** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

ขออนุโมทนาสาธุกับคุณ monkeye ด้วยครับ

ถือว่ามาถูกทางเป็นยิ่งแล้ว..

หากอยากได้ความรู้ด้านพระเครื่องของหลวงปู่ท่านเล็กๆน้อยๆ ก็เข้ามาที่หน้าของคุณตุ้ยนี้..

แต่หากสนใจด้านการปฏิบัติ ซึ่งเป็นของจริงของแท้แน่นอน ผมอยากแนะนำให้ลองเข้าไปที่หน้า Luangpudu.com ดูซิครับ..ที่นั้นมีอะไรดีๆเยอะแยะที่เดียว..เป็นเวบของศิษย์สายปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของแท้ไม่แปลกปลอม เป็นศิษย์ทันยุคหลวงปู่ท่าน ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือตามรอยธรรมฯ และหนังสือธรรมะเผยแพร่ของหลวงปู่เกือบทั้งหมด จนหลวงปู่กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นจนทุกวันนี้..น่าสนใจมากครับสำหรับผู้สนใจด้านการปฏิบัติตามแนวทางหลวงปู่ดู่ท่าน

 

จากกระทู้ที่ 13610 : ผมขออนุญาติ Copy บทความหนึ่งจากเวบดังกล่าว ว่าถึงเรื่องการสวดมนต์ รวมถึงบทคาถาบทหนึ่งที่ปัจจุบันนิยมเรียกกันว่า " บทสวดคาถาจักรพรรดิ์" ลองอ่านๆกันดูครับ ว่ายุคสมัยหลวงปู่เขาว่ากันอย่างไง..?

(คำถาม-คำตอบ อาจจะยาว..ต้องตั้งใจอ่านและเสียเวลาอ่านมากอยู่สักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์มากที่เดียวครับ สำหรับผู้สนใจด้านการปฏิบัติอันถูกต้องถูกแนว)

------------------------------------------------------------------------------------------

เรื่อง : สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรดี



<TABLE class=forum_catagory border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4 width="100%" bgColor=#6699cc><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #eceef4" bgColor=#eceef4 height=30 vAlign=top>Posts: 0 topics
Joined: none



</TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" bgColor=#ffffff vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" class=dot-bottom><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff" height=25 width=25 align=middle></TD><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">สวดมนต์แค่ไหนและอย่างไรถึงจะดี


</TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">« Thread Started on 26/3/2553 10:02:00 IP : 58.8.242.152 »</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff"></TD></TR><TR><TD style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff">รบกวนขอถาม พี่ๆ Administrator ในฐานะที่พี่ๆ ได้มีโอกาสเรียนธรรมะกับองค์หลวงปู่่ เป็นเวลายาวนานเป็น 10 ปี (น่าอิจฉาจัง)
หลวงปู่ท่านสอนถึงการสวดมนต์อย่างไรครับ ท่านแนะนำให้สวดแค่ไหน และอย่างไรครับ สวดบทไหนถึงจะดี เห็นตอนนี้มีการชวนกันให้สวดบทมหาจักรพรรดิกัน...บทนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ ขอความรู้ให้น้องใหม่หน่อยน่ะครับ จะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้องแบบที่องค์หลวงปู่เคยสอนพวกพี่ครับ
ขอขอบพระคุณพี่ๆมากๆ ล่วงหน้าครับ

------------------------------------------------------------


<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>ก่อนจะตอบเรื่องการสวดมนต์ เราควรต้องเข้าใจเสียก่อนว่าหลวงปู่มิได้ให้น้ำหนักกับการสวดมนต์ยิ่งไปกว่าการนั่งสมาธิภาวนา ท่านเคยเตือนลูกศิษย์ผู้ที่ชอบสวดมนต์แต่ขี้เกียจนั่งภาวนาว่าให้กลับเวลากัน ที่เคยสวดมนต์ ๑ ชั่วโมง แต่นั่งสมาธิแค่ ๑๐ นาที ก็ให้ลดเวลาสวดมนต์ลงเหลือ ๑๐ นาที แล้วเพิ่มเวลานั่งสมาธิเป็น ๑ ชั่วโมงแทน

