ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    ขออภัยจ้ะ เมื่อคืน พอ log out แล้วรออยู่
    ก็เห็นน้องเข้ามา ทักทายไม่ทัีนค่ะ ..
    จริงๆนะ เมื่อคืนเหลือเราอยู่แค่ 2 คน
    ไม่รู้เพื่อนบ้านเราไปไหนกันหมด เนอะ
    ทำเราได้ลงคอ... น้อยใจจังเนอะ


    pig_cryy2pig_cryy2pig_cryy2
     
  2. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    สมกับที่
    โบราณว่า
    คนแก่นอนน้อย

    เฮ้อ
    แถม ขี้บ่นอีก

    ระวัง
    รอย
    บาทาทวิบาท นะ
     
  3. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    คุณชาติช่างเป็นสุภาพบุรุษแท้
    ขนาดยอมรับเผือกร้อนโดยมิชักช้า
    อีกทั้งยังกล่าวถ้อยร้อยคำได้ซึ้งยิ่งนัก

    แน่แท้ค่ะ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
    และเราๆท่านๆ คงจะจำบทกลอนบทหนึ่ง
    บทนี้น่าจะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง
    พี่ดีดีจำได้ดังนี้ค่ะว่า..

    คนจะงาม..งามน้ำใจ..ใช่ใบหน้า
    คนจะสวย..สวยจรรยา..ใช่ตาหวาน
    คนจะแก่..แก่ความรู้..ใช่อยู่นาน
    คนจะรวย..รวยสินทาน..ใช่บ้านโต!!!
    !

    จำำกันได้หรือเปล่าคะ
    นี่เป็นการยืนยันกับคำพูดคำตอบของคุณชาติ

    ฉนั้น พี่ดีดี ขอสนับสนุนคำว่า
    " สวยจังหู" (คนใต้)
    "ช่างงามแต๊เจ้า" (คนเหนือ)
    "ช่างงามเหลือ" (คนกลาง)
    อ๊ะ..คนอีสาน หรือ ภาคเหนือตอนล่าง
    อย่ายอมแพ้นะ อิ อิ อิ
     
  4. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    แหม...เค้ารำพึงรำพันนิ๊ดเดียว
    ต้องว่าเค้าด้วยเหรอ?!?!?

    ไม่ได้ขี้บ่นซักกะหน่อย
    พี่น้องงงงงงงขาาาาาา
    คุณชาติใส่ร้ายป้ายสีพี่ดีดี

    ช่วยเป็นพยานให้พี่ดีดีด้วย :'(
    คนอะไร..ใจร้าย..ใจดำ..
    :'(:'(
    อำมหิตโหดเหี้ยมทารุณโหดร้าย!!!!:'(:'(:'(

    แล้วรอยบาทาทวิบาทน่ะ รอยอะไรเหรอคะ
    ข้าเจ้าบ่ฮู้อ่ะ
    มะรู้จักจิงๆๆๆๆ
    pity_pigpity_pigpity_pig
     
  5. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    บาทา คือ เท้า
    ทวิบาท คือ สัตว์สองเท้า

    55555555555555555555

    ไม่บอกต่อ

    ;aa1
     
  6. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    ฮึ!!!...พูดไปจะหาว่าคุย!!!...
    บาทาทวิบาทของคุณชาติน่ะ..
    มิมีสิทธิ์มากล้ำกรายพี่ดีดีหรอก..
    :p
    จะบอกให้..ไม่เชื่อถามคุณศิดูดิ 5555++++
    ว่าเจอไม๊ อิ อิ อิ :p:p:p

    ว่าแต่คุณชาติเหอะ โปรดระวัง..
    :p
    เดี๋ยวจะหาว่าพี่ดีดีม่ายเตือน..ม่ายเตือน 555+++
     
  7. kunmeng

    kunmeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,383
    ค่าพลัง:
    +395

    การบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุต่างๆนั้น
    ตามความคิดของผม
    ต้องดูที่เจตนาด้วยค๊าบ
    ว่า
    ผุ้ให้บริสุทธิ์ใจหรือไม่
    และ
    ผู้รับก็มีความบริสุทธิ์ใจที่จะรับไปบูชาหรือไม่
    ผู้ให้ให้โดยบริสุทธิ์ใจ มิได้หวังผลในสิ่งใด
    ให้โดยที่ไม่ได้คิดมูลค่าใดๆ
    แม้แต่ค่าส่งผมก็ออกให้เอง
    ให้เพราะดูแล้วว่าผู้ที่รับไปนั้น
    เอาไปบูชาด้วยจิตใจที่มีความเคารพในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    มิได้เอาทิ้งขว้างหรือลบหลู่แต่ประการใด
    เหมือนที่บางท่านก็สามารถสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ที่หลังจากได้รับไปบูชาแล้ว
    และที่สำคัญท่านก็เสด็จมาเพิ่มขึ้น
    เพื่อให้สามารถที่จะมอบให้แก่ผู้ที่ศรัทธาได้ต่อๆไป

    เหมือนที่ผมได้เคยบอกเล่าเอาไว้แล้วว่า
    ครั้งแรกผมได้รับพระธาตุพระโพธิสัตว์กวนอิมมาประมาณ30กว่าองค์
    แต่ผมได้มอบให้ไปหลายท่านแล้วซึ่งมากกว่าที่ผมได้รับมา
    ผมเพิ่งจะได้รับมาประมาณ1เดือน
    ท่านก็เสด็จมาเพิ่มให้เพื่อเหมือนเป็นเจตนาที่จะให้ผมได้มอบต่อๆไปแก่ผู่ที่เคารพและศรัทธาในพระองค์
    และผู้ที่ได้ไปทุกท่านก็มีจิตเจตนาที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมครูพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่แล้ว

    ที่พี่ศิบอกไว้ก็ถูกต้องเช่นกัน
    แต่การที่จะได้มาบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุต่างๆนั้น
    หาใช่เรื่องง่ายๆไม่
    เพราะอยู่กันคนละภาคคนละจังหวัด
    ถ้าจะทำให้ถูกหลักการและขั้นตอนที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดจึงเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากมากๆ
    เพราะฉนั้นจึงต้องอาศัยการส่งทางจดหมาย
    และผู้ที่ได้รับไปนั้น
    ก็สมควรที่จะเอาไปบูชาด้วยความเคารพเป็นที่สุด
    และปฏิบัติตนอย่างน้อยคือถือ ศีล5บริสุทธิ์

    คำสอนของพระพุทธองค์ที่ผมได้ทราบมาเกี่ยวกับเรื่องของพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุต่างนั้นมีนัยอยู่ค๊าบ

    เอาละ ผมอยากทราบว่าทุกท่านที่ได้รับไปและที่ไม่ได้รับนั้น
    ทุกๆท่านทราบหรือไม่ว่า
    พระธรรมคำสอนเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุนั้นคือเรื่องอะไรค๊าบ
    ผมอยากให้ทุกท่านลองตอบดูว่า
    ท่านทราบว่าอย่างไรบ้างค๊าบ


    ปล. ลูกชายหล่อเหมือนพ่อค๊าบ
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
     
  8. kunmeng

    kunmeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2,383
    ค่าพลัง:
    +395
    น้าน เจอศัพย์วัยลืมรุ่นซะมึนเลย
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    เป็นรอยที่หางตาค๊าบ
    มีคุณกามาแปะไว้
     
  9. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    คืนนี้ ขอให้พี่น้องงงงทุกคน...
    หลับฝันดี..ตลอดคืนนะคะ
    Goodnight !!!

    ส่วนมิ่งมิตรที่อยู่แดนไกล ...
    พี่ดีดีก็ขอส่งใจมารับแสงอรุณ
    อันสดใสของวันใหม่ด้วยคน..

    ด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน..สดใส..สุดสวย..
    แบบนี้..อิ อิ อิ และก็แบบนี้ค่ะ..

    ;aa44;aa44;aa44

    Amazing Day !!!
     
