ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR class=row2><TD>เพลงแม่หม้ายกล่อมลูก</TD></TR><TR><TD align=right>[​IMG]นางฉวีวรรณ ดำเนิน (พันธุ)</TD></TR><TR><TD>นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่แก้วนอนแล้วแม่สิกวย นอนสาหล่ากัลยาน้อยอ่อน แม่สิสอนลูกแก้วจอมสร้อยให้ค่อยฟัง เป็นคนนี่ยำเกรงผู้ใหญ่ คารวะละผู้เฒ่าผ่านใกล้หมอบคลาน หย่างใกล้เผิ่นให้เจ้าเอิ้นขอทาง เผิ่นเอิ้นขายเจ้าอย่าได้เว้าหยาบ เป็นคำบาปบ่จบบ่งาม กริยาเลวทรามขายหน้าพ่อแม่ ลูกขี้แพ้พ่อแม่อยากอาย เกิดเป็นชายวิชาเป็นทรัพย์ เผิ่นจั่งนับถือหน้าถือตา บรรพชาสมบทคือบวช ให้หมั่นกวดศึกษาเล่าเรียน การทำเพียรกำจัดกิเลศ บ่เป็นเหตุเสียชาติตระกูล ลูกหล่าแม้ให้มีใจกรุณา ใจเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนดีแม่ให้มีใจก้วงขวง คนทั้งปวงละสิยอยกเจ้า ยามกินเข้าให้คิดถึงคุณควาย พระอิศวรเผิ่นจึงมาผายโผด บ่เป็นโทษกายวาจาใจ เว้านำไผเผิ่นก้อชมชื่น ไปบ้านอื่นสิมีผู้บูชา เทวดารักษาปกป้อง ฝูงพี่น้องยอย่องสรรเสริญ อื้อ ฮือ อือ อื้อฮือ อือ ฮือ อื้อ อือ ...


    เจ้าหากแม่นหลานปู่ละคนฮู้ผู้ดี แนวเศรษฐีลังกามาเกิด ผู้ประเสริฐโตเจ้าจงนอน ให้เจ้าฟังคำสอนละพุทโธโอวาท ฝูงนักปราชญ์เอิ้นผู้ฟังธรรม รัตนังอุควรคำมาก เหตุยุ่งยากนอนแล้วบ่หนี สวัสดีนอนหลับคนตื่น คันบวชเข้าในศาสนา เป็นบุญญาถมคุณพ่อแม่ พ่อแม่เฒ่าให้เลี้ยงรักษา ยามเพิ่นมรณาทำบุญส่งให้ ลูกจึงได้ซื่อว่าคนดี เอ่อ เอ้อ เออ เอ้อ เอ่อ เออ... อื้อ อือ อือม์
    นอนสาเด้อหล่าหลับตาแม้สิกล่อม แม่สิไปเข็นฝ้ายเดือนหงายเว้าผู้บ่าว แม่สิเอาพ่อน้ามาเลี้ยงให้ใหญ่สูง แนวโตเป็นกำพร้าอนาถาบ่มีพ่อ ทุกข์แท้น้อลูกแก้วแนวเจ้าพ่อบ่มี พ่อตายแล้วซิ่นแม่ขาดคาขา พ่อตายแล้วนาก็ขาดเข้าบ่มีเสาสิค้ำขื่อแม่เด้ ความทุกข์มาสู่มื้อลุงป้าบ่ว่าดี ตั้งแต่ก่อนก่อนกี้ตั้งแต่พ่อเจ้ายังมี ไผก็ดีปานหยังหมู่ฝูงลุงป้า อาว์อาพร้อมถนอมดีเกื้อกล่อม พ่อบ่มีเพิ่นบ่เว้าลุงป้าบ่ว่าหลาน

    พริกกะอยู่เฮือนเหนือ เกลือกะอยู่เฮือนใต้ หัวสิงไคอยู่บ้านเผิ่น ขึ้นเฮือนลุงเพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนอาว์เพิ่นก็เว้า ขึ้นเฮือนย่ากะบ่ได้กลัวย่านแต่แก่มกิน นอนสาหล่านอนอู่สายปอ นอนกะทอ ยาฮ้างสงนางบ่มีพ่อ เชือกอู่ขาดฮ้อยต่อบ่ติดกัน แม่นไผน้อสิมาฝั้นเลนปอเป็นเชือกอู่ ลูกแม่เอย นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่ฝ้ายป้ายใส่อู่ไหม นางสายใจนอนสาเจ้าอย่าตื่น ฮอดมื้ออื่นยามเซ้าแม่สิไป แม่สิไปหาไม้หลัวฟืนคั่นมาผ่า เพราะแม่เป็นแม่ฮ้างผัวสิเลี้ยง... แม่นบ่มี ผัวซิซ้อน แม่นบ่มี... เอ้ย.... นอ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR class=row3><TD>เพลงกล่อมลูกโคราช</TD></TR><TR><TD align=right>[​IMG]นางรำไพ เสริมรำ </TD></TR><TR><TD>เออ... เออ อือม์ แมวขาวเอย ไต่ไม้ราวหางยาวโยนเยิ่น ไต่ไม้เป็นโยนไปโยนมา เออ เอ่อ เออ แม่กาเอย อือม์ แม่กาเหว่า เอาไข่ไปฝากรังเขา แล้วเจ้าก็บินหนีมา เอย... เอย อือม์.... ว่านางแม่พระธรณีเอย... เอย อือม์.... แม่ธรณีเจ้าขา ลูกขอฝากหลานน้อยกลอยตา เอย ให้แม่ช่วยดูแล ด้วยเทอญ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2009
  2. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ก่อนถึงวันแม่วันที่ 12 สิงหานี้ ความหมายของ "แม่" ในทางศาสนา นับว่าทุกศาสนาต่างมีความหมายของ "แม่" ในฐานะผู้ให้กำเนิดไว้ยิ่งใหญ่มาก ลองอ่านดูกันครับ


    แม่ในทางศาสนา
    วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล


    แม่เป็นบุคคลที่ศาสนายกย่องเชิดชูมากเป็นพิเศษ เพราะความรักของแม่เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากจนเกินกว่าที่จะตอบแทนได้ ความกตัญญูรู้คุณเป็นคุณธรรมที่ศาสนาสอนให้ผู้เป็นลูกมีอยู่ทั้งในใจและในการกระทำ ลูกที่มีความกตัญญูรู้คุณแม่เป็นตัวอย่างของคนดีในศาสนา คำสอนทางศาสนาจึงเน้นความสำคัญของแม่ ความรักของแม่ และวิธีตอบแทนพระคุณแม่อย่างสูงยิ่ง


    ในทัศนะของพระพุทธเจ้า แม่คือพรหม ผู้ให้ชีวิต เป็นพระอรหันต์ผู้มีความรักบริสุทธิ์เป็นครูคนแรกที่สอน ให้ความรู้ คำแนะนำและคำตักเตือนที่มีคุณประโยชน์ เป็นเทวดาผู้ให้ความคุ้มครองปกปักรักษาในทุกเมื่อ และเป็นผู้ที่เมื่อเคารพบูชาแล้วได้บุญกุศลเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อแม่เป็นพระอรหันต์ในครัวเรือนอยู่ใกล้เรา จึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปแสวงหาพระอรหันต์ที่อยู่ห่างไกลสำหรับกราบไหว้บูชาให้ได้กุศลผลบุญ

    สำหรับความรักของแม่นั้น พระพุทธเจ้าทรงถือว่า ความรักของแม่สูงส่งเหนือความรักใดเพราะเป็นความรักที่มีคุณธรรมของพรหมวิหาร ๔ ครบถ้วน คือมีเมตตา ความปรารถนาดีต่อลูกตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ กรุณาช่วยเหลือให้ลูกให้พ้นทุกข์ มุทิตายินดีเมื่อลูกได้ดี และอุเบกขารู้จักวางเฉยในเรื่องและในเวลาที่สมควร

    ในพุทธศาสนาแม่ที่กล่าวถึงกันมากได้แก่พระนางมัทรี พระชายาของพระโพธิสัตว์เวสสันดรในพระชาติสุดท้ายก่อนที่จะถือกำเนิดเป็นพระพุทธเจ้า “กัณฑ์มัทรี” ในวรรณกรรมพุทธศาสนา เรื่อง เวสสันดรชาดก วรรณกรรมเรื่องนี้พรรณนาความรักของพระนางที่มีต่อพระกัณหาและพระชาลีได้อย่างน่าจับใจ เป็นตัวอย่างความรักของแม่ที่เต็มไปด้วยความอาลัยรักและเป็นห่วงเป็นใยในความทุกข์สุขของลูกจนไม่คำนึงถึงตัวเอง พระนางสิริมหามายาพระพุทธมารดาเป็นแบบอย่างของแม่ที่มีบุญคุณต่อโลกอย่างล้นเหลือในข้อที่ ได้ให้กำเนิดแก่พระพุทธเจ้าผู้ช่วยมวลมนุษย์ให้พ้นทุกข์และพบความสุขที่สูงส่งกว่าความสุขทั้งหลายจนหาที่เปรียบไม่ได้

    พุทธศาสนามหายานถือว่า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา ในงานปฏิมากรรมและจิตรกรรม พระโพธิสัตว์องค์นี้มีรูปลักษณ์ต่างๆ ในบางปางมีพระพักตร์พันพระพักตร์และมีพระหัตถ์เป็นจำนวนพัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่จะสอดส่องมองเห็นความทุกข์สุขของสัตว์โลกได้ทั่วถึง พร้อมทั้งทรงมีอานุภาพที่จะช่วยเหลือ ให้พ้นทุกข์ได้ มีเรื่องเล่าว่าน้ำในมหาสมุทรในโลกของเรานี้ เกิดจากน้ำพระเนตรของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเมื่อครั้งที่ท่านประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต และทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ของสัตว์โลกทั่วจักรวาล จึงมีพระทัยมุ่งมั่นที่จะไม่เข้านิพพานจนกว่าจะช่วยเหลือสัตว์โลกทุกชีวิตให้ข้ามห้วงมหรรณพไปได้

    พระโพธิสัตว์องค์นี้มีปางต่างๆที่เป็นสตรีหลายปางด้วยกัน ปางที่รู้จักกันมากคือปางที่เป็นเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งมีหลายรูปลักษณ์เช่นกัน เช่นภาพที่ประทับนั่งบนดอกบัวแสดงให้เห็นความรักความเมตตาอันบริสุทธิ์ที่ทรงมีต่อสัตว์โลก ภาพที่ถือหม้อน้ำมนต์สำหรับรักษาเยียวยาผู้มีความทุกข์ทั้งกายและใจ ภาพที่ประทับบนก้อนเมฆที่ปลิวไปทุกสารทิศพาพระองค์ไปช่วยเหลือคนในที่ต่างๆ รูปเจ้าแม่กวนอิมอีกรูปหนึ่งที่รู้จักกันมากมีพระพักตร์งามพิเศษ แสดงว่าพระองค์ทรงเป็นเทพมารดาแห่งสันติภาพและความดีงาม ผู้ที่เคารพบูชาเจ้าแม่กวนอิมจึงจะได้รับพลังบริสุทธิ์จากพระองค์ที่จะช่วยให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ และความทุกข์นานาประการ พร้อมทั้งมีพลังมากพอที่จะสร้างสันติภาพความดีงามให้เกิดขึ้น ในโลกได้

