จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความในใจของแสงดาว

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=eQ4k86hlgns]ความในใจของแสงดาว 【๒๗】 ▬ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด เล่ม ๑ รวมเรื่องเล่าสิ่งที่เห็น - YouTube[/ame]​
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อรหันต์อยู่ที่ใจ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=fWT6LgcAvI0&feature=relmfu]อรหันต์อยู่ที่ใจ มนัส 【๖๘】 ▬ หลวงตาวัดป่าบ้านตาด เล่ม ๑ รวมเรื่องเล่าสิ่งที่เห็น - YouTube[/ame]​
     
  3. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    น้ำผลไม้เพื่อสุขภาพสำหรับพี่ภูและชาว จ.บ. ทุกท่านเจ้าค้า

    (ได้ยินพี่ภูบ่นหิวน้ำตั้งแต่เมื่อวาน 55555)


    [​IMG]
     
  4. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    โลกธรรม ๘ เป็นของใคร.. ?

    คนเราเกิดมาแล้วมาแย่งมาชิงกัน ว่ากิเลสเหล่านั้นเป็นของดิบของดีวิเศษวิโส แย่ง แข่งดี แข่งเด่น

    แย่งชิงความเป็นใหญ่เป็นโตกัน แย่งลาภ แย่งยศ ความสรรเสริญทั้งปวง

    กลัวแต่จะไม่ได้เป็นของเรา แท้จริงแล้วมันเป็นของทิ้งของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริยะเจ้าทั้งหลาย พระองค์ทิ้งไปแล้ว เรายังหาว่าเป็นของดีอยู่....


    พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ (เทศก์ เทสรังสี)


    [​IMG]
     
  5. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    <TABLE class=imageborder cellSpacing=2 cellPadding=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอบคุณค่ะคุณนก พี่เพ็ญกำลังอยากได้ยินหรืออยากเห็นเรื่องโลกธรรมแปดอยู่พอดี คุณนกจัดให้ถูกใจมากค่ะ แถมไปยกเอาคำสอนของหลวงปู่เทสก์ที่พี่เพ็ญถูกจริตคำสอนคำเทศน์ของท่านมาให้ดูอีก จิตนี้วาบด้วยความปลาบปลื้มอิ่มเอมยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ จิตบุญนี้แม้จะมีความยินดีก็เป็นเรื่องของขันธ์ห้า แต่จิตท่านไม่เกาะในโลกธรรมแปดค่ะ จบจนได้ 555 โมทนา สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  6. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    โลกธรรม 8

    <TABLE id=table1 border=0 width="100%" bgColor=white align=center height="100%"><TBODY><TR><TD style="COLOR: #a80000" height=20 vAlign=top align=middle>โลกธรรม 8


    </TD></TR><TR><TD height=500 vAlign=top align=middle><TABLE width="80%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ในพระไตรปิฎกมีส่วนเกี่ยวกับโลกธรรมตามที่พระพุทธเจ้าได้เคยตรัสไว้ว่ามีโลกธรรม 8 ประการที่หมุนไปตามโลกธรรมและโลกก็หมุนไปตามโลกธรรม 8 ประการ ซึ่งโลกธรรมในที่นี้นั้นก็คือธรรมของโลก โลกในที่นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นคือสัตว์ของโลก และคงเน้นที่มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ที่ครอบครองโลกอยู่ในขณะนี้ อันได้แก่

    (1) ลาภ
    (2) เสื่อมลาภ
    (3) ยศ
    (4) ความเสื่อมยศ
    (5) สรรเสริญ
    (6) นินทา
    (7) สุข
    (8) ทุกข์

    จะเห็นว่ามนุษย์ที่เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ทุกผู้ทุกนาม ไม่อาจหลีกเลี่ยง ธรรมทั้งแปดดังกล่าว ไม่ว่ายากดีมีจน สติจะสมประกอบหรือไม่ก็ตาม ถ้าลืมตาขึ้นดูโลกและดำเนินชีวิตอยู่ในโลก


    โดยสรุปที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้กับอริยะสาวกและปุถุชนโดยธรรมไม่ได้แตกต่างกันแต่อยู่ความแตกต่างของผู้รับฟัง คำว่าอริยะสาวกก็ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ถ้าเป็นปุถุชนธรรมดา ก็ยังมีความยินดียินร้าย ยินดีเมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายดี คือลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และยินร้ายเมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายร้าย คือเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และทุกข์ ไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น ยังไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงว่า โลกธรรมฝ่ายดีและฝ่ายร้ายนั้น เมื่อเกิดแก่เราแล้ว ทั่นไม่เที่ยง มีทุกข์ และแปรปรวนไม่มีตัวตนที่แท้จริงตามหลักของไตรลักษณ์ หากโลกธรรมไม่ว่าฝ่ายใดเกิดขึ้นหากไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้แล้ว ก็ยังไม่พ้นจากความทุกข์ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย



    โลกธรรมแปด เมื่อเกิดกับอริยสาวกย่อมตระหนักชัดถึงความเป็นจริงว่า ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วนั้นไม่เที่ยงแท่ แปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นไม่สามารถครอบงำจิตได้ ไม่มีความยินดียินร้าย ถือว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง อยู่เหนือโลกธรรมทั้งแปด เหนือพ้นไปจาก ความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั่นก็คือธรรไม่ว่าที่เป็นที่พึงปรารถนาหรือที่ไม่พึงปรารถนาก็ไม่สามารถเข้ามากระทำครอบงำหรือยำยีจิต หรือสามารถที่จะขจัดความยินดียินร้ายออกไปได้จนหมดสิ้นแล้ว ก็จะทราบหนทางแห่งความสงบเย็นคือนิพาน

    อย่างไรก็ตามมนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ก็มีทั้งความทุกข์บ้างสุขบ้าง ก็ยังมีโลกธรรมทั้งแปดมาครอบงำ อยู่ในสังคมของเรา ตามเวลาที่ผ่านไป เราเห็นตัวอย่างของโลกธรรมแปดอยู่ตลอดเวลา เห็นคนได้ลาภ และเสื่อมลาภ เห็นคนเคยรวย และกลับยากจน เห็นคนถูกนินทาว่าร้าย บางครั้งเราเองก็เข้าไปผสมโรงอยู่ด้วยอย่างไม่รู้ตัว หรือยากที่จะหลีกเลี่ยง คนเราจะมีความสุขมากหรือทุกข์น้อยลง ก็ตรงที่เราพยายามทำจิตใจให้มั่นคง มีสติละลึกได้ถึง ความทุกข์ จากความเกิด แก่ เจ็บตาย ว่าจะก้าวพ้นไปได้อย่างไรซึ่งพระพุทธองค์ก็ได้ตรัสไว้เป็นหลักสัจธรรมในอริยสัจสี่ โดยมีมรรควิธี 8 ประการในการดับทุกข์

    ที่มา http://www.nstru.ac.th/nstru2009/news/show_news.php?id=11252


    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อีกบทความหนึ่งเกี่ยวกับโลกธรรม 8
    ความหมายของโลกธรรม 8

    โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของ โลกมีอยู่ประจำกับชีวิต สังคมและโลกของมนุษย์เป็นความจริงที่ทุกคนต้องประสบด้วยกันทั้งนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม ข้อแตกต่างคือ ใครประสบมาก ประสบน้อย ช้าหรือเร็ว

    โลกธรรมแบ่งออกเป็น 8 ชนิด จำแนกออกเป็น 2 ฝ่ายควบคู่กันและมีความหมายตรงข้ามกัน คือ

    1. โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์พอใจมี 4 เรื่อง คือ

    - ได้ลาภ หมายความว่า ได้ผลประโยชน์ ได้ทรัพย์สินเงินทอง ได้บ้านเรือนหรือที่สวน ไร่นา

    - ได้ยศ หมายความว่า ได้รับแต่งตั้งให้มีฐานันดรสูงขึ้น ได้ตำแหน่ง ได้อำนาจเป็นใหญ่เป็นโต

    - ได้รับสรรเสริญ คือ ได้ยิน ได้ฟัง คำสรรเสริญคำชมเชย คำยกยอ

    - ได้สุข คือ ได้ความสบายกาย สบายใจ ได้ความเบิกบาน ร่าเริง ได้ความบันเทิงใจ

    2. โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ คือ ฝ่ายที่มนุษย์ไม่พอใจมี 4 เรื่อง คือ

    - เสียลาภ หมายความว่า ลาภที่ได้มาแล้วเสียไป

    - เสื่อมยศ หมายถึง ถูกลดความเป็นใหญ่ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง ถูกถอดอำนาจ

    - ถูกนินทา หมายถึง ถูกตำหนิติเตียนว่าไม่ดี มีใครพูดถึง ความไม่ดีของเราในที่ลับหลังเรียกว่าถูกนินทา

    - ตกทุกข์ คือ ได้รับความทุกข์ทรมานกายทรมานใจ

    ที่มา http://www.learntripitaka.com/scruple/rokatham8.html


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  7. porpao

    porpao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +506
    คุณครูคะ(แล้วแต่คุณครูท่านไหนจะเมตตาค่ะ) ขอการบ้านให้ศิษย์คนนี้บ้างค่ะ thanvarin_chanitsiri@hotmail.com อยากได้การบ้านกับเค้าบ้าง
     