  10. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    เนี่ย..ไม่บอก..พี่ดีดีม่ายรู้นะเนี่ยยยย..
    อ๋อออออ...รู้แระ...แบบที่เป็นรอยที่...
    คุณกาฝากรักไว้ที่หางตาคุณชาติ..
    ใช่ป่าวววคะ 55555+++

    โปรดอย่ามองลอดแว่นอย่างนั้นสิคะ
    คุณชาติเจ้าขาาาาาา...อิ อิ อิ
    ยอมรับความจริงมาเถอะ...
    :)
    แล้วพี่ดีดีจะได้อภัยให้้ อิ อิ อิ

    ขอบคุณ คุณเม้งมากค่ะ

    ;aa44;aa44;aa44


     
  11. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    เชื่อว่า สิ่งใดๆหรือการใดๆ..ก็ตาม
    หากบังเกิดขึ้นจากจิตที่บริสุทธิ์ โดยแท้
    สิ่งนั้นๆ การนั้นๆ.. ย่อมบริสุทธิ์เหนือสิ่งอื่นใด !!!

    และพี่ดีดีก็เชื่ออีกอย่างค่ะว่า
    ลูกหล่อเหมือนพ่อเปี๊ยบเลย

    ว่าแต่ คุณน้องเม้งขา
    คุณน้องเม้งส่งมาให้พี่ดีดีทางไหนคะ
    ส่งไปผิดบ้านแน่เลย เพราะพี่ดีดียังไม่ได้รับเลยนะคะ

    เอ..หรือว่า เป็นเพราะพี่ดีดีไม่ได้ขอไป
    ท่านจึงไม่เสด็จมาโปรด..!?!?!

    ไปนั่งสมาธิดีกว่า !!! เนอะ

    ราตรีสวัสดิ์นะคะ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2009
  12. lissent

    lissent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,169
    ดิฉันได้อ่านหนังสือของคุณศศิที่เขียนไว้ชอบมากๆๆค่ะและอยากจะให้น้องเค้าช่วยเช็คกรรมให้จะต้องทำอย่างไรบ้างค่ะและไม่ทราบว่าตอนนี้น้องเค้ายังดูให้หรือเปล่าค่ะท่านที่รู้แนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
     
  13. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    สวัสดีเพื่อนกัลยาณมิตรทุกท่าน มารายงานตัวค่ะ
    ขอโมทนาบุญกับทุกดวงจิตที่ได้กระทำดีทุกอย่างค่ะ
    รักษาสุขภาพกันด้วยนะค่ะ
    ระลึกถึงคุณศศิและคุณน้องเสมอ และคิดถึงทุกๆท่านค่ะ
    บุญรักษาค่ะ
     
