ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เนื่องจากไม่มีโปรแกรมผลิตวีดีโอไว้ใช้ ตอนนี้จึงลองบันทึกเป็นเสียงอธิบายตามหลักฐานเท่าที่มีในการสันนิษฐานว่าสมเด็จพระนเรศวรเคยไปเมืองจีน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทำไมพระนเรศทรงสร้างวัดเยอะในปี 2128 ส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่าทรงประกาศอิสรภาพแล้วและทรงมั่นใจว่าจะรักษาอิสรภาพไว้ได้แน่นอนด้วยฝีมือส่วนพระองค์และความช่วยเหลือต่างๆจากท่านจาง

    (ที่สันนิษฐานว่าฝีมือส่วนพระองค์ดีมากอยู่แล้วเพราะชื่อเสียงท่านต้องแผ่มาถึงเมืองจีน คนจีนจึงตั้งสมญานามให้ท่านว่า หัวเจ้าซ่ง เมื่อครั้งเจ้านครอินทร์ไปถึงจีนผู้ว่าการมณฑลรายงานเข้าสู่ส่วนราชการกลางโดยใช้ทับศัพท์พระนครอินทราธิราชแตกต่างจากพระนเรศวรที่ทรงได้รับสมญานาม เมื่อพระนเรศเดินทางไปจีนและถึงด่านหัวเมืองกวางตุ้งแล้ว ผู้ว่าการมณฑลจึงเขียนรายงานเข้ามาส่วนว่าราชการกลางที่ปักกิ่งโดยใช้สมญานาม ซึ่งพระองค์ท่านน่าจะได้รับมาก่อนอายุ 18 พรรษา ทรงเก่งจนเลื่องชื่อ ไม่แปลกใจที่ท่านจางขอเชิญพระองค์ท่านพักที่จวนเมื่อพระองค์ท่านถึงปักกิ่งในปี พ.ศ. 2116 เพราะท่านจางนิยมคบหาคนเก่ง พระองค์ท่านไปปักกิ่งครั้งนั้นพร้อมทหารติดตามอีก 2 คนเท่านั้น)

    อีกสันนิษฐานหนึ่งที่ทรงสร้างวัดที่พิษณุโลกเยอะเพราะทรงสำราญพระทัยที่ได้รับพระธิดามา1 องค์จากเจ้าขรัว ทำให้ชีวิตครอบครัวส่วนพระองค์มั่นคงขึ้น

    และเมืองพิษณุโลกเป็นบ้านเกิดของพระองค์ด้วย จึงทรงอยากบำรุงพระพุทธศาสนาไปในการครั้งนี้ด้วย

    ด้วยอากาศที่พิษณุโลกดีมาก ไม่ร้อน มีป่าเยอะ และเป็นที่ราบกว้างๆด้วย ทำให้พระองค์พาเจ้าขรัวนั่งช้างออกไปชมรอบๆเมือง เจ้าขรัวชอบมากเพราะอากาศดี วัดที่พระนเรศทรงสร้างจึงเกิดขึ้นหลายวัดในช่วงปี 2128

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2023
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    โบราณนานมา การที่ใครจะได้เป็นพระมเหสีหรือพระภรรยาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้น ต้องมีภูมิหลังที่ดีและมีคุณสมบัติครบถ้วน


    เจ้าแม่วัดดุสิตรับหน้าที่คุมสนมนางในในวังตั้งแต่เป็นสาวรุ่น ทำหน้าที่แทนแม่ เพราะว่าแม่ของเจ้าแม่วัดดุสิต ไม่ถนัดในเรื่องนี้ และเจ้าแม่วัดดุสิตเป็นคนเข้มมาก ระเบียบวินัยเป๊ะมาก เหมือนหน้าตาที่คมเข้ม พระองค์บัว(เจ้าแม่วัดดุสิต)นี้ต้องเรียกว่าทรงเป็นลูกสาวพ่ออย่างแท้จริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2023
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จวนท่านจางมีสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่คือพระศรีอาริยเมตไตยไม้จันทร์หอมสูง 18 เมตรพร้อมอาคารหอพระ จากการที่หลายปีก่อนเจ้าขรัวเกิด ท่านจางดำรงตำแหน่งทหารเป็นสมุหกลาโหม ในสมัยพระเจ้าจักรพรรดิองค์ที่12 พระองค์เป็นคนไม่แข็งแรงทรงมีบัญชาให้สมุหกลาโหมเป็นแม่กองเกณฑ์คนออกไปสร้างสุสานให้พระจักรพรรดิทำให้ได้ไม้ต้นนี้มาสลักเป็นพระศรีอาริยเมตไตยศิลปะธิเบต วันสมโภชน์พระ เจ้าขรัวน่าจะ 5 ขวบแล้ว อยู่ไม่สุข พ่อกับแม่นั่งเก้าอี้ฟังพระนิกายหมวกเหลืองสวดมนต์ นางก็ปีนเก้าอี้ท่านจางเล่น แม่ห้ามก็ไม่ฟังเพราะถือว่าพ่อไม่ห้าม นางเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน บ้านหลังนี้ภายหลังกลายเป็นวังองค์ชาย 4 แห่งราชวงศ์ชิงสมัยพระเจ้าคังซีเพราะบริเวณอาณาเขตเหมาะจะทำวังและใกล้พระราชวังหลวงเป็นอย่างมาก พอสิ้นราชวงศ์ชิง จึงให้สถานที่นี้เป็นวัดลามะ

