ตะกรุดสาริกาดอกทอง สุดยอดเมตตามหาเสน่ห์ออกให้บูชาแล้ว....

หลวงปู่ฯเล่าถึงเรื่องการทำกุมารทองและหุ่นพยนต์ว่าท่านเรียนจากหลวงปู่เมฆ โยมฉุน โยมผาดและโยมเงิน รวมทั้งนายฮ้อยริน หลวงปู่เล่าว่าหลวงปู่เมฆท่านเก่งทางผีมาก ส่วนนายฮ้อยริน นั้นเก่งทางพยนต์เหลือเกิน หลวงปู่ท่านไปเจอกะแกที่ตลาดอินทร์บุรี คือตอนนั้นนายฮ้อยรินเต้อนวัวจากสุรินทร์เดินทางหากินเรือยมาจนถึงอินทร์บุรีแต่เงินหมด แล้วหิวอยากกินบะหมี่แต่ไม่มีตังค์แกเลยเข้าไปขอเจ้าของร้านบะหมี่ว่าเดี๋ยวจะทำตุ๊กตาเดินได้ให้ดูแลกกะการขอกินบะหมี่สักชามสองชาม ปรากฏว่าเจ้าของร้านตกลง แกจึงเดินไปที่แผงขายตุ๊กตาขอยืมตุ๊กตาจากเจ้าของแผงมาเสกเป่า แล้วก็ปล่อยลงวาง จากนั้นก็สั่งให้ตุ๊กตากางแขนออกแล้วก็ยกขาขยัยไปมา ปากก็ให้จังหวะไป ติ๊ดชึ่ง..ติ๊ดชึ่ง...ติ๊ดชึ่ง.. ตุ๊กตาก็ขยับไปตามจังหวะ ตอนนั้นมีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมดรวมทั้งหลวงปู่เชิญซึ่งขณะนั้นเป็นสามเณรหนุ่มยืนดูอยู่ด้วย พอนายฮ้อยรินแสดงเสร็จผู้คนที่มามุงดูต่างช่วยกันบริจาคเงินให้ หลังจากนั้นเมื่อนายฮ้อยรินกินบะหมี่เสร็จ หลวงปู่ก็ถือโอกาสตามไปขอวิชาความรู้ จนได้ติดตัวมาถึงทุกวันนี้

 

วิชากุมารทองของหลวงปู่นั้นไม่เหมือนใคร เพราะกุมารทองของท่านนั้นต้องมีลูกแก้วบรรจุอยู่ หลวงปู่บอกว่า"ลูกแก้ว" ในความหมายของบิดามารดา หมายถึงลูกที่ประเสริฐมีคุณค่าดั่งรัตนชาติ และลูกที่ประเสริฐย่อมตอบแทนคุณพ่อแม่ผู้เลี้ยงดู และหากไปดูความหมายของลูกแก้วจากพจนานุกรมไทยแล้ว ลูกแก้วหมายถึง (น.) ลูกที่พ่อแม่รักมากที่สุด และหากไปดูลูกแก้วตามเจดีย์แล้วจะพบว่าเป็นองค์ประกอบส่วนที่ตั้งอยู่บนปลายยอดสุดของพระเจดีย์ นิยมทำเป็นรูปทรงกลมเกลี้ยง

 

