ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ปี้สาว ทางสายธาตุ อยู่จะใดนะเจ้า น้องสาวคอยอยู่ เจ้า
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    น้องกิ๊บเก๋ เหมาไปนานๆเน้อน้องเน้อ พี่ทางสายธาตุว่าเขียนเรียบเรียงความจำหมดแล้วก็คงนานๆเข้ามาทีหนึ่งนาน้อง อยู่เป็นเพื่อนเท่านพี่เจ้าของบ้านเรื่อยๆนะน้องนะ

    พี่ทางสายธาตุไปเที่ยวมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตมา พบพระอาจารย์สิงห์ทนด้วย รอแจกซีดีจากท่านแผ่นใหม่ อัลบั้มใหม่ของพระอาจารย์ ท่านอัดไว้ให้ฟังได้ตั้งแต่หกโมงเช้าไปถึงสองทุ่ม อัลบั้มนี้พระอาจารย์คงไม่ต้องการให้ใครออกจากห้องพระเลยฟังกันให้ได้ฌานกันไปเลย จะได้ฌานหรือได้ญาณก็เรียกไม่ถูกนะคะน้อง แต่พี่ทางสายธาตุว่าจะได้หลับกันเป็นช่วงๆเกือบทุกคนแน่นอน ฮี่ฮี่

    ตอนนี้กำลังสนใจประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม เมื่อวานคุณพี่ทางสายธาตุได้ปฐวีธาตุมา ๓ ก้อนดีใจมากๆ จะมาทำน้ำอธิษฐานรักษาโรคตนเอง หลวงพ่อสิงห์ทนสอนเรื่องความเชื่อในอำนาจจิตของการอธิษฐาน เอาความรู้จากอาจารย์สององค์มารวมกันเพื่อทำน้ำอธิษฐาน คุณรุ้งบอกว่า ปฐวีธาตุ เป็นแก้วนาคราชที่พญาศรีสุทโธเจ้าบาดาลเก็บรักษาไว้ ผู้ที่ไปได้มาจากหลวงปู่ศรีสุทโธคือหลวงปู่คำพันธุ์ท่านอยู่นครพนม บัดนี้ละสังขารไปแล้ว ปฐวีธาตุที่มีอยู่จึงอยู่กับลูกศิษย์ต่างๆที่หลวงปู่คำพันธุ์ลงบาดาลแล้วไปได้มา และลูกศิษย์หลวงปู่คำพันธุ์เป็นผู้นำมาปล่อยให้เช่าเหลืออยู่น้อยมากๆแล้ว แม้แต่แม่ชีบุญเรือนท่านเองก็มีเพียงสองก้อน แต่เป็นก้อนใหญ่ พี่ได้สามก้อน ก้อนปลายนิ้วก้อย แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วน้องเอ้ย

    "ทหารหน่วยรบนี้ เป็นกองอาสาพิเศษ จะใช้ในราชการพิเศษเท่านั้น จึงเรียกว่า " กองอาสาอาทมาท""

    นึกถึงฉายานามที่สมเด็จพ่อพระนเรศทรงตั้งให้ทหารท่าน พวกที่ใช้เฉพาะกิจ เรียกว่า ไอ้สกุณา คือเสร็จกิจแล้วก็ไป ขอใช้คำว่าไอ้ ให้ตรงตัว เพราะเคยเขียนว่าอ้าย ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะอ้ายแปลว่าพี่

    ส่วนกองเสือคาบดาบก็คิดถึงฉายา ไอ้เสือดาบ เป็นคนชอบถือดาบสองมือไว้ ไม่ชอบใส่เสื้อ พอจะทำอะไรดาบก็เกะกะมือ จะวางที่ไหนก็ไม่ได้ ก็เลยเอาดาบมาคาบไว้ มือจะได้ว่างทำงานอื่นๆได้ จึงเป็นที่มาของไอ้เสือดาบ

