จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    เราระลึกถึง พุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ
    บทใดก็ตาม นั้นแลคือธรรมที่ออกจาก ธรรมแท้
    เป็นเครื่องยึดแห่งจิตใจของเรา
    ใจของเราเมื่อมี พุทธ มีธรรม มีสงฆ์ ประจำใจอยู่แล้ว

    จะเป็นใจที่มีหลักเกณฑ์ เป็นใจที่มีที่พึ่ง เป็นใจที่มีแก่นสาร เพราะฉะนั้นธรรมกับใจจึงควรให้มีอยู่ตลอดเวลาสำหรับจิตใจของเรา อย่าให้มีแต่ด้านวัตถุคือสิ่งของเงินทองบริษัทบริวาร เครื่องใช้ไม้สอย ซึ่งเป็นด้านวัตถุ แม้ที่สุดยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายก็ตาม

    นี่เป็นเครื่องพึ่งพิงอิงอาศัยเวลาที่เรายังมีชีวิตอยู่เพียงเท่านั้น ได้อาศัยเป็นกาลเป็นเวลา
    หากหาชีวิตไม่ได้แล้วสิ่งนี้ก็หมดความหมายลงไปทันที

    : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  2. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    กราบนมัสการท่านพ่อด้วยเศรียรเกล้า และสวัสดีทุกท่านค่ะ
    นิ่งเหมือนสายน้ำไหล...สายน้ำที่ไหลเชี่ยวกราด ย่อมซ่อนความนิ่งสงบภายในตัวเอง
    เพียงแค่เราสำผัสความนิ่งและพริ้วไหวของสายน้ำ เราก็จะไม่รู้สึกถึงความเชี่ยวกราดของสายน้ำนั้นแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นความเย็น สงบ และเคลื่อนที่ไปอย่างอ่อนละมุน ไม่ขืน เกร็ง แม้สายน้ำจะเชี่ยวกราดขนาดไหน เราก้อพร้อมที่จะไหลไปได้อย่างสุขสงบ

    เข้มแข็งดังเหล็กกล้าที่ถูกไฟรน เหล็กแม้จะแข็งสักเพียงใด เมื่อกระทบกับสิ่งที่แข็งกว่าย่อมหักลงสิ้นดี แต่เหล็กกล้าที่ว่าแข็งเพียงใด เมื่อรนไฟแล้วก็สามารถตีให้เข้ารูปเข้ารอยได้สมดังใจหมาย เพียงแต่รู้วีธีผ่อน อ่อนสิ่งที่แข็ง อย่าไปงัด อย่าไปดัด สิ่งที่แข็ง เพราะถ้ามันหักลง ก็ไรซึ่งประโยช์ จงหล่อหลอมสิ่งที่แข็งเพื่อให้สิ่งนั้นอ่อน แล้วเราก้อจะดัดสิ่งนั้นได้สมดังใจปรารถนา กิเลสที่ว่าตัดยาก ถ้าเราหักมันดิบๆ โดยไม่ศึกษา ว่ามันมาจากแห่งหนตำบลใด นั่งรถอะไรมากันนี่ เราก้ออาจจะหักมันได้ด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว แต่ มันก้อจะตกตะกอนค้างอยู่ที่ก้นบึ้งของใจเรา แต่ถ้าเราค่อยๆพิจารณาถึงการเกิด ของมัน ตามไปดูซิว่ามันนั่งรถอะไรมา เราก็จะรู้ต้นตอของมัน และเราก็ตามไปกำจัดมันที่ต้นตอ มันก้อจะไม่เหลือแม้ขี้ผง ทำให้รำคาญใจ ง่วงแล้ว ไปล่ะ บ๊ายบายยยยยยยยยยย

    ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ช่วงนี้ต้องสนทนาธรรมกับที่บ้าน เพื่อช่วยเหลือเขาเหล่านั้น ให้พ้นจากความทุกข์ แม้จะเป็นเซี่ยวเล็กๆ แต่ก้อเป็นจุดเริ่มต้นของความดี ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ สาธุ ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • tertyery.JPG
      tertyery.JPG
      ขนาดไฟล์:
      32.5 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2013
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,438
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    เสียงธรรมะจากหลวงปู่เณรคำ ชุดเพชรน้ำหนึ่ง เรื่อง นักปฏิบัติต้องฝึกสติให้มาก ตอนที่ 1/2
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=yUZmg0P3s5A&list=PLC0D9CF6BDBC9FE56"]?????????????????????????? #1/2 - YouTube[/ame]





    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,438
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    อดีตชาติภรรยาพระอริยเจ้าผู้เคยปรารถนาพุทธภูมิ


    "..แต่ก่อน เราเคยปรารถนาพุทธภูมิ
    แต่เพราะเห็นว่าจะเป็นการที่เนิ่นช้า
    จึงได้ถอนแล้วมุ่งสู่
    มรรคผลนิพพานในชาตินี้.."


    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    จากหนังสือพ่อแม่ครูอาจารย์
    เมื่อ วันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ส.ค. 55) มีโอกาสได้ไปกราบพระอาจารย์ญาณะ ท่านเมตตาเล่าเรื่องหลวงตามหาบัวให้ฟัง ฟังแล้วจะร้องไห้ต่อหน้าท่านเลย ซาบซึ้งมาก ถ้าจำไม่ผิด ท่านบอกว่าหลวงพ่อทุยเล่าให้ท่านฟังมาอีกต่อหนึ่ง (ไม่รู้ว่ามีลงในหนังสือเล่มไหนรึเปล่า น่าจะมี แต่ยังหาไม่เจอครับ) จึงขอบันทึกไว้เผื่อลืม ถ้าจำผิดพลาดตรงไหน ก็กราบขอขมาครูบาอาจารย์ครับ (แต่ใจความไม่ผิดแน่)
    คือ ปกติหลวงตาจะไม่ไปงานศพโยม แต่มีคราวหนึ่ง เป็นครั้งเดียวที่ท่านไป เป็นงานศพโยมผู้หญิงคนหนึ่งที่ช่วยงานที่บ้านตาดมาโดยตลอด ท่านเล่าภายหลังว่า สมัยหนุ่มๆ (เมื่อยังไม่บวช) ท่านเคยหลงรักผู้หญิงคนนี้มาก และคิดจะแต่งงานด้วย แต่พอดีได้บวชและเจอครูบาอาจารย์ดี ก็ปฏิบัติจนบรรลุพระนิพพานไปเลย แล้วก็กลับมาดูแลวัดป่าบ้านตาด ผู้หญิงคนนั้นก็แต่งงานมีสามีแล้วกลับมาช่วยที่วัดนี้ด้วย
    ท่าน เล่าว่า โยมคนที่ตายนี้ เคยเป็นภรรยาท่านมาถึง 27 ชาติ และทุกชาติ เธอก็จะตายก่อนเสมอ และท่านก็ต้องมาเผาศพเธอทุกชาติไป แต่มาในชาตินี้ ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายของหลวงตาแล้ว หลวงตาพูดตอนมาทำฌาปนกิจศพโยมคนนี้ว่า "เราจะมาเผาแกเป็นครั้งสุดท้าย"
    ไม่ รู้ทำไมฟังพระอาจารย์เล่าแล้วมันตื้นตันใจบอกไม่ถูก (แต่อ่านตรงนี้อาจรู้สึกเฉยๆ) เห็นโทษเห็นภัยในสังสารวัฏว่า "เราจักต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันหมดทั้งสิ้น" แต่สำหรับพระอรหันต์ผู้นิรทุกข์แล้ว ท่านเป็นผู้ "อนาลโย" ไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่นิดเดียว นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา สาธุ
    เรื่องโดย
    Supakorn Temkamkwan(Facebook)

