ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ตอน 4

 

ตอน 5. จบ....

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: Fri- Sat September 25-26, 2015 : "The Journey Home Channelling" , "The Missing Element"

 

เป็นเวลาหลายปีที่ได้ติดตามข้อความต่างมิติเหล่านี้
และรู้สึกว่า มีหลายข้อความที่ถึงแม้จะผ่านมาแล้วเป็นเดือนปีก็ตาม
แต่บางข้อความมันก็ยังคงใหม่และทันต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับใครบางคนได้เสมอ ๆ ....
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเลื่อนระดับจิตในระดับเดียวกันพร้อมๆกันและในเวลาเดียวกันได้เป็นแน่....

จึงขอแนะนำและเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจ
หรือผู้ที่สังเกตุได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนในปรากฏการณ์ที่ผ่านมา
ได้อ่านข้อความของ มิคาเอล (Archangel Michael)
เรื่อง: การเพิ่มพลังอำนาจในการเนรมิตของพวกคุณเอง "...
ที่คุณชยุตได้แปลไว้เมื่อ สิงหาคม 2014 ที่คุณ anuntun ได้โพสท์ไว้ก่อนโพสท์นี้ ....
ซึ่งอาจเกิดประโยชน์ต่อท่านก็เป็นได้....

ด้วยความปรารถนาดี....
อจิตตะ....

 

Suzanne Lie: The Arcturians – The Journey
May 25, 2015 by Andrew Eardley
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/
แปล : Ajita


image from internet
:ตอนที่ 1

อาร์ทูเรี่ยนที่รัก.....
ช่วยบอกเราหน่อยได้ไม๊ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?

คุณคุณที่รัก.....
เราจะตอบคำถามของทุกท่านที่อ่านข้อความนี้......
....ใช่ละ....มีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นกับคุณทุกคน
และกับผู้คนที่กำลังได้รับคลื่นความถี่ที่สูงกว่าวิ่งตรงสู่กายเนื้อ
ด้วยพลังงานที่แปลกไปจากแค่การปฏิบัติการในการปรับเปลี่ยนรูป
หรือคุณอาจจะพูดว่า ระบบปกป้องพลังงานที่ต่ำกว่า
ที่ล้อมรอบตัวคุณอยู่นั้นมันกำลังลดน้อยถอยลงไปแล้วก็ย่อมได้....
ซึ่งก็ไม่มีใครรู้เรื่องการปกป้องพลังงานที่ต่ำกว่านี้เลยนะ
ทั้งที่มันเป็นธรรมชาติที่เป็นส่วนประกอบหนึ่งทางกายภาพของคุณ.....

ซึ่งการปรับเปลี่ยนสรีระในทางกายภาพของคุณ
ด้วยคลื่นความถี่ของมิติที่ 3 ที่คุณรู้ดีนั้น
มันเป็นคลื่นความถี่ที่ไม่ได้สูงมากพอที่จะเรียกว่าเป็นพลังกายทิพย์ได้เลย
และเนื่องจากคุณได้สัมผัสและสร้างสัมพันธ์ภาพกับผู้คนส่วนใหญ่ผ่านการรับรู้ของโลก
และโลกก็ได้เลื่อนระดับขึ้นไปพร้อมๆไปกับคุณ
มันจึงทำให้คุณอาจยังเข้าไม่ถึงกับการเลื่อนระดับนี้

แต่ตอนนี้เป็นเวลาที่ ”พวกคุณ” ต้องเปลี่ยนแปลง
ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ พวกคุณ เท่านั้นนะ
แต่หมายถึง มนุษย์ทั้งหมดที่จะได้รับประสบการณ์นี้เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น....ประสบการณ์ที่พวกคุณทุกคนจะได้รับณ.ขณะนี้
มันก็จะไม่เป็นแบบเดิมๆเหมือนที่ผ่านมาแล้วนะ
ซึ่งเรื่องนี้พวกเราก็ได้พูดคุยกับเหล่าอาสาสมัคร
ที่ได้ยอมมอบกายเพื่อช่วยเหลือไกอามาตั้งแต่ต้นแล้ว....

......คุณ....ซึ่งเป็นอาสาสมัครของเราที่ห่อหุ้มกายเนื้อ
ที่ประกอบไปด้วยเหล่าธาตุเดียวกันกับไกอา
และที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคุณได้อาสา
ที่จะมาอยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับไกอาบนโลกใบนี้
ดังนั้น....ในขณะที่คุณมีการปรับเปลี่ยนธาตุทั้งหลายของกายเนื้อคุณไปสู่คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น
นั่นก็เท่ากับคุณได้ช่วยโลกของไกอาให้มีคลื่นความถี่ที่สูงขึ้นไปด้วย.........

และในเวลาเดียวกัน...ในขณะที่ไกอากำลังมีการปรับเปลี่ยนอยู่นั้น
โลกของไกอาก็จะเข้าสู่คลื่นความถี่ที่สูงขึ้น
คุณก็จะได้รับการจัดตำแหน่งให้เข้าอยู่ร่วมกับคลื่นความถี่ที่สูงขึ้นของโลกด้วยเช่นกัน

ดังนั้น...หากคุณยินยอมให้คลื่นความถี่เหล่านี้ได้ปรับเปลี่ยนกายเนื้อของพวกคุณ
ก็เท่ากับคุณจะได้เป็นส่วนหนึ่งของไกอา
และเมื่อใดที่ไกอาได้ปรับเปลี่ยนสู่คลื่นความถี่ที่สุงขึ้น
ก็เท่ากับคุณได้ร่วมในการเลื่อนระดับพร้อมๆกับไกอาด้วยเช่นกัน......

ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่อาจช้าไปบ้างในระยะแรกๆ
กับการเคลื่อนย้ายหินที่ปักหลักอยู่นานแสนนานให้เคลื่อนออกจากพื้นที่
(หิน....หมายถึงสารพัดกิเลส ตัณหาที่สะสมไว้นาน=ผู้แปล)
และจุดเริ่มต้นที่ทำให้ช้าก็ที่โมเมนตั้มของกายเนื้อคุณ
ที่ต้องมีการปรับให้เข้ากับแกนกลางของคลื่นความถี่
และที่เราเรียกว่า “แกนกลางของคลื่นความถี่” ก็เพราะการเลื่อนระดับนี้
มันเริ่มต้นจากภายในแกนกลางของกระดูกสันหลัง
และค่อยๆขยายออกสู่ผิวรอบนอกของร่างกายคุณ....

 

Suzanne Lie: The Arcturians – The Journey
May 25, 2015 by Andrew Eardley
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/
แปล : Ajita


image from internet
:ตอนที่ 2

ซึ่งก็มีพวกคุณหลายคนที่รู้สึกได้ว่า
กุณฑลินีได้ตื่นภายในแกนกลางกระดูกสันหลังอยู่บ้างเล็กน้อย
เพราะความรู้สึกในการสัมผัสที่มีต่อกระดูกสันหลังนี้ได้เริ่มต้นขยับขึ้นลงแล้ว
แต่สมองที่ยังเป็นมิติที่ 3 ของคุณมันยังไม่ยอมปรับให้เข้ากับข้อมูลที่ได้รับนี้

แต่หากคุณได้ขยายความตระหนักรู้ของคุณไปสู่คลื่น อัลฟ่า
หรือ ความตระหนักรู้ในมิติที่ 4
คุณก็จะรับรู้และมีความรู้สึกที่สัมผัสได้
กับอาการสั่นสะท้าน ซ่าๆ หรือ วูบวาบ ทั่วทั้งตัว
ร่วมกับเสียงดังหึ่งๆในหูที่จะดังขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน

ซึ่งสาเหตุของการเกิดเสียงหึ่งๆนี้ก็เพราะสมองมิติที่3ของคุณ
ไม่สามารถแปลงเสียงของมิติที่สูงกว่าออกมาได้
ตัวอย่างเช่น.... คุณอาจได้ยินข้อความที่มากับคลื่นความถี่ 8,000 เฮิรตซ์
แต่เนื่องจากมันไม่ได้มาเป็นเสียง
การได้ยินของมิติที่ 3 มันจึงได้ยินคลื่นความถี่นี้แค่เพียงเสียงหึ่งๆ
ซึ่ง ณ .เวลานี้ก็มีเด็กที่เกิดใหม่จำนวนมาก
ที่มาพร้อมกับความสามารถในการรับคลื่นความถี่สูงนี้
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถตระหนักรู้กับสิ่งที่พวกเขาได้รับรู้ได้

ส่วนหูของคนรุ่นเก่าส่วนใหญ่จะสามารถปรับการได้ยินของเสียง
จากแกนกลางของคลื่นความถี่ได้เพียง 500 เฮริตซ์ ถึง 4,000 เฮริตซ์ เท่านั้น
ซึ่งการเคลื่อนตัวขึ้นลงของคลื่นความถี่ทางกายภาพของคุณ
ก็จะได้ยินแต่เสียงหึ่ง ๆ ของคลื่นความถี่ที่สูงกว่าเท่านั้น
และความรู้สึกที่กายเนื้อที่ต่ำก็ย่อมจะรับได้แต่คลื่นความถี่ที่ต่ำเช่นกัน

ซึ่งมันก็เหมือนกับการมองเห็นของกายเนื้อคุณ
ที่หากคุณได้ยินเสียงจากแกนนี้ในระดับกลาง
การมองเห็นที่คุณรับรู้ได้จากแกนก็เป็นระดับกลางด้วยเช่นกัน
ซึ่งในเวลานี้ภายในตัวตนที่สูงกว่าของคุณ
ก็กำลังพยายามช่วยปรับการรับรู้ของคุณ
ด้วยการปรับความตระหนักรู้ของคุณขึ้นมา

เพราะการรับรู้ทั้งหมดทั้งมวลมันขึ้นอยู่กับสภาวะความตระหนักรู้ของคุณ
ซึ่งหากความตระหนักรู้ของคุณตรงกับคลื่น เบต้า
คุณก็จะสามารถรับรู้เพียงแค่มิติที่สามเท่านั้น....

