ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ตำนานคาถาอิติปิโสถอยหลัง

    บท อิติปิโส ถอยหลัง เมื่อสมัยพุทธกาล มีเหล่าพระสงฆ์อยู่กลุ่มหนึ่งได้ออกธุดงค์ไปในป่าเขาแห่งหนึ่งซึ่งเป็นป่าที่ว่ากันว่า
    ไม่มีนักบุญท่านใดอยู่ได้นาน เพราะมักจะมีเหล่าอสูรกายมาหลอกหลอน ให้ตบะพังจนสติแตกอยู่ร่ำไป
    พระสงฆ์กลุ่มนี้ได้ปักกรด และจำศีลอยู่ที่นั่น ซึ่งมีกันทั้งหมด 8 องค์ ตกกกลางคืน
    เหล่าอสูรกายก็ออกฤทธิ์ ทั้งหัวเราะทั่วหุบเขา ทั้งแปลงเป็นผี ควักไส้พุง ตาถลน
    ทั้งหมดกลัวสุดขีดแต่ได้ตั้งสติและสวดมนต์ โดยเฉพาะอิติปิโส แต่พอสวด
    อสูรกายกลับกลายร่างเป็นยักษ์โล้น(ร่างแท้ๆ) ปัดกลดกระเด็นไปคนละทิศละทาง
    ทั้งหมดทุกท่านโกย..โกยเถอะโยม..ม และนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระพุทธเจ้า
    พระพุทธเจ้า ได้ให้บทสวด อิติปิโส แต่ให้สวดถอยกลับ เพื่อไปปลดปล่อยยักษ์ตนั้นที่หวงที่
    เหล่าพระสงฆ์เหล่านั้น ก็กลับไปที่เดิม ตกกลางคืน มาอีกหนักกว่าครั้งที่แล้ว
    ทั้งพายุห่าฝนทั้งฟ้าผ่า และมันกำลังจะกระทืบไปที่เหล่าพระสงฆ์กลุ่มนั้น
    ทั้งหมดห้อมล้อมและท่อง อิติปิโส ถอยหลัง ยักษ์ตนนั้น ปวดหัวทรมานอย่างแรง
    จนต้องอ้อนวอนให้พระสงฆ์กลุ่มนั้นหยุดท่องคาถานี้ หัวหน้าคณะได้ให้ยักษ์สาบานด้วยวาจาสัตย์ว่าต้องไม่ทำร้ายใครอีก
    และต้องจำศีลเพื่อให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารที่เป็นอยู่นี้ ยักษ์จึงตกลง..
    และในที่สุดก็มาเป็นบทคาถาบทหนึ่งที่ไม่ใช่แค่คุ้มครองผู้สวดแล้ว
    ยังป้องกันภัยอันตรายทั้งหลาย ยามจำเป็นต้องพักในที่ที่เราไม่คุ้นเคย...

    คาถาบทนี้มี56ตัว ให้ภาวนา3 หรือ 7คาบ ก่อนออกเดินทางไปสารทิศใด ๆ
    จะแคล้วคลาดปราศจากทุกภัยพิบัติทั้งปวง หากภาวนาได้ครบ108คาบ ติดต่อกัน
    จะมีตัวเบา เดินตัวปลิว เสกหรือสะเดาะเคราะห์ สะเดาะกุญแจ หรือโซ่ตรวนของจองจำทั้งปวงได้สิ้น

    คาถาอิติปิโสถ
    นุต อะ ทู วิ กะ โล โต คะ
    สุ โน ปัน สัม ณะ ระ จะ ชา
    วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง
    ระ อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิ ฯ
    วิช โธ พุท สัม มา สัม หัง ระ
    อะ วา คะ ภะ โส ปิ ติ อิ ฯ อยหลัง

    ติ วา คะ ภะ โธ พุท นัง สา
    นุส มะ วะ เท ถา สัต ถิ ระ
    สา มะ ทัม สะ ริ ปุ โร ตะ]
     
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    น้อมรำลึกถึงท่านสมเด็จธีฯ วัดชนะสงคราม พระอริยสงฆ์ผู้ซึ่งสำเร็จในกสิณธาตุทั้งสี่ ใครอยากได้พระเครื่องขลังๆ ไว้บูชา ก็ลองหาเหรียญแท้ๆ ที่มีท่านเป็นองค์ประธานปลุกเสกดู รับรองได้ หายห่วง พลังแรงไม่แพ้ใครในแผ่นดินเหมือนกัน หาไม่แล้วท่านจะมีบารมีพอให้สมเด็จพระราชินีได้ถวายเทศน์เป็นการส่วนพระองค์ได้อย่างไร



    <TABLE class=forumline cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=row1 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>[​IMG]

    ประวัติและปฏิปทา
    สมเด็จพระมหาธีราจารย์
    (นิยม ฐานิสฺสโร)

    วัดชนะสงคราม ราชวรมหาวิหาร
    แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ


    ๏ อัตโนประวัติ

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) กรรมการมหาเถรสมาคม, เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ แม้จะดูเป็นพระมหาเถระที่เคร่งขรึม พูดจาตรงไปตรงมา แต่ด้วยวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่าน มิเคยสักครั้งที่จะทำให้ศรัทธาสาธุชนถดถอยลง

    ยิ่ง เมื่อได้สนทนาใกล้ชิดแล้ว จะได้รับรู้และสัมผัสถึงความเมตตา ต่างประทับใจในวัตรปฏิบัติแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ทุกคนที่ได้เคารพกราบไหว้

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ มีนามเดิมว่า นิยม จันทนิทร เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2466 ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน ณ บ้านท่าหิน ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายโหร่ง และนางฮิ่ม จันทนิทร


    ๏ การศึกษาเบื้องต้น

    เมื่ออายุได้ 7 ขวบ เรียนหนังสือวัด ประถม ก กา และมูลบทบรรพกิจ ในสำนักเจ้าอธิการอุ่น วัดหันตรา ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จนจบชั้นประถมปีที่ 4

    อายุ 13 ปี โยมบิดาได้นำไปฝากเรียนนักธรรมบาลี ณ สำนักเรียนวัดตองปุ ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


    ๏ การบรรพชาและอุปสมบท

    ต่อมา อายุได้ 14 ปี โยมบิดาได้นำไปบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดกระสังข์ ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2479 โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูโบราณคณิสสร) วัดตองปุ จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นอายุครบ 22 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2487 โดยมีพระเทพวงศาจารย์ (ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระโบราณคณิสสร) วัดพนัญเชิง ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสาธุกิจการี (ขม) วัดประดู่ทรงธรรม ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูอุทัยคณารักษ์ (ใหญ่ ติณณสุวัณโณ) วัดสะแก ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ฐานิสฺสโร” มีความหมายว่า “ผู้มีฐานะอันยิ่งใหญ่”

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นพระมหาเถระที่ใฝ่ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมอย่างยิ่งยวด เมื่อปี พ.ศ.2486 สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ในสำนักเรียนวัดราชบุรณะ และปี พ.ศ.2498 จบเปรียญธรรม 9 ประโยค ในสำนักเรียนวัดสระเกศฯ ถือเป็นสหายธรรมศิษย์รุ่นพี่รุ่นน้องกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศฯ กรุงเทพฯ และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

