ดาวหาง Elenin / Nibiru (planet X) - Elenin - Events

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 28 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เห็นว่าเดือนกันยานี้ให้จับตามองท้องฟ้า ถ้าเจอดาวประหลาด สิ้นปีก็เตรียมตัว ถ้าไม่เจอก็โน่นเลย ปีใหม่ และ 14 กพ.

    ปล.ให้คนที่สนใจเตรียมตัวมองเฉยๆ คนไม่สนใจไม่ต้องไปมอง :boo:
     
  2. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    พอจะทราบจุดสังเกตุของดาวประหลาดนี้บ้างมัยค่ะ ว่าตำแหน่งอยู่ทิศใด ลักษณะอย่างไร จะได้ช่วยกันสังเกตุการณ์อ่ะค่ะ
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ดาวประหลาดน่าจะหมายถึงขยะของนิบิรุ ที่ลอยเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเเล้วเกิดการเผาไหม้เกิดเป็นดวงไฟเคลื่อนที่ไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วอาจเป็นดวงไฟใหญ่บ้างเล็กบ้างตามขนาดของวัตถุขยะที่เผาไหม้ขณะเคลื่อนตัวไปในชั้นบรรยากาศโลก
     
  4. BlueRock

    BlueRock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +198
    คิดว่าเป็นเลนส์แฟลร์. ลองหยุด ตรงวินาที 32 กะ 38 รถวิ่งเร็วเลยดูยาก
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เท่าที่ได้รับคำบอกเล่ามา คือ มันจะเห็นอยู่คู่กับดวงอาทิตย์จ้า :cool:
     
  6. puvadon777

    puvadon777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +5,890
     
  7. BlueRock

    BlueRock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +198
     
  8. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

    แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012

    โดยครั้งล่าสุด กระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมา จนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012

    คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน


    การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้)

    มันหมายถึงว่า ค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก

    โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ (บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน)

    พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก (และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล

    คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับพายุสุริยะ


    'ฮารัลด์ เลสช์' (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย 'มิวนิค' ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก

    แบบจำลองที่ 'ฮารัลด์ เลสช์' สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่

    และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศแต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้

    แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม

    ฉะนั้น คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆ มีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก

    เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง

    และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้

    แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเล็งและความร้อน

    คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก


    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก

    ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง

    แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง

    คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป

    เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้

    มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...........................

    [​IMG]

    ในแง่ความคิดของผู้มีญาณในไทย

    ผู้มีฌาณทั้งหลายได้บรรยายภาพที่ได้เห็นมาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตบ้าง เช่นประเทศไทยในอนาคตจะเหลือแค่ภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น ที่เป็นพื้นที่แผ่นดินผืนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นภัย อย่างเช่นที่เชียงใหม่ จะเกิดการยุบตัวและการเลื่อนของผิวดิน ภูเขาจะถล่มลงมา... ประมาณนี้ครับ

    แต่จะเริ่มเห็นลางภัยพิบัติในครั้งนี้ชัดเจนขึ้น ในอีกประมาณ 5 ปีนับจากนี้ และจะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นมีภัยพิบัติมากกว่าเดิมในหลายๆ ที่ ไปจนถึงเวลาที่แกนโลกพลิกตัวจริงๆ ในอีก 10-15ปี
     
  9. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    นักวิทย์ชาวบราซิล ยัน ดาวนิบิรุ มีอยู่จริง

    Mthainews
    : เป็นที่ถกเถียงและหาทางพิสูจน์กันอยู่ว่า ดาวปริศนา นิบิรุ หรือ Planet X นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ และมันตั้งอยู่ตำแหน่งใดของจักรวาล หากมีอยู่จริง นั่นเองอาจจะส่งผลกระทบต่อโลกของเรา จนปรากฎเป็นหนึ่งในทฤษฎีเกี่ยวกับวันสิ้นโลก

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายรอดนีย์ โกเมส นักดาราศาสตร์ชื่อดัง จากศูนย์วิจัยแห่งชาติบราซิล (National Observatory of Brazil) ในเมืองริโอ เดอ จาเดโร กล่าวในที่ประชุมสมาคมนักดาราศาสตร์ ในรัฐรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกาว่า จากการวิเคราะห์ด้วยแบบจำลองโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยมีหลักฐานหนึ่งที่ยินยันว่า ดาวนิบิรุ หรือ แพลเน็ต เอ็กซ์ มีอยู่จริง คือ

    ดาวเคราะห์ดวงนี้มีอยู่จริง ขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 4 เท่า กำลังโคจรอยู่ริมขอบของระบบสุริยะ ใกล้กับดาวพลูโต และมีดาวเนปจูนบดบังอยู่ ระยะทางห่างไกลเกินกว่าโมนุษย์จะสังเกตเห็นด้วยกล้องส่องดูดาว แต่แรงโน้มถ่วงของดาวนิบิรุ จะสามารถดึงดูดวัตถุที่เป็นน้ำแข็งขนาดเล็ก ในที่ที่มีวิถีโคจรอยู่ในระนาบใกล้เคียงกับระนาบสุริยวิถี (Kuiper Belt) และดาวนิบิรุนี้ โคจรอยู่อีกระบบสุริยะหนึ่ง

