ฌานจำเป็นไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Opened, 21 มิถุนายน 2020.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Moonlight...

    Moonlight... ...

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    216
    ค่าพลัง:
    +147
    นิพพาน คือ สภาวะความดับสนิทแห่งกิเลสและกองทุกข์ สภาวะนิพพานมี 2 ประเภท คือ

    1. สอุปาทิเสสนิพพาน คือ ผู้บรรลุมรรคผลอรหันต์แต่ยังคงขันธ์ 5 ไว้ คือยังทรงชีพอยู่และยังต้องพบกับสิ่งที่เป็นโลกธรรม
    2. อนุปาทิเสสนิพพาน คือ อรหันต์ที่ดำรงชีพจนถึงวันนิพพานและขันธ์ 5 ดับสนิทแล้ว
     
  2. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    รู้ทุกข์เมื่อ ถึงพร้อม

    เราไม่เคยได้ยินได้รู้มาก่อนว่า นี้ทุกข์

    เราไม่เคยรู้สึกมาทั้งชีวิต ทึกข์นี้แหละ คลายตัวไม่อึดอัด
     
  3. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    อิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ
    อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทพปาทิ ญาณัง
    อุทะปาทิปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก
    อุทะปาทิ ฯ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญ
    เญยยันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง
    อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิฯ ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง
    อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะ
    นุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ฯ
    ขอนอบน้อมคุนพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
     
  4. กระร่อน

    กระร่อน จิตฺเตน นียติ โลโก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    8,909
    ค่าพลัง:
    +994
    เรื่องโง่ๆฉลาดนักขอให้บอก55
     
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ = อารมณ์ฌาน
    +++ ลักขณูปนิชฌาน = ลักษณะฌาน
    +++ หากเป็น "ตามคำที่กล่าวมา"
    +++ ก็ไม่ต้องเอา "สิ่งที่เรียกว่า ฌาน ทั้งหมด"
    +++ ผลลัพธ์ คือ "จิตฟุ้งซ่าน ปั่นป่วน" เน่าเละ ไปหมด
    +++ อาการ "เป็นคนบ้า" จะมีได้ใน "ทุกเวลา"
    +++ เหตุเพราะ "จิตสังขาร ไม่มีที่ยืน" มันก็กลิ้ง ไป/มา นั่นเอง
    +++ การทำงานทุกชนิด "มีฌาน เป็นองค์ประกอบ ทั้งหมด"
    +++ แม้กระทั่ง การ "พิมพ์โพสท์" อยู่นี้ ก็ต้อง "อาศัยฌาน"
    +++ หาก "อ่านเจอ" คนที่โพสท์แบบ "กลิ้ง ไป/มา" ก็รู้ได้เลยว่า
    +++ ไอ้หมอนั่น "ไม่มีสมาธิ ในการทำงาน" เจอที่ไหน "ให้ไล่ออก" ทันที
    +++ หากจ้างมันเอาไว้ ก็ถือว่า "เปลืองค่าจ้าง โดยเปล่าประโยชน์"
    +++ ไม่นาน "บริษัท เจ้ง แน่นอน"
    +++ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ = อารมณ์ฌาน (อารมณ์กสิณ) = การจมแช่ในอารมณ์ของฌาน
    +++ ลักขณูปนิชฌาน = ลักษณะฌาน = รู้ลักษณะของ ฌานเกิดขึ้น ฌานตั้งอยู่ ฌานดับไป

    +++ หากต้องการ "รู้แจ้ง" ในเรื่อง ฌานตั้งอยู่ ก็ต้องฝึก "แช่อารมณ์ฌาน" โดยไม่ "หลงไหล" ในอารมณ์
    +++ จะล่วงรู้ "รู้แจ้ง" ในเรื่อง "อารมณ์อย่างหนึ่ง ย่อมมีอิทธิพล ต่อการปรุงแต่ ในแต่ละขณะ"
    +++ หากพูดในอีกภาษาหนึ่ง ก็จะได้ความว่า "ก่อนรูปจะเกิด นั้น มีนามมาก่อน และ มีอิทธิพล ครอบงำรูป" ทั้งหมด

    +++ หาก "กายคตา เวทนานุ จิตตานุ + สติ" ยังไม่ผ่านแล้วละก็
    +++ จะมา "รู้/เข้าใจ" เรื่อง "รูป VS นาม" ย่อม เป็นไปไม่ได้
    +++ เพราะในบริเวณนี้ เป็น "ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน"
    +++ อยู่ในชั้น "ก่อนรูปจะเกิด นามเกิดมาก่อน"
    +++ ลักษณะ (ลักขณู) อย่างไร ให้ผล "มโนปรุงแต่ง" ออกมาอย่างไร

