ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

...ลักษณะงาน ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการทำงานควบคู่กันไป

ข้าพระพุทธเจ้าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ต้องขอกล่าวคำต้อนรับคุณน้องจุ๊บ ใหม่อีกครั้ง ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นเกียรติแก่กระทู้นี้เป็นอย่างยิ่ง โดยส่วนตัวก็ขอขอบพระคุณครับ

ลักษณะงานที่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ควบคู่กันไป คำกล่าวนี้เคยได้ยินบ่อยครั้ง เดาว่าเป็นงานของกระทรวงใหญ่กระทรวงหนึ่งที่มีมาตั้งแต่โบราณเคียงคู่กันกับงานกลาโหม ขออนุโมทนานะครับที่ได้ตั้งใจที่จะนำแบบอย่างของ
"ลักษณะมหาบุรุษ"ของพระองค์ท่าน ที่คุณทางสายธาตุ ได้นำมาโพสไว้ในหน้า 98-99 มาปรับใช้ในการทำงานและการดำรงชีวิตต่อไป กระทู้นี้ขอชื่นชมและเป็นแรงใจให้ครับ

 

[FONT=TH NiramitIT๙]" แม่น้ำบางปะกง แหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโสธร พระยาศรีสุนทร ปราชญ์ภาษาไทย อ่างฤาไน ป่าสมบูรณ์ " [/FONT]<O</O[FONT=TH NiramitIT๙]ขอต้อนรับน้องจุ๊บ ข้าราชการเมืองแปดริ้วนะคะ [/FONT]
<O</O
[FONT=TH NiramitIT๙]ขออนุญาตคัดลอกธรรมเทศนาของท่านพุทธทาส ที่ได้แสดงแก่ข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมและศาลในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2494 โดยคุณภูริพัฒน์ พงษ์อักษร เป็นผู้เผยแพร่ไว้ คำว่าราชการแปลว่า [/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]“[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]ผู้ที่ทำงานของพระราชา[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]” [/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]แต่คำว่า [/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]“[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]ราชา[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]”[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙] คืออะไร[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]?[/FONT][FONT=TH NiramitIT๙] ก็มีพุทธภาษิตอธิบายคำ ๆ นี้ไว้อย่างชัดแจ้ง (ในบาลีอัคคัญสูตร ทีฆนิกาย 11/87/51) เราจึงไม่ต้องลำบากในการตีความหมาย และเมื่อทราบว่าอุดมคติของคำ ๆ นี้หมายถึงอะไรแล้ว เราก็จะทำงานของพระราชาได้อย่างถูกต้อง แล้วงานในหน้าที่ราชการของเราก็จะไม่เป็นเพียงอาชีพ แต่จะกลายเป็นงานการกุศลอันประเสริฐไปด้วยในตัว[/FONT]<O</O
<O</O
[FONT=TH NiramitIT๙]ขออนุโมทนากับน้องจุ๊บ ผู้ที่ทำงานของพระราชานะคะ[/FONT]<O</O

 

ขอประชาสัมพันธ์นะคะ พระสิวลีอัญมณีหยกขาว องค์ขนาดความสูง ๙ นิ้ว (รวมฐาน) จากหยกขาวก้อนเดิม ขณะนี้แกะเสร็จแล้ว จำนวน 9 องค์ (ทยอยแกะอยู่ค่ะ) สำหรับท่านผู้มีจิตศรัทธาที่ได้ร่วมสร้างพระ ตั้งแต่ ๙,๙๙๙.- บาท ตามรายชื่อที่แจ้งไว้แล้ว สามารถติดต่อขอรับองค์พระได้ที่วัดตาลเอน ส่วนท่านที่ประสงค์จะบูชาองค์พระสิวลีและต้องการร่วมบุญสร้างที่ประดิษฐานองค์พระสิวลีอัญมณีหยกขาว (พระสิวลี บารมี 3 พระองค์) สามารถแจ้งรายชื่อสั่งจองได้ที่วัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2554 เป็นต้นไป หรือสั่งจองผ่าน Florence125 ก็ได้ค่ะ <O</O
<O</O

