** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ตุ้ย ฉันทะ, 16 พฤษภาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. bearkery

    bearkery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,668
    ค่าพลัง:
    +6,383
    ขอบคุณครับผม :cool:
     
  2. bearkery

    bearkery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,668
    ค่าพลัง:
    +6,383
    ขออนุญาตใช้เนื้อที่โพสนะครับพี่ตุ้ย

    พี่โจครับ ผมโอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ (ตั้งโอนล่วงหน้าครับ เงินจะเข้ากองทุนวันที่ 06/08/55 เวลา 17:30 น โดยประมาณครับ) จำนวนเงิน 1,111.11 บาท หลักฐานแสดงการโอนตามด้านล่างเลยครับ
    (ผมขออนุญาต ปิดเลขบัญชีของผมในบางส่วน ขอเปิดเฉพาะตัวท้ายนะครับ)
    ขอบคุณพี่โจมาก ๆ นะครับสำหรับการแบ่งปันดี ๆ ที่มีค่ากับผมแบบนี้ครับ
    (deejai)(deejai)(deejai)(deejai)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • transfers.pdf
      ขนาดไฟล์:
      74.1 KB
      เปิดดู:
      160
  3. monkeyboy55

    monkeyboy55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2007
    โพสต์:
    381
    ค่าพลัง:
    +545
    ยินดีกับคุณ bearkery และอนุโมทนาบุญในน้ำใจของพี่โจ ด้วยครับ

    ศิษย์หลวงปู่ดู่ มีแต่คนน่ารัก ใจดี ^^
     
  4. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    วันอาทิตย์หน้าว่างๆอย่างนี้..

    ขออนุญาตนำข้อเขียนของคุณพี่สิทธิ์ แห่งเวบ Luangpudu.com

    ศิษย์ทันยุคหลวงปู่สายปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่ผมให้ความนับถือ

    และยังเป็นผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ

    การสร้างพระเครื่องหลวงปู่รุ่น "เหรียญรุ่นเปิดโลก"

    นำมาให้อ่านกันครับ..













    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">[​IMG]<TABLE id=webboard border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    (ฟิล์มต้นแบบเพื่อแกะเหรียญหลวงปู่ทวด ที่ตลาดพระพากันเรียกว่ารุ่น "เปิดโลก")


    ผมจำได้ว่าเมื่อราว ๒๐ ปีมาแล้ว มีศัพท์คำหนึ่งเกิดขึ้นในหน้าหนังสือพิมพ์ นั่นก็คือ คำว่า "วัตถุแห่งศรัทธา"

    พิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเป็นคำที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย เพราะวัตถุมงคลชิ้นน้อย ๆ ที่แทบจะไม่มีต้นทุนการผลิตเลย กลับกลายเป็นวัตถุที่มีราคาในตลาดเป็นหมื่น เป็นแสน หรือเป็นล้านบาทได้

    อย่างเหรียญเปิดโลกเนื้อทองแดงนี่ ต้นทุนรวมค่าแกะพระอยู่ที่เหรียญละ ๒.๕๐ บาท (ซึ่งในช่วงนั้น หากไปว่าจ้างช่างรายอื่น จะมีต้นทุนเพียงประมาณ ๑ บาท) จำได้ว่าในการทำเหรียญเปิดโลกเนื้อทองคำ ทางช่างผู้แกะพระ ไม่ต้องการวุ่นวายเรื่องจัดหาเนื้อทองคำ ดังนั้น ผู้ว่าจ้างก็ต้องจัดหาเนื้อทองคำมาเอง

    ผมจึงต้องไปซื้อทองคำจากร้านทองซึ่งเป็นเพื่อนของคุณวรวิทย์ที่ย่านสามแยกไฟฉาย (ฝั่งธนบุรี) ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ ซึ่งคำนวณแล้วต้องใช้ทองคำราว ๆ ๑๕๐ บาท (สำหรับการสร้างเหรียญจำนวน ๒๔๐ เหรียญ)

    จำได้ว่าผมนั่งรถเมล์ไปที่ร้าน แล้วเอากระเป๋าที่สะพายมา ถามเจ้าของร้านว่า "กระเป๋าใบนี้พอใส่ทองคำ ๑๕๐ บาทไหมครับ" เขาหัวเราะใหญ่ เพราะทองคำ ๑๕๐ บาทนี่ แค่กำมือเดียว จากนั้นผมก็ทุลักทุเลนั่งรถเมล์ต่อไปหาช่างอ๊อด ผู้แกะพระ ช่างก็จัดหามอเตอร์ไซด์รับจ้างให้ผมไปร้านรีดทองที่อยู่ไม่ไกล พอรีดเป็นแผ่น ก็เอามาให้ช่างอ๊อดปั๊มพระ จากนั้นก็ให้เอาเศษทองไปหลอมและรีดใหม่ โห กว่าจะหมดพอดิบพอดี ๒๔๐ เหรียญนี่ ผมนั่งมอเตอร์ไซต์จนหัวฟู

    เหรียญนี้เดิมให้จอง (เท่าต้นทุน) ที่เหรียญละ ๒,๗๐๐ บาท แต่ภายหลังช่างบอกว่าคำนวณน้ำหนักผิดไป ต้องเป็น ๓,๔๐๐ บาท (รวมค่ากำเหน็จของช่างแล้ว) ก็เลยมีการแจ้งไปยังผู้สั่งจองกลุ่มต่าง ๆ

    คุณวรวิทย์ ผม และคณะ สร้างพระโดยไม่ได้มีส่วนเกินแต่อย่างใด (จริง ๆ เหรียญเนื้อทองแดงนั้น คุณวรวิทย์จ่ายเองเกือบทั้งหมด เพราะไม่ได้ให้จอง หากแต่แจกฟรี) แต่เราก็มารู้ภายหลังว่า มีบางกลุ่มไปบอกให้จองต่อ (เหรียญเนื้อทองคำ) เหรียญละ ๑ หมื่นบาท ...เฮ่อ ลูกศิษย์หลวงปู่มาทำกันเอง