    [​IMG]
    สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศฯ

    [​IMG]
    สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ


    ๏ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์

    พ.ศ.2490 เป็นกรรมการตรวจข้อสอบนักธรรม-บาลีสนามหลวง

    พ.ศ.2500-2502 เป็นครูสอนนักธรรมชั้นเอก สำนักเรียนวัดสามพระยา

    พ.ศ.2508 เป็นเจ้าคณะภาค 13, เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และพระอุปัชฌาย์วิสามัญ

    พ.ศ.2509 เป็นเจ้าสำนักเรียนพระปริยัติธรรมวัดชนะสงคราม

    พ.ศ.2529 เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม

    พ.ศ.2534 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนใต้

    พ.ศ.2539 เป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง


    ๏ ลำดับสมณศักดิ์

    พ.ศ.2505 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระปริยัติโสภณ

    พ.ศ.2507 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชโมลี

    พ.ศ.2511 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพโสภณ

    พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมปิฎก

    พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองหิรัญบัฏ หรือรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระธรรมวโรดม

    เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2535 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏที่ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์ พรหมวิหารวราธิมุต วิสุทธศีลาจารนิวิฐ พิพิธกิจจานุกิจโกศล วิมลหิตานุหิตดิลก ตรีปิฎกบัณฑิตมหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัณยวาสี” อันมีความหมายเป็นมงคลนามว่า “ครูผู้เป็นมหาปราชญ์”



    <HR>[​IMG]
    พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ฯ พระประธานในพระอุโบสถ วัดชนะสงคราม


    ๏ วัดชนะสงคราม

    สาธุชนที่เคยมีโอกาสไปที่วัดชนะสงคราม จะพบเห็นสภาพภายในวัด แลดูสะอาดตา จัดวางสิ่งต่างๆ ได้เป็นระเบียบ ไม่มีของวางระเกะระกะ

    วัดชนะสงครามที่งดงามแก่สายตาคนทั่วไปในเวลานี้ ล้วนเกิดจากวิริยะอุตสาหะ และมันสมองของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นที่ตั้ง พระภิกษุ-สามเณร ทุกรูปปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น วางตนสำรวมอินทรีย์งดงามสมเป็นศาสนทายาท

    รอบพระอุโบสถ มีการจัดตั้งศาลาทำเป็นห้องเรียนศึกษานักธรรม-บาลีอย่างเป็นระบบ จึงมิน่าแปลกใจว่าสำนักเรียนของสมเด็จวัดชนะฯ มีชื่อเสียงโด่งดัง ในปีหนึ่งๆ มีพระภิกษุ-สามเณรสอบได้จำนวนมาก


    ๏ การเผยแผ่หลักธรรมคำสอน

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดชนะสงคราม จะแสดงพระธรรมเทศนาในโบสถ์ทุกวันพระ เวลา 09.30 น. เป็นประจำมิเคยขาด โดยในวันพระจะไม่รับกิจนิมนต์ข้างนอก ยกเว้นงานพระราชพิธีเพียงอย่างเดียว

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ไม่เคยปิดกั้นสำหรับญาติโยมที่ขอเข้าพบ ท่านไม่เคยถือตัว ใครมาก่อนพบก่อน ใครมาทีหลัง ต้องนั่งรอพบทีหลัง

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ สนทนาธรรมกับญาติโยมทุกคนอย่างไม่ถือยศถือองค์ วางตัวปกติ สำรวม สง่างาม เป็นบุญตาและบุญใจของผู้พบเห็น ใครมากราบไหว้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ทั้งนั้น ท่านไม่ห้าม ท่านวางตัวอย่างเท่าเทียมกันหมดทุกชนชั้นวรรณะ ข้อธรรมคำสอนของท่านถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เตือนสติผู้อ่านได้ยั้งคิดทุกยาม อาทิ “รู้ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ สุจริต คบมิตรดี เลี้ยงชีวีพอประมาณ” เป็นต้น

    นอกจากนี้ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ยังได้ลิขิตหนังสือ “ตำนานพระปริตร” ซึ่งเป็นหนังสือที่มีสาระเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาโดยตรง อรรถาธิบายแก่นธรรมแห่งพุทธองค์สู่พุทธศาสนิกชน รวมทั้งพระภิกษุ-สามเณรทั่วไป อาทิ ในบทนมัสการ ท่านลิขิตข้อความสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ก่อนจะเริ่มกิจกรรมทางพระศาสนาจะต้องตั้งนโม 3 จบ ไม่ว่าจะเป็นการใดๆ ทั้งนั้น แม้ที่สุดถวายสังฆทานก็ต้องเริ่มด้วยนโม 3 จบก่อน”

    [​IMG]
    สมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร)


    ๏ การปกครองคณะสงฆ์

    ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ท่านถือหลักให้ผู้อยู่ในปกครองทุกคนสำนึกในหน้าที่ ประพฤติดีถูกต้อง ยกย่องสรรเสริญ ประพฤติผิดต้องลงโทษตามแต่กรณี ไม่มีละเว้น

    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้กล่าวปรารภเป็นข้อคิดเตือนใจสาธุชนว่า “หลวงพ่อเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าถ้าเราทำอะไรอย่างบริสุทธิ์ใจแล้วก็จะเจริญงอกงาม แต่ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจ ต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรในผลสุดท้าย เราต้องเชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์เป็นสำคัญ”

    ข้อธรรมคำสอนของท่านถือว่าศักดิ์สิทธิ์ เตือนสติให้ผู้ฟังผู้อ่านได้ระลึกถึงเตือนสติทุกยาม

    แม้ทุกวันนี้ ด้วยภาระหน้าที่อธิบดีสงฆ์วัดชนะสงคราม, เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และกรรมการมหาเถรสมาคม ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ทุ่มเทอุทิศงานสนองพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์ไทยอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย ยังคงทำงานหนัก จำวัดดึก เพื่อตรวจตรางานทุกชิ้นอย่างละเอียดรอบคอบ ตรวจทุกตัวอักษร

    ดังคำปรารภที่ว่า “เราเป็นพระเถระผู้ใหญ่ ไม่ได้สบายอย่างที่คิด ต้องทำงานหนักหลายสิบเท่า ผิดเป็นไม่ได้ เป็นพระผู้ใหญ่มีหน้าที่ดูแลงานคณะสงฆ์ เขามอบหมายหน้าที่ให้ก็ต้องทำ ต้องทำให้ดี คนอื่นจะว่ากล่าวติเตียนเราไม่ได้”

    สมกับเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของวัดชนะสงครามและพุทธบริษัททั้งหลาย


    ๏ งานเจริญอายุครบรอบ 86 ปี

    ในวันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2552 นี้ ถือเป็นวาระอันมงคลฤกษ์อีกคราหนึ่งที่ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) ได้เจริญอายุครบรอบ 86 ปี เหล่าคณะศิษยานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดและญาติโยมผู้เลื่อมใสในพระมหาเถระแห่งวัดชนะสงคราม ต่างร่วมใจกันจัดงานมุทิตาจิตสักการะฉลองอายุวัฒนมหามงคล เป็นประจำทุกปี ไม่มีงานเลี้ยงใหญ่โต เน้นที่ความเรียบง่ายเป็นสำคัญ

    ช่วงเช้าตักบาตรพระภิกษุสามเณร เลี้ยงอาหารผู้มาร่วมงาน ช่วงสายแขกบุคคลสำคัญและพุทธศาสนิกชนทั่วไปเข้าถวายมุทิตาจิตสักการะตามลำดับ มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ภายในพระอุโบสถ เป็นงานครั้งเดียวในรอบปี จึงเป็นกาลอันสมควรที่จะได้ร่วมกันถวายมุทิตาสักการะอย่างยิ่ง

    [​IMG]
    นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ในขณะนั้น)
    ได้เข้าน้อมถวายสักการระ เนื่องในงานฉลองอายุวัฒนมงคล 86 ปี
    ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) ณ วัดชนะสงคราม

    [​IMG]

    [​IMG]
    บรรยากาศในงานฉลองอายุวัฒนมงคล 86 ปี เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552
    ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสฺสโร) ณ วัดชนะสงคราม



    .............................................................