    คู่บารมีหลวงปู่มั่น – วิญญาณรักและผูกพัน
    by walailoo


    สิ่ง ที่เกี่ยวกับครูบารมีของหลวงปู่มั่นมาดั้งเดิม ท่านเล่าว่า แต่ก่อนที่ยังไม่ถึงธรรมขั้นนี้ คู่บารมีของท่านเคยปารถนาพุทธภูมิมาด้วยกัน แต่สมัยก่อนโน้นก็เคยมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนาเสมอ ท่านแสดงธรรมให้ฟังเล็กน้อยแล้วสั่งให้กลับไป นานๆ มาครั้งหนึ่งแต่มาในรูปแห่งวิญญาณ มองร่างไม่ปรากฏเหมือนภพอื่นๆ

    เวลา ท่านถามก็ตอบว่า เป็นห่วงท่านมาก ยังมิได้ตั้งใจไปเกิดในภพภูมิที่เป็นหลักเป็นฐานใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งกลัวท่านจะหลงลืมความสัมพันธ์และความปารถนาที่เคยพาปรารถนาเป็นพระ พุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต จึงต้องคอยฟังเรื่องราวอยู่เสมอด้วยความเป็นห่วงและเสียดาย

    ท่าน ก็ได้บอกว่า ได้ของดความปารถนานั้นไปแล้ว และได้ตั้งใจปฏิบัติตนให้พ้นทุกข์ในชาตินี้ ไม่ขอเกิดอีก ซึ่งเท่ากับเอาทุกข์ภัยที่เคยพบเคยเห็นมาชาตินั้นๆ มาแบกหามต่อไปอีก

    แม้ มิได้ตอบให้ท่านทราบว่าหายห่วงหรือยังห่วงอยู่ในเรื่องนั้น แต่ก็ยังเป็นห่วงคิดถึงท่านตลอดมามิได้หลงลืมจืดจาง แต่นานๆ มาเยี่ยมท่านหนหนึ่ง ดังนี้

    พอ มาระยะนี้องค์ท่านเองนึกเป็นห่วงและสงสารที่เคยรับความทุกข์ยากลำบากในภพ ชาตินั้นๆ มาด้วยกัน ตามที่ท่านพิจรณารู้เห็น จึงนึกวิตกอยากพบ เพื่อจะได้ปรับปรุงความเข้าใจและเล่าอะไรที่จำเป็นให้ฟัง จะได้หายสงสัยหมดกังวลความผูกพันในความหลัง

    เพียงนึกวิตกเท่านั้น พอตกกลางคืนยามดึกสงัด คู่บารมีของท่านก็มาจริงๆ และมาในรูปแห่งวิญญาณตามเดิม

    ท่าน เริ่มถามถึงภพชาติที่กำลังเป็นอยู่ว่า ทำไมมีแต่ดวงวิญญาณ ไม่มีร่างเหมือนภูมิอันเป็นทิพย์ทั่วๆ ไป เวลานี้เกิดเป็นอะไรจึงได้มาในลักษณะวิญญาณเช่นนี้

    ดวง วิญญาณตอบท่านว่า นี่เป็นภพย่อยอันละเอียดอีกภพหนึ่งในบรรดาภพทั้งหลาย ที่มารออยู่ในภพนี้ก็เพราะความเป็นห่วงดังที่เคยเรียนแล้วนั่นเอง ที่มานี้ก็ทราบว่าท่านอยากให้มาถึงได้มา ไม่กล้ามาบ่อยนัก เพราะเป็นความกระดากอาย อยู่ภายในทั้งๆ ที่อยากมาบ่อยที่สุด แม้มาแล้วจะไม่มีความเสียหายอะไรทั้งสองฝ่าย เพราะมิใช่วิสัยจะทำให้เกิดความเสียหายได้ก็ตามแม้ความรู้สึกอันดั้งเดิมที่ เคยมีต่อกัน หากทำให้เกิดความตะขิดตะขวงใจไม่กล้ามาไปเอง ทั้งท่านก็เคยบอกว่าไม่ให้มาบ่อยนัก แม้ไม่เสียหายก็อาจเป็นอารมณ์เครื่องทำให้เนิ่นช้าแก่การปฏิบัติได้

    เพราะใจเป็นสิ่งละเอียดอาจรับเอาอารมณ์อันละเอียดมาเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินของตนได้ ก็เชื่อว่าอาจเป็นดังได้ที่บอกจึงมิได้มาบ่อยนัก

    คืน วันที่ท่านตัดขาดจากภพจากชาติ จากญาติมิตรสหาย จากสายบารมีผู้หวังพึ่งเป็นพึ่งตาย อย่างไม่อาลัยเสียดายเลยนั้นก็ทราบ เพราะเรื่องกระเทือนไปทั่วโลกธาตุต้องทราบกันทุกแห่งหน แต่แทนที่จะชื่นบานหรรษาอนุโมทนาด้วยดังที่เคยมีมาแต่ก่อนนั้น กลับเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจด้วยความวิปริตคิดไปต่างๆ ว่า ท่านไปแบบไม่เหลียวแล แม้คู่บารมีที่เคยทุกข์เคยตะเกียกตะกายถวายความจงรักภักดีในภพน้อยภพใหญ่มา ด้วยกัน ก็ไม่เหลือบมอง ชาติวาสนาของตัวนี้แสนอาภัพก็อยู่ไปตามกรรม มีแต่ลูบคลำทุกข์ไม่มีวันปล่อยวางอย่างนี้แล

    ผู้ พ้นไปแล้วก็ไกลทุกข์ แต่ผู้ที่กำลังตกอยู่ในกองทุกข์ก็อดทนไป คิดไปมากเท่าไรก็เหมือนคนไม่มีปัญญา แต่อยากขึ้นไปชมเดือนดาวบนฟ้า สุดท้ายก็กลับมานั่งนอนกอดกับทุกข์ไปตามแบบของคนมีกรรมหนา หาทางออกไม่ได้ ผู้อาภัพชาติวาสนาที่กำลังดิ้นรนทนทุกข์บ่นหาความสุขอยู่เวลานี้ ก็คือผู้กำลังเสียใจร้องไห้อยากขึ้นไปชมเดือนชมดาวบนฟ้า ซึ่งแสนน่าทุเรศเอาหนักหนา น่าเวทนาเหลือประมาณ