  14. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    be happy1
    ธุดงค์ ๑๓
    หลังออกพรรษาก็ถึงคราที่พระภิกษุสงฆ์จะเที่ยวจาริกในที่ต่าง ๆ เพื่อหาสถานที่อันสัปปายะ เพื่อเจริญสมณธรรม รวมทั้งเผยแผ่ธรรม ซึ่งเรามักจะได้ยินว่าออก “ ธุดงค์ ” และมักจะนิยมเรียกพระสงฆ์ที่จาริกไปเช่นนี้ว่า “ พระธุดงค์ ”
    คำว่า “ ธุดงค์ ” นั้น พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)ได้ให้ความหมายไว้ในหนังสือพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์และฉบับประมวลธรรมว่า
    ธุดงค์ หมายถึง องค์คุณเครื่องกำจัดกิเลส , ชื่อข้อปฏิบัติประเภทวัตร ที่ผู้สมัครใจจะพึงสมาทานประพฤติได้ เป็นอุบายขัดเกลากิเลส ส่งเสริมความมักน้อยสันโดษเป็นต้น มี ๑๓ ข้อคือ
    ๑. ปังสุกูลิกังคะ องค์แห่งผู้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรใช้เฉพาะแต่ผ้าบังสุกุล คือไม่รับจีวรจากทายก เที่ยวแสวงหาผ้าบังสุกุลมาเย็บย้อมทำจีวรเอง
    ๒. เตจีวริกังคะ องค์แห่งภิกษุผู้ถือไตรจีวรเป็นวัตร คือ ถือผ้าเพียงสามผืนได้แก่ จีวร สบง สังฆาฏิ อย่างละผืนเท่านั้น ไม่ใช้จีวรนอกจากผ้าสามผืนนั้น
    ๓. ปิณฑปาติกังคะ องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร คือ ไม่รับนิมนต์ หรือลาภพิเศษอย่างอื่นใด ฉันเฉพาะอาหารที่บิณฑบาตมาได้
    ๔. สปทานจาริกังคะ องค์แห่งผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับบ้านเป็นวัตร คือ รับตามลำดับบ้านตามแถวเดียวกัน ไม่รับข้ามบ้านข้ามแถว หรือเที่ยวบิณฑบาตไปตามตรอก ตามห้องแถวเรียวลำดับเรื่อยไปเป็นแนวเดียวกัน ไม่ข้ามไปเลือกรับที่โน้นที่นี่ตามใจชอบ
    ๕. เอกาสนิกังคะ องค์แห่งผู้ถือนั่งฉันที่อาสนะเดียวเป็นวัตร คือ ฉันวันละมื้อเดียว ลุกจากที่แล้วไม่ฉันอีกในวันนั้น
    ๖. ปัตตปิณฑิกังคะ องค์แห่งผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร คือ ถือการฉันเฉพาะในบาตรไม่ใช้ภาชนะอื่น
    ๗. ขลุปัจฉาภัตติกังคะ องค์แห่งผู้ถือห้ามภัตที่เขานำมาถวายภายหลัง คือเมื่อลงมือฉันแล้ว มีผู้นำอาหารมาถวายอีก ก็ไม่รับ
    ๘. อารัญญิกังคะ องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร คือ ไม่อยู่ในเสนาสนะใกล้บ้านแต่อยู่ ป่าห่างจากบ้านอย่างน้อย ๒๕ เส้น
    ๙. รุกขมูลิกังคะ องค์แห่งผู้ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร ไม่อยู่ในที่มุงบัง
    ๑๐.อัพโภกาสิกังคะ องค์แห่งผู้ถืออยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร คือ อยู่เฉพาะกลางแจ้ง ไม่อยู่ในที่มุงบัง หรือแม้แต่โคนไม้ (ห้ามถือในฤดูฝน)
    ๑๑.โสสานิกังคะ องค์แห่งผู้ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร คือ อยู่แรมคืนในป่าช้าเป็นประจำ
    ๑๒.ยถาสันถติกังคะ องค์แห่งผู้ถือการอยู่ในเสนาสนะตามแต่เขาจัดให้ ไม่เลือกเสนาสนะเอาตามพอใจตัวเอง
    ๑๓.เนสัชชิกังคะ องค์แห่งภิกษุผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือถือนั่ง ยืน เดิน เท่านั้นไม่นอน
    ธุดงค์ไม่ใช่บทบัญญัติทางวินัย ขึ้นกับความสมัครใจ มีหลักทั่วไปในการถือว่า ถ้าถือแล้วช่วยให้กรรมฐานเจริญ หรือช่วยให้กุศลธรรมเจริญ อกุศลธรรมเสื่อม ควรถือถ้าถือแล้วช่วยให้กรรมฐานเสื่อม หรือทำให้กุศลธรรมเสื่อม อกุศลธรรมเจริญ ไม่ควรถือส่วนผุ้ที่ถือหรือไม่ถือ ก็ไม่ทำให้กรรมฐานเจริญ หรือเสื่อม เช่น เป็นพระอรหันต์แล้วอย่างพระมหากัสสปะ เป็นต้น หรือคนอื่น ๆ ก็ตาม ควรถือได้ ฝ่ายแรกควรถือในเมื่อคิดจะอนุเคราะห์ชุมชนในภายหลัง ฝ่ายหลังเพื่อเป็นวาสนาต่อไป
    อนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงตั้งพระมหากัสสปเถระ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านสมาทานธุดงค์