  8. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    จิตคือพุทธะ พุทธะคือความว่างเปล่า

    คำสอนของ ท่านอนาคาริก ปรัชญาตาระ
                                   
    ธรรม  หมายถึง ธรรมไม่ได้หมายความว่าดีหรือชั่วหรือเฉยๆ  ดั่งภาษาบาลีว่า “กุสลาธมฺมา  อกุสลาธมฺมา”  อัพยากตาธมฺมา  หมายถึงว่า  กุศลก็เป็นธรรม  อกุศลก็เป็นธรรม  ความเฉยๆ ก็เป็นธรรม “สพฺเพธมฺ  อนตฺตา” ธรรมเป็นของไม่มีตัวตน  ดังนั้นธรรมเป็นของกลาง  ไม่ได้เป็นสมบัติของท่านผู้ใดแม้แต่พระพุทธเจ้า  หรือพระอรหันต์ทั้งหลาย  ผู้ที่เข้าถึงธรรมจึงจะรู้รสของธรรม  รู้แจ้งก็มิได้แบกไว้ให้หนักบ่า  เพราะว่าธรรมไม่มีตัวตน  ผู้เข้าไปรู้ธรรมก็ไม่มีตัวตน  จึงไม่ต้องแบกต้องหาม
    ความดีเกิดขึ้นเพราะสังขารปรุง  ความชั่วเกิดได้เพราะสังขารปรุงเนื้อหาของความดี  ความชั่ว  ความจริงแล้วมิได้มีตัวตน  เพียงแต่เราทำความนึกคิดให้สิ้นไปดูสิ  ดี  ชั่ว  จะเกิดที่ไหน  ก่อนจะดี  ดีอยู่ไหนเมื่อดีแล้วดีอยู่ที่ใด  ก่อนจะชั่วความชั่วอยู่ไหน  เมื่อชั่วแล้วชั่วอยู่ที่ใด ความจริงมันเป็นเรื่องของการปรุงทั้งหมด  ตัดความคิดออกอย่างเดียวมันก็พบคำตอบเอง
    ดังนั้นธรรมะไม่ได้หมายความว่าเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า  แต่ธรรมนี้ทำให้ปุถุชนได้สมญานามว่า  พระพุทธเจ้า  เช่น  เจ้าชายสิทธัตถะเมื่อแจ้งในธรรมแล้ว  เราๆ ท่านๆ ก็เรียกว่าพระพุทธเจ้าได้กราบไหว้มาถึงทุกวันนี้  แต่พระองค์ท่านทรงเรียกตัวเองว่า “ตถาคต”  ซึ่งหมายถึงว่า  สภาวะที่ปรุงแต่งกับมันไม่ได้  จะว่าสุญตาก็ใช่เป็นความว่างของอนัตตาก็ใช่  เพราะธรรมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่  เราพยายามบูชาพระพุทธเจ้าอยู่ด้วยความอิ่มเอิบ  ตื้นตัน  เต็มไปด้วยความยึดมั่น  แต่พระพุทธเจ้ากลับมองเห็นเราเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น  ซึ่งมันสวนทางกับท่านอยู่  เราเป็นพุทธสาวกเราจึงจำเป็นต้องเดินตามพระพุทธบาทของพระศาสดา  คือเดินไปสู่  ความไม่มี  ไม่เป็น  ไม่ปรุง  ไม่แต่ง  พระพุทธเจ้าพบธรรมในแหล่งธรรม  จึงบรรลุธรรมเป็นพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่ง  คือพระพุทธเจ้าพบความไม่มีตัวตน  ในแหล่งแห่งความไม่มีตัวตน  จึงบรรลุสู่ความไม่มีตัวตน  จึงเป็นผู้เหนือกว่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลาย  และเป็นความบริสุทธิ์หมดจดจริงๆ  คำว่าธรรมจึงเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว  ในแหล่งธรรมที่แท้จริง  คือ  จิตของเราหรือจักรวาลเดิมของจิตนั่นเองมีอยู่แล้วในสัตว์ประเภทที่มีความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย
    ซึ่งแม้แต่เวลานี้ไม่ว่าจะหลับหรือตื่น  ยืนหรือนั่ง  ดีหรือชั่ว  ธรรมก็ยังอยู่กับเราไม่ไปไหน  เพียงแต่เราหยุดความคิดให้สิ้นไปอย่างสมบูรณ์  คือไม่กลับเกิดอีกเท่านั้น  พระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์  หรือมากกว่านั้น  ก็จะปรากฏให้เรารู้  เราเห็นทันที  ไม่ต้องมีหลักมีเกณฑ์อะไรเลยทาง แบบแผน  ตามตัวหนังสือ  ไม่ต้องไปสอบถามเอากับใครที่ไหนเลย  เพราะธรรมอยู่กับเราแล้วตลอดกาล
    การปฏิบัติตัวต่อธรรมเหล่านี้เล่า  ก็เป็นไปตามธรรมชาติของธรรม  เพราะเมื่อปัญญามันเกิดมันจะรู้ว่าการทำตัวอย่างไร  เพราะมันไม่มีตัวให้ยืนยงอะไร  เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้น  คือตามที่มันไม่พัวพันกันอยู่  และตามที่มันมิได้เพิกเฉยอยู่ทั้งสองอย่าง
     