    ผู้ นี้เองจะเป็นผู้อื่นที่ไหนกัน ท่านเป็นผู้เสมือนเดือนดาวบนฟ้าส่งแสงสว่างจ้าทั่วสารทิศ จะสถิตอยู่ที่ใดก็ไม่อับเฉาเขลาในธรรม มีแต่ความสว่างไสวไปทุกสารทิศทุกทางโดยรอบ ขอบเขตจักรวาล สนุกอยู่ด้วยความสำราญบานใจ

    หาก บุญวาสนาของดวงวิญญาณข้าบาทบริจาริกายังพอมีอยู่บ้าง ไม่ขาดสูญพูนทุกข์ ก็ขอท่านได้โปรดเมตตาแผ่กระแสธรรมไปบันดาล พร้อมทั้งดวงปัญญาญาณอันบริสุทธิ์ผ่องใส โปรดประทานพอได้พ้นจากโทษในสงสาร บรรลุพระนิพพานตามไปในไม่ช้านี้เถิด จะไม่อดรนทนทุกข์ทรมาณจิตใจไปช้านานขอคำวิงวอนสัตยาธิษฐานนี้ จึงมีกำลังบันดาลให้เป็นไปดังใจหมายของข้าอย่าเนิ่นนาน ได้โพธิสมภารอย่างใกล้ชิดเร็วพลันเถิด นี่เป็นคำของดวงวิญญาณวิงวอนอธิษฐานหวังโพธิสมภาร หมายปองด้วยความละล่ำละลัก ซึ่งเป็นคำที่น่าสมเพชเวทนาเอาหนักหนา

    ท่าน ตอบว่า เท่าที่นึกวิตกอยากให้มา ก็มิได้มุ่งเจตนาให้เกิดความเสียใจดังที่เป็นอยู่เวลานี้ ซึ่งเป็นทางที่ผิด สัตว์โลกที่มีอยู่ทั่วโลกธาตุซึ่งมีความหวังดีต่อกัน เขาไม่ได้นำเรื่องทำนองนี้มาคิดกัน คำว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในพรหมวิหาร ก็เคยบำเพ็ญมาไม่ใช่หรือ

    ดวง วิญญาณตอบว่า เคยบำเพ็ญมาช้านานจึงอดคิดถึงความผูกพัน ที่เคยบำเพ็ญธรรมทั้งสี่นี้มาด้วยกันไม่ได้ เมื่อผู้หนึ่งเอาตัวรอดไปเสียเพียงคนเดียวเช่นนี้ ธรรมดาสัตว์ที่มีกิเลสเช่นวิญญาณนี้จึงอดกลั้นความเสียใจไม่ได้ แล้วก็ได้รับความทุกข์เพราะความสลัดปัดทิ้งไม่เหลียวแลนั้น จนเวลานี้ยังมองไม่เห็นความสร่างซาแห่งความทุกข์นั้นลงบ้างเลย

    ท่าน ตอบว่า การสร้างความดีมาทั้งมวล ทั้งที่สร้างโดยลำพังทั้งตัวเอง ทั้งที่ผู้อื่นพาสร้างก็เพื่อแก้ความกังวล ขนทุกข์ออกจากตัว มิได้สร้างเพื่อความร้อนรนขนทุกข์เข้าใส่ตัว จนต้องได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายมิใช่หรือ

    ดวง วิญญาณตอบว่า ใช่ แต่วิสัยของผู้มีกิเลส เมื่อไม่สามารถ เลือกทางเดินที่ราบรื่นปลอดภัยได้ก็จำต้องลูบคลำไปตามประสา โดยไม่ทราบว่าที่ทำไปนั้นถูกหรือผิด จะพาให้ตนเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ส่วนที่เป็นทุกข์ ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่ทราบจะหาทางออกด้วยวิธีใด ก็จำต้องดิ้นรนบ่นทุกข์ไป ทำนองดังที่เห็นอยู่เวลานี้

    ท่าน เล่าว่า วิญญาณทำความเหนียวแน่นแม่นมั่น ปรับทุกข์ปรับร้อนกับท่านอย่างเอาจริงเอาจัง หาว่าท่านหลบหลีกปลีกตัวไปเสียคนเดียว ปราศจากความเมตตาสงสารกับผู้ที่เคยตะเกียกตะกายเสือกคลานผ่านทุกข์มาด้วยกัน ไม่เหลือบมองเพื่ออนุเคราะห์ส่งเสริมพอให้มีทางผ่านพ้นไปด้วยได้

    ตอน นี้ท่านพูดเป็นประโยคแทรกในระหว่าง จากนั้นก็อนุสนธิสืบต่อกับดวงวิญญาณต่อไป ท่านพูดปลอบโยนกับดวงวิญญาณว่า การรับประทาน แม้จะรับอยู่ร่วมวงในภาชนะ หรือในโต๊ะเดียวกัน ก็ยังมีผู้อิ่มก่อน ผู้อิ่มที่หลัง จะให้อิ่มในขณะเดียวกันย่อมไม่ได้

    การ บำเพ็ญความดีทั้งหลาย แม้จะบำเพ็ญมาด้วยกัน ดังพระพุทธเจ้ากับพระนางพิมพายโสธรา คู่บารมี ก็ยังปรากฏว่า พระองค์ทรงบรรลุถึงแดนพ้นทุกข์ก่อน แล้วเสด็จกลับมาประทานพระโอวาท แก่พระนาง แล้วค่อยสำเร็จในวาระต่อไป เรื่องเช่นนี้ควรนำไปอ่าน ไตร่ตรองยึดเป็นคติย่อมจะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่เราเอง ดีกว่าจะมาปรับทุกข์ปรับร้อนแก่ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งกำลังพยายามคิดหาหนทางช่วยเหลืออยู่อย่างเต็มใจ และเสาะแสวงหาทางเพื่อช่วยให้หลุดพ้นอย่างเต็มกำลัง

    มิ หนำยังถูกหาว่ามีใจจืดจางวางปล่อยไม่เหลียวแล ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทั้งสองฝ่ายเข้าไปอีก ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เหมาะสมเลย ควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ตามแบบพระชายาของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นทางให้เกิดความสุขและเป็นแบบฉบับที่ถูกต้องดีงามแก่ผู้อื่นด้วย