    ♥ คัดลอกมาจาก ::
    หนังสือพิมพ์ข่าวสด หน้า 1 คอลัมน์ มงคลข่าวสด
    วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5918


    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10703

    </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD class=postdetails vAlign=bottom height=40></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=row1 vAlign=bottom noWrap></TD></TR><TR><TD class=spacerow colSpan=2 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=row2 vAlign=top align=middle rowSpan=2>

    [​IMG]

    </TD><TD class=row2 vAlign=top><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=postdetails></TD><TD vAlign=top noWrap align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    สายรัดข้อมือมงคล 96 พรรษา 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราช


    นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เป็นของดีราคาถูกหาได้ตามธนาคารหลายแห่งแถมมีพลังแรงอีกต่างหาก ก็สมเด็จธีฯ ท่านเป็นประธานเสกเอง พลังจิตในสายรัดข้อมือจึงแรงไม่เบาครับ

    [​IMG]

    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด

    นับเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชนมายุครบ 8 รอบ 96 พรรษา ในวันที่ 3 ตุลาคม 2552 และวโรกาสครบรอบ 20 ปี (2 ทศวรรษ) แห่งการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2552

    เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งถือได้ว่าเป็นที่สุดแห่งความเป็นสิริมงคลของชีวิต ดังนั้น สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดทำโครงการ "สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช" ในราคาชุดละ 199 บาท โดยคุณลักษณะของสายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช เป็นสายรัดข้อมือ 3 สี 3 เส้น มีเส้นสีเหลือง สีขาว และสีฟ้า ซึ่งทั้ง 3 สีเป็นสีสัญลักษณ์ประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช แต่ละสีมีความหมายดังนี้

    สีเหลือง หมายถึง สีแทนพระพุทธศาสนา สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านการปฏิบัติธรรม

    สีขาว หมายถึง สีแทนพระบริสุทธิคุณ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงเพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตร

    สีฟ้า หมายถึง สีวันประสูติ สื่อถึงการเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านปริยัติ

    สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช ได้ผ่านพิธีมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เป็นผู้แทนพระองค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในการประกอบพิธีมังคลาภิเษก

    พระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า ลักษณะของสายรัดข้อมือ สายสีเหลือง ด้านนอก จารึกภาษาบาลีว่า พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ อภิปูชยามิ เอเตน สจฺจวชฺเชน โสตฺถิเม โหตุ สพฺพทา ซึ่งจะเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชและเป็นบทสวดมนต์ที่พระองค์ใช้สวดทุกวัน ด้านในจารึกลายพระหัตถ์ มีตัวเลข 220 ซึ่งเป็นตัวเลขมงคล หมายถึงการครบรอบสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช และตัวเลข 896 เป็นตัวเลขครบ 8 รอบ 96 พรรษา

    สายสีขาว ด้านนอก อัญเชิญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และจารึกพระนาม สด.พระญาณสังวร (ลายพระหัตถ์) ด้านในจารึกพระราชทินนามสมเด็จพระสังฆราช เป็นภาษาไทยและภาษาอังกกฤษ

    สายสีฟ้า ด้านนอก จารึกคติธรรมว่า ปุญญเมว โสสิกฺเขยฺย ควรศึกษาทำความดีแล และจารึกภาษาบาลี อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ ด้านในจารึกคติธรรมปีใหม่ เว้นการควรเว้น ทำการควรทำ เพื่อพัฒนาตนและประเทศชาติ

    พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า "สายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช ได้จัดทำขึ้นจำนวน 2 แสนเส้น พุทธศาสนิกชนที่สนใจสามารถร่วมบริจาคได้ในราคาชุดละ 199 บาท โดยรายได้จะนำไปจัดพิมพ์หนังสือพระนิพนธ์ อาทิ วิธีสร้างบุญบารมี หายใจให้เป็นสุข แจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัดและสถานศึกษาทั่วประเทศ"

    พระครูสังฆสิทธิกร กล่าวอีกว่า "สำหรับพระอาการของสมเด็จพระสังฆราช ในขณะนี้ พระองค์ท่านมีพระอาการแจ่มใส พระพลานามัยสมบูรณ์ แต่จะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ และการดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด จึงขอให้พุทธศาสนิกชนร่วมกันถวายพระพรให้พระองค์มีพระพลานามัยแข็งแรง และร่วมกันใส่สายรัดข้อมือเป็นการเทิดพระเกียรติอย่างพร้อมเพรียงกัน"

    ในโอกาสนี้โครงการสายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช ยังมี 11 พรีเซ็นเตอร์คนดัง อาทิ กวี ตันจรารักษ์, ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล, ดนัย จันทร์เจ้าฉาย, ธีระ ธัญไพบูลย์ผล, จอย - วราลักษณ์ วาณิชย์กุล, รติวัลคุ์ อัษฎามงคล, บรรณ บริบูรณ์, ดนัยภัทร พิบูลสงคราม, และน้องโชกุน - กฤต ศิริสวัสดิ์


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    "เอื้อย (ท่านหลวงตามหาบัวฯ) ตายตาหลัีบแล้ว" ประโยคที่ท่านหลวงตาฯ พูดถึงน้องสาวท่าน จากบันทึกของหนังสือขอกราบเทิดทูนจากคุณแม่จันดี โลหิตดีที่มีไปยังหลวงตา "ตายตาหลับแล้ว" หมายความว่าอย่างไรดูจาก vtr ข้างล่างนี้เอาเองครับ สาธุ...ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นับว่าเป็นอกาลิโกและไม่พ้นสมัยจริงๆ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=OWz1kSvjVoc"]YouTube - กราบเรียนพระธาตุคุณแม่จันดี[/ame]
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">ทำบุญขาดอธิษฐาน
    โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)



    "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

    ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

    "เป็นไงคะ...?"

    การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

    "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

    ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี

    คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน

    เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

    วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

    พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง

    พระอานนท์จึงทูลถามว่า

    "พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าถามว่า

    "อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

    พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี

    แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

    ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี

    เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี

    เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน

    แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทสน์จึงไม่มีผล

    ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า

    "ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    "นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

    เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

    "ใช่ค่ะ"

    คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ.