(ปัจจัยถวายวัดตาลเอน เพื่อนำไปก่อสร้างสถานที่ประดิษฐานองค์พระสิวลีอัญมณีหยกขาว (พระสิวลี บารมี 3 พระองค์) ข้างพระตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา)<O</O
[FONT=TH NiramitIT๙]--------------------------------------------------[/FONT]<O</O
“[FONT=TH NiramitIT๙]วันใดหวนคืนสู่อโยธยา จะสร้างองค์พระปฏิมาด้วยศิลาสีขาว...[/FONT]” [FONT=TH NiramitIT๙]พระสิวลี บารมี 3 พระองค์[/FONT]<O</O<O</O

 

[FONT=TH NiramitIT๙]ขออนุญาตประชาสัมพันธ์งานบุญ ในวันเสาร์ที่ 30 เมษายน 2554 ที่วัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยานะคะ [/FONT]

[FONT=TH SarabunIT๙]ขอเชิญร่วมทำบุญถวายแด่บูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลเอน และถวายผ้าป่า ๓๗ [/FONT][FONT=TH SarabunIT๙]วัด ๑๐ สาธารณะสงเคราะห์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ ๓ รอบ (๓๖ ปี)[/FONT] "[FONT=TH SarabunIT๙]พระครูสมุห์จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท"[/FONT]
<O</O
วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน๒๕๕๔

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนศิษยานุศิษย์ และญาติธรรมทุกท่านร่วมทำบุญถวายแด่บูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสวัดตาลเอนถวายผ้าป่า ๓๗วัด ๑๐สาธารณะสงเคราะห์ (รวม ๔๗ กอง) และพิธีมอบทุนการศึกษา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดครบ ๓ รอบ (๓๖ ปี) "พระครูสมุห์จิรยุทธ์ อธิฉนฺโท"เจ้าอาวาสวัดตาลเอน (รูปปัจจุบัน) และเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม แห่งที่ ๑๕ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
<O</O
กำหนดการ
๑๐.๐๐ น.พระภิกษุสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๓๗ รูปเจริญพระพุทธมนต์
๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารเพล
๑๒.๐๐ น.ทอดผ้าป่า
<O</O
สนใจเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า ติดต่อได้ที่ "ทิดเก่ง" โทร [FONT=TH NiramitIT๙]๐๘๑-471-8384[/FONT]หรือ "ทีมพัฒนาเว็บไซด์วัดตาลเอน" โทร ๐๘๙-๒๑๙-๖๙๗๖
<O</O
ขอเชิญศิษยานุศิษย์และญาติธรรมทุกท่านร่วมแสดงมุทิตาสักการะโดยพร้อมเพรียงกัน
<O</O

**************************************<O</O​

 

<EMBED height=390 type=application/x-shockwave-flash width=640 src=http://www.youtube.com/v/5u4Pd0eoKtI&hl=en_US&feature=player_embedded&version=3 allowScriptAccess="always" allowfullscreen="true">


เพลงเทิดไท้พระสุพรรณกัลยา ประพันธ์/ทำนอง/ขับร้อง โดย กัญญนัทธ์ ศิริ
</EMBED>

 

<TABLE id=pid100037 cellSpacing=0 cellPadding=0 summary=pid100037><TBODY><TR><TD class=postauthor rowSpan=2>

ศรัทธา ​

ระดับ credit: ​

<!-- ัซีย --><!-- ัซียend -->​

</TD><TD class=postcontent>ต้องขออนโมทนาคุณศรัทธา Web ณาณทิพย์ ไม่ทราบว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมท่านใด ที่ได้ร่วมงานถวายพระสิวลีอัญมณีหยกขาว (พระสิวลี บารมี 3 พระองค์) ที่วัดตาลเอน บังเอิญ Florence125 อ่านเจอพอดี เลยขออนุญาตคัดลอกข้อความจากณาณทิพย์ มาฝากผู้ร่วมบุญสร้างพระสิวลีของ Web พลังจิตทุกท่าน โดยเฉพาะเพื่อนสมาชิกผู้ที่มีความจงรักภักดีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา ที่ไม่สามารถไปร่วมพิธีในวันถวายพระสิวลี เพื่อบารมีของทั้ง 3 พระองค์ได้ค่ะ

