่รัฐบาลเข้าไปดูแล ทั้งดีเซล และไฟฟ้า ขณะที่ราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น เนื้อสัตว์ และผัก–ผลไม้ ยังมีราคาย่อลง แสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบ นั่นจึงเป็นสัญญาณเงินฝืดทางเทคนิคแล้วนั่นเอง
    .
    ด้านศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กรุงไทย ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั้งปี ซึ่งมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ จะหนุนให้ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ลง 2 ครั้งติดต่อกันสู่ระดับ 2.0%
    แม้อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างมีแนวโน้มกลับมาเป็นบวกในไตรมาสที่ 2 แต่คาดว่าทั้งปีเงินเฟ้อเฉลี่ยจะอยู่ต่ำกว่า 1% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงกดดันให้เงินเฟ้อเร่งตัวสูงยังมีน้อย ซึ่งก็ประเมินว่า กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 10 เม.ย. 67 และวันที่ 12 มิ.ย. 67 เพื่อประคองเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพในอดีตที่ 3%
    .
    ในขณะที่ผู้ว่าแบงก์ชาติกลับมองว่าปัจจัยเรื่องของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อติดลบ ยังไม่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดการลดอัตราดอกเบี้ย เพราะจะดูแค่ตัวเลขบางส่วนไม่ได้ เนื่องจากเหตุที่เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง มาจากหลายสาเหตุ เช่น ภาคการผลิตชะลอลงและยังไม่ฟื้น ท่องเที่ยวดีขึ้นแต่นักท่องเที่ยวก็ระมัดระวังการใช้จ่ายเหมือนกัน การเบิกจ่ายรัฐยังล่าช้า เป็นต้น การลดดอกเบี้ยเพื่อหวังจะทิ้งบอมให้เศรษฐกิจฟื้นทันทีทันใดนั้น จึงเป็นไปได้ยาก หรือไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ในทางกลับกัน แบงก์ชาติ หรือ กนง. กลับมองว่าจะเป็นไปกระตุ้นให้คนไปกู้เพิ่มซะมากกว่า
    .
    อาจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า กนง. เคยมีมองมุมว่าถ้าตัดเรื่องราคาพลังงานออก เงินเฟ้อทั่วไปยังใกล้เคียง 1% อยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1–3% และกนง. ยังมีแนวทางมาโดยตลอดว่า สัญญาณของเศรษฐกิจกำลังจะฟื้นตัวขึ้นจากการที่นโยบายการคลังจะมีการใช้จ่ายเงินปกติ และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากปีที่แล้ว โดยคาดว่าปีนี้ขยายตัว 2.7% จากปีก่อน 1.9% ดังนั้น ยังไม่มีเหตุผลมากพอที่จะลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกันค่าเงินบาทอยู่ที่ 36.80 บาท/ดอลลาร์ ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หากปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าสหรัฐฯ อาจทำให้ค่าเงินบาทอ่อนหลุด 37.00 บาท/ดอลลาร์ได้ เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และไทยจะห่างกันมากขึ้น
    .
    ถ้า กนง. ลดดอกเบี้ยในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งมีผลให้เงินบาทอ่อน ก็จะเป็นแรงกดดันให้กองทุนน้ำมันมีหนี้เพิ่มมากขึ้น เกิดแรงกดดันต่อราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันสูงขึ้น อีกทั้งหากเงินบาทอ่อนค่ามาก จะยิ่งส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นเชื่อว่า กนง. อาจเริ่มลดดอกเบี้ยหลังจากที่ประเทศอื่นๆ ทยอยลดไปแล้ว โดยเฉพาะหลังจากการลดดอกเบี้ยของเฟด
    .
    ด้านอาจารย์อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าในวันที่ 10 เม.ย.นี้ จะมีการ “ลดดอกเบี้ยลงทันที 0.25%” และปรับลดลงในการประชุมเดือน มิ.ย. อีก 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายลดลงเหลือ 2.0% ปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.50% ตามที่ประเมินไว้ว่า กนง.จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อจะประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดลงมากกว่าเดิม
    .
    ขณะที่คุณรุ่งสงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มองว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปีแต่ถ้ามีเสียงแตก ก็เชื่อว่าน่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือน มิ.ย. และ ส.ค. 67 ซึ่งจะเกิดขึ้นครั้งละ 0.25% โดย กนง. อาจต้องการรอดูข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1 ซึ่งจะมีการประกาศออกมาในช่วงเดือน พ.ค. และแนวโน้มเศรษฐกิจหลังภาครัฐเบิกจ่ายงบเป็นสำคัญ รวมถึงเสถียรภาพค่าเงินบาท
    .
    อย่างไรก็ตาม ฟากฝั่งของการเมือง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และการเมือง พรรคเพื่อไทย ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ยังคงยืนยันที่ต้องการจะให้กนง. เดินหน้าลดดอกเบี้ย ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เพราะเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวต่ำมาก ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และเศรษฐกิจในไตรมาส 1 ปีนี้ก็จะไม่ดีเช่นกัน การขยายตัวน่าจะแย่กว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้วด้วยซ้ำ เงินเฟ้อของไทยติดลบมา 5 เดือนติดกันแล้ว และอาจจะติดลบอีกเป็นเดือนที่ 6
    .
    ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บอกอีกว่าการที่แบงก์ชาติอ้างว่านโยบายทางการเงินไม่ได้เป็นยารักษาโรคเฉพาะทางนั้น อาจจะถูกบางส่วนและไม่ถูกบางส่วน เพราะปัญหาเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งปัญหาเศรษฐกิจของไทยเกิดขึ้นแทบทุกด้าน ทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำ หนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง เงินเฟ้อติดลบมา 5 เดือน การส่งออกที่ขยายตัวได้น้อย การลงทุนที่หดหาย สภาพคล่องในระบบที่ลดลง ซึ่งเรื่องเหล่านี้นโยบายทางการเงินสามารถช่วยได้อย่างมาก โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ย การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ซึ่ง ธปท. น่าจะทราบดีอยู่แล้ว อย่าให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสนเหมือนรัฐบาลบังคับให้ ธปท. ออกยาเฉพาะทาง ทั้งที่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายด้านเหมือนร่างกายที่ทรุดโทรมต้องการการฟื้นฟูทั้งระบบ และ ธปท. จำเป็นต้องช่วยกันแก้ไขเหมือนเป็นการรักษาร่างกายโดยรวม
    .
    สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน 10 ครั้งล่าสุด กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 8 ครั้ง ติดต่อกัน ครั้งละ 0.25% ต่อปี จากระดับ 0.5% มาจนถึงระดับ 2.5% ต่อปี เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นการปรับขึ้นมาแล้ว 2% ต่อปี และการประชุม 3 ครั้ง หลังสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ย. วันที่ 29 พ.ย. 66 และ วันที่ 7 ก.พ. 67 กนง.ได้มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.50% ต่อปี ต่อเนื่องทั้ง 3 ครั้ง ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอ่อนค่าสลับผันผวนอย่างต่อเนื่อง
    .
    เอาเป็นว่าในวันที่ 10 เม.ย.ที่จะถึงนี้ เรามาลุ้นตัวโก่งไปพร้อมๆ กันว่าในท้ายที่สุด กนง. จะตัดสินใจอย่างไร ท่ามกลางแรงกดดัน และโจทย์ใหญ่ที่ต้องแบกรับร่วมกับรัฐบาลในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ...
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/43PR0CY
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #ดอกเบี้ย #กนง #แบงก์ชาติ #เศรษฐกิจไทย #เงินเฟ้อ #ดอกเบี้ยนโยบาย #เงินบาท #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/YdK7qh8oY2zy7DJT/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Apr 6, 2024 ชนะเมียนมา! ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจไทยปี 67 คาดเติบโตโตเพียง 2.8% โตต่ำเกือบรั้งท้ายในอาเซียน เศรษฐกิจไทยยังแกร่งโตกว่าเมียนมาเพียงชาติเดียว

    ธนาคารโลก เปิดเผรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และความยากจนประเทศไทย พบว่า แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทยในระยะกลางกำลังเผชิญกับความท้าทายในด้านต่างๆ ได้แก่ การรับมือกับสังคมประชากรสูงวัย การบริหารจัดการความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และความจำเป็นในการสร้างภูมิคุ้นกันด้านนโยบายใหม่ๆ ในการรับมือผลกระทบจากภายนอกประเทศในอนาคต ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น

    นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบศักยภาพของเศรษฐกิจไทยกับประเทศอื่นๆในอาเซียนนั้น ปรากฏว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นช้าล่ากว่าเกือบทุกประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน สาเหตุจากปัจจัยการผลิตและการลงทุนภาครัฐบาลอ่อนแอ ท่ามกลางการบริโภคภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 นี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นที่ระดับ 2.8% แต่กลับเติบโตล่าช้า และตามหลังประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียน มีเพียงเมียนมาที่เติบโตต่ำสุดในกลุ่มอาเซียน โดยอันดับ 1.ฟิลิปปินส์ 5.8% อันดับ 2.กัมพูชา 5.8% อันดับ 3.เวียดนาม 5.5% อันดับ 4.อินโดนีเซีย 4.9% อันดับ 5. มาเลเซีย 4.3% อันดับ 6. สปป.ลาว 4.0% อันดับ 7. ไทย 2.8% และอันดับสุดท้าย 8. เมียนมา 1.3%

    ย้อนกลับไปในปี 2023 เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในภาวะตกต่ำโดยขยายตัวได้เพียง 1.9% ซึ่งลดลงจากการขยายที่ระดับ 2.5% ในปี 2022 ที่สำคัญ เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน ดังนี้ อันดับ 1. ฟิลิปปินส์ 5.6% อันดับ 2. กัมพูชา 5.4% อันดับ 3. เวียดนาม 5.0% อันดับ 4. อินโดนีเซีย 5.0% อันดับ 5. เมียนมา 4.0% อันดับ 6. มาเลเซีย 3.7% อันดับ 7. สปป.ลาว 3.7% และอันดับสุดท้าย 8. ไทย 1.9%

    เศรษฐกิจประเทศไทยในปีนี้ ยังมีจุดด้อยที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ หนี้ครัวเรือนในระดับสูงที่ 90.6% ของเศรษฐกิจหรือจีดีพีไทย ที่สำคัญ เป็นประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในอาเซียน ส่วนปัญหาความยากจนนั้น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยมีอัตราความยากจนลดลงมากที่สุด 2.4% อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไทยกลับประสบปัญหาความยากจนเพิ่มขึ้น

    ธนาคารโลกปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2024 ลง -0.4% จากเดิมที่คาดการณ์ถึง 3.2% มาเหลือเพียง 2.8% สาเหตุจากการส่งออกในระยะยาวปีนี้อ่อนแรงลง การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลไทยที่ล่าช้ามากถึง 6 เดือนของปีงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ที่ภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคของภาคเอกชน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวของไทยในปี 2024 นี้ ได้รับการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวถึง 90% เทียบกับปีก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19

    นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังได้ลดเป้าประเมินตัวเลขจีดีพีไทยในปีหน้า 2025 ลงจากเดิมที่ระดับ 3.1% มาเหลือที่ 3.0% หากเป็นไปตามที่ธนาคารโลกประเมินไว้ นั่นหมายถึง เศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลงถึง 2 ปีติดต่อกัน หลังจากที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างย่ำแย่ถึง 1.9% ในปี 2023 ผ่านมา โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปีผ่านไปที่เศรษฐกิจไทยตกต่ำเหนือคาดหมายถึง -0.6% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2023

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #ธนาคารโลก #จีดีพี #ลดเป้า #เศรษฐกิจ #ส่งออก #ท่องเที่ยว #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/riPZAwp9KoL7ookV/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กำลังซื้อเศรษฐีไทยมีฝืด
    ถอยห่างอสังหาฯหรูในไทย บ้านเดี่ยว 10 -20 ล้านเหลือขายเกือบ 70% คอนโด 20 ล้าน เหลือขายเกือบ 90% ซัพพลายบ้านหรูล้นกว่า 1.3 แสนล้าน BTimes

    Apr 6, 2024 หรูติดหล่ม! เศรษฐีไทยยังถอยซื้อบ้าน-คอนโดหรู 10 ล้านบาท วงการยอมรับขายลำบากแค่ 1 ใน 3 ของซัพพลายเปิดใหม่ล้นตลาด กำลังซื้อเศรษฐีก็มีจำกัด

    ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา บ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีแนวโน้มขยายตัวสูง สวนทางยอดขายออกใหม่ ทำให้เสี่ยงเกิดภาวะซัพพลายล้น โดยยอดเปิดตัวใหม่ ปี 2566 มีจำนวน 6,626 หน่วย เพิ่มขึ้น 131% จากปี 2565 ที่มีจำนวน 2,866 หน่วย และมีมูลค่า 136,353 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121% จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 61,851 ล้านบาท

    ที่น่าสนใจ คือ อัตราการขยายตัวของกลุ่มคอนโด และบ้านเดี่ยวเพิ่มค่อนข้างสูง ดังนี้ คอนโดมิเนียมหรูหราราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 2,717 หน่วย เพิ่มขึ้น 1,774% โดยมีอัตราดูดซับ 1.4% ส่วนบ้านเดี่ยวหรูหราราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 3,698 หน่วย เพิ่มขึ้น 55.6% โดยมีอัตราดูดซับ 2.9% ซึ่งเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับการขายออก (แนวราบ) ราคา 10 ล้านบาทที่ขายได้เพียง 1 ใน 3 ของซัพพลายใหม่ที่เข้ามา เช่น อสังหาริมทรัพย์ราคา 10 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียมมียอดขายได้ในในไตรมาส 4 ปีผ่านมาที่ 215 หน่วย จากหน่วยเสนอขายทั้งหมด 5,225 หน่วย สอดรับกับบ้านเดี่ยว ขายได้ 1,130 หน่วย จากหน่วยเสนอขายทั้งหมด 12,978 หน่วย