    ที่มา: จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๑๓
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=middle width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    กายคตาสติ หลวงตามหาบัว

    ที่มา: ขอขอบคุณ เว็บไซต์ลานธรรมสวนะ larndharma.org และคุณoreo1234 ที่นำมาเผยแพร่ครับ



    "...จะพิจารณาไปในวัตถุสิ่งใดก็ตามในโลกนี้
    มันเต็มอยู่ด้วยกองอนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา หาความจีรังถาวรไม่ได้
    อาศัยสิ่งใดสิ่งนั้นก็จะพังลงไป...

    วัตถุสิ่งใดก็ตาม ขึ้นชื่อว่ามีอยู่ในโลกนี้ ล้วนแล้วแต่สิ่งที่จะต้องพังทลาย
    เขาไม่พังเราก็พัง เขาไม่แตกเราก็แตก เขาไม่พลัดพรากเราก็พลัดพราก เขาไม่จากเราก็จาก
    เพราะโลกนี้เต็มไปด้วยความจากความพลัดพรากกันอยู่แล้วโดยหลักธรรมชาติ
    ให้พิจารณาอย่างนี้ด้วยปัญญาให้ชัดเจนก่อนหน้าที่สิ่งเหล่านั้นจะพลัดพรากจากเรา หรือเราจะพลัดพรากจากสิ่งเหล่านั้น
    แล้วปล่อยวางไว้ตามเป็นจริง
    "



    [​IMG]


    ขอเชิญดาวน์โหลดหนังสือกายคตาสติ ซึ่งเป็นหนังสือแสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับการพิจารณาร่างกาย
    และอสุภะกรรมฐาน โดยมีรูปภาพอสุภะต่างๆประกอบ และ เสียงเทศน์ประกอบหนังสือ


    คลิ๊กที่นี่ครับ รายละเอียด และการดาวน์โหลด

    http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=1415.0
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วิธีปฏิบัติของผู้เล่าเรียนมาก โดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    <HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    [​IMG]


    วิธีปฏิบัติของผู้เล่าเรียนมาก *
    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร

    ผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์วินัยมาก มีอุบายมากเป็นปริยายกว้างขวาง
    ครั้งมาปฏิบัติทางจิต จิตไม่ค่อยจะรวมง่าย

    ฉะนั้นต้องให้เข้าใจว่าความรู้ที่ได้ศึกษามาแล้วต้อง
    เก็บใส่ตู้ใส่หีบไว้เสียก่อน
    ต้องมาหัดผู้รู้คือจิตนี้
    หัดสติให้เป็นมหาสติ หัดปัญญาให้เป็นมหาปัญญา

    กำหนดรู้เท่ามหาสมบัติ-มหานิยม
    อันเอาออกไปตั้งไว้ว่าอันนั้นเป็นอันนั้น
    เป็นวันคืนเดือนปี เป็นดินฟ้าอากาศกลางหาว
    ดาวนักขัตฤกษ์สารพัดสิ่งทั้งปวง

    อันเจ้าสังขารคืออาการจิต
    หากออกไปตั้งไว้บัญญัติไว้ว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้
    จนรู้เท่าแล้ว เรียกว่า กำหนดทุกข์ สมุทัย

    เมื่อทำให้มาก-เจริญให้มาก รู้เท่าเอาทันแล้ว
    จิตก็จะ รวมลงได้ เมื่อกำหนดอยู่ก็ชื่อว่าเจริญมรรค
    หากมรรคพอแล้ว นิโรธ ก็ไม่ต้องกล่าวถึง

    หากจะปรากฏชัดแก่ผู้ปฏิบัติเอง
    เพราะศีลก็มีอยู่ สมาธิก็มีอยู่
    ปัญญาก็มีอยู่ในกาย วาจา จิต นี้ที่เรียกว่าอกาลิโก
    ของมีอยู่ทุกเมื่อโอปนยิโก

    เมื่อผู้ปฏิบัติมาพิจารณาของที่มีอยู่ ปจฺจตฺตํ จึงจะรู้เฉพาะตัว
    คือ มาพิจารณากายอันนี้ให้เป็นของอสุภะเปื่อยเน่า แตกพังลงไป
    ตามสภาพความเจริญของภูตธาตุ ปุเพสุ ภูเตสุ ธมฺเมสุ
    ในธรรมอันมีมาแต่เก่าก่อนสว่างโร่อยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน

    ผู้มาปฏิบัติพิจารณาพึงรู้อุปมารูปเปรียบดังนี้
    อันบุคคลผู้ทำนาก็ต้องทำลงไปในแผ่นดิน ลุยตมลุย โคลนตากแดดกรำฝน
    จึงจะเห็นข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวสุกมาได้และได้บริโภคอิ่มสบาย
    ก็ล้วนทำมาจากของมีอยู่ทั้งสิ้นฉันใด ผู้ปฏิบัติก็ฉันนั้น
    เพราะศีล สมาธิ ปัญญา ก็อยู่ในกาย วาจา จิต ของทุกคนฯ

    (หมายเหตุ : เป็นธรรมเทศนาในปัจฉิมสมัยของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    ซึ่งพระภิกษุทองคำ ญาโณภาโส และพระภิกษุวัน อุตตโม จดบันทึกไว้)

    (ที่มา : ชีวประวัติ-ธรรมเทศนา-บทประพันธ์-ธรรมบรรยาย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ,
    พิมพ์ครั้งที่ ๓, ๒๕๕๓, โดยคณะผู้ศรัทธา โรงพิมพ์นพรัตน์ กทม., หน้า ๖๐-๖๒)
    คัดลอกจาก คุณกุหลาบสีชา

    http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=1338.0


     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อีกครั้งกับพระดีที่ควรคู่แก่การบูชา


    สมเด็จพระมหาธีราจารย์พระมหาเถระสุปฏิปันโนแห่งสงฆ์ไทย



    เราหมดหน้าที่แล้ว เป็นคำพูดสุดท้ายของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสรมหาเถร ป.ธ.9) วัดชนะสงคราม ที่บอกแก่ศิษย์ใกล้ชิดก่อนที่จะมรณภาพ....



    โดย...สมาน สุดโต




    เราหมดหน้าที่แล้ว เป็นคำพูดสุดท้ายของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (นิยม ฐานิสสรมหาเถร ป.ธ.9) วัดชนะสงคราม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง หนึ่งในคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และกรรมการมหาเถรสมาคม ที่บอกแก่ศิษย์ใกล้ชิดก่อนที่จะมรณภาพ ซึ่งพระพรหมโมลี (ศ.ดร.สมศักดิ์ อุปสโม ป.ธ.9 Ph.D) วัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม นำมาขยายความให้แก่ญาติโยม ในการแสดงพระธรรมเทศนาประจำวันพระ ที่วัดพิชยญาติการาม เมื่อเช้าวันที่ 12 มี.ค. 2554 ว่าเป็นคำพูดที่คนฟังทั่วๆ ไปได้ฟังคิดว่าเป็นธรรมดาของของที่ใกล้ถึงกาลอวสานแห่งชีวิต แต่หากคิดให้ลึกซึ้งตามหลักแห่งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของพระพุทธศาสนา





    [​IMG]