ศรัทธาโพสต์ 21-3-2011 17:20 | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้ ​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_100037>กลับมาแล้วค่ะ ไปชาร์จแบตจากวัดมา 3 วัน แบกบุญมาเต็มเปี่ยมแจกจ่ายให้น้อง ๆ ทุกท่านในญาณทิพย์ด้วยค่ะ

รอบนี้ไปวัดมีคณะนายทหารนำพระสีวลีหยกขาวมาถวายวัดตั้งไว้หน้าอาคารปฏิบัติธรรม ขอบอกสวยงามมากค่ะ เป็นบุญจริง ๆ ที่ได้ไปร่วมพิธี ช่างกล้องที่ไปเก็บภาพในงานถ่ายภาพออกมาติดดวงเทวดาหลายองค์ค่ะ อยากให้น้อง ๆ ไปเห็นด้วยจัง

บุญที่สองได้ไปร่วมงานบวชพระใหม่ด้วย 1 รูปที่วัดวันก่อนกลับ ใส่บาตรพระใหม่ด้วยค่ะ​

บุญที่สามได้ไปช่วยงานแม่ชีหลายอย่างเพราะคนช่วยน้อย แต่คนงานเยอะ​

พระอาจารย์ได้เชิญพระธาตุพระสีวลีประทับในองค์พระสีวลีหยกขาวด้วยค่ะ​

เมื่อวันเสาร์ที่ 19 เป็นวันดีพระอาจารย์บอกเป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ท่านเลยให้สวดมนต์ยาวกันเลยประมาณ 4 ชั่วโมงได้แล้วปฏิบัติต่ออีก เดิน 45 นาที นั่ง 45 นาที​

นี่แหละค่ะบุญทั้งหลายที่พี่หอบกลับมาฝากน้อง ๆ​

​

ขออนุโมทนา ผู้มีบุญสัมพันธ์ทุก ๆ ท่านค่ะ

----------------------------------------------------​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

“[FONT=TH NiramitIT๙]วันใดหวนคืนสู่อโยธยา จะสร้างองค์พระปฏิมาด้วยศิลาสีขาว...[/FONT]” [FONT=TH NiramitIT๙]พระสิวลี บารมี [/FONT][FONT=TH NiramitIT๙]3 พระองค์[/FONT] <O</O​

​

</TD></TR><TR><TD class=postcontent vAlign=bottom>

​

</TD></TR><TR><TD class=postauthor>

​

</TD><TD class=postcontent>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

เรื่องที่หลายๆท่านอาจจะยังไม่รู้ น้ำใจของไทยเราที่มีต่อญี่ปุ่นครับ เป็นการช่วยเหลือด้วยการให้แสงสว่างครับ น่าจะเป็นการช่วยเหลือแบบไม่เคยมีมาก่อนก็ว่าได้