    ในเรื่องของความกตัญญูกตเวทีนั้น พระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างที่ดี ได้เสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาที่จุติเป็นเทวบุตรถึงในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และทรงเทศน์สั่งสอนเป็นเวลา ๓ เดือนจึงเสด็จกลับ

    พระพุทธเจ้าทรงมีความกตัญญูรู้คุณตั้งแต่ในสมัยที่เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ดังที่เล่าไว้ในชาดกต่างๆ เช่น ชาดกเรื่อง พระสุวรรณสามผู้เลี้ยงดูบิดามารดา ตาบอดในป่าด้วยความกตัญญูรู้คุณ แม้เมื่อเสวยพระชาติเป็นสัตว์ พระโพธิสัตว์ก็มีคุณธรรมของความกตัญญูกตเวทีอยู่เช่นกัน พระชาติที่เป็นช้างเผือกดูแลแม่ช้างตาบอดเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

    โดยเหตุที่ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณธรรมที่มีความสำคัญเช่นนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้พระสงฆ์นำบิดามารดาของตนมาเลี้ยงดูที่วัดได้โดยไม่ถือว่าเป็นการทำผิดพระธรรมวินัย และทรงสอนวิธีต่างๆที่ลูกจะตอบแทนบุญคุณแม่เช่นเชื่อฟังคำสั่งสอนและคำตักเตือนของท่านไม่ประพฤติตนเหลวไหลให้แม่เสียใจไม่สบายใจ รักษาชื่อเสียงของ วงศ์ตระกูล เลี้ยงดูท่านให้สบายทั้งทางกายและทางใจ และทำบุญอุทิศกุศลให้เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว การสนองคุณพ่อแม่ที่พุทธศาสนาเน้นเป็นพิเศษคือการช่วยให้พ่อแม่รู้ธรรมจะได้มีโอกาสมีความสุขที่สูงส่งกว่าความสุขทั่วไป และสามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด

    ในศาสนาคริสต์ แม่ได้รับการยกย่องเชิดชูเช่นกัน ศาสนาคริสต์ใช้ความรักของพระมารดาของพระเยซูเป็นตัวอย่างของความรักของแม่ที่มีต่อลูกที่เริ่มมีตั้งแต่ ยังทรงครรภ์จนถึงเมื่อพระเยซูสิ้นชีพลง จิตรกรและปฏิมากรที่มีชื่อเสียงของโลกหลายคนได้นำความรักนี้มาแสดงให้เห็นในเรื่องราวต่างๆในประวัติของพระเยซู เช่นตอนพระนางอุ้มพระเยซูที่เป็นทารกพร้อมกับการทำงานอาชีพซึ่งได้แก่การทอผ้าไปด้วย และตอนที่พระเยซูถูกตรึง ไม้กางเขน พระนางก็ไปเฝ้าดูทุกวันด้วยความอาลัยรักและห่วงใย นอกจากนั้นเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์แล้วพระนางก็เป็นผู้รับพระเยซูลงจากไม้กางเขน ภาพความรักที่พระนางมีต่อพระเยซูเป็นตัวอย่างความรักของแม่ในศาสนาคริสต์ ภาพที่คุ้นตากินใจชาวคริสเตียนทั่วโลก คือภาพของพระนางอุ้มพระเยซูที่เป็นทารกและ เรียกภาพนี้ว่ามาดอนนาหรือ “แม่พระ” ศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคทอลิคให้ความสำคัญแก่ “แม่พระ” มากเป็นพิเศษ ในโบสถ์ของชาวคริสตังมักมีรูปมาดอนนาแม่พระประดิษฐานอยู่พร้อมเครื่องบูชา ในประเทศสเปน ฝรั่งเศสและอิตาลีมีพิธีแห่แม่พระเป็นประจำปีเพื่อให้คนทั่วไปได้แสดงความเคารพนับถือ

    ศาสนาอิสลามเป็นอีกศาสนาหนึ่งที่ยกย่องเชิดชูผู้เป็นแม่อย่างสูงส่ง วจนะของ ท่านนบีมุฮัมมัดที่ว่า “สวรรค์อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมารดา” แสดงให้เห็นว่าการที่ผู้เป็นลูกจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรกนั้น อยู่ที่การปฏิบัติต่อมารดาบังเกิดเกล้า เพราะแม่เป็นผู้มีบุญคุณล้นเหลือเริ่มตั้งแต่ที่อุ้มครรภ์ แม่ก็มีภาระหนักโดยกล้ำกลืนอาหารเข้าไปเจือจานทำนุบำรุงทารกในครรภ์ ภาระอันหนักนี้บางคราวบางครั้งถึงกับทำให้แม่เป็นลมหน้ามืดหรือถึงกับล้มลง สิ้นสติและในขณะที่คลอดลูก แม่ก็ต้องเสี่ยงชีวิต ต้องเสียเลือดจำนวนมากกับการคลอดลูก แม่ที่เสียชีวิตจากการคลอดลูกมีอยู่หลายราย และเมื่อคลอดลูกแล้ว แม่ก็ต้องทำนุบำรุงเลี้ยงดูลูกแบบที่เรียกว่า ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเป็นเวลาหลายปีกว่าลูกจะเติบโต ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺจึงบัญญัติให้ลูกทุกคนรู้คุณของแม่และรู้จักตอบแทนบุญคุณนั้นให้ถูกต้องเหมาะสมดังคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า “และเราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดามารดาของเขา โดยที่ มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขา ในระยะเวลาสองปี เจ้าจงขอบคุณข้า และบิดามารดาของเจ้า.........และจงอดทนอยู่กับเขา ทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี” ความรักของแม่นอกจากเป็นการฟูมฟักเลี้ยงดูลูกตามธรรมชาติของความเป็นแม่แล้ว ยังประกอบด้วยการทำหน้าที่ตามพระบัญชาของอัลลอฮฺด้วย หน้าที่นี้ได้แก่การสั่งสอนอบรมลูกให้เป็นมุสลิมที่ดี ดังนั้นในทัศนะของศาสนาอิสลามแม่จึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อลูกทั้งในฐานะผู้ให้ชีวิต ผู้อุปการคุณและผู้ช่วยเหลือในการพัฒนาตนให้เป็นคนดีตามคำสอนของศาสนา การปฏิบัติต่อแม่อย่างรู้คุณเป็นความดีที่จะทำให้อัลลอฮฺเมตตาและส่งผลให้ผู้นั้นได้รับความสุขนิรันดร์ในสวรรค์หลังสิ้นชีวิต

    อาจสรุปได้ว่าในทุกศาสนาโดยเฉพาะศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลามต่างถือว่าแม่เป็นบุคคลสำคัญที่ควรได้รับการยกย่องเชิดชู ความรักของแม่เป็นความรักที่ทดแทนได้ยากหรือแทบไม่ได้เลย บุญคุณของแม่เริ่มจากการให้กำเนิดชีวิตลูก ตามด้วยการรับภาระหนักในการอุ้มครรภ์ ความเจ็บปวดในการคลอดลูกการทะนุบำรุงดูแลลูกที่ยังเป็นทารกแบบไม่ให้ริ้นยุงถูกเนื้อถูกตัวไปจนถึงการสอนอบรมลูกให้เป็นคนดี ถึงแม้ว่าการแพทย์สมัยใหม่จะช่วยให้การอุ้มครรภ์และการคลอดลูกมีอันตรายต่อแม่น้อยลง แต่ในการมีลูกแต่ละคนนั้นแม่ก็ยังต้องเสี่ยงชีวิตอยู่นั่นเอง ดังนั้นบุญคุณของแม่ยังคงมีอยู่ผู้เป็น “แม่อุ้มท้อง” ผู้อุ้มครรภ์แทนแม่เกิดจึงเป็นผู้มีบุญคุณต่อเราเช่นเดียวกับ “แม่เลี้ยง” ผู้เลี้ยงดูอุปถัมย์เราแทนแม่ในสายเลือดที่ตายไปก่อน การเลี้ยงลูกเป็นงานละเอียดอ่อนและซับซ้อน แม่ทำงานนี้โดยไม่หวังการตอบแทนประโยชน์ให้แก่ตน แต่ทำด้วยความเสียสละทั้งเวลา แรงกายแรงใจ และทุนทรัพย์ดังนั้นศาสนาจึงสอนลูกให้รู้บุญคุณแม่และรู้จักตอบแทนบุญคุณนี้ให้เหมาะสม การมีความกตัญญูกตเวทีต่อแม่จึงเป็นหน้าที่สำคัญของลูกทุกคน การปฏิบัติหน้าที่นี้ได้สำเร็จจะมีผลดีต่อลูกทั้งในโลกนี้และในสัมปรายภพ

    ของขวัญวันแม่ที่ดีที่สุดคือ การทำความดีต่อแม่เดี๋ยวนี้เวลานี้ ก่อนที่แม่จะแก่ชรา
    และล่วงลับจากไป

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อีกเสี้ยวหนึ่งของคนกลุ่มหนึ่งเช่นกัน กลุ่มนี้น่าสงสารมาก เวลามีการจัดงาน ไม่ว่าจะเป็นวันพ่อ หรือวันแม่ น้องๆ กลุ่มนี้บางคนถูกทอดทิ้งไม่เคยเห็นหน้าผู้ให้กำเนิดมาตั้งแต่เกิด หรือพ่อแม่หย่าร้างกัน เหมือนอย่างลูกศิษย์ของผมคนหนึ่ง พรุ่งนี้แล้วที่โรงเรียนที่ผมดูแลจะจัดงานวันแม่ แต่น้องคนนี้ แม่กินยาตายเพราะความจน พ่อติดคุกตลอดชีวิตเพราะปล้นเพื่อให้เอาเงินมาให้ลูกคือน้องคนนี้ และน้องชายอีกคนหนึ่งเรียนหนังสือและอยู่กิน ทุกวันนี้อยู่กับยายที่แก่มาก น้องเขียนจดหมายฝากอาจารย์ที่ปรึกษามา เขียนขอทุนเมตตาธรรมที่ผมให้จัดตั้งขึ้นมาและเป็นประธานพิจารณาเอง พรุ่งนี้แล้วสิน๊ะ ที่หลายคนต้องเข้าห้องประชุมเพื่อรอเข้าพิธีการงานวันแม่ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีแม่มาร่วมด้วย ยังคิดไม่ออกเลยว่า พรุ่งนี้ น้องคนนี้จะมามัย ถ้ามาแล้วจะรู้สึกอย่างไร นี่คือหนึ่งในหลายรายของสภาพสังคมปัจจุบันที่ค่อนข้างแย่ สำหรับครอบครัวในจังหวัดระยอง จังหวัดที่มีปัญหาสังคมมากที่สุดจังหวัดหนึ่ง ทั้งเรื่องการหย่าร้าง และย้ายถิ่น บางทีเล่นเอาเครียดจนนอนไม่หลับเลยก็มี เพราะปัญหาของเด็กเพียง 15-16 ปี มันหนักจนไม่น่าเชื่อว่าแกจะแบกไหวได้อีกนานเท่าไร? ปัญหาของเราที่ว่าหนักแล้ว แต่เจอปัญหาครอบครัวของเด็กพวกนี้แล้ว ทำให้เรามีแรงขึ้นอีกเยอะเลยทั้งช่วยเด็ก และช่วยพระสงฆ์อาพาธ