    การ วิตกอยากให้มาก็เพื่ออนุเคราะห์ มิได้เพื่อขับไล่ไสส่ง การสั่งสอนตลอดมาก็เพื่ออนุเคราะห์ส่งเสริมตามแบบฉบับแห่งธรรมแก่ผู้ควร อนุเคราะห์

    คำ ว่า ปล่อยปละละเลยไม่เหลียวแลนี้ ยังมองไม่เห็นว่า ได้ทอดธุระปล่อยวางห่างเหินอย่างไร ความคิดและอุบายที่แสดงออกทุกขณะจิตที่คิดเพื่ออนุเคราะห์ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ด้วย เมตตากรุณาจริงๆ เพื่อผลที่ผู้รับไป ปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด ก็รอคอยจะแสดงมุทิตาจิตไปด้วยอยู่เสมอ หากได้ผลเป็นที่พึงพอใจ ไม่มีข้องแวะที่ไหนแล้ว ผู้ให้ความอนุเคราะห์ก็เบาใจหายห่วง จิตกับอุเบกขาธรรมก็เข้ากันได้สนิท

    การ ที่พาปรารถนาพุทธภูมิ ก็มุ่งจะพาข้ามโลกสงสาร การของดจากพุทธภูมิ มาตั้งปรารถนาเป็นสาวกภูมิอันเป็นภูมิของผู้สิ้นกิเลสอาสวะ ก็เป็นความมุ่งหมาย เพื่อจะพาสิ้นกิเลสและกองทุกข์ทั้งมวลก้าวเข้าสู่บรมสุข คือ พระนิพพาน อันเป็นจุดอันเดียวกัน

    การพา บำเพ็ญกุศลในชาติต่างๆ ตลอดมา จนชาติปัจจุบันได้มาบวชบำเพ็ญในศาสนา มีสติปัญญาเพียงใด พอติดต่อข่าวสารถึงได้ ก็พยายามเสมอมา จนได้มาพบเห็นกันในภพนี้ และได้ให้โอวาทสั่งสอนเต็มสติปัญญาตลอดมาจนถึงปัจจุบันบัดนี้ ล้วนเป็นอุบายวิธีอนุเคราะห์ด้วยความเมตตาสงสารสุดที่จะประมาณอยู่แล้ว ไม่มีขณะจิตใดที่จะทอดอาลัยหมายหลีกปลีกตัวให้พ้นไปแต่ผู้เดียว แต่เป็นจิตที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงสงสาร หวังจะฉุด จะลาก จะพรากออกจากกองทุกข์ ภพชาติในสงสาร ให้ถึงพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้นความคิดวิปริตไปในทางน้อย เนื้อต่ำใจที่สำคัญว่า ทอดทิ้ง ปล่อยวางไม่เหลียวแลนี้ เป็นความคิดที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสองฝ่าย จึงควรระงับดับมันเสีย อย่าให้มีเกิดขึ้นมา เหยียบย่ำทำลายจิตใจอีกต่อไป ผลคือ ความทุกข์จะตามมาอีก ไม่มีเวลาจบสิ้นลงได้ตลอดกาล และผิดกับความมุ่งหมายของผู้หวังอนุเคราะห์ด้วยใจเมตตาสงสารตลอดมา

    คำว่า หลุดพ้นไปไม่อาลัยอาวรณ์นั้น หลุดพ้นไปไหน? และไม่อาลัยผู้ใด? เพราะขณะนี้กำลังช่วยฉุด ช่วยลาก ช่วยถาก ช่วยถาง ช่วยอนุเคราะห์กันอยู่อย่างเต็มกำลัง แม้การอบรมทั้งมวล ก็ล้วนออกจากความอาลัยสงสารโดยถ่ายเดียวมิใช่หรือ?

    จะ หาความอาลัยสงสารจากที่ไหนให้ยิ่งกว่าที่กำลังให้ และกำลังได้รับอยู่ในเวลานี้ การอบรมบ่มนิสัย เพื่อการเชิดชูส่งเสริมตลอดมา ก็ได้ถอดออกมาจากดวงใจที่เปี่ยมด้วย ความสงสารยิ่งกว่าน้ำในทะเลมหาสมุทร และได้ทุ่มเทลงอย่างไม่อัดไม่อั้นไม่คิดเป็นคิดตาย และคิดจะหมดหรือยังเหลืออยู่ ในบรรดาธรรมที่มีอยู่ภายในใจ >>
    ขอ ได้เข้าใจตามเจตนาที่หวังอนุเคราะห์เสมอมา และรับไปเป็นสิริมงคลแก่ตน ตามธรรมที่อบรมสั่งสอนมานี้ ผลคือ ความสุขใจ จะเป็นที่ยอมรับอยู่กับผู้ที่เชื่อถือและปฏิบัติตาม

    นับ แต่ออกบวชมา ปฏิบัติธรรมแทบเป็นแทบตาย แม้แต่จิตหนึ่งที่คิดขึ้น เพื่อเป็นคนใจดำขุ่น ยังไม่ปรากฏว่ามีเลย การวิตกคิดถึงอยากให้มาหาก็มิได้หวังเพื่อจะต้มตุ๋นหลอกลวงให้ล่มจมเสียหาย แต่หวังจะอนุเคราะห์อย่างสมใจที่เมตตาสงสารอย่างเดียวเท่านั้น

    ถ้า ยังเป็นที่เชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว ก็ยากที่จะไปแสวงหาความเชื่อถือที่ไว้วางใจได้ จากผู้ที่เห็นว่าดีเยี่ยมและซื่อสัตย์สุจริตยิ่งกว่านี้ ที่ว่าทราบเรื่องสะเทือนโลกธาตุในคืนวันนั้น นั้นเป็นการทราบความสะเทือนแห่งธรรม ประเภทหลอกลวงต้มตุ๋นให้โลกล่มจมปรากฏขึ้นมาหรือไร? จึงไม่แน่ใจและปลงใจ ที่จะยอมเชื่อถือ ตามคำอบรมสั่งสอนที่ตั้งใจอนุเคราะห์ด้วยความเมตตา

    ถ้า เข้าใจธรรมเป็นธรรมแล้ว ความสะเทือนโลกธาตุนั้น ก็ควรนำมาคิดเพื่อปลงจิตปลงใจเชื่อถือ และเย็นใจว่า เรายังมีวาสนาบารมีอยู่บ้าง แม้มาอุบัติในภพชาติที่ลึกลับควรจะสุดวิสัยแล้ว แต่ยังได้รับฟังสิ่งดีชั่วของตัวจากธรรมที่มีผู้เมตตาแสดงให้ฟังได้ไม่เสีย กาลไปเปล่า

    นับ ว่าเป็นโชควาสนาของเราที่เคยสั่งสอนอบรมมา และควรภาคภูมิใจในวาสนาของตัว ที่มีผู้มาฉุดมาลาก มาช่วยพรากจากความมืดมนอนธการ พอได้รู้ความผิดพลาดของตัวเองบ้าง ไม่มืดบอดจอดจมถ่ายเดียว