    วิถีโคจรอยู่ในระนาบใกล้เคียงกับระนาบสุริยวิถี (Kuiper Belt)

    ขณะเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ต่างไม่สนใจและไม่เชื่อในข้อมูลที่เขานำมาเปิดเผย เพราะหลักฐานที่นาย โกเมส นำมาเผยแพร่นั้น ยังไม่น่าเชื่อถือ และยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องการมีอยู่จริงของดาว นิบิรุ

    [​IMG]

    นักวิทย์ชาวบราซิล ยัน ดาวปริศนานิบิรุ (Planet X) มีอยู่จริง | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง
     
  10. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=wzD0U841LRM&feature=player_embedded]Melancholia (2011) - Official Trailer [HD] - YouTube[/ame]

    MELANCHOLIA

    ประวิทย์ แต่งอักษร

    กำกับ-ลาร์ส ฟอน เทรียร์ ผู้แสดง-เคอร์สเท่น ดันสต์, ชาร์ล็อตต์ เกนสบูร์ก, คีเฟอร์ ซุทเธอร์แลนด์, ฯลฯ

    หนังอย่าง Melancholia (2011) เป็นหนังที่ว่าด้วยวันสุดท้ายของโลกมนุษย์ที่น่าตื่นเต้น, ทรงพลัง, บีบคั้นอารมณ์และชวนให้ตื่นตะลึงที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา

    แต่ละช็อทที่ประกอบไปด้วยใบหน้าของตัวนางเอกของเรื่อง ท่ามกลางฉากหลังซึ่งมีฝูงนกร่วงหล่นจากท้องฟ้า, ภาพของโลกและดาวอีกดวง ที่ดูเหมือนว่าจะโคจรเข้ามาใกล้กัน ไม่น่าเชื่อว่ามันสอดประสานกลมกลืนไปกับฉากวันล้างโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์

    ผู้ชมยังจะได้รับรู้จากหนัง ถึงความห่วงกังวลของพี่สาวนางเอก เกี่ยวกับการประสานงาของดาวเคราะห์ ที่ชื่อเดียวกับหนังเรื่องนี้ กับโลกมนุษย์ เป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นอย่างที่เจ้าตัวไม่สามารถควบคุม ความว้าวุ่นสับสนของตัวละครมาจาก การที่สามีของเธอ ซึ่งเป็นนักดูดาวสมัครเล่น ยืนยันว่า ดาวเคราะห์ที่ไม่ได้รับเชิญนั้น จะเพียงแค่เฉียดกรายโลกมนุษย์และผ่านพ้นไป

    แต่ทว่า ข้อมูลที่เธอสืบค้นจากในอินเทอร์เน็ต บ่งชี้ในทางตรงกันข้าม

    และสิ่งหนึ่งซึ่งคนทำหนังนำเสนอผ่านงานชิ้นนี้คือ ถ้าหากเราไม่ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลเกินไป บางที ความพินาศย่อยยับของโลกมนุษย์ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และอาจจะถือเป็นเรื่องแฮปปี้เอนดิ้ง ในแง่มุมหนึ่งได้เหมือนกัน

    MELANCHOLIA (2011) แฮปปี้เอนดิ้งในวันสิ้นโลก | TRF Criticism Project<!-- google_ad_section_end -->
     
  11. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    Planet - X คืออะไร

    โลกของเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของระบบสุริยจักรวาล หรือ Solar System ระบบสุริยะมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง และมีบริวารเป็นดาวเคราะห์ทั้งสิ้น 9 ดวง แต่มีอยู่สองดวงคือเนปจูนและพลูโตที่มีอาการแปลกๆ นักดาราศาสตร์ใหญ่ทั้งหลายต่างก็กังขากันใหญ่ว่ามันจะมาจากอิทธิพลของดาวเคราะห์ดวงที่สิบหรือไม่?

    ก่อนจะว่ากันถึงดาวเคราะห์ดวงที่สิบ เรามาดูกันดีกว่าว่าอะไรเป็นจุดดลใจให้นักดาราศาสตร์เค้าเชื่อกันว่าระบบสุริยะยังมีสมาชิกที่ค้นไม่พบอีกหนึ่งดวง เมื่อก่อนเค้าเชื่อกันว่าดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีกันแค่เจ็ดดวง (นับดวงจันทร์ด้วย) จนกระทั่ง มีการค้นพบดาวยูเรนัสนั่นแหละครับ กระบวนการล่าดาวบริวารของดวงอาทิตย์จึงเกิดขึ้น เรามาดูรายละเอียดเล็กๆน้อยของมันดีกว่า

    ในปี 1841 John Couch Adams เริ่มตะหงิดๆ ใจกับการโคจรแบบแปลกๆ ของดาวยูเรนัส คล้ายๆ กับมีปฏิกิริยากับแรงดึงดูดอะไรซักอย่าง จากการค้นพบของ Adams ทำให้ หลายๆ คนเริ่มค้นคว้าเรื่องนี้กันมากขึ้น

    ในปี 1845 เลอ วาริเยร์ (Urbain Le Verrier ) ได้เริ่มค้นหามันด้วยเช่นกันเพราะอาการของดาวยูเรนัสนี้ต้องเป็นผลมาจากแรงดึงดูดของดาวเคราห์อีกซักดวงเป็นแน่ นั่นคือการนำมาของการค้นพบดาวเคราะห์ดวงที่แปด เนปจูน

    เดือนกันยายนปี 1846 เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังมีการค้นพบดาวเนปจูน Le Verrier ยังคงสงสัยว่าน่าจะมีดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีอิทธิพลกับดางยูเรนัสแน่นอน ล่วงมาถึงเดือนตุลาคมปีเดียวกัน มีการค้นพบดวงจันทร์ขนาดยักษ์ที่เป็นดาวบริวารของดาวเคราะห์เนปจูน

    หลายคนคิดว่า ตัวเองได้คำตอบเรื่องแรงดึงดูดกับดาวยูเรนัสแล้ว แต่มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเร้อ?