    สำหรับอสังหาริมทรัพย์ราคา 20 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปีผ่านไปมี 631 หน่วย แต่ขายได้ใหม่ได้ 81 หน่วย ส่วนบ้านเดี่ยวเปิดตัวใหม่มีจำนวน 1,171 หน่วย แต่ขายได้ใหม่เพียง 361 หน่วย

    ข้อมูล ยังพบว่ามีโครงการสร้างเสร็จพร้อมขาย 3,200 หน่วย และมีโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้าง 7,000 หน่วย ส่วนโครงการในอนาคตมีอีก 2,700 หน่วย ที่จะมาเติมในฝั่งซัพพลาย แต่สถิติการขายไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยยอดการเปิดตัวใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับยอดขาย สะท้อนเป็นตัวเลขที่ชัดเจนในหน่วยเหลือขาย ปี 2566 จำนวน 18,570 หน่วย เพิ่มขึ้น 56.1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันผ่านมา

    หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดปี 2561-2562 ที่มียอดเหลือขายเพียง 9,713 หน่วย และ 12,196 หน่วยตามลำดับ หรือคิดเป็นการขยายตัว 2 เท่า
    โดยมีมูลค่าเหลือขายในปี 2566 รวม 432,176 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีหน่วยเหลือขาย 271,886 หน่วย

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #อสังหาริมทรัพย์ #บ้านเดี่ยว #คอนโด #คอนโดมิเนียม #หรูหรา #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/KdroEJSrVTpxoDhd/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #น้ำแตก "เทมส์ วอเตอร์" ประปาใหญ่สุดอังกฤษ #ล้มละลาย ไม่มีปัญญาจ่ายหนี้ 6.5หมื่นล้าน บ.! รัฐบาลลอยแพ *เป็นห่วง #เทนฮาก ไม่มีน้ำใช้

    ไม่เล็กนะครับเรื่องนี้
    ต้องอธิบายอย่างย่นย่อก่อนว่า ประเทศที่เจริญๆ จะเปิดเสรีพวกสาธารณูปโภคได้ เช่น ไฟฟ้า ประปา ก็มีเอกชนหลายเจ้าเข้ามาแข่งขัน ให้บริการ (แต่ประเทศที่ยังไม่เจริญพอ จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ทางอะไรต่อมิอะไรเพื่อให้รับประกันได้ว่าประชาชนมีไฟใช้ มีน้ำใช้ ฯลฯ)
    "เทมส์ วอเตอร์" Thames Water บริษัทประปาใหญ่สุดในอังกฤษ เป็นเอกชนนะครับ
    1 ใน 4 ของน้ำที่ใช้กันในอังกฤษ มาจากบริษัทนี้นี่แหละ
    ล่าสุด บริษัทแม่ คือ "เคมเบิล วอเตอร์ ไฟแนนซ์" Kemble Water Finance ผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ และรัฐบาลก็ปฏิเสธอุ้มเด็ดขาด ย้ำว่าต้องช่วยเหลือตัวเอง
    ไม่ขอไล่เรียงละนะครับว่าเหตุใดที่นำพามาถึงจุดนี้ เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นน่าพินิจกว่ากันเยอะ
    ที่จริง ใช้คำ "ล้มละลาย" ก็ยังไม่ถูกซะทีเดียว ยังไม่ 100% ครับ ยังมีโอกาสเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อเลื่อนนัดชำระหนี้ออกไป มิฉะนั้น ก็ต้องปรับโครงสร้างหนี้ (และขอพิทักษ์สินทรัพย์ขณะปรับโครงสร้างหนี้) เข้าสู่สถานะ "ล้มละลาย" เต็มๆ
    ขอซื้อเวลาอีกนิด ... เพื่อกู้วิกฤติ
    กฎหมายของที่นั่นรัดกุมนะครับ (*เมื่อไม่ตั้งรัฐวิสาหกิจมาเหมาทำเอง ก็ต้องเขียนกฎหมายให้รัดกุม เพื่อรับประกันว่าประชาชนจะอยู่ดีมีสุข ไม่ขาดสาธารณูปโภคพื้นฐาน) คณะกำกับกิจการด้านประปาของอังกฤษยืนยันว่าลูกค้าของ "เทมส์ วอเตอร์" ต้องมีน้ำใช้ ไม่ว่าทางบริษัทจะเผชิญปัญหาการเงินอะไรก็ว่าไป
    https://www.bloomberg.com/news/arti...wner-kemble-sends-default-notice-to-creditors

    https://www.facebook.com/share/LdKSkVXh7jypapYk/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รวบ "หลิวลู่" หนุ่มจีนวัย 38 ปี เจ้าของโกดังเก็บแคดเมียม 7 พันตันที่ชลบุรี อ้างรับซื้อมาจาก "มิสเตอร์จาง" เพื่อรอการจำหน่าย #แคดเมียม #ฐานเศรษฐกิจ
    .
    อ่านข่าวเพิ่มเติมในคอมเมนต์

    https://www.facebook.com/share/p/bbpxqSYL3WxNbe73/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ด่วน! พบกาก "แคดเมียม" เพิ่ม 1,000 ตันพื้นที่สมุทรสาคร พิมพ์ภัทราสั่งปูพรมตรวจสอบกากแคดเมียมทั้งในสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง เผยสัปดาห์ที่ผ่านมาพบแล้วเกือบ 10,000 ตัน หรือ 70% ของทั้งหมดที่ขนมาจากที่ตาก #กากแคดเมียม #สารพิษ #ฐานเศรษฐกิจ
    .
    อ่านข่าวเพิ่มเติมในคอมเมนต์

    https://www.facebook.com/share/FTSKgNAGR7EQk3RJ/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สือเต่าวาน (Shidaowan) แบบเตาปฏิกรณ์ระบายความร้อนด้วยก๊าซอุณหภูมิสูง (HTGR) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รุ่นที่ 4 แห่งแรกของโลก ได้เริ่มต้นจ่ายความร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในเมืองหรงเฉิง มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. เป็นต้นมา
    .
    บริษัท ไชน่า หัวเหนิง กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สือเต่าวาน เผยว่านับเป็นครั้งแรกที่โรงไฟฟ้าฯ ได้จ่ายความร้อนแก่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่เมือง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์อย่างครอบคลุมรอบด้าน
    .
    โครงการจ่ายความร้อนของโรงไฟฟ้าฯ เชื่อมต่อกับโครงข่ายการไฟฟ้าเพื่อทำความร้อนในพื้นที่เมืองหรงเฉิงราว 190,000 ตารางเมตร ทดแทนพลังงานความร้อนแบบเก่า โดยคาดว่าจะช่วยประหยัดถ่านหินในแต่ละฤดูทำความร้อนราว 3,700 ตัน เท่ากับลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 6,700 ตัน
    .
    สำหรับฤดูทำความร้อนในเมืองหรงเฉิงอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2023 จนถึงกลางเดือนเมษายนนี้ ซึ่งยาวนานกว่าพื้นที่อื่นๆ ของมณฑลซานตง โดยเมืองหรงเฉิงที่เป็นเมืองท่าริมทะเลมักมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าเมืองที่อยู่ห่างไกลชายฝั่งแห่งอื่นๆ ของซานตงราว 6-10 องศาเซลเซียส

    FB_IMG_1712480339047.jpg
    (แฟ้มภาพซินหัว : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สือเต่าวานแบบเตาปฏิกรณ์ระบายความร้อนด้วยก๊าซอุณหภูมิสูงในเมืองหรงเฉิง มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน วันที่ 6 ธ.ค. 2023)

    โครงการจ่ายความร้อนของโรงไฟฟ้าฯ ที่ตั้งอยู่ในมณฑลซานตงและจีนเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างอิสระเต็มรูปแบบนี้ ร่วมพัฒนาโดยบริษัท ไชน่า หัวเหนิง กรุ๊ป จำกัด มหาวิทยาลัยชิงหัว และบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีน (CNNC)
    .
    การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สือเต่าวานเริ่มต้นเดือนธันวาคม 2012 และผลิตไฟฟ้าครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ก่อนจะเริ่มต้นการดำเนินงานเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนธันวาคม 2023
    .
    อนึ่ง เมืองหรงเฉิงวางแผนขยับขยายเครือข่ายท่อสนับสนุนการจ่ายความร้อนพลังงานนิวเคลียร์ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำความร้อนในเมืองเพิ่มเติม 4.6 ล้านตารางเมตร และทำให้ผู้อยู่อาศัยมากกว่าครึ่งหนึ่งเข้าถึงการจ่ายความร้อนพลังงานนิวเคลียร์
    FB_IMG_1712480360401.jpg
    (แฟ้มภาพซินหัว : คนงานทำงานที่จุดก่อสร้างท่อสำหรับการจ่ายความร้อนในเมืองหรงเฉิง มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน วันที่ 29 มี.ค. 2024)

