ขอเชิญสนทนาธรรมครับ ท่านยมยักษ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 16 มกราคม 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้าที่ ๖๘/๒๘๘
    [๑๕๓] อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างเป็นไฉน ดูกร
    คฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ
    เจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
    ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก
    ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระ
    ธรรม ดังนี้ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
    พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อม
    เข้ามา อันวิญญูพึงรู้เฉพาะตน ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
    ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
    เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็น
    ผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญ
    ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าปรารถนา อันไม่ขาด
    ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญอันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้
    เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้ ฯ
    [๑๕๔] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
    เป็นไฉน ดูกรคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถึงปฏิจจสมุป
    บาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมี
    สังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูป
    เป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมี
    เวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทาน
    เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
    โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
    อย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ
    ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับเพราะตัณหาดับ
    อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและ
    มรณะโสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
    ประการอย่างนี้ ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญา ฯ
    [๑๕๕] ดูกรคฤหบดี เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อ
    นั้น อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างและญายธรรมอย่าง
    ประเสริฐนี้ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่
    พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีปิตติ
    วิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้
    เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ
     
  2. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    แล นายอุรุทำไมไม่พูดในสิ่งที่เป็นของนายจริงๆ มิได้ไปหยิบยืมใครมาล่ะนายจ๋า สุมิตราว่ามันแจ่ม ออกนะนายจ๋า แล..นายจักได้ไม่ถูกคนเขาดูแคลน ว่านายทำได้แค่ก็อปเน็ตมานะนาย...

    นายก็พิสูตรไปเลยว่านายของสุมิตรานี้ก็มิธรรมดา แลใครมาดูแคลน ต้องกระเจิงกลับไป.........
     
  3. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ไม่มีใครหยิบยืมของใคร พระธรรมมีอยู่ผู้ศึกษาเท่านั้นที่เข้าถึงธรรม ดูจิตท่านเอาเถิด ท่านมันก็คนธรรมดามีรูปเป็นที่น่าเกลียด เป็นกายเน่า เป็นที่รวมของสิ่งสกปรก
     
  4. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    นายจ๋า นายจักรู้ได้ไง ว่า มันสกปรก นายรู้เองหรือฟังเขามา เพราะมีใครพูด นายเห็นด้วยว่าน่าจักจริง นายก็เลยยืมมาใช่ไหม?

    สำหรับสุมิตราแล้ว มันสะอาด แลบริสุทธฺ์ ด้วยเหตุที่ว่าสุมิตราสำนึกในบุญคุณของชีวิตที่ให้สุมิตราได้เกิดมา อวัยวะ อย่างตาที่ให้โอกาสสุมิตราได้เห็นโลกอันงดงาม แลมันจะน่าเกลียดได้อย่างไร? ล่ะนายจ๋า ของเหล่านี้ขึ้นอยู่กับที่นายจักเลือกมองของทุกอย่างย่อมมีสองด้านเสมอ

    จงพูดในสิ่งที่เป็นของนายจริงๆๆ เถิด พระธรรมนั้นอยู่ที่นั้นแล มันอยู่ที่ชีวิตในทุกๆๆ ขณะของนาย พระธรรมนั้นหาได้แยกขาดจากตัวบทของชีวิตนายไม่ ถ้านายเข้าใจในสิ่งที่สุมิตราพูด นายจักรู้ว่า พระธรรมไม่ได้อยู่ในคัมภีร์ แลจักเข้าใจว่า พระธรรมนั้นเป็นมากกว่าข้อความของคนอื่นที่นายเอามาบูชา แลแขวนคน หากนายไม่เข้าใจ ต่อให้นายท่องจำได้หมดทุกพระธรรมขันธ์ นายก็ยังไม่ได้ชื่อว่านายรู้จักพระพุทธเจ้าดอกนาย
    นมัสเต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  5. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    ที่ผ่านมานายเพียงแต่แค่หยิบยืมเอาพุทธพจน์ มาเพื่อสนับสนุนความคิดนาย หาใช่เพื่อแก้ไขความสับสนในชีวิตไม่ นายรู้จักเพียงถ้อยคำหาใช่ความหมายอันแท้จริงของถ้อยคำนั้นไม่

    นี้แลคือ การตีงูผิดวิธี

    ดังนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาของกินมาแขวนคอ
    หามีประโยชน์อันใดไม่ นายจักต้องกินมันเข้าไป
    ย่อยมันมิใช่เอามาแขวนคอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  6. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    นายใช้พุทธพจน์เพื่อสร้างความมั่นคง ให้ความเชื่อของนายจริงไหม? นายใช่เพื่อสนับสนุนความคิดของตน เพื่อพิสูตรตัวเอง