    เรียงความเรื่องแม่ ...เมื่อไม่มีแม่ <sup></sup>
    ถ้าแม่ฟังอยู่ไม่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่ว่าแม่เป็นใคร ช่วยส่งรักกลับมา ถ้าแม่ฟังอยู่คิดถึงหนูหน่อยหนา หนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี <object style="width: 44px; height: 37px;" codebase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=6,0,29,0" classid="clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000" height="37" width="44">
    <embed src="http://i150.photobucket.com/albums/s116/araya125/mama-1.swf" wmode="" quality="high" menu="false" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" type="application/x-shockwave-flash" height="54" width="45">
    </object><table class="ts" style="width: auto;"><tbody><tr><td colspan="2">[ame="http://www.youtube.com/watch?v=ye7G2_PuT2s"]เรียงความเรื่องแม่[/ame]</td></tr><tr><td style="padding-right: 7px; padding-top: 5px;" valign="top" width="1%">





    </td><td style="padding-top: 5px;" valign="top">






    </td></tr></tbody></table>
    เพลงนี้สำหรับคนไม่มีแม่...ฟังแล้วเศร้าจังเลย.... อีกหลายคนโหยหาแม่...ขอเป็นกำลังใจให้...แม้ไม่มีตัวตนแม่อยู่กับเราแต่เชื่อว่ามีแม่อยู่ในใจเสมอ...ใช้พลังของแม่ที่อยู่ในใจเราเป็นแรงบันดาลใจให้เราเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง สู้ต่อไป...เพื่อแม่... โชคดีที่มีแม่...เคยสัญญากับแม่มาตั้งแต่เด็กว่า “หนูจะเป็นคนดี” ก็ยังคงบอกกับแม่เช่นเดิมไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหนก็ตาม...
    • สำหรับเด็กบางคนที่ไม่มีโอกาส...จะให้โอกาสเมื่อมีโอกาสจะให้...
    เรียงความเรื่องแม่ ขับร้อง : น้องๆจากบ้านราชวิถี บ้านมหาเมฆ




    คุณครูสั่งให้เขียน เรียงความเรื่องแม่ฉัน บอกให้ส่งให้ทันวันพรุ่งนี้
    มันยากจังทำไม่ไหว หนูแม่ไม่มี แล้วจะเขียนให้ดียังไง
    *เป็นห่วงก็ไม่รู้ ดูแลก็ไม่คุ้น กอดแม่อุ่นจริงๆมันจริงไหม
    หร้อมหน้ากันทานอาหาร เคยมีแค่ฝันไป ไม่มีเพลงกล่อมใดไม่มี
    **ห่มผ้าไม่เคยอุ่นเลย กอดหมอนไม่เคยอุ่นใจ นอนหลับไปอย่างเดียวดายทุกที
    ไม่มีอะไรจะเขียน ให้ครูได้อ่านพรุ่งนี้ บนหน้ากระดาษก็เลอะน้ำตา
    *** ถ้าแม่ฟังอยู่ไม่ว่าแม่อยู่ไหน ไม่ว่าแม่เป็นใคร ช่วยส่งรักกลับมา ถ้าแม่ฟังอยู่คิดถึงหนูหน่อยหนา หนูขอสัญญาว่าหนูจะเป็นเด็กดี

    เข้าไปเยี่ยมชมเค้าหน่อยครับ
    nutim - นู๋ทิมฟังเพลง - เรียงความเรื่องแม่ ...เมื่อไม่มีแม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  4. poh

    poh Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2007
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +59
    สวัสดีครับ
    ได้โอนเงินจำนวน 500 บาททำบุญสงฆ์อาพาธประจำเดือน
    สิงหาคม 2552 ครับ
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ลูกไม่มีแม่ข้างต้น เป็นไปอย่างที่คาด น้องคนที่ไม่มีแม่ วันนี้ซึมและเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ต้องให้อาจารย์ที่ปรึกษาคอยปลอบ ส่วนน้องคนอื่นๆ ที่พาแม่มาทั้งชายและหญิง พอเปิดเพลง "ค่าน้ำนม" "หัตถาครองพิภพ" แล้วต่อด้วยบทขออโหสิกรรมต่อพ่อแม่ เท่านั้นล่ะ ต่อมน้ำตาแตกทั้งครูทั้งศิษย์ งานเลิกแล้วแม่กับลูกเดินกอดกันออกมา ทุกคู่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจในความรู้สึกจริงๆ บางคู่ให้คำสัญญาต่อกัน "หนูจะเป็นเด็กดีที่สุดของแม่ หนูรักแม่ หนูจะไม่ทำให้แม่เสียใจเป็นอันขาด" หรือ "จ๊ะแม่ก็รักลูกที่สุด ลูกคือดวงใจของแม่ ดวงใจของแม่อื่นยิ่งกว่าลูกไม่มี" แล้วแม่ก็อโหสิกรรมให้ลูก เพื่อให้ลูกได้พ้นเคราะห์กรรมที่เคยประมาทต่อพ่อแม่ไว้พร้อมทั้งอวยพรให้ลูกมีความสุขความเจริญ เรานั่งใกล้ ฟังแล้วพาลคอหอยตีบตันไปด้วย บทขอขมานี้น่าสนใจครับ พอดีมีผู้ปกครองที่ทางโรงเรียนเชิญมาเป็นพิธีกรติดมือมาด้วย เลยนำมาลงให้ดูกัน ลองดูในกูเกิ้ลแล้วไม่พบเห็นบทนี้เช่นกัน ลองอ่านดู และไม่สงวนสิทธิในการนำไปใช้ครับ

    [​IMG]

    มาต่อด้วยภาพยนต์เรื่องนี้ ใครจำได้บ้าง
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=vcQzMxv06pE"]YouTube - ???????????????????#[/ame]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2009
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    12 สิงหาคม พ.ศ. 2475
    วันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ

    12 สิงหาคม 2475 วันพระราชสมภพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ มีฐานันดรเมื่อแรกพระราชสมภพคือ หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับ หม่อมหลวงบัว กิติยากร ทรงพระราชสมภพที่บ้านเลขที่ 1808 ถนนพระรามหก ตำบลวังใหม่ อำเภอปทุมวัน จังหวัดพระนคร ซึ่งเป็นบ้านของพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) พระบิดาของหม่อมหลวงบัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานนามว่า “สิริกิติ์” มีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร"


    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

    ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ
    อ.ประถม อาจสาคร
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บทความนี้เป็นบทความสุดท้ายสำหรับวันแม่ในปีนี้ ผมเองเมื่อตอนบ่ายได้ไปกราบแม่ ขอขมาแม่ และให้แม่อโหสิกรรมให้เรียบร้อยแล้ว สบายใจ และสุขใจมาก ใึครยังไม่ไปกราบรีบไปน๊ะ บางทีแม่กำลังรอเราอยู่ก็ได้ ผมไปพร้อมภรรยาและลูกสาว 2 คน เรากราบเสร็จ ก็เรียกลูกมากราบที่ตักย่า สอนว่า ถ้าไม่มีย่าก็ไม่มีพ่อ ไม่มีพ่อกับแม่ก็ไม่มีลูกทั้งสอง มากราบตักย่ากันทั้งสองคน คราวนี้ก็เลยได้ร้องไห้ทั้งย่าทั้งหลาน...

    พรของแม่
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="500"><tbody><tr><td valign="middle">
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    </td> <td valign="middle" width="20">[​IMG]</td> <td valign="middle">[​IMG][​IMG][​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ทหารไทยคนหนึ่ง ต้องมีหน้าที่ออกไปรบกับข้าศึกในสงคราม เขาเป็นคนกำพร้าพ่อ เหลือเพียงแม่ผู้ให้กำเนิดเท่านั้น ก่อนจะจากแม่ไปสู่สมรภูมิ จึงถามแม่ว่ามีวัตถุมงคลที่ศักดิ์สิทธิ์ของพ่อ เป็นสมบัติเก็บไว้ให้กล้าหาญ และเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตรายในการต้องจากแม่จากบ้าน และจากประเทศชาติเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่โดยต้องเสี่ยวกับอันตรายถึงชีวิตได้ในครั้งนี้
    แม่ได้ฟังลูกถามก็ใจหาย เพราะมีความเป็นห่วงลูกและสงสาร โดยที่ไม่มีวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระเครื่อง ตะกรุด หรือผ้ายันต์ เป็นต้น อันเป็นของเก่าแก่และขลังเลย ครั้นจะบอกลูกตามตรงก็กลัวว่าลูกจะเสียกำลังใจ จึงตอบลูกว่า


    "มีของเก่าที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างหนึ่งลูกไปเมื่อไหร่แม่จะเตรียมมอบให้ ของนี้ลูกติดตัวไปแล้วแม่มั่นใจว่าจะช่วยคุ้มครองให้ลูกปลอดภัย และประสบชัยต่อศัตรูไม่รู้จักพ่ายแพ้"


    ลูก ชายได้ฟังก็ดีใจ จึงบอกวันที่กำหนดจะเดินทางให้แม่ทราบโดยยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 2-3 วัน แล้วลาแม่ไปทำธุระอย่างอื่น เมื่อลูกออกจากบ้านแล้ว แม่ครุ่นคิดว่า จะได้สิ่งใดให้ลูกตามที่ลูกต้องการนำติดตัวไป เพื่อเป็นเครื่องคุ้มครองภัย โดยลูกปรารถนา จะได้จากตนและเอ่ยปากขอ เพราะไม่มีสิ่งของที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นนี้เลยในบ้าน และในที่สุดก็คิดได้จึงฉีกชายผ้านุ่งของแม่เองมาม้วนเรียวยาวขนาดพอดี แล้วเอาเชือกเล็กๆ รัดจนแน่นถักด้ายเป็นปลอกหุ้มทับไว้อีกจนหนาแน่นมองไม่เห็นว่าข้างในเป็น อะไร เพียงมองแต่ตาและเอามือคลำดูจะรู้สึกเหมือนว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นหนึ่ง จากนั้นจึงตั้งอธิฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและคุณพระสยามเทวาธิวาชตลอด เทพยดาทุกองค์รวมกับความรักที่แม่มีต่อลูกอย่างแน่วแน่ จงเป็นเสมือนเกราะแก้วที่วิเศษช่วยคุ้มครองป้องกัน และพิทักษ์รักษาลูกซึ่งจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ของชายชาติทหาร ให้มีความปลอดภัย และประสบชัยชนะ อย่าได้มีอันตรายทั้งปวงทุกประการ แล้วแม่ก็เก็บสิ่งที่ทำไว้นั้นเป็นอย่างดี
    ครั้นถึงวันที่ลูกจะเดินทางและเข้ามากราบเพื่อลาและขอพรจากแม่ แม่ให้พรด้วยถ้อยคำที่ดูดดื่ม เป็นที่ประทับใจอย่างยิ่งแล้ว มอบสิ่งที่ทำไว้แก่ลูกโดยบอกลูกว่า