...วันนี้แหละครับ (๒๙ เม.ย.๕๔) เรือบรรทุกเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ๑ ในจำนวน ๒ เครื่อง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ที่รื้อถอนจาก "โรงไฟฟ้าหนองจอก" ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่น จะถึงประมาณวันที่ ๙ พ.ค. และเครื่องที่ ๒ จะตามไปติดๆ เพื่อช่วยให้มิตร "แดนอาทิตย์อุทัย" กว่า ๒ แสนครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้ หลังมืดมิดกับสึนามิเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
นี่คือน้ำใจไทย ย้อนไปสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ สหรัฐเกิดสงครามกลางเมือง ไทยซึ่งเป็นมิตรแท้ก็ไม่นิ่งดูดาย เสนอ "อับราฮัม ลินคอล์น" จะส่งช้างไปช่วยมาแล้ว
และนี่...ญี่ปุ่นซึ่งเป็นมิตรประเทศที่ดี กำลังตกอยู่ในสภาพ "ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด" ทั้งแผ่นดินไหว ทั้งสึนามิถาโถม เป็นเหตุให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะพังพินาศ
หลายต่อหลายเมืองตกอยู่ในความมืดมิด อะไรที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นได้ มันก็เกิดขึ้นแล้ว นั่นคือ ญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพ "เศรษฐีขาดไฟ" แต่เป็นยุคที่ญี่ปุ่นมีทุกอย่างด้วยเทคโนโลยีสูงสุดนำโลก ก็มีอย่างเดียวที่ไทยจะแสดงถึงความเป็น "มิตรในยามยาก" ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับญี่ปุ่นได้
คือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า "กังหันก๊าซ" ที่ไทยซื้อมาใช้จากญี่ปุ่นในอดีตกาลนานมาแล้วนั่นแหละ แต่ กฟผ.ยังใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ด้วยการดูแลบำรุงรักษาให้ "ทรงประสิทธิภาพ" เต็มเปี่ยม
ในเมื่อนิวเคลียร์-ไฮเทค ใช้ไม่ได้ ระบบไฟฟ้า-โลว์เทค ก็ไม่มี เพราะเลิกใช้ไปนานแล้ว
แต่ไทยมี...
ยินดีขมีขมันรื้อโรงไฟฟ้าทั้งโรง ขนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ๒ เครื่อง พร้อมกังหันก๊าซ มีกำลังผลิตรวม ๒๔๔ เมกะวัตต์ จากหนองจอก ไปลงเรือที่ท่าเรือแหลมฉบัง ส่งไปให้ญี่ปุ่นเพื่อเชื่อมต่อเข้าระบบไฟฟ้าของจังหวัดโตเกียวให้ทันได้ใช้กันในเดือนสิงหานี้ทันที!
จะกี่ปีก็ใช้ไป บาทเดียวเป็นค่าเช่า-ค่ายืมไทยก็ไม่เอา ใช้จนหมดความจำเป็นต้องพึ่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโลว์เทคนี้เมื่อไหร่ ก็ค่อยรื้อถอนบรรทุกใส่เรือข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกตัดเข้าอ่าวไทย มอบคืนให้ไทยก็แล้วกัน
นี่คือน้ำใจ ในส่วนที่คนไทยยินดีมอบให้มิตรญี่ปุ่น!
ตรงนี้ผมคิดว่า คนไทยด้วยกัน เมื่อทราบข่าวอาจเกิดความรู้สึกอยาก "ขอบคุณ" รัฐบาลไทย-นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอบคุณกระทรวงพลังงาน-นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ขอบคุณ กฟผ. ภายใต้การบริหารของท่านผู้ว่าฯ "สุทัศน์ ปัทมศิริวัฒน์" ที่ทำสิ่งดีงามต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในยามยาก แทนคนไทยทุกคน
ในยาม "วิบัติซ้ำ-ระกำทุกข์" พลังกังหันก๊าซไทยเป็น "ดอกหญ้าแซมผม" ให้พลังนิวเคลียร์ญี่ปุ่น ก็เป็นอะไรๆ ที่...ซึ้งนะ!.....