    <!-- GoStats JavaScript Based Code --><SCRIPT src="http://gostats.com/js/counter.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript>_gos='c3.gostats.com';_goa=299161;_got=5;_goi=1;_goz=0;_gol='web site traffic stats';_GoStatsRun();</SCRIPT><SCRIPT language=javascript>_go_js="1.0";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1>_go_js="1.1";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.2>_go_js="1.2";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.3>_go_js="1.3";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.4>_go_js="1.4";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.5>_go_js="1.5";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.6>_go_js="1.6";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.7>_go_js="1.7";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.8>_go_js="1.8";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.9>_go_js="1.9";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript></SCRIPT><NOSCRIPT>[​IMG]</NOSCRIPT><!-- End GoStats JavaScript Based Code -->
    <!-- text below generated by server. PLEASE REMOVE --><!-- Counter/Statistics data collection code --><SCRIPT language=JavaScript src="http://us.js2.yimg.com/us.js.yimg.com/lib/smb/js/hosting/cp/js_source/whv2_001.js"></SCRIPT><SCRIPT language=javascript>geovisit();</SCRIPT>[​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    ;aa24
    ปกิณกะธรรม
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)
    ๑. หนี้กรรมการฆ่าสัตว์
    ให้จำไว้ด้วยว่า สัตว์ทุกประเภทเนื้อแท้จริง ๆ เขาเป็นคน อาศัยคนที่ทำความชั่วทำตัวให้ตกในบาปอกุศล เมื่อตกอบายภูมิคือนรกมาแล้ว ผ่านนรก ผ่านเปรต ผ่านอสุรกายมาแล้วก็มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นการชำระกรรมหนักขั้นสุดท้าย แต่ว่าไม่ใช่ชีวิตเดียวนะ
    ชำระกรรมหนักขั้นสุดท้ายนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว เคยฆ่าปลามากี่ตัวต้องเกิดเป็นปลาให้เขาฆ่าเท่านั้นครั้ง หนักใจตรงเกิดเป็นยุงละซี่ จำไม่ได้ถือว่าต้องใช้ชีวิตตามที่ฆ่าเขา พวกทำได้กำไรที่สุดคือพวกเรือตังเก โอ้โฮ วันหนึ่งแกล่อเป็นลำ ๆ เลย ไปเห็นใจหายวาบ ไอ้สัตว์ทุกประเภทก็คือคน ก็รวมความว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันใช่ไหม ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก แล้วก็รักสุข เกลียดทุกข์เหมือนกัน
    ๒. อายุขัยและวิธีต่ออายุ
    การต่ออายุก็ต้องทำให้มันถูก ถ้าทำไม่ถูกแล้วก็เสียเงินเปล่า ถ้าบังเอิญเป็นอายุขัยต่อเท่าไรก็ไม่สำเร็จผล เพราะเชื้อไฟเดิมดับ หมดบุญบารมีที่ทำมา การหมดบุญบารมีนั้นแม้อายุขัยก็ไม่แน่ บางคนเป็นเด็กก็หมดอายุขัย บางคนเป็นหนุ่มเป็นสาว บางคนวัยกลางคนบางคนก็ถึงวัยแก่ อายุขัยนี่ไม่แน่นอนนัก คำว่าอายุขัยนี่หมายความว่า ก่อนที่จะเกิดกฎของกรรมดีหรือกรรมชั่ว กำหนดชีวิตให้มาเท่าไร ถ้ากำหนดชีวิตมา ๒๐ ปี ก็ต้องแค่ ๒๐ ปี ๑๐ ปี ก็ต้อง ๑๐ ปี ๓ วันก็ต้อง ๓ วัน นี่เป็นอายุขัย ต่อไม่ได้ ถ้าตายก่อนนั้นเขาเรียกอุปฆาตกรรมหรือว่าอกาลมรณะ อย่างนี้ต่อได้ และถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะต่ออายุแบบนี้ก็ต่อมันทุกวันก็หมดเรื่องกัน วิธีต่อทุกวันก็หมายความว่าให้ทุกท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์อย่างจริงจังและต้องเว้นจากกรรมที่เป็นปาณาติบาตถ้ามีเวลาเดินผ่านไปมีใครเขาหาปลาหาเต่าที่เขาจะฆ่ามันให้ตาย ก็ซื้อพอกำลังที่เราจะซื้อได้แล้วก็นำไปปล่อยในที่ปลอดภัย ไม่ใช่ปล่อยในหม้อข้าวหม้อแกงของเรานะไปปล่อยในสถานที่ที่เขาจะมีความสุขในแม่น้ำก็ได้ในหนองคลองบึงก็ได้ ปล่อยให้เขารอดชีวิต