    " สิ่งที่แม่ให้ลูกนี้ แม่เชื่อมั่นว่ามีอานุภาพสูงสุด และศักดิ์สิทธิ์ แท้จริง ของลูกจงเก็บรักษาไว้กับตัวให้จงดี เพื่อเป็นเครื่องช่วยคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ และลูกจะประสบแต่ความชนะทุกครั้งไป โดยไม่รู้จักพ่ายแพ้ต่อศัตรูเลย"


    ลูกชายกราบรับคำพรของแม่และรับของที่แม่มอบให้ขึ้นทูนศีรษะ เพราะเข้าใจว่าเป็นรูปพระเล็ก ๆ ที่เก่าแล้ว แม่จึงถักหุ้มแน่นหนากันหัก หรือคงเป็นตะกรุดที่พ่อเคยใช้ประจำตัว แล้วใส่กระเป๋าเสื้อลาแม่ออกจากบ้านไปด้วยความตั้งใจ โดยมีขวัญและกำลังใจดียิ่งต่อมามิช้านานเขาถูกผู้บังคับบัญชาคัดเลือกส่งไปปฏิบัติงานสงครามโดยต้องอยู่แนวหน้า ทำหน้าที่ต่อสู้รบกับฝ่ายข้าสึกซึ่งเขามีความภาคภูมิใจอย่างมาก
    ทุกครั้งที่ชายผู้นี้ออกทำการรบ เขามีขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม เพราะมีความมั่นใจว่าต้องปลอดภัย ต้องชนะ ด้วยเชื่อมั่นว่าเขามีของดีที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับจากมือแม่ ประจำไว้อยู่กับตัวตลอดเวลา ฉะนั้นจึงเป็นผู้ที่กล้าหาญ ไม่ครั่นคร้ามต่อสัตรูและมีไหวพริบดี ตัดสินในได้ถูกต้อง เฉียบขาดแม้ต้องต่อสู้กับปัจจามิตรถึงขั้นเข้าสู้อย่างใกล้ชิดตัวกัน เขาก็สามารถมีชัยชนะอย่างงดงาม และเป็นที่น่าอัศจรรย์ด้วยแคล้วคลาดไม่ต้องอาวุธศัตรูในการรบเลย ทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับเขาแม้จะแขวนสร้อยห้อยคอด้วยพระเครื่องต่างๆ จำนวนมากองค์ ต้องบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในการรบแต่ละครั้งๆ มิได้ว่างเว้น แต่เขากลับโชคดีกว่าผู้อื่นที่ไม่เคยประสบอันตรายเลย ไม่เคยเสียเลือดเลยทุกครั้งไป จนผู้บังคับบัญชาและเพื่อน ๆ ของเขา เชื่อและพูดกันเป็นเลื่องลือว่า "เขามีของดีที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ วิเศษกว่าผู้อื่น เป็นเครื่องคุ้มครองตัว จึงมีความปลอดภัยจนจิตใจเข้มแข็ง กล้าหาญ ผิดกว่าผู้อื่นทั้งหลาย"
    ครั้น เมื่อสงครามอินโดจีนสงบแล้ว ชายผู้นั้นกลับเข้าประจำการ ณ หน่วยทหารที่ตนสังกัด ไปหาแม่ที่บ้าน กราบแม่และเล่าเรื่องราวที่คนทั้งหลายเลื่องลือให้แม่ฟัง แล้วสิ่งที่ตนมั่นใจว่าเป็นของขลัง อันศักดิ์สิทธิ์นั้นแก่แม่เพื่อเก็บไว้ จะได้มาขอติดตัวไปใช้ใหม่ในเมื่อโอกาสอันสมควร แม่ฟังลูกเล่าเรื่องทั้งปวงด้วยความระทึกใจอยากจะพูดอยากจะชี้แจงให้ลูกเข้า ใจ ว่าของที่ลูกมั่นใจว่าขลังและศักดิ์สิทธิ์นั้น ที่แท้คือผ้านุ่งของแม่ และที่ลูกได้รอดพันอันตรายทั้งปวงทุกประการอย่างน่าอัศจรรย์นั้น
    แท้ จริงก็ด้วยเมตตาจิตของแม่เป็นเครื่องปกปักคุ้มครองอย่างสำคัญ เพราะแม่ได้หมั่นสวดมนต์และแผ่เมตตาอธิษฐานต่อพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยทุกประการ อย่าให้เกิดแก่ลูกและขอให้ลูกมีความสุขในที่ทุกสถาน แม่ผูกใจถึงลูกอธิฐานเพื่อความปลอดภัย และแผ่เมตตาต่อลูกเพราะความรักอย่างแท้จริงแรงใจและแรงรักของแม่จึงเกินพลา นุภาพอันอิ่งใหญ่ส่งผลแก่ลูกสมดังที่แม่มุ่งหวังทุกประการ แต่แม่ก็ไม่ได้พูดอธิบาย ให้ฟังเข้าใจโดยเขารู้ความจริงเรื่องนี้ ในอีกหลายปีต่อมา เมื่อแม่เขาเจ็บหนักใกล้จะสิ้นในตาย จึงกล่าวให้เขาทราบ แต่กระนั้นเขายังเก็บรักษาชายผ้านุ่งแม่ชิ้นนั้นไว้อีกตลอดไป
    ชายผ้านุ่งของแม่แท้ ๆ รวมด้วยความเมตตาของแม่ที่มีต่อลูกที่รักแม่ยังกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่น่าอัศจรรย์ได้ฉะนี้ ฯ


    ขอขอบคุณ


    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2009
  8. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    เพื่อนๆ พี่ๆ ครับ ผมขออนุญาตแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์หนังสือ ผู้ปฏิบัติธรรม สายวัดป่าครับ

    ขอเรียนให้ทราบก่อนว่า ไม่ใช่กระทู้หากิน หาทรัพย์ หากแต่เป็นสิ่งมีค่าที่ผมอยากจะมอบให้ด้วยใจ สัจจะและความจริงใจที่เปิดเผย

    --------------------------------------------

    ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ
    มีท่านผู้รวบรวมนานมาหลายสิบปี ด้วยความศรัทธาหลวงปู่ดูลย์
    ชุดนี้เป็นชุดสุดท้าย ของแท้จาก จ.สุรินทร์ จะไม่มีอีกแล้ว


    ท่านนั้นให้บูชาเฉพาะผู้ที่ศรัทธาหลวงปู่ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง จุดประสงค์คือ เผยแพร่ ให้รุ่นลูกรุ่นหลาน ได้ศึกษาเรียนรู้ ทั้งของจริง และ ของเลียนแบบ ที่มีมากมายในขณะนี้

    ปกแข็ง ห่อปกพลาสติก พิมพ์เป็น 4 สีทั้งเล่ม ทั้ง 203 หน้า

    ในห้างที่้ ต่างจังหวัด จำหน่ายถึง 1,500-2,000-2,500 บาททีเดียว

    หากท่านสนใจ รีบติดต่อ ตอนนี้ราคายังไม่สูง แต่มีจำนวนจำกัด
    แจ้งขอจอง
    แจ้งโอนเงิน
    ส่งที่อยู่
    ต้องรีบนะครับต่่อไปจะหาอีกไม่ได้แล้ว และราคาจะสูงขึ้นแน่นอน


    เชิญที่กระทู้นี้ครับ
    http://palungjit.org/threads/ประมวลภาพพระเครื่อง-วัตถุมงคล-พระราชวุฒาจารย์-หลวงปู่ดูลย์-อตุโล-จ-สุรินทร์-รีบจองนะคะ-หาไม่ได้อีกแล้วนะคะ.199874/

    เพื่อนๆอย่าลืมเข้าไปกันนะครับ
    ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว
    http://wimutti.net/


    หากได้ นส เล่มนี้ไป จะได้รู้ประวัติ และ พระเครื่องรุ่นแรกๆ และทุกๆรุ่นของท่าน จะได้กันตัวเองเอาไว้ ทุกท่านสมควรมีครับ เก็บไว้ให้ลูกให้หลานเถอะครับ

    ที่กล่าวเช่นนี้ ยอมรับว่าเชียร์หนังสือเล่มนี้ แต่ที่สำคัญกว่า กันถูกหลอก และ จะไม่มีอีก แม้ในวัดก็หาไม่ได้ครับ ในอนาคตหนังสือเล่มนี้เจ้าของและดีมานด์ในตลาดจะทำให้ราคาขึ้นแน่นอนและจะหาไม่ได้ทีเดียวครับ
    มีภาพของหลวงปู่หลายภาพในหลายอิริยาบถ เป็นหนังสือที่ศักดิ์สิทธิ์ ในตัวเองมากๆครับ
     
  9. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    พิธีขอขมาพ่อ แม่ สร้างกำแพงมหาบุญ สร้างแก้วสารพัดนึกในตัวเอง

    (ที่มาจากครูบาอาจารย์ครับ ผู้ใช้ไปเห็นผลหลายท่านมากแล้วครับ)

    1.เพื่อ น้อมกำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาปกปักรักษาเรามากยิ่งขึ้น สะดวกยิ่งขึ้น
    2.สร้างสัจจะบารมี มีอานิสงค์ให้คิดสิ่งใดจะได้รับในสิ่งนั้นง่ายขึ้น(อธิษฐานบารมี)
    3.เป็นกำแพง ป้องกันจิตใจ และร่างกายได้ จากการที่3ภพภูมิเปิดหากันหมด (รักษาสติ และ ป้องกันอันตราย)
    4.เปลี่ยนดวงไม่ดีเป็นดีได้ พบเจอแต่สิ่งที่ดีงาม

    ในวันใดก็ได้ ให้เตรียมพวงมาลัยมะลิ คุณพ่อ 1พวง คุณแม่ 1พวง ... บอกท่านให้เข้าใจว่า เราจะมาทำพิธีขออโหสิกรรม หรือสารภาพบาบ ต้องใช้เวลาฟังลูกนานนิดนึง....คุกเข่าต่อหน้าท่าน และให้พูดในรายละเอียด เรื่อง สิ่งที่เราเคยทำผิดต่อ คุณพ่อ/คุณแม่ ทั้งกาย วาจา ใจ เล่ารายละเอียดให้เยอะที่สุดเท่าที่จะนึกออก ยิ่งบอกท่านมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวเรามากเท่านั้น ควรจะจดใส่กระดาษไว้เลย เขียนให้ละเอียดทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเราผิดกับท่านใน
    ทางกายเช่นการปะชด ยื้อแย่งสิ่งของ ขโมยเงิน ทอง...
    ทางวาจาเช่นด่า เสียดสี นินทา
    ทางใจเช่นคิดไม่อยากมีพ่อมีแม่ คิดทำรายข้าวของ คิดลักทรัพย์