แหล่งที่มา :
http://www.thaipost.net/news/290411/37841

 

ต้องขอขอบพระคุณ คุณจงรักภักดี และคุณ florence 125 ที่ให้เกียรติจุ๊บเป็นอย่างสูงค่ะ
ข้าราชการมีหน้าที่รับใช้ประชาชน เงินเดือนและสวัสดิการที่ข้าราชการและครอบครัวได้รับ ล้วนมาเงินภาษีจากประชาชนทั้งสิ้น ถือว่าเป็นเงินของแผ่นดิน ถ้าหากนำความเดือดร้อนมาสู่ประชาชน ถือว่าเป็นผู้เนรคุณต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของภาษี ที่ประชาชนชาวบ้านตาดำๆ เรียกข้าราชการทั้งหลายว่าเจ้านาย หาได้ถูกต้องไม่ เพราะเรามีหน้าที่รับใช้เค้า ไม่ใช่เจ้านายเค้า ไม่ควรจะหลงในอำนาจ หรือตำแหน่งหน้าที่การงานของตัวเอง เราจะต้องทำงานสนองพระเดชพระคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย พระองค์ทรงงานหนักมากทั้งชีวิต เพื่อประชาชนชาวทั้งประเทศ

กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เทิดทูน จงรักภักดี ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องขอขอบพระคุณ อย่างแท้จริงค่ะ

พระนางสุพรรณกัลยาณี มีพระสิริโฉมงดงามมาก ความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระองค์ทำให้พระนเรศวรมหาราช กอบกู้เอกราชของชาติไทยได้สำเร็จ จึงสมควรได้รับ การเทิดพระเกียรติ ให้แพร่หลายยิ่งขึ้นสืบไปตลอด


ขออนุโมทนา สาธุ ถวายผ้าป่า 37 วัด 10 สาธารณะสงเคราะห์ และมอบทุนการศึกษา ให้กับวัดตาลเอน ในครั้งนี้ด้วยนะค่ะ

 

ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับ

โมทนา สาธุ ครับ

 

ขออนุโมทนาบุญกับท่านพี่จงรักภักดี คุณflorence คุณน้องจุ๊บ ด้วยค่ะ

 

พระนามนี้ก็เป็นอีกพระนามหนึ่ง ที่มีระบุไว้หลายแห่ง คุณน้องจุ๊บดูจะเป็นเจ้าแรกที่ใช้พระนามนี้ ประหนึ่งว่ามีความบันดาลใจบางสิ่งบางอย่างกระนั้นนะครับ
กระทู้นี้ก็ได้นำพระเกียรติคุณและความเสียสละอันใหญ่หลวงของพระนางมากล่าวเทิดพระเกียรติให้ปรากฎอยู่บ่อยครั้ง จะคัดลอกมาแสดงในบางตอน....

...สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงปกป้องคุ้มครองดูแลชาติไทย ผืนแผ่นดินไทยและประชาชนคนไทยอยู่ครับ ถ้าณ สมัยนั้นเวลานั้นปราศจากซึ่งพระองค์แล้วไซร้ พวกเราจะได้มีโอกาสมาอยู่กันสุขสบายอย่างนี้ไหมครับ เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบดอกนะครับ ทำให้เราต้องมองย้อนอดีตกลับไป ณ เวลานั้นเราเชื่อกันว่า ยังมีบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังและมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอม ทรงเป็นทั้งขวัญและกำลังใจให้
กับองค์อนุชาในยามที่ต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมือง
นอน ห่างไกลทั้งพระชนกและพระชนนี ท่านนั้นก็คือ
พระพี่นางสุพรรณกัลยา

"....ใจโอ้ใจ ต้องจำพรากไกลจากจร
จากถิ่นฟ้าเคยนอน ต้องจำจรไกลร้างห่างเมือง
ไกลโอ้ไกล แผ่นดินถิ่นกำเนิดมา
ห่วงรักในอนุชา มุ่งสู่หงสาชีพเป็นเดิมพัน
ต้องยอมสละสิ้นแล้วทุกสิ่ง ต้องละวางทิ้งสุขนับคณา
หยดรินไหลร่วงน้ำตา เพื่อสุขประชาไพร่ฟ้าสราญ..."
..............................................................