    ทั้งๆที่แท้ที่จริงแล้วชีวิตนั้นมิได้มั้นคง แลที่โลกนี้วุ่นวายก็เพราะการแสวงหาความมั่นคงนี้แล

    หากนายใช้พระธรรม เพราะการนี้ มิใช่ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตของนาย
    มองว่าพระธรรมคือ ยาสามัญประจำบ้านที่นายจักเข้ามาหาแลใช้เมื่อป่วย

    เหล่านี้นั้นแลที่จักทำให้นายหลงทาง

    มองเข้ามาตรงๆ ในตัวนายเถิด แลถามหัวใจตัวเองเถิดว่า

    อะไรที่เป็นของนายจริงๆ อะไรที่เป็นตัวตนของนาย นายเป็นใคร แลมาที่นี่เพื่ออะไร?

    หากนายเข้าใจคำตอบของคำถามเหล่านี้ อย่าแท้จริงโดยมิได้หลอกลวงตัวเอง

    นายก็จักพบ มรรคา
     
  7. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    กายท่านเป็นกายเน่า มีแต่ของสกปรก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ ผังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้ทบ อาหารใหม่ อาหารเก่า ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร นี่หรือที่ท่านบอกว่ากายท่านสะอาด ท่านมองเห็นโลกอันงดงามแต่ท่านมองไม่เห็นกายท่านเอง

    ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปทบาทผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นคถาคถ ท่านจงไปศึกษาเอาเถิด

    http://palungjit.org/threads/ปฏิจจสมุปบาท-ฉบับแปล.319025/
    http://palungjit.org/threads/พระพุทธรูปในโบสถ์.321754/
    http://palungjit.org/threads/ใครกราบไหว้พระพุทธรูปเรียนเชิญ-ครับ.318221/
     
  8. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    นายก็แค่เอาคำพูดของคนอื่นเข้ามาพูดแหละนายจ๋า แลทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความคิดตน

    นายคงลืมไปแล้วกระมั้ง ว่านายก็คือนาย มิใช่พระพุทธเจ้า นายมิอาจจักเลียนแบบใครได้ เพราะนายก็คือนาย

    นายท่องจำเพียงคำสอนแต่ไม่เข้าใจมัน สุมิตราว่านายเลิกปฏิบัติเถิด หามีประโยชน์อะไรไม่ ถ้านายยังคงเป็นเช่นนี้ เมื่อใดก็ตามที่นายเข้าใจคำสอน มากกว่าถ้อยคำ นายค่อยกลับมาเถิด นี่จักเกิดประโยชน์กับนายอย่างแท้จริง

    สุมิตราคั่วถั่วเป็น ก็มิใช่ว่าทำได้เพราะแค่มีคนสอน หรือท่องจำคู่มือทำถั่ว แค่นั้นจบ สุมิตราต้องอาศัยประสบการณ์ กว่าจักทำได้อร่อยกว่าคนอื่น มีเคล็ดลับอีกมากที่ไม่ได้อยู่ในตำราคั่วถั่ว แต่อยู่ในตอนที่เราลงมือทำ นอกจากนี้คำสอนวิถีคั่วถั่วนี้ก็มี หลายนัยยะสำคัญ เพียงท่องจำแต่ไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณาหาได้เป็นประโยชน์ไม่ สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า คำสอนนี้บอกอะไรกับเรา และ ใช้เพื่ออะไร?
    ชีวิตนั้นเป็นสิ่งกว้างใหญ่ไพศาล นายจักเอามันยัดอยู่ในโลกแคบๆๆ ของความคิดไม่ได้ดอก

    แค่ท่องจำมิเกิดประโยชน์อันใดดอก การปฏิบัติธรรมก็เป็นเช่นนี้ นายจักเป็นแค่หนอนหนังสือ คอยแทะเล็มตำราไปถึงเมื่อใดเล่า นายพุดว่า สิ่งที่ประกอบเป็นร่างกายนายนี้น่าเกลียด แต่นายมิเข้าใจว่าทำไมจึ่งต้องสอนเช่นนี้ เพื่ออะไร หากมันน่าเกลียดจริงแลทำไมนายไม่ฆ่าตัวตายเสียเลยเล่า นายเพียงแต่เห็นว่ามันดูโก้ เลย ยืมเขามาใช้ แต่มิได้เห็นด้วยตัวเอง หาประโยชน์อันใดไม่ได้ดอก