    คนหน้าแปลกแต่งกายแปลกที่เข้ามาในจวนให้นางเห็นกับตา ก็เห็นจะมีเหล่าบรรดาพระลามะจากทิเบตและอีกคนก็คือพระนเรศนี่แหละ วันที่มาถึงจวนนางไม่ได้มาดู จนสาวใช้มาบอกว่ามีคนแต่งกายแปลกหน้าตาก็แปลกมาพักที่หอพระ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เช้าวันรุ่งขึ้นนางจึงย่องออกมาจากเรือนในสวนดอกไม้มาแอบดูอยู่จากมุมตึกข้างหอพระ (ถ้าไม่จำเป็นนางจะไม่ออกมายุ่งกับส่วนด้านหน้าเพราะว่าท่านจางไว้เป็นส่วนว่าราชการและพบปะกับบุคคลอื่นที่มาขอเข้าพบ พระนเรศพบปะ พูดคุยกับท่านจางที่ส่วนหน้านี้ ที่เรือนถัดไปจากหอพระ เรือนทำงานของท่านจางเป็นเรือนใหญ่ ในสุดเป็นห้องสมุดและโต๊ะทำงาน ถัดออกมาเป็นห้องรับแขกขนาดเล็ก แล้วจึงมีโถงนั่งใหญ่ไว้ให้แขกที่รอเข้าพบนั่งคอย หากต้องคุยแบบประชุมใหญ่ก็จะออกมานั่งที่โถงใหญ่ นั่งได้ข้างละ 10 เห็นจะได้เพราะตั้งเก้าอี้ไว้แบบนั้น เรือนทำงานหลังนี้ตั้งทำมุม 90 องศากับหอพระ

    (ทำไมท่านจางเลือกลี้ภัยที่สยามและเลือกที่จะยกลูกสาวให้พระนเรศ.. ไม่เข้าใจเหตุผลของประเด็นนี้ค่ะ..)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2023
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    https://www.chinadaily.com.cn/a/202312/02/WS656a9aeaa31090682a5f1148_2.html

    ทางประเทศจีนจะทำภาพยนต์เกี่ยวกับจางจวีเจิ้งใหม่อีกครั้ง โดยเพิ่งแถลงข่าวเดือนนี้ 2 ธค 2566 อยากจะไปบอกเขาจังว่าช่วยหาคนหล่อมาเล่นด้วยนะคะ หล่อจนเจอราชภัย