    1.เมื่ออ่านจบให้เรากล่าวคำว่าบัดนี้ ลูกได้สำนึดผิดแล้วในสิ่งที่ได้ทำในอดีต ขอคุณพ่อ/คุณแม่ โปรดกล่าวยกโทษด้วยใจและกล่าวอโหกรรมให้ลูกด้วย เพื่อต้องการคำยกโทษ หรือ อโหสิกรรม

    2.สิ่งที่เราต้องการต่อมาคือ กำแพงที่จะติดตัวเราไปชั่วชีวิต ให้เรากล่าวต่อเมื่อท่านยกโทษให้แล้ว ว่า ลูกขอพรเพื่อความเจริญทั้งทางโลก การเงิน การงาน และทางธรรม พร้อมทั้งสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงของลูกด้วย

    3.เมื่อท่านให้พรเสร็จแล้ว รีบกล่าวตอบกลับทันทีว่า ลูกขอพรนี้ติดตัวไปชั่วชีวิตของลูกเลยนะคะ/ครับ

    4.ให้ตั้งสัจจะกับ คุณพ่อ คุณแม่ว่า จากนี้ รายได้ทุกบาททุกสตางค์ไม่ว่ามาจากทางใดก็ตาม(หวยใต้ดิน โบนัส ล็อตเตอรี่ เงินเดือน ...) (ก่อนหรือหลังพักค่าใช้จ่ายแล้วแต่เราตั้งสัจจะ) จะแบ่งให้ท่านเป็นสัดส่วน ....%(1,2,5,10,….%แล้วแต่กำลัง) ถึงแม้ว่าท่านจะสิ้นชีวิตไปแล้วลูกก็จะยังคงไว้แต่แปลงเป็นรูปบุญให้คุณพ่อ/คุณแม่ดังเดิมตราบที่ลูกมีลมหายใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  10. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  11. call13

    call13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +2,966
    กระทู้นี้ ผมอ่านเพลิน ได้ความรู้ดีครับ
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ...พวกเราชาวสยาม...(พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ฯ)


    [​IMG]



    หากต้องการภาพขนาดใหญ่ เพื่อทำ Wallpaper
    Download Wallpaper Link...
     
  13. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    ขอบคุณนะครับพี่เสือ ผมและคนไกลยังไม่ได้กลับเมืองไทยครับ หากมีโอกาสคงได้ไปร่วมทำบุญด้วยกันที่โรงพยาบาลสงฆ์ครับ ขอบคุณมากนะครับสำหรับเนื้อหาดี ๆ ในกระทู้นี้ที่นำมาให้อ่านกันอย่างต่อเนื่องครับ


     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เคล็ดลับอายุยืนจากพระไตรปิฎก

    แม้ว่าวิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปไกลแค่ไหน แต่ถ้าลองตรองให้ดี สุดท้ายเราจะพบความลับที่น่าสนใจว่า “สิ่งที่คิดว่าใหม่ทั้งหลาย แท้จริงเป็นสิ่งที่คนรุ่นเก่าคิดมาแล้วทั้งสิ้น”

    อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นใหม่ในโลกนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เคยกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนแล้วทั้งนั้น ชั่วแต่ว่าเราจะนำภูมิปัญญาและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์มาประยุกต์ใช้ได้มากเพียงน้อยเพียงใดเท่านั้น

    แม้แต่ประเด็นทันสมัยอย่าง การชะลอความชรา ที่ผู้คนในปัจจุบันกำลังให้ความสนใจ และนักวิทยาศาสตร์ได้ทุ่มเททุนทรัพย์มากมายเพื่อค้นคว้าวิจัย ก็เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ทรงชี้แนะวิธีไว้ให้ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้วทั้งสิ้น

    ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ได้ประทานโอวาทแก่พระเจ้า ปเสนทิโกศล ในเรื่องธรรมะที่ทำให้อายุยืนว่า

    “คนที่มีสติอยู่ตลอดเวลา รู้จักประมาณในการบริโภค ย่อมมีเวทนาเบาบาง แก่ช้า ครองอายุอยู่ได้นาน”

    พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วไม่รอช้า มีรับสั่งให้มหาดเล็กท่องจำพุทธโอวาทนี้ได้ และคอยกล่าวขึ้นมาขณะที่พระองค์เสวยทุกมื้อ ไม่ช้าไม่นานผลดีก็บังเกิดแก่พระองค์ ทำให้ร่างกายแข็งแรงจนหาผู้ใดเทียบได้ยาก

    นอกจากนั้น พระพุทธเจ้ายังได้เคยตรัสกับพระอานนท์ไว้ด้วยว่า “อานนท์ ผู้อบรมอิทธิบาท ๔ มาอย่างดีและทำจนแคล่วคล่องแล้วอย่างเรานี้ หากปรารถนาจะมีชีวิตอยู่ถึง ๑ กัลป์ (คือ ๔,๓๒๐,๐๐๐,๐๐๐ ปีมนุษย์) ก็สามารถจะมีชีวิตอยู่ได้”

    หนังสือ สูตรลับ Anti-aging จากพระไตรปิฎก ของนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์อายุรวัฒน์ สรุปไว้ว่า อิทธิบาท 4 น่าจะเกี่ยวพันกับเรื่องอายุยืนโดยตรงเลยทีเดียว เพราะเมื่อพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะและวิมังสา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเป็นสุขดังนี้

    · ฉันทะ ทำให้มีความพึงพอใจในการกระทำต่างๆ คนเราถ้าชอบใจ พอใจสิ่งใดแล้ว ก็ย่อมจะรู้สึกว่าการนั้นไม่เหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ทำงานไปก็เหมือนได้พักผ่อนสบายใจ

    · วิริยะ คือ ความเพียร ความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตัวให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกที่ควร

    · จิตตะ คือ ความจดจ่อใส่ใจ ซึ่งจะทำให้เกิดสมาธิและความสงบขึ้น ชีวิตจึงไม่ร้อนรน ว้าวุ่นไปตามกระแสของโลก

    · วิมังสา คือ การใคร่ครวญ ให้เหตุผลและสติปัญญานำทางชีวิต

    จะเห็นได้ว่าธรรมทั้งสี่ประการนี้ นอกจากจะทำให้อายุยืนแล้วยังเป็นหลักที่จะนำความสำเร็จมาสู่ชีวิตด้วย

    สัปปายการี ให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่สบายและเกี้อกูลแก่สุขภาพ เช่น ทำงานในที่อากาศปลอดโปร่ง ไม่เครียดกับงาน
    สัปปาเย มัตตัญญู ต้องรู้จักพอดีในสิ่งที่สบายนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าสบายมากจนกลายเป็นนอนหงายขี้เกียจอยู่ทั้งวัน
    ปริณตโภชี รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว ผักผลไม้ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ย่อยยาก เช่น เนื้อแดง
    กาลจารี ใช้ชีวิตให้เหมาะสมในเรื่องเวลา ไม่เคร่งเครียดบังคับตัวเองมากเกินไป รู้จักจัดเวลาให้พอดี ไม่หักโหมเกินกำลัง
    พรหมจารี ถือพรหมจรรย์ตามความเหมาะสม รู้จักปล่อยวางบ้าง อย่าเคร่งเครียดเบียดตัวเองจนตกขอบ ปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ ถือศีลกินเจตามสมควร และหมั่นขัดเกลาจิตใจให้กิเลสเบาบางลง
    เมื่อพระให้ศีลให้พรมักจะลงท้ายด้วย “อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง” เพราะพรสี่ประการนี้เป็นสมบัติอันประเสริฐ เลิศยิ่งกว่าทรัพย์ใดๆ
    นายแพทย์กฤษดากล่าวว่า

    ในเรื่องอายุ พระท่านไม่ได้หวังให้เรามีอายุยืนนานแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ท่านมุ่งหวังให้เรามีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้อายุที่ยืนยาวนี้มีส่วนสร้างปัญญาหาทางพ้นทุกข์ให้แก่ตัว ไม่มัวเมากับสิ่งเร้าภายนอกทั้งหลาย

    ส่วนวัณโณหรือผิวพรรณนั้น มีรากฐานสำคัญมาจากการเป็นผู้มีศีล ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หากมีศีลเป็นวัตรประจำใจ ผิวพรรณย่อมดีอยู่เสมอ เพราะเมื่อปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทุกข์ร้อนจะไม่มากล้ำกราย เลือดลมจึงเดินสะดวก ทำให้ผิวพรรณผ่องใส

    สำหรับสุขัง การที่บุคคลจะมีสุขได้นั้น จำต้องมีองค์ประกอบหลักๆคือ มีปัจจัยสี่พร้อม รวมทั้งมีสติและปัญญา รู้ตัวทั่วพร้อมตลอดเวลา ไม่ปรุงจิตให้ขึ้นลงตามสิ่งที่มากระทบ และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ในทางที่ถูกที่ควร

    ส่วนท้ายสุด พะลัง(พลัง) มีอยู่สองอย่าง คือ กำลังกายและกำลังใจ ที่ต้องหมั่นฝึกฝนเตรียมพร้อมไว้รับมือกับความเปลี่ยนแปลง ด้วยการหมั่นออกกำลังกายและหมั่นฝึกจิตให้เข้มแข็งอยู่เสมอ

    แม้เราจะพยายามต้านทานความชราไว้เพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเราทุกคนก็ต้องเดินไปบนเส้นทางเดียวกัน การใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท หมั่นดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอทั้งกายและใจ จะช่วยให้เราเป็นผู้มีอายุยืนอย่างมีความสุข และสามารถสร้างประโยชน์ให้สังคมได้อย่างยาวนานที่สุด

    เคล็ดลับชะลอวัยของนายแพทย์กฤษดา ศิรามพุช

    · เลี่ยงอาหารที่อร่อยลิ้นจนเกินไป

    · เลี่ยงของทอดของมัน น้ำตาลและแป้งขาว

    · อย่ากินอาหารแบบเดิมซ้ำๆ จะนำโรคมาให้

    · อย่าเสียดายจนตายด้วยปาก

    · อย่าอยากเหล้ายาและกาแฟจะแก่เร็ว

    · กินให้น้อย พลอยสดใส ไม่มึนหัว





    บทความจากนิตยสารซีเคร็ต
    ที่มา::กัลยาณธรรมดอทคอม


    [​IMG]

     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระชุดเสด็จนิวัตร ลป.ดู่ วัดสะแก
    "พระรุ่นนี้ดี เมตตาดี"


    [​IMG]

    [​IMG]

    พระชุดนี้น่าสนใจและจะกลายเป็นตำนานไปแล้ว ประวัตเมื่อคราวที่ในหลวงและพระราชินีจะเสด็จนิวัตรกลับพระนคร หลังจากเสด็จเยือนประเทศต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 14 มิถุนยน พ.ศ.2503 - 18 มกราคม พ.ศ.2504 นั้นทางพระอาจารย์สมทบได้ดำริกับหลวงปู่ว่าน่าจะสร้างพระขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จนิวัตรกลับสู่พระนคร ซึ่งท่านก็อนุญาตโดยเลือกแม่พิมพ์ทั้งหมดขึ้นมา 5 พิมพ์ แม้ว่าพระชุดนี้จะเป็นพระเนื้อผง แต่ก็มีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์คือ เนื้อพระจะแตกราน (มากน้อยไม่เท่ากัน) โดยหลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตและจารตั้งองค์พระทุกองค์