    ส่วนไอ้หมาหลง เมื่อวันบวงสรวงเห็นพี่จ่าคนหนึ่งจากค่ายสุรสีห์ กาญจนบุรี พี่แกช่วยงานพิธีบวงสรวงแบบเต็มที่ มีอยู่ตอนหนึ่งคนทำพิธีเขาบอกให้พี่ไปติดประทัดบนต้นไม้ จนแล้วจนรอดพี่เขาก็ลืม ทำอย่างอื่นเพลิน พิธีจะเริ่มแล้วก็ยังไม่ได้ติด พี่จ่าพอรู้ตัวว่าลืมก็รีบไปปีนต้นไม้ติดประทัด พี่จ่าอาจจะใช่หรือไม่ใช่ไอ้หมาหลง แต่ที่ขำคือฉายานามไอ้หมาหลง คือสั่งแล้วก็ลืม เป๋อเล๋อตลอด แต่ว่าถ้าจำได้ขึ้นมาก็จะรีบทำให้ทันที เป็นผู้ที่ใช้ง่ายใกล้เบื้องพระยุคลบาท จึงเป็น ไอ้หมาหลง ของพระองค์ท่านไป ชื่อฉายานี้น่ารัก ทำให้เห็นความอบอุ่นในกองทัพของพระองค์ดำว่าท่านทรงเมตตาต่อทหารท่านเพียงใด


    พี่จงรักภักดี ถ้าจะฆ่าม้า Trojan หนูใช้พระยาชาดมาลาไปปราบ (Red Hat) ๕๕๕๕๕๕
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทรงอุ้มโดยพระเศียรของพระนางอยู่ทางพระหัตถ์ซ้ายของพระองค์ และขาของพระนาง(ไม่ทราบราชาศัพท์ค่ะ)อยู่ทางพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ทำให้ทางสายธาตุเดาเองว่าพระองค์ท่านทรงถนัดซ้าย

    จากหนังสือเก่าๆหลายเล่ม ระบุว่า พระเจ้าปราสาททอง ทรงประสูติเมื่อปี พ.ศ. ๒๑๔๓ นี่แหละทำให้นะจังงัง รวบรวมเรื่องราวของท่านไม่ได้ ติดขัด และแล้ว

    เช้าวันเสาร์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๒ ตืนขึ้นมาก็แต่งตัวเลยทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์ ไม่รู้ใครทำให้เราตื่นปุ๊บ อาบน้ำปั๊บ หยิบกุญแจรถพร้อมกระเป๋าถือ เดินไปที่รถแล้วขับออกไปเลย เป้าหมายที่จิตสั่งให้ไปคือ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงหน้าพิพิธภัณฑ์เวลา ๗.๓๐ น. เช้าเกินไปเขายังไม่เปิด ต้องรอถึง ๙.๐๐ น. จึงเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา จึงขับเข้าไปเพราะเคยมาขายของวันหยุดที่นี่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ทำหาประสบการณ์ว่าค้าขายตามตลาดเขาทำกันอย่างไร งานประจำก็ทำขายของก็ลอง จึงรู้ว่าที่นี่เขาเปิดแต่เช้าตรู่ เข้าไปจอดรถแล้วก็หาข้าวเช้ารับประทานรอจนพิพิธภัณฑ์เปิด เข้าไปซื้อบัตรชมเป็นคนแรกของเช้าวันเสาร์นั้น

    เครื่องทองที่เห็น สะดุดตาที่เครื่องราชกกุธภัณฑ์จิ๋วทำด้วยทอง คิดว่า(ความเห็นส่วนตัวลึกๆ)ทำขึ้นเพื่อให้เจ้านายเล็กๆในวังทรงเล่น อย่างเครื่องครัวจิ๋วก็คิดว่าเคยทำขึ้นให้เจ้านายเล็กๆทรงเล่น โดยเฉพาะพระองค์บัวจะทรงโปรดมาก