ส่วนนี่เป็นอีกตำนานความเชื่อหนึ่งของชาวเหนือ

ในสมัยพุทธกาล มีกษัตริย์อยู่พระองค์หนึ่ง ทรงครองราชสมบัติ โดยทศพิธราชธรรม มีโอรสอยู่องค์หนึ่ง มีพระนามว่า จิตตะมังชา ขณะที่มีพระชนมายุได้ 10 พรรษา พระบิดามีความปรารถนา จะให้ผนวชเป็นสามเณร แต่ก็มิได้บังคับ แต่อย่างใดฝ่ายจิตตะมังชา แม้จะยังเยาว์วัย แต่ก็มีพระทัย เลื่อมใสพระบวร พุทธศาสนา มีพระประสงค์ อยากบวชเป็นสามเณร จึงได้ขออนุญาต ต่อพระบิดาด้วยเหตุบังเอิญที่พระทัย ทั้งสองฝ่ายพ้องต้องตรงกัน จึงเกิดความปลื้ม ปีติยิ่งนัก พระบิดาจึงโปรดให้ จัดการฉลองอันยิ่งใหญ่ ให้สมเกียรติพระโอรส แห่งนครมีงาน เฉลิมฉลองติดต่อกัน ถึง 7 วัน 7 คืน และนำเจ้าชาย จิตตะมังชา มาผนวชกับ พระบรมศาสดา มีฉายาใหม่ว่า จิตตะมาแถ่ ด้วยจิตที่เลื่อมใส ต่อพุทธศาสนา ภายหลังต่อมา จึงบวชเป็น พระภิกษุสืบไป
2 ปีต่อมา พระพุทธองค์ ได้เสด็จมา ที่กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อทรงเยี่ยม พระประยูรญาติ พระนางประชาบดี ซึ่งเป็นพระเจ้าน้า ได้ทรงถวายจีวร ทอด้วยเส้นใย ทองคำ 2 ผืน ผืนหนึ่งถวายแด่ พระพุทธองค์ ส่วนอีกผืนหนึ่ง นั้นให้ถวายกับสาวก ที่ตามเสด็จ โดยมิได้ เจาะจงเป็น รูปหนึ่งรูปใด บรรดาสาวก ไม่มีรูปใดกล้ารับ คงมีแต่ พระจิตตะ มาแต่องค์เดียว ที่เดินเข้าไป รับผ้าจีวร ทองคำผืนนั้น พระสาวกทั้งปวง ต่างติเตียน พระจิตตะมาแถ่ ที่ไปรับของ ที่เสมอกับ พระพุทธองค์พระบรมศาสดา ทราบเรื่องจึงโยนบาตร ขึ้นไปใน ห้องอากาศตรัสว่า
"ขอศิษย์ตถาคตทั้งหลาย จงนำบาตรลูกนั้น กลับคืนมา แก่เราด้วยเถิด"
บรรดาพระสาวกต่าง เหาะขึ้นไป เพื่อจะนำบาตร ลูกนั้นมาคืน แก่พระพุทธองค์ ปรากฏว่า จิตตะมาแถ่ เท่านั้นที่พุ่ง นำหน้าสาวก ทั้งปวงนำบาตร คืนมาได้ และได้มอบ ต่อพระศาสดา พระพุทธองค์ ตรัสแก่สาวก ทั้งหลายว่า
"บารมี พระจิตตะมาแถ่นี้ ได้สร้างสมมา เป็นเวลาช้านาน จึงสมควร ที่จีวรทองคำนั้นตกแก่เขา โดยชอบ และจิตตะมาแถ่ นี้คือพระหน่อพุทธางกูร ในอนาคตกาล"
จากตำนาน ความเชื่อเรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของ ประเพณีบวชลูกแก้ว

ที่สำคัญหลวงปู่ถามกลับมาว่า " ไอ้หนู เอ็งรู้จักแก้วสารพัดนึกหรือป่าว? "

 

นอกจากนี้ท่านให้บรรจุก้านธูปและผงธูปที่ทำการเซ่นไหว้กุมารมา ท่านบอกว่าเฮี้ยนสุดๆ แต่ไม่ต้องกลัวหลวงปู่สร้างแต่เด็กดีที่มีคุณมาเกื้อมาหนุนช่วยทำมาหากิน ไม่มีชิ้นส่วนของผีของพรายไม่มีโทษใดๆ เพราะกำกับไว้ด้วยพุทธคุณ

 

กุมารขนาดบูชา ฐานกว้าง 2 นิ้วเศษ

คาถาปลุกกุมารทอง
เอหิ ตาตะ กุมาโร โหติ

 

ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะครับ พี่ ๆ ท่านไหน โอนเงินแล้ว รบกวนช่วย สแกนสลิปด้วยนะครับ พร้อมวัตถุมงคลที่สั่งจองไป

ส่วนพี่ ๆ คนไหนยังไม่ได้โอนเงินรบกวนรอสักนิดนะครับ

ต้องอภัยในความไม่สะดวกในครั้งนี้ด้วยครับ ;aa15

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top rowSpan=2 width="15%">juksawat
สมาชิกใหม่

ออนไลน์

เพศ:
กระทู้: 34




</TD><TD height="100%" vAlign=top width="85%"><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=left></TD><TD vAlign=center align=left>Re: โปรดติดตามการเปิดประวัติพระเกจิเด็ดๆหลายรูปอย่ากระพริบตา
« ตอบ #5526 เมื่อ: วันนี้ เวลา 08:57:18 pm »
</TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom noWrap align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE><HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">มาร่วมเล่าประสบการณ์แปลกๆของน้องกุมารให้ฟัง....