    +++ การควบคุม "กรรม ดี/ชั่ว" ผู้ฝึกผ่านตรงนี้ได้
    +++ ย่อมรู้ชัดว่า "ต้องควบคุมที่ นาม"
    +++ อันเป็น "บ่อเกิดของ รูปธรรม" ทั้งหมด
    +++ "เข้าใจได้ กับ ทำได้" เป็นคนละเรื่องนะ
     
  6. Supakit06

    Supakit06 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +5
    เราสามารถฝึกกสิณเองที่บ้านได้จริงหรือครับ มีคนเคยบอกว่าต้องมีครูอาจารย์คอยกำกับตลอด คือต้องไปฝึกกับครูอาจารย์ท่านเลยหรือครับจะได้ไม่ผิดทาง
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ครูมีทางโลก กับครูทางภพภูมิ คนที่มีครูทางภพภูมิ
    ไม่ค่อยน่าห่วงหรอก ส่วนทางโลกนะน่าห่วง
    เพราะหาคนที่ฝึกแล้วนำมาใช้งานได้จริงนะมีน้อย
    ส่วนมากจะหลงตัวเองเองก่อน
    และฝึกกี่ปีก็ใช้งานจริงไม่ได้ซักที

    ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะฝึกจนถึงระดับนำมาใช้งานได้นั้น มีองค์ประกอบหลายอย่าง

    ถ้าเราไม่ใช่ประเภท พวกที่จะต้องนำความสามารถที่ได้จากการฝึกมาใช้งานอะไร ทั่วไปมักจะเอากำลังที่ได้ มาหนุนทางวิปัสสนาแทนไปก่อน

    ปล กสินมันเริ่มต้นเหมือนง่าย
    เพราะเป็นกรรมฐานที่หยาบๆในช่วงแรก
    แต่ในระดับที่จะนำมาใช้งาน
    อาศัยองค์ประกอบร่วมเยอะอยู่ ทั้งกำลังสติทางธรรม กำลังสมาธิพื้นฐาน ความเฉลียวในการใช้งานซึ่งจะมาทดสอบในระบบนิมิต ความเฉลียวในการเข้าถึงระดับที่จะส่งผลให้ใช้งานได้ต่อมา
    และไม่มีคำว่าผลุ๊กสำหรับกรรมฐานกองนี้

    แนะให้ไปอ่าน กระทู้กสิณอะไรฝึกง่ายสุดดูก่อน
    เผื่อจะได้มุมมองอะไรที่กว้างขึ้น

    เด่วนี้การจะใช้งานได้นั้น ไม่จำเป็นต้อง
    ไปฝึกอะไรมากหรอก
    สำคัญคือ คุณสมบัติที่เพียงพอ
    ที่จะนำไปใช้งานได้ต่างหากที่สำคัญกว่า

    ดังนั้นถ้าชอบกรรมฐานกองนี้จริง
    ต้องตอบตัวเองในใจให้ได้ว่า
    เรามีเป้าหมายในการฝึกเพื่ออะไร
    เครเนาะ
     
  8. Supakit06

    Supakit06 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +5
    คุณนพเคยตอบผมว่า จริตในการฝึกของผมคือ อากาศ กับ ลม ซึ่งดูแล้วยากทั้งคู่ ผมไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้เลย ที่อยากฝึกก็เพราะอยากให้จิตมันสงบบ้าง อย่างน้อยก็ยังมีช่วงหนึ่งของวันที่จิตสงบไม่ฟุ้ง เบาสบายบ้างครับ
     
  9. DrG

    DrG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +4
    ฌาน จำเป็นมาก และผีกลัว ฌาน... ทำไมผีทำอะไรหมอปลาไม่ได้... เพราะมี ฌาน อยู่ในร่าง... พวกมี ฌาน จะจัดการผีได้
     
  10. DrG

    DrG สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +4
    จริงๆ ตัวฌาน เป็นสีดำ แต่น้อยคนจะรู้ และเคยเห็น ...
     