    ๓. วิธีต่ออายุป้องกันอุปฆาตกรรม
    ตามวิธีโบราณจารย์ ท่านสอนไว้อย่างนี้นะว่า วิธีต่ออายุใหญ่ คือถึงปีหนึ่งถ้าเป็นวันเกิดหรือเป็นวันสำคัญของเรา วันไหนก็ได้ ทำกับข้าวทำอาหารพิเศษตามที่เราพอใจเท่าที่ทุนจะพึงมี จัดการใส่บาตรแก่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แล้วก็ถ้าหากว่ามีเงิน ก็สร้างพระพุทธรูปสักองค์
    พระพุทธรูปนี้จะเป็นพระดินเหนียวก็ได้ พระปูนซีเมนต์ก็ได้ เป็นปูนพลาสเตอร์ก็ได้หรือพระโลหะก็ได้ไม่จำกัด เพราะเป็นรูปพระแล้วมีอานิสงส์เสมอกัน แต่ต้องมีหน้าตักไม่น้อยกว่า ๔ นิ้ว ถวายไว้เป็นสมบัติของสงฆ์
    หลังจากนั้นก็เอาสัตว์ที่จะพึงถูกฆ่าตาย อย่างที่เขานำเอามาขายเพื่อแกงหรือที่เขาทอดแหสุ่มปลาได้ ถ้ามีสตางค์ก็ไปซื้อเขาสักตัวสองตัวตามกำลังแล้วปล่อยไป และก็อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรและเทวดาที่ปกปักรักษาชีวิตเรา
    ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนี้เป็นนิจ คำว่าอุปฆาตกรรม คือกรรมที่เข้ามาลิดรอนก่อนอายุขัยก็ดี และอกาลมรณะการที่จะตายก่อนอายุขัยก็ดี จะไม่มีสำหรับผู้ที่ทำแบบนี้ แต่ทว่าถ้ากรรมอย่างนี้เข้ามาถึง แค่ป่วยไม่มากก็เป็นของธรรมดา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    ๔. วิธีช่วยคนป่วยใกล้ตาย
    การช่วยคนป่วยหนักจริง ๆ อย่าปล่อยให้หนักจนกระทั่งไม่มีความรู้สึกตอนที่สติยังดีอยู่ให้นิมนต์พระไปสวดสักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่สวดพระอภิธรรมแต่เป็นการสวดพระปริตร วงสายสิญจน์ล้อมรอบ ถ้าผู้ป่วยจะต้องตายเพราะสิ้นอายุขัยก็ต้องตายแน่ สายสิญจน์ป้องกันไม่ได้ แต่ว่าถ้าท่านผู้นั้นจะตายอย่าลืมว่าคนป่วยก็เหมือนคนที่ตกน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น เราส่งอะไรให้เกาะเขาก็จะเกาะส่งไม้ให้เกาะเธอก็เกาะ ส่งสุนัขเน่าให้เกาะเธอก็เกาะเพราะต้องการมีชีวิตอยู่ก็เช่นกันถ้าคนป่วยเห็นพระสวดพระปริตร ก่อนสวดมีการสมาทานศีลจิตของคนป่วยในตอนนั้นก็จะรับสมาทานศีลด้วยสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์ทำให้เป็นคนที่มีศีล เวลาที่มีการสวดพระปริตรจิตก็จะฟังพระสวดด้วยความเคารพจิตจะยึดอยู่กับพระ หลังจากพระกลับแล้วจิตจะจับอารมณ์นั้นตลอด ในขณะป่วยไม่มีโอกาสทำลายศีล เพราะกำลังป่วยไม่สามารถจะไปฆ่าใครหรือไปลักขโมยใคร ถือว่าเป็นคนป่วยที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้ามีการถวายทานด้วยไม่ว่าทานนั้นจะเป็นธูปเทียน ดอกไม้ ปัจจัยหรือโภชนาหารก็ตามถือว่าเป็นการถวายทานแก่พระสงฆ์ กำลังของทานจะช่วยคนป่วยได้อีกแรงหนึ่ง
    อีกประการหนึ่ง ด้านอนุสสติ ถ้ามีพระพุทธรูปด้วย จิตของเธอจะจับพระพุทธรูปเป็นพุทธานุสสติ จำเสียงสวดมนต์เป็นธรรมานุสสติ การนึกถึงพระสงฆ์ที่สวดก็เป็นสังฆานุสสติ ถ้าเป็นอายุขัยที่จะพึงตาย บาปกรรมใด ๆ ที่ทำมาแล้วในกาลก่อนจะไม่มีโอกาสให้ผลในเวลานั้นเหลือแต่บุญอย่างเดียว ที่จะประคับประคองคนนั้นให้ไปสวรรค์ ไปพรหมโลก หรือไปนิพพาน
    ๕. อานิสงส์การถวายสังฆทาน
    การถวายสังฆทาน ๑ ครั้งในชีวิตและถวายด้วยจิตที่บริสุทธิ์มีศรัทธาแท้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลผู้ถวายเกิดไปทุกชาติขึ้นชื่อว่าความยากจนเข็ญใจไม่มี ในแดนใดที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากลำบากขัดสนคนที่ถวายสังฆทานแล้วจะไม่ไปเกิดที่นั่น ผลที่ให้ไปไกลมาก กล่าวว่าแม้แต่พระพุทธญาณเองก็ยังไม่เห็นผลที่สุดของการถวายสังฆทาน
    คำว่าไม่เห็นที่สุดของการถวายสังฆทาน หมายความว่าแม้แต่บุคคลผู้เป็นเจ้าของสังฆทาน บำเพ็ญบารมีแล้วเกิดไปอีกกี่แสนชาติก็ตาม จนกระทั่งเข้าพระนิพพาน อานิสงส์นั้นก็ยังไม่หมด นี่เป็นอำนาจของการถวายสังฆทาน
    ทีนี้การถวายทานแก่พระ มีผลไม่เสมอกันอยู่อย่างหนึ่ง คือหมายความว่า ถวายทานแก่พระที่มีจิตกำลังฟุ้งซ่านไปด้วยอำนาจของนิวรณ์ ๕ ประการอย่างนี้ เราถวายกี่หมื่นกี่แสนอานิสงส์ก็ไม่มาก จะถวายสักเท่าไรอานิสงส์ได้แต่ว่าไม่มาก
    ถ้าหากว่าถวายแก่ท่านผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าหากเข้าถึงจิตบริสุทธิ์ เรื่องบริสุทธิ์แค่ไหนก็ช่าง อย่างน้อยที่สุดก็มี ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิบางท่านก็เข้าถึงฌานสมาบัติ บางท่านก็เป็นพระอริยเจ้าก็เข้าถึงผลสมาบัติเป็นต้น อย่างนี้มีผลมาก
    ๖. วิหารทาน (การก่อสร้างถาวรวัตถุ)
    พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าการถวายทานกับพระองค์เอง ๑๐๐ ครั้ง มีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน ๑ ครั้ง ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทาน ๑ ครั้ง นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างนี้
    แต่มีบางท่านบอกว่า พระนี่ไม่น่าจะทำการก่อสร้าง ควรจะสอนคนให้เป็นพระหรือสอนให้เป็นคน สอนคนให้เป็นคนน่ะไม่ต้องไปสอนเขาเขาเป็นคนกันอยู่แล้ว ทีนี้สอนคนให้เป็นมนุษย์น่ะสอนยาก สอนคนให้เป็นพระนี่สอนยาก ในเมื่อญาติโยมพุทธบริษัทมีใจเป็นพระขึ้นมาทำไมจะต้องลิดรอนกำลังใจกัน เพราะการก่อสร้างเป็นความดีของญาติโยม การทำบุญทุกอย่างเป็นเรื่องของพระ ถ้าคนจิตใจไม่ถึงพระนี่ทำบุญไม่ได้เลย
     