    คำพูดนี้จัดว่าเป็นคำพูดที่ลึกซึ้ง บอกถึงภาวะแห่งความเป็นอริยสงฆ์ เพราะคำว่าหน้าที่นั้น มิใช่ตำแหน่งหน้าที่การงาน หากแต่เป็นหน้าที่การเกิดใหม่ของท่านนั้นไม่มีต่อไปแล้ว พรหมจรรย์ในทางพระพุทธศาสนาท่านประพฤติจบแล้ว กิจที่จะทำ ท่านทำจบสิ้นแล้ว ท่านจึงเปล่งวาจาว่า เราหมดหน้าที่แล้ว แสดงว่าท่านตัดบ่วงอาลัย ปล่อยวางเพราะเห็นความจริงของสังขารที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
    พร้อมกันนั้นท่านได้เตือนสติอุบาสกอุบาสิกาที่ฟังธรรม เมื่อเช้าวันที่ 12 มี.ค. ว่า อย่าตกอยู่ในความประมาท อย่ามัวเมาว่าไม่ตาย เพราะความตายมาถึงโดยไม่รู้ตัวดังที่พระเถระรูปหนึ่งคือ พระพรหมกวี (วรวิทย์) วัดโมลีโลกยาราม นั่งรถยนต์จะไปปฏิบัติศาสนกิจที่ จ.อุบลราชธานี คนขับหลับในแวบเดียวรถตกข้างทาง มรณภาพโดยไม่คาดคิดมาก่อน
    พระพรหมโมลี ซึ่งบอกอุบาสกอุบาสิกาวัดพิชยญาติการาม ว่าสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงครามปั้นท่านขึ้นมา ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าสมเด็จเป็นพระเถระที่ตรง ไม่ยอมตกเป็นทาสของอามิส มีตัวอย่างให้อ้างได้หลายเรื่อง เช่นเมื่อครั้งที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค ท่านไม่รับนิมนต์ไปในงานฉลองสมณศักดิ์พระรูปใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
    หากมีใครมาถวายปัจจัยเป็นการส่วนตัว ไม่ว่ามากหรือน้อย ท่านจะออกอนุโมทนาบัตรให้ทุกราย เพราะท่านทำงานด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่รบกวนศรัทธาประชาชน
    ในส่วนของการบริหารจัดการการศึกษาปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดชนะสงคราม เป็นดาวเด่น มีนักเรียนผ่านสำนักนี้สอบได้ชั้นสูงสุดคือเปรียญ 9 ประโยคจำนวนมาก ไม่นับประโยคชั้นเปรียญตรี และเปรียญโท ที่ไม่สามารถนำมาเป็นสถิติได้ เพราะมากเหลือเกินตลอดเวลาที่ท่านเป็นเจ้าสำนักมานาน กว่า 40 ปี ทั้งนี้เพราะสมเด็จท่านสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผู้มาเรียนบาลีไม่ว่าชั้นไหน จะมีอาหารเพลเลี้ยงฟรีทุกวัน
    โดยสมเด็จออกทุนเป็นค่าอาหารตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมเด็จ และการบริหารจัดการด้านอาหารถวายพระเณรที่เรียนหนังสือได้ให้บทเรียนที่มี คุณค่าแก่พระพรหมโมลี เมื่อท่านไว้วางใจมอบให้พระพรหมโมลี ดูแลการรับจ่ายค่าอาหารเลี้ยงพระเณร ตอนแรกที่รับผิดชอบนั้น ในบัญชีไม่มีเงินเหลือถึงกับต้องไปเบิกกองกลางมาใช้ พระพรหมโมลีกับเพื่อนร่วมงานจึงปรึกษาหารือว่าต้องหาวิธีให้มีเงินเป็นค่า ใช้จ่ายเฉพาะการเลี้ยงพระเณรที่เรียนปริยัติธรรมให้ยั่งยืนให้ได้ ทางเดียวที่จะทำเช่นนี้ได้คือการจัดทอดผ้าป่า เมื่อนำเรื่องนี้ไปปรึกษาและขอคำแนะนำในฐานะเจ้าสำนักเรียน สมเด็จขณะนั้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมคิดอยู่ครู่หนึ่งก็บอกว่าไม่ควรจัด ผ้าป่าหาเงิน ในเมื่อเรามีเจตนาทำดีอย่างนี้แล้ว ไม่มีเงินก็ต้องเลิก ไม่เสียหายอะไร พระพรหมโมลีบอกว่าเมื่อท่านมีจุดยืนเช่นนั้นพวกเรามีกำลังใจ ทำงานไม่เหนื่อย ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อกิตติศัพท์แพร่สะพัดไป มีผู้นำปัจจัยมาถวาย มีคนมาอุปถัมภ์ถวายปัจจัยเป็นค่าอาหารไม่เคยขาด สิ้นปียังมีเงินเหลือถึง 4 แสนบาท อันนี้สอนพวกเราว่าเมื่อทำอะไรก็ให้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    ปฏิปทาของสมเด็จนั้น พระพรหมโมลีกล่าวว่าสมเด็จเป็นมิตรกับทุกคน เป็นคนตรง ใจนักเลง สิ่งที่คนมีใจนักเลงไม่ชอบคือทุจริต
    นอกจากนั้นท่านมีความขลังทางด้านวิทยาคม เพราะท่านนั้นเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวของหลวงปู่ และหลวงลุงของท่านเสมอ
    ใน การบริหารงาน ท่านสอนเสมอว่าให้ระวังจะถูกลงโทษ เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเหตุ ทั้งนี้เพราะการบริหารงานทุกอย่าง ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา มักทำให้เดือดร้อน


    [​IMG]


    เมื่อท่านจากไป ในฐานะที่สมเด็จเป็นอาจารย์ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร และเป็นที่พึ่งของคณะศิษย์ จึงรู้สึกขาดที่พึ่ง ขาดผู้ปกป้องคุ้มครองไปอย่างน่าเสียดาย แม้จะรู้ว่าไม่มีใครหนีความตายพ้นก็ตาม
    ผู้เขียนเคยติดตามฟังสมเด็จแสดงพระธรรมเทศนาที่วัดชนะสงครามเสมอ จะพบว่าท่านไม่เคยขาดในการแสดงธรรมแม้แต่วันพระเดียว เว้นแต่อาพาธลุกไม่ไหวเท่านั้น
    ในด้านความเมตตาต่อสัตว์ต่างๆ และนกนั้น สมเด็จท่านมีเหนือกว่าท่านอื่นๆ แน่นอน เพราะใครไถ่ชีวิตโค กระบือมาถวาย ท่านจะรับไว้ จนกระทั่งวัดชนะสงครามมีโคหลายสิบตัวในอดีต
    ส่วนนกนั้นท่านเมตตาเลี้ยงหลายชนิด โดยเฉพาะนกเขา มีทั้งเขาฝ่น และเขาชะวา ผู้คนที่กราบสักการะจะได้ยินเสียงนกเหล่านั้นขันเสมอ รวมทั้งนกพันธุ์อื่นๆ อีกนานาชนิด ด้านหลังกุฏิของท่านจึงกลายเป็นแหล่งอภัยทาน มีนกและไก่ขันให้ความสุขแก่ผู้รักธรรมชาติยิ่งนัก
    โดยที่สมเด็จท่านเป็นผู้มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ในวันเข้าพรรษาทุกปี ท่านจะต้องไปทำวัตรรูปปั้นหลวงพ่อเชียง หรือพระราชพฤฒาจารย์ วัดราชบุรณะ (วัดเลียบ) ไม่เคยขาด เช่นเดียวกับการไปถวายสักการะรูปปั้นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา เพราะทั้งสองมีบุญคุณต่อท่านชนิดที่ไม่เคยลืม เช่นหลวงพ่อเชียง เป็นผู้ที่ร้องขอให้ท่านมาอยู่วัดเลียบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ท่านหลบภัยสงครามกลับไปอยู่อยุธยาบ้านเกิด
    สมเด็จเคยอยู่วัดเลียบเมื่อครั้งเป็นสามเณร พ.ศ. 2484-2486 กลับมาอยู่อีกครั้งตามคำร้องขอหลวงพ่อเชียงเมื่อ พ.ศ. 2492 จนกระทั่งรับพระบัญชาไปเป็นเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม เมื่อ พ.ศ. 2508
    ส่วนสมเด็จวัดสามพระยา ซึ่งเป็นชาวอยุธยาด้วยกัน ได้ให้การดูแลและส่งเสริมท่านในหลายๆ ด้าน ทำให้ท่านมีความสามารถ และเข้มแข็งในการบริหารงานคณะสงฆ์ตามรอยของท่านตราบเท่าทุกวันนี้
    เพราะความที่เป็นพระมหาเถระที่มีวัตรปฏิบัติตรงไปตรงมา ทำงานเพื่อพระศาสนามาตลอด เมื่อท่านมรณภาพลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงโปรดฯ ทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ในงานทำบุญ 50 วัน 100 วัน และวันพระราชทานเพลิงศพ หลังครบ 100 วันแล้ว พร้อมกันนั้นได้พระราชทานโกศไม้ 12 พร้อมฉัตรเบญจา 6 คัน และเครื่องประกอบอิสริยยศตามสมณศักดิ์ครบทุกประการ รวมทั้งพวงมาลาหลวงจากทุกพระองค์ สมกับที่ท่านเป็นสมเด็จของประชาชน และชาวพุทธยิ่งนัก