    https://www.facebook.com/share/FBmxgaQw1oKZoy9v/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    PSX_20240407_160551.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หรือไทยจะไม่ใช่ชาติกินเผ็ด? ความเผ็ดพริกของไทย เป็นได้แค่ระดับ "อนุบาล" ของโลก
    .
    คนไทยกินอาหารรสเผ็ดกันมานมนาน จนหลายคนคิดว่าเป็นชาติที่กินเผ็ดเก่งที่สุดในโลก พริกขี้หนู พริกจินดาและพริกกะเหรี่ยงนั้นเป็นสุดยอดของพริกที่แสนเผ็ด จนมั่นใจว่าไม่มีคนชาติใดสู้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นความเข้าใจผิดทั้งสิ้น
    .
    คนชาติอื่นเขากินพริกกันมานับพัน ๆ ปีแล้ว และพริกของเรานั้น ความเผ็ดอยู่ในขั้นอนุบาลของโลกเท่านั้น ลองมาดูกันว่าความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
    .
    [เรื่อง: วรากรณ์ สามโกเศศ]
    .
    ภาษาอังกฤษเรียกพริกว่า chili หรือ Chili peppers ในหนังสือน่าสนใจมากชื่อ “พรรณพืชในประวัติศาสตร์ไทย” (2548) โดย ดร.สุรีย์ ภูมิภมร ระบุว่า ร่องรอยในถ้ำแถบอเมริกากลางให้ข้อสรุปที่น่าเชื่อถือว่า ผู้คนในอเมริกากลาง (ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณประเทศคอสตาริกา เอลซัลวาดอร์ ฮอนดูรัส ปานามา นิการากัว ฯลฯ) กินพริกกันมานานกว่า 9,000 พันปีแล้ว
    .
    การกินพริกเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม Aztec ซึ่งอยู่ในพื้นที่ประเทศเม็กซิโกซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป เมื่อ Christopher Columbus นักเดินเรือผู้แสวงหาเครื่องเทศเดินทางไปทวีปอเมริกาเมื่อประมาณ 500 ปีก่อน ก็พบพืชพรรณแปลก ๆ และนำกลับไปยุโรป และต่อมาแพร่กระจายไปทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย
    .
    เชื่อว่าพริกเข้าสู่สังคมไทยเมื่อประมาณ 450 ปีก่อน ซึ่งตรงกับกลางสมัยอยุธยา หรือประมาณ พ.ศ. 2117 หลังกรุงแตกครั้งที่หนึ่งเล็กน้อย ดังนั้น คนไทยจึงรู้จักรสเผ็ดจากพริกกันเพียงไม่ถึง 500 ปี อาหารของคนสมัยสุโขทัยและอยุธยาตอนต้นจึงน่าจะจืดชืดเพราะขาดลักษณะ “ถูกปาก เจ็บปวด รวดเร็ว และราคาถูก” ของพริกอย่างน่าเสียดาย
    .
    ในปี ค.ศ. 1912 เภสัชกรชาวอเมริกัน ชื่อ Wilbur Scoville ประดิษฐ์สเกลวัดความเผ็ดของพริกขึ้นโดยวัดหาสารเคมีธรรมชาติที่ทำให้เกิดความเผ็ดในพริกคือ แคปไซซิน (Capsaicin) ในตอนแรกใช้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านรสเผ็ดช่วยกันประเมินระดับความเผ็ด โดยมีหน่วยเป็น SHU (Scoville Heat Unit) และตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ความเผ็ดก็ได้รับการประเมินด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นวิธีวัดเพื่อให้หน่วยความเผ็ด SHU ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ
    .
    ความเผ็ดพริกระดับสูงสุดคือ #PepperX เผ็ดสุด ๆ ที่ 2.693 ล้าน SHU โดย Pepper X เพิ่งได้การยอมรับจาก Guinness World Records ในปี 2023 ว่าเป็นพริกที่เผ็ดที่สุดในโลก พริกนี้เกิดขึ้นจากการผสมข้ามพันธุ์โดยคนอเมริกัน ชื่อ Ed Currie ซึ่งก่อนหน้านี้ พันธุ์ #CarolinaReaper อันเป็นผลงานของเขาเช่นกันได้ครองแชมป์โลกอยู่ เป็นเวลา 10 ปี
    .
    #พริกขี้หนู ของไทยที่มีชื่อเรียกว่า Bird’s eye chili มีความเผ็ดอยู่ที่ 50,000-100,000 SHU ส่วนพริกจินดาของไทยที่ได้ยินคนเอ่ยถึงกันทั่วไปและพริกกะเหรี่ยงก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน สเกลนี้แสดงให้เห็นว่าพริกที่ว่าเผ็ดมาก ๆ ของบ้านเรานั้นอยู่ในระดับอนุบาลมากเมื่อเทียบกับพริกที่เผ็ดสุดของโลก โดยนับได้ว่าเผ็ดน้อยกว่าประมาณ 27 เท่า
    .
    ผู้กิน Pepper X บอกว่า จะรู้สึกรสชาติเพียง 1 ในพันของวินาที หลังจากนั้นความเผ็ดร้อนก็จะเข้าแทนที่อย่างแทบทนไม่ได้ รวมถึงจะมีอาการปวดเกร็งในท้องอย่างมาก และจะกลับมาเป็นปกติหลังจาก เวลา 5-6 ชั่วโมงผ่านไป สำหรับ Carolina Reaper ซึ่งเป็นฐานของการต่อยอดพันธุ์ Pepper X นั้นใช้เวลาฟื้นตัวเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/news/news-update/1119338?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจColumnist
    https://www.facebook.com/share/p/QKmZ7ZHBrHHpV14M/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปิดตำนาน 43 ปี ‘กัปตันซึบาสะ’ มังงะพลิกโฉมโลกฟุตบอล
    .
    ปิดตำนาน 43 ปี ‘กัปตันซึบาสะ’ มังงะพลิกโฉมโลกฟุตบอล โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้เขียนมังงะเหนือกาลเวลาเรื่องนี้ได้เขียน “ตอนจบ” ในเรื่องราวของ โอโซระ ซึบาสะ ลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    “มากันเลยมิซากิ ลูกชิ่งคู่ขาแข้งทอง” ก่อนที่ซึบาสะจะรับบอลกลับมาแล้วง้างเท้าเพื่อเตรียมทำประตูในท่าไม้ตาย
    .
    “รับไปเลย ลูกยิงไดรฟ์ชู้ต!”
    .
    ประโยคข้างต้นคือส่วนเดียวของภาพความทรงจำที่หวนกลับมาเมื่อคิดถึงเรื่องราวของ “กัปตันซึบาสะ” (Captain Tsubasa) มังงะฟุตบอลที่ดีที่สุดตลอดกาล ที่อยู่คู่กับเด็กๆมายาวนานตั้งแต่ปี 1981 หรือกว่า 43 ปีแล้ว
    .
    เพียงแต่เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้เขียนมังงะเหนือกาลเวลาเรื่องนี้ได้เขียน “ตอนจบ” ในเรื่องราวของโอโซระ ซึบาสะลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้แก่เรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่บอกกับใครต่อใครเสมอว่า “ฟุตบอลคือเพื่อน” เรามาร่วมเดินทางย้อนเวลาไปด้วยกันถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
    .
    เรื่องราวที่สามารถพลิกโฉมโลกฟุตบอลได้ทั้งใบอย่างน่าอัศจรรย์
    .
    ⚽️ เสียงนกหวีดสุดท้ายของซึบาสะ
    .
    เกมฟุตบอล มีเวลาในสนาม 90 นาที แต่ซึบาสะโลดแล่นมายาวนานกว่า 43 ปีเข้าไปแล้ว แม้ว่าเวลาในเรื่องจริงๆจะกินระยะเวลาเพียงแค่ 11 ปีก็ตาม (ในมังงะตอนแรกซึบาสะอายุ 11 ปี ปัจจุบันในภาค Rising Sun Finals อายุ 22 ปี)
    .
    แต่สำหรับเจ้าของผลงานอย่างทาคาฮาชิแล้ว เขารู้ตัวว่าเวลาของเขาอาจจะเหลือไม่มากพอที่จะพาซึบาสะไปได้ไกลกว่านี้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการประกาศออกมาตั้งแต่ต้นปี 2024 ว่า
    .
    เรื่องราวของกัปตันซึบาสะจะยุติลงในนิตยสาร Captain Tsubasa ฉบับที่ 20 ซึ่งเพิ่งออกวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
    .
    ถือเป็นการปิดฉากตำนานลูกหนังอันเป็นที่รักของผู้คนมาอย่างยาวนาน ด้วยเสียงนกหวีดสุดท้ายที่ยาวนาน
    .
    แต่ในข่าวเศร้าก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อทาคาฮาชิเปิดเผยล่าสุดก่อนหน้านี้ไม่กี่วันว่าถึงแม้จะยุติการตีพิมพ์ลง แต่เขาจะเล่าเรื่องราวของซึบาสะกับผองเพื่อนต่อไป
    .
    แค่เปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อยมาเป็นการวาดในแบบภาพร่างง่ายๆ ไม่ได้มีการลงรายละเอียดเหมือนในมังงะ ซึ่งเหมาะสมกับวัยของทาคาฮาชิที่ปัจจุบันอายุ 63 ปีแล้ว และจะเผยแพร่บนเว็บไซต์กัปตันซึบาสะแทน โดยจะเริ่มรูปแบบใหม่นี้ในช่วงฤดูร้อนของประเทศญี่ปุ่น
    .
    ถือเป็นการ “ต่อเวลาพิเศษ” สำหรับซึบาสะที่ทาคาฮาชิตั้งใจไว้ว่า หลังจบภาคโอลิมปิกแล้วจะพาซึบาสะไปให้ถึงฟุตบอลโลกให้ได้
    .
    แบบนี้เดาได้ไม่ยากว่าบทสรุปสุดท้ายของเรื่องราวจริงๆจะเป็นอย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากติดตามและเอาใจช่วยทั้งซึบาสะและทาคาฮาชิในการเดินทางครั้งใหม่
    .
    ถึงแม้ว่าชัยชนะจะไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร
    .
    เพราะตลอด 43 ปีที่ผ่านมา ซึบาสะและทาคาฮาชิได้มอบอะไรที่ดีและมีความหมายมากกว่าให้แก่โลกใบนี้มาเยอะแล้ว
    .
    ความรัก ความฝัน แรงบันดาลใจ และมิตรภาพที่จะอยู่กับเราตลอดไป
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1121162?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle

    https://www.facebook.com/share/p/EC4YexGtfoB4aBj5/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จับตา 'ปตท.สผ.' รับผลกระทบ มหาอำนาจคว่ำบาตร 'เมียนมา' หลัง 'เชฟรอน-โททาล-มิตซุย'
    ถอนลงทุน
    .
    "เชฟรอน-โททาล-มิตซุย" ถอนลงทุนใน "เมียนมา" จับตา "ปตท.สผ." ที่ยังเป็นบริษัทผู้ลงทุนรายใหญ่แม้กำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต้องเผชิญความเสี่ยงประเทศมหาอำนาจเตรียม "คว่ำบาตร" เมียนมา
    .
    ประเทศไทยนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาตั้งแต่ปี 2541 โดยรับจากแหล่งก๊าซธรรมชาติยาดานา ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนของบริษัทพลังงานหลายราย โดยหลังเหตุการณ์รัฐประหารในเมียมาปี 2564 ทำให้บริษัทต่างชาติหลายแห่งถอนการลงทุนจากเมียนมา
    .
    ล่าสุดบริษัท Unocal Myanmar Offshore Company Limited หรือ UMOC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ Chevron ได้แจ้งความจํานงค์ในการถอนการลงทุนในโครงการยาดานา และได้ดําเนินการถอนการลงทุนแล้วเสร็จ ในวันที่ 5 เมษายน 2567
    .
    นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ได้รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการถอนการลงทุนดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ หลังการถอนการลงทุนดังกล่าว สัดส่วนการลงทุนของบริษัท UMOC ได้ถูกโอนให้กับผู้ร่วมทุนที่เหลืออยู่ โดย ปตท.สผ.จะมีสัดส่วนการลงทุนที่ 62.96% ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567
    .
    บล.กสิกรไทย ระบุว่า สัดส่วนขอ ปตท.สผ.ในโครงการยาดานา เปลี่ยนแปลงจาก 37.0842% เป็น 62.9630% ซึ่งปริมาณขายเฉลี่ยปี 2024 ของโครงการในสัดส่วน ปตท.สผ.จะเพิ่มขึ้น 4 KBD หรือคิดเป็น upside ประมาณ 0.8%
    .
    ทั้งนี้ ไม่ถือเป็นการซื้อขายสัดส่วนเนื่องจากเป็นการถอนการลงทุน ดังนั้น ไม่มีผลกระทบต่อกำไรขาดทุนของบริษัท ซึ่งมองเป็นกลาง เนื่องจากแม้กำไรของ ปตท.สผ.อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ความเสี่ยงที่สหรัฐจะคว่ำบาตรประเทศเมียนมามีสูงขึ้น
    .
    สำหรับโครงการยาดานาเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติที่ดําเนินการผลิตตั้งแต่ปี 2541 ตั้งอยู่ในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมา โครงการดังกล่าวมีความสําคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานของทั้งไทยและเมียนมา
    .
    นอกจากนี้ หากย้อนไปนับตั้งแต่มีการรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2564 เกิดการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในเมียนมาหลายครั้ง โดยเมื่อปี 2565 บริษัท TotalEnergies EP Myanmar ได้ยุติการการลงทุนโครงการยาดานา และบริษัท Moattama Gas Transportation Company (MGTC) กลุ่ม ปตท.สผ.ได้รับเข้าเป็นผู้ดำเนินการของโครงการ
    .
    โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้ร่วมทุนของโครงการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 ซึ่งทำให้สัดส่วนการลงทุนของ ปตท.สผ.ในปี 2565 มาอยู่ที่ประมาณ 37.1%
    .
    นอกจากนี้ ปตท.สผ.ยอมรับในรายงานการวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการสำหรับผลการดำเนินงาน (MD&A) ในไตรมาส 3 ปี 2565 ว่า ในช่วงโควิด-19 และสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศเมียนมา รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกทำให้การดำเนินการในบางกิจกรรมมีความล่าช้า
    .
    ทั้งนี้ที่ผ่านมา กลุ่ม ปตท.สผ.ได้เตรียมการตามแผนการบริหารจัดการในภาวะวิกฤตและบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management หรือ BCM) มีการประเมินความเสี่ยงและพิจารณาแผนการดำเนินงาน และวางแผนรองรับตามความเหมาะสม
    .
    รวมทั้ง ที่ผ่านมา ปตท.สผ.ได้ดำเนินโครงการที่อยู่ระหว่างการสำรวจ (Exploration Phase) ในเมียนมา คือ โครงการเมียนมา เอ็ม 3 อยู่ในขั้นตอนรอการพัฒนา โดยตั้งอยู่นอกชายฝั่งทะเล อ่าวเมาะตะมะ
    .
    สำหรับโครงการเมียนมา เอ็ม 3 ได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการจากรัฐบาลเมียนมาในเดือนเมษายน 2564 โดยกลุ่ม ปตท.สผ.มีสัดส่วนการลงทุนในโครงการ 100% หลังจากที่บริษัท Mitsui Oil Exploration Company Limited (MOECO) ได้ขอยุติการลงทุนตามสัญญาร่วมทุน ซึ่งได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมาแล้วในเดือนพฤศจิกายน 2565
    .
    โครงการเมียนมา เอ็ม 3 จึงเป็นอีกโครงการที่บริษัทต่างชาติได้ถอนการลงทุนออกจากเมียนมาหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2564
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจBusiness

    https://www.facebook.com/share/p/kri2yY77JzTWXoBt/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ห้ามเผา-ไม่ใช้รถเก่า-ทำฝนเทียม วิธีลด ‘PM2.5’ ของ ‘เอเชียใต้’ ภูมิภาคที่มีอากาศที่แย่ที่สุดในโลก
    .
    ในปี 2023 “เอเชียใต้” กลายเป็นภูมิภาคที่มีสภาพภูมิอากาศเลวร้ายที่สุด โดยจากการรายงานสภาพอากาศประจำปี 2023 ของ IQAir บริษัทติดตามคุณภาพอากาศทั่วโลก พบว่า “บังกลาเทศ” เป็นประเทศที่มีคุณภาพอากาศแย่มากที่สุดในโลก ตามมาด้วยปากีสถานและอินเดียในอันดับที่ 2 และ 3 ซึ่งอยู่ในเอเชียใต้เช่นเดียวกัน
    .
    ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระดับ PM2.5 เฉลี่ยต่อปีไม่ควรเกิน 5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ระดับ PM2.5 ของบังกลาเทศอยู่ที่ 79.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าที่ WHO แนะนำเกือบ 16 เท่า ขณะที่ปากีสถานอยู่ที่ 73.7 ส่วนอากาศของอินเดียมีอนุภาค PM2.5 อยู่ที่ 54.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรโดยเฉลี่ย
    .
    ️สาเหตุที่ทำให้สภาพอากาศ “เอเชียใต้” ย่ำแย่
    .
    รายงานยังพบว่า คุณภาพอากาศที่ไม่ดีในเอเชียใต้ เป็นเพราะประเทศเหล่านี้มีอุตสาหกรรมที่ใช้ “การเผา” เป็นจำนวนมาก ทั้งการเผาอิฐ การเผาขยะทางการเกษตร การเผาศพ และการปล่อยมลพิษทางอุตสาหกรรมอื่น ๆ นอกจากนี้กลุ่มประเทศเหล่านี้ยังใช้ “เชื้อเพลิงแข็ง” เช่น ไม้ ฟืน เศษวัชพืช ถ่านหิน หินน้ำมัน และแกลบ ในการปรุงอาหารและให้ความร้อน โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น ยิ่งจะทำให้มลพิษทางอากาศเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในบังกลาเทศมีเตาเผาอิฐประมาณ 8,000 เตา ซึ่งบางแห่งดำเนินการอย่างผิดกฎหมาย นอกจากนี้การเผาขยะพลาสติกและควันจากยานพาหนะยังส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลงอีกด้วย นอกจากนี้
    “มลพิษข้ามพรมแดน” เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บังกลาเทศมี PM2.5 จำนวนมาก เพราะเมื่ออินเดีย เนปาล และปากีสถานเผาไร่นา หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต ควันเหล่านั้นอาจลอยเข้าสู่บังกลาเทศได้เช่นกัน
    .
    ขณะที่ทางตอนเหนือของอินเดียและเดลีมีคุณภาพอากาศไม่ดีมากเช่นกัน เป็นผลมาจากการเผาสารชีวมวล ไม้ หรือของซากพืชต่าง ๆ หลังจากการเก็บเกี่ยวข้าวเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกข้าวสาลี เพื่อนำไปใช้ผลิตเชื้อเพลิง อีกทั้งการเผาไหม้ถ่านหินและการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะ ก็มีส่วนทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเช่นกัน
    .
    นอกจากนี้ ภูมิศาสตร์ของเอเชียใต้ยังมีบทบาทสำคัญที่ทำให้มลพิษทางอากาศสะสมเป็นจำนวนมากอีกด้วย เอเชียใต้มี “ที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ-คงคา” เป็นที่ราบที่สำคัญ โดยตั้งอยู่บริเวณบังกลาเทศ ฝั่งตะวันออกของปากีสถาน พื้นที่ทางตะวันออกและตอนเหนือของอินเดีย และทางใต้ของเนปาล เมื่อโดนลมจากชายฝั่งพัดเขามา ทำให้มลพิษที่ปล่อยออกมาถูกพัดพาไปเข้าไปยังเทือกเขาหิมาลัยที่อยู่ทางตอนเหนือ และมลพิษไม่สามารถกระจายออกไปยังที่อื่นได้
    .
    ️“เอเชียใต้” เร่งแก้ปัญหา “มลพิษ”
    .
    รัฐบาลเอเชียใต้ได้พยายามออกมาตรการควบคุมมลพิษทางอากาศ ตัวอย่างเช่น อินเดียประกาศห้ามไม่ให้มีการเผาถ่านหินในภูมิภาคราชธานีแห่งชาติ ซึ่งเป็นภูมิภาคส่วนกลางที่รายล้อมเขตเมืองหลวงแห่งชาติเดลี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566
    .
    แม้ว่ายานพาหนะรุ่นเก่าถูกห้ามในเดลีในปี 2561 ส่งผลให้จำนวนรถยนต์บนท้องถนนลดลง 35% ตามรายงานของ IQAir แต่ว่ารัฐบาลเดลีและสถาบันเทคโนโลยีคานปูร์แห่งอินเดีย ยังระบุว่า การปล่อยมลพิษจากยานพาหนะยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศของเมือง
    .
    ขณะที่แคว้นปัญจาบของปากีสถานสั่งห้ามการเผาพืชผลและเปิดตัวโครงการขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนไม่เอารถส่วนตัวออกมาใช้ แต่ถึงจะมีคำสั่งห้าม เกษตรกรยังคงเผาพืชผลอย่างผิดกฎหมาย เพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่ถูกและดีกว่า
    .
    ส่วนบังกลาเทศประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่า ตั้งใจที่จะใช้เครื่องติดตามจากเตาเผาอิฐ ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีการรับรู้ระยะไกล เพื่อระบุเตาเผาอิฐที่เป็นอันตราย และเพื่อช่วยปรับปรุงกฎการบังกับ
    .
    อินเดียและปากีสถานหันมาใช้การทำฝนเทียมเพื่อลดหมอกควัน บิลาล อัฟซาล รัฐมนตรีรักษาสิ่งแวดล้อมของปากีสถาน เปิดเผยกับสำนักข่าว The Guardian ว่าการทำฝนเทียมในเมืองลาฮอร์จะช่วยให้คุณภาพอากาศดีขึ้นประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นมลพิษทางอากาศก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1121129?anm=
    .
    ที่มา:
    Euro News: https://bit.ly/3J6RLyj
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจEnvironment
    https://www.facebook.com/share/p/nHU9ubdjYA3pCR4g/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทำไม 'ชาไทย' มีสีส้ม ธรรมชาติหรือแต่งสีสังเคราะห์ เกี่ยวไหมที่ชาไทยถูกแบน
    .
    “ชาไทย” หรือ “ชาเย็น” ได้รับการจัดอันดับจาก “TasteAtlas” เว็บไซต์รวบรวมร้านอาหาร สูตรอาหาร และวัตถุดิบจากท้องถิ่นทั่วโลก ติด 1 ใน 10 เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ที่คะแนนดีที่สุดในโลก โดยเครื่องดื่มชาไทยสีส้มที่เราคุ้นเคยเป็นการนำ “ชาซีลอน” มาดัดแปลงด้วยการปรับสีและกลิ่น รวมทั้งยังมีการเติมนมและน้ำตาลเข้าไปเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมถูกปากมากขึ้น นอกจากคนไทยจะนิยมดื่มชาไทยกันอย่างแพร่หลายต่างชาติเองก็ให้ความสนใจเมนูนี้เช่นกัน เห็นได้จากคิวหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้าที่ได้รับความสนใจกันอย่างเนืองแน่น
    .
    อย่างไรก็ตามกลับพบว่า ชาไทยสีส้มที่เราคุ้นเคยมีหน้าตาที่แตกต่างออกไปในต่างประเทศ จากสีส้มเข้มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนคล้ายกับโกโก้หรือโอวัลตินมากกว่า ซึ่งในเวลาต่อมาก็พบว่า แท้จริงแล้วนี่คือสีน้ำตาลที่แปลกตาเช่นนี้เป็นสีของ “ชาไทย” หรือ “ชาเย็น” แบบดั้งเดิม ทว่าสีส้มที่หลายคนคุ้นเคยกันนั้นเกิดจากการใส่สีผสมอาหารเพื่อให้เครื่องดื่มน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
    .
    ผงชาไทยสำเร็จรูปที่ส่งออกไปยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปมีข้อห้ามใช้สีผสมอาหาร “Sunset Yellow FCF” ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้ผงชาไทยมีสีส้มเข้ม ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า สีผสมอาหารที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้อันตรายต่อร่างกายหรือไม่ และสีเหล่านี้ส่งผลกับรสชาติหรือความอร่อยอย่างไร
    .
    กรณีการแบนสีผสมอาหารในโซนยุโรปนำไปสู่คำถามที่ว่า หากสีสังเคราะห์เหล่านี้ไม่ปลอดภัยแล้วทำไมบ้านเราจึงสามารถใช้เป็นส่วนผสมได้
    .
    เนื่องจากในประเทศในสหภาพยุโรปมีข้อห้ามนำเข้าสินค้าที่มีส่วนผสมของ “Sunset Yellow FCF” หรือสีสังเคราะห์ให้สีเหลืองถึงสีส้ม โดยหน่วยงานภาครัฐอย่าง “สำนักงานมาตรฐานอาหารของประเทศอังกฤษ” (Food Standards Agency: FSA) เรียกร้องให้ภาครัฐยกเลิกการใช้สีสังเคราะห์อาหาร 6 สีภายในปี 2552 ทั้งยังเรียกร้องให้เลิกใช้ทุกประเทศในสหภาพยุโรปด้วย โดยสีทั้ง 6 มีรายชื่อดังต่อไปนี้ “Tartrazine” “Quinoline Yellow” “Sunset Yellow” “Carmoisine” “Ponceau 4R” และ “Allura Red”
    .
    ข้อมูลจากเว็บไซต์สำนักข่าว “ดิ อินดิเพนเดนต์” (The Independent) ระบุว่า สีเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกับภาวะสมาธิสั้นในเด็ก จากการศึกษาในกลุ่มเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษา จัดทำขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน (University of Southampton) พบว่า สีผสมอาหารทำให้เด็กนักเรียนเสียสมาธิ และไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ทั้งนี้กลุ่มนักวิจัยคาดว่า 30% ของเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) สามารถป้องกันได้หากบริษัทผู้ผลิตต่างๆ เลิกใช้สีสังเคราะห์ผสมอาหาร
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1104870?anm=
    .
    เผยแพร่ครั้งแรก วันที่ 21 ธันวาคม 2023
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate

    https://www.facebook.com/share/p/u4yEMqtAzmax3ydN/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    การศึกษาใหม่พบ “มลภาวะทางแสง” ยามค่ำคืน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น “โรคหลอดเลือดสมอง” เพิ่มขึ้น และมีถึง 80% ของผู้คนที่จะได้รับผลกระทบ
    .
    แสงไฟที่ส่องสว่างยามค่ำคืนช่วยให้มนุษย์สามารถเดินทางตอนกลางคืนได้อย่างปลอดภัย แต่ในปัจจุบันแสงไฟนอกอาคารในตอนกลางคืนมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ นอกจากไฟส่องสว่าง ยังมีไฟประดับอาคาร สัญญาณไฟจราจร รวมไปถึงไฟจากป้ายโฆษณาต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็น “มลภาวะทางแสง” ซึ่งส่งผลอันตรายต่อสุขภาพหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
    .
    การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Heart Association Stroke ทำการศึกษาผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองหนิงปัว เมืองท่าอุตสาหกรรมของประเทศจีน จำนวน 28,302 คน ซึ่งนักวิจัยพบว่า
    .
    ผู้ที่สัมผัสกับ “แสงประดิษฐ์” ที่สว่างมากเกินไป โดยอยู่กลางแจ้งในยามค่ำคืนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 43% ที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมองและภาวะอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง เมื่อเทียบกับคนที่สัมผัสแสงน้อย
    .
    นักวิจัยกล่าวว่าการศึกษาของพวกเขาเป็นงานวิจัยแรก ๆ ที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างแสงในเวลากลางคืนกับสุขภาพสมอง
    .
    ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมีความกังวลกับ “มลภาวะทางแสง” มากขึ้น เนื่องจากแสงสว่างจากอาคารบ้านเรือนยามค่ำคืน เริ่มส่งผลกระทบต่อการมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าแล้ว ยังส่งยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้นาฬิกาชีวภาพในคนเสีย โดยการศึกษาใหม่นี้ได้สนับสนุนข้อเท็จจริงดังกล่าว
    .
    การศึกษาระบุว่า ประมาณ 80% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะทางแสง โดยการได้รับแสงประดิษฐ์อย่างต่อเนื่องในเวลากลางคืน เช่น หลอดไฟ LED หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ สามารถยับยั้งการผลิตเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ส่งเสริมการนอนหลับ
    .
    อีกทั้งงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า คนที่มีปัญหาการนอนหลับเรื้อรัง มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเมื่อเวลาผ่านไป ผลการศึกษาพบว่ามีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 1,278 ราย โรคหลอดเลือดสมองตีบ 777 ราย นับเป็นโรคหลอดเลือดสมองชนิดที่พบบ่อยที่สุด โดยมีลิ่มเลือดขัดขวางการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง
    .
    ดร.หวังกล่าวว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองควรลดการสัมผัสมลมิษทางแสง เพื่อป้องกันตนเอง อย่างน้อยที่สุด งดการเล่นสมาร์ตโฟน หรือสัมผัสแสง LED เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1121105?anm=
    .
    ที่มา:
    Euro News: https://bit.ly/4aIqDkH
    Health News: https://bit.ly/3PTo737
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจHealth #กรุงเทพธุรกิจLifestyle