แต่เมื่อใดที่ความตระหนักรู้ของคุณตรงกับคลื่น อัลฟ่า
คุณก็จะรับรู้โลกแห่งมิติที่ 4
แต่นั่นต้องในขณะที่คุณปลดล๊อคการรับรู้จากมิติที่ 3 เท่านั้นนะ
(เช่นในเวลาที่คุณหลับตา)
เพราะการเกิดใหม่ของคุณแต่ละครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่ยุคล่มสลายของแอตแลนตีส
คุณได้ถูกสอนให้เชื่อว่าความจริงที่รับรู้ได้นั้นมีอยู่เพียงแค่มิติที่ 3 ของคุณเท่านั้น

ซึ่งในช่วงที่แอตแลนตีสรุ่งเรืองและก่อนหน้านั้น
มีระดับของคลื่นความถี่ที่สูงกว่ามาก
จึงทำให้ผู้คนในยุคนั้นใช้ชีวิตประจำวันด้วยการรับรู้ร่วมกับมิติที่4 ได้อย่างง่ายดาย
แต่หลังจากที่ไกอาตกอยู่ในสภาวะใกล้ถูกทำลาย
จากการล่มสลายของเลมูเลียและตามมาด้วยแอตแลนตีสอีก
คลื่นความถี่ของโลกจึงตกลงมาเหลือเพียงแค่มิติที่ 3

และตั้งแต่นั้นมา ผู้คนส่วนใหญ่จึงรับรู้มิติที่ 4 ได้ด้วยการเข้าสู่ภวังค์
ขณะหลับ หรือระหว่างทำสมาธิเท่านั้น
ซึ่งสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับการรับรู้นี้
ก็ด้วยเหตุที่ว่า “ ไม่ว่าการปฏิบัติของพวกเขาจะอยู่ในรูปแบบของความเป็นจริงใดใดก็ตาม
มันก็เท่ากับไปจัดวางความตระหนักรู้ให้เป็นไปตามคลื่นความถี่ของความเป็นจริงนั้นๆ”
ตัวอย่างเช่น....โลกเลื่อนระดับไปถึงมิติที่ 5 แล้ว
ดังนั้น คุณจะรับรู้ในมิติที่ 5 ร่วมกับโลกได้
ก็ต่อเมื่อความตระหนักรู้ของคุณได้ปรับไปถึงมิติที่ 5 แล้วเท่านั้น.....

 

Suzanne Lie: The Arcturians – The Journey
May 25, 2015 by Andrew Eardley
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/
แปล : Ajita


image from internet
:ตอนที่ 3

แต่อย่างไรก็ตาม....ในขณะที่กลุ่มของความตระหนักรู้บนโลกมีกำลังสูงขึ้น
พวกคุณหลายคนก็เริ่มที่จะรับรู้มิติที่ 5 ของโลกได้ในขณะที่คุณทำสมาธิ....
แต่ในขณะที่คุณกำลังอาศัยอยู่ในร่างของมิติที่ 3
คุณก็จะรับรู้มิติที่ 5 ได้ก็ต่อเมื่อมีการปรับคลื่นความถี่ให้ตรงกับมิติที่ 5 เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น….อีกสาเหตุหนึ่งก็มาจากอุปนิสัยความเคยชิน และความเชื่อของคุณที่ว่า
“มีเพียงโลกทางกายภาพเท่านั้นที่มันจริง”
สมองที่เป็นมิติที่ 3 ของคุณมันจึงแปลงความหมายมิติที่ 5 ของโลก
ที่คุณสัมผัสได้ออกไปทางความฝันหรือที่จินตนาการ

และนี่ก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ท้าทายที่สุดของการเลื่อนระดับของคุณ
นั่นก็คือการละเลยสัญญาณที่สมองส่งมา
แต่กลับไปให้ความสนใจกับสัญญาณที่ส่งมาจากความตระหนักรู้หลากมิติเข้าให้
และที่ยากก็ตรงที่คุณไม่สามารถมองเห็นความหลากมิติของความตระหนักรู้ของคุณได้นะซิ
เพราะคลื่นความถี่ที่ต่ำย่อมไม่สามารถที่จะรับรู้คลื่นความถี่ที่สูงกว่าไปได้เลย
ซึ่งก็เหมือนที่คุณก็ไม่สามารถมองเห็นสมองของคุณได้
เพราะมันถูกห่อหุ้มด้วยกระโหลกศรีษะของคุณ
แต่คุณก็รู้ว่าสมองมันคือส่วนหนึ่งของความจริงที่ทุกคนต้องมีและจะตายทันทีที่ไม่มีมัน
ดังนั้น....ทุกคนจึงเชื่อว่าพวกเขามีสมอง
ทั้งที่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นสมอง (ของตัวเอง=ผู้แปล) เหมือนกัน

ในทางกลับกัน .... สมองของมิติที่ 3กลับไม่ใช่ส่วนที่
สอดคล้องกับความเป็นจริงของผู้ที่มีความตระหนักรู้หลากมิติ
แต่เนื่องจากมิติที่สูงกว่าสามารถรับรู้ได้ในระดับเดียวกันหรือระดับที่ต่ำกว่า
คุณจึงสามารถรับรู้ในความหลากมิติของคุณโดยผ่านการรับรู้ในมิติที่ 5 ได้
และตัวตนในมิติที่ 5 ของคุณก็ยังสามารถมองผ่านกระโหลกศรีษะ
เข้าไปดูสมองของมิติที่ 3 ของคุณได้
เพราะมันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับตัวตนของมิติที่ 5
ที่จะรับรู้ตัวตนของมิติที่ 3 ของคุณทั้งหมด

....แต่ปัญหามันอยู่ที่ตัวตนของคุณเองต่างหากที่ไม่สามารถรับรู้ตัวตนในมิติที่ 5 ได้…..

แต่หากคุณมีความฝันในมิติที่สูงกว่าหรือมีความตระหนักรู้
ที่ได้ขยายจากการทำสมาธิของคุณไปสู่มิติที่ 5 ได้
คุณก็จะสามารถรับรู้ถึงกายแสงสว่างของมิติที่ 5 ได้เช่นกัน
ซึ่งก็ยังโชคดี….ที่ความตระหนักรู้มันสามารถขยายได้มากกว่ากายเนื้อ
เมื่อขณะคุณหลับหรืออยู่ในภวังค์ของสมาธิในระดับลึก

ส่วนประโยชน์ของการทำสมาธิก็คือการได้เรียบเรียง
ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างที่ทำสมาธิ
หรือหลังจากที่คุณกลับสู่โหมดของความตระหนักรู้ในมิติที่ 3 ได้ไม่นาน
ดังนั้น….ไม่ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณได้หลงลืมไปบ้าง
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่ในสภาวะที่สูงกว่าของการทำสมาธิ
แต่คุณก็ยังคงมี “หลักฐาน” กับสิ่งที่คุณได้สัมผัส
ซึ่งก็เป็นตัวช่วยเหลือที่ดีมาก
ที่จะทำให้คุณสามารถเรียบเรียงความฝันของคุณได้
แต่ถึงอย่างไรคุณก็ต้องตื่นหลังจากที่คุณฝัน
หรือไม่ก็ลืมฝันนั้นเมื่อสมองของมิติที่ 3 ของคุณได้ไปโฟกัสกับโลกที่คุณอยู่ซะแล้ว....

ที่ผ่านมา ตาม“กาลเวลา” ของคุณ ได้มีนักพยากรณ์มากมาย
ที่ประกาศตัวว่าสามารถรับรู้โลกในระดับที่สูงกว่าได้
แต่น่าเสียดาย ที่”กาลเวลา”ที่ว่านั้น
ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงของการล่มสลายของแอตแลนติสกับเวลาในปัจจุบันของคุณ
ซึ่งคนทั้งหลายต่างก็ไม่เชื่อว่าผู้คนเหล่านี้มีจริง
จึงทำให้ผู้คนที่สัมผัสกับความตระหนักรู้ในมิติที่สูงกว่า
ถูกกล่าวหาไปในทางเสื่อมเสียและมักจะถูกลงโทษหรือไม่ก็ถูกฆ่า
เพราะหลังจากการล่มสลายของแอตแลนด์ตีส
โลกก็ได้ถูกพวกฝ่ายมืดยึดครองมานานแสนนาน
และเพราะพวกเขามีความตระหนักรู้ที่ต่ำมาก พวกเขาจึงรับรู้ได้แค่มิติที่ 3

และเมื่อเป็นเช่นนั้น....ใครที่สามารถรับรู้ในสิ่งที่ฝ่ายมืดรับรู้ไม่ได้
ผู้นั้นก็จะถูกริดรอนและถูกสอบสวน และหนักไปกว่านั้น....
พวกฝ่ายมืดยังจะประกาศว่า พลังของพวกนักพยากรณ์ทั้งหลายคือ “ปีศาจ”
ซึ่งก็น่าสนใจอยู่นะ....ที่”ปีศาจ” ที่ฝ่ายมืดประกาศมานี้
ก็มีแต่พวกฝ่ายมืดเท่านั้นแหละที่เห็นว่ามันเป็นปีศาจ ทั้งยังนำไปบูชาอีกซะด้วย ......