  9. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    เอ้า..รับศิษย์หญิงซักคนนึง..
    เดี๋ยวจะส่งemailไปหานะครับ..
     
  10. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214
    อ้าว คุณปอเปายังไม่มีครูประจำเหรอคะ
    ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เพ็ญจัดให้

    การบ้านนะ

    1. บอกเล่าประสบการณ์ทางธรรมที่ผ่านมา
    2. เจริญกรรมการกองใดอยู่
    3. บอกเล่าเรื่องราวและกำลังใจในการรักษาศีล(ศีล5 หรือศีล8 ตามที่ท่านกระทำอยู่)
    4. บอกเล่าเรื่องราวการทรงกำลังใจในปัจจุบันเกี่ยวกับ รัก โลภ โกรธ หลง
    5. ทำแบบทดสอบบารมี 10 ทัศให้ดูหน่อยค่ะ
    6. เลือกภาพพระที่ถูกใจมาเป็นสัญลักษณ์ส่วนตัวแล้วดูบ่อย ๆ มองบ่อย ๆ นึกถึงภาพพระบ่อย ๆ แล้วส่งรายงานผลการปฏิบัติด้วยค่ะ

    แบบทดสอบบารมี 10 ทัศ

    เทียบกับบารมี 10

    ตอบ ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน เอาคำตอบแรกที่ขึ้นมา คำตอบอื่นตัดทิ้งไป ถ้าก้ำๆ กึ่งๆ แสดงว่ายังไม่ผ่าน<O:p

    1.ทานบารมี (การให้โดยไม่หวังผล)มีจิตปรารถนาจะสละด้วยการให้ทานอยู่เสมอ<O:p

    2.ศีลบารมี(รักษาศีล5 เป็นปกติ)มีความรักในศีลห้า มีความตั้งใจทรงศีลห้าให้บริสุทธิ์ครบถ้วนอยู่เสมอ
    <O:p
    3.เนกขัมมะบารมี(การถือบวช)บวชด้วยใจ คือสำรวมกาย วาจา ใจ อยู่เสมอ

    4.ปัญญาบารมี(ความรู้)ทรงปัญญาพิจารณาอยู่เสมอ ยอมรับว่าโลกนี้ไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว ยอมรับทุกอย่างตามความเป็นจริง<O:p

    5.วิริยะบารมี(ความเพียร) มีความพากเพียร ไม่ย่อท้อ ต่อสู้อุปสรรคด้วยประการทั้งปวง<O:p

    6.ขันติบารมี(ความอดทนอดกลั้น) มีความอดทนอดกลั้น ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์ต่าง ๆ<O:p
    <O:p
    7.สัจจะบารมี(ความตั้งใจจริง เอาจริง จริงใจ) มีความจริงใจ ตั้งใจไว้อย่างไรจะทรงไว้อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง<O:p
    <O:p
    8.อธิษฐานบารมี(ความตั้งใจมั่นไม่เปลี่ยนแปลง) ตั้งกำลังใจไว้ว่า เราปฏิบัติความดีทุกอย่างเพื่อพระนิพพาน<O:p
    <O:p
    9.เมตตาบารมี(ความรักด้วยความปรานี)คิดว่าเรารักคนและสัตว์ทั้งหมด ไม่ถือว่าใครเป็นศัตรูกับเรา<O:p
    <O:p
    10.อุเบกขาบารมี(ความวางเฉย)วางเฉยต่ออารมณ์ทุกอย่าง


    ปล. เดี๋ยวพี่เพ็ญส่งไปให้ทางอีเมลด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอบใจจ้า
    น้องสาวคนนี้น่ารักจังเลย
    ชื่นใจทั้งผู้รับและผู้ให้เลย
     