    https://www.facebook.com/share/p/k6dPrToSAwLwB6Po/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    หลวงพระบางสั่งด่วน! ห้ามลงเล่น "น้ำคาน-น้ำโขง" เหตุมีกรดกำมะถันจำนวนมากไหลปนเปื้อน
    .
    .
    MGR Online - นครหลวงพระบางสั่งการด่วน ห้ามประชาชนลงเล่นน้ำและบริโภคปลาในแม่น้ำคาน แม่น้ำโขง เนื่องจากน้ำเป็นพิษ หลังรถบรรทุกกรดกำมะถันที่จะนำขึ้นไปใช้กับเหมือง Rare Earth ของจีนที่เชียงขวาง เกิดพลิกคว่ำ ทำให้กรดที่บรรทุกมาทั้งหมดไหลลงแม่น้ำสายหลักทั้ง 2 สาย อาจกระทบถึงบุนปีใหม่ที่กำลังเตรียมจัด
    .
    เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ห้องว่าการนครหลวงพระบางได้มีหนังสือด่วนแจ้งถึงผู้บริหารท้องถิ่น สั่งห้ามประชาชนทุกพื้นที่ภายในนครหลวงพระบาง ห้ามไม่ให้ลงอาบน้ำในแม่น้ำคาน แม่น้ำโขง รวมถึงห้ามนำปลาที่ลอยตายอยู่ในแม่น้ำคานและแม่น้ำโขงไปบริโภคหรือขายต่ออย่างเด็ดขาด
    .
    การสั่งห้ามครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีรถบรรทุกขนาด 22 ล้อ คันหนึ่ง ด้านท้ายบรรจุสารเคมีมาเต็มคันรถ ได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่บ้านพูช้างคำ นครหลวงพระบาง เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 3 เมษายน 2567 ทำให้สารเคมีที่บรรทุกมาทั้งหมดรั่วไหลลงสู่ร่องน้ำ จากนั้นได้ไหลต่อลงสู่ลำห้วยธรรมชาติเพื่อระบายลงแม่น้ำคาน ที่ไหลต่อไปบรรจบกับแม่น้ำโขงบริเวณหน้าวัดเชียงทอง ทำให้มีสารเคมีจำนวนมากไหลปนเปื้อนลงในแม่น้ำสายหลักของเมืองหลวงพระบางทั้ง 2 สาย
    .
    ต่อมามีผู้พบเห็นปลาจำนวนมากลอยขึ้นมาตายบนผิวน้ำของแม่น้ำคาน ทางการจึงจำเป็นต้องออกประกาศฉบับนี้ เพื่อป้องกันประชาชนไม่ให้ได้รับอันตรายจากสารพิษที่กำลังปนเปื้อนอยู่ในแม่น้ำทั้ง 2 สาย
    .
    สำหรับสารเคมีที่บรรทุกมากับรถคันดังกล่าว คือกรดกำมะถัน(Sulfuric Acid) ซึ่งมีสูตรทางเคมีคือ H2SO4 มีบริษัทลาวซินอาน พัฒนาอุตสาหกรรม ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าให้ขนส่งจากแขวงอุดมไซ เพื่อนำไปใช้ในโครงการขุดค้นและสกัดแร่หายาก(Rare Earth) ของบริษัทกว่างจินซิน แสงสะหว่าง ขุดค้นแร่หายาก ที่เขตบ้านปุง เมืองคูน แขวงเชียงขวาง แต่เกิดประสบอุบัติเหตุขึ้นมาเสียก่อน
    .
    เมืองหลวงพระบางกำลังจะมีการจัดประเพณีบุนปีใหม่ลาว หรือเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นงานใหญ่ของเมืองในอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ภายในงานมีหลากหลายกิจกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องหรือใช้น้ำในปริมาณมาก การรั่วไหลของสารเคมีที่เป็นพิษลงสู่แม่น้ำคานและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักของเมืองหลวงพระบางครั้งนี้ หากยังไม่สามารถบำบัดหรือแก้ไขได้ทันท่วงที อาจส่งผลกระทบงานประเพณีที่กำลังจะจัดขึ้น.

    https://www.facebook.com/share/p/4ZWrVVJgW2dX65TP/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนอาจหมดเกลี้ยง หากว่ารัสเซียยังคงเดินหน้ายุทธการโจมตีทางอากาศพิสัยไกลอันหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง จากเสียงคร่ำครวญของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระหว่างการสัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อวันเสาร์(6เม.ย.)

    ความเห็นดังกล่าวถือเป็นเสียงเตือนตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเซเลนสกี เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนต้องเผชิญ หลังจากถูกรัสเซียโจมตีทางอากาศต่อเนื่องมานานหลายสัปดาห์ เล่นงานระบบพลังงาน หมู่บ้านและเมืองต่างๆ โดยใช้คลังแสงขีปนาวุธและโดรนที่มีอยู่มหาศาล

    "ถ้าพวกเขายังคงโจมตียูเครนในทุกๆวันแบบเดียวกับที่พวกเขาทำเมื่อเดือนที่แล้ว เราอาจหมดเกลี้ยงขีปนาวุธ และคู่หูของเราทั้งหลายรู้ดี" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งของยูเครน

    เซเลนสกี ที่เรียกร้องมานานหลายสัปดาห์ ขอให้พันธมิตรเร่งจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม บอกว่าเวลานี้ยูเครนยังคงมีสต๊อกขีปนาวุธพอที่จะรับมืออยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากในการตัดสินใจว่าจะเลือกปกป้องสิ่งใด

    เขาชี้ถึงความต้องการโดยเฉพาะกับระบบป้องกันภัยทางอากาศ "แพทริออต" และบอกว่ายูเครนอยากได้มันมากถึง 25 ระบบ

    ระบบป้องกันภัยทางอากาศล้ำสมัยของสหรัฐฯ มีความสำคัญยิ่งระหว่างการโจมตีด้วยขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกของรัสเซีย ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ภายในเวลาไม่กี่นาที

    ความเห็นของเขามีขึ้นตามหลังเหตุโจมตีประปรายรอบใหม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่าส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตหลายคน

    ขีปนาวุธรัสเซีย 2 ลูกและโดรนโจมตี หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในตอนเช้าวันเสาร์(6เม.ย) และอีกรอบเกิดขึ้นในช่วงบ่าย ได้สังหารพลเรือนไป 8 คนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 10 ราย ในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน

    ในแคว้นโดเนตส์ก ทางภาคตะวันออก กระสุนปืนใหญ่สังหารผู้คน 4 รายในหมู่บ้านคูราคิฟกา ส่วนที่โอเดสซา มีพลเรือนเสียชีวิต 1 คน ในเหตุขีปนาวุธโจมตี

    กระแสสงครามไหลไปในทิศทางตรงข้ามกับยูเครนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเคียฟต้องดิ้นรนกับความช่วยเหลือด้านการทหารที่ล่าช้าจากตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐฯ

    "สถานการณ์ยากลำบาก แต่กระนั้นก็ยังคงที่ ศัตรูไม่ได้รุกคืบ เมื่อพวกเขาก้าวไปข้างหน้า เราก็ขับไล่พวกเขาและพวกเขาก็ล่าถอย ในทางตรงกันข้าม กำลังพลของเราก็มีความคืบหน้าอยู่บ้าง" เซเลนสกีกล่าวอ้าง

    เซเลนสกี ระบุว่าเขายังคงเชื่อว่าแพ็คเกจความช่วยเหลือก้อนใหญ่ จะได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรสสหรัฐฯ หลังจากมันติดแหง็กอยู่ในการพิจารณามาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ท่ามกลางเสียงคัดค้านอย่างแข็งกร้าวของรีพับลิกัน "ผมยังคงเชื่อว่าเราจะได้รับการโหวตในทางบวก ในสภาคองเกรสสหรัฐฯ"

    เมื่อถูกถามเกี่ยวกับควาเป็นไปได้ที่ยูเครนจะได้รับแพ็คเกจช่วยเหลือในรูปแบบของการกู้ยืม เขาตอบว่า "เราจะเห็นด้วยกับทุกทางเลือก"

    (ที่มา:รอยเตอร์)

    https://www.facebook.com/share/p/9qTUKhs8GNUScsAc/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯและเยอรมนีลังเลที่จะอ้าแขนรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) แม้มีความกังวลว่ากองทัพเคียฟอาจล่มสลายภายใต้แรงกดดันจากรัสเซีย ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สเมื่อวันพฤหัสบดี(4เม.ย.)

    นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า พวกเจ้าหน้าที่ในกลุ่มพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ มีความกังวลว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจลากนาโตเข้าสู่สงครามภาคพื้นครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่ปี 1945 พร้อมระบุนาโตกำลังมองหาจุดร่วมตรงกึ่งกลางแทน

    รายงานข่าวระบุว่าทั้งเบอร์ลินและวอชิงตันต่างมีความกังวลในเรื่องนี้ ในขณะที่พวกเขาคัดค้านการเปิดโต๊ะพูดคุยในเรื่องสถานภาพความเป็นสมาชิกกับยูเครน ณ ที่ประชุมซัมมิตนาโต ในกรุงวอชิงตัน ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนกรฏาคม อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกันพวกเขายังคงสนับสนุนแนวทางมอบคำมั่นสัญญาให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงในระยะยาวแก่ยูเครน

    เมื่อวันพุธที่ 3 เมษายน เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต เรียกร้องสมาชิกของกลุ่ม มุ่งเน้นไปที่การมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงที่ "น่าเชื่อถือและคาดการณ์ได้" แก่ยูเครน แทนการบริจาคโดยสมัครใจ

    ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า สโตลเทนเบิร์ก เสนอให้มอบแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน 100,000 ล้านยูโร เป็นเวลา 5 ปี ซึ่งจะเห็นทางกลุ่มมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าเดิม แทนสหรัฐฯ ในแง่ของความช่วยเหลือร่วม

    อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้แทนทูตตะวันตกหลายคน ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส ว่าแผนดังกล่าวดูเหมือนเป็นเรื่องยากในเวลานี้

    อีโว ดาลเดอร์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำนาโต ระบุว่าดูเหมือนวอชิงตันจะคัดค้านอย่างเงียบๆต่อแนวคิดดังกล่าว ซึ่งจะลดบทบาทของพวกเขาในการประสานงานความช่วยเหลือ ในขณะที่ ฮังการี อีกชาติสมาชิกนาโต ออกมาต่อต้านอย่างเปิดเผย ต่อความเคลื่อนไหวใดๆที่อาจทำให้ทางกลุ่มเข้าไปเกี่ยวพันกับความขัดแย้งมากกว่าเดิม

    รายงานข่าวระบุ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่านาโตจะบังคับให้ชาติสมาชิกสนับสนุนแพ็คเกจ 100,000 ล้านยูโร ได้อย่างไร ภายใต้กรอบเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ อย่างไรก็ตามนิวยอร์กไทม์สเน้นว่า "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้" ในช่วงฤดูร้อนนี้ หากว่ารัสเซียยังคงเดินหน้ากดดันทหารยูเครนจนถอยร่นไปเรื่อยๆ และยูเครนตกอยู่ในความเสี่ยงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงคราม

    ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียปลดปล่อยเมืองอัฟดิอิฟกา เมืองสำคัญของภูมิภาคดอนบาส พร้อมกับยึดที่ตั้งถิ่นฐานหลายแห่งบริเวณใกล้เคียง ในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตือนว่าการล่าถอยดังกล่าวจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย จนกว่าสหรัฐฯจะอนุมัติความช่วยเหลือด้านการทหารรอบใหม่

    ปัจจุบันแพ็คเกจความช่วยเหลือด้านการทหารรอบใหม่ของสหรัฐฯ ติดแหง็กอยู่ในสภาคองเกรส เนื่องจากมันถูกคัดค้านจากสมาชิกรีพับลิกัน ที่เรียกร้องให้เพิ่มความพยายามยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน

    รัสเซีย ประณามวอชิงตันต่อการส่งมอบอาวุธแก่เคียฟ โดยเตือนว่ามันรังแต่จะลากยาวความขัดแย้ง นอกจากนี้แล้วพวกเจ้าหน้าที่ในมอสโกยังกล่าวหาตะวันตกใช้ยูเครนเป็นเครื่องมือ เพื่อมอบความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์แก่รัสเซีย

    (ที่มา:นิวยอร์กไทม์ส/อาร์ทีนิวส์)
    https://www.facebook.com/share/p/HLpyMVMtyo91KiXM/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    สหรัฐฯเชื่อว่าอิหร่านจะโจมตีบุคลากรสหรัฐฯหรือไม่ก็อิสราเอล ในตะวันออกกลาง แก้แค้นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในซีเรีย ตามรายงานของสื่อมวลชนหลายแห่งทั้งในวันศุกร์(5เม.ย.) และวันเสาร์(6เม.ย.) อ้างอิงเจ้าหน้าที่อเมริกา หลังจากเตหะรานประกาศแก้แค้น เหตุโจมตีสถานกงสุลอิหร่าน ประจำกรุงกามัสกัส เมื่อวันจันทร์(1เม.ย.) สังหารเจ้าหน้าที่ไป 7 ราย ในนั้น 2 รายเป็นผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งบอกกับซีเอ็นเอ็น ว่ารัฐบาลสหรัฐฯเชื่อว่าการแก้แค้นของอิหร่านเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และบอกว่าอิสราเอลก็มีคำประเมินแบบเดียวกันนี้เช่นกัน โดยที่พวกเจ้าหน้าที่เตือนว่าการโจมตีอาจเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า

    พวกเจ้าหน้าที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นบีซีและซีบีเอส ว่าข่าวกรองของอเมริกาบ่งชี้ว่าอิหร่านอาจใช้ "ฝูงโดรนกามิกาเซชาเฮด และขีปนาวุธร่อน และเตหะรานอาจเล็งเป้าไปที่ที่ตั้งทางการทูตและสถานกงสุลหนึ่งๆของอิสราเอล"

    ซีเอ็นเอ็นอ้างว่าความเป็นไปได้ของการโจมตีแก้แค้นของอิหร่าน ถูกหยิบยกมาหารือระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล พูดคุยกันทางโทรศัพท์ในวันพฤหัสบดี(4เม.ย.)