    ผมก็ไม่ได้ติดตามวงการพระเครื่อง เลยไม่รู้ว่าราคาวิ่งไปถึงขนาดไหนแล้ว ทราบคร่าว ๆ จากคนที่วัดสะแก (เมื่อหลายเดือนก่อน) ว่าเนื้อทองแดงราคาเหรียญละราว ๆ ๔-๕ หมื่นบาท ส่วนเนื้อทองคำหลักแสนปลาย ๆ ใกล้ ๆ ล้านบาทเข้าไปแล้ว

    ถ้าพูดถึงราคาซื้อขายในตลาดเทียบกับต้นทุนแล้ว ไม่รู้ว่าคิดเป็นกี่ร้อยกี่พันเท่า ผมจึงได้เห็นสอดคล้องกับคนที่บัญญัติวัตถุมงคลว่าเป็น "วัตถุแห่งศรัทธา" เพราะราคากับต้นทุนมันไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง มันเป็นเรื่องของศรัทธาของคนที่มีต่อวัตถุเหล่านี้ วัตถุแห่งศรัทธา ที่มีราคาสูงลิบลิ่วนี้ ย่อมเป็นที่มาของความสุขใจของผู้ครอบครอง นี้เป็นคุณค่าชั้นที่หนึ่ง

    หากได้คุ้มครองให้เจ้าของแคล้วคลาดปลอดภัยได้ ก็เป็นคุณค่าชั้นที่สอง

    หากได้เป็นอนุสติ ยกจิตของเจ้าของให้ละอายต่อบาปได้ ก็เป็นคุณค่าชั้นที่สาม

    หากเป็นเครื่องโยงจิตเจ้าของให้พบ "พระเก่าพระแท้" ในตัว ก็จะเป็นคุณค่าชั้นสูงสุด (ในความเห็ส่วนตัวของผม)

    เล่าไว้เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ผู้สนใจครับ

    --------------------------------------------------------------------------------------------

    [​IMG]

    รูปเหรียญหลวงพ่อทวดรุ่นเปิดโลกที่เห็นนี้ มิใช่เหรียญที่เห็นกันโดยทั่วไป เพราะเป็นเหรียญลองปั๊มที่นายช่างแกะพระ เมื่อคราวที่แกะไปได้ยังไม่จบกระบวนการดี ก็ลองปั๊มลงบนแผ่นทองแดง เพื่อตรวจเช็คความคมชัดของบล็อคโลหะที่ขึ้นรูป ดังนั้น จึงยังไม่ได้ประกอบเข้ากับตัวหนังสือ รวมทั้งอักขระและยันต์ต่าง ๆ

    ช่างแกะพระท่านนี้มีความเป็นศิลปินสูงมาก หากไม่พอใจก็ไม่รับงาน ราคาก็แพงกว่าช่างเจ้าอื่นมาก จัดว่าไม่ง้อลูกค้าก็ว่าได้ เพราะมีคิวงานแน่นตลอด

    เมื่อคราวที่ศิษย์หลวงปู่ไปว่าจ้างแกะเหรียญรุ่นเปิดโลกนั้น เมื่อได้พูดคุยกัน ก็ถือว่าถูกอัธยาศรัย จึงตกลงดำเนินการให้ตั้งแต่แกะต้นแบบจากบล็อคโลหะ กระทั่งติแต่งจนลงตัวดีแล้ว ก็ทำการชุบบล็อคให้เป็นเหล็กกล้า เพื่อใช้ในกระบวนการปั๊มพระต่อไป การแกะบล็อคโลหะซึ่งเป็นเหล็กนั้น นับว่าต้องใช้ความละเอียดอย่างมาก ช่างต้องใช้สว่านปลายแหลมเล็กค่อย ๆ สกัดลงในแท่งเหล็ก

    บล็อคเหรียญรุ่นเปิดโลกนั้น ช่างผู้นี้ให้ความทุ่มเทมาก และมิได้ทำสลับกับงานอื่น ช่างแกะอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เช้ายันดึกกินเวลาราว ๑๕ วัน จึงแล้วเสร็จ ช่างผู้นี้พูดเสมอว่า "ผมไม่ได้แกะตุ๊กตุ่นตุ๊กตา ผมแกะรูปที่มีวิญญาณ"

    ฟังดูทีแรกก็ค่อนไปทางคุยโม้ แต่พอเห็นผลงานของช่างผู้นี้แล้วก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่ารูปหลวงพ่อทวดในเหรียญแลดูมีชิวิตจิตใจจริง ๆ

    เมื่อปั๊มเหรียญเสร็จครบตามจำนวน ช่างก็เอ่ยปากขอเหรียญที่แกปั๊มเกินมาจำนวนหนึ่งว่า ผมฝากให้หลวงปู่ดู่เสกด้วยนะ ขอผมคืนสัก ๘๐ เหรียญเอาไว้แจกเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง แต่ภายหลังเสร็จพิธี แกก็ได้รับเหรียญเพียง ๒๘ เหรียญ นัยว่าเท่าจำนวนพระในบทชินบัญชร ช่างก็เลยต้องยอมรับตามนั้น แต่ถึงกระนั้น ช่างก็ได้ติดต่อขอเหรียญเพิ่มอีกบ้าง เพราะมีผู้มาขอแกมาก

    จากเหรียญซึ่งมีต้นทุนเพียง ๑๐ สลึง กลายมาเป็นเหรียญละกว่า ๒ หมื่นบาทในปัจจุบัน ถ้าไม่เรียกว่า "วัตถุแห่งศรัทธา" ก็ไม่รู้จะใช้คำใดที่เหมาะ เพราะมันไม่มีเหตุไม่มีผลในทางโลก ๆ เลยว่าทำไมราคาจึงขึ้นไปอย่างไม่รู้จะคำนวณว่ากี่พันเปอร์เซ็นต์