  12. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157

    โมทนาสาธุค่ะพี่เพ็ญ

    แหมได้ดื่มด่ำกับรสธรรมคำสอนแล้ว ถึงเวลามาดื่มด่ำกับรสชาติอาหารกลางวันกันเถอะค่ะพี่เพ็ญ และชาว จ.บ. ทุกท่าน จัดให้เต็มที่ค่ะ


    [​IMG]



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  13. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    จิตคุณเกษเริ่มนิ่งแล้วค่ะ ทำต่อไปค่ะ และขอให้ส่งการบ้านบ่อย ๆ นะคะ
    ภาพพระเห็นไม่ชัดไม่เป็นไร แต่ขอให้นึกได้บ่อย ๆ
    และทรงอารมณ์ใจสบายไว้ค่ะ รักษากำลังใจอย่าให้ตก
    ถ้าใจไปเจอกระทบสิ่งที่เป็นอกุศลขอให้ตัดลงที่กฎไตรลักษณ์
    มองให้เห็นตามความเป็นจริงว่ามันเที่ยงไหม? เป็นทุกข์ไหม? สุดท้ายมีตัวตนไหม?
    วางใจให้เป็นกลาง ทำจิตเกาะพระไปสบาย ๆ ค่ะ
    พี่เพ็ญขอส่งกำลังใจไปช่วยเต็มที่ค่ะ
    จำเอาไว้นะ "เราจะเดินกลับบ้านไปด้วยกัน"
     
  14. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    อาหารคาว อาหารหวานจานพิเศษนี้ ขอมอบให้แด่พี่ภู พี่ชายที่แสนดีและน่ารักของนกเจ้าค่ะ chearr

    [​IMG]





    [​IMG]
     
  15. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    55555555 คุณนกหญิงรู้ใจพี่เพ็ญง่ะ
    แหม็มๆๆ พี่ภูอยู่ไหนเนี่ย
    พอเห็นอาหารแล้วนึกถึงพี่ภูขึ้นมาทันที
    ก็ท่านเคยบอกว่าจะพาไปหม่ำอ่ะ
    เรื่องนี้ไม่ลืมอ่ะพี่ภู สัญญาทำงานดีเกินคาด ^o^'
    นั่น! ออกอ่าวไปอีกแล้ว
    วุ้ย ใครอย่าเอาของกินมาล่อพี่เพ็ญนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

    ว่าแล้วก็ไปหาไรหม่ำก่อนดีฝ่า =.='
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  16. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    อุปปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์


    ชาติปิทุกขา
    ความเกิดก็เป็นทุกข์

    ชะราปิทุกขา
    ความแก่ก็เป็นทุกข์

    มะระณัมปิทุกขัง
    ความตายก็เป็นทุกข์

    โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิทุกขา
    ความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์

    ปิเยหิ วิปปะโยโคทุกโข
    ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ที่พอใจก็เป็นทุกข์

    ยัมปิจฉัง นะละภะะติ ตัมปิทุกขัง
    ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้ก็เป็นทุกข์

    สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธาทุกขา
    ว่าโดยย่อ อุปปาทานขันธ์ 5 เป็นทุกข์

     
  17. lobsterkiss

    lobsterkiss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +325
    จะงอกหรือเปล่าเนี่ย ??? เจ้าต้นไม้...

    [​IMG]

    ถ้าวันหนึ่งเราต้องการอยากปลูกต้นไม้สักต้นนึง เราก็ซื้อเมล็ดมาปลูกในกระถาง
    เราก็เหมาะพรวนดิน ใส่ปุ๋ย รดน้ำ บำรุงมันอยู่อย่างนั้น อย่างสม่ำเสมอ
    ถ้าวันนึงเจ้าเมล็ด ก็เติบโตขึ้น สร้างความดีใจเป็นอันมากแก่เรา เราดีใจเพราะความต้องการของเราลุล่วง
    แต่ในการกลับกัน เจ้าเมล็ดไม่เติบโตขึ้นมาล่ะ ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม แม้ว่าเราจะบำรุงบำเรอมันเต็มที่แล้ว เราก็รู้สึกเสียใจ ที่มันไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการของเรา
    แต่กระนั้นท่านคิดว่าความดีใจ เสียใจ มันจะอยู่กับเราเสมอไปเหรอ???
    ถ้าวันใดวันนึง ต้นไม้ที่งอกออกมาจากเมล็ดนั้น เกิดอยู่ตายขึ้นมา เหี่ยวเฉาขึ้นมา
    เราก็ย่อมมีความเสียใจเกิดขึ้น หรือ ถ้าเจ้าเมล็ดที่ไม่งอก วันดีคืนดี งอกขึ้นมา ท่านเห็น ท่านก็ดีใจยกใหญ่ที่มันขึ้นสำเร็จ แต่พอวันนึงมันเหี่ยวตาย ท่านก็เศร้าอีก