หลวงปู่เคยสอนว่า

"ที่ข้าสอนให้สวดมนต์ ข้าให้ (นั่ง) ภาวนาด้วย สวดมนต์ตามแบบพระพุทธเจ้า มีอยู่แล้ว เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน สวดมนต์อย่างเดียวไปช้า ข้าว่าอย่างนี้ แกจะว่ายังไง"

นอกจากนี้หลวงปู่ก็ยังเคยพูดสำทับว่า "สวดมนต์เป็นยาทา ภาวนาเป็นยากิน" จึงชัดเจนมากว่าหลวงปู่ให้น้ำหนักกับอะไรมากกว่า

ทีนี้วกมาเรื่องเนื้อหาบทสวดมนต์ บทสวดมนต์ที่หลวงปู่ยกย่องมากก็คือบทสวดหรือปริตต์ต่าง ๆ ในหมวดที่เรียกว่า "เจ็ดตำนาน" และ "สิบสองตำนาน" ซึ่งก็คือบทสวดมนต์พิเศษที่อยู่ในหนังสือบทสวดมนต์แปล หรือมนต์พิธี นั่นเอง เพราะล้วนแล้วแต่เป็นบทที่คัดออกมาจากพระไตรปิฎก มีเนื้อหาเป็นอรรถเป็นธรรม มิใช่คาถาอย่างลัทธิมนตรยาน ที่ถือทางขลัง และกำหนดว่าต้องสวดเท่านั้นเท่านี้จบ อีกทั้งมีการเชิญชวนด้วยการพรรณาถึงอานิสงส์ของการสวดไว้เกินเลยอย่างมาก จนผู้ศรัทธาเสียหลักการของการปฏิบัติขัดเกลาตนเอง เพราะหวังอานิสงส์จากการสวดเพียงอย่างเดียว

พูดวกเข้าประเด็นเข้ามาอีกถึงเรื่องบทสวดมนต์ที่เดี๋ยวนี้บางแห่งนิยมเรียกว่า "บทจักรพรรดิ" ที่ขึ้นต้นว่า "นะโมพุทธายะฯ" นั้น เท่าที่สัมผัสเองโดยตรง รวมทั้งได้สอบถามหมู่คณะหลาย ๆ คนที่ปฏิบัติกับหลวงปู่ร่วมกันมาหลายปี ก็ไม่เห็นมีใครรู้จักชื่อเรียกอันนี้ ทุกคนต่างรู้จักบทสวด นะโมพุทธายะฯ ในชื่อ "บทบูชาพระ" ของหลวงปู่ดู่ จึงไม่รู้ว่าชื่อนี้มีมาแต่ที่ไหน พิจารณาจากเนื้อหาบทสวด ก็ไม่เห็นมีตรงไหนที่กล่าวถึงพระจักรพรรดิอะไร เห็นมีแต่พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ รวมทั้งพระสีวลี เป็นต้น จึงไม่ทราบเจตนาว่าเปลี่ยนชื่อเรียกไปทำไม

เพราะดูเป็นการดึงธรรมไปหาโลก จากพระไปหาฆราวาสวิสัย พระพุทธเจ้าเคยตรัสเล่าถึงอดีตชาติที่เคยเกิดเป็นกษัตริย์ชั้นจักรพรรดิ พร้อมด้วยของวิเศษประจำองค์ท่าน ทำให้ท่านสามารถขยายเขตการปกครองไปทั้งทวีปโดยทุกแว่นแคว้นต่างยอมสยบต่อพระองค์ แต่พระองค์ก็ยังไม่พอ ใช้ของวิเศษไปขอส่วนแบ่งสวรรค์ชั้นจาตุมฯ ซึ่งท้าวมหาราชทั้ง ๔ ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นนั้นก็ยินยอมยกให้พระองค์ครอบครองด้วยดี