    เมื่อความนิยมในเหรียญรุ่นนี้มีมาก ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาโลกที่เหรียญปลอมจะเกิดขึ้นมากมายและทำได้แนบเนียนมากขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่างผู้นี้เล่าให้ฟังว่าที่น่ากลัวมากก็คือการนำเหรียญของแท้ที่เป็นเนื้อเงินหรือเนื้อตะกั่วไปเป็นต้นแบบเข้าอุปกรณ์ copy ด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เพราะจะได้ต้นแบบอันใหม่ที่ใกล้เคียงของจริงถึงกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์

    นอกจากเหรียญปลอมจะเกิดขึ้นมากมายแล้ว ตำนานการสร้างก็เริ่มบิดเบือน กล่าวคือเริ่มมีการกล่าวอ้างว่าเหรียญอย่างนั้นอย่างนี้ก็เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย บ้างก็มีการสร้างรุ่นเปิดโลก ๒ เปิดโลก ๓ ฯลฯ ทั้งที่ครูบาอาจารย์รุ่นก่อนท่านถือมากว่าเป็นการไม่งามหากจะสร้างวัตถุมงคลเทียบครูบาอาจารย์ คติในสมัยก่อนจึงมักสร้างรุ่นอื่นที่แตกต่างไปเลย เพราะความเคารพในครูบาอาจารย์จนมิกล้าจะไปเทียบหรือเสกแข่งกับผู้ที่เป็นครูบาอาจารย์ของตน

    เรื่องความกตัญญูนี้สำคัญมาก จะมองข้ามมิได้ บุคคลจะเจริญก้าวหน้าไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ล้วนต้องอาศัยความกตัญญูเป็นพื้นฐานทั้งสิ้น

    ดูอย่างหลวงปู่มั่น ท่านเกิดภาวนาติดขัด แก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จ เมื่อพิจารณาทบทวนจึงทราบข้อที่ยังบกพร่องอยู่นั่นก็คืออาจาริยวัตร ดังนั้น ท่านจึงได้เดินทางกลับไปหาหลวงปู่เสาร์ แล้วกระทำการอุปัฏฐากมีการล้างกระโถนเป็นต้น จากนั้น การภาวนาของท่านจึงก้าวหน้าต่อไปได้

    เมื่อเห็นเหรียญลองปั๊มแล้ว จึงอดนึกเปรียบเทียบไม่ได้ว่า มันบ่งบอกถึงความที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือความที่ต้องการการกระทำบำเพ็ญเพื่อเติมเต็มคุณธรรมเพื่อรูปและนาม (กายและจิต) จักได้สมบูรณ์บริบูรณ์ เมื่อสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วจึงจะสามารถเปิดโลก คือ โลกทัศน์ให้สามารถมองเห็นโลกคือหมู่สัตว์ที่เป็นเหมือนมดไต่ขอบด้ง ไต่วนมาที่เดิมก็เข้าใจว่าเป็นที่ใหม่ วนเวียนในวัฏฏะอยู่อย่างนั้นตราบนานเท่านาน ก็เพราะไม่เสร็จกิจในอริยสัจ ๔ นั่นเอง

    -------------------------------------------------------------------------------------------

    ที่มา : http://www.luangpordu.com/?cid=453342

























    </TD></TR></TBODY></TABLE>
















    </TD></TR><TR><TD><TABLE id=webboard border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE width="99%" align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>















    </TD></TR></TBODY></TABLE>​













    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  5. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    กลับมาจากบ้านแล้วค๊าบ

    ได้ไปใส่บาตรดอกไม้ เนื่องในวันเข้าพรรษาที่วัดวังบัว จ.เพชรบุรีมาครับ

    นำบุญมาฝากครับผม
     
  6. KonnoK

    KonnoK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +574
    ช่างแกะแม่พิมพ์เหรียญเปิดโลกท่าจะเป็นศิลปินจริงๆครับ สังเกตุได้จากช่างแกะลูกแก้วเพิ่มเข้าไปในเหรียญ ทั้งๆที่ต้นแบบที่เป็นภาพฟิล์มจะไม่มีลูกแ้ก้วบนมือหลวงปู่ทวด และลายกนกใต้องค์หลวงปู่ในเหรียญจริงก็มีลวดลายที่งดงามมากกว่าในภาพฟิล์มครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  7. หูกาง

    หูกาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    4,330
    ค่าพลัง:
    +5,449
    เย้ ๆ ๆ เข้าเน็ตได้แล้ว หลังจากที่เข้าไม่ได้หลายวัน...:'(
     
  8. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283

    ยินดีด้วยครับ....พายุเข้า เนทก็ตายซะงั้น..ใช้ๆ หลุดๆ
     
  9. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    หน้ายังคงว่าง..

    คัดเลือกบทความของพี่สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุมงคลมาให้อ่านกัน ด้วยออกจะเกี่ยวเนื่องกับหน้าของเราอยู่บ้าง สิ่งละอันพันละน้อย ล้วนก่อเกิดเป็นองค์ความรู้

    น้อยมากครับ ที่ท่านจะเขียนไปถึงเรื่องวัตถุมงคล

    ส่วนใหญ่ก็จะเน้นเรื่องข้อธรรมคำสอน และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง จากปากหลวงปู่แท้ๆ เป็นหลัก

    จึงขอขอบคุณและขออนุญาตต่อคุณพี่สิทธิ์ มา ณ ที่นี้ครับ

    <TABLE class=forum_catagory border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4 width="100%" bgColor=#6699cc><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:></TD><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=http://file.siam2web.com/template/images/forum/bg4.png><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:></TD><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:></TD><TD style="BACKGROUND: none transparent scroll repeat 0% 0%" target="_blank" bg4.png? forum images template file.siam2web.com http:></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #eceef4" bgColor=#eceef4 height=30 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #eceef4" align=middle></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #eceef4"></TD></TR></TBODY></TABLE>