"เทิดไท้ น้ำใจแม่เอย เปรียบเหมือนเพชรงาม เรืองวาว

เด็ดเดี่ยว แกร่งกร้าว กล้าหาญ หยัดยืน

ชีพแม่สูญสิ้นผ่านกาลนานคืน ยังไม่สิ้นสูญแซ่ซ้อง

ศรัทธา"


พระวีรกรรมของพระองค์จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของ

พวกเราชาวไทยตลอดไป ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์

จงพระเกษมสำราญ สถิตย์สูงในวิมานแดนสรวง แผ่พระ

บารมีปกป้องไพร่ฟ้าประชาราษฎร์และผืนแผ่นดินไทยให้

มีแต่ความสุข สงบและร่มเย็นสืบไป

 

เรื่องพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงนั้น ในประวัติศาสตร์ที่อ่านมาบอกว่าเป็นปืนคาบศิลา
แต่เมื่อตามหาอ่านจริงๆแล้วพระแสงปืนต้นนี้เป็นปืนคาบชุด

ชนิดของปืนอาจจะทำให้ทราบถึงสถานที่แหล่งกำเนิดของการสร้างพระแสงปืนต้นองค์นี้ก็ได้ค่ะ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#dddddd><TBODY><TR><TD bgColor=#442244 vAlign=top><TABLE border=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD width=40></TD><TD style="MIN-WIDTH: 500px"><TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" noWrap> ความคิดเห็นที่ 1</TD><TD vAlign=top width="50%" noWrap align=right><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[1], 1);</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>องค์จริงสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้หายไปแล้วตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาล่มไปครับ

แต่ในสมัย ร.๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงจำลองขึ้นมาใหม่แทนพระแสงปืนองค์เดิม และก็เป็นหนึ่งในเครื่องสูงที่ใช้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกองค์พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มาตั้งแต่สมัย ร.๒ เป็นต้นมาครับ


ป.ล.

พระแสงปืนต้นนั้น องค์จริงเป็นปืนแบบ "คาบชุด(ไฟ) : MATCH LOCK"

แต่ในหนังนั้นทำเป็นแบบ คาบศิลา ( FLINT LOCK ) ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงเป็นปืนคาบชุด match lock ปืนคาบชุดนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์หมิง

คำว่าคาบชุด(ไฟ) คือจุดชนวนโดยมีสายชนวน ถ้ามีฝนตกสายชนวนนี้จะชื้น จุดไม่ติด ปืนก็จะยิงไม่ได้

ภายหลังจึงพัฒนาเป็นการใช้หินตีให้เกิดสะเก็ดไฟแทนสายชนวน จึงเรียกว่า คาบศิลา (ศิลาก็คือหินสะเก็ดไฟ) ซึ่งสเปนเป็นผู้พัฒนาต่อยอดจากปืนโบราณของจีน

และพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงเป็นปืนชนิดปืนคาบชุดซึ่งโบราณกว่าปืนคาบศิลา ดังนั้นทางสายธาตุเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงองค์จริงนั้น อาจจะผลิตที่จีนสมัยราชวงศ์หมิง

 

ประวัติปืนโบราณ

ปืน คาบศิลา เป็นปืนยาวชนิดหนึ่งและเป็นต้นแบบของปืนไรเฟิลในปัจจุบันด้วย ไม่มีผู้ทราบว่าใครประดิษฐ์ขึ้น แต่ว่าในเอกสารทางการทหารของจีนได้มีการกล่าวถึงอาวุธชนิดหนึ่งเรียกว่า "หั่วหลงจิง (火龙经)" ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในแรกเริ่มปืนคาบศิลาไค้มีการออกแบบให้ใช้กับทหารราบเท่านั้นและได้มีการ ปรับปรุงขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม เช่นมีเกลียวในลำกล้อง การมีกล้องเล็ง มีกระสุนปลายแหลมซี่งแต่เดิมนั้นเป็นลูกกลมๆ และในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก็มีการประดิษฐ์ปืนชนิดที่บรรจุกระสุนทางพานท้ายปืนซึ่งแต่เดิมนั้นบรรจุ กระสุนทางปากลำกล้องเข้ามาแทนที่