    โดยในวันรุ่งขึ้นหลังจากอธิษฐานจิต ท่านเล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนขณะที่ท่านอธิษฐานจิตได้ยินเสียงวิทยุจากด้านหลังกุฎิ ท่านเกิดอาการหัวเราก๊ากขึ้นมา เพราะได้ยินเสียงพระราชดำรัสของพระราชินีว่า "ฉันพูดไม่เป็น" หลวงปู่ท่านคงจะอารมณ์ขันว่า "แล้วใครหล่ะที่พูด" นอกจากนั้นแล่้วท่านยังได้พูดว่า "พระรุ่นนี้ดี เมตตาดี" และก็ดีจริง ๆ เพราะหลายคนที่นิมนต์พระรุ่นนี้ก็บอกอย่างนั้น

    และเนื่องด้วยจำนวนการจัดสร้างซึ่งมีไม่มากนั้น หมุนเวียนก็น้อย ทำให้พระรุ่นนี้มีราคาเช่าหาที่สูงมาแต่เดิม ปัจจุบันองค์ที่แตกสวย ๆ ว่ากันหลาย ๆ หมื่น ยิ่งแตกมากยิ่งแพงมาก (อาการแตกที่พื้นผิว ไม่ใช่พระแตกหักนะครับ) แต่ก็ใช่ว่าพระรุ่นนี้ของเบากว่านั้นจะไม่มี องค์ในภาพนี้พิมพ์พระสมเด็จสามชั้น ฐานบัว พิมพ์เล็ก จารตั้งองค์พระแบบพิเศษ สภาพสวยมาก ผิวเดิม ๆ เนื้อจัดหนึกนุ่ม ครับ

    http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=174892
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2009
  16. pilot75

    pilot75 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมและครอบครัวได้โอนเงินเข้าบัญชีธ.กรุงศรีอยุธยาแล้ว ๕๐๐ บาทครับ
     
  17. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    เสียงอ่านหนังสือ มักกะลีผล
    โดย สุทัสสา อ่อนค้อม

    เสียงอ่านโดย คุณเพ็ญศรี อินทรทัต
    Download และฟัง ได้ที่
    Internet Archive: Free Download: มักกะลีผล - สุทัสสา อ่อนค้อม

    หากท่านได้ฟังเรื่องนี้จะรักคุณยายและคุณแม่มากขึ้นครับ นั่งๆ ฟังไปนึกไปน้ำตาคลอเลยทีเดียว
    และถ้ายิ่งเป็นคนชนบทผู้บรรยายก็จะเห็นบรรยากาศท้องทุ่งได้ดีทีเดียว ลองฟังดูครับ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    คณะกรรมการทุนนิธฯ ขออนุโมทนาและสาธุบุญกับคุณ pilot ด้วยครับ บุญใด กุศลใด ที่ทำด้วยความตั้งใจที่ดีแล้ว ไม่ต้องคำนึงถึงผลแห่งบุญและกุศลนั้น และหากไม่ลำบากเกินไปในการเดินทางวันอาทิตย์ที่ 23 นี้ เชิญไปถวายสังฆทานภัตตาหารเช้าให้สงฆ์อาพาธที่ รพ.สงฆ์ด้วยครับ พร้อมรับรูปถ่ายของท่าน อ.อุทัยฯ วัดเขาใหญ่เจริญธรรม ญาณสัมปันโน พร้อมกับพระพิมพ์ที่เตรียมบรรจุใต้ฐานพระของวัดมกุฏคีรีวัีน วัดข้างๆ วัดเขาใหญ่ฯ ที่มีเอกคุณทางด้านแคล้วคลาดด้วย 1 องค์ครับ....

    [​IMG]




     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ค่ำคืนของวันศุกร์ทุกศุกร์กระทู้ทุนนิธิฯ ขอแนะนำพระดีที่น่ากราบ และพระพิมพ์ดีที่น่าเก็บเป็นประจำ ค่ำคืนนี้ ขอนำเสนอพระอริยสงฆ์ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่ง ที่ท่านหลวงตามหาบัวได้ยืนยันแล้วว่า จบกิจทางศาสนาแล้ว เช่นเดียวกับหลวงปู่อ่อนสาที่เพิ่งละสังขารไปเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา อริยสงฆ์รูปนี้ แต่เดิมผมไม่รู้จักท่านมาก่อน แต่เมื่อราวๆ 10 กว่าปี มาแล้ว ได้ไปพบท่านพร้อมกับคณะธรรมทานทัวร์กว่าร้อยชีวิต ที่พบเพราะว่าหลงทาง เพราะจะไปกราบอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งแต่รถวิ่งไปอีกทางหนึ่งเลยหลงทิศ แต่จู่ๆ ก็มีนายทหารเรือท่านหนึ่งที่ไปด้วย ท่านบอกว่า ลองไปทางนี้ดูพวกเราก็ว่าง่าย เพราะนายทหารเรือท่านนี้ท่านเหมือนมีอะไรๆ ที่พิเศษกว่าผู้อื่น ท่านแนะนำทางให้เสร็จ ทางคดเคี้ยว วกวนมาก แถมถนนเป็นลูกรังสีแดงฝุ่นฟุ้งไปหมด จนรถบัส 3 คัน ต้องไล่หลังกันไปเพราะกลัวหลง พอรถมาจอดถึงหน้าวัด ลงจากรถกันถึงได้รูว่าเป็นวัดป่าภูทอง โดยท่านเจ้าอาวาสนั้นท่านเป็นลูกศิษย์องค์ต้นๆ ของหลวงตาฯ เลยทีเดียว (จากการสอบถามนายทหารเรือ และสังเกตุจากรูปใหญ่ในศาลาหอฉัีนวัดมีรูปหลวงตาฯ แขวนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเสาใหญ่เพียงองค์เดียว)แต่ไม่มีใครรู้จักท่านเลยแม้แต่หัวหน้าทัวร์ที่เดินสายทัวร์ธรรมะทุกเดือน นอกจากนายทหารเรือท่านนี้เพียงคนเดียว คำเทศน์ คำสอนของท่าน อาจหาญ เด็ดเดี่ยวนักในเรื่องการปฏิบัติ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือความมีเมตตาของท่านยามที่มองพวกเรานั้น กระแสความเยือกเย็นมีเหลือประมาณ ตั้งแต่นั้น ผมจึงจำชื่อและนึกถึงแววตาของท่านได้สนิทใจจนทุกวันนี้ แต่แม้แต่ทางเข้าวัด ผมเองก็ยังไปไม่ถูกจนกระทั่งปัจจุบันนี้เช่นกัน ลองมารู้จักท่าน และพระเครื่องของท่านกันดีกว่าครับ


    ถ้าเอ่ยชื่อหลวงพ่อคูณ ร้อยทั้งร้อยต้องคิดถึงหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่
    และถ้าเอ่ยถึงฉายา สุเมโธ ร้อยทั้งร้อยต้องคิดถึง ท่านสุเมโธ ที่เป็นลูกศฺษย์หลวงพ่อชา

    แต่ถ้าเอาชื่อและฉายามารวมกันหลวงพ่อคูณ สุเมโธ เกือบทุกคนส่ายหน้าไม่รู้จัก
    แต่ในสายกรรมฐานเขาตามกราบกันมานานแล้วครับ
    ประวัติท่านเลือนลางนักทราบเพียงแต่ท่านพรรษาเท่ากับท่านพ่อเมือง เป็นสหธรรมิก ที่สนิทกันมาก
    เห็นท่านว่าเคยเกิดเป็นหมู่ (เพื่อน) กันมาหลายชาติแล้ว
    หลวงพ่อคูณท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร และหลวงพ่อสิงห์ทอง ธัมวโร วัดป่าแก้ว
    ซึ่งทราบว่าตอนที่มาอยู่กับหลวงพ่อสิงห์ทองที่วัดป่าแก้ว
    เป็นช่วงที่กามราคะกำเริบหนัก
    และที่นี้เองหลวงพ่อสิงห์ทองใช้ความสามารถในการ รู้ใจ ช่วยให้หลวงพ่อคูณเป็นหลวงพ่ออยู่จนทุกวันนี้
    หลวงพ่อจึงมักพูดเสมอว่า เรามาได้ธรรมกับท่านอาจารย์สิงห์ทอง

    ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อหลวงพ่อคูณ สุเมโธ ได้ยินมาจากลูกศิษย์หลวงปู่หลอดว่า
    มีวันหนึ่งช่วงหลวงปู่หลอดไปอยู่วัดสาขาที่หนองบัวลำภู(จำชื่อวัดไม่ได้)
    มีครอบครัวหนึ่งเข้าไปกราบหลวงปู่หลอด
    หลวงปู่จึงบอกกับลูกเขาซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ว่าเอานั่นไปกราบพระองค์นั้นด้วย
    พร้อมกับชี้ไปที่หลวงพ่อคูณ สุเมโธ
    พอเด็กกราบเสร็จหลวงปู่จึงพูดขึ้นมาว่า เอ่อเด็กนี้มีบุญได้กราบพระอรหันต์ด้วย

    คราวหนึ่งรุ่นพี่ที่เคารพคนหนึ่ง ไปร่วมงานเจริญพุทธมนต์ ณ.วัดแห่งหนึ่งมีครูบาอาจารย์สายกรรมฐานมารวมกันหลายรูป
    พี่คนนี้ได้เข้าไปกราบเรียนถามหลวงพ่อสมบูรณ์ว่า หลวงพ่อครับงานนี้มีองค์ไหนน่าเข้าไปกราบเป็นพิเศษบ้าง
    หลวง พ่อสมบูรณ์ท่านนิ่งมองดูลูกศิษย์ก่อนที่จะบอกว่า หลวงพ่อคูณ พร้อมชี้นิ้วไปที่หลวงพ่อคูณ แล้วก็หลวงพ่อจันทา(คนละองค์กับหลวงปู่จันทา วัดป่าเขาน้อย)แล้วก็ชี้นิ้วไปที่หลวงพ่อจันทา

    อีกครั้งพี่ที่เคารพ อีกคนไปกราบท่านพ่อเมือง ท่านพ่อชี้ไปที่หลวงพ่อคูณที่อยู่คนละศาลา แล้วถามว่ารู้จักไหมหลวงพ่อคูณ พี่ท่านนี้จึงตอบว่า รู้จักครับแต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ท่านพ่อจึงพูดว่าเอ่อๆๆ นั่นนะหาโอกาศไปกราบไปทำบุญ