ส่วนพิธีบูชาเทพต่าง ๆ ของพวกฝ่ายมืดก็มาจากดาวที่มีมิติที่ต่ำกว่า
ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะดูแคลนผู้ที่อยู่มิติที่สูงกว่า
ที่สามารถทำในสิ่งที่เกินกว่าที่พวกเขาทำได้
ทั้งสิ่งมีชีวิตในระดับต่ำกว่าเหล่านี้ก็ยังสามารถรับรู้ได้ด้วย
ว่าใครเป็นพวกฝ่ายมืดในมิติที่ 3 ที่พวกเขาสามารถที่จะรวมตัวจัดตั้งเป็นกองกำลังได้...........

 

Suzanne Lie: The Arcturians – The Journey
May 25, 2015 by Andrew Eardley
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/
แปล : Ajita


image from internet
:ตอนที่ 4
และเมื่อมนุษย์ฝ่ายมืดยินยอมให้สิ่งมีชีวิตจากดาวทีมีมิติที่ต่ำกว่า
ได้ยึดครองความตระหนักรู้ของพวกเขา
มนุษย์ฝ่ายมืดก็จะได้รับ”อำนาจที่อยู่เหนือผู้อื่น”
และร่วมมือกับสิ่งมีชีวิตจากดาวทีมีมิติที่ต่ำกว่า.....

พวกเขาได้เผาทำลายวัตถุสิ่งของต่างๆด้วยความคิดของพวกเขา
โลกในทางกายภาพจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ซึ่งยังส่งผลต่อจิตใจของมนุษย์อื่นๆที่บูชาใน”อำนาจที่อยู่เหนือผู้อื่น”นี้อีกด้วย
และเจ้าสิ่งมีชีวิตจากดาวพรรค์นี้ที่ “ยังไม่ตาย”
มันก็ยังสามารถเข้าไปฝังตัวอยู่ในกายเนื้อและในจิตสำนึกของมนุษย์ที่รับรู้และยอมรับ
ที่จะรวมตัวกับสนามพลังงานที่ต่ำกว่าของมัน
ซึ่งเจ้าสิ่งมีชีวิตจากดาวทีมีมิติที่ต่ำกว่านี้สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์
ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับมนุษย์ฝ่ายมืดได้
ทั้งยังบอกข้อมูลเกี่ยวกับโลกทางกายภาพให้พวกเขาอีกด้วย....

และที่มนุษย์ฝ่ายมืดยอมบูชา
ทั้งยังยอมให้สิ่งมีชีวิตจากดาวที่ที่มีมิติต่ำกว่ามีอำนาจเหนือพวกเขาได้
ก็เพราะมนุษย์ต้องการมี “อำนาจที่อยู่เหนือผู้อื่น”.....
ซึ่งไม่มีใครรู้ความจริงเลยว่า นั่นเป็นเพียงแพคเกจของการพัฒนา
ในการใช้พลังงานในระดับต้นๆของมิติที่ 3 เท่านั้น
พวกมนุษย์ฝ่ายมืดไม่รู้ว่า หากไม่มีใครรับแพคเกจนี้ละก็
แพคเกจเหล่านี้ก็จะ “ตาย” ไปเอง....

แต่สิ่งที่มนุษย์ฝ่ายมืดรู้คือ หากบูชาเจ้าสิ่งมีชีวิตจากดาวทีมีมิติที่ต่ำกว่านี้
พวกเขาจะได้เงินทองและสามารถควบคุมโลกมิติที่ 3 นี้ได้
และเมื่อพวกมนุษย์ฝ่ายมืดที่มี “อำนาจเหนือผู้อื่น” ได้ตายไป
พวกเขาก็จะไปรวมกลุ่มกับฝ่ายมืดในที่มีแต่ความโหดร้ายในทุกรูปแบบ
ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวที่มีมิติต่ำกว่า
มันก็จะเข้ามาอยู่ร่วมกับคลื่นความถี่ในชั้นต่ำสุดของกายทิพย์ไกอาด้วย
ซึ่งพอผ่านไปหลายๆยุคเข้า
ความโหดร้าย สงคราม ความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด
ก็ได้ทำให้สนามพลังที่ต่ำกว่าของไกอาเต็มไปด้วยความโหดร้ายของพวกนี้....

ดังนั้น ก็ขอให้รู้ไว้ว่า สิ่งมีชีวิตที่มาจากดาวมิติที่ต่ำกว่า
มันไม่ได้เอาปีศาจที่สร้างจากพระเจ้ามาให้หรอกนะ
แต่ “ปีศาจ” ที่ว่านั่น มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น
ซึ่งผู้คุ้มกฏของฝ่ายมืดก็ได้บอกพวกที่ไม่ได้รับการศึกษาและผู้ที่อ่อนแอว่า
พระเจ้าเป็นผู้สร้างปีศาจเหล่านี้
และจะนำอันตรายมาสู่พวกเขาและครอบครัวพวกเขาหากไม่ปฏิบัติตามพวกฝ่ายมืด
และเมื่อผู้คุ้มกฏเหล่านี้ได้มาเป็นผู้นำในชุมชนหรือแม้กระทั่งคริสตจักรของพวกเขา
ผู้คนก็เริ่มเชื่อว่าการมี “อำนาจเหนือผู้อื่น” คือเส้นทางที่จะนำไปสู่ความเป็นผู้นำ.....

ดังนั้น....สิ่งที่กำลังเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้
มันเหมือนกับลูกตุ้มที่เริ่มแกว่งจากขั้วของความมืดไปสู่ขั้วของแสงสว่าง
ซึ่งจะยากก็ตรงที่ ความเป็นจริงในขั้วของมิติที่ 3
ที่สะสมมานานแสนนานด้วยกาลเวลานั้นมันยังคงเหลืออยู่มาก
แต่ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือ
ขั้วแห่งความเป็นจริงของมิติที่ 3 นี้ จะเหวี่ยงกลับไปสู่แสงสว่างในที่สุด
ซึ่งจุดเปลี่ยนนี้ได้เริ่มต้นเมื่อสิงหาคม 1987 ด้วยคลื่นความถี่ที่มาบรรจบกัน

....แล้ว"ทำไมการบรรจบของคลื่นความถี่
จึงได้กลายมาเป็นเหตุผลหลักของจุดหักเหน่ะหรือ ?”....

....นั่นเป็นเพราะมีมนุษย์จำนวนมากร่วมกันทำสมาธิด้วยความรัก
ทำให้สันติภาพและแสงสว่างที่พวกเขาได้สร้างขึ้น
นำความเปลี่ยนแปลงมาให้แก่โลกแห่งความเป็นจริงของมิติที่ 3 ได้เห็นน่ะซิ....

 

Suzanne Lie: The Arcturians – The Journey
May 25, 2015 by Andrew Eardley
http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/
แปล : Ajita


image from internet
:ตอนที่ 5 (จบ)

และกลุ่มคนที่เป็นฝ่ายบวกนี้ก็ได้นำรูปแบบของความคิด
ที่มาจากความรักที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาช่วยเปิดทาง
เพื่อให้ห่างจากการแบ่งแยกและกลับไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวของความตระหนักรู้ร่วมกัน
และกลุ่มสนามพลังงานเหล่านี้ก็ยังได้จุดประกายความหวังให้กับมวลมนุษยชาติ
ทั้งยังได้ทำเครื่องหมายของการเริ่มต้นให้กับฝ่ายมืดได้รู้ถึงวันตายของพวกเขา
ซึ่งพวกเรารู้ดีว่า นับแต่ทศวรรษหลังปลายปี 1980 ที่ผ่านมาจนกระทั่งขณะนี้
ดูเหมือนมันยังไม่จบสิ้นกับผู้ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่
โดยผ่านการโฆษณาชวนเชื่อว่า “ใครคือผู้ที่คุณควรเชื่อใจ”
....นี่เราจะบอกพวกเคุณนะว่า….

"ผู้ที่คุณควรไว้ใจมากที่สุด คือ "มิติที่สูงกว่าที่ปรากฏออกมาของคุณเอง"

ซึ่งมันก็เหมือนกับการทำสมาธิเพื่อความสงบที่คุณรู้ดีนั่นแหละ
แต่ก็โปรดอย่าลืมทำสมาธิร่วมกันด้วยมิติของตัวตนที่สูงกว่าของคุณล่ะ
แล้วตัวตนที่สูงกว่าของคุณก็จะเก็บหมุดที่คุณได้ตอกไว้ในมิติที่สูงกว่าเอาไว้
และคอยจัดหาคลื่นความถี่ที่ปลอดภัยให้คุณได้รู้สึกผ่อนคลาย
เพราะ ความโลภ ความมืด สงครามและคำพูดโกหกหลอกลวงทั้งหลาย
มันได้ครองโลกของคุณมานานมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนฉุนเฉียว ใจร้อน
และโปรดจำไว้ด้วยว่า การขาดความอดทนนั้น
มันเป็นรูปแบบของความกลัวที่จะทำให้จิตสำนึกของคุณต่ำลง
และเมื่อคุณจะรับรู้ความเป็นจริงก็ด้วยการสะท้อน
ของคลื่นความถี่ในสภาวะของความตระหนักรู้ของคุณ
ตัวตนที่สูงกว่าจึงต้องให้แน่ใจว่า
มันยังคงอยู่ที่ความตระหนักรู้ที่สูงกว่ามิติที่ 4 และมิติที่ 5 ของคุณขึ้นไป

ดังนั้น.... เมื่อใดที่คุณเผลอกลับไปสู่โหมดของความกลัวและความมืดของอดีตอีกละก็
ตัวตนที่สูงกว่าของคุณก็จะช่วยให้คุณยังคงเชื่อมโยงกับ “รักที่ไม่มีเงื่อนไข”
และแสงสว่างของหลากมิติในมิติที่สูงกว่าทันที......