    ท่านเห็นหรือไม่ว่า ท่านสามารถควบคุมความสุข ความทุกข์ ความเสียใจของท่านได้หรือเปล่า
    ท่านอยากมีความสุข โดยให้ต้นไม้มันขึ้นเติบโต ตลอดไปได้หรือไม่
    ท่านไม่อยากมีความเสียใจ ความทุกข์ โดยไม่ให้ต้นไม้มันตาย ท่านทำได้หรือไม่
    ท่านอยากให้ท่านไม่เสียใจ ตอบมันตายท่านทำได้หรือไม่ หรือท่านอยากตัวท่าน ดีใจ ปีติ เวลามันตายท่านทำได้หรือไม่

    ถ้าท่านทำไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ธรรมทุกอย่างบนโลก ก็เป็นแบบนี้
    มันเกิดขึ้นของมันแบบนี้ตลอด มันก็ดับไปของมันแบบนี้ไปตลอดเหมือนกัน
    ดังนั้นถ้าท่านรู้เช่นนี้แล้ว ท่านก็จงอย่ายึดติดกับมัน

    ดังเช่น พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งหลาย จงอย่ายึดติด

    ปล.ท่านอาจไม่เชื่อเด็กคนนี้ก็ได้ไม่ว่า แต่ท่านลองคิดแล้วท่านก็จะรู้เอง :VO
    ไม่ออกมาเขียน มันครั้นเนื้อครั้นตัว ต้องออกมาช่วยหน่อย 555


     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    มาหาคำตอบให้กับตนเองดีกว่าไหม๊?​


    แทนที่เราจะไปถาม ไปตั้งถามกับผู้อื่นใดๆก็ตาม
    เพราะในโลกนี้ ไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง นอกจากตนเองตอบตนเอง
    แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วเราจะตามหาคำตอบนั้นมาจากที่ไหน ในเมื่อทุกวันนี้
    เราก็ตอบตนเองไม่ได้กันอยู่แล้ว ถึงได้ถามแต่คนอื่นๆเขา
    ก็เพราะเราเองนั่นแหล่ะ! ที่ไม่รู้จักมาเรียนรู้จิตตนเอง
    ท่านรู้ไหมว่า ร่างกายคนเรานั้น อะไรสำคัญที่สุด
    (คำตอบก็คือ...จิตใจของเรา)
    เห็นมั๊ย! ทุกคนก็ตอบได้
    ใช่ถูกต้องแล้ว

    ในเมื่อทุกท่านตอบว่าจิต หรือจิตใจสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
    และอยู่ใกล้ตัวที่สุด
    แต่เหตุไฉน คนส่วนใหญ่ใยกลับไปสนใจ ไปเรียนรู้ ไปให้ความสำคัญกับสิ่งอื่น
    ที่ไม่ใช่จิตใจของเรา
    แต่พวกเรากลับไปให้ความสำคัญกับ สิ่งภายนอกมากกว่าภายใน

    และผลที่ได้รับกันทุกวันนี้ ก็คือ ทุกข์
    ทุกข์ธรรมดา ไปจนถึงทุกข์มาก และรับทุกข์มาก จนพวกพวกเราก็อดทนกันไม่ไหว
    แต่มนุษย์นั้น เมื่อมีความกดดันกันมากเข้า ก็มักจะหาทางออกเสมอ
    แต่ทางออกนั้น อาจจะออกมาดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับคนๆนั้น
    มีสติกันมากน้อยเพียงใด

    แต่ไม่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ที่ มีสติปัญญาดี
    แต่กลับน่าเป็นห่วงผู้ที่ ไม่มีสติกันนี่สิ! ส่วนปัญญาไม่ต้องพูดถึง อาจจะไม่มีกันเลย