    และได้เห็นเครื่องประดับที่เป็นเบี้ยแก้หัวเขียวๆ ไม่เหมือนเบี้ยแก้ทั่วไป ภายหลังจึงได้พบว่าเบื้ยพวกนี้มาจากหัวของหอยเบี้ย ติดอยู่กาบบนของตัวหอย คอยดักจับสัญญานอันตราย หรือหาอาหาร เป็นเหมือนเลดาร์ของหอยติดแน่นอยู่บนกาบหอยเบี้ย เมื่อหอยตายแล้วก็จะถูกลมมรสุมพัดเข้าหาฝั่ง คนที่รู้จะไปเก็บเอาเฉพาะหัวเบี้ยมาทำเครื่องรางกันคุณไสย หาได้โดยบังเอิญปีละครั้ง ครั้งละแล้วแต่จะมากหรือจะน้อย ข้างหลังหัวเบี้ยจะเป็นสัญญลักษณ์พลังจักรวาล หัวไหนๆก็วนเหมือนๆกันหมด คนโบราณเขาใช้กัน คนสมัยนี้ไม่รู้จักเสียแล้ว แต่ไปรู้จักเบี้ยแก้ที่เป็นหอยทั้งตัวบรรจุปรอทพันด้วยเอ็นที่มีขายทั่วไป

    [​IMG]


    หัวเบี้ยมีสีเขียวขาว แต่บางเม็ดมีสีทองแซมเข้ามาด้วย​


    [​IMG]


    ด้านหลังของหัวเบี้ยจะเป็นสัญญลักษณ์ของพลังจักรวาล​
    <!-- google_ad_section_end -->
    หารูปจากกระทู้นี้แหละค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่หน้าไหนจึงใช้กูเกิ้ลหาเอา อยู่หน้า ๑๓๔ ไปมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตเมื่อวาน เจอสองอัน หัวเบี้ยอันใหญ่ คุณรุ้งแกตาดีเหลือบไปเห็น ทั้งงานก็มีแค่สองอันที่เช่ามาแล้ว คงหาไม่ได้แล้วนะคะ ส่วนปฐวีธาตุยังเหลืออีก เจ็ดเม็ดเล็กมากแค่ครึ่งเดียวของปลายนิ้วก้อย


    เล่่าต่อนะคะ ใครหรือพระองค์ใดดลใจให้ไปพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา อยู่จนเลยเที่ยงจึงเดินไปเรือนไทย ที่จริงวันนั้นไม่ได้อะไร แต่มาได้ช่วงท้ายสุดที่เจ้าหน้าที่เดินมาสนทนาด้วยที่เรือนไทย ได้ร่องรอยบางอย่างและนั่นแหละที่ทำให้ต้องมาที่นี่ในวันนั้น
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    บ้านของท่านเจ้าพระยาโกษาปาน ตั้งอยู่แถวๆที่ตั้งเรือนไทยของพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยานั่นเอง ทางสายธาตุไปต่อได้อีกหน่อย

    ที่แปลกสำหรับช่วงนี้คือการระลึกได้ถึงบ้านขุนนางจีนคนหนึ่งที่เมืองจีน มาพร้อมกัน เรื่องราวประเดประดังเข้ามาแบบแทบจะคนละโลกแต่ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน

    เริ่มต้นที่บ้านเจ้าพระยาโกษาปาน กับหมู่บ้านนายก่ายที่หาเจอ ก่อนค่ะ เขียนไว้เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้เอง หน้า ๑๑๗ เรื่องนี้รู้เพราะมีจัดสัมมนาเกี่ยวกับพระนเรศวรที่ ม.ราชภัฏแห่งนี้ จึงเห็นแผนที่ที่ตั้งของหมู่บ้านนายก่าย ที่เดิมทีเข้าใจว่าอยู่ใกล้ๆถนนตาลแถวป้อมเพชร เพราะสมัยอยุธยาตอนปลายคนจีนไปอยู่แถวนั้นเยอะ ที่จริงก่อนจะไปอยู่ถนนตาล คนจีนเข้ามาตั้งชุมชนใหญ่อยู่ในบริเวณ ม.ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา ได้รับพระมหากรุณาจากพระองค์ท่านให้อยู่อาศัยในบริเวณนี้เป็นแห่งแรก ก็คือ "หมู่บ้านนายก่าย"