    http://www.posttoday.com



     
  9. krit90

    krit90 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +2,222
    วันนี้โอนเงินร่วมบุญด้วยครับ 200 - เมื่อเวลาบ่ายโมงกว่าๆครับ
    อุทิศผลบุญนี้ที่ข้าพเจ้าได้ทำไปให้เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    ..ขอผลบุญนี้..ให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ..อย่าได้มีโรคภัยไข้เจ็บ..ใดๆเลย..สาธุ...
     
  10. pinkpink

    pinkpink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,246
    ค่าพลัง:
    +11,631
    ร่วมบุญ โอน วันที่15 มีนาคม 54 เวลา18.56
    จำนวน 500 บาท

    อนุโมทนาบุญทุกท่าน ที่ร่วมทำบุญพระภิกษุสงฆ์อาพาธ สาธุ
     
  11. nathaphat

    nathaphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +750
    วันนี้ผมและครอบครัวร่วมทำบุญ 200 บาทครับ
    อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • slip160354.jpg
      slip160354.jpg
      ขนาดไฟล์:
      58.6 KB
      เปิดดู:
      109
  12. วันทนา vijit

    วันทนา vijit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2008
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +359
    อนุโมทนา สาธุค่ะ ดีใจค่ะ
    เคยร่วมทำบุญกับ ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) บัญชีออมทรัพย์ ไปเมื่อปี ที่แล้ว
    เดี๋ยวพอมีกำลังทรัพย์จะร่วมทำบุญด้วยน่ะค่ะ
     
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    จาก forward mail ที่ได้รับมาครับ

    เรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติการณ์ในประเทศญี่ปุ่น

    คนไทยในญี่ปุ่นเปิดเผยบรรยากาศหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และคลื่นยักษ์สึนามิถล่มว่า Adisak Chua: คิดว่าทุกคนกำลังเครียด เลยอยากแบ่งปันเรื่องดีๆที่เกิดในช่วงแผ่นดินไหว (อ่านเจอลิ้งค์จาก ศูนย์กลางข่าวสารแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น โดย สนญ. และ สนทญ.) เป็นเรื่องราวที่คนต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นประสบ http://prayforjapan.jp/tweet.html ขอแปลด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มี


    เรื่องที่ 1 ข้าพเจ้าได้เห็นเด็กน้อยพูดกับพนักงานรถไฟ “ขอบคุณค่ะ/ครับ ที่เมื่อวานพยายามอย่างสุดชิวิตทำให้รถไฟเดินรถได้อีกครั้ง” พนักงานรถไฟร้องไห้ ส่วนข้าพเจ้าร้องไห้ฟูมฟายไปแล้ว (คืนวันที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟหยุดวิ่ง กว่าจะวิ่งได้ก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว)


    เรื่องที่ 2 ที่ดิสนีย์แลนด์ คนติดกลับบ้านไม่ได้จำนวนมาก และทางร้านขายของก็ได้เอาขนมมาแจกนักท่องเที่ยว ก็ได้มีนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มหนึ่งไปเอามาจำนวนมาก มากเกินพอ แว่บแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีคือ อะไรของมึงวะ เอาไปซะเยอะ แต่วินาทีต่อมากลายเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเด็กกลุ่มนั้นเอาขนมไปให้เด็กๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่สามารถไปเอาเองได้เพราะต้องดูแลลูกๆ


    เรื่องที่ 3 ในซุปเปอร์แห่งหนึ่ง ของตกระเกะระกะเพราะแรงแผ่นดินไหว แต่คนซื้อก็เดินไปช่วยกันเก็บของ แล้วก็หยิบส่วนที่ตนอยากซื้อไปต่อคิวจ่ายเงิน ในรถไฟที่เพิ่งเปิดให้ใช้บริการและคนที่ตกค้างจำนวนมากกำลังเดินทางกลับก็ ได้เห็นคนแก่คนหนึ่งลุกให้สตรีมีครรภ์นั่ง คนญี่ปุ่นแม้ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ก็ยังมีน้ำใจ มีระเบียบ


    เรื่องที่ 4 ในคืนแรกที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟไม่วิ่ง ทำให้คนจำนวนมากต้องเดินกลับบ้านแทนการนั่งรถไฟ ขณะที่ข้าพเจ้าต้องเดินกลับจากมหาลัยมายังที่พัก ร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ผ่านร้านขนมปังร้านหนึ่งซึ่งปิดไปแล้ว แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็ได้เอาขนมปังมาแจกฟรีแก่คนที่กำลังเดินกลับบ้าน แม้ภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ น้ำใจเช่นนี้ทำให้หัวใจข้าพเจ้าอบอุ่น ตื้นตัน


    เรื่องที่ 5 ในขณะที่รอรถไฟให้กลับมาวิ่งได้ ข้าพเจ้าก็ได้รออยู่ในอาคารสถานีอย่างเหน็บ หนาว โฮมเลสก็ได้แบ่งปันแผ่นกล่องกระดาษให้ โฮมเลสที่ข้าพเจ้ามองด้วยหางตาทุกวันที่มาใช้สถานี คืนนั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด


    เรื่องที่ 6 (เรื่องราวคืนรถไฟไม่วิ่งเยอะหน่อยนะครับ) ด้วยระยะเวลาสี่ชั่วโมงที่ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ก็ได้ผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตาก็ไปสะดุดกับแผ่นกระดาษที่เขียนว่า “เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ” หญิงสาวท่านหนึ่งได้เปิดบ้านตัวเองให้แก่คนที่กำลังเดินกลับบ้านได้ใช้ วินาทีที่ได้เห็นแผ่นกระดาษนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้ำใจคนญี่ปุ่น