    หาก คิดได้อย่างนี้ก็น่าอนุโมทนาสาธุการและพลอยเบาใจหายห่วงไปด้วย ไม่เป็นความคิดที่ให้ทุกข์ผูกมัดรัดตัว จนพากันหาทางออกมิได้ เพราะธรรมกลายเป็นโลก ความห่วงใยสงสารกลายเป็นศัตรูคู่ก่อเวรขณะที่ฟังท่านสั่งสอนด้วย เมตตาสงสาร เหมือนสายน้ำทิพย์ในลำธาร ประพรมโสรจสรงด้วยทั้งเหตุและผลระคนเคล้ากันไปไม่หยุดหย่อน บาทบริจาริกาคู่บารมีกลับได้สติ กลายเป็นผู้มีใจอ่อนน้อม ยอมรับธรรม ด้วยความซาบซึ้งใจเพลิดเพลินจนลืมเวล่ำเวลา

    พอ จบเทศนาวินิจฉัยปัญหา ก็ยอมตนเป็นผู้ผิด ว่ามาทำให้ท่านได้รับความลำบากลำบน เพราะความมืดมนด้วยความอาลัยรัก โดยเข้าใจว่าท่านปล่อยวางไปกับดินหญ้า ไม่เมตตาเอื้อเฟื้ออาลัย จึงเกิดความเสียอกเสียใจ จนไม่มีที่ปลงที่ว่าง นึกว่าตนไร้ญาติขาดมิตรปลิดชีวิตชีวาไม่มีที่พึ่งพาอาศัย

    มา บัดนี้ ได้รับความสว่างจากดวงธรรม ใจเกิดความเย็นฉ่ำเป็นสุข ทุกข์ที่เคยแบกหามมาก็ปลงวางลงได้ เพราะธรรมเหมือนน้ำอมฤตรดโสรจสรงชะล้างให้เกิดความสว่างไสวขึ้นมา

    โทษ ที่ได้ล่วงเกินพระคุณท่านด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอได้โปรดประทานโทษนั้นแก่ข้าบาท ดวงวิญญาณจะได้ตั้งหน้าสำรวมระวังต่อไปตลอดอวสาน ไม่หลงลืมผิดพลาดขลาดเขลาอีกต่อไป

    จาก นั้น ท่านก็อธิบายแนะนำเกี่ยวกับภพกำเนิดว่า ขอให้ไปเกิดในภพที่เป็นหลักฐาน อันสมควรแก่ภาวะของตน ไม่ควรมากังวลวกเวียนเกี่ยวข้องกับความเป็นห่วงใยดังที่เคยเป็นมาอีกต่อไป

    ดวง วิญญาณยินดีรับคำท่านด้วยความเคารพนอบน้อม ก่อนจะจากไปขอพรว่า เมื่อได้เกิดในภพที่เหมาะสมแล้ว ขอให้ได้มารับฟังโอวาทตามปรารถนาดังที่เคยทำมา ขอได้โปรดประทานพรตามใจหวังเถิด เมื่อท่านอนุญาตแล้วก็หายไปในขณะนั้น

    พอ ดวงวิญญาณจากไปแล้ว จิตถอนขึ้นมาราวตี ๕ จวนสว่าง คืนนั้นท่านมิได้พักผ่อนร่างกายเลย เพราะเริ่มนั่งสมาธิภาวนา แต่ขณะออกจากทางจงกรมราว ๒๐ น. ตอนดึกก็รับแขกดวงวิญญาณเสียหลายชั่วโมงท่านเล่าว่า ต่อมาไม่นานนัก ดวงวิญญาณก็มาเยี่ยมฟังเทศน์ท่านอีก คราวนี้มาในร่างแห่งเทวดา ผู้มีรูปสวยงามมาก แต่มิได้ตกแต่งด้วยเครื่องประดับต่างๆ ตามปกติของพวกเทวดาที่ทำกัน เพราะมาหาพระองค์สำคัญ ซึ่งเทวดาถือเป็นความเคารพมาก

    โดย ทั่วไป พอเทวดามาถึงก็เล่าถวายท่านว่า พอได้รับคำชี้แจงจากท่านให้หายสงสัย ไร้ทุกข์ ที่เคยทรมานใจมาแล้ว ก็ไปอุบัติเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พิภพ ซึ่งมีความสุขสนุกสนานด้วยเครื่องบำรุง บำเรอต่างๆ ที่ล้วนแต่สำเร็จไปด้วยจากการบำเพ็ญเมื่ออยู่กับท่านในเมืองมนุษย์ทั้งนั้น

    แม้ จะมีความสุขสบายตามวิบากกรรมอำนวยก็ตาม แต่อดระลึกมิได้ว่า วิบากสมบัติที่ปรากฏให้ได้รับเสวยนั้น ล้วนเป็นสาเหตุไปจากพระคุณท่านเป็นผู้พาริเริ่มบำเพ็ญแต่ต้นมา เพียงลำพังผู้เดียวไม่มีปัญญาสามารถคิดอ่านบำเพ็ญให้สำเร็จเป็นสมบัติที่พึง พอใจอย่างมหาศาลเช่นนั้นได้ เวลามีวาสนาได้ไปเกิดในกองมหาสมบัติอันเป็นทิพย์และมีความสุขสบาย หายโกรธแค้นน้อยใจแล้ว จึงได้ระลึกถึงพระคุณของท่าน ที่มีแก่ตนอย่างมากมายเหลือที่ประมาณได้

    ฉะนั้น การเลือกเฟ้นในทุกสิ่ง ไม่ว่าจะการงาน อาหารและสิ่งของนานาชนิด ตลอดจนมิตรสหายเพื่อนหญิงเพื่อนชายที่ควรก่อน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ต้องการครองตัวด้วยความราบรื่นจะพึงถือเป็น กิจจำเป็น เฉพาะอย่างยิ่งที่ผู้ต้องการเลือกคู่ครอง เพื่อหวังพึ่งเป็นที่พึ่งตายจริงๆ ควรถือเป็นกรณีพิเศษยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด

    เพราะ คู่ครองนั้นเป็นเหมือนกับใช้ลมหายใจและความเป็นอยู่ทุกด้านร่วมอันเดียวกัน ความสุข ทุกข์ น้อย มาก ย่อมเป็นสิ่งกระเทือนถึงกันทุกระยะ ผู้ที่ได้คู่ครองที่ดี แม้ตัวจะต่ำบ้างทางฐานะความรู้ ความฉลาด การประพฤติ จริตนิสัย แต่ก็ยังดีกว่า