    เพราะฉะนั้นทางออกของคนนั้น จึงต่างกัน
    ผู้ที่พอจะมีสติปัญญาเหลืออยู่บ้าง ทางออกมักจะออกมาดี เช่น หันหน้าเข้าหาธรรม
    แต่ที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ที่มีสติน้อยนิด ทางออกส่วนใหญ่มักจะออกมาไม่ดีเลย
    เช่น หันไปพึ่งยาเสพติด หันไปพึ่งสุราเมรัย หันไปคบเพื่อนที่ไปทางอบายมุข และทั้งหลายเหล่านี้ มีหนทางแต่ความมืดมิด หรือดับสนิท คือ
    หาความสว่างไม่พบ หาความสุขก็ไม่เจอ
    แต่ถ้ายังมีลมหายใจก็ทุกข์แทบตาย แต่ยิ่งถ้าตายไปแล้ว ก็หลงยิ่งหนักกันไปใหญ่
    แลจุติของจิต(ที่ไปของจิต) ก็คือ ทุคติภูมิ หรืออบายภูมิ นรกภูมิอย่างแน่นอน
    สำหรับทางนี้ ผู้เขียนไม่อยากให้พวกเราไป
    แต่นับเป็นความโชคดีที่คนเข้ามาที่กระทู้นี้กัน อาจจะเป็นเพราะบุญนำพาเจ้ามาพบกัน มาเจอกันที่นี่
    เพราะที่นี่จึงถือได้ว่า พวกเรามาชวนกันกระทำความดี ชวนกันทำภาวนา ชวนกันมาสร้างบุญใหญ่ คือบุญภายในของท่านเอง
    และพวกเราในกระทู้นี้กัน คนส่วนใหญ่ต่างก็ยังไม่เคยพบเห็นหน้ากัน หรือตัวเป็นๆก็ยังไม่เคยเห็นกัน แต่พวกเราก็ยินดีช่วยกันยกจิตกัน พัฒนาจิตใจให้สูงยิ่งๆขึ้นไป
    ที่นี่นั้น จึงมีแต่คำว่า ให้ และก็ให้ และให้เท่านั้นที่พวกเราอยากให้
    ให้ความรัก ความเมตตากัน แบ่งปันความสุข แบ่งกันปันธรรมะ แก้ไขสิ่งที่ตนเองยังบกพร่อง ช่วยกันแก้ไขโดยเฉพาะจิต ที่ยังขาด และเติมเต็มให้กันและกัน
    โดยเฉพาะเติมเ็ต็มกับคำว่า กำลังใจ หรือบุญ บารมี การบำเพ็ญเพียร
    และแนะนำหนทาง ความถูกต้อง โดยเฉพาะธรรมปฎิบัติ
    โดยเฉพาะเน้นเรื่องการเดินทางของจิต หรือการดูจิต การเข้าไปให้ถึงจิต กระแสจิตของตนเอง
    ตรงนี้ จึงถือว่าเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญที่สุด ในทุกขั้นทุกตอนของการปฎิบัติ

    การเดินทางของจิตนั้น คนส่วนใหญ่มักทำกันไม่ได้ หรือทำได้ แต่ก็ขาดความต่อเนื่อง
    เหตุผลอาจจะมาจากหลายๆสาเหตุ และรวมไปจนถึงเหตุผลของมนุษย์เยอะมาก
    อันได้แก่ ภาระหน้าที่ต่างๆ เวลาไม่อำนวย หรือวาระกรรมยังไม่มาถึง เป็นต้น

    สำหรับผู้ที่มาพบกันในนี้ พวกเราอย่าเสียโอกาส อย่าปิดกั้นตนเอง โดยความลังเลและสงสัยของตน
    เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสตร์ว่าด้วยปัญญา และเหตุผล
    ผู้ปฎิบัติเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่พิสูจน์เอง โดยการลงมือปฎิบัติเอง
    และตัวท่านเท่านั้นที่จะรู้เอง เห็นเอง ชอบเอง เพราะเป็นปัจจัตตัง เป็นเรื่องเฉพาะตน

    ที่นี่
    ที่นี่ มีคำตอบให้กับทุกๆท่าน
    ที่นี่
    ที่นี่ มีครูพร้อมที่จะให้ความกระจ่าง ความรู้แจ้งไปพร้อมกับท่าน
    คุณพร้อมหรือยัง?
    แต่ครูทุกท่านที่นี่ พร้อมแล้ว...
    ที่นี่
    ครูทุกท่านใจดี มีความรัก ความเมตตาให้กับพวกเราได้มาสัมผัสกัน
    ครูที่นี่มีความเมตตา มีความเข้าใจ และพร้อมให้อภัยกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเรา
    ครูที่นี่
    เข้าใจดวงจิตของตนเองดีที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว จึงสามารถเข้าใจทุกๆดวงจิต เช่นกัน

    ขออนุโมทนาสาธุกับดวงจิตอันบริสุทธิ์ของครูทุกๆท่านที่กำลังสอนสั่งพวกเราในนี้
    แต่ถ้าเป็นสายบุญเดียวกัน มีความสัมพันธ์เดียวกันมาก่อน หรือจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

    ที่นี่
    ครูพร้อมนำพาดวงจิตของท่านเข้าสู่ความนิ่ง ความสงบแห่งจิต

    และท้ายที่สุด พวกเราจะนำพาทุกๆดวงจิตขึ้นสู่ข้างบนโน้น
    หรือพระนิพพาน ตามที่ท่านปรารถนา ทุกประการกันด้วยเทอญ...