แม้ถึงกระนั้น พระองค์ก็ยังไม่พอ ไปขอแบ่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จากพระอินทร์มาครองอีก นานไปก็จะขอครอบครองเองทั้งหมดแต่ผู้เดียว และด้วยความโลภไม่รู้จักพอ ทำให้สวรรค์ไม่อาจรองรับจิตที่ไม่บริสุทธิ์ของพระองค์ได้ พระองค์จึงหล่นจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นยุคหลานเหลนของพระองค์ ไม่มีใครรู้จักพระองค์ ในขณะที่พระองค์ก็ชราภาพลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลงอนิจจังว่าแม้มีสมบัติจักรพรรดิ แต่ด้วยความไม่รู้จักพอ พระองค์จึงตั้งอยู่ในความประมาท ใช้ชีวิตอย่างไม่เกิดสาระประโยชน์แก่ชีวิต สุดท้ายสมบัติจักรพรรดิก็ไม่พ้นความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา

มาในพระชาติสุดท้ายที่เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ยังพาพระอานนท์ไปเยี่ยมเมืองที่เดิมเคยเรียกว่ากุสาวดี พระองค์เล่าให้พระอานนท์ฟังว่า ณ เมืองที่ชื่อกุสาวดีนี้ เคยเป็นที่สวรรคตของพระองค์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นกษัตริย์ชั้นจักรพรรดิมาแล้วถึง ๗ ชาติ แต่มาบัดนี้ ของวิเศษและทรัพย์อันยิ่งใหญ่ในอดีตเหล่านั้นล้วนเลื่อมสิ้นไปแล้ว ไม่มีอะไรเหลือ...

นี่ขนาดพระพุทธเจ้ายังตรัสให้ปลงกับสมบัติจักรพรรดิ ดังนั้น การที่พยายามจะยกย่องเชิดชูพระจักรพรรดิหรือสิ่งที่เนื่องด้วยพระจักรพรรดิ จะมิเป็นการดึงธรรมลงมาเป็นเรื่องโลก ๆ หรือดึงลงมาเป็นเรื่องฆราวาสวิสัยดอกหรือ

อันที่จริงแล้วการสวดมนต์ถือเป็นข้อวัตรที่ดีและมีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทสวดที่หลวงปู่แนะนำ (เจ็ดตำนวนและสิบสองตำนาน) เพราะมีเนื้อหาที่ประกอบด้วยข้อธรรม รวมทั้งมีบทสรรเสริญพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในแง่มุมต่าง ๆ มากมาย
ในแง่ของการปฏิบัติสมาธิภาวนา การสวดมนต์ก่อน ก็สามารถช่วยกล่อมเกลาหรือตะล่อมจิตผู้สวดให้เกิดความสงบระงับในระดับหนึ่งแล้ว พอลงมือนั่งสมาธิไม่นาน จิตก็ย่อมจะสงบได้โดยง่าย

ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเราต้องสวดด้วยสัมมาทิฏฐิ คือตระหนักว่าประโยชน์จากการสวดจะเกิดก็เพราะด้วยการน้อมพิจารณาในข้อธรรม หรือเจริญศรัทธาจากบทสรรเสริญพระรัตนตรัย หรืออย่างน้อยใช้เป็นเครื่องตะล่อมจิตหรือเตรียมจิตก่อนปฏิบัติกรรมฐาน มิใช่หวังในทางขลังหรือในทางปัดเป่าทุกข์ด้วยการกล่าวคาถาศักดิ์สิทธิ์อย่างลัทธิมนตรยานซึ่งเป็นยุคที่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ยุคเสื่อมที่สุดก่อนจะสิ้นสูญจากอินเดียและถูกสังคายนาที่ประเทศพม่า

ถามนิดเดียว เลยถือเป็นโอกาสชี้แจงเพื่อคนส่วนใหญ่เสียทีเดียว เพราะเข้าใจว่าผู้ที่มาศรัทธาหลวงปู่หลายคนคงสงสัยเรื่องนี้เช่นกัน

ขอจบด้วยพุทธภาษิตที่ว่า "วันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่" และ "ความดีที่ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่อีก มิใช่มีเพียงเท่านี้"


</TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตามรอยธรรม ย้ำรอยครู "หลวงปู่ดู่ พรหมฺปญฺโญ" :: i-dhamma

 

ส่วนมากผมจะส่งไปพร้อมกับรายการที่จองครับ หรือไม่ก็ไปรับที่ร้านที่ห้างพันธ์ทิพย์งามวงศ์วานก็ได้เลยครับ ขอบคุณครับ

 

..ส่วนตัวนะครับ ไม่เคยเห็นนะครับเพื่อนสมาชิกท่านใดเคยเห็นแจ้งบอกด้วยนะครับ

 

..หลวงลุงดำครับ ท่านอยู่กุฏิด้านหลังหอสวดมนต์ครับ

 

(cry)(cry)(cry)....................

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 26/06/2012 เวลา 08:59:56
คุณอรุณเทพ EI 1217 8523 6 TH ขอบคุณมากครับ
คุณทศพล EI 1217 8524 0 TH ขอบคุณมากครับ
คุณก่อเกียรติ์ EI 1217 8525 3 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธีระชัย EI 1217 8526 7 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธันยพร EI 1217 8527 5 TH ขอบคุณมากครับ

---------------------------------------------------------------------------------

..ช่วงนี้ตอบล่าช้าไปหน่อยนะครับ โดนน้องฝนเล่นงานช่วงเย็น2วันติดเลยรีบนอนแต่หัววันครับ..

 

แจ้งส่งพัสดุ EMS ครับ 27/06/2012 เวลา 08:56:17
คุณพรชัย EI 1217 9421 5 TH ขอบคุณมากครับ
คุณนิรุตม์ EI 1217 9422 4 TH ขอบคุณมากครับ
คุณธีระพงษ์ EI 1217 9423 8 TH ขอบคุณมากครับ


(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)

 

ขอความรู้พี่ๆหน่อยครับ เคยฟังๆมาแล้วสับสนว่าจริงหรือไม่ อย่างไร จึงขอถามพวกพี่ๆล่ะครับ ข้อมูลแน่นพอที่จะให้คำตอบได้แน่
1. พระพรหมเกศา จะไม่มีพระธรรมธาตุเสด็จ จริงหรือไม่ อย่างไร?
2. เกศาหลวงปู่ ที่เป็นเส้นไม่ขาวแต่ใสเหมือนแก้ว ถือเป็นพระธาตุหรือไม่?
3. พระผงที่เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ อากาศเข้าไม่ได้ จะทำให้เนื้อองค์พระแห้ง อาจจะกรอบแตกได้ตอนเปลี่ยนกรอบเลี่ยมพระ จริงหรือไม่ อย่างไร?
4. พระผงที่เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ อากาศเข้าไม่ได้ จะไม่มีพระธรรมธาตุเสด็จ พี่ๆเคยเจอแบบหลังจากเลี่ยมพลาสติกแล้วมีพระธาตุเสด็จ หรือไม่ อย่างไร?

ขอบคุณครับ

 

ความเห็นส่วนตัวนะครับ


1. พระพรหมเกศา ก็มีพระธรรมธาตุเสด็จได้ครับ ว่างๆจะนำรูปมาฝากครับ
2. เกศาหลวงปู่ ที่เป็นเส้นไม่ขาวแต่ใสเหมือนแก้ว ผมว่าไม่ใช่นะครับ
3. พระผงที่เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ อากาศเข้าไม่ได้ จะทำให้เนื้อองค์พระแห้ง อาจจะกรอบแตกได้ตอนเปลี่ยนกรอบเลี่ยมพระ ผมว่าไม่เสมอไปนะครับ ถ้าพระอายุปีไม่ได้เก่ามากนัก การที่เลี่ยมไว้ไม่ดี หรือการแกะออกไม่ดี ก็ทำให้แตกได้ครับ
4. พระผงที่เลี่ยมพลาสติกกันน้ำ อากาศเข้าไม่ได้ พระธรรมธาตุเสด็จได้แน่นอนครับ


ลองดูความคิดเห็นท่านอื่นด้วยครับ(kiss)(kiss)

 

ผมขออนุญาติเสริมคุณตุ้ยนิดหนึ่ง..