    คนในตำนานทั้งสอง(ท่านจางและพระนเรศ)ต่างได้รับการยกย่องและถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนต์มาจนถึงปัจจุบัน
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ช่วงที่พระนเรศถึงปักกิ่งหิมะยังไม่ตกแต่อากาศเย็นจัด ดอกโบตั๋นบานแข่งกันทั้งสวนหอมตลบอบอวนไปทั่วบ้าน อายุเจ้าขรัวสัก 8 ขวบแล้วเห็นจะได้ นางเลี้ยงแมวเปอร์เซีย 2 ตัว (ยืมรูปมาจากเพจพระราชวังปักกิ่งที่ถ่ายรูปแมวจรในวังไว้ในวันที่หิมะตก) แมวของนางเป็นของกำนัลจากต่างเมืองนำมาให้ท่านจาง เป็นแมวตัวใหญ่ ขนฟู หางยาว ถ้าเด็ก 8 ขวบอุ้มก็จะสามารถอุ้มได้แค่ตัวเดียว วันแรกที่นางพบพระนเรศจริงจังคือวันที่ท่านยังรอกำหนดการเรียกจากวังให้เข้าเฝ้าพระจักรพรรดิ แต่หมายกำหนดการยังไม่ลงมา พระองค์ต้องอยู่ที่จวนท่านจางรอไปก่อน วันนั้นแมวเหมียวสองตัวนี้มันหนีมาเดินเล่นหลังตึกหอพระ นางเดินตามหาแมวเพื่อเอามันไปกินข้าว เดินตามหาแมวมาถึงหลังหอพระ บริเวณนี้ปูอิฐทางเดินแต่ไม่ปลูกต้นไม้เพราะเป็นส่วนชิดกำแพงบ้านแล้วจึงกว้างไม่ถึง 5 เมตร นางเดินพ้นเหลี่ยมตึกเข้ามาบริเวณด้านหลังตึก ก็เจอทั้งคนทั้งแมว คือเจอทั้งพระนเรศยืนอยู่ และเจอแมวทั้งสองตัวแยกกันอยู่คนละมุม สถานการณ์ชุลมุนสำหรับนาง จะหลบหน้าแขกบ้านกลับเข้าสวนส่วนหลังเลย ก็ห่วงแมวจะเดินหนีไปไกลกว่านี้ ระร้าระรัง ตัดสินใจวิ่งไปตระครุบแมวมาตัวนึงอุ้มตัวเดียวก็เต็มมือแล้ว มองไปที่อีกตัวนึง จะอุ้มอีกตัวยังไงไหวน้อ หันกลับมาเจอพระนเรศท่านยืนมองอยู่ด้านหลังห่างไม่ถึงเมตร นางคิดออกว่าเอามือพระนเรศนี่แหละอุ้มแมวในมือนางก่อนสักตัวหนึ่ง นางจึงยื่นไปให้อุ้ม โดยส่งแมวไปถึงหน้าอกพระองค์ วิธีนี้ยังไงพระองค์ก็ต้องอุ้ม(แมวตัวนี้สีขาว) ส่วนนางวิ่งไปตระครุบแมวสามสีอีกตัวหนึ่งที่ห่างออกไปอยู่ที่พนังตึกห่างไปสัก 5 เมตร แล้วก็พยักหน้าให้พระองค์อุ้มแมวตามนางมา เข้าไปทางที่จะไปครัวของบ้าน (ครัวไฟบ้านนี้จะติดเตาทั้งวันทั้งคืนไม่ให้ไฟดับ ถ้าไม่ได้ใช้ก็ติดไฟไว้อ่อน ๆ ถ้าใช้ก็โหมไฟแรง หน้าที่ดูแลไฟถือว่าสำคัญเพราะคนจีนจะไม่ให้ไฟในเตาดับ คนจีนเขาถือโชคลางเหมือนกัน และผู้ดูแลต้องควบคุมไฟด้วยอย่าให้ไฟไหม้บ้าน ตรงส่วนนี้จะผลิตอาหารเลี้ยงคนทั้งบ้าน นางถูกสอนให้ทานแต่ผลไม้เป็นหลัก แต่นางจะมาขอซาลาเปากินสักลูกนึงนานๆครั้งโดยสั่งพ่อครัวไว้ว่าห้ามฟ้องแม่เด็ดขาดแม่นางกลัวนางจะอ้วนเข้าวังไปจะอายเขา ในนิยายความรักในหอแดงที่บอกว่านางเอกหน้าตาซีดๆปากแดงก็คงประสบปัญหาต้องรักษารูปร่างเหมือนๆกันนี่แหละ) พาพระองค์ไปถึงครัวไฟแล้วจึงสั่งให้แม่ครัวคนหนึ่งไปอุ้มแมวขาวมาจากพระองค์ แล้วนางก็ขอบใจพระองค์ที่ช่วย ถามท่านว่าเดินกลับไปที่เดิมก่อนที่จะเดินมาตรงนี้เป็นไหมด้วยภาษามือ พระองค์ท่านก็ยิ้ม ๆ คงเพิ่งเคยเห็นกริยาแปลกๆของเด็กผู้หญิงในจีนเหมือนกัน FB_IMG_1703290804482.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2023
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ตอนนาง 6 ขวบนางเข้าร่วมขบวนส่งพระบรมศพพระจักรพรรดิองค์ก่อน(พ่อของพระเจ้าว่านลี่) วิธีการคือเดินตามรถเคลื่อนพระบรมศพไปยังสุสาน เป็นงานพระราชพิธีที่อนุญาตให้ประชาชนเดินร่วมขบวนได้ ท่านจางเดินอยู่ในตำแหน่งแถว 6 -7 หลังรถใส่ชุดขาว ท่านเดินจูงลูกสาวคนเล็กที่ใส่ชุดขาวด้วยเหมือนกันร่วมขบวน ร้านค้าในกรุงปักกิ่งต้องปิดหน้าร้านทุกแห่ง หนทางเดินค่อนข้างไกล จากพระราชวังหลวงไปส่งถึงนอกประตูกรุงปักกิ่ง ที่จะปักเสาสูง ๆ 6 ต้น ข้างละ 3 ต้น เป็นปรัมพิธีครั้งสุดท้ายที่ประชาชนจะทำการถวายสักการะพระบรมศพได้ จากนั้นขบวนพระบรมศพจะไปกับทหารกองเกียรติยศเพื่อนำไปถึงสุสาน พวกข้าราชการและประชาชนก็จะเดินกลับเข้าประตูเมือง

    การออกสู่สายตาชาวบ้านครั้งแรกทำให้ชาวบ้านรู้ว่าท่านจางมีลูกสาวคนเล็กด้วยอีกคนหนึ่งเพิ่มเติมจากที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าท่านมีลูกชาย 6 คน ครั้งนี้ถือว่าชาวบ้านในกรุงปักกิ่งที่สนใจจึงได้เห็นหน้าลูกสาวของท่านจางเป็นครั้งแรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2023
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    30.jpg พนังเสาวัดชุมพลวาดลายดอกโบตั๋น ไม่ใช่ลายดอกพุฒตาน แค่คล้ายกันแต่กลีบดอกโบตั๋นนั้นซ้อนหนาแน่นกว่ากลีบดอกพุฒตาน และจำปีเป็นดอกไม้แห่งความรักของคนไทยสมัยก่อนค่ะ

    ที่วัดนี้ พระนเรศก็ทรงปลูกต้นโพธิ์ไว้ 3 ต้น ร่ายคาถาปกป้องพระนางมณีจันทร์และพระราชบุตร พระราชธิดาไว้ด้วย ตามหลักคตินิยมแบบคนโบราณ คล้ายที่วัดท่าใหม่อิ อ.ป่าแดด จังหวัดเชียงใหม่