    [​IMG]

    ในปี 1879 นักดาราศาสตร์ชื่อ Camille Flammarion ได้ให้ข้อสังเกตไว้ว่า มันต้องมีดาวเคราะห์อีกซักดวงที่อยู่ถัดจากดาวเนปจูออกไปแน่ๆ โดยอาศัยการคำนวณเรื่องวงโคจรของดาวหางและอุกาบาตเป็นหลัก

    เปอร์ซิวาล โลเวล เจ้าของงานเขียนเรื่องคลองบนดาวอังคารอันลือลั่น ได้เริ่มศึกษาและค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่ยังไม่มีการค้นพบอย่างเงียบๆในรัฐอริโซนา โลเวลเรียกการค้นคว้าของเขาในครั้งนี้ว่า การค้นหา Planet X

    โลเวลพยายามหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ด้วยความบังเอิญครับ เปอร์ซิวาล โลเวลของเราจับตำแหน่งดาวเคราะห์ที่ยังไม่มีใครรู้จักได้หลายครั้ง แต่นั่นเป็นเวลาก่อนที่จะค้นพบดาวพลูโต ใครๆ เลยคิดกันว่า ดาวที่โลเวลพบเป็นดาวพลูโต (ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี 1930)

    ปัจจุบัน ดร.โทมัส ซี แวน แฟลนเดิร์น แห่งราชนาวีสหรัฐ ได้ยืนยันถึงการศึกษาของทางราชนาวี และให้สมมุติฐานว่าน่าจะมีดาวเคราห์อีกดวงที่อยู่ถัดไปจากดาวพลูโตครับ เป็นดาวขนาดค่อนข้างใหญ่เสียด้วย<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    Planet - X และการค้นพบ

    นับเป็นเวลาร่วมสองร้อยปีแล้วหลังจากมีการค้นพบดาวพลูโต แม้ว่าปัจจุบันความรู้ทางดาราศาสตร์และการคำนวณของมนุษย์จะก้าวหน้าขึ้นมากก็ตาม แต่การค้นหาดาวเคราะห์บริวารที่เหลือก็ยังเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากระยะทางนั่นเอง

    บรรดานักดาราศาสตร์ต่างก็เรียกดาวดวงนี้ว่า Planet X ครับ (โดยตัว X สื่อถึงลำดับสิบตามจำนวนนับ หรือค่าที่ยังไม่ทราบในสมการ เป็นการเล่นคำที่มีความหมายในทั้งสองกรณี)

    มีมหกรรมการค้นหากันอย่างมโหฬาร แม้แต่องค์การใหญ่อย่าง NASA ก็ยังตั้งกล้องดูดาวขนาดยักษ์ร่วมสังฆกรรมกับเขาด้วย

    น่าหัวเราะอะไรเช่นนี้... นักดาราศาสตร์ปัจจุบันค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่สิบกันแทบตาย แต่ดูชาวสุเมเรี่ยนก่นสิครับ พวกเขารู้เรื่องนี้และได้บันทึกมันเอาไว้อย่างละเอียดละออในแผ่นจารึกดินเหนียวเมื่อกว่าหกพันปีกว่าโน้นแน่ะ

    ดาวเคราะห์ดวงนั้นพวกเขาเรียกมันว่า Nibiru เป็นที่ๆ พระเจ้าของชาวสุเมเรียนเคยอาศัยอยู่มาก่อน ตามจารึกของชาวสุเมเรียนบอกไว้ว่าสรวงสวรรค์ของพระเจ้าหรือ Nibiru นั้นโดนมังกรยักษ์ที่ชื่อ Tiamat รุกราน

    [​IMG]

    ไอ้เจ้าตำนานนี้แหละครับตัวดีนัก เมื่อนักวิทยาศาสตร์พากันวิเคราะห์มันอย่างละเอียดแล้วต่างก็พากันหนาวๆไปตามๆกัน เพราะมันใช่ตำนานที่ไหนกันล่ะครับ มันเป็นบันทึกปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ว่าด้วยการชนกันของดาวเคราะห์ต่างหาก

    หลังจากสุมหัวตีความกันพักใหญ่ก็ได้ผลสรุปออกมาว่า จารึกนี้กล่าวถึงดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ที่ชื่อ Nibiru ด้วยเคราะห์กรรมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ดาว Nibiru ถูกพุ่งชนด้วยดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่ง ผลที่เกิดขึ้นคงรุนแรงมากจนทำให้ดาวเคราะห์อีกดวงนั้นป่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย

    บางส่วนแพ้แรงดึงดูดของดวงอาทิตย์และกลายเป็นดาวเคราะห์น้อยโคจรรอบระบบสุริยะ ซึ่งก็ตรงกับข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันเป๊ะครับ กลุ่มของดาวเคราะห์น้อยที่อยู่หลังดาวพลูโตออกไป ชาวสุเมเรียนทราบได้อย่างไรกันว่ามีการชนกันของดวงดาวเกิดขึ้น

    ครั้งล่าสุดที่มีการบักทึกไว้อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ Planet X คงจะเป็นปี 1982 ครับ เมื่อเจ้าหน้าที่ขององค์การนาสาประกาศว่าค้นพบ "วัตถุลึกลับซึ่งคาดว่าจะเป็นดาวเคราะห์ในแถบบริเวณของดาวเคราะห์วงนอก"

    หนึ่งปีต่อมา หลังจากการยิงดาวเทียม IRAS (Infrared Astronomical Satellite) ขึ้นสู่วงโคจร เจ้าดาวเทียมนี้จับภาพวัตถุคล้ายดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้เล่นเอาฮือฮาไปตามๆ กัน

    Gerry Neugebauer หัวหน้าหน่วยวิจัย IRAS ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ว่า "เจ้าวัตถุที่ว่ามีขนาดใหญ่ยักษ์ยังกะดาวพฤหัส มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของดาวบริวารในระบบสุริยะ เราพบมันในทิศทางเดียวกับกลุ่มดาวนายพราน บอกได้อย่างเดียวครับว่าเราไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไรกันแน่"


    แต่ชาวสุเมเรียนเค้าบอกได้ตั้งแต่หกพันที่แล้วมาแล้วล่ะครับว่า มันก็คือดาวเคราะห์ Nibiru ไงเล่าเกลอแก้วเอ๋ย

    จารึกทางดาราศาสตร์ของชาวสุเมเรียนโบราณ ได้พรรณาถึงดวงดาวในระบบสุริยะไว้อย่างละเอียด รวมไปถึงดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่ชื่อ Nibiru ด้วย ( Nibiru แปลว่า Planet of the crossing ครับ)

    จารึกนี้ตรงกับข้อเท็จจริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันเรื่อง Planet X เด๊ะเลยครับ โดยเฉพาะการค้นพบดาวขนาดยักษ์ในห้วงลึกของระบบสุริยะยิ่งยืนยันความสามารถของชาวสุเมเรียนโบราณ

    ถ้าดาวเคราะห์ดวงนี้มีจริงแล้วทำไมป่านนี้เรายังไม่ค้นพบกัน?<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ถ้ามันมีอยู่จริง ทำไมเรายังไม่พบ?

    นั่นสิ..ถ้าดาวเคราะห์ดวงที่สิบมีจริงแล้วทำไมป่านนี้เรายังไม่ค้นพบกัน? หลายท่านอาจจะถามผมแบบนี้ ทฤษฎีที่เป็นคำตอบมันมีอยู่ครับ แถมตรงกันทั้งในจารึกสุเมเรียนและหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เสียด้วย

    เพราะวงโคจรไงครับ จึงทำให้เราจับเจ้าดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้ซักที ก็มันดันโคจรเป็นวงรีนี่เองจึงทำให้ระยะระหว่าง Planet X จากดาวเคราะห์ดวงอื่นมันเลยห่างกันจนสุดกู่

    คิดดูนะครับ เราค้นพบดาวพลูโตเมื่อปี 1930 พร้อมกับข้อสงสัยเรื่องแรงกระทำระหว่างแรงดึงดูดของดาวเคราะห์วงนอก รวมทั้งเรื่องของที่มาดาวเคราะห์น้อย ในวงโคจรถัดจากดาวอังคาร แต่ชาวสุเมเรียนเค้ารู้กันมานมนานแล้ว

    ส่วนที่ว่า ทำไมชาวสุเมเรียนจึงบอกว่า ระบบสุริยะมีดาวอยู่สิบสองดวงนั้นผมจะค่อยๆอธิบายให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละ

    [​IMG]

    อีกทฤษฎีหนึ่งซึ่งหลายคนอาจจะอ้าปากค้าง เพราะความเป็นไปไม่ได้ของมัน แต่มันก็เป็นไปแล้วและยืนยันความสารถของบรรพชนเราก็คือการชนกันของดาวเคราะห์นี่แหละครับ ไม่ใช่ดาวอื่นไกลเลย เป็นโลกนี่แหละที่ชนกับ Planet X (หรือ Nibiru นั่นเอง)

    ก่อนคุยเรื่องนี้ขอทบทวนอะไรหน่อยละกัน ทุกคนที่เคยเรียนภูมิศาสตร์กันมาน่าจะเคยเรียนทฤษฎีที่ว่า ในสมัยที่โลกยังอายุเยาว์อยู่ แผ่นดินบนโลกนี้เคยติดกันอยู่เป็นทวีปเดียว ทฤษฎีนี้เพิ่งมาศึกษากันเมื่อร้อยกว่าปีมานี้แต่ชาวสุเมเรียนรู้ล่วงหน้าพวกเราถึงหกพันปี แถมมีแผนที่จารึกอยู่บนแผ่นดินเหนียวเสียด้วย

