ขัดใจพ่อแม่เพราะอยากไปวัด บาปไหมครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย math1536, 8 เมษายน 2012.

  1. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    คุณแมท1536
    ...คุณเป็นฆาราวาส...ไปปฏิบัติธรรมทำไม....
    ..คุณทำแค่ฆาราวาสธรรม ก็พอแล้ว....
    ...การปฏิบัติธรรมหมายถึงอะไรในศาสนาพุทธ....
    ....มันหมายถึงการหลุดพ้นวัฏฏสงสารโน่น....
    ไม่ใช่ปฏิบัติธรรมเพื่อ ให้มีสมาธิ เพื่อให้จิตสงบ เพื่อให้ได้บุญฯลฯ นั่นเหลวไหลใหญ่โต ผิดฝาผิดฝั่งไปหมด....
    ..เราเป็นฆาราวาส เรารักตัวเองก่อน แล้วขยายไปรักครอบครัว อย่างนี้ ทำชีวิตสังคมครอบครัวให้มีสุขก่อน...แล้วจึงไปปฏิบัติธรรม..
    ..ไม่ใช่ครอบครัวยังไม่สุข...แล้วหนีไปปฏิบัติธรรม แล้วมาร้องว่า...ขนาดปฏิบัติธรรมแล้วยังมีทุกข์อยู่อีก..นั่น โง่บรมโง่.
     
  2. ดูจิตตน

    ดูจิตตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +250
    ทำให้พ่อแม่สบายใจได้บุญมากโขเลยค่ะ ^^
    ปฎิบัติธรรมอยู่บ้าน(บวชใจ) ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ยิ่่งกว่าไปวัดไหนๆอีกนะคะ
    ถึงวาระที่เราจะได้บวชเดี๋ยวเหตุการณ์ก็จะส่งให้เราได้ไปเองค่ะ ไปอย่างสบายใจนะคะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ
     
  3. เปาชุนไหล

    เปาชุนไหล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +2,240

    เห็นด้วยเลยครับ
    ขนาดพระสารีบุตรท่านได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวก ที่เลิศทางด้านปัญญา ท่านยังต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต เพื่อ ชี้ทาง สอน มารดาของท่าน ให้มีศรัทธาในพุทธศาสนา ให้มีสัมมาทิฏิ คือ ท่านมีโอกาสท่านก็สอนๆ หาจังหวะดีๆ ได้ท่านก็สอน ท่านพิจารณาแล้วว่า เวลานี้เป็นโอกาสดี ที่บางจังหวะ มารดา ท่านมีจิตพร้อมที่จะรับฟัง ท่านก็สอน ๆแต่มารดายังท่านยังไม่เชื่อ สนิทใจซักที แม้ท่านสารีบุตร ท่านจะสอน แถมยังเป็นตัวอย่างอันเลิศ คือบวชในพุทธศาสนา ปฏิบัติตนตามหลักคำสอนของศาสดา และท่านก็เป็นพระอรหันต์ มารดาของท่านก็ยังไม่ มีศรัทธาในพุทธศาสนาอยู่ดี


    จนท่านพิจาณาสังขารตนว่า ถึงเวลาที่ท่านจะนิพพานแล้ว

    ท่านจึงหาอุบายที่จะสอนมารดาอีก โดยมีเนื้อความโดยย่อดังนี้

    _______________________________________________
    พระสารีบุตรได้พิจารณาเห็นว่าอายุสังขารจวนสิ้นแล้ว ปรารถนาจะไปโปรดมารดาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนิพพานในห้องที่ท่านเกิด ปรากฏว่านางสารีพราหมณีผู้เป็นมารดา เป็นผู้ไม่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีความเสียใจที่พระสารีบุตรและน้อง ๆ พากันออกบวชในพระพุทธศาสนา พระสารีบุตรพยายามชักจูงมารดาให้มานับถือพระพุทธศาสนาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงดำริจะไปโปรดมารดาเป็นครั้งสุดท้าย
    พระสารีบุตรได้กราบทูลลาพระพุทธเจ้าเพื่อไปนิพพานที่บ้านเกิด แล้วออกเดินทางกับพระจุนทะผู้เป็นน้อง กับพระที่เป็นบริวาร 500 องค์ เดินทางไปถึงหมู่บ้านนาลันทะ ซึ่งเป็นบ้านเกิด นางสารีพราหมณ์ผู้เป็นมารดา ได้จัดให้พระสารีบุตรพักในห้องที่เกิด และจัดเสนาสนะสำหรับเป็นที่อยู่ของภิกษุ 500 องค์ ที่เป็นบริวาร ในคืนวันนั้นท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 องค์ มีท้าวเวสสุวัน เป็นต้น ได้มาถวายนมัสการพระสารีบุตรซึ่งกำลังนอนอาพาธอยู่ เมื่อท้าวจาตุมหาราชกลับไปแล้ว ท้าวสักกเทวราชหรือพระอินทร์ได้มาถวายนมัสการ เมื่อท้าวสักกเทวราชกลับไปแล้ว ท้าวสหัมบดีมหาพรหมก็ได้มาถวายนมัสการ มีรัศมีเปล่งปลั่งดังกองเพลิง ทำให้สว่างไสวไปทั้งห้อง เมื่อท้าวมหาพรหมกลับไปแล้ว นางสารีพราหมณีจึงได้ถามพระจุนทะเถระว่า ผู้ใดที่เข้ามาหาพี่ชายของท่าน พระจุนทะเถระจึงบอกมารดาว่า ท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช และท้าวมหาพรหม ได้มาถวายนมัสการพระสารีบุตร
    นางสารีพราหมณีได้ฟังดังนั้นก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระสารีบุตรและพระพุทธเจ้า คิดว่าพระลูกชายของเรายังเป็นใหญ่กว่าท้าวจาตุมหาราช ท้าวสักกเทวราช และท้าวมหาพรหม พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นครูของพระลูกชายของเราจะต้องมีอิทธิศักดานุภาพยิ่งใหญ่ พระสารีบุตรได้รู้ว่า บัดนี้มารดาได้เกิดความปีติโสมนัสและศรัทธาในพระพุทธเจ้าแล้ว ถึงเวลาที่จะเทศนาทดแทนพระคุณของมารดาและโปรดมารดาให้เป็นสัมมาทิฏฐิ จึงได้เทศนาสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เมื่อจบเทศนาแล้ว นางสารีพราหมณีก็ได้พระโสดาปัตติผล

    ______________________________________________



    จะเห็นว่าท่านมีความเพียร ความกตัญญูอย่างสูงมากเกินคนปกติ อย่างเราท่านทั้งหลาย กว่าจะ ทำให้มารดา ท่านมีศรัทธา มีสัมมาทิฏิ ได้ ก็ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต
    เราเองเป็นปุถุชนธรรมดา จะทำให้บิดามารดาของ ที่ยังไม่มีศรัทธา ไม่มีสัมมาทิฏิ กลับ มามีศรัทธา มีสัมมาทิฏิ ได้ นั้น ก็ต้องใช้ ความพยายามกันหน่อย

    ______________________________________________

    ผมขอชื่นชมในความกตัญญูของท่าน อย่างสูงจากใจจริงนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...