    เรื่องที่ 7 แม้ว่าไฟดับ ก็ยังมีคนที่สู้ทำงานให้ไฟกลับมาติด น้ำไม่ไหลก็ยังมีคนไม่ยอมแพ้ทำให้น้ำกลับมาไหล เกิดปัญหากับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีคนที่พร้อมจะเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมมัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้กลับมาสู่สภาพปกติด้วยตัวมันเอง ขณะที่พวกเราอยู่ในบ้านอันอบอุ่นแล้วก็พร่ำบ่นว่าเมื่อไรไฟมันจะติด น้ำจะไหลน้า ก็มีคนที่อยู่ข้างนอกท่ามกลางความหนาวเหน็บกำลังพยายามสู้อยู่


    เรื่องที่ 8 ในจังหวัดจิบะ คนลุงคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ก็ได้เปรยออกมาว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรน้า เด็กหนุ่มม.ปลายก็ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไปเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พวกผมจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน (ไม่เป็นไร พวกเรายังมีอนาคต!!!)


    เรื่องที่ 9 ขณะที่กำลังได้รับความช่วยเหลือ หลังจากที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านมากว่า 42ชั่วโมง คุณลุงก็ได้กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ เคยมีประสบการณ์สึนามิที่ชิลีมาแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเรามาช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันนะ” แกกล่าวด้วยรอยยิ้ม (สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราคือ ต่อจากนี้ไปเราจะทำอะไรต่างหาก)


    เรื่อง สุดท้าย ก่อนหน้านี้เมืองมันสว่างเกินไป เกินที่จะมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่จริงๆแล้วดาวสวยเช่นนี้เอง ชาวเซนไดทุกคนลองแหงนมองขึ้นไปข้างบนดูซิ (ตรงนี้ไม่มั่นใจว่าแปลว่า ชาวเซนไดทุกคนมองขึ้นไปบนฟ้า รึเปล่า)

    Credit : Adisak Chua
    from Bo Panisa facebook เข้าสู่ระบบ | Facebook

     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระตามรูปนี้เจอที่ไหนให้เก็บไว้อย่าปล่อยผ่านมือ...
    พระปิดตายอดขวัญ หลวงปู่โลกอุดร เสกเต็มคณะ 5 องค์ แต่ระวังของเลียนแบบมีเยอะต้องตรวจด้วยตาใน ถึงจะแน่นอน ไม่งั้น เนื้อใช่ พิมพ์ใช่ แต่หลวงปู่ไม่ได้เสก ราคายังไม่แพง พันกว่าๆ ก็เก่งแล้วครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    http://www2.g-pra.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2011
  15. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    ร่วมบุญด้วยจ้า 400 บาทเมื่อเช้านี้โอนไปแล้วครับ ไว้จะมาทำบุญเรื่อยๆนะครับ จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาจ้า กรรมเอ๋ยเจ้ากรรม
    สวยงามมากนะครับผม และแปลกดีด้วยนะครับ ไม่เคยเห้นลักษณะแบบนี้เลยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2011
  16. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    โมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับ

    วันนี้ก็นำธรรมมาฝากจาก www.yokeedam.com

    ถาม:
    ไม่อยากกลับมาเวียนไหว้ตายเกิดอีกแล้ว ขอคำแนะนำเพื่อปฎิบัติตนให้พ้นทุกข์ในชาตินี้ด้วย


    ตอบ:
    [​IMG]การไม่อยากเกิดนั้น....เป็นเป้าหมายอันถูกต้องที่จะเดินทางตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ถึงแดนอมตะธรรม....โดยไม่ต้องกลับมาเกิดอีก......
    [​IMG]ปุถุชนทั้งหลายล้วนแช่อยู่ในกามทั้งห้า เหมือนแช่อยู่ในน้ำ การทำตัวให้แห้งเหมือนฟืนที่พร้อมจะติดไฟนั้น (คือการรู้แจ้งอริยะสัจสี่ เพื่อดับภพ).....มันต้องขึ้นจากน้ำก่อน..ด้วยการออกบวช...(ทิ้งเรื่องการมุ้งการเมืองเสีย เหลือแต่ตัวกับหัวใจที่ตั้งมั่นในพระศาสนา)......แล้วปฏิบัติตนไปตามพระสูตรที่มีชื่อว่า...."มหาสติปัฏฐานสูตร"....ดังนี้แล........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2011
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เมื่อกิเลส ไหลนอง ยึดครองโลก
    มันสุดแสน โสโครกที่โกรกไหล
    เมื่อกระแส ไฟตัณหา ไหม้พาไป
    ทิ้งซากไว้ ระเกะระกะ อนิจจัง

    [​IMG]
    นำมาฝากกันครับ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2011
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ผู้ประสาทวิชา มหาปุริสลักษณะ