    เพี่ยงแค่นี้ก็พอเป็นเครดิตที่ดีเพียงพอสำหรับการขวนขวายไปกราบท่านได้กระมัง

    พูดถึงขลังท่านก็ใช่หยอก
    มีเด็กน้อยแถววัดนั่งรถอีแต๊น แล้วเล่นกันบนรถด้วยความปรามาททำให้เด็กคนหนึ่งหล่นลงจากรถ
    ล้อหลังของรถอีแต๊นทับกลางตัวพอดี คนขับและเด็กคนอื่นตกใจสุดขีดรีบหยุดรถมาดู
    ปรากฎว่าเด็กไม่มีแม้รอยแมวข่วน ทั้งตัวแขวนพระผงรูปเหมือนรุ่นแรกของหลวงพ่อคูณ สุเมโธองค์เดียว

    หลวงพ่อคูณมักมากิจนิมนต์ที่กรุงเทพฯบ่อยครั้งหากใครมีโอกาศก็อย่าลืมกราบท่านให้ได้
    นะครับ<!--colorc-->
    <!--/colorc-->


    ครับ ท่านคือ หลวงพ่อคูณ สุเมโธ แห่งวัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี นั่นเอง

    [​IMG]
    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->
    รูปหลวงพ่อคูณที่ท่านแจกช่วงนี้

    [​IMG][​IMG]

    ล็อกเก็ตรุ่นแรก แจกวันเกิดปี2552


    [​IMG][​IMG][​IMG]
    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->แจกตอนฉลองอายุ66ปีเหมือนกันครับ
    คนสร้างถวายเจอท่านครั้งแรกก็เลยขออนุญาติท่านทำถวาย

    [​IMG][​IMG]

    <!--coloro:#A0522D--><!--/coloro-->พระผงรุ่นแรกแจกกฐินปี2550

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    <!--/coloro-->มี3เนื้อ เงิน ทองแดง ทองเหลืองรมดำ(ที่จริงสั่งทองแดงแต่ทำผิดได้ทองเหลืองมาแทน
    กว่าจะรู้ตัวว่าหล่อผิดเนื้อก็ใกล้ครบ2552องค์แล้วครับ
    ทองแดงเลยมีน้อย



    ครับ ท่านหลวงพ่อคูณ สุเมโธ องค์นี้ขณะนี้ท่านยังดำรงธาตุขันธุ์อยุ่ หากใครมีโอกาสอย่าพลาดกราบท่านให้ได้ครับ และหากใครโชคดีได้เห็นพระพิมพ์ของท่าน อย่าให้หลุดมือไปทีเดียว "พระอรหันต์เสกเชียวนา" เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน

    ขอขอบคุณ

    http://www.suankhlang.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2009
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    คัดจากหนังสือหยดน้ำบนใบบัว "พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน"
    วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> [​IMG]

    <!-- ~0.jpg [ 8.78 KiB | เปิดดู 347 ครั้ง ] -->


    พระอาจารย์มหาบัว เล่าถึง พญานาค

    ท่าน อาจารย์ สิงห์ทองเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์มั่น ต่อมาจึงได้มาอยู่ศึกษาอบรมกับหลวงตานี่แหละ ท่านมีนิสัยกล้าหาญ ไม่กลัวอะไรง่ายๆ แต่คราวนี้ท่านไปพบเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวอย่างหนึ่งเข้า ท่านจึงบอกท้าพวกที่ไม่เชื่อว่าผีมีจริงให้ไปลองพิสูจน์ดู หลวงตาเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า

    "...แล้ว ท่านสิงห์ทอง ยังอยากจะให้พวกนักวิทยาศาสตร์เก่งๆ ว่าไม่มีผีไม่มีอะไรให้ไปอยู่ภูเขาลูกนั้น ภูเขาลูกนั้นเราก็เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ มันเป็นตีนเขา ข้างบนมีถ้ำอยู่ 2 ถ้ำ มีหลวงตาองค์หนึ่งอยู่ทางนั้นถ้ำหนึ่ง แล้วเป็นซอกเขาลงมาน้ำไหลลงมาตรงนี้แล้วมีอีกถ้ำหนึ่ง ครั้นเวลามีพระมาใหม่มาเยี่ยมมาพักอยู่ถ้ำนี้ ผีนั้นก็ลงมาจากโน้นนะ จากภูเขา

    บนหลังเขานั้นมี แอ่งน้ำอยู่ ไหลอยู่ทั้งแล้งทั้งฝน หากไม่มากนะ หากไหลอยู่...ทั้งแล้งทั้งฝน เขาเขียนประกาศติดไว้ว่าไม่ให้ผู้หญิงลงอาบน้ำนั้น ถ้าผู้หญิงลงอาบน้ำนั้น จะเหม็นคลุ้งไปหมดเลย เขาห้าม เขาเขียนประกาศติดเอาไว้ ถ้าต้องการก็ให้ตักเอามาดื่มมากินมาอาบ ห้ามไม่ให้ลงไปอาบนั่นละ เป็นความจริงถึงขนาดนั้นละ น้ำเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าผู้หญิงลงไปอาบ น้ำนี้เหม็นคลุ้งไปหมดเลย

    มีพญานาคอยู่ที่ นั่น... หลวงตาองค์นั้นท่านอยู่นั้นเป็นประจำ ท่านชินกับสัตว์ตัวนี้พอแล้ว มันลงมาจากภูเขาเหมือนกับเรา ลากต้นตาลทั้งต้น เอาต้นตาลทั้งต้นลากลงมา เสียงซ่าๆ ลงมา มันค่อยลงนะ ซ่าๆ ลงมาซอกเขานี่ หลวงตาองค์นั้นอยู่ทางด้านนั้น ท่านอยู่ถ้ำนั้นเป็นประจำ แล้วถ้ำนี้คนมาพักบ่อยๆ พระน่ะ

    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> [​IMG]

    <!-- _ธัมมวโร250.jpg [ 32.83 KiB | เปิดดู 347 ครั้ง ] -->

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมวโร
    วัดป่าแก้วชุมพล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    ....................................................

    ถ้า ใครมาพัก พระมาใหม่ไม่ว่าพระองค์ไหนมาจากไหนก็ตามเถอะ ตัวนี้เขาจะลงมาถามข่าว ทีนี้หลวงตาก็เลยสั่งบอกไว้กลัวว่าพระจะกลัว คือกลัวว่าท่านสิงห์ทองจะกลัว ท่านสิงห์ทองเป็นพระขี้ดื้อ นิสัยกล้าหาญขี้ดื้อ จึงได้หมอบราบกับผีนั้นละซี พูดท้าทายเลยเทียวนะ ใครเก่งว่าผีไม่มีแล้วให้มาตรงนี้ ถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน ทีนี้พอมาถึง ผู้เฒ่าก็บอก


    "คุณหลาน เอ๊ย พี่น้องจะลงมาเยี่ยมนะตอนค่ำวันนี้ เพราะคุณหลานมาใหม่เป็นพระอาคันตุกะ เป็นแขกมาเยี่ยม แล้วไอ้ตัวอยู่ข้างบนเขามันจะลงมาถามข่าวถามคราว ไม่ต้องกลัวนะ เขาจะลงมาธรรมดา

    แต่เวลา เขาลงมาก็เหมือนลากต้นตาลทั้งต้น ลากลงมาซ่าๆ เวลาเขาขึ้นก็ซ่าๆ ลงไปตีนเขาแล้วหายเงียบนะ พอไปแค่นั้นเงียบ เวลาขึ้นมาก็ซ่าๆ เวลาขึ้นมาไม่ทำก็มี แล้วแต่เขาจะทำ เขาจะทำแบบไหน เขาทำได้"

    พอดีท่าน สิงห์ทองมาเหนื่อยๆ เดินทางมาไม่มีรถยนต์ พอมาถึงที่นั่นก็เข้าพัก ผู้เฒ่าก็สั่งเสียไว้เรียบร้อยกลัวผีนั้นละ ทางนี้เข้าใจแล้วก็นอนประมาณ 3 ทุ่ม

    คนจะตาย เดินทางทั้งวันเหนื่อยมากเลยนอนเสียก่อน ถึงจะลุกขึ้นเดินจงกรม พอนอนหลับไป เสียงฮ่อๆ อยู่หัวเตียง งูเหมือนงูใหญ่เรานี่ขนาดเท่าตัวเสานี่แหละ เสียงมันฮ่อๆ อยู่บนหัวเรานี่ ทางท่านสิงห์ทองนั้นก็เรียก

    "หลวงพ่อๆ"

    "แม่นหยัง"

    "มันเสียงงูใหญ่มาอยู่นี่แล้ว"

    "มันบ่แม่น เสียงที่บอกนั่นละอย่าไปกลัว"

    "บ่กลัวยังไง มันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้" เสียงดังฮ่อๆ น่ะซิ

    "มันจะงับผมอยู่เดี๋ยวนี้ มันจะกลืนผม"

    "ไม่กลืนไม่ต้องกลัว มันเคยอย่างนั้นละ จะเป็นไรไป เชื่อหลวงพ่อเถอะ เพราะหลวงพ่อเคยอยู่นั้นมานานแล้วนี่นะ"

    "จะเชื่อได้ยังไง มันจะกินคนนี่"

    เลย เรียก ให้พระมาด้วยองค์หนึ่ง นอนอยู่ทางโน้น ถ้ำมันยาวนอนอยู่ทางโน้น เรียกพระองค์นั้นให้จุดไฟใส่โคมมา แขวนมาแล้วเอาไม้ยาวๆ มา จะหิ้วมานี้ไม่ได้เดี๋ยวจะมาเหยียบงู เอาไม้ยาวๆ แล้วเอาโคมไฟห้อยมาถือมายาวๆ คนไปเรื่อยฉายไปเรื่อย พอคนมาถึงเตียง มันก็หายเสียง เงียบเลยเสียงฮ่าๆ ไม่ได้ยินอะไร หายเงียบ คนจึงกลับไป พอกลับไปสักเดี๋บวขึ้น มีเสียงขึ้นอีกแล้ว

    ...มาอีกแล้ว..."

    คน นั้นเลยจุด ไฟมาหางูทั้งคืน จุดไฟมาแบบนั้นละ กลัวจะมาโดนงูเข้า เพราะเสียงใหญ่เสียงโตมากนี่นะ พอมาก็ไม่เห็นผีอะไร อยู่ได้คืนเดียวเท่านั้นละท่านสิงห์ทอง


    "ทำไมล่ะ?"

    "กลัวละซิ ยอมรับว่ากลัว กลัวจริงๆ โห เหมือนมันจะกลืนเราทั้งคนนี่นะ ตัวมันจะขนาดเท่าลำตาล"

    งูตัวนี้ พญานาค พอตื่นขึ้นมาไปลาหลวงตา

    "ว่าอย่างไรล่ะลูก?"