หลักฐานการใช้ปืนคาบศิลาในช่วงแรก

ได้ มีการประดิษฐ์อาวุธดินปืนขึ้นในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ปืนคาบศิลาเริ่มปรากฏขึ้นในประเทศสเปน ในทศวรรษที่ 1500 แต่ทหารเจนนิสซารี่ของจักรวรรดิออตโตมานก็ปรากฏว่ามีการใช้ปืนคาบศิลาในช่วง ทศวรรษที่ 1440 แล้ว เทคโนโลยีปืนคาบศิลาได้พัฒนาขึ้นในยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว และเกิดอาวุธที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างมากกว่าแต่ก่อนทำให้เกิดการแสวงหา วัตถุดิบดินปืนซึ่งทำให้เกิดลัทธิจักรวรรดินิยมขึ้น

ปืนคาบชุดหั่วหลงจิงของราชวงศ์หมิง​

 

หลักฐานการใช้ปืนไฟในยุคแรก

ดินปืนค้นพบโดยชาวจีนโดยบังเอิญในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก(ซีจิ้น) แต่ยังไม่ได้มีการใช้อย่างจริงจัง คงนำมาใช่ในลักษณะของพิธีกรรมขับไล่สิ่งชั่วร้าย และงานเฉลิมฉลองอย่างดอกไม้ไฟนั่นเอง แต่ชาวจีนเริ่มจะใช้ดินปืนอย่างจริงจัง ในสมัยราชวงศ์ซ่ง เพราะมีหลักฐานว่ากองทัพราชวงศ์ซ่งได้ประดิษฐ์อาวุธระเบิดแบบพกพา (ระเบิดขว้าง) ปืนไฟแบบจุดสายชนวน (แต่มิได้ใช้ระบบไกยิงอย่างปืนไฟในยุคหลัง เพียงแต่ใช้การจุดสายชนวนเท่านั้น) และเครื่องยิงที่ใช้กระสุนยิงแบบอัดดินปืนแล้ว แต่สาเหตุที่ดินปืนแพร่หลายไปสู่ดินแดนตะวันตกนั้น มีเหตุจากการรุกรานของพวกมองโกล เมื่อพวกมองโกลพิชิตแผ่นดินจีนทางเหนือได้สำเร็จแล้ว ก็ได้นำบรรดาช่างปืนใหญ่และปืนไฟจากจีนไปเป็นกำลังสำคัญในการขยายดินแดน โดยพวกมุสลิมในตะวันออกกลางเป็นชนกลุ่มแรกที่ได้ใช้อาวุธดินปืนในการสงคราม จากนั้นจึงแพร่หลายเข้าไปในยุโรป สำหรับรูปแบบอาวุธปืนไฟทรงกระบอกนั้น มีมาแต่เริ่มในสมัยซ่งแล้ว แต่เริ่มมีการประดิษฐ์อาวุธปืน โดยอาศัยระบบไกยิง (Trigger)ขึ้นในประเทศจีนในสมัยราชวงศ์หมิง ปืนคาบศิลาเริ่มปรากฏขึ้นในประเทศสเปน แต่จะรู้จักกันดีในนามของ ปืนคาบชุด (MATCH LOCK) ในทศวรรษที่ 1500 แต่ทหารเจนนิสซารี่ของจักรวรรดิออตโตมานก็ปรากฏว่ามีการใช้ปืนคาบศิลาในช่วงทศวรรษที่ 1440 แล้ว เทคโนโลยีปืนคาบศิลาได้พัฒนาขึ้นในยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว และเกิดอาวุธที่มีประสิทธิภาพการทำลายล้างมากกว่าแต่ก่อนทำให้เกิดการแสวงหาวัตถุดิบดินปืนซึ่งทำให้เกิดลัทธิจักรวรรดินิยมขึ้น