    รายงานของซีเอ็นเอ็น อ้างอิงเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่าไม่ได้มีเหตุโจมตีครั้งใหญ่เล่นงานบุคลากรของอเมริกา ในภูมิภาคดังกล่าว มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม โดยคราวนั้นโดรนกามิกาเซลำหนึ่ง สังหารทหาร 3 นายที่ประจำการอยู่ที่ป้อมห่างไกลแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนจอร์แดน-ซีเรีย ขณะที่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา กำลังพลอเมริกาสอยร่วงโดรน 2 ลำ ที่อยู่ใกล้ฐานทัพอัล-ทานฟ์ ทางใต้ของซีเรีย

    อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปะกาศกร้าวว่า "อิสราเอลจะถูกตบหน้า" และพวกเจ้าหน้าที่ในเตหะรานก็ออกมาขู่แก้แค้นสหรัฐฯ แม้วอชิงตันอ้างว่าพวกเขาไม่ทราบมาก่อน ว่าเหตุโจมตีสถานทูตอิหร่านในเมืองหลวงของซีเรีย จะเกิดขึ้น

    อิสราเอล กล่าวหา อิหร่าน ให้ความช่วยเหลือพวกฮามาส ฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่ปาเลสไตน์อื่นๆ และประกาศกำจัดภัยคุกคามความมั่นคงใดๆระหว่างทำสงครามกับฮามาสในกาซา ทั้งนี้แม้อิสราเอลไม่ได้อ้างความรับผิดชอบตรงๆต่อเหตุสังหารพวกนายพลอิหร่าน แต่รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลเตือนว่า "ใครก็ตามที่มีพฤติกรรมเป็นปรปักษ์กับเราทั่วตะวันออกกลาง จะต้องชดใช้ราคาแพง"

    ในวันเสาร์(6เม.ย.) อิหร่าน ออกมาขู่อีกรอบ เกี่ยวกับการแก้แค้นให้สมาชิกกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม 7 นาย ที่เสียชีวิตในเหตุโจมตีเขตล้อมรั้วในสถานทูตในกรุงดามัสกัส โดยผู้บัญชาการกองทัพส่งเสียงเตือนว่าพวกศัตรูของประเทศ จะต้องเสียใจต่อปฏิบัติการสังหารดังกล่าว

    นายพลโมฮัมหมัด บาเกรี เสนาธิการทหาร "การตอบโต้ของอิหร่าน จะทำในเวลาที่เหมาะสม มีความแม่นยำและดำเนินการเป็นแบบแผนที่จำเป็น และจะก่อความเสียหายสูงสุดแก่ศัตรู เพื่อให้พวกเขาจะรู้สึกเสียใจต่อการกระทำ"

    (ที่มา:ซีเอ็นเอ็น/เอเอฟพี/อาร์ทีนิวส์)

    https://www.facebook.com/share/p/Ex1Z3o4kQa9m8SP9/?mibextid=oFDknk
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Solar Eclipse สุริยุปราคา วันที่ 8 เมษายนนี้ิ !!!!!

    - เรื่องนี้เป็นที่ ฮือฮา มากใน ฝั่ง อเมริกา และ มีข่าวมากมายที่พูดถึง Solar Eclipse ไม่ว่าจะเป็น จะเกิด Black Out แผ่นดินไหว หรือ จะมีการบูชายัญ เกิดขึ้นในวันนี้ !!! แอดได้รวบรวมสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับวันที่ 8 เมษาที่จะเกิดขึ้นไว้ประมาณนี้ครับ

    - มาดูทางฝั่งของ CERN เตรียม เปิดใช้ เครื่องเร่งอนุภาค ที่ไม่ได้เปิดใช้งาน มานานกว่า 2 ปี ในวันที่ 8 เมษายน พร้อมๆกับ การเกิด Solar Eclipse !!!! ทำไมถึงเลือก เปิดเครื่องเร่งอนุภาค วันนี้ ??? หรือมันคือ Hidden Agenda บางอย่าง ถ้าเราดู Logo ของ CERN ดีๆ นอกจากเราจะเห็นเลข “666” แล้ว เรายังเห็นถึง Hidden Agenda อีกอันนึงคือ Logo มีลักษณะ คล้าย ดาว 2 ดวงกำลังจะเลื่อนมา ซ้อนกัน เหมือน Solar Eclipse ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเอง !!! และ การระเบิดครั้งใหญ่ ของพลังงาน อาจส่งผล ต่อ กระแสไฟฟ้า หรือ ระบบ สื่อสารหรือไม่ ก็ต้องมารอลุ้น พรุ่งนี้ครับ !!!!

    - ด้าน NASA ก็ไม่น้อยหน้า ปล่อยจรวด 3 ลูกเพื่อไปสำรวจ Solar Eclipse แต่สิ่งที่น่าแปลก คือ ชื่อ โปรเจคนี้ ใช้ชื่อว่า “APEP” ที่เป็นชื่อ เทพแห่งความมืด ของชาวอียิปต์ !!!! มีลักษณะรูปร่างเป็น “งู” อย่างที่เราทราบกันดี “งู” คือตัวแทนแห่งการหลอกลวงนั้นเอง เป็นเทพแห่งความ “โกลาหล” และเป็นศัตรูคนสำคัญ ของเทพ “Ra” เทพตัวแทนของ พระอาทิตย์ หรือ แสงสว่าง นั่นเอง !!!

    - ยังไม่จบแค่นั้น วันที่ 8 ยังตรงกับวันที่มีการเขียน หนังสือ “The Book of the LAW” อีกด้วย หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยสามบท แต่ละ บทถูกกล่าวหาว่าเขียนเสร็จภายในหนึ่ง ชั่วโมง เริ่มตอนเที่ยงของวันที่ 8 เมษายน 9 เมษายน และ 10 เมษายนในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยผู้เขียนอ้างว่าพระเจ้าในประเทศ อียิปย์ มาพูดให้บันทึกลงไป !!!!

    #เพจนิวเวิลด์ออเดอร์
    - เราต้องเข้าใจเนื้อแท้ ของ พวก กลุ่มท่านลอร์ด หรือ กลุ่ม Elite เหล่านี้ก่อนนะครับ ว่า ถึงเค้าจะถือ หรือ พัฒนาเทคโนโลยี สุดล้ำหน้า แต่พวกเค้านี่หละคือ “สายมู” ตัวพ่อกันทั้งนั้นเลยครับ ถ้าใคร อ่านหนังสือ “New World Order” ที่แอดเขียนแล้ว จะเห็นถึงจุดเชื่อมโยงที่มี มาตั้งแต่ สมัย Pagan และเทพต่างๆที่กลุ่มคนเหล่านี้ นับถือ รวมถึง เทพของ อียิปต์ด้วย จึงแทบจะไม่แปลกเลย ที่เค้า ใช้ชื่อ เทพของ อียิปต์มาตั้งชื่อ โปรเจค ของ NASA “APEP” เป็นเทพแห่งความชั่วร้าย ที่จะไป ทำลาย เทพ RA !!!! และเลือกที่จะทำบางอย่าง ที่ดูคล้าย พิธีกรรม ในวันที่เกิด Solar Eclipse !!!!

    - ถ้าตามความเชื่อ ของ สายมู บ้านเรา ดาวราหูเป็นตัวแทนของสิ่งยั่วยุ มัวเมาทั้งหลาย เมื่อเกิดราหูอมจันทร์ หรือ ราหูอมอาทิตย์ ก็จะมีเรื่องราวเกิดขึ้น ก็แนะนำว่า ในช่วงที่เกิด Solar Eclipse หรือ สุริยุปราคา งดออกจากบ้านไปโดนแสงโดยตรงหรือหันไปมอง ให้อยู่ในบ้าน ตั้งแต่ เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ของวันที่ 8 จนไปถึง เช้าของวันที่ 9 เพื่อไม่ให้รับสิ่งที่ไม่ดี พลังงานที่ไม่ดีเข้ามาให้ตัวของเรานั้นเอง ไม่เหนือบ่ากว่าแรง กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่เชื่อแต่ไม่ต้องลองของก็ได้ครับ ถึง Solar Eclipse จะไม่ได้เกิดขึ้น ที่บ้านเรา แต่ก็น่าจะยังส่งผล ทั่วโลกครับ

    -ฝั่งของสื่อ อเมริกา เต้าข่าว เรื่อง Solar Eclipse มาเป็นเดือนแล้วครับ ทั้งเรื่อง ที่มีการปิด โรงเรียน หรือ อาจจะมีไฟฟ้าดับ และ ข่าวล่าสุดคือ ในรายการข่าวของช่อง “Fox News” บอกว่า แผ่นดินไหว ที่ NY เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จะเกิดขึ้นในวันที่ “8 เมษายน” พร้อมๆกับ Solar Eclipse นี่อาจจะไม่ใช่ คำทำนาย แต่มันอาจจะเป็นแผนการ การใช้ HAARP !!! ภายในวันนั้น ถ้าใครอ่านหนังสือ New World Order ที่แอดเขียนแล้ว จะทราบดี ว่า FOX เป็นคนของใคร ใน Logo ของ FOX ยังมีเลข “666” และ ทรงเหมือนฐานของ พีรามิด อีกด้วย !!!! (VDO อยู่ในคอมเม้นครับ)

    - สุดท้ายนี้วันที่ 8 เมษายน ก็มีสิทธิ์ ที่จะกลายเป็นเหมือน “Y2K” เพราะทุกคนตื่นตัวกับมันมาก โดยเฉพาะ ที่อเมริกา และ สาย Conspiracy ที่เล่นข่าวหนักมาก และ สื่อต่างๆ ก็ต่างกระพือข่าว ความน่ากลัว ของ Solar Eclipse ดูเหมือน เป็นการปล่อยข่าว สร้างความหวาดกลัว คล้ายๆ Y2K ที่ปล่อยข่าวกันออกมา นี่อาจจะเป็นแผนการ ในการที่กลุ่มท่านลอร์ด จงใจ ให้ข้อมูล สาย Conspiracy แล้ววันจริงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเป็นการ “ดิสเครดิต” กลุ่ม Conspiracy ว่าเป็นพวกบ้าหรือเพ้อเจ้อ นั่นเอง หรืออาจจะออกอีกแบบ เป็น พล๊อตของหนังผี คือ ฉากนี้ผีต้องออกมาแน่ๆ ทุกคนก็ลุ้นเกรงตัวรอ พอฉากนี้ผ่านไป ไม่มีผีออกมา ทุกคนก็ผ่อนคลายลง และ โดน ตลบหลัง ด้วยฉาก Jump Scare แบบที่ไม่ทันตั้งตัว !!!!

    มารอลุ้นไปพร้อมๆกันครับ ว่า วันที่ 8 เมษายน จะมีอะไรบ้างที่เกิดขึ้น !!!!
    FB_IMG_1712490295007.jpg FB_IMG_1712490296998.jpg FB_IMG_1712490298914.jpg FB_IMG_1712490300741.jpg FB_IMG_1712490302660.jpg FB_IMG_1712490304504.jpg FB_IMG_1712490306420.jpg
    https://www.facebook.com/share/nUTDSTZyqzTEnQjC/?mibextid=oFDknk
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,239
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เมื่อฉันดื่มชาเย็น 10 แบรนด์ 30 แก้วจนกลายเป็น Data
    .
    ชาเย็น ชาส้ม ชานมเย็น ชาไทย ไม่ว่าจะเรียกแบบไหน แต่ในใจทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน อยู่ที่เครื่องดื่มหวานเย็น สีส้มสดใส กลิ่นชาหอมชื่นใจ ที่หาดื่มได้ตั้งแต่รถเข็นริมทาง ไปจนถึงในห้างสรรพสินค้า ถือเป็นอีกเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมแบบกระแสดีไม่มีตกเสมอมา
    .
    ดูเหมือนว่าช่วงนี้เมนูชาไทย จะกลับมาเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเมนูใหม่ที่ใส่ชาไทยลงไปเป็นส่วนประกอบ ไปจนถึงชาไทยแบรนด์ใหม่ๆ ที่มาตีตลาดน้ำชง จนได้ส่วนแบ่งตลาดไป แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาชนกับเจ้าดังที่มีอยู่เดิมก็ตาม
    .
    แล้วที่เราเรียกชาไทยกันจนติดปาก เจ้าน้ำชงสีส้มนมกลมกล่อมแก้วนี้ เป็นชาของไทยจริงๆ หรือเปล่านะ แล้วคนไทยเริ่มดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?
    .
    ย้อนไปได้ไกลสุดเท่าที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์จะพอบันทึกไว้ได้ ในจดหมายเหตุลาลูแบร์ สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็เริ่มมีการดื่มชากันแล้ว แต่ชาที่ว่านั้นเป็นชาร้อน ไม่ใส่นม ไม่ใส่น้ำตาล แบบชาจีน ต่อมาได้รับอิทธิพลการดื่มชาร้อน ใส่นม ใส่น้ำตาล มาจากอินเดีย แต่ก็ยังนิยมดื่มเป็นชาร้อนเท่านั้น
    .
    ในสมัยปลายรัชกาลที่ 6 ตอนนั้นมีโรงน้ำแข็งแห่งแรก ร้านกาแฟโบราณจึงนิยมเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นคลายร้อน ตอนนั้นเองก็เริ่มมีชาเย็นให้ได้ดื่มกันแล้ว แต่ชาเย็นในตอนนั้น เป็นชาสีครีมหรือสีน้ำตาลอ่อน ไม่ใช่สีส้มสดใสที่เราคุ้นเคยกัน เพราะในตอนนั้นนิยมใช้ชาซีลอนที่มีสีอ่อนมาชงเป็นชาเย็นนั่นเอง
    .
    แล้วสีส้มในชาไทยมาจากไหน ข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลในส่วนนี้ว่า สีส้มในชาไทยน่าจะมาพร้อมกับการมาถึงของแบรนด์ ‘ชาตรามือ’ ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2488 ได้นำเข้าใบชาแดงเป็นครั้งแรก และได้ใช้ใบชานี้ในการชงชาไทยและชาดำเย็น จึงมีสีสันและกลิ่นรสที่แตกต่างจากชาเย็นจากใบชาซีลอนที่เคยดื่มกัน
    .
    กว่าจะมาถึงในทุกวันนี้ ชาเย็น ชาไทย ชาส้ม มีการปรับสูตรไปมากมาย ตั้งแต่ใบชาที่ใช้ นอกจากชาซีลอน ชาแดงแล้ว ยังมีชาอัสสัม ชามาเลย์ ชามะลิ และใบชาอื่นๆ ไปจนถึงวัตถุดิบ ครีมเทียมแบบผง ครีมเทียมแบบเหลว นมสด นมข้นหวาน นมข้นจืด น้ำเชื่อม ขึ้นอยู่ที่สูตรของแต่ละร้าน แม้จะเป็นชาไทยเหมือนกัน แต่ละร้านต่างก็มีกลิ่นรสอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เลยทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา สามารถเลือกดื่มได้ตามความชอบ
    .
    The MATTER เลยขอพาทุกคนมาสำรวจข้อมูลเครื่องดื่มสีส้มหวานเย็นชื่นใจ เทียบกันให้เห็นถึง 10 แบรนด์ อันได้แก่ กูโรตีชาชัก, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน, ชาตรามือ, ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ, Café Amazon, Chongdee Teahouse, Inthanin Coffee, Kamu Kamu, Karun และ TrueCoffee
    .
    เนื่องจากทั้ง 10 แบรนด์ เป็นแบรนด์ที่ติดตลาด คุ้นหูใครหลายคน เป็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ และเป็นชาที่มี ‘สีส้ม’ บวกกับต้องสามารถเลือกระดับความหวานได้ เพื่อให้ทุกคนไปสั่งตามได้ว่าต้องการชาที่ระดับความหวานเท่าไหร่ รองลงมาเป็นปัจจัยเรื่องความสะดวกทั้งในด้านการสั่งซื้อ มีบริการจัดส่งเดลิเวอร์รี่ผ่านแอปพลิเคชั่นสั่งอาหาร (ออฟฟิศ The MATTER อยู่บริเวณรัชดา ซอย 3) แต่ทั้งนี้การเก็บข้อมูลของทีม The MATTER เป็นเพียงการเก็บข้อมูลจาก ‘แก้วชา’ ที่ปรากฏตรงหน้าพวกเราเท่านั้นนะ
    .
    คำเตือน: เพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือดของท่าน การดื่มชาปริมาณมากในวันเดียวกันมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน น้ำตาลสะสม ไม่ควรทำตาม แต่ทีมงานของเราได้สละแล้วซึ่งสุขภาพดี เพื่อพิสูจน์ชา 10 แบรนด์ 30 แก้ว ให้แก่ผู้อ่านทุกท่าน
    .
    อ่านบนเว็บไซต์ The MATTER ได้ที่: https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    FB_IMG_1712548225447.jpg FB_IMG_1712548227558.jpg FB_IMG_1712548230073.jpg