    </TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" class=dot-bottom><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" height=25 width=25 align=middle></TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">









    </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">













    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" class=dot-bottom><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">ลงเหล็กจาร








    </TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">« Thread Started on 17/12/2553 8:14:00 IP : 203.148.162.151 »</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">
    [​IMG]










    [FONT=verdana,geneva]บางคนเมื่อเห็นรูปหลวงปู่ข้างบนนี้แล้ว อาจเข้าใจไปว่าหลวงปู่กำลังนั่งเขียนหนังสืออะไรอยู่ แต่แท้จริงแล้วเป็นรูปที่คุณมาณพ (ศิษย์อาวุโสท่านหนึ่ง) ขออนุญาตถ่ายรูปหลวงปู่ขณะนั่งลงเหล็กจารอยู่ในกุฏิท่าน[/FONT]

    เมื่อคราวที่ถ่ายรูปนี้ คุณมาณพเองก็ไม่คาดว่าจะถ่ายออกมาได้เพราะแสงน้อยมาก ประกอบกับไม่กล้าใช้แฟลชเพราะอาจทำให้ท่านเสียสมาธิในการลงเหล็กจาร อีกทั้งไม่มีขาตั้งกล้องไปด้วย
    เมื่อล้างอัดรูปออกมาก็ปรากฏว่างดงามน่าพอใจอย่างยิ่ง

    เหล็กจารก็เหมือนปากกาที่หัวปากกาเป็นเหล็กแหลมคล้ายตะปู ที่ทำให้สามารถขีดเขียนอักขระลงบนโลหะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นวัตถุมงคลได้

    การจารก็ถือเป็นการอธิษฐานจิตซ้ำลงไปบนพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตไว้แล้วอีกครั้ง โดยมากหลวงปู่ท่านมักจารเป็นอักขระที่เรียกว่า "นะ" ที่อาจตีความว่าหมายถึงอย่างหยาบตั้งแต่ธาตุดิน ยันสูงสุดคือพระธาตุ (ธาตุดินที่บริสุทธิ์ที่สุด) ซึ่งหากจะตีความทางธรรมก็อาจแปลได้ว่าจงปฏิบัติขัดเกลาตนเองจนทำให้รูปขันธ์ของเราอันประกอบด้วยธาตุดินนี้ได้รับการฟอกให้บริสุทธ์ (ด้วยจิตที่บริสุทธิ์) กระทั่งกลายเป็นพระธาตุ อันเป็นที่สุดแห่งพัฒนาการของแต่ละชีวิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ

    เหล็กจารที่หลวงปู้ใช้นั้นมีหลายอัน ส่วนใหญ่มีด้ามเป็นไม้เพราะเบาและจับสะดวกมือ แต่ต่อมาภายหลังที่ท่านเริ่มชราภาพ ท่านก็จะให้พระลูกศิษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงน้าดำ (ปัจจุบันคือผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสะแก) จารแทนท่าน แล้วจึงค่อยนำกลับมาให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีกครั้ง

    เล่าไว้เป็นเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เผื่อว่าเมื่อได้ไปเห็นรูปนี้ ก็จะได้เข้าใจว่าหลวงปู่กำลังทำอะไรอยู่ครับ รวมทั้งอย่าไปใส่ใจกับราคาค่างวดในการซื้อหาเหล็กจารที่มีผู้อ้างว่าเป็นของหลวงปู่ เพราะเหล็กจารของท่านมีหลายอัน สิ่งสำคัญอยู่ที่พลังจิตมากกว่า มันไม่ได้อยู่ที่เหล็กจารหรือปากกาหรอกครับ ถึงจะมีส่วนก็มีส่วนน้อยมาก








    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ยังมีอีกบทความหนึ่ง เป็นข้อย่อยอยู่ในกระทู้หนึ่ง เห็นว่าน่าสนใจ เลยยกมาให้อ่านกันครับ

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width=500 align=center><TBODY><TR><TD>วัฒน์ Talk:</TD></TR><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" bgColor=#d1d7dc><TBODY><TR><TD bgColor=#fafafa height=50 vAlign=top>แล้วอัฐิธาตุหลวงปู่สามารถเช็คพลังได้เหมือนพระเครื่องหรือเปล่าครับ





    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>


    [FONT=verdana,geneva]ที่ถามมาเช่นนี้ แสดงว่าค่านิยมของการเช็คพลังได้ระบาดมากแล้วในหมู่ผู้ที่มาใหม่[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]การมีดำริจะเที่ยวเช็คพลังสิ่งต่าง ๆ ค่อนข้างเป็นอันตราย อีกทั้งหลวงปู่ก็ไม่เคยพาทำ[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]ที่ท่านให้เช็ค ก็มักทำกันต่อหน้าท่านเท่านั้น และทำโดยที่ท่านเป็นฝ่ายเอ่ยปาก เพราะท่านจะเปิดให้เห็นอะไรบางอย่าง (โดยอาศัยบารมีของท่าน แต่ท่านไม่บอกโดยตรง เดี๋ยวจะอาบัติ)[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]เดี๋ยวนี้ท่านไม่อยู่ ก็มีผู้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ทางเช็คกันมาก เห็นแล้วสลดใจ อีกทั้งทำไปแล้วจะได้อะไร มีส่วนสนับสนุนการละโกรธ โลภ หลง อย่างไร อีกทั้งผลการเช็คจะผิดถูกก็ยังไม่รู้ชัด เพราะต่างคนต่างเช็ค ผลออกมาก็มักไปคนละทาง[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]สรุปว่า หากเราน้อมจิตบูชาอัฐิธาตุหรือวัตถุมงคลใด ๆ หากอาการปีติจะเกิดก็ให้เกิดเอง มิใช่มาตั้งใจเช็ค ก็จะเป็นการปลอดภัย ไม่ถือเป็นการปรามาสท่านครับ[/FONT]