  17. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    ๗. วัตถุมงคล
    การแจกพระบางท่านอาจจะคิดว่าไม่มีผลหรือทำให้คนติดวัตถุ ถ้าถือว่าเป็นวัตถุก็น่าติแต่ถ้าถือว่าเป็นพระก็ต้องคิด ที่พ่อแจกพ่อไม่เคยโฆษณาว่าพระที่พ่อแจกไปมีอานุภาพอะไรมีความต้องการอยู่อย่างเดียวคือ ให้คนมีความรู้สึกว่ามีพระอยู่ที่ตัว อารมณ์ที่รู้สึกว่ามีพระอยู่กับตัวอารมณ์ย่อมเป็นกุศล กุศลนิดหน่อยถ้ามีความรู้สึกบ่อย ๆ สามารถทำให้คนที่ตายไปแล้วจิตนึกถึงพระอยู่เสมอ อย่างเบาก็เกิดเป็นเทวดา อย่างกลางก็เกิดเป็นพรหม อย่างสูงก็ไปนิพพาน
    แบบพ่อค้าที่หวังกำไรน้อย แต่ได้บ่อย ๆ ก็รวยได้ฉันนั้น แต่ทว่าความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นเป็นอย่างไรนั้น พ่อไม่คำนึง คำนึงอย่างเดียว คือสงเคราะห์คนบารมีอ่อน คนที่มีบารมีเป็นปรมัตถบารมี พ่อไม่ห่วง พวกนั้นท่านไม่ต้องเกาะราวหรือไม้เท้าก็เดินไหว สำหรับคนที่บารมีอ่อน ยังต้องเกาะราวและไม้เท้า จึงต้องอาศัยวัตถุ คือพระพุทธรูปสงเคราะห์
    ๘. การฟังธรรมในสมัยพุทธกาล
    คนสมัยนั้นท่านฟังเทศน์ครั้งเดียวก็จบกิจ ท่านไม่ได้ฟังเฉย ๆ หมายความว่า ฟังด้วยความตั้งใจ การตั้งใจจำถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าเทศน์ตัวนี้เป็นสมาธิ และเมื่อจำแล้วก็พยายามคิดตามไปด้วยตัวนี้เป็นปัญญา
    ฉะนั้น เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ คนทุกคนพร้อมไปด้วยศีลหมายความว่าเวลานั้นใจเราบริสุทธิ์ ปราศจากปัญจเวร ๕ ประการ และมีความตั้งใจฟังคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา และคิดตามกระแสพระสัทธรรมเทศนาขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์โสภาคด้วยปัญญา เมื่อเทศน์จบ ใจท่านก็จบจากกิจของพระพุทธศาสนา นั่นคือเป็นพระอรหันต์ หากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านทำได้อย่างนั้นก็เชื่อว่าจะมีผลเช่นเดียวกัน
     