    บวงสรวงวัดชุมพลนิกายรามเมื่อ 13 ปีก่อน สวดอัญเชิญเทวดาโดยคุณชินกร ไกรลาศ



    ในนิราศพระบาทที่สุนทรภู่แต่ง ยังเรียกว่าเกาะบางอออิน อยู่เลย พอมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินท์หลังสุนทรภู่ไปแล้ว จึงค่อยมาแต่งตำนานกันขึ้นเองใหม่
    Screenshot_20231223_193510_Chrome.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2023
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระนเรศปฎิเสธการรับราชสมบัติหลายครั้งนั้นเป็นความจริงจากใจของพระองค์ ไม่ได้ประสงค์จะลองใจใคร เพราะก็ทรงรู้ว่ามีเจ้าขรัวเป็นอัครชายาและจะไม่ทรงแต่งตั้งหญิงอื่นเพื่อเป็นอัครมเหสีแทนนางแน่นอน จึงคิดจะดำรงตำแหน่งวังหน้าต่อไป ให้พระเอกาเป็นกษัต่ริย์

    ยืมรูปจากอินเตอร์เนตมาโชว์ รูปวาดของหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในสมัยราชวงศ์หมิง

    1224131273jiewfudaocom1.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2023
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าพระนเรศและจางจวีเจิ้งพูดอะไรกันเมื่อเจอกันครั้งแรกบ้าง ได้แต่เล่าสภาพแวดล้อมของการกระทำเพื่อเดาความคิดของทั้ง 2 คน
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ขนลุกเลย พระองค์ท่านเลือกสร้างตำหนักบ้านเลน(เกาะบางปะอินในปัจจุบัน) เพื่อให้พระนางได้อยู่ใกล้กับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีน้ำผุดขึ้นมาจากสะดือน้ำ มาใช้ในชีวิตประจำวัน พระนางจึงไม่ลำบากในเรื่องน้ำดื่มเพราะน้ำบริสุทธิ์ ดื่มได้เหมือนน้ำจากลำธารใส และยังมีคุณสมบัติใช้รักษาโรคได้ เป็นพระกรุณาต่อนางเป็นที่สุด ... ขนลุกจริง ขนลุกซู่เลย พระนเรศทรงละเอียดและปราดเปรื่องเป็นที่สุด ... สมแล้วที่พระองค์ทรงเป็นมหาราช

    https://www.matichonweekly.com/sujit/article_371230



    พระนางเป็นคนป่วยบ่อย (ถ้าเป็นปัจจุบันหมอจะวินิจฉัยว่าสารอาหารไม่เพียงพอเป็นแน่ เพราะกินแต่ผลไม้เป็นหลัก อยู่ที่เกาะบ้านเลน ทรงกินแต่มะม่วง กับกล้วย แต่ทรงชอบมะม่วงมากเป็นพิเศษ มะม่วงที่ปลูกบนดินเลนรสชาดดีมาก ภายหลังกินขนมไทยที่พ่อครัวในบ้านทำเพิ่มได้นิดหน่อย แต่นางกินของคาวไม่ได้เลย อาเจียนออกหมด ทรงเป็น vegan หรือคนที่บริโภคเฉพาะผักและผลไม้)

    ถ้ารัฐบาลจะพิจารณากลับมาใช้ชื่อเกาะบางอออินได้ ก็คงจะดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2023
  12. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การเกิดตำหนักบ้านเลนนั้น เสร็จก่อนที่พระนางจะถึงสยาม ... หรือว่าการเดินทางคราวนั้นมีการตระเตรียมกันนานพอสมควร

    สิ่งที่ไม่เคยเห็นจะพูดถึงสิ่งนั้นยาก เช่นไม่เคยเห็นตอนสร้างตำหนัก เห็นแต่ตอนพระนางมาใช้ตำหนัก

    วันนี้มีเพลงเทิดพระเกียรติกษัตริย์ที่น่าฟัง ...ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญ...

    คลิปนี้เป็นกำลังใจให้เล่าเรื่องนี้ต่อไป... สถาบันพระกษัตริย์ทรงเป็นหลักชัยของชาติ..

     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในหนังสืออนุสรณ์วัดชุมพลนิกายาราม ปี 2528 กล่าวถึงต้นโพธิ์ ที่มีมาคู่กับวัด หรือมีมาก่อนแล้วตอนสร้างวัด มี 2 ประเด็นที่คล้ายวัดท่าใหม่อิ จังหวัดเชียงใหม่

    1 การใช้นามแฝง ที่ต้องแฝงเพราะพระนเรศ ทรงเลื่องชื่อเรื่องการสงคราม ถ้าคนทั่วไปรู้ว่า พระมเหสี พระโอรส พระธิดา เป็นใครและอยู่ที่ไหน ศัตรูก็ย่อมจะรู้ด้วย วิธีทำให้ทรงหมดกำลังใจก็คือลอบทำร้ายหรือฆ่าทิ้งคนในครอบครัวท่าน คือฆ่าทิ้งทั้งเมียและลูกท่าน การมาลอบฆ่าผู้หญิงและเด็กนั้น มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่ายกทัพมาต่อสู้กับองค์พระนเรศ