    ปล. การปฎิบัติธรรม การทำจิตเกาะพระนั้น
    มีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อพ้นทุกข์ เพื่อความหลุดพ้น
    ซึ่งจะถือเป็นหัวใจในการปฎิบัติ ว่าด้วยเรื่องละกิเลสกิเลสหยาบ กลาง ละเอียด
    ขอให้ผู้ปฎิบัติ นำมาซึ่งความลังเล ความสงสัยของตนเองกันด้วยเถิด

    โดยเฉพาะผู้ทำสำเร็จเรื่อง จิตเกาะพระนั้น
    ทุกท่านก็คงจะทราบกันดี และมีคำตอบของตนเป็นที่สุดกันแล้ว
    เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง หรือเห็นการพัฒนาจิตใจของตนเองไปในทิศทางที่ดี ที่ถูกต้อง หรือดูที่จิตใจของตนเองสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนกัน หรือไม่
    พวกเขาที่ทำสำเร็จกันแล้ว พวกเขามีคำตอบให้กับตนเองและผู้อื่นได้ด้วย
     
  19. natthapatpun

    natthapatpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +25,214

    โมทนา สาธุ กับน้องนอร์ท
    ในที่สุดท่านก็ทนนิ่งดูดายอยู่ไม่ได้
    เพราะจิตเมตตานี้ไม่มีประมาณ
    เห็นใครทุกข์เราต้องเข้าไปปลอบใจ
    ด้วยการให้ธรรมะที่กลั่นกรองร้อยเรียงมาดีแล้วจากจิตบุญ

    สงสัยงานนี้พี่ภูได้เพื่อนนักเทศน์รุ่นใหม่ไฟแรงอีกแล้ว
    ซ้อมไว้ลูกนอร์ทอีกหน่อยลูกจาได้เดี่ยวไมโครโฟน 555

    ลูกหว้า ลูกนัทกับลูกฟ้าก็มาซ้อมจิตซ้อมธรรมกันบ่อย ๆ นะลูก
    ไปส่งธรรมะที่เวปจิตเกาะพระบ้างก็ได้
    ที่นั่นก็มีคนเข้าไปอ่านเยอะมากกกกกกกกกกกกก

    ปัญญานี้เปรียบดังมีดที่คมอยู่ในฝัก
    ไม่หมั่นนำออกมาลับความคมก็อาจกลายเป็นความฝืดได้
    เพราะรู้ว่ามีดีในคมฝักแต่ชักออกจากฝักไม่ได้เพราะฝักมันฝืด 555
    มาม๊ะเรามาเติมธรรมะให้โลกสวยด้วยจิตบุญ
    เมตตานะเมตตา
    ขอให้มีเมตตาในจิตให้มาก ๆ ^^
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หวัดดีครับลูกกุ้ง-หอย-ปู-ปลา
    เอ๊ย!น้องกุ้งมังกร lobster
    พี่ภูเห็นคนดี คนเก่งจะต้องชม แต่เห็นคนไม่ดี พี่ภูก็นำจิตตนเอง เข้าอุเบกขาญาณทันทีเหมือนกัน

    โอ้โห! ลูกใครหว๋า ตัวแค่นี้แสดงธรรมไพด้แล้ว
    นึกแล้วเชียวต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
    พี่ภูโปรดเฉพาะตรงที่บอกว่า
    "ไม่ออกมาเขียน มันครั้นเนื้อครั้นตัว ต้องออกมาช่วยหน่อย"

    ถูกใจเจงๆ ถูกใจลุงภู ถูกใจป้าเพ็ญ
    ดีหล่ะต่างเราก็เป็นนักเทศน์ครั้นเนื้อครั้นตัวเหมือนๆกัน ฮ่าๆ
    แสดงว่าต่อมตาน้ำธรรมะมันผุดแล้ว เมื่อผุดแล้วก็นำมาแสดงให้กันฟังนะ
    ผิดถูกไม่ว่ากัน ที่นี่คือ ที่ลับมีด ลับปัญญากัน
    ไม่รู้จักคำว่าผิดแล้ว เราจะไปรู้คำว่าถูกนั้น มันคืออะไรเล่า

    ป้าเพ็ญหัวเราะชอบใจใหญ่ อ้าปากค้างยังไม่หุบเลย
    เอิ๊กๆ

     

แชร์หน้านี้

Loading...