    [FONT=verdana,geneva]--------------------------------------------------------------------------------------------[/FONT]


    ที่มา : http://www.luangpordu.com/?cid=453342
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2012
  10. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    (ต่อ...) หลายท่าน..อาจเคยเห็นภาพนี้ติดอยู่ที่วัดสะแก

    ลองมาดูความหมายของภาพ.. ว่ามีที่ไปที่มากันอย่างไรครับ

    <TABLE id=webboard border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ภาพนี้ ตามทัศนะของเรา ถือเป็นภาพปาฏิหาริย์จริง เรียกว่า "พุทธนิมิต" เราเคยเล่าเอาไว้บ้างแล้วในหนังสือหลวงปู่ที่ได้จัดทำไป เช่น หนังสือ ๑๐๑ ปี หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ และ ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นต้น

    แต่บางท่านอาจไม่มีหนังสือดังกล่าว ก็ขอเล่าสรุป ๆ ดังนี้

    ภาพนี้เป็นชุดเดียวกันกับภาพปาฏิหาริย์ที่มีเส้นแสงต่าง ๆ ปรากฏข้างองค์หลวงปู่ ซึ่งถ่ายในคืนวันวิสาขบูชาปี ๒๕๒๘ ถ่ายด้วยกล้อง yashika ที่ซื้อมาในราคา ๒,๘๐๐ บาท (ที่จำได้เพราะเป็นกล้องตัวแรกในชีวิตของผม แต่รูปส่วนใหญ่ถ่ายโดยเพื่อนชื่อคุณวันชัยฯ) สมัยนั้นยังใช้ฟิล์ม (ฟิล์ม ๑ ม้วน ถ่ายได้ประมาณ ๓๖ รูป)

    เดิมที ทางร้านไม่ได้อัดรูปพุทธนิมิตขึ้นมา (คือข้ามไปอัดรูปอื่น ๆ ในฟิล์มม้วนนั้น ด้วยมองด้วยตาเปล่าแล้ว เข้าใจว่าเป็นรูปเสีย แม้แต่พวกเราก็ไม่นึกเฉลียวใจเพราะปรกติผู้เป็นช่างกล้องจะต้องยิงทิ้งสักรูปสองรูปก่อนเพราะเป็นต้นฟิล์ม)

    รูปพุทธนิมิตนี้ เป็นรูปทื่ช่างภาพในคืนนั้น (คุณวันชัย) ยิงทิ้งโดยการถ่ายไปที่โอ่งน้ำข้าง ๆ ม้านั่งรับแขกหน้ากุฏิหลวงปู่ - ถ้าเราตะแคงรูป เราจะเห็นโอ่งลายมังกรพร้อมฝาปิดอลูมิเนียม

    พวกเราไปอัดเพิ่มที่ร้านหน้าวัดพระแก้ว (เพราะสมัยนั้นเป็นร้านที่เป็นทางผ่านเวลาลงรถเมล์มาเรียนที่ มธ.) ทางร้านยังบอกอีกว่าฟิล์มเสียนะ จะอัดอีกเหรอ แต่พวกเราก็ยืนยัน (เพราะหลวงปู่บอกว่า "พวกแกถ่ายติดพระพุทธเจ้า") ซึ่งพออัดรูปออกมาแล้วก็ให้อัศจรรย์ใจ เพราะแลกลุ่มควันนั้นเป็นเหมือนพระพุทธรูปครึ่งบน และหลวงปู่ท่านคงต้องการแก้ข้อลังเลสงสัยว่าจะเป็นเงาของพระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หรือเปล่า ท่านจึงให้ภาพเกิดในแนวตะแคงเสียเลย (สังเกตจากทิศทางของโอ่งน้ำ) ดังที่เห็นในภาพ

    แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น ต้องยกเครดิตให้คุณเมธาผู้ช่างสงสัย เป็นปฐมเหตุที่นำรูปปาฏิหาริย์งานศพครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นไปให้หลวงปู่ทัศนา หลวงปู่ยกขึ้นไหว้แล้วกล่าวว่า "ข้าโมทนาสาธุด้วย ของจริงทั้งนั้น" จากนั้นก็กล้าตายเอ่ยปากขออนุญาตหลวงปู่ถ่ายรูปในค่ำคืนวันเกิดหลวงปู่คือวันวิสาขบูชาในปี ๒๕๒๘ ประมาณ ๑-๒ ปี ภายหลังที่พวกเราได้มารู้จักกับหลวงปู่

    ยังมีอะไรอีกมากในรูปพุทธนิมิตนี้ เช่นรูปหน้าพระสงฆ์จำนวนหลายรูป

    แต่สิ่งสำคัญที่เป็นหลักใหญ่ที่หลวงปู่ท่านให้พวกเราไว้ คือ "พระท่านทำให้เชื่อ"

    ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมากล่าวถึงในแง่อิทธิปาฏิหาริย์ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างโลก ๆ (ที่นับวันแต่จะมากด้วยการถือมงคลตื่นข่าว) ยิ่งไปกว่าในแง่ที่หลวงปู่ท่านชี้แนะว่า "พระท่านทำให้เชื่อ" คือ ทำให้เชื่อว่าคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์มีจริง ดังนั้น จงมั่นใจว่าการปฏิบัติธรรมมิใช่สิ่งไร้ผล ทำจริงย่อมได้ผลจริง เมื่อตั้งใจปฏิบัติ พระท่านก็จะคอยมาเสริม มาค่อยสงเคราะห์เราอยู่ตลอด

    เรื่องใด ๆ ก็ตาม ควรจะใช้ปัญญาพิจารณาไปในทางสร้างเสริมศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา เสมอไป จึงจะเป็นความเจริญก้าวหน้าในทางปฏิบัติ และถูกแนวที่หลวงปู่ท่านชี้แนะไว้ตลอดหลายปีที่ท่านอบรมลูกศิษย์ให้เป็นผู้ได้หลักได้เกณฑ์ขึ้นมา เว้นแต่ศิษย์เหล่านั้นจะปิดกั้นตัวเอง หรือเสียหลักไปเพราะอำนาจแห่งลาภสักการะ

    --------------------------------------------------------------------------------------------

    นี่ก็เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่น่าสนใจ..