    2 การกำกับคาถากำบังกาย โดยกำหนดพิธีในมณฑล(พื้นที่)ชัดเจนโดยใช้ต้นโพธิ์ 3 ต้นเป็นหลักเหมือนเป็นที่สถิตของเทวดาที่คอยดูแลมณฑลพื้นที่และกำกับหัวใจของพระคาถาไว้ที่ต้นโพธิ์ไว้ 20231225_085315.jpg

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2023
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระเจ้าปราสาททองเป็นพระราชโอรสของพระนเรศ แต่ไม่ใช่พระราชโอรสลับ ทรงได้เป็นพระมหาอุปราช โดยในวัยเด็กของพระองค์ไลต้องอยู่แบบลึกลับ ไม่ให้ข้าศึกศัตรูพระนเรศตามมาปลงพระชนม์ได้ง่าย ๆ Screenshot_20231226_053620_Chrome.jpg

    เจ้าแม่วัดดุสิตเป็นพระนมโดยไม่ต้องให้นมพระโอรสพระเจ้าปราสาททองก็ได้ เป็นการอวยยศไว้เพื่อให้ขึ้นตำแหน่งกรมพระเทพามาตย์ได้ในสมัยพระนารายณ์

    สายเลือดบุเรงนองก็มา (สายเลือดจากพระทุลอง) ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไม่ได้ สายเลือดเปลี่ยนไม่ได้ ต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับความจริง สมเด็จพระนเรศทรงเลือกการแต่งงานนี้ให้พระราชธิดาด้วยพระองค์เอง
    ตามความเข้าใจอันน้อยนิดที่ข้าพเจ้ารู้ ทั้งบุเรงนอง พระชายา(แม่นอรธามังช่อ) เป็นเชื้อสายมอญทั้ง 2 พระองค์



    https://www.silpa-mag.com/history/article_40706
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2023
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รูปร่างพระนางสูงโปร่ง สง่างาม พิจารณาจากภาพตอนงมพระนางขึ้นจากน้ำ ทรงสูงราว ๆ กว่า 170 ซม สูงกว่าสาวสยามทั่วไป แต่ก็ยังสูงน้อยกว่าพระนเรศเกือบฟุต หน้าตาขาวซีด ภาพตอนงมขึ้นจากน้ำเห็นว่าทรงซีดมาก โชคดีทรงกั้นหายใจพองมขึ้นมาทันจึงไม่มีน้ำเข้าปอด พระนางสูงโปร่งและหน้าหวาน สวยจนประทับใจ
    https://youtube.com/shorts/YlwRuITZJnQ?si=hhTHCiXjUNPPherl
    1224131273jiewfudaocom1.jpg
    หน้าหวานหยดย้อย แต่พระอุปนิสัยไปคนละทางกับหน้าตา คำร่ำลือในหมู่ชาวจีนโบราณที่เคยเห็นนางแล้วบอกต่อๆกันมา บอกว่านางสวยเหมือนดอกไม้​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2023
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    FB_IMG_1702987061542.jpg ตำหนักบ้านเลนเป็นเรือนไม้ใหญ่ ทำชานเรือนไว้กว้างมากคล้ายศาลาวัด มีบางครั้งพระองค์ท่านเรียกขุนทหารมารวมตัวกันบนชานเรือนเพื่อสั่งการ พระนางจะไม่ออกมาปรากฎตัวถ้าพระองค์ท่านไม่อนุญาต ถ้าเป็นประชุมใหญ่ที่ทรงอนุญาตให้ออกมาด้วย พระนางจะต้องแต่งเต็มยศพระอัครมเหสีเพื่อนั่งข้างพระองค์ท่าน การประชุมเหล่านี้ไม่เคร่งเครียดนัก ไม่เหมือนสมัยยังไม่ชนะพม่าเด็ดขาด แต่ว่าประชุมเสร็จท่านก็ทรงออกทัพอยู่ตามปกติเพียงแต่ไม่ทรงเคร่งเครียดมาก คงจะรับมือได้ไม่ยาก