คำถามนี้.มักเป็นคำถามที่ถูกถามถึงบ่อยๆ..

ดังนั้นจึงขออธิบายละเอียดขึ้นอีกนิดดังนี้ครับ..

1. พระผงที่เป็นพระสมัยใหม่เช่นทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีปัญหานี้หรอกครับ ไม่ต้องกลัวการแตกหัก เมื่อนำมาแกะเลี่ยมพลาสติกเดิมออก แล้วกลัวจะถูกสัมผัสอากาศ การแตกหักเพราะถูกสัมผัสอากาศไม่ทำให้พระแตกหักหรอกครับ แต่ถ้าจะมีโอกาสแตก ส่วนใหญ่จะเกิดจากช่างแกะไม่ปราณีต หรือเกิดจากตอนเลี่ยมเก่าจะตัดชิดเกินไป หรืออัดแน่นเกินไป และบางคราน้ำประสานพลาสติกก็เข้าไปติดที่ขอบองค์พระ เช่นนี้เป็นต้น แต่โดยทั่วไปก่อนแกะ ช่างเลี่ยมที่มีประสบการ์ณ เขาจะพิจารณาให้ก่อนว่า มีความเสี่ยง สมควรแกะหรือไม่อย่างไร ครับ

2. กรณีพระที่แตกหักจากความกลัวข้อ 1. จริงๆแล้วเป็นเรื่องจริง แต่จะเกิดกับพระหลักๆสมัยก่อน เช่น สมเด็จวัดระฆัง, บางขุนพรหม, เกศไชโย, สมเด็จอรหัง, พระปิลันทร์, หลวงปู่ภู, ท้ายตลาด, วัดเงินคลองเตย, วัดสามปลื้ม หรือพระผงหลักเก่าๆ จึงนิยมใส่เป็นตลับพระมากกว่าเลี่ยมพลาสติกกันน้ำ ทั้งนี้เนื่องจากพระสมัยก่อน มวลสารในการสร้าง โดยเฉพาะตัวประสานยังเป็นของเก่า (แต่คลาสสิค) เช่น กล้วยน้ำว้าบด, น้ำชานอ้อย, ปูนเปลือกหอย, ฯลฯ นำมาต้ม เคียวจนได้ที่ ผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกันเป็นตัวประสาน ต่างกับพระใหม่ๆสมัยนี้ ใช้เทคโนโลยี่ตัวประสานสมัยใหม่ รวมถึงการปั้มอัดแน่นด้วยเครื่อง ได้พิมพ์ทรงคมชัดสวยงาม (แต่ไม่คลาสสิค) หรือหากเป็นพระหลวงปู่ดู่ท่านยิ่งไม่น่ากลัว เพราะมวลสารหลักในพระผงหลวงปู่ท่าน ส่วนใหญ่ก็ปูนขาว หรือไม่ก็ซีเมนต์เทาเราดีๆนี้ล่ะครับ แข็งแรง ทนทาน ไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าจะมี ก็น่าจะเกิดกับองค์ที่กดพิมพ์ไม่แน่นพอ (กดด้วยมือ) เรียกว่า แคล๊กใน ทำให้เป็นรอยปริร้าวได้ครับ