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สิ่งที่คุณเชื่อคือสิ่งที่คุณรับรู้”.....
หากคุณเชื่อว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วย ความโกรธ เกลียด กลัว
สมองมิติที่ 3 ของคุณมันก็จะมองเห็นและเห็นด้วยกับความคิดของคุณ
และสมองของคุณก็จะเชื่อในสิ่งที่ความคิดของคุณบอกให้เชื่อ

ถ้าคุณเพียงแค่คิดว่า “ชีวิตนี้มันบัดซบ”
สมองมิติที่ 3 ของคุณก็จะมองหาสิ่งที่คุณเคยรับรู้มาพิสูจน์ความคิดนั้น
และในกรณีนี้ ความคิดและความตระหนักรู้ของคุณมันก็จะหา
ที่ที่เป็นโลกด้านมืดและน่ากลัวให้คุณได้เห็น......
แต่ในทางกลับกัน....ถ้าคุณเชื่อว่า “ชีวิตนี้มีแต่ความสวยงาม”
และโลกของคุณได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดในการสรรสร้างความเป็นจริงให้เกิดขึ้นทุกๆวัน
สมองก็จะบอกกับความตระหนักรู้ของคุณ
เพื่อมองหาโลกสวยและแสนดีให้คุณทุกๆวัน....

พวกเราหวังว่าทั้งหมดนี้มันพอจะช่วยให้คุณเข้าใจได้นะ ....
ว่าคุณเป็นผู้สร้างความเป็นจริงของคุณเองอย่างไร ?
และทั้งหมดนี้คุณก็สามารถตั้งไว้ในใจได้
แต่คุณจะรับรู้มันได้ก็ต่อเมื่อคุณเชื่อมัน
และเหนือไปกว่านั้น....ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งนั้นมีจริง
สมองมิติที่ 3 ของคุณหรือความตระหนักรู้หลากมิติของคุณ
ก็จะช่วยให้คุณสัมผัสได้ในสิ่งที่คุณไม่สามารถรับรู้ได้ ก่อนที่คุณจะเชื่อว่ามันมีจริง....

ยกตัวอย่าง: ไม่ว่าความคิดของคุณจะบอกคุณว่า
“ ชีวิตนี้ช่างสวยงาม” หรือ “ชีวิตนี้ช่างบัดซบ” ก็ตาม
สมองมิติที่ 3 ของคุณมันก็จะมองหาสิ่งที่มาพิสูจน์
ให้คุณได้เห็นว่าความคิดของคุณนั้นถูกต้อง
ซึ่งก็แน่นอนที่ในบางครั้งชีวิตก็แสนสวยงาม และบางครั้งก็บัดซบ
และความจริงทั้งสองนี้มันก็ยังคงอยู่ยั้งยืนยง
ควบคู่กันมานานนับล้านๆ ชาติแล้ว.....จริงไหม?

และทุกวันนี้คุณก็เหมือนอาศัยอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์
ที่สามารถซื้อความเป็นจริงได้มากมาย
ซึ่งในแต่ละความเป็นจริงก็ล้วนสะท้อนอยู่ในความตระหนักรู้
เมื่อคุณขึ้นลงด้วยลิฟท์ของห้างก็ต้องผ่านการเคลื่อนไหวของความตระหนักรู้
ดังนั้น....ถ้าคุณคิดจะซื้อความเป็นจริงของมิติที่ 5
คุณก็ต้องปรับความตระหนักรู้ของคุณไปที่มิติ 5 ซินะ......

หวังว่าคุณจะยังคงจำได้ ว่าเมื่อครั้งคุณ “เป็นหนึ่งเดียว” (ONE)
ร่วมกับตัวตนที่สูงกว่าของคุณ
และได้เลื่อกซื้อการผจญภัยในความเป็นจริงของมิติที่ 3 เอาไว้
และที่คุณได้เลือกการผจญภัยนี้…ก็เพราะคุณเชื่อว่าคุณจะช่วยไกอาได้

ดังนั้น….มันก็ยังคงมีอีกหลายภพชาติและอีกหลากหลายความผิดหวัง
ที่รอให้คุณได้เก็บเกี่ยวเพื่อไว้ตอบสนองภารกิจของคุณอยู่
แต่ก็ยังโชคดีอยู่นะ ที่ตอนนี้คุณได้เชื่อมโยงกับตัวตนในมิติที่สูงกว่าของคุณอีกครั้ง

“มันจึงทำให้คุณไม่ต้องยืนอยู่ชั้นใต้ดินและเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นบนอีกต่อไป “

และที่เยี่ยมยอดกว่านั้น…..
คุณอยู่ในปัจจุบันของความเป็น “หนึ่งเดียว “....
(YOU are in the NOW of the ONE)

ซึ่งนั่นจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้คุณได้ผ่านพ้นชีวิตที่เป็นเหมือนเขาวงกต
และเลื่อนระดับให้อยู่เหนือมายาของมิติที่ 3 ไปได้……

ขอให้คุณทุกคนโชคดี
พวกเราอยู่กับคุณเสมอ
The Arcturians and your Galactic Family

 

ขอขอบคุณที่กรุณาแปล ให้ได้อ่านค่ะ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุดค่ะ และทำให้เข้าใจอีก
หลายสิ่งค่ะ

 

"ผลงานวิจัยชี้ว่าสารในเปลือกมะเขือเทศดิบและเปลือกแอปเปิ้ล
สามารถช่วยหยุดยั้งกระบวนการสูญเสียกล้ามเนื้อได้"


(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


ทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยไอโอวา (University of Iowa) ซึ่งนำทีมโดย
ดร. Christopher Adams ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอายุรกรรม
ได้ทำการศึกษาวิจัยและค้นพบว่า สารประกอบที่อยู่ในลูกแอปเปิ้ล และมะเขือเทศดิบ
โดยเฉพาะที่ส่วนเปลือกของพวกมัน ที่มีชื่อว่า ursolic acid และ tomatidine ตามลำดับ
สามารถหยุดยั้งการทำงานของโปรตีน ATF4 ซึ่งเป็นสาเหตุของกระบวนการเกิดอาการกล้ามเนื้อลีบ
และการอ่อนล้าอันเนื่องมาจากการสูญเสียกล้ามเนื้อได้ แม้ว่าในเบื้องต้นนี้
จะเป็นการค้นพบในห้องทดลองที่ทำกับสัตว์ทดลองก็ตาม
ซึ่งผลงานวิจัยชิ้นนี้ได้ถูกเผยแพร่ในวารสาร Journal of Biological Chemistry

โดยปกติแล้วกล้ามเนื้อของคนเราจะมีการเจริญเติบโตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆตามวัยที่เพิ่มขึ้น แต่เมื่อเราอายุได้ 30 ปีขึ้นไปแล้ว
อัตราการลีบของกล้ามเนื้อ หรือการสูญเสียกล้ามเนื้อก็จะเกิดขึ้นราวๆ 3 - 5% ในทุกๆ 10 ปี
แล้วก็จะไปหยุดชะงักลงเมื่ออายุได้ราวๆ 75 ปี ดังนั้น เมื่อเราแก่ขึ้นเรื่อยๆเท่าไหร่
มวลของกล้ามเนื้อของเราก็จะยิ่งลดลงเรื่อยๆมากเท่านั้นด้วย
และเราก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆตามไปด้วย

ซึ่งสาเหตุของกระบวนการลีบของกล้ามเนื้อนี้ ก็มาจากกิจกรรมการทำงานของโปรตีนตัวหนึ่ง
ที่มีชื่อว่า ATF4 ดังนั้น ถ้าหยุดยั้งกระบวนการทำงานของมันได้
ก็อาจจะสามารถช่วยชะลอหรือหยุดยั้งกระบวนการสูญเสียกล้ามเนื้อดังกล่าวนี้ได้ด้วย
ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้เราแก่ช้าลง และคงความกระปรี้กระเปร่าและมีกำลังวังชาอยู่ได้นานๆ
แม้ว่าจะมีอายุมากแล้วก็เป็นได้

และจากผลการทดลองของพวกเขาในครั้งนี้ ก็ทำให้พวกเขาพบว่า
สารประกอบของกรด ursolic ซึ่งมีอยู่มากในเปลือกของแอปเปิ้ล
และสาร tomatidine ซึ่งมีอยู่มากในเปลือกของมะเขือเทศดิบ
สามารถที่จะหยุดยั้งการทำงานของโปรตีนดังกล่าวนี้ในสัตว์ทดลองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาและวิจัยในขั้นต่อไป ยังจำเป็นจะต้องมีอยู่อีกมาก
เพื่อให้ได้ผลสรุปที่แน่นอนและชัดเจนมากขึ้น

ดังนั้น การรับประทานผลไม้ทั้งเปลือก จึงมีประโยชน์อย่างมากในแบบที่เราอาจจะคาดไม่ถึง
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรจะต้องระมัดระวังอันตรายจากยาฆ่าแมลงที่อาจจะตกค้างอยู่
บริเวณผิวของผลไม้ด้วยนะครับ ดังนั้น เราจึงควรจะต้องล้างให้สะอาดทุกครั้งก่อนการรับประทาน

.....................................
ที่มาของข้อมูลภาคภาษาอังกฤษ: Stop Losing Muscle By Eating This Fruit Every Day

Chayutt Naowarat
10/10/15

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: September 30 - October 6 2015 : Channeling 1 - 6

 

Suzanne Lie: Gaia Speaks :
– A Collection of Messages from Gaia Our Mother Earth.
October 5, 2015 by Andrew Eardley
Awakening with Suzanne Lie
แปล : Ajita



ตอนที่ 1.