    ปกติพระนางไม่ค่อยแต่งเครื่องยศ ชอบใช้ชีวิตปกติธรรมดา บางครั้งพาพระโอรสพระธิดาไปเที่ยว ในเกาะเมือง ไปชมเครื่องใช้ กับไปซื้อของเล่นให้ลูกๆ นางก็ไปแบบไม่มีใครรู้ ซื้อข้าวของเสร็จ พาลูกนั่งเรือมาถึงบ้านค่ำ (มาคิดตอนนี้ พระนางก็พาลูกไปเสี่ยงเหมือนกัน แต่เพราะพระนางไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องบ้านเมืองนี้มากนัก ก็ทรงใช้ชีวิตแบบปกติไม่ได้คิดถึงเรื่องความปลอดภัย) มีวันหนึ่งพระองค์ท่านกลับจากทัพมาถึงตำหนักบ้านเลนตอนค่ำ หาคนตอบได้ว่าพระนางไปไหน ไม่ได้เลย ทรงเรียกคนทั้งบ้าน (ทั้งเกาะ) มารวมตัวกันอยู่สนามใหญ่หน้าเรือน จุดคบ จุดไต้ รอกันนิ่ง ไม่มีเสียงใครกล้าเล็ดรอดออกมา อีกพักใหญ่ พระนางจึงถึงบ้าน วันนั้น พระนางออกจากเกาะเมืองตอนใกล้ค่ำ (ทรงไปสนทนากับพี่ชายทั้งสองคนที่มาด้วยกันจากกรุงจีน นางไปปรึกษาเรื่องจะให้ลูกเรียนภาษาจีนจากใครดี ใครจะสอนลูกนางได้บ้าง) ถึงบ้านช้าไปจากปกติมาก ๆ พอขึ้นจากเรือก็ทรงตกใจมาก ๆ ทำไมพากันมานั่งกันเต็มพื้นที่ขนาดนี้ พระนเรศทรงโกรธพระนางมากที่พาลูกๆไปเสี่ยงขนาดนี้​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ในสมัยของพระนเรศ ยังมีโจรสลัดที่ฝีมือเก่งกล้าอีก 2 คน เป็นคนจีน 1 คน และคนญี่ปุ่นอีก 1 คน หนึ่งคือลิ้มโต๊ะเคียม และอีกหนึ่งคือฮิเดโยชิ พวกนี้คอยดักปล้นเรือสินค้า กองเรือสยามก็ถูกปล้นด้วย
     
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พระราชทินนามรัชกาลที่ 1 เมื่อครั้งเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
    • สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก "เสมอที่เจ้าพระยามหาอุปราช" (สมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี - 6 เมษายน พ.ศ. 2325)
    ทรงมีสร้อยพระปรมาภิไธยว่า "นเรศรราชสุริยวงษ์" ที่พระราชวังเกาะบ้านอออิน พระนารายณ์ทรงใช้คำว่า ไว้เป็นที่ประทับของราชตระกูล"สุริยวงษ์" โดยสร้อยพระนามนี้มีพระปรมาภิไธย "นเรศ" อยู่ด้วย / ข้าพเจ้าเพิ่งมาดูจากหนังสือศิลปวัฒนธรรมที่เผยแพร่เมื่อต้นปีก็ถือได้ว่าในสร้อยพระนามมีร่องรอยความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันถึงองค์พระนเรศและองค์พระเจ้าปราสาททอง

    พระปรมาภิไธย
    180px-Privy_Seal_of_King_Rama_I_%28Buddha_Yodfa_Chulaloke%29.svg.png
    พระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 1 รูปอุณาโลม ผูกตรานี้ขึ้นในวโรกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี
    เมื่อพระองค์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีแล้ว พระองค์มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สกลจักรวาฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทรธาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณอขนิษฐ์ ฤทธิราเมศวรมหันต์ บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร์ โลกเชฏฐวิสุทธิ์ รัตนมกุฎประเทศคตามหาพุทธางกูร บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว"[8]

    เนื่องจากพระปรมาภิไธยที่จารึกลงในพระสุพรรณบัฏนี้เป็นพระปรมาภิไธยเดียวกับพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา 3 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง), สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐา) และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 (สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ดังนั้น พระองค์จึงเป็น "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4"[9]

    ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ออกพระนามรัชกาลที่ 1 ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตามนามของพระพุทธรูปที่ทรงสร้างอุทิศถวาย[10] และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เพิ่มพระปรมาภิไธยแก่สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชจารึกลงในพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ นเรศวราชวิวัฒนวงศ์ ปฐมพงศาธิราชรามาธิบดินทร์ สยามพิชิตินทรวโรดม บรมนารถบพิตร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก"[9]

    คำว่า "นเรศวราชวิวัฒนวงศ์ " ในพระปรมาภิไธย ก็มีจริงดังในวารสารกล่าวไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ท่านลามะจื้อไห่รินโปเช่
    (พระอาจารย์ไวรุศมุณี องค์อารยะปภาช)
    วัดวัชรมณี (สุ่ยจิงกง) ทิเบต ประธานกองบุญหมื่นฟ้า

    ก่อนท่านไวรุศมุนีบวชเป็นพระลามะ ท่านเคยมาสวดมนต์ให้วัดชุมพลนิกายาราม





    ประวัติท่านอาจารย์ไวรุศมุนี

    อาจารย์ไวรุศมุณี องค์อารยะปภาช เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2526 ในวัยเด็กท่านก็ใช้ชีวิตไม่ได้ต่างจากเด็กทั่วไปมากนัก เพียงแต่ท่านชอบสวดมนต์ เข้าวัด ทำบุญมาตั้งแต่เด็กๆ ท่านอาจารย์เล่าให้ฟังว่าตอนท่านอายุได้ 7 ขวบ ท่านระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย หมั่นสวดมนต์ทุกวันจนจิตสงบ แล้วเห็นแสงสว่างเกิดในจิตตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ได้รับรู้ในสิ่งที่คนทั้งหลายไม่รู้ คือ โลกวิญญาณ ซึ่งเป็นเรื่องประหลาดที่บอกใครไม่ได้ หลายๆคนก็ไม่เข้าใจ อาจารย์จึงเก็บไว้ในใจตลอดมาว่าคืออะไร แต่ด้วย “สิ่งนี้” ทำให้เวลานึกสิ่งใดมักจะสว่างมาก มีความจำดี และจำอะไรได้ไว สมัยเด็ก เวลาเรียนอาจารย์จะสอบได้ที่ 1 เสมอโดยไม่ต้องอ่านหนังสือ มีแต่นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์ตลอด จนคนอื่นๆหาว่าบ้า