    ปฏิจจสมุปบาท หากสุมิตราเรียกมันว่า หลักธรรมของถั่วแขก จักต่างกันไหม? ธรรมะไม่ได้อยู่ที่ถ้อยคำที่สวยหรู แต่อยู่ที่นัยยะของมันนะนาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  9. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ใครสอนให้ อุรุเวลา เดินทางสายกลางได้ข้าน้อยจะขอคาราวะในความรู้ธรรมะผ่านการเรียนรู้อย่างจริงแท้
     
  10. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ท่านเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ต้องการที่จะแปลถ้อยคำใดๆ ในพระสูตร เอาคำเดิมๆ นี่แหละ คำของพระพุทธเจ้าคำเดียวมีความหมายกว้าง ถ้าไปแปลความหมายมันก็จะเปลี่ยน ที่ผมยกพระสูตรมาทั้งพระสูตรก็เพราะเหตุนี้ ท่านจงศึกษาและพิจารณากันเอง ใครเข้าใจได้แค่ไหนก็แล้วแต่บุญวาสนาครับ ผมยกตัวอย่างคำว่า "ทุกข์" ทุกข์ไม่ได้หมายถึง ความรู้สึกสุข หรือ ความรู้สึกทุกข์ แต่หมายรวมถึง สิ่งที่มีการเกิดและมีการแตกสลายไปทุกอย่างล้วนเป็นทุกข์ สุขก็เป็นทุกข์ ทุกข์ก็เป็นทุกข์ แล้วการพิมพ์แล้วกลับมาแก้ไขมันไม่การกระทำของผู้มีปัญญา ถ้าพิมพ์มาแล้วกลับมาแก้ ท่านไปควบคุมจิตของตนเองให้สงบนิ่งกว่านี้แล้วค่อยมาแนะนำคนอื่นจะดีกว่า
     
  11. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ใครสอนให้ อุรุเวลา เดินทางสายกลางได้ข้าน้อยจะขอคาราวะในความรู้ธรรมะผ่านการเรียนรู้อย่างแท้จริง ใครใจถึงแห่งธรรมก็ขอ คุรุทั้งหลายได้แสดงธรรมสายกลาง กันนะครับ แต่ขอบอกไม่ง่ายน้า ใจถึงหน่อย<!-- google_ad_section_end -->
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ใครบอกท่านท่องจำไม่มีประโยชน์ จะทำความเข้าใจพระธรรม ต้องเริ่มจากการท่องจำ เมื่อท่องจำได้ขึ้นใจแล้วก็เอามาใคร่ควร ให้เห็นตามความเป็นจริงด้วยตนเอง พิมพ์แล้วแก้ในนี้มีอยู่ไม่กี่คน ท่านกับผมคุยกันมาเยอะแล้ว เมื่อไรจะพอละท่าน
     
  13. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ธรรมสายกลางเป็นเช่นไรหรือท่าน ต้องศึกษาจากพระรับเงินหรือ?
     
  14. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ใครสอนให้ อุรุเวลา เดินทางสายกลางได้ข้าน้อยจะขอคาราวะในความรู้ธรรมะผ่านการเรียนรู้อย่างแท้จริง ใครใจถึงแห่งธรรมก็ขอ คุรุทั้งหลายได้แสดงธรรมสายกลาง กันนะครับ แต่ขอบอกไม่ง่ายน้า ใจถึงหน่อย<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  15. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    ถ้าเช่นนั้น ขอนายจงอธิบายที่นายโพสมาเถิด ถ้านายเข้าใจในถ้อยคำนั้นจริง
     
  16. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    ถ้าบวชเป็นพระแล้วต้องมีกิจทางโลกก็อย่าบวชครับ #57

    กิจของพระสงฆ์มีแค่บิณฑบาตเลี้ยงชีวิต ศึกษาธรรม เวลาส่วนใหญ่ของพระสงฆ์คือนั่งสมาธิเดินจงกรรมปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงตามธรรม เรียนรู้เรื่องทุกข์หาหนทางพ้นทุกข์ ไปงานบุญ งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ทำพิธีกรรมต่างๆ ไม่ใช้กิจของสงฆ์ ถ้าบวชแล้วยังต้องมาทำเรื่องทางโลกก็อย่าไปบวชเลย #90