....มนุษย์ผู้เป็นกายเนื้อของฉัน.....
ฉันคือไกอา....ฉันรู้สึกมีความสุขที่ได้สื่อสารกับคุณ ผู้เป็นกายเนื้อของฉัน
ฉันต้องขอขอบคุณเป็นที่สุดกับการเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นจากหัวใจของฉันและของคุณ
จากหัวใจของดวงอาทิตย์รวมถึงหัวใจของศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่
ซึ่ง ณ. เวลานี้กาแลคซี่ของเราต่างก็กำลังเลื่อนระดับ
แต่ก็โชคไม่ดีนัก ที่โลกยังคงอยู่ใน “จุดของความท้าทาย”
เพราะพวกเราเป็นหนึ่งในในจำนวนดาวเคราะห์ทั้งหลาย
ที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับมิติแรกๆจนถึงมิติที่ 3 เท่านั้น....

คุณจำได้ไม๊ ? ว่าตอนที่คุณเป็นนักบวชชายหญิงที่อยู่ในวิหารของฉัน
คุณได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระแม่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างไร?
แต่พอมาถึงตอนนี้ ความผูกพันธ์ที่ผู้คนของฉันเคยมีให้ได้จางหายไป
แม้กระทั่งความเชื่อ.... ว่าฉันมีชีวิต
แต่ถึงแม้มันจะเป็นเช่นนั้น ....คุณ....ก็ยังคงเป็นสมาชิกในทีมดาวเคราะห์ที่เลื่อนระดับ
ที่ยังคงซื่อตรงต่อคำมั่นสัญญาที่คุณมีต่อดาวเคราะห์ของพวกเรา....
การเชื่อมโยงกับหลากมิติ
สรรพสิ่งทั้งหลายได้เลื่อนขึ้นไปพร้อมกับฉันตอนที่ยังเป็นมิติแรก ๆ และมิติที่สอง
เพราะพวกเขาได้รวมกับความตระหนักรู้ของฉันอย่างสมบูรณ์
และจากที่ฉันได้ทำการส่งผ่านให้พวกเขา จึงทำให้พวกเขายังคงผูกติดอยู่กับฉัน
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการสะสมวัตถุหรือต้องการมีอำนาจเหนือใครแต่อย่างใด
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องค้นหาความจริงที่มันกำลังใกล้จะสูญพันธ์นี้
ทั้งที่ในความเป็นจริง ก็มีพืชและสัตว์จำนวนมากมายที่มีมาก่อนมนุษยชาติ
ที่ได้ก้าวสู่โลกใหม่ที่มีมิติที่สูงกว่าของฉัน...

หากพวกมนุษย์สามารถเรียนรู้จากมิติแรกๆ
และมิติที่สองที่เป็นองค์ประกอบของตัวคุณเองแล้วละก็
มันก็จะทำให้ง่ายขึ้นในการช่วยเหลือฉันและตัวคุณเอง
กับการปรับเปลี่ยนในทางชีวะภาพ โครงสร้างเซลล์ และ DNA ของพวกเรา....
ซึ่งฉันก็ขอเตือนคุณ....
ว่าการที่คุณเข้าถึงอาณาจักรของความหลากมิติของฉันผ่านร่างที่เป็นมนุษย์ของคุณนั้น
คุณจะสามารถเรียนรู้การเชื่อมโยงนี้ได้ก็ด้วยการเรียนรู้มิติต่าง ๆ ภายในร่างของคุณ
ด้วยการตระหนักในคุณค่ากับสิ่งที่อยู่ในกายฉัน ในโลก และในออร่าของฉัน

ตัวอย่างเช่น....อาณาจักรมิติแรกของฉันคือ คริสตัล
หิน ภูเขา ทะเลสาป แม่น้ำ มหาสมุทร ลม ฝน ท้องฟ้า ฯลฯ
ที่สามารถเชื่อมโยงและสื่อสารกันได้อย่างเพลิดเพลิน
และรู้สึกถึงคุณค่าในความงดงามของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของฉัน

- อาณาจักรจักรในมิติที่ 2 ของฉัน คือ พืช สัตว์ แมลง ปลา
และสมาชิกของอาณาจักรสัตว์ทั้งหลาย
ที่ยังคงสามารถสื่อสารเชื่อมโยงกันด้วยการได้ยิน
ทั้งยังคงยอมรับและมีคุณค่า “ที่ยังคงสามารถเรียกได้ว่าธรรมชาติ”

- อาณาจักรมิติที่ 3 ของฉัน
คือ มนุษย์ทั้งหลาย และสัตว์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น
ที่สามารถเชื่อมโยงและสื่อสารผ่านความคิด ความรู้สึก เหตุและผล
การสร้างสรรค์ และ สัญลักษณ์ หรือ ทางวาจา

-อาณาจักรมิติที่ 4 ของฉันคือ ดินแดนแห่งความฝัน สมาธิ อัศจรรย์
ร้องเพลง เต้นรำ ฟังเพลง มีแต่ความสนุนสนาน ตื่นเต้น และ สร้างสรรค์
และจะได้พบกับประสบการณ์ในการเดินทางภายในกายทิพย์ของคุณ
ที่เป็นอาณาจักรของเทพนิยายอันแสนวิเศษของฉัน......

-โลกมิติที่ 5 ของฉัน...จะสามารถสื่อสารกันผ่านการปล่อยวาง
สงบเยือกเย็น อยู่กับปัจจุบันขณะ ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความหลากมิติ
ร่วมกับชีวิตในรูปแบบของมิติที่สูงกว่า
และคลื่นความถี่ที่สูงกว่าในแบบฉบับของตัวคุณเอง
และ“ โลกมิติที่ 5 ของฉันคือความสั่นสะเทือนที่มาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ซึ่งเป็นที่ที่ฉันควรจะกลับไป “

อย่างไรก็ตาม.... โลกมิติที่ 5 ของฉันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่
และสร้างสรรค์ดาวเคราะห์โลกใหม่ก่อนที่จะกลับไป
ด้วยการยินยอมให้ความตระหนักรู้ของพวกเรา
ถูกกักไว้ที่แหล่งกำเนิดของมิติที่ 3 ชั่วคราว
ซึ่งถึงแม้มันจะผ่านมาหลายมหายุคของ มิติที่ 3 ตาม “กาลเวลา” แล้วก็ตาม
แต่พวกเราก็ได้มีการปรับเปลี่ยนมากพอที่จะพาไปสู่ที่ที่เรากำลังจะกลับไป
และอย่าได้”พยายาม”ที่จะเข้าใจในหลักการนี้นะ
ขอเพียงแค่ยอมให้ความหมายของมันอยู่ในใจคุณและใจเย็นๆ
เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆขึ้นจากขอบฟ้าที่เคียงคู่แม่น้ำอันแสนเยือกเย็นก็พอแล้ว....

 

Suzanne Lie: Gaia Speaks :
– A Collection of Messages from Gaia Our Mother Earth.
October 5, 2015 by Andrew Eardley
Awakening with Suzanne Lie
แปล : Ajita


ตอนที่ 2.
: ความอดทน

เราขอย้ำเตือนคุณอีกครั้งว่า ขอให้มีความอดทนในเรื่องของ ”ระยะเวลา”
ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ท่านรู้นั่นแหละว่า.....”มันกำลังจะจบ”
เพราะคุณได้เตรียมพร้อมสำหรับเวลานี้มาหลายภพชาติแล้ว
และเพราะคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่หมุนโมเลกุลของแสงสว่างให้ช้าลงได้
ดังนั้น คุณจึงเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกเช่นกันที่ขยายมันออกไปเป็นครั้งแรก

แต่ก็ต้องจำไว้ว่า มันไม่มีเรื่องของ “กาลเวลา”
เพราะ “กาลเวลา” จะมีอยู่เฉพาะ มิติที่ 3 เท่านั้น
ดังนั้น....ในขณะที่มีการเลือนระดับของมิติต่าง ๆ จึงไม่มีเรื่องของกาลเวลา
จึงไม่จำเป็นต้องใช้ความอดทนในเรื่องของกาลเวลาแต่อย่างใดเลย.....
เพราะทุกกระบวนการมันจะดำเนินการไปตาม “นาฬิกา”
ที่เหนือไปจากหลักการของมิติที่ 3
ดังนั้น....จึงควรที่จะยินยอมให้กระบวนการได้เดินหน้า
และรักษาความสมดุลของความสงบภายในให้บ่อยครั้งเท่าที่คุณจะทำได้….