    ข้อเขียนเดิมหน้า ๑๑๗ ดังนี้

    ทางสายธาตุเรียกพระนางว่า เจ้าขรัวฯ เหตุที่ต้องเรียกเช่นนี้มีทั้งเหตุแห่งพระราชสถานนะและเหตุแห่งประวัติศาสตร์

    บ้านเจ้าพระยาโกษาปาน อยู่ระหว่างคลองข้าวเปลือกกับคลองฉะไกรน้อย ตามแผนที่ของหมอแกมเฟอร์ ดังนี้

    <TABLE><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    </TD></TR><TR><TD>ภาพขยายส่วนของคลองประตูเทพหมี จากแผนที่ลายมือเขียนของ หมอแกมเฟอร์จะเห็นแนวถนนเชื่อมต่อระหว่างสะพานวานรกับสะพานบ้านดินสอ หน้าวัดบรมพุทธาราม ตรงกึ่งกลางภาพริมถนนมีอาคารหลังคาทรงไทย (อยู่ในวงกลม) บนหลังคามีส่วนคล้ายปั้นลมอยู่ด้วย บ้านหลังนี้อาจจะเป็นบ้านรับแขกเมือง ของพระยาพระคลังในอดีต</TD></TR></TBODY></TABLE>​


    บ้านเจ้าพระยาโกษาปานจึงตั้งอยู่ระหว่างคลองสายที่สาม(คลองฉะไกรน้อย)กับคลองสายที่สี่(คลองประตูจีนหรือคลองข้าวเปลือก) นับจากขวา

    อาจเป็นไปได้ว่า บ้านเจ้าพระยาโกษาปานนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านนายก่ายด้วย หรืออาจจะอยู่เหนือหมู่บ้านนายก่ายโดยห่างหมู่บ้านนายก่ายเพียงข้ามคลองเล็กๆคคลองหนึ่ง หรืออาจจะเคยเป็นบ้านนายก่ายมาก่อน คิดว่าพอเป็นไปได้ไหมคะ

    บ้านนายก่าย = บ้านตึกจีนของเจ้าขรัวฯ = บ้านของเจ้าพระยาโกษาปานหรือไม่ ทางสายธาตูไม่อาจชี้ชัดได้ค่ะเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน เพียงแต่พอจะเป็นไปได้ที่ว่าบ้านที่เอ่ยถึงทั้งสามหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านนายก่าย จึงเสนอไว้เพื่อท่านนำไปพิจารณาดูค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    เรื่องราวของที่ตั้งหมู่บ้านนายก่ายอยู่ในกรอบล่างนี้
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>นอกจากนั้นยังมีประตูในไก่เป็นประตูน้ำ ชักน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเข้ามาตามคลองในไก่ไปออกแม่น้ำป่าสัก ถัดจากประตูในไก่ไปตามลำน้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกจะมีป้อมอกไก่ และประตูจีน ซึ่งเป็นประตูน้ำชักน้ำเข้าไปตามคลองประตูจีน (คลองข้าวเปลือก)

    ในสมัยอยุธยา วัดถนนจีนน่าจะเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของชาวจีน ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ระหว่างคลองประตูจีน (คลองข้าวเปลือก) กับคลองในไก่ และเชื่อว่าคงจะเป็นหมู่บ้านใหญ่มาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2010
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไปธุระก่อนคะ อาจจะเที่ยงๆหรือหลังเที่ยงจะเข้ามาใหม่ค่ะ ที่จริงคือเพื่อนรุ่นน้องมาหาค่ะ ไปรับเขามาบ้านก่อนนะคะ
     