    [​IMG]

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE id=webboard border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    ภาพเก่าเล่าเรื่องภาพแรกนี้เป็นภาพที่คนที่เพิ่งมารู้จักหลวงปู่มักสงสัยว่าอะไรนะที่ปิดที่เท้าหลวงปู่ จะสันนิษฐานว่าเป็นแผ่นทองคำเปลวก็ไม่น่าใช่ เพราะหลวงปู่เป็นพระสงฆ์ ไม่ใช่พระพุทธรูปสักหน่อย
    คำตอบก็คือเป็นแผ่นทองคำเปลวจริง ๆ

    เพื่อป้องกันมิให้มีใครไปนึกปรามาสหลวงปู่ว่าทำตัวเหมือนพระพุทธเจ้าหรืออย่างไร จึงขอเล่าที่มาไว้สักเล็กน้อย

    เรื่องนี้เป็นเพราะภรรยาของ ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่งในอยุธยา (ภายหลังมาเปิดร้านทอง) เธอบนบานศาลกล่าวเรื่องใดก็ชักจะลืมเลือนไปแล้ว แต่ที่สำคัญคือเธอบนว่าหากเรื่องนั้นสำเร็จ เธอจะแก้บนด้วยการเอาแผ่นทองคำเปลวมาติดที่เท้าหลวงปู่

    แน่นอนที่สุด หลวงปู่ท่านต้องปฏิเสธมิให้ใครมาทำอะไรเช่นนั้น แต่ด้วยการตื้อของเธอ ประกอบกับการขอร้องหลวงปู่ว่าเธอต้องรักษาสัจจะ ในที่สุดหลวงปู่ก็จำต้องใจอ่อนยอมให้เธอปิดทองคำเปลวที่เท้าท่าน

    โบราณท่านว่า หากลาภจะเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรให้เสมอหน้ากัน มิเช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่าเลือกที่รักผลักที่ชัง และเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจกับผู้ที่มิได้ลาภ ดังนั้น บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อเห็นว่าหลวงปู่อนุญาตเธอผู้นั้นแล้ว ก็พากันทะยอยมาขออนุญาตหลวงปู่บ้าง ผลที่สุดจึงมีทองคำเปลวติดเต็มหน้าแข้งหลวงปู่

    แต่จะมีใครรู้บ้างว่า หลวงปู่ท่านเมตตาอนุญาตให้ทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็รู้ว่าใครก็ตามมาสัมผัสเท้าท่าน เท้าท่านก็จะบวมในไม่ช้า และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ วันรุ่งขึ้นเท้าท่านบวมขนาดว่ามองไม่เห็นตาตุ่ม
    อาการเท้าบวมของหลวงปู่นั้นมิใช่เกิดจากแผ่นทองคำเปลว หากแต่ใครก็ตามที่สัมผัสโดนเท้าท่าน เป็นบวมทุกทีไป จึงเป็นสาเหตุให้ต้องคอยระวังบรรดาพวกที่ชอบจู่โจมกราบให้ถึงหน้าตักครูบาอาจารย์

    เรื่องที่ใคร ๆ มาสัมผัสถูกเท้าหลวงปู่ไม่ได้นั้น ศิษย์อาวุโสบางคนก็ให้เหตุผลว่าหลวงปู่ท่านบริสุทธิ์มาก บริสุทธิ์เกินกว่าใคร ๆ จะมาสัมผัสถูกตัวท่าน เรื่องนี้ก็สุดวิสัยที่ใครจะทราบสาเหตุอย่างถ่องแท้
    เอาไว้มีโอกาสจะนำภาพเก่ามาเล่าเรื่องให้ฟังอีกครับ

    --------------------------------------------------------------------------------------------

    อารมณ์ขันของหลวงปู่..นานๆก็มีบ้าง..

    [​IMG]

    ครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ขี้สงสัยของหลวงปู่คนหนึ่งเหลือบไปเห็นพระพิมพ์ยืนขนาดความสูงราว ๕ นิ้ว องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพิมพ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จะว่าพระพุทธก็ไม่เชิง พระสาวกก็ไม่เชิง จึงถามหลวงปู่ว่า

    ลูกศิษย์ "หลวงปู่ครับ พระองค์นั้นเป็นพระอะไรครับ"

    หลวงปู่ "เขาเรียกว่าพระสังกัจจายน์"

    ลูกศิษย์ " ผมเคยเห็นมีแต่พิมพ์นั่ง ทำไมหลวงปู่สร้างพิมพ์ยืนครับ"

    หลวงปู่ "พระท่านนั่งนาน ๆ ก็ต้องเมื่อยสิ ให้ท่านยืนบ้าง"

    ------------------------------------------------------------------------------------------

    และอีกหลากหลายเรื่องราว.. หลายๆภาพ จากกระทู้ " ภาพเก่าเล่าเรื่อง "

    น่าสนใจทั้งนั้น ว่างๆลองแวะเข้าไปอ่าน เข้าไปศึกษากันครับ

    ขออนุญาตลิ้งค์เวบมาให้ดูครับ


    http://www.luangpordu.com/?cid=4533...rum_id=41281&topic_id=97940&pageno=2#comments
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  11. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ผมก็ว่าทำไมมองทีไรก็ไม่เห็นมีอะไรสักที

    พอลองมองตะแคง เห็นชัดเลยครับ

    แต่ผมเห็นเป็นพระพุทธรูปปางยืนครับผม....
     