    ในตอนที่อาจารย์อายุ 7 ขวบนั้น มีเทพองค์นึงมาปรากฎในสมาธิ ซึ่งอาจารย์จะนั่งภาวนาทุกวันโดยกำหนดลมหายใจ และเพ่งเทียน (ที่โบราณเรียกว่ากสิณไฟ) เทพองค์นี้มักมาสอนการทำสมาธิให้ถูกจริตและการเจริญจิตภาวนา อีกทั้งท่านยังสอนให้สวดพระคาถาชินบัญชร ซึ่งอาจารย์เอง (ณ สมัยนั้น) ยังไม่เคยรู้จักเลย แต่ท่านก็แนะนำว่าให้สวดอย่างนี้ๆไปเรื่อยๆ จนจบ จนอาจารย์ท่องได้ในเวลาต่อมาและก็ยังท่องมาเรื่อยจนทุกวันนี้ แม้ตอนที่เห็นองค์เทพนี้มาสอนเรื่อยๆ ท่านก็ยังไม่บอกว่าท่านมีพระนามว่าอะไร ท่านเพียงแต่บอกหน้าที่อาจารย์ว่าให้ทำหน้าที่เป็นนักพรตในโลกวิญญาณ ทำหน้าที่โปรดวิญญาณที่ตกทุกข์ได้ยาก ในขณะนั้นอาจารย์ฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจแต่ท่านก็ยังบอกว่าอีกไม่นานก็จะรู้เอง ให้สั่งสมบารมีไปเรื่อยๆ อายุ 18 ปีขึ้นไปจะได้ใช้ประโยชย์ ให้หมั่นเจริญ ทาน ศีล ภาวนา สวดอิติปิโสวันละ 1,000,000 จบ ชินบัญชร วันละ 10,000 จบ เร่งทำไปอย่าละของเก่าและกระจกส่องใจ (ญาณจากฌาน) จะเกิดขึ้นเอง อาจารย์ก็เชื่อฟังท่าน ทำทุกวันไม่ละตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งกิน เดิน นั่ง นอน ก็สวดมนต์ตลอด จนประคำขาดคามือแล้วอาจารย์ก็เข้าใจในทุกสิ่ง จึงดำเนินจิตมาเรื่อยๆ แม้จะมีคนมองว่าแปลก อาจารย์ก็ยังเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองทำ

    จนวันหนึ่งเมื่ออาจารย์เรียนมหาวิทยาลัย อาจารย์ได้พบความจริงเกี่ยวกับองค์เทพที่มาหาบ่อยๆในสมาธิ อาจารย์ได้พบห่อหนังสือเก่าๆโดยบังเอิญซึ่งมีรูปองค์เทพที่อาจารย์คุ้นเคยเป็นอย่างมาก จนมารู้ว่าท่านมีพระนามว่า พระชินะปัญจะระ นับแต่นั้นมาอาจารย์ก็เก็บรูปท่านไว้บูชาตลอดมา

    ด้วยความศรัทธายิ่ง อาจารย์จึงมุ่งมั่นทำหน้าที่ทางโลกวิญญาณ สร้างกุศลอุทิศให้ปวงวิญญาณทั้งหลาย ทั้งพุทธมหายาน วัชรยาน และ เต๋า อาจารย์ก็ได้รับคำแนะนำจากท่าน ใช้สรรพวิชานี้ให้เป็นประโยชน์เรื่อยมา

    นี่คือจุดเริ่มต้นของอาจารย์ที่แปลกแต่จริง จนมีหลายคนมักสงสัยว่าอาจารย์รู้ล่วงหน้าได้อย่างไร นี่ก็คือความลับกว่า 18 ปีที่บำเพ็ญไว้