    ผู้ ที่คอยฉุด คอยลาก คอยให้คติเตือนใจเสมอ และพาประพฤติดำเนินในกิจการต่างๆ ทั้งทางโลก อันเป็นเครื่องส่งเสริมครอบครัวให้มั่นคงและสงบสุขและทางธรรม ซึ่งเป็นความดีงามแก่จิตใจ ตลอดการงานอย่างอื่นที่พลอยมีส่วนดีงามไปด้วย ไม่มืดมิดปิดตากำดำกำขาวไปโดยถ่ายเดียว โดยหาความแน่นอนและรับรองผลไม่ได้

    ถ้า ต่างฝ่ายต่างดีด้วยกันก็เท่ากับช่วยกันสร้างวิมานหลังใหญ่ในครอบครัวให้อยู่ เย็นเป็นสุขร่วมกันไปตลอดอวสาน ไม่มีการทะเลาะวิวาทถกเถียง ครัวเรือนย่อมเป็นสุข ไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจมารบกวน เพราะต่างฝ่ายต่างสร้างสรรค์ ต่างฝ่ายต่างสำรวมระวัง ต่างฝ่ายต่างตั้งอยู่ในเหตุผลหลักธรรม ไม่ทำตามใจชอบที่ผิดจากหลักศีลธรรม อันเป็นหลักรับรองความร่มเย็นผาสุกต่อกันคู่ครองของแต่ละฝ่าย จึงเป็นผู้ช่วยกันสร้างกรรมดี ชั่ว สุข ทุกข์ บุญ บาป นรก สวรรค์ เกี่ยวเนื่องกันแต่เริ่มต้นชีวิตร่วมกันเป็นต้นไปเหมือนลูกโซ่ ทั้งปัจจุบันชาตินี้ตลอดจนอนาคตของภพชาติต่อไป

    ดัง ข้าบาทได้เห็นประจักษ์กับตัวเอง (คำว่า ข้าบาท เป็นคำแทนชื่อที่ถนัดของเทวดา เรียกตัวเองกับท่านพระอาจารย์มั่น) ที่ได้มีบุญติดสอยห้อยตามบาทไปในภพชาติต่างๆ ด้วยการนำของพระคุณท่านพาสร้างแต่ความดีมาประจำนิสัย ไม่พาสร้างบาปกรรมทำชั่วมัวหมองเลย จึงพลอยได้เป็นคนดีติดตามบาทมาแทบทุกชาติทุกภพ และพาให้แคล้วคลาดจากภัยเวรทั้งหลายตลอดมา นึกถึงพระคุณแล้วทำให้ในจิตใจสุดที่จะเรียนได้ถูก

    คราว นี้ข้าบาทได้เห็นโทษของตัวที่เคยผิดพลาดล่วงเกินพระคุณท่านมาในอดีต ทั้งชาติแห่งวิญญาณและอดีตกาลที่ผ่านมานาน ขอท่านได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมแก่เทวดาตามความปรารถนา และได้แสดงธรรมอบรมส่งเสริมบารมีให้เป็นที่รื่นเริงจนสมควรแก่กาลแล้ว เทวดานมัสการลา กระทำทักษิณสามรอบ หลีกออกห่างจากท่านพอประมาณ และเหาะลอยขึ้นสู่อากาศด้วยความโสมนัสศรัทธาเป็นล้นพ้น

    ระหว่าง วิญญาณมาปรับทุกข์ด้วยความน้อยใจกับท่าน รู้สึกว่าพิสดารเหลือจะพรรณนา ผู้เขียนไม่สามารถนำมาลงได้ทุกประโยค จึงขออภัยท่านไว้ด้วย เท่าที่จำได้และนำมาลงนี้ก็ไม่ค่อยสนิทใจนัก ถ้าจะผ่านไปก็รู้สึกจะขาดเนื้อเรื่องที่น่าคิดไป ดังที่เรียนไว้แล้วตอนก่อนที่จะเขียนเรื่องนี้

    ******************************
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    การทำความเพียรของเรา

    อย่าอ้างมื้อ อ้างวัน อ้างเวลา

    ได้เวลาได้โอกาสเวลาไหนๆ ทำได้เรื่อยๆ

    ระหว่างมีชีวิตอยู่ ให้มีความวิริยะความเพียร.....

    พระโยควจรเจ้านั้น ท่านอดหลับ อดนอน

    จึงจะได้มรรคได้ผล.....

    หลวงปู่หลุย จันทสาโร.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ทุกข์มี เพราะ ยึด

    ทุกข์ยืด เพราะ อยาก

    ทุกข์น้อย เพราะ หยุด

    ทุกข์หลุด เพราะ ปล่อย

    ธรรมะรักษา.
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านสอนไว้ว่า

    เอาให้จริงให้จังนักปฏิบัติ อยู่ที่ไหนให้ถือความเพียรเป็นสำคัญ

    ถือว่ากิเลสเป็นข้าศึก ต่อเราอยู่เสมอ

    ผู้นั้นแหละจะพ้นจากแหล่งแห่งทุกข์


    นี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2013
  8. pporjai

    pporjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    8,907
    ค่าพลัง:
    +16,490
    นี่คือโลก..ที่เราสัมผัสอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน..
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=qybUFnY7Y8w]OK Go - This Too Shall Pass - Rube Goldberg Machine version - Official - YouTube[/ame]​
     
  9. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/YZLOI7rBj5U" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    หากใครได้ฟังธรรมเทศนานี้ หรือจะนั่งสมาธิพร้อมกำหนดจิตไปกับกระแสธรรม

    คุณจะได้หลักการดำเนินที่ยิ่งๆขึ้นไป เพราะจิตที่ฟุ้ง ไหลไปกับกระแสโลกในขณะนั้นๆ

    เป็นจิตที่เสียหลักในการดำเนินในขณะนั้นๆ
     
  10. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    <iframe width="220" height="115" src="http://www.youtube.com/embed/ddFSgu-LRqs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  11. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    สัปบุรุษ หมายถึง คุณลักษณะแห่งพระอริยเจ้า พระอริยสาวก และพระศาสดา

    ข้อความบางตอน จาก "อวิชชาสูตร" ว่าด้วยโพชฌงค์ ๗ เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้
    การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์ ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์
    การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์ ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์
    ศรัทธาที่บริบูรณ์ ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์
    การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์
    สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์ ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์
    การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์
    สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์
    สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์ ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์
    โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์
    วิชชาและวิมุตตินี้มีอาหารอย่างนี้ และบริบูรณ์อย่างนี้ ฯ"
     
  12. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ข้อความบางตอนจาก "อาฬวกสูตร" (สุสฺสูลํ ลภเต ปญฺญํ-ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา)

    [๘๔๔] อาฬวกยักษ์ทูลถามว่า
    คนได้ปัญญาอย่างไรหนอ ทำอย่างไรจึงจะหาทรัพย์ได้ คนได้
    ชื่อเสียงอย่างไรหนอ ทำอย่างไรจึงจะผูกมิตรไว้ได้ คน
    ละโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ทำอย่างไรจึงจะไม่เศร้าโศก ฯ