....จงเรียกหาฉัน.... “ไกอา”…….แล้วฉันจะช่วยเหลือคุณ
และขอคุณคุณจำไว้ด้วยว่า….
คุณไม่ต้องสร้างกายแห่งแสงสว่าง(Light body)ของคุณขึ้นมาหรอกนะ
ขอแค่ให้คุณส่องประกายแสงออกมาก็พอ….
(คือคุณมีแสงอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่ต้องสร้างใหม่หรือเพิ่ม=ผู้แปล)

ขอให้คุณผลักความเป็นมายาของการแบ่งแยก
และทุกสิ่งที่มีข้อจำกัดออกไป
เมื่อใดที่ตัดสินใจ “จะหยุดเล่น เกมส์มิติที่3นี้ “
คุณก็จะค่อย ๆ จำความหลากมิติของตัวคุณเองได้ทีละชั้นทีละชั้น
ซึ่งคุณจะรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่ถูกปลดปล่อยออกไป
และความวิตกกังวลก็ลดน้อยถอยลง
จะคงเหลือไว้ก็แต่ความเบาสบายสุดสุด.....

:การอุบัติขึ้นอีกครั้งของเทพธิดา(Goddess)

จงรักกายเนื้อของคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไม่ว่าภพชาตินี้คุณจะเกิดมามีร่างเป็นหญิงหรือชายก็ตาม
เราขอร้องคุณอีกครั้ง….ให้จดจำครั้งหนึ่งที่คุณได้ช่วยฉัน
ด้วยการทำหน้าที่เป็นนักบวชชายหญิง

และเมื่อคุณเคยเป็นนักบวชหญิงชายที่เคยให้ความช่วยเหลือแก่เทพธิดา
ร่างของความเป็นมนุษย์ของคุณจึงเป็นดั่งวัดอันศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้น....รูปร่างและลักษณะท่าทางของคุณ
มันจึงไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นจากภายนอกเหล่านั้นของคุณ
หรือด้วยเจตจำนงของสังคมโลกที่ยังคงดูแคลนในความเป็นหญิง
เพราะเทพธิดาย่อมมีร่างหลากรูปแบบและล้วนสวยงาม
ซึ่งรูปทรงของนางบ้างก็สูงและผอมบาง
ในขณะที่ร่างอื่นๆก็อาจจะอ้วนเตี้ย….

แต่อย่างไรก็ตาม….
ร่างทั้งหลายเหล่านั้นต่างก็มีหน้าที่ในภาระกิจ
ที่สอดคล้องกันกับรูปร่างของพวกเขาในระหว่างนั้น
ซึ่งนักบวชชายหญิงแต่ละคนต่างก็มีรูปร่างที่เป็นธรรมชาติ
ที่พร้อมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับภารกิจของพวกเขา

และเนื่องจากนักบวชหญิงทั้งหลายของฉันไม่ต้องใช้เรือนร่างเพื่อทำให้ผู้คนหลงไหล….
พวกเธอจึงไม่จำเป็นต้องขับเคลื่อนความรักด้วยเรือนร่าง
เพียงเพื่อให้ผู้คนมาพิจารณาในความงามของพวกเธอ
ตามที่สังคมของพวกคุณได้ให้การอบรมแก่ผู้หญิงมากมาย
ว่าพวกเขาจะไม่มีคุณค่าแม้แต่น้อยหากไม่มีลักษณะที่สังคมกำหนด
และด้วยความเข้าใจที่ผิดๆนี้ จึงได้ทำให้พลังของผู้หญิงได้ลดลงไปมาก
ซึ่งตอนนี้ก็ถึงคราวที่พวกเราต้องเรียกคืนแล้ว....

แต่ฉันก็ยังคงไม่สบายใจกับความอยุติธรรมที่มีต่อนักบวชหญิงของฉัน
กับการถูกทำลาย ทอดทิ้ง และทำให้แปดเปื้อน
ที่มีต่อผืนดินและสิ่งมีชีวิต(ผู้หญิง= ผู้แปล)
ทำเหมือนมันไร้ค่าเหลือเกินกับหลากรูปแบบที่อยู่ในจิตสำนึกของฉัน
ที่ฉันรักมากพอๆกับจิตวิญญาณที่ได้จุดประกายรูปแบบเหล่านั้นให้กับชีวิต....

Gaia Speaks – A Collection of Messages from Gaia Our Mother Earth.
Channelled by Suzanne Lie. October 3, 2015. Awakening with Suzanne Lie

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: September 30 - October 6 2015 : Channeling 7 - 13

 

ขออนุญาตแจ้งงานด่วนหน่อยนะครับ
เผื่อว่าท่านใดกำลังอยากจะไปเที่วเวียดนามอยู่พอดี
และก็เผื่อว่าอยากจะรู้รายละเอียดแบบภาพรวมและแบบเชิงลึก
ของเรื่องราวเกี่ยวกับยุคพลังงานใหม่ไปในตัวด้วย
รวมถึงเผื่อว่าอยากจะไปซื้อหินสีราคาถูกๆจากเวียดนาม
และไปนั่งสมาธิหมู่ร่วมกันด้วย..ก็ลองดูครับ

เพราะว่าอันที่จริงแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะจัดทริปนำเที่ยวแบบนี้เลย
แต่พอดีมี "ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง" กระตุ้นมาให้ทำด่วนหนะครับ
ก็เลยต้องทำดู

เพราะว่าผมเชื่อว่า ถ้าหากว่า มีใครที่กำลังต้องการ
และจำเป็นจะต้องได้รับข้อมูลจากผมจริงๆ
เพื่อนำเอาไปใช้ในภารกิจตามพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของตัวเองจริๆหละก็
คนๆนั้น ก็จะได้มาเจอข้อความนี้และก็จะได้รับไปร่วมทริปกันในที่สุดครับ

ดูรายละเอียดในโพสต์ถัดไปนี้นะครับ
ดูเหมือนว่าวันนี้ (17/11/15) จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว
ที่เราจะสามารถจองเที่ยวบินราคาถูกของนกแอร์ได้หนะนะครับ
แต่ก็..ลองดูครับ..เราทำเพื่อคนที่จำเป็นจะต้องได้รับ "รหัส" ไปจริงๆ

........................................

 

"ทัวร์เวียดนามซื้อหินสี-นั่งสมาธิหมู่-เสวนายุคพลังงานใหม่ 9-11 พ.ย 2558 นี้"

มีเรื่องด่วนมาแจ้งและนำเสนออีกแล้วครับ..
เพิ่งถูก "ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง" คะยั้นคะยอให้รีบทำเมื่อวานนี้เองครับ..
ก็ลองดูเน๊าะ..ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นแหละ..

คือโปรแกรมจัดทัวร์ราคาถูกเพื่อไปซื้อหินสีที่เวียดนาม และนั่งสมาธิหมู่
และเสวนาเรื่องยุคพลังงานใหม่ ที่รีสอร์ทริมน้ำครับ ราคา 5,300 บาท
รวมทุกอย่างแล้ว ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะว่ามันขึ้นอยู่กับว่า
เราจะจองเที่ยวบินราคาถูกทันไหม ถ้าทันก็อาจจะได้ราคาราวๆ 2,145 บาท
แต่ถ้าไม่ทันก็อาจจะได้ราคาราวๆ 5,400 - 7,400 บาท
แล้วแต่จังหวะการจองตั๋วของเราว่าจะช้าหรือเร็ว
..หรือไม่ก็เปลี่ยนวันเดินทางใหม่ไปเลย
เพราะเน้นค่าตั๋วเครื่องบินถูกๆหนะครับ..

วันที่ๆจะเดินทาง ในเบื้องต้นผมดูไว้คือวันที่ 9 - 11 พ.ย. 2558 นี้แหละครับ
ลองดูรายละเอียดข้างล่างนี้นะครับ
........................................................................

"โปรแกรมชวนเพื่อนทัวร์เวียดนามราคาประหยัด
เพื่อไปซื้อหินสี และร่วมนั่งสมาธิหมู่ และเสวนาเรื่องยุคพลังงานใหม่ 3 วัน 2 คืน"

วันที่ 9/11/15 – 11/11/15 โดยสายการบินนกแอร์

(เป้าหมายคือต้องมีจำนวนลูกทัวร์ราวๆ 11 คนขึ้นไปนะครับ
ถ้าไม่ครบ ผมก็จะขออนุญาตปรับเปลี่ยนโปรแกรมใหม่นะครับ อาจจะเปลี่ยนวันที่ไป เป็นต้น)

ค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างแล้ว ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบิน 5,300 บาท
(ถ้าจองตั๋วเครื่องบินราคาถูกทันก็จะได้ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณ 3600 บาท
แต่ถ้าจองตั๋วราคาถูกไม่ทันก็จะได้ราคาตั๋วอยู่ที่ประมาณ 7400 บาท)

กำหนดการเดินทาง (โดยคร่าวๆ อาจจะมีเปลี่ยนแปลงแก้ไขทีหลัง)

วันที่ 9/11/15 :