    การที่โลกแบ่งออกเป็นทวีปๆก็เพราะ Continental Drift หรือการเคลื่อนตัวของแผ่นดินนั่นเอง มันเป็นไปอย่าง ช้-า-ม-า-ก และค่อยเป็นค่อยไป จนกลายเป็นแผ่นดินที่พวกเราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน หากดูแผนที่ดีๆ เราจะสามารถเอาทวีปต่างๆ มาต่อกันเป็นชิ้นเดียวได้เหมือนจิ๊กซอเลย

    ถึงงั้นก็เถอะครับ แผนที่ที่ต่อกันมันจะยังดูแหม่งๆ คล้ายกับขาดอะไรไป นักภูมิศาสตร์ที่รู้สึกถึงเจ้าความแหม่งที่ว่าเลยพากันศึกษากันใหญ่และได้ข้อสรุปที่น่าตกใจออกมา

    มีบางคนเสนอทฤษฎีออกมาว่า โลกอาจเป็นเพียงดาวเคราะห์ที่มีครึ่งค่อนดวง!!!!

    ....ครึ่งดวงจริงๆครับ เหมือนลูกบอลดินเผาที่โดนชนกระจุยหายไปส่วนหนึ่ง นักภูมิศาสตร์บางท่านบอกว่าหากสูบน้ำออกจากมหาสมุทรต่างๆได้หมด เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า โลกได้หลุดหายไปกระบิหนึ่ง และไอ้ส่วนที่เคยเป็นกระบิที่หายไปนั่นแหละคือมหาสุทรต่างๆในปัจจุบัน

    แล้วเพราะอะไรล่ะโลกจึงหายไปกระบินึง? บางท่านอาจถามขึ้นมาอีก

    ชาวสุเมเรียนเค้าตอบให้ได้เสร็จสรรพเลยครับว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ พวกเค้าบันทึกเอาไว้ว่าโลกโดนดาว Nibiru เฉี่ยวเอาครับ ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่านานเท่าไหร่แล้ว

    (แต่ข้อสันนิษฐานไปปรากฏอยู่ในหนังสือเรื่อง 12th Planet ของ Sitchin ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง)

    ผลจากการกระทบไหล่ของดาวเคราะห์ทั้งสองนี้ ทำให้โลกของเราแหว่งไปส่วนหนึ่ง เศษชิ้นส่วนของดาวเคราะห์ทั้งสองกระจัดกระจายกลายเป็นวงแหวนดาวเคราะห์น้อย โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์<!-- google_ad_section_end -->

    ว่ากันว่า เหตุที่ Planet X ผลุบๆโผล่ๆนั้นก็เพราะว่าวิถีโคจรของมันเหมือนดาวหางครับ เป็นวงรีแล้วก็กินเวลาค่อนข้างมากกว่าจะโคจรครบหนึ่งรอบ ในบันทึกของชาวเมโสโปเตเมียและคัมภีร์พันธสัญญาเก่า ก็มีระบุไว้ครับถึงวงโคจรของดาวเคราะห์ดวงนี้

    วงโคจรรอบหนึ่งของ Planet X (Nibiru) กินเวลาตั้ง 3,600 ปีแน่ะกว่าจะครบรอบ รอบของวงโคจรนี้ชาวสุเมเรียนเรียกมันว่า Shar ครับ

    The Search for Planet X : การค้นหาดาวเคราะห์ดวงที่สิบสอง ตามตำนานของชาวสุเมเรี่ย - UFOs & astronomy - Mythland | รวมเรื่องลึกลับ | The Mysterious World,เรื่องลึกลับ,UFO,จานบิน,มนุษย์ต่างดาว,เอเลี่ยน,ดาวอังคาร,Nibiru,2012,ชาวมายา,เทพ,ตำนาน,โบราณคดี,พร<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. BlueRock

    BlueRock เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +198
    เรื่องราวที่ว่ามาทั้งหมดนั้น มันวนเวียนในโลกอินเตอร์เน็ตมาหลายปีแล้วคับ
    รอดูว่าสิ้นปีนี้ นิบิรุจะโผล่ตามหลายๆกระแสว่ารึป่าว
     
  15. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=b4eBynD2Cew&feature=em-uploademail]88 - ANSWERS OF AN ALIEN FROM ANDROMEDA - Nibiru and Events - YouTube[/ame]
     
  16. kiatp123

    kiatp123 โมฆะแมน

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,493
    ค่าพลัง:
    +19,616