    ถ้าฉันดื่มชาเย็นเพียว 1 แก้ว จะดื่มได้กี่อีก?
    .
    ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ หลายคนอาจเริ่มมองหาชาเย็นๆ มาดับกระหายสักแก้ว แต่เมื่อกวาดตามองบรรดาแบรนด์ชาที่มีอยู่มากมายก็เยอะจนเลือกไม่ถูกว่า จะซื้อแบรนด์ไหนดี เพราะแต่ละแบรนด์ก็มีจุดขายต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสี รส หรือกลิ่น ดังนั้น สิ่งแรกที่มักผ่านเข้ามาในความคิดผู้บริโภคอย่างเราๆ คือเรื่องของ ‘ราคา’ และ ‘ปริมาณ’ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นปัจจัยหนึ่งในการเลือกซื้อ
    .
    The MATTER เลยคำนวณราคาต่อปริมาณ ‘น้ำชา’ มาให้ดูกัน! ทั้งนี้จะให้คิดเป็นบาทต่อมิลลิลิตรอย่างเดียวก็อาจจะธรรมดาไป เราเลยขอคำนวณราคาบาท ‘ต่ออึก’ มาให้ทุกคนดูกันว่า ชาส้มแบรนด์นี้ ราคาเท่านี้ ได้น้ำเท่านี้ ดื่มได้ประมาณกี่อึก และคิดเป็นอึกละกี่บาท!
    .
    โดยงานศึกษาหนึ่งที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ National Center Biotechnology Information ระบุว่า เฉลี่ยแล้ว ปริมาณน้ำที่ผู้ใหญ่กลืนในหนึ่งอึกเล็กอยู่ที่ 43 ml และอึกใหญ่อยู่ที่ 77 ml ในที่นี้ เราขอใช้ตัวเลข 43 เป็นฐานในการคำนวณ เพราะเชื่อว่า น่าจะใกล้เคียงการดื่มของเราทุกคนมากที่สุด
    .
    และต้องบอกก่อนว่า ชาจากทุกแบรนด์ที่เรากำลังพูดถึง ทีมงานได้สั่งแก้วใหญ่ที่สุดกลับบ้าน (แยกน้ำแข็ง) ทั้งหมด เพื่อให้ทราบปริมาณน้ำชาที่เราได้รับจริงๆ และเทียบปริมาณนั้นกับราคาบนเมนูหน้าร้าน (29/03/2024) ก่อนจะพบว่า หากคิดเฉพาะน้ำชา ไม่รวมน้ำแข็ง
    .
    - กูโรตีชาชัก: มีน้ำชาปริมาณ 275 ml ราคา 55 บาท ดื่มได้ประมาณ 6.3 อึก ตกอึกละประมาณ 8.6 บาท
    - ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน: มีน้ำชาปริมาณ 150 ml ราคา 70 บาท ดื่มได้ประมาณ 3.4 อึก ตกอึกละประมาณ 20 บาท
    - ชาตรามือ: มีน้ำชาปริมาณ 175 ml ราคา 45 บาท ดื่มได้ประมาณ 4 อึก ตกอึกละประมาณ 11 บาท
    - ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ: มีน้ำชาปริมาณ 150 ml ราคา 35 บาท ดื่มได้ประมาณ 3.4 อึก ตกอึกละประมาณ 10 บาท
    - Café Amazon: มีน้ำชาปริมาณ 240 ml ราคา 50 บาท ดื่มได้ประมาณ 5.5 อึก ตกอึกละประมาณ 8.9 บาท
    - Chongdee Teahouse: มีน้ำชาปริมาณ 225 ml ราคา 95 บาท ดื่มได้ประมาณ 5.2 อึก ตกอึกละประมาณ 18.1 บาท
    - Inthanin Coffee: มีน้ำชาปริมาณ 200 ml ราคา 60 บาท ดื่มได้ประมาณ 4.6 อึก ตกอึกละประมาณ 12.9 บาท
    - Kamu Kamu: มีน้ำชาปริมาณ 300 ml ราคา 60 บาท ดื่มได้ประมาณ 6.9 อึก ตกอึกละประมาณ 8.6 บาท
    - Karun: มีน้ำชาปริมาณ 250 ml ราคา 95 บาท ดื่มได้ประมาณ 5.8 อึก ตกอึกละประมาณ 16.3 บาท
    - TrueCoffee: มีน้ำชาปริมาณ 250 ml ราคา 100 บาท ดื่มได้ประมาณ 5.8 อึก ตกอึกละประมาณ 17.2 บาท
    .
    ดื่มแต่ละที ก็อย่าลืมลิ้มทุกบาททุกสตางค์ของตัวเองกันด้วยล่ะ!
    .
    https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    FB_IMG_1712548232384.jpg

    ชาส้ม นี่ส้มจริงรึเปล่า?
    .
    หากย้อนไปดูหน้าตาชาไทยแก้วแรกๆ ที่คนไทยเริ่มดื่มกัน อาจจะยังไม่ได้มีสีส้มคุ้นตาอย่างที่เห็นในทุกวันนี้ เพราะแต่ก่อนนิยมใช้ชาซีลอนในการชง จึงให้ชาที่สีค่อนข้างอ่อน เมื่อชาตรามือได้นำเข้าชาแดงเข้ามาในไทย ชาไทยที่เราคุ้นเคยเลยได้เดบิวต์ตัวเองเป็นสีส้มนวลตา หวานเย็นชื่นใจ ตั้งแต่นั้นมา
    .
    แม้จะเป็นชาไทยเหมือนกัน แต่ความส้มก็ไม่เหมือนกัน บางยี่ห้อส้มสุดใจไปสุดจริง บางยี่ห้อก็ออกไปทางส้มนวล สีอ่อน บางยี่ห้อสีเข้มอมน้ำตาล เราเลยหยิบ 10 ยี่ห้อมาจิ้มสีให้เห็นเลยว่า แต่ละยี่ห้อนั้นอยู่ในส้มเฉดไหน พร้อมกับรายละเอียดของน้ำชา ที่เห็นได้ด้วยตา และรสสัมผัสที่ได้กลืนลงไป รสต่อรส แก้วต่อแก้ว
    .
    - กูโรตีชาชัก: ส้มเข้มๆ อมน้ำตาลเยอะหน่อย ดูเหมือนจะต้องเนื้อสัมผัสข้นหนืดแน่ๆ แต่พอลองชิมแล้วเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา มีตะกอนนอนก้นแก้วเล็กน้อย
    - ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน: ส้มเข้มๆ อมน้ำตาลหน่อยๆ น้ำชามีน้ำหนัก กลืนแล้ว มีรสเคลือบในปาก ไม่มีตกตะกอนที่ก้นแก้ว
    - ชาตรามือ: ส้มนวลละมุนตา น้ำชาเนื้อสัมผัสเบา แต่เมื่อกลืนแล้ว มีรสสัมผัสเคลือบในปากเล็กน้อย ไม่มีตกตะกอนที่ก้นแก้ว
    - ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ: ส้มนวลละมุนตา น้ำชาเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา มีตะกอนนอนก้นเล็กน้อย
    - Café Amazon: ส้มสว่าง น้ำชาเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา หลังกลืนมีรสเคลือบในปาก มีตะกอนนอนก้นแก้ว
    - Chongdee Teahouse: ส้มแกล้งๆ เพราะแทบไม่เรียกสีส้ม สีออกไปทางน้ำตาลอ่อนเหมือนชาซีลอน น้ำชาเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา ไม่มีตกตะกอนที่ก้นแก้ว
    - Inthanin Coffee: ส้มสุดใจไปสุดจริง ส้มสว่าง เดินถือระยะ 10 เมตรก็เห็นว่าอีสชาเย็นอยู่แน่นอน ตัวน้ำชาเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา กลืนง่ายไม่ฝืดคอ ไม่มีตกตะกอนที่ก้นแก้ว
    - Kamu Kamu: ส้มนวลละมุนตา น้ำชามีน้ำหนัก รสและสัมผัสใกล้เคียงชานมไข่มุก ชาไต้หวัน ทิ้งรสเคลือบในปากเล็กน้อย มีตะกอนนอนก้นแก้ว
    - Karun: ส้มนวล เอิร์ธโทนอมน้ำตาล น้ำชามีน้ำหนัก รสและสัมผัสใกล้เคียงชานมไข่มุก ชาไต้หวัน ทิ้งรสเคลือบในปากเล็กน้อย ไม่มีตกตะกอนที่ก้นแก้ว
    - True Coffee: ส้มไม่สว่าง แต่ก็ส้มแบบไม่มีใครล้มล้างได้ น้ำชาเนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา หลังกลืนมีรสเคลือบในปาก มีตะกอนนอนก้นแก้ว
    .
    https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    FB_IMG_1712548234498.jpg