  12. ตุ้ย ฉันทะ

    ตุ้ย ฉันทะ ID LINE : 0818477768 ID WeChat : T8477768

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,783
    ค่าพลัง:
    +5,891
    แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 06/08/2012 เวลา 09:18:49
    คุณกิตติพงศ์ EI 1218 2565 5 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณปณ.12 EI 1218 2566 9 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณมานะ EI 1218 2567 2 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณกรกฤษณ์ EI 1218 258 6 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณกิติศักดิ์ EI 1218 2569 0 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณบุษกร EI 1218 2570 9 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณสุรชัย EI 1218 2571 2 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณวัชระ EI 1218 2572 6 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณสมบูรณ์ EI 1218 2573 0 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณบุรพล EI 1218 2574 3 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณสุรพันธ์ EI 1218 2575 7 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณจีรวัฒน์ EI 1218 2576 5 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณสรรชัย EI 1218 2577 4 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณอมรชัย EI 1218 2578 8 TH ขอบคุณมากครับ

    (f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)





     
  13. อิฐมอญ

    อิฐมอญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,385
    ค่าพลัง:
    +1,444
    สวัสดี เช้าวันจันทร์ ด้วยพระบูชาหลวงปู่ทวด ปี20 นะครับ

    [​IMG]
     
  14. max_thonglor

    max_thonglor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    317
    ค่าพลัง:
    +704
    กระจ่างแล้วครับ
    [​IMG]
     
  15. Jopaa

    Jopaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,720
    ค่าพลัง:
    +4,867
    ครับ..พักนี้มีน้องๆ Pm. เข้ามาถามเรื่องตระกรุดของหลวงปู่ฯ กันหลายท่าน ไม่รู้เพระอะไร..?

    เรื่องของ "ตระกรุด" เซียนนิวส์ ได้ให้รายละเอียดไว้มากพอสมควรแล้วครับ ขอให้ลองย้อนกลับไปอ่าน พร้อมดูภาพประกอบได้ที่หน้า 692 และ 699 น่ะครับ

    ส่วนคำตอบของเซียนนิวส์ที่ตอบล่าสุดในหน้า 742 ความว่า....

    <TABLE id=post6495752 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 04-08-2012, 09:44 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#14840 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->นิวส์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6495752", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2011
    ข้อความ: 401
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 47
    ได้รับอนุโมทนา 139 ครั้ง ใน 35 โพส
    พลังการให้คะแนน: 61 [​IMG][​IMG]

















    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6495752 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jaisom somjai [​IMG]
    ...ขอความกรุณาช่วยดูให้ทีครับ ...ตะกรุดดอกนี้...เป็นของหลวงปู่ดู่หรือไม่...แท้มั้ยครับ...ถ้าแท้...ทันหลวงปู่หรือเปล่า...สร้างปีไหน...พอดีผมจะเช่าเขาอ่ะครับ...แต่โดนมา
    หลายท...ก็เลยออกจะเข็ด ๆ เขี้ยวไปนิด...แต่ก็อยากได้ของแท้ ๆ ของหลวงปู่ไว้ใช้..
    พี่ตุ้ย..คุณนิวส์...คุณอิฐมอญ...ช่วยฟันธงให้ที่...ถ้าไม่ใช่จะได้ไม่เอา....อ่ะครับ















    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่เเท้คับ ตะกรุดที่ตอกโค๊ต มีเพียงสองรุ่น คือ
    1.ตะกรุด รศ 200 สร้าง ปี 2525 สร้าง 200 ดอก
    2.ตะกรุด 79 สร้างตอนหลวงปู่อายุ 79 ปี 2526 สร้าง 79 ดอก
    ทั้งสองรุ่นมีเฉพาะเนื้อเงินเท่านั้น เเละตุกรุดของวัดสะเเก
    ก็ไมีมีการตอก ว.ส.ก. เเน่นอนคับ<!-- google_ad_section_end -->















    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมขออนุญาตเสริมคำตอบให้อีกนิดหน่อย พร้อมยกภาพประกอบเพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้นครับ

    1. ตระกรุดที่เป็นเนื้อทองแดง หรือเนื้อเงิน หรือเนื้ออื่นๆใดก็ดี ที่มีการตอกโค๊ด จะเป็นโค๊ดตัว วสก.ก็ดี , โค๊ดตัว ช. ก็ดี, โค๊ดรูปโบว์ต่างๆ ก็ดี , ถ้าปรากฏเช่นนั้นขอให้เข้าใจเบื้องต้นไว้ก่อนว่าเป็น "ของเก๊" สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไปตามตลาดนัดพระ หรือแผงลอยขายพระทั่วไป

    2. แต่ถ้าปรากฏว่ามีโค๊ดที่ตระกรุด แต่ต้องที่ชนิดเนื้อเงินเท่านั้น (เนื้ออื่นตีเก๊ได้เลย) ขอให้ดูประกอบต่อไปอีก เพราะถ้ามีโค๊ดจะมีเพียงแค่ 2 รุ่นเท่านั้น คือ

    - รุ่นปี 2525 หรือ รศ. 200 ซึ่งในตระกรุดจะต้องมีตัวเลข 200 และ ยันต์ตุ๊กตา ประกอบด้วย
    - กับอีกรุ่นหนึ่งคือ รุ่นฉลองครบรอบ 79 ปี นั้นจะต้องมีเลข 79 พร้อมยันต์ตุ๊กตาปรากฏอยู่ด้วยเช่นกัน

    ซึ่งทั้งสองรุ่น เป็นตระกรุดขนาดเล็ก ความยาวเพียงประมาณ 1นิ้วครึ่งกว่าๆเท่านั้นเองครับ และมีจำนวนการสร้างน้อย สำหรับรุ่น รศ.200 มีเพียง 200 ดอก (ตามปี รศ.) และรุ่น 79 ปี มีเพียง 79 ดอก (ตามอายุหลวงปู่)