    [๘๔๕] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
    บุคคลเชื่อธรรมของพระอรหันต์ เพื่อบรรลุนิพพาน ฟังอยู่
    ด้วยดีย่อมได้ปัญญา เป็นผู้ไม่ประมาท มีวิจาร คนทำเหมาะ
    เจาะ ไม่ทอดธุระ เป็นผู้หมั่น ย่อมหาทรัพย์ได้ คนย่อม
    ได้ชื่อเสียงเพราะความสัตย์ ผู้ให้ย่อมผูกมิตรไว้ได้ บุคคล
    ใดผู้อยู่ครองเรือนประกอบด้วยศรัทธา มีธรรม ๔ ประการนี้
    คือ สัจจะ ธรรมะ ธิติ จาคะ บุคคลนั้นแล ละโลกนี้ไป
    แล้วย่อมไม่เศร้าโศก เชิญท่านถามสมณพราหมณ์เป็นอัน
    มากเหล่าอื่นดูซิว่าในโลกนี้มีอะไรยิ่งไปกว่าสัจจะ ทมะ จาคะ
    และขันติ ฯ

    [๘๔๖] อาฬวกยักษ์กราบทูลว่า
    ทำไมหนอ ข้าพเจ้าจึงจะต้องถามสมณพราหมณ์เป็นอันมากใน
    บัดนี้ วันนี้ข้าพเจ้ารู้ชัดถึงสัมปรายิกประโยชน์ พระพุทธเจ้า
    เสด็จมาอยู่เมืองอาฬวี เพื่อประโยชน์แก่ข้าพเจ้าโดยแท้
    วันนี้ข้าพเจ้ารู้ชัดถึงทานที่บุคคลให้ในที่ใดมีผลมาก ข้าพเจ้า
    จักเที่ยวจากบ้านไปสู่บ้าน จากบุรีไปสู่บุรี พลางนมัสการ
    พระสัมพุทธเจ้าและพระธรรมซึ่งเป็นธรรมที่ดี ฯ
     
  13. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,015
    ค่าพลัง:
    +10,241
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

    [๑๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำ
    ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อ
    ความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

    ธรรมอย่างหนึ่งคืออะไร คือพุทธานุสสติ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งนี้แล
    อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว
    เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้
    เพื่อนิพพาน ฯ
     
  14. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,015
    ค่าพลัง:
    +10,241
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

    ปโลภสูตร

    [๔๙๖] ครั้งนั้นแล พราหมณ์มหาศาลคนหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับ
    มาต่อบุรพพราหมณ์ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์กล่าวไว้ว่า ได้ยินว่า แต่ก่อน
    โลกนี้ ย่อมหนาแน่นด้วยหมู่มนุษย์ เหมือนอเวจีมหานรก บ้านนิคมชนบท
    และราชธานี มีทุกระยะไก่บินตก ดังนี้ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ
    เป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็น
    บ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท

    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรพราหมณ์ ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    มนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอ
    ครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ต่างก็ฉวยศาตราอันคมเข้าฆ่าฟันกันและกัน
    เพราะฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็น
    เหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็น
    บ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำ
    เสมอครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ฉะนั้น จึงเกิด
    ทุพภิกขภัย ข้าวกล้าเสีย เป็นเพลี้ย ไม่ให้ผล เพราะเหตุนั้นมนุษย์จึงล้มตายเสีย
    เป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้มนุษย์ทุก
    วันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคมก็ไม่เป็นนิคม แม้
    นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    ดูกรพราหมณ์ อีกประการหนึ่ง ทุกวันนี้ มนุษย์กำหนัดแล้วด้วยความ
    กำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอครอบงำ ประกอบด้วยมิจฉาธรรม
    เมื่อมนุษย์เหล่านั้นกำหนัดแล้วด้วยความกำหนัดผิดธรรม ถูกความโลภไม่สม่ำเสมอ
    ครอบงำประกอบด้วยมิจฉาธรรม พวกยักษ์ปล่อยอมนุษย์ที่ร้ายกาจลงไว้ เพราะ
    ฉะนั้น มนุษย์จึงล้มตายเสียเป็นอันมาก ดูกรพราหมณ์ แม้ข้อนี้ก็เป็นเหตุเป็นปัจจัย
    เครื่องทำให้มนุษย์ทุกวันนี้หมดไป ปรากฏว่ามีน้อย แม้บ้านก็ไม่เป็นบ้าน แม้นิคม
    ก็ไม่เป็นนิคม แม้นครก็ไม่เป็นนคร แม้ชนบทก็ไม่เป็นชนบท ฯ

    พราหมณ์มหาศาลนั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของ
    พระองค์แจ่มแจ้งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็น
    อุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแต่วันนี้เป็นต้นไป ฯ
     
  15. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    การปฏิบัติควรตั้งจิตให้ถูก ตั้งจิตไว้เลยว่า เราปฏิบัติเพื่อตน โดยไม่ได้ปฏิบัติหรือทำเพื่อใครหรือสิ่งใดๆ

    จึงจะเป็นการปฏิบัติบูชา ตามธรรมคำสอน และเป็นอินทรีย์บารมีแก่ตน

    ด้วยตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จนถึงวิมุติหลุดพ้นจากอัตตาตัวตน นั่นก็เพราะปัจจัตตังรับผลเฉพาะตน
     
  16. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    นิกาย

    ครั้งหนึ่ง มีพระสายธรรมยุติมาขอจำพรรษาที่วัดหนองป่าพง หลวงพ่อได้ถามความเห็นของที่ประชุมสงฆ์ว่า จะรับให้พระอาคันตุกะเข้าร่วมลงอุโบสถด้วยหรือไม่ ซึ่งพระส่วนมากก็ลงความเห็นว่าไม่ควร ด้วยเหตุผลว่า

    “ทางฝ่ายเขาก็ปฏิเสธฝ่ายเราอยู่”

    หลวงพ่อได้ให้เหตุผลแย้งที่ประชุมด้วยมุมมองที่เฉียบคมอย่างยิ่งว่า

    “การทำอย่างนั้นมันก็ดีอยู่ แต่มันยังไม่เป็นธรรมเป็นวินัย มันยังเป็นทิฏฐิ สักกายทิฏฐิ มีความถือเนื้อถือตัวมาก มันไม่สบาย เอาอย่างพระพุทธเจ้าจะได้ไหม คือเราไม่ถือธรรมยุติไม่ถือมหานิกาย แต่เราถือพระธรรมพระวินัย ถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะเป็นธรรมยุติหรือมหานิกายก็ให้ลงได้ ถ้าไม่ดี ไม่มีความละอายต่อบาป ถึงเป็นธรรมยุติก็ไม่ให้ร่วม เป็นมหานิกายก็ไม่ให้ร่วม ถ้าเราเอาอย่างนี้ก็จะถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ”