    หวานแค่ไหนก็ไม่กลัว?
    .
    เกือบทุกครั้งที่เราสั่งซื้อชาไทย สิ่งต้องมาด้วยกันเสมอคือการเลือกระดับความหวาน แน่นอนแต่ละร้านมีตารางการเลือกระดับความหวานที่ต่างกัน และเราแต่ละคนก็มีระดับความหวานที่ต้องการต่างกันออกไป เราอาจจะเลือกมันจากรสชาติหรือจากความรู้สึกว่าหวานน้อยหน่อยก็รู้สึกผิดน้อยกว่า เรียกได้ว่าความหวานคือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประสบการณ์การดื่มชาไทย ฉะนั้นแล้วการพยายามวัดระดับความหวานเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่โจทย์ที่ตรงไปตรงมาอย่างตาเห็น
    .
    รสชาติเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนแต่ละคน ความแตกต่างที่ปลายลิ้นของเราทำให้เราไม่สามารถพึ่งพาสัมผัสของเราได้ 100% ในขณะเดียวกัน การใช้เพียงตัวเลขเพื่อวัดเท่านั้นเองก็ไม่อาจเล่าเรื่องของรสชาติได้รอบด้านพอ เช่นนั้น ในการเก็บข้อมูลส่วนนี้ The MATTER จึงเลือกทำทั้งใช้เครื่องมือ Refractometer เพื่อวัดค่าน้ำตาลเป็นข้อมูลชุดหลัก และทำการชิมชาไทยเรียงแก้วเพื่อเสริมเติมส่วนอื่นๆ ของรสชาติให้ได้มากที่สุดผ่านตัวหนังสือ
    .
    โดย Refractometer คืออุปกรณ์ที่เครื่องมือวัดการหักเหแสงในของเหลว ในกรณีนี้ใช้เพื่อการวัดปริมาณน้ำตาลภายในชาไทยด้วยหน่อย Brix โดยในเครื่องวัดที่เราใช้ สามารถอ่านค่าดังกล่าวได้ตั้งแต่ 0% – 32% Brix โดยมาตราส่วน Brix นั้นเปรียบเทียบตามจำนวนน้ำตาลทรายภายในของเหลว 100 กรัม การอ่านค่า Brix โดยพื้นฐานคือ 1% Brix แปลว่าในของเหลว 100 กรัม มีน้ำตาล 1 กรัม
    .
    ในการจัดอันดับ เราเลือกใช้วิธีการทำ Tier-list ตามระดับความหวาน 6 ระยะ นั่นคือ:
    .
    - 26% – 30% Brix: ชาตรามือ-หวานมาก 27.9, Cafe Amazon-หวานมาก 27.9, TrueCoffee-หวานมาก 27.5
    - 21% – 25% Brix: ป้าชง-หวานมาก 25.9, Kamu Kamu-หวานมาก 24.2, ชาตรามือ-หวานปกติ 22.5, Karun-หวานมาก 22.3, ป้าชง-หวานปกติ 21.7 TrueCoffee-หวานปกติ - 21.5
    - 16% – 20% Brix: Cafe Amazon-หวานปกติ 20.9, Inthanin Coffee-หวานมาก 20.5, กูโรตี-หวานมาก 20.4, Chongdee-หวานมาก 20, Kamu-หวานปกติ 19, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน-หวานมาก 19, Karun หวานปกติ 17.9, กูโรตี ชาชัก-หวานปกติ 17.1, Chongdee-หวานปกติ 17, ป้าชง-หวานน้อย – 16.3, Chongdee-หวานน้อย 16.2
    - 11% – 15% Brix: ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน-หวานปกติ 15.3, Karun-หวานน้อย 14.8, Kamu Kamu-หวานน้อย 12.2, Inthanin Coffee-หวานปกติ 12, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน-หวานน้อย 11.8, TrueCoffee-หวานน้อย 11.8
    - 6% – 10% Brix: ชาตรามือ-หวานน้อย 7.9, Cafe Amazon-หวานน้อย 6.5
    - 0% – 5% Brix: Inthanin Coffee-หวานน้อย 5, กูโรตี ชาชัก-หวานน้อย 4.1
    .
    ในการจัดซื้อชาไทยทั้ง 10 ยี่ห้อที่มีระบบการนิยามความหวานมากน้อยที่แตกต่างกัน ทีมเลือกที่จะใช้วิธีการสั่งซื้อยี่ห้อละ 3 แก้ว โดยมีแก้วที่หวานที่สุดที่ทางร้านมี หวานอยู่ตรงกลาง และหวานน้อยที่สุดที่ทางร้านมี และแน่นอนหากพูดเป็นตัวเลขเฉยๆ อาจจะมองไม่เห็นภาพเท่าไหร่ ทางทีมจึงได้ใส่เป๊ปซี่ (ที่มี 7.9 Brix จัดอยู่ในระดับ ‘หว’) เข้ามาเป็นตัวเปรียบเทียบให้เห็นว่าจำนวนน้ำตาลในชาเหล่านี้เมื่อเทียบแล้วกับน้ำอัดลมที่เราคุ้นชินในรสชาติจะเป็นยังไง
    .
    คำถามที่อาจเกิดขึ้นจากการดู tier-list ของเราเสร็จแล้วคือ ค่าน้ำตาลมากน้อยภายในชาแต่ละแก้วนำเสนอรสชาติความหวานหรือไม่? น้ำตาลเยอะกว่าแปลว่าหวานกว่า น้ำตาลน้อยกว่าแปลว่าหวานน้อยกว่า จริงหรือเปล่า? คำตอบคือไม่จำเป็น จากการทดลองชิมหลายๆ แก้วแล้วพบว่าบางแก้วที่ตรวจวัดค่า Brix ได้สูงนั้น อาจไม่ได้ให้ความรู้สึกหวานกว่าแก้วที่ค่า Brix ต่ำกว่า ทางกลับกัน แก้วที่เราชิมแล้วไร้รสชาติหวานโดยสิ้นเชิง ก็พบว่าภายในยังมีปริมาณน้ำตาลอยู่ในนั้น อาจเนื่องมาจากส่วนผสมอื่นๆ ที่อยู่ภายในชา เรื่องของรสชาติอาจมีมิติมากกว่านั้น
    .
    ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือเมื่อเรามองไปยัง tier สูงสุด ‘หวานนน’ หนึ่งในนั้นคือชาไทยระดับหวานมากของ True Coffee ที่เมื่อลองชิมแล้วจะพบว่าชาแก้วดังกล่าวไม่ได้ให้ความรู้สึกหวานไปกว่าหลายๆ แก้วที่น้ำตาลน้อยกว่า แม้จะมีค่า Brix อยู่ที่ 27.5 ทำไมกัน? หนึ่งในความเป็นไปได้อาจมาจากมิติรสชาติอื่นๆ ที่ปรากฏขึ้นมาในชาแต่ละแก้ว ในกรณีของ TrueCoffee มีเสียงยืนยันจาก 2 เทสเตอร์ว่าเป็นชาที่มีรสชาติเค็มตัดอย่างเห็นได้ชัด จึงไม่รู้สึกหวานจนเลี่ยนแม้น้ำตาลสูง
    .
    นอกจากระดับของความหวานแล้ว แต่ละยี่ห้อมีลักษณะความหวานที่ต่างกันออกไป เช่น กูโรตีนั้นแม้จะมีค่าน้ำตาลที่ต่ำ แต่มีลักษณะความหวานที่แหลมคล้ายคลึงกับน้ำตาล แต่บางเจ้าเช่นร้านน้ำป้าชงใกล้ๆ ออฟฟิศมีรูปแบบความหวานที่นัวคล้ายนมข้นหวาน
    .
    ประเด็นสุดท้ายที่ได้จากการชมชา คือประเด็นเรื่องกลิ่นของชา ในขณะที่เราไม่รู้แน่ชัดว่าชาแต่ละยี่ห้อเป็นใบชาประเภทใด จากการชิมพบว่ากลิ่นของชาจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ นั่นคือชาแดงที่มีโน้ตของมะลิ ที่พบใน Kamu Kamu, True Coffee และร้านป้าชง กับกลิ่นชาใต้หรือชาซีลอนที่มีโน้ตของคล้ายกลิ่นใบหญ้าที่พบในกูโรตี ชาชัก บางร้านมีส่วนผสมของทั้ง 2 กลิ่น เช่น ในร้าน Chongdee หรือบางร้านอาจเป็นกลิ่นอื่นนำ เช่น กลิ่นนมเป็นหลักจากฉันจะกินชาเย็นทุกวัน กลิ่นชาที่มีโน้ตของช็อกโกแล็ตที่มาตอนท้ายของ Karun หรือโน้ตของความ Smokey ของอินทนิล
    .
    https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    FB_IMG_1712548236461.jpg

    น้ำแข็งที่ใช่ น้ำแข็งที่ชอบ
    .
    สำหรับเครื่องดื่ม อุณหภูมิคงเป็นเรื่องที่ไม่พูดคงไม่ได้ รสชาติเครื่องดื่มจะอร่อยได้ต้องขึ้นอยู่กับความร้อนหรือเย็นที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเสริมให้รสชาตินั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ‘ชาไทย’ หนึ่งในเมนูฮิตท่ามกลางอากาศร้อนๆ หรือท่ามกลางกองงานติดไฟของหนุ่มสาวออฟฟิศใครหลายคนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่รู้กันไหมว่านอกจากอุณหภูมิของน้ำแล้ว รูปทรงของน้ำแข็งยังมีส่วนช่วยเสริมให้เครื่องดื่มอร่อยสดชื่นขึ้นได้เหมือนกันนะ!
    .
    จากแบรนด์ชาไทยทั้งหมด 10 แบรนด์ที่ The MATTER เลือกสรรมา พบว่าน้ำแข็งหลอดเล็กเป็นน้ำแข็งที่นิยมนำมาเสริมกับเครื่องดื่มอย่างชาไทยมากที่สุดถึง 8 แบรนด์เลยทีเดียว ได้แก่ กูโรตีชาชัก, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน, ชาตรามือ, ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ, Café Amazon, Chongdee Teahouse, Inthanin Coffee และ Karun นั่นอาจเป็นเพราะน้ำแข็งหลอดเล็กมีความละลายช้าในระดับหนึ่ง จึงทำให้เครื่องดื่มมีความเย็นนานที่เหมาะทั้งกับการเก็บของร้านค้าและเมื่ออยู่ในแก้วของเรา รวมถึงราคาของมันก็ยังไม่สูงมาก และขนาดยังเหมาะสำหรับใครที่เป็นสายเคี้ยวน้ำแข็งอีกด้วย (แต่หมอฟันหลายคนไม่แนะนำนะ)
    .
    ส่วนน้ำแข็งสี่เหลี่ยมแบบบาง คือน้ำแข็งที่มีความหนาแน่นสูง ละลายช้า ทำให้สามารถเก็บอุณหภูมิความเย็นของเครื่องดื่มไว้ได้นาน และไม่ไปทำลายรสชาติของเครื่องดื่มชนิดนั้นๆ ทั้งยังมีรูปร่างที่สวยงาม จึงเป็นที่นิยมในร้านอาหาร โรงแรม และถูกใช้ในครัวเรือนอีกด้วย ซึ่ง Kamu Kamu คือแบรนด์ที่เลือกใช้น้ำแข็งชนิดนี้
    .
    และสุดท้าย TrueCoffee เลือกใช้น้ำแข็งบดละเอียด ทำให้เราไม่เพียงแต่สัมผัสถึงรสชาติของชาไทยและความเย็นเท่านั้น แต่ยังได้รสสัมผัสกรุบๆ ของน้ำแข็งขณะดูดผ่านหลอดไปด้วย ซึ่งการอัดแน่นนี้เองก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เครื่องดื่มมีความเย็นนาน
    .
    https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    FB_IMG_1712548238891.jpg

    ชาเย็น Vs น้ำแข็ง
    .
    เพราะเรื่องของความเย็นไม่ได้จบลงแค่ที่รูปทรงหรือรูปแบบของน้ำแข็ง อีกทั้งไหนๆ The MATTER ก็สั่งเดลิเวอร์ลี่แยกน้ำและน้ำแข็ง รวมถึงหาปริมาตรของน้ำกันไปแล้ว จะปล่อยให้น้ำแข็งละลายไปก็ใช่เรื่อง เลยนำน้ำแข็งของแต่ละแบรนด์มาชั่งน้ำหนักกันซะเลยว่า ภายใต้ความอร่อยของแต่ละแบรนด์นั้น พวกเขาให้น้ำแข็งมาในปริมาณที่เท่าไหร่กันบ้าง แล้วเมื่อเทียบกับปริมาตรของน้ำชาเพียวๆ แล้วอัตราส่วนของน้ำและน้ำแข็งมันอยู่ที่เท่าไหร่กันนะ?
    .
    ซึ่งแบรนด์ที่ให้น้ำแข็งมาอย่างถูกใจสายรักน้ำแข็งมากที่สุดคือ TrueCoffee ที่ให้มาถึง 442 ml รองลงมาคือ Kamu Kamu 383 ml, ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน 368 ml, Chongdee Teahouse 348 ml, Karun 342 ml, กูโรตีชาชัก 340 ml, ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ 323 ml, Café Amazon 321 ml, Inthanin Coffee 315 ml และชาตรามือ 248 ml ตามลำดับ และเมื่อนำมาเทียบเป็นอัตรส่วนน้ำชาต่อน้ำแข็งก็จะได้ว่า
    .
    - กูโรตีชาชัก: น้ำชาปริมาณ 275 ml น้ำแข็ง 340 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.2 ml
    - ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน: น้ำชาปริมาณ 150 ml น้ำแข็ง 368 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 2.4 ml
    - ชาตรามือ: น้ำชาปริมาณ 175 ml น้ำแข็ง 248 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.4 ml
    - ร้านน้ำชงใกล้ออฟฟิศ: น้ำชาปริมาณ 150 ml น้ำแข็ง 323 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 2.1 ml
    - Café Amazon: น้ำชาปริมาณ 240 ml น้ำแข็ง 321 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.3 ml
    - Chongdee Teahouse: น้ำชาปริมาณ 225 ml น้ำแข็ง 348 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.5 ml
    - Inthanin Coffee: น้ำชาปริมาณ 200 ml น้ำแข็ง 315 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.5 ml
    - Kamu Kamu: น้ำชาปริมาณ 300 ml น้ำแข็ง 383 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.2 ml
    - Karun: มีน้ำชาปริมาณ 250 ml น้ำแข็ง 342 ml โดยประมาณได้ว่าโดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.3 ml
    - TrueCoffee: มีน้ำชาปริมาณ 250 ml น้ำแข็ง 442 ml โดยประมาณได้ว่า น้ำชา 1 ml ต่อน้ำแข็ง 1.7 ml
    .
    อย่างไรก็ตาม เพราะขนาดแก้วและปริมาณชาไทยของแต่ละแบรนด์นั้นแตกต่างกัน อีกทั้งการสั่งเดลิเวอร์ลี่แยกน้ำและน้ำแข็งก็อาจทำให้อัตราส่วนคลาดเคลื่อนไปได้ไม่มากก็น้อย ปริมาณและรูปแบบของน้ำแข็งที่แบรนด์กะเกณฑ์มาให้ ล้วนเป็นสิ่งที่แบรนด์ต่างๆ คำนวนมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ามันจะอร่อยอย่างพอดีกับขนาดแก้วและปริมาณชาไทยของร้าน เพราะฉะนั้นถ้าอยากดื่มชาเย็นๆ ให้ชื่นใจและอร่อยในแบบฉบับของร้านมากที่สุด ก็ต้องไปซื้อที่หน้าร้านแล้วสั่งเป็นแก้วพร้อมดื่มนะ!
    .
    https://thematter.co/lifestyle/data-thai-tea/224340

    #ชาไทย #ชาส้ม #ชาเย็น #ชานมเย็น #ThaiTea #TheMATTER

    https://www.facebook.com/share/p/ZKrUF2DiXm6yFVTN/?mibextid=oFDknk

    PSX_20240408_110301.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2024

แชร์หน้านี้

Loading...