    "โอ๊ย กลัวงูอยู่ไม่ได้แล้ว"

    "ไปกลัวมันทำไม? หลวงพ่ออยู่นี้มานานแสนนานรู้เรื่องของมันหมด ไม่มีอะไรแหละ อย่าไปกลัวเลย"

    "โอ๊ย กลัวๆ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว"

    ใคร เก่งว่าผีไม่ มีให้มา ถ้าไม่อยากเผ่นกลางคืน เอาจริงๆ นี่ นั่นละ เสียงมันเป็นอย่างนั้นเวลามันแสดง...พญานาค มาเล่าให้อาจารย์หมออวยฟัง โอ๊ย ตั้งใจฟัง สนใจฟังอยากจะไปด้วยนะ อยากจะไปดูสภาพเป็นยังไง อยากไปดูเป็นกำลัง แต่ไม่มีเวลาพอที่จะไปดูได้ ไปดูถึงที่เลย ไปดูเหตุการณ์จริงๆ เป็นยังไง ไปดูก็เห็นจริงๆ นั่นแล้ว เพราะเป็นอย่างนั้นมาเป็นประจำ ว่าขอแต่แขกคนมาที่นั่น พอตกกลางคืนเขาจะลงมา เขาก็ไม่ทำไมละ ลงมาถามข่าวธรรมดา

    แต่เสียง มัน... ทำได้แปลกๆ นะ แบบงูก็ได้ แบบเสือก็ได้ แบบไหนได้หมด ไม่ใช่มีแบบเดียว ที่มันน่ากลัวคือมันหลายแบบนั่นเอง บางทีเหมือนเสือ เห่อๆ ใกล้ๆ ข้างถ้ำ "เสือมายังไง" ว่าอีกละ"มันไม่ใช่เสืออันนั้นละ" ว่าอันนั้นก็เข้าใจกัน

    อาจารย์หมออวย อยากไปเป็นกำลังโฮ้ ซักท่านสิงห์ทองใหญ่เลยเทียวนะ ท่านสิงห์ทองเล่าให้ฟัง ทีนี้ท่านสิงห์ทองก็เป็นพระกล้าหาญด้วยไม่ใช่เป็นพระออดแอด พระโกโรโกโสนะ ท่านพูดมันน่าฟัง เราเองก็เชื่อ เพราะเราชื่ออยู่ก่อนนั้นแล้วเรื่องเหล่านี้

    "โห มันน่ากลัวจริงๆ นะ" ท่านว่า

    " ตัวมันขนาดเท่า ลำตาลแล้วมันขู่ฟ่อๆ อยู่บนหัวเราใกล้ๆ ฝ่ามือเดียวเท่านั้น มันเหมือนจะกลืนเอาเลย เสียงฮ่อๆ แต่มองหาตัวไม่เห็น ครั้นเวลาจุดไฟมาหาไม่เห็น ไปไหนก็ไม่รู้ พอดับไฟสักเดี๋ยวขึ้นอีกแล้ว"

    เขาเรียกภูทอก เราเคยผ่านไปผ่านมา เราเที่ยวกรรมฐาน แต่ไม่เคยขึ้นพักถ้ำที่ว่า...

    เรื่อง พญานาคนี้ เคยมีลูกศิษย์หลวงตาคนหนึ่งกราบเรียนถามปัญหาว่า พญานาคมีจริงไหมครับ

    หลวงตา ท่านจึงได้เมตตา ตอบคำถามให้อย้างเผ็ดร้อนไว้ว่า..

    " โคตรพ่อโคตรแม่มันไม่เคยเห็น มันมาถามหาอะไร พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ปฏิเสธพญานาคยังไง ก็มีแต่พวกตาบอดเท่านั้นมาหลับตาถาม ทีนี้ เวลาตอบลืมตาตอบมันก็เข้ากันไม่ได้ซิ พระพุทธเจ้าลืมตา มาถามสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างคนตาบอดเขาก็บอกเขาตาบอด คนตาดีทั้งโลกเขาก็ไม่ปฏิเสธ แต่เขาตาบอดเขาก็บอกเขาตาบอด ก็ยอมให้เขาตามส่วน เราไม่ว่าอะไรแหละ พอพูดถึงเรื่องพญานาค หลวงพ่อผางสำคัญอยู่นะ กับพวกงูพวกพญานาค นี่ละอำนาจวาสนาของคน มีฤทธาศักดานุภาพ ปัจจุบันนี่หลวงพ่อผางขอนแก่น นั่นน่ะท่านบวชทีหลังเรา ตอนท่านไปเราก็อยู่ที่นั่นวัดนามน ที่ท่านศึกษาปรารภกับหลวงปู่มั่น ท่านก็เทศน์อย่างเด็ดทีเดียว นั่นล่ะท่านได้ธรรมะนั่นล่ะมา ใส่เปรี้ยง ๆ ลง ท่านคงเล็งดูแล้ว เหมาะแล้ว ธรรมะจึงไม่มีอ่อนข้อเลย เด็ดตลอดจนจบ ใส่เปรี้ยงๆ เหมือนคนโกรธแค้นกันมาได้ห้ากัปห้ากัลป์ พอมาก็ปรี่ใส่กันเลยว่างั้นเถอะน่ะ นั่นล่ะผู้ท่านได้อันนั้นมา มาพิจารณาก็ได้คติตั้งแต่นั้นมา เอาจนทะลุไป นี่ล่ะองค์นี้หลวงพ่อผาง แล้วก็เล่าถึงเรื่องของเรา

    ท่านบอกว่าท่านเคยพบกับเราอยู่ที่ นั่น นามน เล่าให้พระทั้งหลายฟัง เพราะตอนนี้เราก็มาขั้นครูขั้นอาจารย์แล้ว หลวงพ่อผางก็เป็นครูเป็นอาจารย์ไปแล้ว เลยเล่าเรื่องถึงกันเฉย ๆ ทีนี้เวลาท่านออกมาแล้วนี้ งู จระเข้เหล่านี้ เหมือนกับท่านเป็นครูเลยเชียว พวกนี้หมอบกลัวหมด จระเข้ตัวหนึ่งมันอยู่ในสระที่วัดนั้น เราเคยไปแล้ววัดนี้ เวลาเขาไปปลูกกุฏิกลางน้ำ เวลาเผลอ ๆ คนกำลังทำกุฏิมันมางับเอาขาละซิ ร้องเอิ้กอ้ากขึ้นเลย พอร้องขึ้นหลวงพ่อผางก็มา พอมันได้ยินเสียงหลวงพ่อผางมันจำได้เลยนะ พอหลวงพ่อผางมานี่ไม่ทราบหนีไปไหนกลัว ถ้าได้ยินเสียงหลวงพ่อผาง หมอบเลย กลัว
    <!--แนบไฟล์:
    <div class="attachcontent">--> <!--คำอธิบาย: หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต
    --> หลวงพ่อผาง จิตฺตคุตฺโต
    [​IMG]

    <!-- 1390-041061.jpg [ 58.85 KiB | เปิดดู 349 ครั้ง ] -->

    แล้วที นี้ไปพักภาวนาอยู่ทางน้ำหนาว นี่ล่ะที่สำคัญนะ มีหลวงพ่อองค์หนึ่งอยู่ทางด้านนู้น เดินจงกรมอยู่กลางวันนะไม่ใช่กลางคืน หลวงพ่อผางเดินจงกรมอยู่ทางนี้ องค์นั้นเดินอยู่ทางนั้น งูใหญ่ ใหญ่เท่ากับต้นมะพร้าว มานี้มายกคอขึ้นอ้าปากใส่หลวงตาองค์นี้ ตัวมันใหญ่กว่านี้ ฟังเสียงร้องว้อ ๆ ขึ้น ตอนนั้นก็เดินจงกรมอยู่ " เป็นอะไรว่ะ" "งูใหญ่ไม่ทราบมาจากไหน กำลังจะงับผม อ้าปากใส่ผมอยู่นี่" ท่านก็มาแล้ว ก็เห็นจริง ๆ กลางวันนะ หายก็หายในขณะนั้นเลยต่อหน้าต่อตา เป็นยังไงพญานาคมีหรือไม่มีฟังซิ ผู้เห็นท่านเห็นอยู่อย่างงั้น ผู้หลับตามันก็หลับอยู่งั้น พอมาก็เห็น โอ๊ย มันยกคอขึ้น ตัวเท่าต้นมะพร้าว ตัวยาว หลวงตานี้ก็เดินจงกรม ตัวแข็ง มันอ้าปาก มันไม่เข้ามาใกล้แหละ ห่างประมาณสักวาเศษ ๆ มันอ้าปากอยู่อย่างงี้ ตัวใหญ่

    ทีนี้หลวงพ่อผางมา “ไหนมันอยู่ไหน” พอว่าท่านเดินเข้ามาเลยนะ หลวงพ่อผางไม่มีคำว่าสะทกสะท้าน มันก็อ้าปาก ทางนี้ก็เดินเข้าไป เอามึงจะกินกูเหรอ เอาเลย มึงชอบตรงไหนเอาเลย เดินบุกเข้าไปหาเลยเชียว มันกำลังอ้าปากอยู่ พรึบเดียวหายเงียบเลย ไม่ทราบหายไปไหน ตัวใหญ่ ๆ หายเดี๋ยวนั้นเลย ไปเงียบ บอกว่าพญานาคมันมาแกล้งเฉย ๆ ภาวนาเมตตามันไม่ดี นั่นเห็นไหมล่ะ ภาวนามันไม่คอยแผ่เมตตา พญานาคก็มาแกล้งเอาบ้าง นี่หลวงพ่อผาง ตัวใหญ่จริง ๆ ท่านบุกเข้าไปเลยนะ ที่มันอยู่นั้น ท่านเดินไปหาเลย ท่านไม่มีสะทกสะท้าน เอาเลยกินเรา เดินเข้าไปหาตรงนั้น หายวูบไปเลย เงียบเลย ไม่มี หายหมดทั้งตัว มันไปไหนไม่รู้ เวลาออกมาพูดว่ามาแกล้งหลวงพ่อ หลวงพ่อใจดำไม่มีเมตตาจิต มันมาแกล้งเอา

    อันนี้ก็เข้ากันได้ ก็เรียนหนังสือเหมือนกันไม่ใช่หรือ ที่พวกพาไปภาวนาไม่แผ่เมตตา พวกเทวดาทั้งหลายเกิดความเดือดร้อน มาแสดงอาการทั้งหลายให้เห็น เป็นกะโหลกหัวผีบ้างอะไรบ้าง และทำพระให้ทั้งจามทั้งไอ เป็นไข้เป็นหนาว วิ่งไปหาพระพุทธเจ้า พระองค์รับสั่ง เวลาไปไม่สบาย “ไม่ สบายซิพวกเธอใจดำ พวกเทพทั้งหลายเขาอยู่ที่นั่น เขาได้รับความลำบากลำบน เขาก็แกล้งเอาบ้าง ไม่มีเมตตาจิต ไป ไปเจริญเมตตาจิต ไปอยู่ที่นั่น” ไล่กลับมาที่เก่า ไปคราวนี้เจริญเมตตาจิตชุ่มเย็นหมดเลย อำนาจเมตตาธรรมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นธรรมชนะโลก สุดยอดอยู่กับเมตตาธรรม ให้พากันจำไว้นะ "

    บทความจาก

    กระดานสนทนา NAVARAHT "นวรัตน์ดอทคอม" &bull; แสดงกระทู้ - ประสบการณ์โลกทิพย์...หลวงตามหาบัว กับ พญานาคร


     

แชร์หน้านี้

Loading...