    ก็ที่ผมบอกไปก็น่าจะเข้าใจนะครับ ถ้าไม่เข้าใจเอามาให้อ่านอีกรอบอย่าตัดเปะ ธรรมของผมต้องอ่านและทำความเข้าใจทั้งหมด ไม่ใช้ตัดเปะ

    ท่านไปอ่านประวัติหลวงพ่อชาหรือยัง ที่ผมตอบถูกต้องหรือไม่ คุณเห็นด้วยไหม ท่านเดินทางไปต่างประเทศไม่เห็นท่านต้องใช้เงิน แล้วคุณจะอ้างว่าเดินทางพระต้องใช้เงิน #107

    ผู้ไม่ศึกษาย่อมไม่เห็นธรรม นักปฏิบัติเขาทราบกันทั้งนั้น ไม่สังเกตกันหรือทำไมพระอริยะสาวกทั้งหลายที่ท่านเป็นนักปฏิบัติ ท่านไม่รับกิจนิมนต์ตามบ้าน #109

    ผมบอกว่าพระอริยะท่านไม่รับกิจนิมนต์ตามบ้าน ท่านเอาพระสงฆ์ที่สอนธรรมมาให้ผมดู พระสงฆ์สอนธรรมะก็เป็นกิจของสงฆ์อยู่แล้วครับ กิจตามบ้านหมายถึง ทำพิธีปลุกเสก ทำน้ำมนต์ โยงสายสิณญ์ แต่ถ้าไปตามบ้านแล้วสอนธรรมะถือเป็นกิจของสงฆ์ครับ

    ที่ท่านยมยักษ์เอามาจาก Youtube มีพระสงฆ์ไม่นุ่งห่มผ้ากาสาวพัตร์ ฉันท์สองมื้อ รับเงิน ทำน้ำมนต์ ปลุกเสก ฯลฯ แม้แต่ศีลท่านยังรักษาไม่ได้ ศีลท่านขาดทะลุ ท่านยมยักษ์ต้องแยกอีกข้อพระสงฆ์กับพระอริยะ #120



    ท่านอาจจะไม่เข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ความหมายตามพระธรรมคำว่ารับเงินทองไม่ได้หมายความว่า ห้ามหยิบ ห้ามจับหรือห้ามรับเงิน ในสมัยพุทธกาลเคยมีมาแล้ว พระสงฆ์พบเห็นเงินทองตกอยู่แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่หยิบจับมาเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสมเพื่อรอคืนให้เจ้าของเงินนั้น พระสงฆ์รูปนั้นต้องอาบัติ ท่านทำความเข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ให้ดีๆ อย่าเข้าใจง่ายๆ ธรรมไม่ใช่ของง่ายที่จะเข้าใจครับ พระสงฆ์สามารถหยิบจับรับเงินได้ครับ แต่ต้องไม่รับมาเพื่อเก็บหรือเพื่อไว้ใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของมาเป็นของตนเอง

    ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ก่อนโพสต์ผมคิดดีแล้ว ผมโพสต์แล้วผมไม่เคยแก้ไข ผมมั่นใจสิ่งที่ผมทำ ผมต้องการปกป้องพระธรรม ไม่สนับสนุนพระสงฆ์ทุศีล รับเงินทอง ใช้จ่ายเงินทอง ฯลฯ ท่านทำผิดกฏหมายท่านยังต้องรับโทษ พระสงฆ์ทำผิดพระธรรมวินัยก็ต้องรับโทษเป็นไปตามพระธรรมวินัยบัญญัติ หนักเบาแล้วแต่กรรม พระสงฆ์ทุศีล รับเงินทอง ใช้จ่ายเงินทอง ฯลฯ ทำผิดพระธรรมวินัย ผู้สนับสนุนพระสงฆ์ทุศีลหยิบยื่นอาบัติให้พระสงฆ์ไม่เป็นบาป แต่พระสงฆ์ทุศีลผู้รับเงินต้องอาบัติ พระสงฆ์ทุศีลต้องสละเงินหรือสิ่งของที่ซื้อหามาด้วยเงิน ต้องปลงอาบัติต่อหน้าคณะสงฆ์ตามจำนวนครั้งที่ทำ พระสงฆ์เป็นผู้บอกสอนหรือให้คำแนะนำฆราวาสได้ แต่ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเงินทองไม่ใช่กิจของสงฆ์ #125