    จากแนวคิดที่ยึดพระธรรมวินัยหรือความถูกต้องเป็นใหญ่นี้ ถือได้ว่าเป็นรูปแบบการปกครองที่จะต้องถือเอาเป็นตัวอย่างทีเดียว และนี่ก็คือการปกครองที่เรียกกันว่าธรรมาธิปไตย ซึ่งเป็นระบบที่นักปกครองทั้งหลายต้องหยิบยกขึ้นมาขบคิดกัน

    พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
    ที่มา fb เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  17. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    ผู้มีอุปสรรค คือ ... ผู้มีบุญ
    ปัญญา เกิดจาก
    การฝ่าฟัน อุปสรรค
    ยิ่งมี อุปสรรคมาก
    ยิ่งมี โอกาสที่จะสร้างปัญญามาก
    ฉะนั้น ผู้ที่มีอุปสรรคมากๆ
    เป็น ผู้ที่มีบุญมาก น่าอิจฉา ...​


    - พระอาจารย์ชยสาโร -​
     
  18. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    Cr.ท่านขิปฺปสิทฺโธภิกฺขุ เชียงใหม่

    การสื่อสารได้มุ่งส่งเสริมให้ช่วยกันลดมลภาวะจากโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นทุกที ด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อให้เกิดความร่มรื่น ผ่อนคลายบรรยากาศที่ร้อนแรงลงได้บ้าง
    แต่..จะมีใครบ้าง ที่จะรู้วิธีคลายความร้อนที่ใจให้ลดลง
    ท่ามกลางโลกที่ร้อนระอุอยู่นี้เพลิงใจ ที่ถูกก่อขึ้นอย่างที่ยากจะมอดดับ เพราะ..เพลิงกิเลสนั้นจะต้องราดรดด้วยน้ำแห่งเมตตาธรรม และปลูกเพาะความสงบให้เติบโตขึ้นในใจ เพื่อแผ่คลุมจิตที่ร้อนรนให้เยือกเย็น
    ด้วยเพราะความปรารถนาต้องการของตนเอง ซึ่งบางครั้งก็สมหวังและไม่สมหวังเหล่านี้ เป็นชนวนแห่งเพลิงที่รุกไหม้จิตใจให้เร่าร้อน และโหมอารมณ์ให้ทุกข์ไปกับเพลิงกิเกสนั้นเสมอ
    หัดหยุดใจจากความต้องการ และสร้างปราการแห่งความเมตตาจิตให้มีขึ้น
    เพียงเท่านี้..ความสงบใจก็จะมีเกิดขึ้นได้โดยไม่ยาก.....
    ปลูกต้นไม้..คลายร้อน..ผ่อนแล้งโลก
    ปลูกเมตตา..คลายโศก..เสริมราศี
    ปลูกสงบ..เมื่อกระทบ..สิ่งไม่ดี
    ปลูกเท่านี้..ก็เย็นใจ..ไปชั่วกาล....
     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    วันนี้, 01:40 PM #16
    tjs
    สมาชิก

    tjs's Avatar

    วันที่สมัคร: Apr 2012
    สถานที่: เมืองพุทธโสธร
    ข้อความ: 186
    Groans: 0
    Groaned at 6 Times in 5 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 974
    ได้รับอนุโมทนา 1,618 ครั้ง ใน 169 โพส
    พลังการให้คะแนน: 109
    tjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant futuretjs has a brilliant future

    บุญ หมายถึง ความสุขใจ ความปิติสุขของจิต ความพองฟูของจิต
    กุศล หมายถึงเครื่องกระทำ หรือเครื่องชำระให้ดีงาม ให้ขาวสะอาดผ่องใส
    บารมี หมายถึง การตั้งไว้ซึ่งกำลังใจที่ยิ่งกว่า และการประกอบความเพียรเพื่อให้กำลังใจที่ตั้งไว้สมดั่งที่ตั้งไว้หรือปราถนาไว้

    บุญ กุศล และบารมี สามสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้คือ

    ก็กุศลกรรมย่อมเป็นเหตุ อันก่อให้เกิดผลสองส่วนคือ บุญและผลแห่งบุญหรือวิบากรรม อันเรียกว่า กุศลวิบากรรม นั่นเอง
    ขยายความได้ว่า
    ก็บุญที่เกิดแล้ว ยังผลให้ จิตมีปิติสุข เหล่าบัณทิตทั้งหลายจึงมีปัญญาเห็นว่า การสร้างบุญกุศล มีประโยชน์มาก ฉนี้แล้วเหล่าบัณฑิตทั้งหลายต่างก็พยายามสร้างบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้น คือหมายถึงการวางหรือตั้งกำลังใจมีความเพียรในการสร้างบุญกุศลให้มากขึ้นยิ่งๆขึ้นไป จนกว่าจะสมดั่งปณิธานที่ตั้งไว้ เมื่อทำได้เต็มหรือสมดั่งปณิธาณเมื่อไหร่ เช่นนั้นจึงกล่าวว่า การสร้างบุญกุศลบารมีนั้นเต็มแล้วบริบูรณ์แล้ว สาธุครับ

    ทีนี้ประการสุดท้ายเราขอกล่าวว่า ก็บารมีนี้ ย่อมต้องกำหนดซึ่งเป้าหมาย การตั้งกำลังใจปราถนาที่จะกระทำความดีนั้นๆ ให้ได้ตามที่ตนปราถนา
    การสร้างบารมีนั้นจึงเป็นของยาก และขึ้นอยู่ว่า เป็นบารมีขั้นใด บารมีแต่ละขั้นนั้น การวางหรือตั้งกำลังใจไว้ย่อมมีความมากน้อยไม่เท่ากัน ปรมัตถบารมีจึงกล่าวได้ว่าเป็นบารมีขั้นสูงที่ทำได้ยากยิ่ง อาศัยอิทธิบาท4 อย่างยิ่ง ครับ สาธุครับ
     
  20. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151

    “..อยากสุขอยากสบาย ทำใจให้มันว่าง ทำใจให้มันนิ่ง

    มันข้องอะไร มันคาอะไร รีบแก้ไขเสียเดี๋ยวนี้
    ตายแล้วแก้ไม่ได้น๊า ถึงตัวแล้วแก้ไม่ได้น๊า รีบแก้เสียในเบื้องต้นนี้..

    จะคอยให้ท่านอาจารย์หลวงปู่เมตตา ให้หลวงตาเมตตา
    ใครเป็นทุกข์ เป็นร้อนก็ให้ท่านเมตตา
    เราเองล่ะ ไม่เมตตาตน เมตตาตนซี่ เอ็นดูตน..”

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
    ที่มา fb ธรรมโอสถ​
     

แชร์หน้านี้

Loading...