  11. ชื่อใหม่นะ5

    ชื่อใหม่นะ5 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +346
    ปกติผีก็ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเรารู้ทันผี หมอปลาเขารู้ แต่ใช้ชีวิตแบบนั้นมันคือ ดาบสองคม พลาดเมื่อไหร่คือ โดน
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อืม...
    เปรียบเทียบนะ เบาสบายเพราะผลจากสมาธิ ความรู้เย็นเหมือนเราเอาก้อนน้ำแข็งก้อนเล็กๆก้อนหนี่งมาวางไว้ที่มือ มันก็เย็นได้บริเวณรอบๆผิวของมือที่ก้อนน้ำแข็งวางอยู่ และก็เย็นได้ไม่นาน สุดท้ายน้ำแข็งก็ละลายไป ต่อมา เราจะรู้สึกเย็นหรือร้อนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศภายนอก ถ้าอากาศร้อนเราก็รู้สึกกายร้อน ใจร้อนไปด้วยเพราะอากาศมันร้อน
    ถ้าอากาศภายนอกเย็นกายก็รู้สึกเย็น ใจก็รู้สึกหนาวไปด้วยเพราะอากาศมันเย็น

    เปรียบเทียบนะ เบาสบายเพราะผลของการเดินปัญญา
    หรือวิปัสสนา หรือผลของปัญญาทางธรรมนั้นเปรียบเสมือน
    เรายืนอยู่ด้วยความสบายกาย สบายใจ
    ไม่ว่าอากาศภายนอกจะร้อนหรือจะเย็น ยังไงหรือ?
    ก็คือ อากาศภายนอกนั้น ก็ไม่มีผลแต่ใจของเรา
    แม้ว่ากายเราจะมีเหงื่อออกเพราะอากาศภายนอกร้อน
    เราก็จะรู้ว่า ควรพากายเข้าที่กำบัง หรือ หาอะไรมาบังแดด เพื่อไม่ให้ร่างกายร้อน
    หรือกายเรารู้สึกเย็นเพราะว่าอากาศหนาว แต่ใจเราก็ไม่ได้รู้สึกหนาวอะไรไปด้วย
    เราก็จะรู้ว่า ควรหาเครื่องนุ่มห่มมาปิดบังกายซะ เพื่อบรรเทาความรู้สึกหนาวให้ร่างกาย



    แต่จะไม่ว่า จะเป็นผลสมาธิ หรือ สมถะ หรือ ผลของปัญญาก็ตาม
    ย่อมมีพื้นฐานมาจากใจที่สงบก่อน....
    ถามว่า ใจจะสงบได้อย่างไร เมื่อวันหนึ่ง ต้องอยู่ในสังคม พบเจอผู้คนมากมาย
    มีเรื่องให้คิด ให้ทำ มากมาย
    ไหนจะเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาแล้ว
    ที่ทำให้เรานึกปรุงไปเรื่อยเปื่อย
    ที่คอยขึ้นมารบกวนใจเราไม่ให้สงบอีก....

    ดั้งนั้นนี้เอง จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเครื่องมือตัวหนึ่งขึ้นมา
    ที่เราเรียกว่า สติทางธรรม ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง
    เพื่อมาคอยคุมตรงนี้ก่อน
    ควบคุมอะไร? ก็ควบคุมความคิด และพฤติกรรมของจิต จากตัวสติทางธรรมที่
    ได้ในระหว่างวัน
    ไม่ให้มันไป คิดอาฆาต คิดพยาบาทและไปคิดที่จะเบียดเบียนใคร
    และไม่ให้มันไปคิดล่วงละเมิดใครหรืออะไรก็ตาม รวมทั้งสรรพสัตว์
    อีกทั้งสิ่งที่มองไม่เห็นต่างๆ กำลังสมาธิสะสมที่ได้ในระหว่าง
    การเจริญสติต่อเนื่องระหว่างวันนั้น จะมาคอบควบคุม
    ยับยั้ง การไปละเมิดที่กล่าวมาไม่ให้มันเกิดได้นั่นเอง


    ผลที่ได้ก็คือ ความสงบ การควบคุมความคิดผุดต่างๆในอดีตก็จะดีตามมา
    ได้ของมันเองหละ... พอมันสงบได้แล้ว เด่วเราก็จะสามารถที่จะระลึกถึง
    โทษที่เคยได้เคยคิดอาฆาต พยาบาท เบียดเบียน ล่วงละเมิด ขาดการยับยั้ง
    ได้ตามมาภายหลังของมันเองนั่นหละ.....