อนึ่ง..สำหรับพระผงหลวงปู่ดู่ท่าน หลายๆท่านอาจเห็นว่าเป็นพระเนื้อผง แล้วจะกลัวน้ำ ขอเรียนว่าไม่ต้องกลัวเลยครับ หรือไม่เชื่อท่านลองเอาพระไปจุ่มแช่น้ำดู นานเป็นเดือน เป็นปี ก็ยังไม่มีอะไร ดังนั้นหากท่านที่ไมต้องการเลี่ยมพลาสติกกันน้ำ ( เคยมีคน Pm. มาถาม กลัวพุทธคุณไม่ออก +5555) แต่ต้องการใส่ตลับ ก็ไม่ต้องกลัวครับ การถูกน้ำฝนนิดๆหน่อยๆ หรือแม้กระทั้งลงไปแช่น้ำ พระยังไม่เป็นไรเลยครับ ไม่ต้องกลัวละลาย อีกทั้งพระยิ่งแขวนกับตัว สัมผัสกับเหงื่อไคลบ้าง นั้นแหละ..ทำให้เนื้อหาพระแลดูสวยงาม หนึกนุ่มมากขึ้น แลดูเก่า คลาสสิคดีเป็นอีกแบบ ยิ่งเก่ายิ่งดูขลัง เรียกว่า สภาพพระใช้ ครับ.

 

การฝึกรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน กับการทำในรูปแบบ

 

พระประธานองค์ต้นแบบ เมื่อครั้งกลุ่มเพื่อนธรรมฯ ทำถวายวัดป่าฯแถบอีสาน

ภาพจาก : Luangpudu.com
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD><TABLE id=webboard border=0 cellSpacing=0 cellPadding=2 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
งดงามด้วยพุทธศิลป์..พระพักตร์ยิ่งด้วยพระเมตตา แลสงบนิ่งเฉยอยู่วงปัญญาสมาธิ

เห็นแล้วช่างชื่นตา..ชื่นใจ..แท้หนอ..




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ดูภาพพระประธานงามๆ กันแล้ว..

มาดูภาพ พระกริ่งไตรสรณคมณ์ ปี 2526 ของหลวงปู่ดู่กันบ้าง

(องค์นี้พิเศษ ที่ด้านก้นองค์พระจะมีรอยจารหลวงปู่ของแท้ ซึ่งหาได้ยากมากสำหรับองค์ที่มีรอยจารของหลวงปู่ท่านเอง)

 

งามจริง ๆ ครับ .... .....

 

สวยงามครับ น่าจะทำเป็นพระบูชา ออกให้บูชาด้วยนะครับเนี้ย

ชอบพระพักตร์ท่านมากเหมือนกันครับ นิ้มเปี่ยมเมตตาและสงบนิ่ง

 

ขออนุญาตSave รูปนะครับพี่โจ

 

สมบูรณ์มากครับ
และพระประธาน...พระพักตร์ท่านเอิบอิ่ม

 

..อดไม่ได้ครับที่จะขอเจ้าของ ถ่ายรูปมาฝากเพื่อนสมาชิกครับ เรียกว่าเป็นวัตถุมงคลที่ไม่ค่อยพบเห็นนักแต่คราวนี้พบที่เดียวกัน ถึง3แบบครับ เป็นพระพิมพ์ลพบุรีแช่น้ำชา ,ทาแล็คเดิม ,ทาทองเดิม เฉพาะองค์ค่อนข้างใหญ่ประมาณ 3-3.5 X 5-5.5นิ้วครับ ส่วนรูปหลวงปู่ดู่เป็นขนาดประมาณ 3.5 X 5 นิ้วครับ ประกบภาพกับพระพิมพ์ลพบุรีก็เลยดูใหญ่กว่าปกติหน่อยครับ


..อาทิตย์นี้ไม่ได้ลงรายการเลยครับ มัวแต่เก็บของที่ร้านที่ห้างพันธ์ทิพย์ชั้น3 โซนBครับ เนื่องจากทางห้างจะทำการเปลี่ยนฝ้าและระบบไฟใหม่ ก็เลยต้องขอใช้พื้นที่ตั้งแต่วันเสาร์ที่30มิ.ย. - 7 ส.ค.ครับ แต่โซนอื่นยังเปิดทำการอยู่ครับ


..สำหรับเพื่อนสมาชิกที่จะมานัดดูของหรือมารับของ พบกันได้อีกครั้งประมาณ วันที่ 7 ส.ค. นี้ครับ


..อาทิตย์หน้าน่าจะมีเวลาลงรายการมากขึ้นครับเพราะไม่ได้เปิดร้านที่พันธ์ทิพย์ครับ