- รวมตัวกันที่สนามดอนเมือง เวลา 06:20 น.
- เวลา 07:45 น.ออกเดินทางไปยังสนามบิน เติงเซิงญึ้ก (Tan Son Nhat) เมืองโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม
- เวลา 09:05 น.เดินทางถึงสนามบินเติงเซิงญึ้ก (Tan Son Nhat) เมืองโฮจิมิน ประเทศเวียดนาม จากนั้นก็ไปเที่ยวตระเวนซื้อหินสีและของฝากต่างๆแถวๆเขต 1 ของโฮจิมินซิตี้
- เวลา 12:00 น.ทานอาหารเวียดนาม ที่ภัตตาคารขึ้นชื่อในโฮจิมินห์ซิตี้
- เวลา 13:30 น.เที่ยวเดินซื้อหินสีแถวๆเขต 5 ของเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ แล้วท่านจะละลานตากับถนนขายหินทั้งสายเลยครับ
- เวลา 15:30 น.เดินทางสู่จังหวัดเบิ๊นแจ (Ben Tre) ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ปากแม่น้ำโขง เพื่อไปพักที่รีสอร์ท “หมีอาง” (My An) ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่อยู่ติดแม่น้ำโขง และบรรยากาศสงบ ร่มรื่น ดีมาก เหมาะแก่การทำกิจกรรมทางจิตวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง แล้วจากนั้นก็เข้าพักที่
รีสอร์ทนี้ และทานอาหารเย็นกันที่นี่
- เวลา 19:00 น.รวมตัวกันเสวนาเรื่องเกี่ยวกับยุคพลังงานใหม่ และนั่งสมาธิหมู่กัน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน

วันที่ 10/11/15 :

- เวลา 7:00 น.ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อนั่งสมาธิหมู่กัน แล้วจากนั้น ค่อยทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย
- เวลา 09:00 น.รวมกลุ่มกันเสวนาอีกครั้งหนึ่ง
- เวลา 11:00 น.ออกเดินทางจากรีสอร์ทเพื่อไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารแถวๆนั้น
- เวลา 13:00 น.เดินทางไปล่องเรือชมแม่น้ำโขง และสัมผัสวิถีชีวิตของคนเวียดนาม ในจังหวัดเบิ๊นแจ และนั่งเรือพายผ่านดงป่าจากที่อยู่ 2 ข้างคลอง ซึ่งจะเป็นบรรยากาศที่น่าทึ่งมาก
- เวลา 17:00 น.เดินทางไปที่เมืองหมีทอ (My Tho) เพื่อไปรับประทานอาหารเย็น
- เวลา 19:00 น.เดินทางกลับรีสอร์ทหมีอาง เพื่อพักผ่อน และนั่งสมาธิหมู่

วันที่ 11/11/15 :

- เวลา 7:00 น.ตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อนั่งสมาธิหมู่กัน แล้วจากนั้น ค่อยทานอาหารเช้าที่รีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย
- เวลา 09:00 น.รวมกลุ่มกันเสวนาอีกครั้งหนึ่ง
- เวลา 11:00 น.ออกเดินทางจากรีสอร์ทเพื่อไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารแถวๆนั้น
- เวลา 13:00 น.แวะนั่งทานกาแฟสไตน์เวียดนามซักแป๊บหนึ่ง
- เวลา 14:00 น.เดินทางสู่วัดหวึ๋นแจ่ง ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเตี่ยงยาง เพื่อไปนมัสการพระพุทธรูปที่ใหญ่มากๆ
- เวลา 15:00 น.เดินทางสู่เมืองโฮจิมินซิตี้ เพื่อเตรียมตัวไปสนามบิน
- เวลา 16:30 น.ถึงโฮจิมินซิตี้ ไปแวะที่ไหนซักแห่งหนึ่ง แล้วก็ไปหาอะไรทานกันก่อนเดินทางไปที่สนามบิน
- เวลา 18:00 น.เดินทางไปที่สนามบิน เติงเซิงญึ้ก (Tan Son Nhat) เพื่อเดินทางกลับ
- เวลา 20:45 น.เดินทางกลับประเทศไทย
- เวลา 22:15 น.เดินทางถึงสนามบินดอนเมืองด้วยความปลอดภัย ฮิฮิ


**หากท่านใดสนใจกรุณาแจ้งผมมาทางไลน์ ID: chayutt-naowarat
หรือทางหมายเลขโทรศัพท์ 062-9365249 เท่านั้นนะครับ
เพราะว่าถ้าแจ้งไว้ในนี้หรือ inbox มันจะช้าหนะครับ
เพราะผมต้องรีบดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินก่อนอันดับแรก
ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะว่าเราจะได้ตั๋วราคาถูกๆครับ ถ้าช้าก็อาจจะไม่ทัน**

**อันที่จริง เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในหัวผมมาก่อนเลยนะครับ
แต่ผมเพิ่งถูก "ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง" คะยั้นคะยอให้เริ่มทำด่วนเมื่อวานนี้เอง
ฉุกระหุกน่าดูเลยทีเดียว แต่ผมก็ต้องลองทำดูครับ
เผื่อว่า..ถ้าข้างบนท่านจัดสรรค์มาให้จริงๆหละก็
เดี๋ยวอะไรๆมันก็จะมีทางไปของมันเองนั่นแหละครับ
เราก็แค่ไหลไปตามกระแสพลังงานเท่านั้นเอง ฮิฮิ..**

 

อุปกรณ์พลังงานฟรีจาก ดร. Keshe กำลังจะเขย่าโลก!



ข้อความข้างล่างนี้ เป็นข้อความของคุณ mead นะครับ

“อุปกรณ์พลังงานฟรีจาก ดร. Keshe กำลังจะเขย่าโลก!”
The Magrav-Power Systems

นี่คือจุดเปลื่ยนที่สำคัญ กับการเปิดตัวอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลาสมา
ซึ่งสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์, การขนส่ง ,ผลิตอาหารโภชนาการ
ไปจนถึงน้ำดื่มที่สะอาด, เสื้อผ้าหรือยารักษาโรคที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน
ซี่งทั้งหมดนี้เป็น "พลังงานฟรี" มันเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง
ที่ผู้คนมากมายอาจจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ง่ายนัก

เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ดร. Keshe ได้นำเสนออุปกรณ์ชุดนี้ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ
แต่กลับได่รับการปฎิเสธ เพราะพวกเขาไม่ได้ต้องการมอบสิ่งนี้ให้กับผู้คนบนโลก
แต่ทั้งหมดนี้กำลังจะพังทลายลงแล้ว! และการปลดปล่อยทุกๆคนให้เป็นอิสระจากการถูกควบคุม
และออกมาจากการตกเป็นทาสทางด้านการเงินของพวกเขากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
มันจะไม่มีอีกแล้วการแบ่งแยก เพราะว่าพวกเราจะมีสันติภาพที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
มันจะไม่มีอะไรมาหยุดยั้งความเปลื่ยนแปลงใหม่ๆบนโลกได้อีกต่อไปแล้ว

นี่คือช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ และในวันที่ 26 ตุลาคม 2558 นี้
มันจะถูกผลิตขึ้นมานับล้านชิ้นในประเทศอิตาลี เพื่อเปิดตัวสู่โลกกว้าง
และนำออกมาสู่ประชาชนบนโลกทั้งหมด รัฐบาลของโลกอาจจะเหลือเวลาอีกไม่มากนักแล้ว
หลังจากที่อุปกรณ์พลังงานฟรีนี้ถูกปล่อยออกมาให้กับพี่ๆน้องบนโลกใบนี้ของเราแล้ว

โปรดฟังวิดีโอนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้เขาอธิบายเองจะดีที่สุด

https://www.youtube.com/watch?v=eqwxKwG93Hg



ขอขอบคุณข้อความจากคุณ mead watcharapon นะครับ

เมื่อเร็วๆนี้ คือวันที่ 16 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมานี้ ดร.Keshe ผู้นี้
ก็เพิ่งได้เชิญคณะฑูตจากทั่วโลกให้ไปเข้าร่วมรับฟังการบรรยายของเขาที่กรุงโรม
ประเทศอิตาลี่ เพื่อที่เขาจะได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ตัวนี้
ซึ่งมีชื่อว่า “The Magrav-Power Systems” ให้กับทุกๆประเทศทั่วโลก
เพื่อที่ทุกๆประเทศจะได้นำเอาไปพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาด้านพลังงาน
และมลภาวะอันเกิดจากการใช้พลังงานสกปรกของตัวเองต่อไป..
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าประเทศไทยเราได้ส่งฑูตไปเข้าร่วมงานนี้กับเขาด้วยหรือเปล่านะ
แต่ไม่น่าหรอก เพราะว่าเราไม่ชอบเรื่องอะไรดีๆแบบนี้หรอก 555

วีดีโอการประชุมที่ว่านี้ก็อยู่ในลิงค์นี้นะครับ

https://youtu.be/eqwxKwG93Hg

ผมอยากให้ทุกๆท่านคอยจับตาดูเรื่องนี้เอาไว้ให้ดีนะครับ..เรื่องอุปกรณ์ผลิตพลังงานฟรีจากพลังงานพลาสม่านี้
และรวมถึงพลังงานฟรีจากจุดศูนย์ หรือ Zero point energy ที่ไม่ได้พูดถึงในที่นี้ก็ด้วย
ที่นักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นกันสำเร็จนานแล้ว ซึ่งบางอย่างพวกเขาก็คิดได้
และทำได้จริงๆกันมานานกว่า 20 ปีแล้วด้วยซ้ำไป แต่เทคโนโลยีเหล่านั้นกลับถูกสกัดกั้นเอาไว้
ไม่ให้นำออกมาเผยแพร่ มิหนำซ้ำ บรรดานักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นเหล่านี้ก็ยังถูกอุ้ม
หรือถูกก่อกวน หรือถูกทำให้ล้มละลาย หรือถูกทำให้อับอาย
หรือถูกยึดเอาสิ่งประดิษฐ์ไปโดยกลุ่มคนชุดดำซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้อีกด้วย
หรือแม้แต่ถูกฆ่าตายก็ยังมีเลยนะครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ
ผมเคยแปลและโพสต์เอาไว้นานแล้ว

http://palungjit.org/threads/การปฏิวัติพลังงานฟรีที่กำลังจะมาถึง-โดย-laurie-addison.251115/

หลายท่านอาจจะไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และก็เลยจะสงสัยว่า อ้าว..ทำไมมันถึงจะเป็นอย่างนั้นได้หละ
ทำไมชาวโลกถึงจะไม่ดีใจเมื่อมีใครสามารถคิดค้นวิธีการแก้ไขปัญหาอะไรใหม่ๆขึ้นมาได้หละ??