    เหนื่อยแทนพี่ยักษ์จริง ๆ
    พอเขายกพระรับปัจจัยมาให้ดู พระออก tv ก็บอกว่า

    ท่านอาจจะไม่เข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ความหมายตามพระธรรมคำว่ารับเงินทองไม่ได้หมายความว่า ห้ามหยิบ ห้ามจับหรือห้ามรับเงิน ในสมัยพุทธกาลเคยมีมาแล้ว พระสงฆ์พบเห็นเงินทองตกอยู่แล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่หยิบจับมาเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสมเพื่อรอคืนให้เจ้าของเงินนั้น พระสงฆ์รูปนั้นต้องอาบัติ ท่านทำความเข้าใจคำว่า "รับเงินทอง" ให้ดีๆ อย่าเข้าใจง่ายๆ ธรรมไม่ใช่ของง่ายที่จะเข้าใจครับ พระสงฆ์สามารถหยิบจับรับเงินได้ครับ แต่ต้องไม่รับมาเพื่อเก็บหรือเพื่อไว้ใช้จ่ายซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของมาเป็นของตนเอง

    ลองไปอ่านหัวข้อที่ #57 #90 #109 ที่ตัวเองบอกสิว่าพูดอะไรไว้บ้าง ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ยืนยันสิ ผมจำทุกโพสต์ที่ผมเขียนได้ ก่อนโพสต์ผมคิดดีแล้ว ผมโพสต์แล้วผมไม่เคยแก้ไข ผมมั่นใจสิ่งที่ผมทำ

    อาบัง ท่านใช้ได้เลยทีเดียวนะนายจ๋า
     
  17. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้าที่ ๖๘/๒๘๘
    [๑๕๓] อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างเป็นไฉน ดูกร
    คฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ
    เจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ
    ถึงพร้อมแล้วด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก
    ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระ
    ธรรม ดังนี้ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มี
    พระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อม
    เข้ามา อันวิญญูพึงรู้เฉพาะตน ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
    ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเป็นธรรม
    เป็นผู้ปฏิบัติสมควร คือคู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็น
    ผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญ
    ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ย่อมประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าปรารถนา อันไม่ขาด
    ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย อันวิญญูชนสรรเสริญอันตัณหาและทิฐิไม่ครอบงำได้
    เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้ ฯ
    [๑๕๔] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
    เป็นไฉน ดูกรคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถึงปฏิจจสมุป
    บาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมี
    สังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูป
    เป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมี
    เวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทาน
    เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
    โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
    อย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ
    ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับเพราะตัณหาดับ
    อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและ
    มรณะโสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
    ประการอย่างนี้ ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญา ฯ
    [๑๕๕] ดูกรคฤหบดี เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อ
    นั้น อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างและญายธรรมอย่าง
    ประเสริฐนี้ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่
    พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีปิตติ
    วิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้
    เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ

    จงอธิบายมาเถิดว่า นัยยะของคำสอนนี้หมายความว่าอะไร? หากนายเข้าใจในนัยยะของมันจริง มิใช่เพียงเอามาลงเล่นๆๆ ให้ดูโก้ นายพูดว่านายไม่อยากแปลฉานก็ไม่ได้ให้นายแปล อีนี่ฉันถามว่ามันพูดถึงอะไร เพื่ออะไร แลจักได้ผลอย่างไร? นมัสเต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012
  18. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    ผมเอาสั้นๆ นะบรรทัดเดียว ท่านสุมิตรา01เอาจิตของท่านมารู้อยู่กับลมหายใจ ธรรมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้วในใจท่าน
     
  19. ลูกอิสระ

    ลูกอิสระ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +9
    อาบังไปขายถั่วต้ม ขายผ้าดีกว่า มาจับปลาไหลคงไม่ถนัดหลอกนะจ๊ะนายจ๋า
     
  20. KONK

    KONK สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +24
    นั้นแหละ ที่แสดงว่านายมิได้เข้าใจมัน นายเพียงแต่เอาคำพูดของคนอื่นมา จงอธิบายปฏิจจสมุปบาทมาเถิด จงบอกฉันเถิดว่าทำไมฉันถึงจักต้องเอาจิตของมารู้อยู่กับลมหายใจ

    เพื่ออะไร

    ธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นที่ใจ แลทำไมจึ่งเป็นเช่นนั้น ทำไมะรรมทั้งหมดจึ่งเกิดที่ใจ จงอธิบายมาเถิด

    โสดาปัตติ ๔ หมายความว่าอย่างไร ตรัสไว้เพื่ออันใด แลจักเกิดประโยชน์ใด จงอธิบายมาเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...