    ความเบาสบายจากผลของสมาธินั้น คนที่ชำนาญ หรือ ใช้งานทางจิตได้
    ใช้เวลาไม่ถึงวินาที หรือ แค่วินาทีมันก็ทำได้แล้ว แต่เป็นการกระทำที่ยังอยู่
    ภายใต้ความชำนาญ กำลังสมาธิ ตบะ ฌาน ญาณ กำลังจิต พูดง่ายๆ
    ยังมีจิตเป็นตัวกระทำให้เกิดอยู่
    จะใช้ในกรณี ที่ต้องการต่อยอด ต้องการผลของสมาธิ
    เพื่อนำไปใช้งานในด้านต่างๆ แม้ว่าจะใช้งานในทางที่มีประโยชน์ก็ตาม
    แต่ว่า ยังถือว่าเป็นมิจฉาสมาธิอยู่ดี แต่ก็เอาไปใช้ได้อยู่
    ยังไงสุดท้ายก็ต้องมาทิ้งเหมือนเดิม
    เพื่อมาทางด้านปัญญาภายหลัง เพราะความสามารถในการทำได้ขั้นกว่านั้น
    มันต้องอาศัยทางด้านปัญญามาหนุน อย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้





    ดังนั้น ถ้าเป้าของเราตอนนี้ เพียงต้องการจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน
    และความสบายใจบ้าง สบายกายอย่างไร
    ที่แนะนำก่อนหน้ามานั้นก็ใช้ได้ผลอยู่

    ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หรือ ต้องไปฟิตอะไรมากมาย
    แบบที่ต้องการผลสำเร็จของกรรมฐานเพื่อนำมาใช้งาน...เครเนาะ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ในมุมส่วนนะครับ

    มองว่าผี หรือมองวิญญานต่างๆที่บางคนอาจจะเห็นได้เป็นตัวตนได้ชั่วคราว
    แบบที่คนเรียกกันทั่วไป(ไม่ใช่วิญญานในขันธ์ ๕นะครับ)
    เป็นกลุ่มพลังงานอย่างหนึ่ง ที่มีอัตตลักษณ์เฉพาะกลุ่มมวลพลังงานนั้นๆ
    แตกต่างกันออกไปนะครับ

    ที่เราสามารถเห็นเป็นรูปร่างต่างๆ นาๆ แบบไหนก็ตาม ได้นั้น
    อาศัยองค์ประกอบ หลักๆ ที่มาจากตัวสัญญาความจำได้
    ในจิตเราเองนี่หละครับเป็นหลัก ร่วมกับพลังงานภายนอกที่ส่งเข้ามาที่จิตเรา
    จากกลุ่มมวลพลังงานนั้นๆ.....สร้างปรุงหรืออุปโลกน์ รวมกันขึ้นมา
    จนกลายเป็นตัวตนเป็นภาพชั่วคราว ให้เราเรียกได้ถูกนั่นเอง
    ร่วมกับสภาวะจิตที่เอิ้อให้สร้างเป็นภาพและสีต่างๆได้


    ถ้าสมมุติว่า พลังงานภายนอกที่ส่งเข้ามา แต่จิตเราไม่มีสัญญาแบบนั้นมาก่อน
    ยังไงเราก็ไม่มีทางที่จะมองเห็นได้เลยครับ...
    แม้จะอยู่ในสภาวะจิตที่เอิ้อให้สร้างเป็นภาพและสีต่างๆได้

    ยกตัวอย่างให้พอเข้าใจ
    สมมุตินะครับ ว่า เราไปยืนอยู่ระหว่าง เทวดาฝรั่งนับหมื่นท่าน
    แต่จิตเราไม่มีสัญญาว่า เทวดาฝรั่งรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
    แม้ว่าจิตจะอยู่ในสภาวะที่มองเห็นได้ แต่ยังไงเราก็จะมองไม่เห็นอะไรครับ

    สวนฌานอะไรเนี่ย ส่วนตัวก็มองว่าเป็นค่าช่วงระยะของคลื่นความถี่ของ
    จิตอย่างหนึ่งมีหน่วยเป็น Hz
    เป็นพลังงาน เป็นแรงอย่างหนึ่ง มีอัตตลักษณเฉพาะตัว อยู่ภายใต้แรงดึงดูด
    แรงสนามแม่เหล็ก แรงโน้มถ่วงของโลก และแรงนิวเคียร์แบบเข้ม(นึกถึงเวลาดึงยาง
    ให้ยืดและปล่อยกลับ)และแรงนิวเคลียร์แบบอ่อน(แรงที่มีการเปลี่ยนแปลงประจุได้
    หากมีอนุภาคที่หลุดจากนิวเคียสเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงประจุ)
    จะมีสีอะไรก็ได้ หรือ ไม่มีสีก็ได้