ท่านยังไม่เข้าใจความโลภของมนุษย์อีกหรือ? บริษัทน้ำมันขนาดยักษ์ที่ลงทุนไปเป็นแสนๆล้านบาทจะทำยังไง?..
บริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าจากอะไรก็ตาม ที่ลงทุนไปเป็นเงินมหาศาลจะทำอย่างไร?
ถ้ามีใครสามารถผลิตอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆขนาดแค่เท่ากับทีวีซักเครื่องหนึ่ง หรือเท่ากับถ่านไฟฉายซักก่อนหนึ่ง
แต่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้ท่านใช้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ไม่มีวันหมด ชั่วนิจนิรันดร์
หรือ จนกว่ามันจะพังกันไปข้างหนึ่งโน่นหละ?

จริงอยู่เทคโนโลยีผลิตพลังงานฟรีของเด็กอนุบาลอย่างเช่นพวกกังหันลม หรือแผงโซล่าเซลนั้น
พวกเขาสามารถยินยอมให้พวกเราพัฒนาและนำเอาไปใช้งานได้อยู่
เพราะว่าใครๆก็รู้ว่าศักยภาพของมันยังห่างไกลกับคำว่า Advance Technology
อย่างพวก Plasma energy และ Zero point energy อีกมากมายนัก
ดังนั้น เราก็เลยหลงเข้าใจผิดไปว่า สงสัยความรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานของโลกเราจะมีอยู่แค่นี้เอง
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไปไกลกว่านั้นตั้งนานแล้ว แต่ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับว่า
มันถูกสกัดกั้นเอาไว้โดย “กลุ่มคนผู้มีอำนาจ” ทั้งหลายของโลก

เร็วๆนี้วงการยาก็เหมือนกัน มีใครบ้างที่ไม่เคยได้ยินข่าวอะไรเลยว่า แพทย์ทางเลือกบางสาขา หรือบางอย่าง
ถูกแพทย์กระแสหลักต่อต้าน และแม้แต่ถูกอุ้ม ถูกฆ่า ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางวิชาการเท่านั้น
แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะว่า "การเจ็บป่วยของชาวโลก นั่นแหละ คือธุรกิจของพวกเขา"

เพราะฉะนั้น คนพวกนี้จึงไม่มีใครอยากจะให้ท่านหายป่วยจริงๆหรอก โดยเฉพาะบริษัทยายักษ์ใหญ่ทั้งหลาย
เพราะว่าการเจ็บป่วยของท่านคือธุรกิจของพวกเขา..มีใครไม่เคยรู้บ้างว่าเมื่อเร็วๆนี้
บริษัทยาผลิตยาต้านเชื้อเอดส์แห่งหนึ่ง เพิ่งขึ้นราคายาไปเป็นพันๆเท่า เพื่อจะให้ได้กำไรมากขึ้น

พูดไม่อายปาก “ทำเพื่อกำไร” เถ้าแก่โรงงานยา “รักษา HIV” ขึ้นราคารวดเดียว 5,500%! - KIITDOO

และมีใครบ้างที่ไม่เคยรู้ว่า “กัญชา” ย้ำนะครับว่า..กัญชา ไม่ใช่กัญชง
ผมหมายถึงสารสกัดจากดอกกัญชาเพศเมียหนะนะครับ คือยารักษาโรคมะเร็งที่ชะงัดนัก
สามารถรักษาโรคมะเร็งได้ทุกๆชนิดของมะเร็งเลยทีเดียว แต่กลับถูกประกาศให้เป็นของผิดกฎหมาย
เหมือนกับสมุนไพรอีกหลายๆชนิด เช่น Ayahuasca เป็นต้น เพราะถือว่าเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง
ทั้งๆที่สถิติของผู้เสพกัญชาแล้วไปก่อเหตุร้ายนั้น มีน้อยกว่าจำนวนผู้ที่ดื่มสุราแล้วไปก่อเหตุร้ายซะอีก
แต่สุรากลับเป็นของถูกกฎหมายไปซะงั้น 555 น่าขำดีไหมหละครับ..
ลิงค์ข้างล่างนี้เป็นข้อมูลทางด้านการแพทย์บางส่วนของกัญชานะครับ

Cures against Cancer

และท่านรู้ไหมว่ามีหมอชาวบ้านคนหนึ่งที่ไม่ได้จบอะไรมาเลย แต่สามารถใช้สมุนไพรรักษาโรคเอดส์
โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้มาแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน
หมอคนนั้นก็คือ ดร.เซบิ ซึ่งเป็นคนผิวดำ อยู่ที่อเมริกา และก็โด่งดังมาก และดังมานานแล้วด้วย
จนมีคนที่มีชื่อเสียง ดารา และอื่นๆไปรับการรักษาจำนวนมากมาย

แต่ก่อนหน้านั้นคุณหมอเซบิท่านนี้ก็เคยถูก FDA ของอเมริกาฟ้องร้องและจับขึ้นศาลมาแล้วนะ
เพราะหาว่าขี้โม้ โฆษณาเกินจริง ในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ แต่แล้วในที่สุดศาลฏีกาก็ตัดสินว่า
ถ้าคุณหมอท่านนี้สามารถหาพยานบุคคลที่เคยถูกรักษาให้หายป่วยจากโรคต่างๆที่เขาเคยประกาศเอาไว้จริงมาได้
อย่างละ 1 คนหละก็ ศาลก็จะรับฟัง

ก็ปรากฏว่ามีผู้ป่วยที่เคยหายป่วยจากโรคต่างๆเพราะการรักษาของเขา
พร้อมใจกันออกมาเป็นพยานให้กับเขา ถึง 70 คนด้วยกัน ซึ่งในจำนวนนี้
มีผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคเอดส์ด้วยอย่างน้อย 5 คน..ดังนั้น สิ่งที่ศาลฎีกาจะสามารถทำได้ก็คือ..ยกฟ้อง
และปล่อยตัวเขาไปก็เท่านั้นเอง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในอินเตอร์เน็ตนะครับ หรือจากลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้

Dr. Sebi: The Man Who Cures AIDS, Cancer, Diabetes and More | Wake Up World

เห็นไหมหละครับ..ว่านี่แหละคือตัวอย่างหนึ่งของคำว่า "ตื่น" ที่รูปธรรมชีวิตจากต่างมิติชอบใช้กันหละ
เพราะว่าชาวโลกส่วนใหญ่ มักจะถูกกรอกหูให้เชื่อตามสิ่งที่รัฐบาลบอก สิ่งที่นักวิชาการกระแสหลักบอก
สิ่งที่สื่อมวลชนบอก เท่านั้นเอง ทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นความจริงทั้งหมดแต่อย่างใดเลย
เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาจะบอกท่านนั้น ก็คือสิ่งที่พวกเขาอยากจะให้ท่านรู้และเชื่อตามเท่านั้นเอง
ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ได้..

..ตื่นซะทีเถิดชาวโลกเอ๋ย..ตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงซะที..

Chayutt Naowarat

17/10/15

 

*-* สังเกตเวลาที่เธอพูดว่า “ฉันทำไม่ได้” หรือ “ฉันเป็นอย่างนั้นเอง”
ทั้งหมดนั่นแหละคือการยึดติด เพื่อนรัก! *-*




(ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต)

17/11/2014
แปล: Chayutt;9366222


"มันง่ายมากที่จะพูดถึงการใช้ชีวิตโดยไม่ยึดมั่นถือมั่น
แต่สังเกตดูสิว่า บ่อยครั้งเพียงใดที่เธอเกิดความไม่พอใจ
หรือบ่อยครั้งแค่ไหนที่เธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
สังเกตเวลาที่เธอพูดว่า “ฉันทำไม่ได้” หรือ “ฉันเป็นอย่างนั้นเอง”
ทั้งหมดนั่นแหละคือการยึดติด เพื่อนรัก!

ดังนั้นข้าพเจ้าขอแนะนำให้เธอ ลองกระทำสิ่งต่างๆ
โดยไม่ต้องมีความยึดมั่นใดๆ และดูสิว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย
นั่นคือธรรมะของจริง ไม่ใช่ธรรมะยุคใหม่ที่เพียงแต่สั่นคลอนอารมณ์"

- ท่านพักชก รินโปเช

"It's incredibly easy to talk about living life without attachment,
but notice how often you are not satisfied,
or how often you are filled with expectations,
notice when you say "I can't." or "That is just the way I am!"
THAT is all attachment my dears!

So my advice to you is to just try and do anything,
and see if it's possible without attachment.
That is Dharma for real, not this new age over-emotional Dharma."

- Phakchok Rinpoche

@Translated by Rangjung Yeshe Thailand (RYT)[/quote]

 

ถอดเทปการสื่อข้อความต่างมิติ จาก การสัมมนาของ KRYON: October 8 2015 : "Again - Is this real?" , "The Challenge"