  18. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    สวัสดีครับ เพื่อน ๆ กัลยาณธรรมทุกท่าน

    ช่วงนี้อากาศแปรปรวนมาก ขอให้รักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรงนะครับ ขอเป็นอีกหนึ่งความห่วงใยที่ส่งมาให้เพื่อน ๆ ที่แสนน่ารักทุกท่านนะครับ
     
  19. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอบพระคุณนะครับ

    สวัสดีครับ คุณป้าคัดเค้า
    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงนะครับที่มอบตำแหน่งมหาให้กับลูกคนนี้ แต่ผมมิอาจเอื้อมหรอกนะครับ เพราะผมยังไม่มีความรู้มากถึงขั้นนั้นนะครับ ผมเพียงแต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ ควบคู่กับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานด้วยน่ะครับ เมื่อได้อ่านหรือสนทนาธรรมกับพระสงฆ์หรือผู้รู้ทางธรรม ผมก็จะนำมา Post ไว้ในเวปนี้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ๆ กัลยาณธรรมทุกท่านนะครับ คุณป้าคัดเค้าเองก็ถือเป็นผู้รู้ท่านหนึ่งในเวปนี้เลยก็ว่าได้นะครับ ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และบารมีธรรมแห่งวิปัสสนากรรมฐานจงคุ้มครองคุณป้าคัดเค้าให้มีสุขภาพกายและจิตแข็งแรง มีดวงตาเห็นธรรม เกิดปัญญาญาณเห็นแจ้งนะครับ อนุโมทนาบุญกับคุณป้าคดเค้าในทุก ๆ ข้อความที่ลงไว้เลยนะครับผม

    Aodzilla
     
  20. kadkao

    kadkao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +240
    มาแล้วเจ้าค่ะ....มัวขัดห้องน้ำเรือนพญานาคอยู่เจ้าค่ะ
    เพราะแขกเหรื่อสมาชิกเรือนนี้มากพิเศษ ต้องขัดล้างประจำ
    จะได้รับแขกได้อย่างหอมสะอาดระรื่นใจไงเจ้าคะ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...