ดังนั้นปืนคาบศิลากับปืนคาบชุดต่างกันที่กลไกการจุดชนวน แต่ความต่างนี้นี่เอง ที่อาจทำให้เราได้ทราบรายละเอียดบางอย่างในเชิงประวัติศาสตร์ในมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้อาจนำรายละเอียดสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ถูกกาลเวลาทำให้เลือนลางไปมาแล้ว ให้กลับมาโลดเล่นใหม่อีกครั้งก็ได้ค่ะ เห็นด้วยไหมค่ะ

อ้างอิง ปืนคาบศิลา - วิกิพีเดีย

 

สวัสดีค่ะ พี่จงรักภักดี

ข้าพเจ้าขอเทิดทูนพระวีรกรรมแห่งองค์พระพี่นางสุพรรณกัลยาไว้เหนือเกล้าฯค่ะ

 

อ่านข้อมูลเรื่องพระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตงเห็นว่าสำคัญ นำมาโพสไว้เป็นข้อมูลสำหรับท่านผู้อ่านค่ะ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#dddddd><TBODY><TR><TD bgColor=#224422 vAlign=top><TABLE border=0 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD width=40></TD><TD style="MIN-WIDTH: 500px"><!-- Begin Message Box--><TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" noWrap> ความคิดเห็นที่ 30</TD> </TD> </TR></TBODY></TABLE>
<!--MsgIDBody=30-->มาดูการยิง ปืนคาบชุด ( MATCH LOCK : ARQUBUSE) กันชัด ๆ ดีกว่า

สังเกตตรงนกปืนครับ จะเห็นว่าไม่มีหินเหล็กไฟ เหมือนอย่าง คาบศิลา(FLINT LOCK)

ลืมให้เครดิตเจ้าของภาพครับ
http://timesnews.net/blogs/jilton/wp-content/uploads/2007/05/matchlock08web.jpg <!--MsgEdited=30-->
[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 13:33:46[/SIZE] <!--MsgFile=30--><CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#000000 vAlign=top rowSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#224422><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#000000 colSpan=2 align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#224422><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width=75 noWrap>จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=30-->ผ้าพับไว้ </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom width=75 noWrap>เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=30-->18 พ.ค. 53 13:32:51 </TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 width="100%" height=36><TBODY><TR><TD vAlign=top width="80%" noWrap>ความคิดเห็นที่ 31</TD> </TD> </TR></TBODY></TABLE>

<!--MsgIDBody=31-->แล้วเราลองมาดู ปืนคาบศิลา (FLINT LOCK)

นี่คือส่วนประกอบที่แตกต่างจากของ ปืนคาบชุด(ไฟ) อย่างชัดเจน

จะเห็นได้ว่ามี "หินเหล็กไฟ " อยู่ตรงนกปืน เมื่อสับไกปืนลงมา หินเหล็กไฟจะไปกระทบกับเหล็กฉากตรงหน้า ทำให้เกิดสะเก็ดไฟตกลงไปใส่ร่องที่มีดินปืนอยู่
จากนั้นดินปืนก็จะระเบิดแล้วเกิดแรงขับ ดันให้ลูกปืนวิ่งออกไปตามลำกล้องครับ

http://pustaka.ictsleman.net/how/f/flint/flintlock2.jpg <!--MsgEdited=31-->
[SIZE=-1]แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 53 13:39:28[/SIZE] <!--MsgFile=31-->
<CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD bgColor=#000000 vAlign=top rowSpan=2><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#444422><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD bgColor=#000000 colSpan=2 align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#444422><TBODY><TR><TD width=10>[SIZE=-3] [/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=1><TBODY><TR><TD vAlign=top width=75 noWrap>จากคุณ</TD><TD>: <!--MsgFrom=31-->ผ้าพับไว้ </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom width=75 noWrap>เขียนเมื่อ</TD><TD vAlign=bottom>: <!--MsgTime=31-->18 พ.ค. 53 13:38:28 <!--MsgIP=31--></TD></TR><TR><TD id=xscore31 vAlign=top width=75 noWrap></TD><TD id=score31></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- End Message Box-->