    3. จากข้อ 2. นั่นยังเป็นวิธีการดูเพียงเบื้องต้นของตระกรุดทั้งสองรุ่น แต่ในรายละเอียดยังต้องมีองค์ประกอบการพิจารณาด้านอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ตัวเนื้อเงิน ,ลักษณะของโค๊ด,ของตัวเลข (ความคม / ความลึก), เนื้อยางภายในตระกรุด , ลักษณะการม้วนรอบ เช่นนี้เป็นต้น

    หวังว่าคงได้รับคำตอบกระจ่างขึ้นอีกนิดน่ะครับ การเช่าหาจะได้ระมัดระวัง ไม่ถูกผู้ขายโฆษณาชวนเชื่อพร้อมนิทานเรื่องเล่าประกอบ เพื่อให้เชื่อว่าเป็นตระกรุดของหลวงปู่ฯ และอย่างที่เรียนให้ทราบ อะไรๆที่พยายามจะทำให้มีสัญญลักษณ์ของวัดสะแก ปรากฏที่วัตถุมงคลนั้นๆ ของแท้มักไม่มี ( มีบ้างแต่น้อยรุ่นมากๆ มักเป็นรุ่นจำเพาะเจาะจงในคราพิธีงานหนึ่งๆ จำนวนการสร้างน้อยๆ ) ส่วนของปลอมมักพบเห็นได้โดยทั่วไป อย่างเช่น ตระกรุด หรือ พระบูชา เป็นต้น

    [​IMG]

    ภาพด้านบน ตระกรุดเนื้อเงิน รุ่นปี 2525 หรือ รุ่น รศ.200 (สังเกตที่โค๊ด /ตัวเลข 200 / เนื้อยาง )




    [​IMG]

    ภาพด้านบนนี้ ตระกรุดเนื้อเงิน รุ่นฉลองครบรอบ 79 ปี (สังเกตุตัวเลข 79 ,ยันต์ตุ๊กตา, ตัวยันต์อักขระ )


    [​IMG]

    นอกเหนือจาก 2 รุ่นดังกล่าว จะไม่ปรากฏโค๊ดปั้มต่างๆ แน่นอนครับ จะมีก็แต่ตัวยันต์ หรือตัวเลขต่างๆที่บรรจุเขียนอยู่ภายในตระกรุด ซึ่งโดยปกติเราจะไม่อาจเห็นได้เลย เพราะม้วนอยู่ภายในตระกรุด หรือถ้าเห็นก็จะมีแต่ส่วนน้อยแลบออกมาบ้าง อาจเห็นเป็นลายมือเขียนเส้นบางๆ หรือลายตารางขีดเส้นบางๆ จนบางทีมองแทบไม่เห็น (มีลักษณะเหมือนลายมือจาร จะไม่ใช่เป็นลักษณะลายยันต์ หรือลายตารางปั้ม) ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นรุ่นโสฬสมงคล, นิมหารูด, ไตรสรณคมณ์ , หัวผุ, หรือแผ่นข้อสอบเนื้ออลูมิเนียมหรือแสตนเลส ซึ่งก็จะมีวิธีการพิจารณาเก๊/แท้โดยละเอียด แยกลักษณะจำเพาะเป็นพิเศษในแต่ละรุ่นไปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2012
  16. นะมารวย

    นะมารวย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +67
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 สิงหาคม 2012
  17. นะมารวย

    นะมารวย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +67
  18. ตุ้ย ฉันทะ

    ตุ้ย ฉันทะ ID LINE : 0818477768 ID WeChat : T8477768

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2009
    โพสต์:
    4,783
    ค่าพลัง:
    +5,891
    แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 06/08/2012 เวลา 09:18:49
    คุณธวัชชัย EI 1218 4619 5 TH ขอบคุณมากครับ
    คุณภัทราพร RG 4335 0609 5 TH ขอบคุณมากครับ
    .
    .
    .
    .
    ** วันนี้ลงรายการนิดหน่อยครับผม **
    .
    .
    ;aa44;aa44;aa44

    .
     
  19. อิสะวาสุ

    อิสะวาสุ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +3
    ลงรายการช่วงไหนครับ จะได้เปิดดูทันครับ
     
  20. max_thonglor

    max_thonglor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    317
    ค่าพลัง:
    +704
    "พระธาตุยอดหญ้า"
    [​IMG]

    มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่ง ไปขอเส้นเกศาจากหลวงปู่เทสก์บอกว่า..."ถ้าหลวงปู่มรณะภาพแล้ว ดิฉันคงไม่มีหวังที่จะได้พระธาตุของหลวงปู่แ่น่เลย"...หลวงปู่ท่านมีเมตตามาก ท่านบอกว่า..."เจ้าไปเก็บพระธาตุเอาตามยอดหญ้าแล้วกัน".
    ตอนนั้นในวัดตีความกันใหญ่ ก็สงสัยว่าท่านสอนอะไรกันหนา?...หรือบอกอะไรสักอย่าง? ที่บอกว่าให้ไป
    เก็บพระธาตุเอาตามยอดหญ้ามันเป็นปริศนาธรรมอันลึกล้ำรึป่าว?...ก็เลยเป็นการถกเถียงกันใหญ่ในหมู่ลูกศิษย์
    แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ปริศนาธรรมอะไรหลอก...ท่านบอกตรงๆตอนถวายพระเพลิงท่าน...ซึ่งเผาในโกศตอนดึก...พระธาตุของท่านพุ่งออกมาจากโกศกระจายอยู่รอบๆเมรุ...ที่รอบๆเมรุเขาปูด้วยหญ้าไว้เรียบร้อย...บรรดาพวกที่นั่งรอดูการเผาศพท่านก็รีบเก็บพระธาตุกันใหญ่ จึงเรียกว่า "พระธาตุยอดหญ้า"...
    ยอดหญ้าจริงๆ...พอเก็บมาได้คืนเดียวก็แปรสภาพ จะเยิ้มๆละลายตัวหลอมเป็นน้ำเหลวๆเคลือบอยูในกระดูกกลายเป็นผลึก...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...