    โดย...อ.ตุ้ย วรธรรม

    ตํารามหาปุริสลักษณะที่มีอยู่ในคัมภีร์ไตรเพท ซึ่งใครที่ร่ำเรียนตำรานี้แล้วย่อมสามารถล่วงรู้ถึงลักษณะของบุคคลที่จะมาอุบัติตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลกและเป็นจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ในโลก ซึ่งพระพุทธเจ้าของเราก็ทรงมีพระลักษณะต้องตามตำรานี้
    เป็นต้นว่า พระองค์ทรงมีพื้นฝ่าพระบาทราบเรียบเสมอกัน ไม่กิ่วพร่องเป็นช่องเช่นเท้าของเราท่านทั้งหลายก็หาไม่ ขณะเมื่อทรงเหยียบลงก็ถูกต้องพื้นเหมือนกัน เมื่อยกจากพื้นก็ยกขึ้นพร้อมกัน
    นอกจากนี้ ที่ฝ่าพระบาททั้งสองข้างยังประกอบด้วยลายลักษณะกงจักรข้างละหนึ่งอยู่ตรงกลางพระบาท และจักรนั้นมีกำหนึ่งพันกำซึ่งประกอบด้วยกงและดุมบริบูรณ์
    ที่ส่วนภายนอกกรอบกงจักรนั้นก็มีรูปมงคลร้อยแปดประการซึ่งเรียกว่า อัฏฐุตรสตมงคล เช่น มีรูปหอกแก้ว รูปดอกพุดซ้อน รูปสายสร้อย รูปสายสังวาล รูปถาดทอง เป็นต้น เป็นบริวารล้อมกงจักรใหญ่ท่ามกลางพระบาททั้งซ้ายและขวา
    พระองค์ทรงมีส้นพระบาทยาวประหลาด แบ่งเป็นสี่ส่วน ส้นพระบาทของพระองค์มีสีแดงงาม นิ้วพระบาทและนิ้วพระหัตถ์ยาวเรียวดุจนิ้ววานร พื้นฝ่าพระบาทแดงละเอียดอ่อนนุ่ม ทั้งฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทวิจิตรด้วยลวดลายเป็นตาข่าย พระองคุลีชิดติดกันจนน้ำมิอาจชำแรกแทรกลงไป เป็นต้น
    นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงไว้ซึ่งพระลักษณะอย่างน้อยอีก 80 ประการ ซึ่งเรียกว่าพระอสีตยานุพยัญชนะ ซึ่งมีอยู่ในพระวรกายของพระองค์ เช่น นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทขาวเหลืองงามวิจิตร นิ้วพระหัตถ์ต้นเรียวปลายแหลมงาม พระนขา (เล็บ) ทั้งยี่สิบมีสีแดง ลักษณะงอนงามช้อนขึ้นเบื้องบน มิได้ค่อมลงในเบื้องต่ำเหมือนเล็บของเราท่าน
    ทรงมีพระบาททั้งสองเสมอกัน มิได้ย่อมใหญ่กว่ากันแม้แต่เท่าเมล็ดงา พระเกศาดำสนิท เส้นพระเกศาละเอียดอ่อน ทรงมีเส้นพระเกศามิได้รู้สยองยุ่ง ทรงมีเส้นพระเกศาเวียนเป็นทักษิณาวัฏ ทรงพระดำเนินอย่างพญาหัตถีอาชาไนย ทรงมีพระลีลางดงามองอาจดุจพญาไกรสรราชสีห์ เป็นต้น
    แล้วตำรามหาปุริสลักษณะนี้ใครล่ะเป็นคนเขียนขึ้นมาจนกลายมาเป็นหลักสูตรวิชาทำนายบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในโลก
    และคงจำกันได้ว่าพราหมณ์ชื่ออัญญาโกณฑัญญะที่ต่อมาได้บวชในพระพุทธศาสนาแล้วปรากฏนามว่าพระอัญญาโกณฑัญญะได้นำตำรานี้มาเป็นเครื่องทำนายสิทธัตถะราชกุมารถึงขั้นฟันธงทางเดียวว่าสิทธัตถะราชกุมารจะได้ออกผนวชและได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลกพันเปอร์เซ็นต์
    ผู้ถ่ายทอดวิชานี้ คือ มหาพรหมชั้นสุทธาวาสองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลชั้นอนาคามีในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน
    โดยมหาพรหมท่านนี้ได้ระลึกถึงพระพุทธศาสนาด้วยความห่วงใยได้รู้แจ้งแก่ใจว่าพระมหาบุรุษจะลงมาอุบัติในนครกบิลพัสดุ์และจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกนี้ แต่จะไม่มีผู้ใดได้ล่วงรู้ถึงพระพุทธลักษณะเพราะขาดความสนใจในพระพุทธศาสนา โดยเหตุที่ว่าในขณะนั้นเป็นเวลาว่างเว้นจากพุทธกาลมาช้านานถึงพุทธันดรหนึ่ง
    มหาพรหมองค์นี้จึงแปลงกายเป็นมหาพราหมณาจารย์ผู้วิเศษลงมาแล้วเพิ่มวิชาการว่าการมหาปุริสลักษณะเข้าไปอยู่ในคัมภีร์ไตรเพท เรียกว่า “พุทธมนต์” จากนั้นสั่งสอนบรรดาศิษย์ให้ได้รู้ถึงพุทธลักษณะ
    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการศึกษาเล่าเรียนตำรานี้สืบๆ กันมา ซึ่งคนที่เรียนตำรานี้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์จะต้องเป็นคนที่มากด้วยวาสนาบารมี เช่น โกณฑัญญะพราหมณ์ จนสามารถทำนายได้ว่าพระสิทธัตถะจะออกผนวชและได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก

    http://www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/อัศจรรย์
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นำมาลงไว้กันลืม ตอนนี้น้องๆ ในทุนนิธิฯ ได้ถ่ายรูปพระพิมพ์โบราณของวังหน้าสมัย ๒๔๐๘ และ ๒๔๑๑ รวมถึงพระพิมพ์สกุลอื่นๆ ไว้มากแล้ว จะได้ทยอย นำมาลงให้ศึกษากันเพื่อเผยแพร่เป็นองค์ความรู้ อย่างไม่ปิดบังกัน สำหรับกิจกรรมของทุนนิธิฯ ประจำเดือนมีนาคม นี้ กำหนด จัดกันในวันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม นี้ รวมถึงนำพระพิมพ์สกุลข้างต้นมาให้ศึกษากันด้วยเช่นกัน โดยรายละเอียดอื่นๆ จะทยอยนำมาแจ้งให้ทราบ ในวันนี้ จึงขอนำภาพถ่ายเก่าๆ ของพระพิมพ์สมเด็จสกุลเจ้าคุณกรมท่า ที่เกิดจากแรงบันดาลใจของท่านเจ้าคุณกรมท่าฯ (ท้วม บุนนาค)และกรมพระราชวังบวรวิชัญชาญ หรือ พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ หรือ พระองค์เจ้า ยอร์ช วอชิงตัน ที่สรรสร้างไว้ให้ลูกหลานของท่านได้มีไว้คุ้มครองป้องกันอันตรายและให้รำลึกนึกถึงพระปริสุทธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นสิริมงคลแห่งชีวิตของตนเองสืบไป สำหรับเนื้อหาของพระพิมพ์นี้นั้น ภาพถ่ายได้ถ่ายไว้ในสเกลที่สูง โดยถ่ายจากกล้องชั้นดีมีความละเอียดมาก คลิกดูที่ระบบการดูภาพได้เลย ไม่หวงกัน ยังเหลือภาพอีกเยอะ รวมถึงพระพิมพ์จริงๆ ที่ผ่านการตรวจจากท่าน อ.ประถม อาจสาคร และฌาณลาภีบุคคลขั้นสูง เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจในความมุ่งมั่นของบรรพบุรุษข้างต้น ว่าท่านไม่ทรยศต่อแผ่นดิน ต่อลูกหลานตนเอง แน่นอน ผมจึงได้ตั้งใจนำมาเผยแพร่กัน ส่วนยอดเงินที่เตรียมบริจาคในเดือนนี้นั้น เป็นยอดเท่าเดิมเหมือนทุกเดือนคือ 68,000.- (หกหมื่นแปดพันบาทถ้วน) โดยในวันนี้ ผม และนายสติผู้มีอำนาจลงนามในการเบิกเงินคู่กันได้เบิกมาไว้เพื่อเตรียมบริจาคไปยัง รพ.ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จึงแจ้งให้ทราบในเบื้องต้นครับ


    ในภาพเป็นพระพิมพ์สมเด็จสกุลเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์พระประธานฐานแซมทั้งหมด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2011
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097



    ไม่ทราบคุณลี สับสนอะไรในกระทู้ของทุนนิธิฯ หรือเปล่าครับ ยังไงช่วยลบโพสท์ข้างต้นให้นิดนึงครับ เพราะกระทู้นี้สำหรับการบริจาคเพื่อสงฆ์อาพาธเพียงอย่างเดียวครับ คงไม่สามารถหาพระคณาจารย์ต่างๆ มาเสริมการทำบุญได้ ส่วนพระพิมพ์สกุลข้างต้น คณะกรรมการฯ เรามีไว้ให้ศึกษากัน และอาจจะนำออกให้บูชากันเฉพาะในวันทำกิจกรรมเท่านั้นซึ่งอาจจะเป็นเพียงบางโอกาส ซึ่งผมจะได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทุกครั้งเช่นกัน


    พันวฤทธิ์
    21/3/54
     

แชร์หน้านี้

Loading...