    ทางวิถีเซียนเรียกว่า

    “บ่มเพาะเมล็ดพันธ์ทางจิต งอกเงยผลทางวิญญาณ แผ่กิ่งก้านของปัญญา ดอกผลมีค่าแก่สรรพชีวิต”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2023
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,900
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่า ทำไมพระนเรศจึงติดต่อพี่ชายพระนางให้วาดรูปพระนางส่งมาเป็นระยะ แม้จะวาดมาสวยแค่ไหน ก็ยังทรงคิดว่าพี่ชายพระนางวาดภาพพระนางมาสวยเกินจริงเพื่อโปรโมทน้องสาวตัวเอง องค์นเรศท่านทำเหมือนต้องฝืนรับพระนางเป็นภรรยา กระทั่งพระนางมาถึงสยามแล้ว ยังอิดเอี้ยนไม่มาดูตัวทันที โดยขอดูหน้าพระนางก่อนจะไปพบท่านจาง (ป.ล. ถ้าไม่สวยจะได้ทำใจฝืนทำหน้าดี ๆ ก่อนไปพบหน้าท่านจาง เผอิญว่านางเป็นคนสวยจริง พระองค์ท่านจึงไม่ต้องฝืนพระทัย อันที่จริงพระองค์ท่านมีภรรยาอยู่แล้วนะแต่จะยกย่องสถานะเท่าใดพระนางไม่ทราบเพราะไม่เข้าใจยศศักดิ์ของราชสำนักสยามเท่าไหร่ พระนางยังบอกกับสาวใช้ว่าคนมีเมียแล้วจะมาแต่งกับนางอีกทำไม อายุพระองค์ท่าน 28 ปีแล้ว สมัยโบราณต้องมีภรรยาและลูกแล้ว จะมีภรรยากี่คนมาแล้ว ท่านไม่ยอมเปิดเผย พระนางก็รู้มาเหมือนกันว่าทรงมีภรรยาแล้ว และพระนางก็ไม่ยอมเป็นอนุของคนมากภรรยาด้วย พระนางเกี่ยงการแต่งงานครั้งนี้) โดยนัดแนะให้คนรับใช้ของพระนางพาพระนางมาหน้าร้านค้าที่เปิดไว้โชว์สินค้า แล้วพระองค์จะปลอมเป็นตำรวจหลวงเดินตรวจพระนครมาผ่านหน้าร้านนี้ตอนเที่ยง เพื่อมาดูว่าสวยจริงตามที่วาดภาพมาให้ชมหรือไม่ วันนั้นทรงเห็นแล้วตกตะลึงไปพักนึง จะก้าวเข้ามาในร้าน พระนางก็ตกใจเช่นกัน วิ่งไปหลบหลังแจกันยักษ์ (พระนางคิดว่าเป็นโจรหน้าตารุงรัง) ทหารที่ตามมา 4 คนช่วยกันเตือนสติพระองค์จึงทรงหยุด แล้วเดินไปบ้านท่านจางเพื่อเร่งการส่งตัวพระนางเข้าวังหน้า พระนางกลับจากหน้าร้านถึงบ้านท่านจาง พระองค์ท่านสนทนาอยู่ข้างๆ ท่านจางอยู่ก่อนแล้ว พระนางก็เดินหลบฉากเข้าห้องที่อยู่มุมขวาของเรือนอย่างรวดเร็วประมาณว่าเร็วขนาดนี้คงไม่ทันเห็นเพราะว่ากำลังสนทนากันอยู่ ท่านจางเรียกให้พระนางมายกน้ำชาให้พระนเรศ พระนางก็ส่งสาวใช้ออกมาแทน เพราะแค่ยกน้ำชาให้แขกแค่นี้สาวใช้ก็ทำได้ ท่านจางบอกสาวใช้ให้ไปตามพระนางออกมาให้ได้ พระนางออกมาถือถ้วยน้ำชาที่สาวใช้ยื่นส่งมาให้ เนื่องจากท่านจางกับพระนเรศนั่งบนตั่งอยู่แล้ว พอพระนางไปยกน้ำชาให้พระนเรศตามคำสั่งพ่อ ทรงเอามือมาลูบมือพระนาง พระนางก็มือไวพอกัน หยิกไปที่ต้นขาจนท่านร้องโอ้ย ท่านจางต้องเตือนโดยเรียกชื่อพระนางดัง ๆ แล้วหันไปขอโทษพระนเรศว่าตัวท่านจางเองที่ผิดเลี้ยงพระนางโดยตามใจมากเกินไป พระนางไม่รู้ว่านี่คือถือว่าถวายตัวแล้ว เพราะการแต่งงานนั้นพิธีจะต้องมากกว่านี้ พอพระนางหยิกและโดนพ่อเอ็ด พระนางจึงเดินกลับห้อง เห็นว่าลับตาท่านจางแล้ว พระนางยังแลบลิ้นให้พระองค์ไปหนึ่งที ทรงขำ ท่านจางก็รู้จากปฎิกริยานี้ของพระองค์ท่านว่าคงเจอฤทธิ์เดชของพระนางเข้าไปอีกครั้ง จนต้องเรียกชื่อพระนางดังๆอีกรอบ พระนางจึงหลบเข้าห้องตัวเองไป

    ประเด็นคือใครบังคับพระองค์ให้รับพระนางเป็นภรรยา คงไม่ใช่ท่านจางแน่ๆ เพราะท่านจางคงไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของพระองค์ ข้าพเจ้าลืมไปเลยว่าท่านจางเคยคุมกลาโหม ย่อมรู้จักกับพระมหาธรรมราชาอย่างน้อยก็คือรู้จักกันในฐานะเสนาธิการทหารของประเทศกันมาก่อน ทั้งท่านจางและพระมหาธรรมราชา มีอายุไล่เลี่ยกัน ต่างกันไม่น่าจะถึง 5 ปี การแต่งงานครั้งนี้เรียกว่าผู้ใหญ่รู้จักกันมาก่อนและตกลงเป็นดองกันนั่นเอง อันที่จริงก็รู้จักกันหมดรวมถึงบุเรงนองด้วย เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูแลงานบ้านงานเมืองโดยเฉพาะงานด้านการทหารตีคู่ขนาน timelineเดียวกันเลยทั้งสามคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2023

แชร์หน้านี้

Loading...