    และช่วงระยะคลื่นความถี่ของจิตนั้น สามารถลดลงได้
    โดยอาศัยกำลังสมาธิ ถ้ามองในมุมแรงก็คือ กลุ่มพลังงาน ที่จะไปลด
    พลังงานที่เป็นค่าช่วงความถี่ของจิตในระดับต่างๆ(ระดับฌานต่างๆ) ให้มันสามารถ
    มีค่าคลื่นความถี่น้อยลงไปได้เรื่อยๆจนถึง ระดับ O Hz ครับ
    ปล.ค่าคลื่นความถี่ต่ำ หมายถึงระดับฌาน ที่สูงขึ้น..... เครเนาะ

    ส่วนผีเข้า นั้น ทางพลังงาน
    ก็หมายความว่า กลุ่มมวลพลังงานภายนอกที่เข้ามานั้น
    มีมวล หรือ มีกำลังมากกว่า
    กลุ่มพลังงานที่จะไปลดคลื่นความถี่ของจิต
    (กำลังสมาธิ ที่มวลจิตนั้นๆมี) นั้นๆ
    จนสามารถที่จะเข้ามา ครอบคลุมมวลจิตนั้นๆได้นั่นเองครับ


    ท้ายนี้ นามธรรมต่างๆ อย่าเผลอไปสร้างให้เป็นรูปธรรม
    ไม่งั้นจะเผลอไปยึดนามธรรมเหล่านั้นว่ามีตัวตน
    ได้อย่างไม่รู้ตัวครับ
     
  14. Supakit06

    Supakit06 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2020
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  15. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ถ้าให้โหวตกัน ก็คงบอกว่าส่วนมากคงเลือก ฌานเป็นเรื่องสำคัญ คนส่วนใหญ่ก็อยากปฏิบัติถึงขั้นนี้ด้วยกันทั้งนั้น อยากได้ฌาน หรือให้ก้ได้ญานด้วยยิ่งดีใหญ่ ได้ฌานแถมญาน หรือได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี จริงๆต้องมีเครื่องมือทางภาวนาไว้ฝึก ถึงจะไปถึงสองอย่างนี้ได้ ไม่ใช่ง่ายเลย ที่สุดของสมาธิ กับ ที่สุดของปัญญา
    แต่ในเว็บน่าจะมีวิธีแนะนำไว้แล้วถึงวิธีปฏิบัติ จึงสามารถไปลองฝึกฝนดูได้
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ท่านทั้งหลายรู้ไหมลักษณะของศีล คืออะไร
    '' สภาวะ ศีล คือ สภาวะไม่คิดอาฆาต พยาบาท และเบียดเบียน นั้นและจิตใจปกติ

    '' สภาวะ สมาธิ คือ สภาวะไม่ล่วงละเมิด ยับยั้งไม่ให้เกิด นั่นและสมาธิ

    " สภาวะปัญญา คือ เห็นโทษที่ล่วงละเมิดไปแล้ว ว่าจะมีผลตามมา นั้นและปัญญา

    เพราะฉนั้น ศีล สมาธิ ปัญญา
    จึงเป็นอันเดียวกันแยกกันไม่ออก

    ฉนั้น มิใช่ศีลคืออนุบาล
    สมาธิมิใช่ประถม
    ปัญญาก็ไม่ใช่มัธยมเป็นชั้นๆ


    Cr. ท่านผู้พลิกนามธรรมเป็นรูปธรรม
     
  17. ข้าวฟ่างครับ

    ข้าวฟ่างครับ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2018
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +10
    พอจะทราบมั้ยว่า แสงที่เป็นวงกลมๆและมีสีต่างๆมันคืออะไร วิธีใช้ทำอย่างไง แล้วเมื่อเป็นสภาวะเช่นนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี
    รบกวนผู้รู้ด้านอภิญญาตอบให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
     
  18. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ถ้าเป็นสีขาวจะดี แต่ถ้าให้ดียิ่งกว่า ควรเป็นสีเหลืองหรือสีทอง แสดงถึงความประณีตบริสุทธิของจิต แต่ผมไม่ใช้สายอภิญญา เมื่อมีสภาวะหรือแสงโอภาสอะไรก้แล้วแต่ จงมีสติอยู่กับจิตนี่แหละ อย่าทิ้งจิต อย่าทิ้งสติ ความมีสติรู้ตัว ทั่วพร้อม ทุกขณะ+อารมณ์ที่มีอุเบกขากำกับ จะเป็นกุญแจชั้นเยี่ยมในการภาวนาที่ดีสุด ในตัวมันอยู่แล้ว
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...