    Video 88
    [FONT=Calibri,Calibri][FONT=Calibri,Calibri]Answers of an alien from Andromeda – video eighty-eight - September 04, 2012.
    Mythi, what news you can give us about upcoming events?
    - As for Nibiru system, do not worry about it for now, he is coming down and will pass close the orbit of Jupiter. The timing of this event is being monitored to not cause major damage. The pressure is increasing in the core of the planet and time of major tectonic events is approaching quickly. A good way to let you know the time of great pressure on the planet's core, is to monitor the behavior of the probe that is in Siberia, buried in the place you call Patomskii Crater. That's when it starts to fall toward the center of the planet. Large solar emissions are bound to happen and some of these big emissions directly will reach the planet. The time is coming of the nature fulfill their course. These emissions affect not only the Earth, will also be fulfilling its role in the evolution of other planets in the system. Everything possible was done to alleviate the effects of the events so far, but the time is coming for the final adjustment of the new age.
    Mythi, about RBSP, on August 30, NASA launch a rocket with twin Probes for studying the Earth's radiation belts on various scales of space and time. This is a strange mission for the moment. Could you comment on this matter?
    - Friends in reality these probes are not what they say they are. The Inasa knows the Van Allen belt very well, because they had access to the files reptilians for over 10 years. These probes intend to monitor the movement of spaceships and opening portals using some features of the radiation belt. The radiation belt has two different levels, a cloud of protons, and another of electrons, which act as a large capacitor maintaining a large potential difference between them. When crossed by a force field that shields a spacecraft, the field of spacecraft carries up slightly positively charged and when it crosses the zone of electrons (or vice versa), generates a large burst of discharge from the surface of the force field, creating a point of high pressure, and it is detectable for a period of time which can vary up to a minute. A gateway of gravity tunnel for passing ships, can spend hours open, and is also easily detectable by the disturbance in the radiation belt. What they really want is to monitor in detail the movements of incoming and outgoing on the planet.
    Mythi, many people are concerned with the military movements in America, if you know something could comment with us?
    - Well, according to the report Pleiadeans, the countries of North America and Europe will be the target of a major military operation in the coming months, an operation of containment and control of the population in general. Does not will be a war operation but could generate many casualties. According to the report, martial law will be implemented and the economy will collapse. But that we already mentioned before. Misappropriation and sharing of natural resources of the Middle East will happen in sequence, with the state of war declared openly. They will take advantage of the increase in tectonic activities to implement containment measures necessary for the implementation of plans prepared by them. Answering possible questions, no, we cannot interfere in the actions of your society until there is a declaration of race officially accepted to represent the planet. Be prepared, because the scheduled events already have their days numbered. We know it will happen but we have to wait. If the report Pleiadeans materialize in full, the planet will never be as you know it now. It will be a great judgment, no jury and no judge, where the sentence is already drawn in the conscience of everyone involved that have reached the end of this class with the planet. As you say in your literature, the Phoenix will rise from the ashes.
    Mythi, then 2012 will be the final climax of this era?
    - Do not think that everything will happen in these last months of 2012. The sequence of events will continue in 2013 and step into a succession of adjustments for the next two years at least. You will have to develop your maximum understanding the meaning of humanity, for your survival not worth it, if it is obtained at the cost of
    lives of the weakest. If you need to fight to defend your family or your community, this is a noble cause, but be sure to open your doors to all who need shelter and assistance. Attackers are not welcome anywhere in the universe; therefore, the struggle of the oppressed against the oppressor will not cause loss of gloss in your aura or decrease in your level of frequency. The struggle between well intentioned against the oppressors for power is a constant in a universe of the third dimension, only the development and access to more advanced technologies to provide supremacy of well intentioned, against the oppressive and warlike societies. According to guidelines of the Community Galactica, the humans and reptilians allocated on Mars will be prevented from any intervention on planet Earth during social recovery in the coming years, so plans for logistical support of your elitist governments will collapse. Do not forget that evil can be transformed into good; everything can be a simple change of attitude and the right choice of leaders. The elitists who run those societies, like yours, right here on planet keeps a sample of what still happens in the universe backward societies. They represent the oppressors that are phased out when a society develops as a whole, thereby removing the supremacy of these oppressive caste. That is why the elites want to keep their people in ignorance and always want to be ahead of the technology since the day it reversed, they will become anachronistic. How many more wake up in a society oppressed the greatest threat to ruling elites, so my friends wake up. The elites will only have oppressive armies, while they have those who fight for their "ideals forged". Do not fight for causes elitist and oppressive, that yes, you can delay your personal development for thousands of years in development on other planets "reformatory" was as Earth so far. Do not kill your fellows in the interests of minority elite dazzled or religious leaders with delusions of divine representatives. Refer to "Crusades" as heroic facts in your story; it is defamatory to everything that can be considered a normal conduct of a civilization. It is the way of your elitist leaders and major religious cartel that has always supported them in exchange for power and riches, to "make the head" of ignorant people to continue serving the unholy intentions of their greed. There is no honor in killing and looting. Much of thy people still believe and follow religious doctrine created for the submission of the masses. Back 1000 years ago in development, will be a personal hell created by all the fools who participate in this type of action against their equals. Chaos is a difficult test, but who go through it with flying colors reap the benefits of never having to go through another chaos from now on. Love and understanding for your neighbor, will have maximum weight in these finals. Think about it, will be the final proof for your prom, do not let anyone or anything prevent you from graduating. Be well my friends. Thanks for watching, join our channel! You are welcome there! Captain Bill – September, 2012
    [/FONT]
    [/FONT]Replace your PDF copy with a new updated every video, aired on channel Atlanticobr. Sometimes we add some images to illustrate so, it’s important to replace the PDF every video. Cheers for all! Video 89 coming …
     
  17. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649

    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/J3fmktO6Koc?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>


    ยืนยันว่า...คลิปนี้เป็น...เลนส์แฟลร์ (เปิดดูแบบช้าๆแล้ว)

    ครับ


    .
     
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649


    [​IMG]

    New study: Rogue planet may be lurking beyond Neptune — Nibiru?

    New study: Rogue planet may be lurking beyond Neptune — Nibiru?