เมื่อคืนนี้ หลังจากเสร็จพิธีลงนะที่วัดบัวขวัญ ผมกลับพร้อมพี่เม้าท์และคุณอ้วน และแวะมาทานอาหารร่วมกันที่แถวหน้าวัดยางฯ พรานนก ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป .... สำหรับผม คุณอ้วนขับรถมาส่งผมที่แยกท่าพระ พอลงจากรถยนต์ รถเมล์ฟรีสาย 68 ก็มาพอดี ช่างบังเอิญเหลือเกินจริงๆ ได้นั่งรถเมล์ฟรีกลับบ้าน .... ผมนั่งรถเมล์มาลงที่ตลาดดาวคนอง แล้วมาต่อรถสองแถวที่เป็นรถตุ๊กๆเล็กๆ นั่งได้ 10 คน ไปตลาดปิ่นทอง ย่านบางบอน ... ผมนั่งแถวหลังสุดซึ่งนั่งได้ 3 คน ปรากฎว่าแถวหลังนี้มีผมกับผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ เว้นตรงกลางไว้ ผู้โดยสารคนอื่นๆที่เดินขึ้นรถตามมา ก็ไม่มีใครมานั่งตรงที่ดังกล่าว ทั้งๆที่เบาะที่ว่างตรงนี้เป็นที่ที่ผู้โดยสารทุกคนอยากนั่ง แต่ไม่มีคนนั่ง ผู้โดยสารที่เดินมาคนเดียวก็ไม่ยอมขึ้น เดินผ่านเฉยเลยแล้วเดินไปขึ้นรถคันหลัง นายท่าก็มองผ่าน แทนที่จะเรียกคนขึ้นรถให้เต็มก่อน ปกติรถตุ๊กๆสองแถวเล็กนี่ ผู้โดยสารเต็มถึงจะออก แต่นี่คนขับรถกลับออกเฉยเลยทั้งที่ยังมีเหลืออีก 1 ที่ เชื่อไหม เบาะข้างที่ผมนั่งไม่มีคนมานั่งตั้งแต่รถขับออกจากตลาดดาวคนอง ไปสุดทางที่ตลาดปิ่นทอง...

สงสัย น้องธนบดี นั่งมาด้วยแน่นอน......555

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=smalltext colSpan=2 align=left></TD></TR><TR><TD id=modified_29935 class=smalltext vAlign=bottom align=left></TD><TD class=smalltext vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ขอไว้อาลัย แก่ อ.โคมฉาย ด้วยครับ ขอให้ อ.โคมฉาย สู่สุคติด้วยเถิด<!-- google_ad_section_end --> ใจหาย เลยครับ

 

น่าจะประมาณนี้นะคับ สำหรับ ตะกรุด อะปะจะคะ ที่ ท่านอ. ฉาย ได้ลงไว้

 

โอนไปคืนที่จารโคมเสียพอดีครับ

 

ขออภัยในความล่าช้านะครับ ตอนนี้พี่ๆเขากำลังรวบรวมข้อมูลการโอนและจำนวนสินค้าอยู่
ขอให้ใจเย็นๆกันหน่อยนะครับ

 

ถามหน่อยครับ เห็นมีหอยมหาลาภ 555
ไม่รู้เรียกถูกป่าวววว...
องค์เท่าไหร่ จะได้โอนไปครั้งเดียวกันกับปลัดเทอร์โบ สาธุ

 

พระสังข์เรียกทรัพย์ตัวจรืงซึ่งยาวไม่เกิน ๓ นิ้ว

วันนี้ว่าจะนำพระสังข์เรียกทรัพย์ไปให้หลวงปู่ลงนะเศรษฐีมหาคฤหบดีและปลุกเสกลงมนต์มหาจินดามณี ตามตำรับหลวงปู่เขียว

 

ช่ายๆๆๆ ตัวเล็กๆ สีขาวนั่นแหละครับ อิอิ..
อยากได้แบบนี้ครับ..
รอ ร๊อ รอ...
ไม่ทราบให้บูชาเท่าไหร่ครับ..

 

ปลัดขยับดุ๊กดิ๊กๆ นับว่าดุ๊กดิ๊กได้จริง ๆ ดุ๊กดิ๊กไปอยู่กับลูกศิษย์หลวงปู่เชิญหมดภายในพริบตา ในรูปมีแต่คนห้อมล้อมที่จะเอาปลักขิกทั้งนั้น ใครได้ไปปลักขิกไปยังไงอย่าลืมมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยนะ

 

รอชมครับ...

 

ภาพบรรยากาศงานลงนะ วัดบัวขวัญ ๒๗ ก.พ.๕๔

​

<HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

 

<HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

 

ได้รับความสนใจจากแฟนคลับล้นหลาม



​

 

Re: กลุ่มฯ(เขากะลา)ร่วมงานกุศลกับหลวงปู่เชิญ อาศรมเทพนภา ๒๗ ก.พ.๕๔

« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 28, 2011, 11:59:13 pm »

• ข้อความโดย เทพบุตรชาวดิน

<HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">

หลวงปู่ท่านอายุมากแล้วเลยต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ

อ.เม้าท์สอนวิธีการดูออร่าของพระเครื่องและร่างกายให้กับผู้ที่สนใจ














​