    JohnThomas
    By JohnThomas Didymus
    May 15, 2012 in Science

    Rio De Janeiro - A Brazilian astronomer at the National Observatory of Brazil in Rio de Janeiro, Rodney Gomes, has announced that there may be an undiscovered rogue planet lurking in the shadow of Neptune. Planet Nibiru watchers say the planet is Nibiru.

    According to Gomes, presenting his findings Tuesday at a meeting of the American Astronomical Society in Timberline Lodge, Oregon, calculations show that about half a dozen Kuiper Belt objects are in strange orbits, that is, they are orbiting not where they are supposed to be, according to existing models of our solar system.

    Gomes said that the the strange orbits have only few possible explanations. According to National Geographic, he said: "I think the easiest one is a planetary-mass solar companion."

    National Geographic explains that, "a planetary-mass solar companion" is a planet that orbits very far out from the sun but that's massive enough to be having gravitational effects on Kuiper belt objects."

    Kuiper belt objects are small icy bodies—including some dwarf planets—that lie beyond the orbit of Neptune. They are too far to be easily seen with telescopes. Pluto, about 1,400 miles in diameter, once considered the ninth planet of our solar system, is now considered one of the largest Kuiper belt objects. Astronomers are discovering in the kuiper belt, dozens of other objects hundreds of miles across.

    Gomes' theory is that the unseen planet he proposes is making its presence felt by disturbing the orbits of Kuiper belt objects.

    According to National Geographic, Gomes came to the conclusion that a rogue planet may be lying beyond Neptune after he analyzed orbits of 92 kuiper belt objects and compared the result to computer simulations of how the bodies should be orbiting if there were no additional planet.

    Gomes said that in simulation models in which there was no distant rogue planet, no elongated orbits for six of the kuiper objects was observed.

    Gomes then tried to estimate the size of the proposed rogue planet. Basing his speculation on calculations, he said that the rogue planet is probably a Neptune-size world about four times bigger than the Earth and it is orbiting at about 140 billion miles (225 billion kilometers) away from the Sun. This, according to National Geographic, is 1,500 times farther away from the Sun than the Earth.

    But the analysis is complicated by the fact that a Mars-size object that sweeps about 5 billion miles closer to the Sun in highly elongated orbit would have a similar effect as a Neptune-size world.

    Gomes speculates that the planet could have been kicked out of its own star system and later captured by the Sun's gravity. Alternatively, the planet could once have been part of our solar system, but kicked out by gravitation interaction with other planets.

    The astronomer says that locating the planet would be difficult because it would be a very dim astronomical object, and also because calculations give very little information of its possible location, so astronomers do not know where to point their telescopes.

    Mixed Reactions

    National Geographic reports that while his scientific colleagues are intrigued by Gomes's calculations, they say they need more proof before his theory can be incorporated into our scientific picture of the solar system.

    Rory Barnes, astronomer at the University of Washington, said: "Obviously, finding another planet in the solar system is a big deal [but] I don't think he really has any evidence that suggests it is out there."

    Barnes said what Gomes has done, instead, is that he "has laid out a way to determine how such a planet could sculpt parts of our solar system. So while, yes, the evidence doesn't exist yet, I thought the bigger point was that he showed us that there are ways to find that evidence."

    National Geographic reports that Douglas Hamilton, astronomer at the University of Maryland, agrees with Barnes. He said: "What he showed in his probability arguments is that it's slightly more likely. He doesn't have a smoking gun yet."

    Planet Nibiru speculation revived on the Web
    While scientists have greeted Gomes's calculations and conclusions with caution, Planet X/Nibiru doomsday soothsayers are spreading the news that a Brazilian astronomer has discovered Planet Nibiru. According to Skeptical Inquirer, Planet Nibiru 2012 doomsday prophets say that Planet Nibiru, "a rogue planet on a 3,600-year orbit is about to enter the inner solar system and visit a catastrophe upon Earth. This threatening planet was discovered by the ancient Mesopotamians, who named it Nibiru. It was known also to the Mayans, who associated it with the end—December 2012—of their 'long count' calendar. [According to the doomsday prophets] although astronomers and space scientists are tracking Nibiru, this information is being kept from the public as part of a worldwide conspiracy. This official silence cannot be maintained for much longer..."

    The website Occupy Illuminati, for instance, announces: "An astronomer at the National Observatory of Brazil in Rio de Janeiro, named Rodney Gomes (mark this name, he may be making history), affirms he found a rogue planet hidden behind Neptune, that by his calculations could just fit in the depictions of NIBIRU."

    According to the website, the object "Nibiru" could even be an artificial object, that is a massive alien mothership. The websight gives its insight: "If he’s (Gomes) correct, this could be the astronomical find that finally corroborates the translations of Sumerians tablets made by Zecharia Sitchin. The intriguing part is how this object is keeping itself hidden from Earth telescopes... Perhaps it’s not really a planet… Perhaps it’s artificial in nature..."

    A discussion on the site Above Top Secrets follows: A contributor, Alfa1, says: "The proposed object has nothing at all in common with the alleged NIBIRU. The astronomer does NOT 'claim to have found' anything at all. He's saying something might possibly exist."

    Just Chris responds: "But the article doesn't once mention that it may or may not be Nibiru, just a rogue planet with a size similar to Pluto. Doesn't exactly fit NIBIRU descriptions. With that in mind however, will be interesting to see what comes of this?"

    But another commenter appears convinced this could be Nibiru: 1AnunnakiBastard, said: "YES it has to do with Nibiru, concerning the elongated orbit and the way it disturbs the objects in the Kuiper belt, and YES the astronomer claim have found something behind Neptune, and his speculation is only about the nature of the object." 1AnunnakiBastard, adds: It's my own reasoning that it COULD BE the same object from Sumerian genesis. And I assume you didn't read the whole article because he states the object could be 4 times bigger than Earth, was dragged into our Sun's orbit with a very elongated path. Well, IMO this has a big chance of being a candidate to Nibiru."

    Another commenter on the website The Truth Behind the Scenes is certain the Nibiru has been found at last: "And so we come back to Nibiru.The very topic which first brought me to this site.Yes, indeed, she’s out there. Thats not actually in doubt any more, there’s simply to much evidence to support the existence."

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2012
  19. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ข่าวที่เกี่ยวข้อง

    Has Rodney Gomes Found Nibiru?

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=FMqtWojn0Sc&feature=player_detailpage]Has Rodney Gomes Found Nibiru? - YouTube[/ame]


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2012
  20. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ข่าวที่เกี่ยวข้อง...เวบ NATGEO

    New Planet Found in Our Solar System?

    Richard A. Lovett in Timberline Lodge, Oregon
    for National Geographic News
    Published May 11, 2012

    [​IMG]

    An as yet undiscovered planet might be orbiting at the dark fringes of the solar system, according to new research.

    Too far out to be easily spotted by telescopes, the potential unseen planet appears to be making its presence felt by disturbing the orbits of so-called Kuiper belt objects, said Rodney Gomes, an astronomer at the National Observatory of Brazil in Rio de Janeiro.

    Kuiper belt objects are small icy bodies—including some dwarf planets—that lie beyond the orbit of Neptune.

    Once considered the ninth planet in our system, the dwarf planet Pluto, for example, is one of the largest Kuiper belt objects, at about 1,400 miles (2,300 kilometers) wide. Dozens of the other objects are hundreds of miles across, and more are being discovered every year.

    (See "Three New 'Plutos'? Possible Dwarf Planets Found.")

    What's intriguing, Gomes said, is that, according to his new calculations, about a half dozen Kuiper belt objects—including the remote body known as Sedna—are in strange orbits compared to where they should be, based on existing solar system models. (Related: "Pluto Neighbor Gets Downsized.")

    The objects' unexpected orbits have a few possible explanations, said Gomes, who presented his findings Tuesday at a meeting of the American Astronomical Society in Timberline Lodge, Oregon.

    "But I think the easiest one is a planetary-mass solar companion"—a planet that orbits very far out from the sun but that's massive enough to be having gravitational effects on Kuiper belt objects.

    Mystery Planet a Captured Rogue?

    For the new work, Gomes analyzed the orbits of 92 Kuiper belt objects, then compared his results to computer models of how the bodies should be distributed, with and without an additional planet.

    If there's no distant world, Gomes concludes, the models don't produce the highly elongated orbits we see for six of the objects.

    How big exactly the planetary body might be isn't clear, but there are a lot of possibilities, Gomes added.

    Based on his calculations, Gomes thinks a Neptune-size world, about four times bigger than Earth, orbiting 140 billion miles (225 billion kilometers) away from the sun—about 1,500 times farther than Earth—would do the trick.

    But so would a Mars-size object—roughly half Earth's size—in a highly elongated orbit that would occasionally bring the body sweeping to within 5 billion miles (8 billion kilometers) of the sun.

    Gomes speculates that the mystery object could be a rogue planet that was kicked out of its own star system and later captured by the sun's gravity. (See "'Nomad' Planets More Common Than Thought, May Orbit Black Holes.")

    Or the putative planet could have formed closer to our sun, only to be cast outward by gravitational encounters with other planets.

    However, actually finding such a world would be a challenge.

    To begin with, the planet might be pretty dim. Also, Gomes's simulations don't give astronomers any clue as to where to point their telescopes—"it can be anywhere," he said.

    No Smoking Gun

    Other astronomers are intrigued but say they'll want a lot more proof before they're willing to agree that the solar system—again—has nine planets. (Also see "Record Nine-Planet Star System Discovered?")

    "Obviously, finding another planet in the solar system is a big deal," said Rory Barnes, an astronomer at the University of Washington. But, he added, "I don't think he really has any evidence that suggests it is out there."

    Instead, he added, Gomes "has laid out a way to determine how such a planet could sculpt parts of our solar system. So while, yes, the evidence doesn't exist yet, I thought the bigger point was that he showed us that there are ways to find that evidence."

    Douglas Hamilton, an astronomer from the University of Maryland, agrees that the new findings are far from definitive.

    "What he showed in his probability arguments is that it's slightly more likely. He doesn't have a smoking gun yet."

    And Hal Levison, an astronomer at the Southwest Research Institute in Boulder, Colorado, says he isn't sure what to make of Gomes's finding.

    "It seems surprising to me that a [solar] companion as small as Neptune could have the effect he sees," Levison said.

    But "I know Rodney, and I'm sure he did the calculations right."


    New Planet Found in Our Solar System?
    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...