  6. พระราชมนู

    พระราชมนู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +78
    คุณทางสายธาตุถ้าวันนี้ไปงานวัดชุมพล ถ่ายรูปมาให้ชมกันบ้างนะครับ
     
  7. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ทางสายธาตุ

    ด้วยคน..จ้ะ...ด้วยใจแห่งรักและภักดี ในพระองค์ท่าน มิมีวันสิ้นสูญ ไม่ว่ากี่ชาติ กี่ภพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2010
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สวัสดีค่ะท่านพระราชมนูฯ ตอนนี้เรื่องผ้าป่ากำลังรวบรวมรายชื่อกรรมการ อาทิตย์หน้าจะไปปรึกษางานผ้าป่ากับหลวงเตี่ยเพื่อกำหนดวันทอด ร่วมบุญกันไหมคะ จะขอแค่ชื่อและนามสกุลไว้ก่อนค่ะ พิมพ์ซองเสร็จสรรพแล้วจึงจะรวบรวมปัจจัยกัน

    สวัสดีพี่ดอกไม้ฯ พี่หายไปกับแชงกรีล่าเลย คิดถึงพี่นะเนี่ย เมื่อสักสองเดือนก่อนมีข่าวว่า กรมศิลป์จะบูรณะเวียงท่ากาน คิดถึงพี่ตะหงิดๆค่ะ


    แม้พระองค์จะเสด็จจากไปนานแล้ว แต่ทุกดวงใจในแผ่นดินก็มอบถวายพระองค์ท่านไปทั้งหมด ตายแทนพระองค์ท่านนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทำได้โดยไม่มีลังเลใจเลย ทหารรักพระองค์ยิ่งกว่าชีวิต

    -----------------------------------------------------------------------------

    ตลาดย่านบาร์ซ่าร์แห่งกรุงศรีอยุธยา ขายของสวยงามจากต่างประเทศอยู่บนถนนเจ้าพระยาพระคลัง ขนานไปกับถนนมหารัฐยา เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ที่หน้า ๓๘ ของกระทู้นี้ค่ะ ชื่อถนนนี้จะปรากฏในแผนที่ฝรั่ง เช่นชื่อ Rue des Bazars , Rue de Barcalon

    ตอนบ่ายของวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๒ ไปพิพิธภัณฑ์พระราชวังจันทเกษม ที่นั่นทางสายธาตุได้ทราบอย่างชัดแน่แล้วว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระอัครมเหสีเป็นแน่แท้ จากบอร์ดของนิทรรศการว่าด้วยเรื่อง พระราชพิธีอาสวยุทธ งานบุญออกพรรษาเดือน ๑๑ เรื่องนี้เขียนไว้หน้า ๘ ตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ปีที่แล้ว

    พระราชพิธีอาสวยุทธเป็นพระราชพิธีแข่งเรือเสี่ยงทายระหว่างพระมหากษัตริย์และพระอัครมเหสี ในปีพ.ศ. ๒๑๓๖ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเสด็จเข้าพระราชพิธีแข่งเรือเสี่ยงทายกับสมเด็จพระอัครมเหสีของพระองค์ เรื่องนี้ยืนยันความจริงในประวัติศาสตร์ของพระอัครมเหสีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราชว่าทรงมีพระองค์อยู่จริงและทรงดำรงพระอิสริยยศในตำแหน่งนี้ตลอดรัชสมัย
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ระหว่างนี้นิมิตที่เห็นเป็นภูมิประเทศที่กรุงปักกิ่งในสมัยนั้น นี่แหละที่แปลก อยู่ๆกรุงปักกิ่ง ขุนนางจีน เข้ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าเรื่องราวคนละประเทศห่างไกลกันอย่างยิ่งจะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ทางสายธาตุ [​IMG]
    อรุณแรกของชีวิตเจ้าขรัว เริ่มต้นในราวๆปี พ.ศ. 2109 ที่ปักกิ่ง

    วังที่เกิด เป็นวังท่านอ๋อง ซึ่งดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี

    บริหารราชการกรุงจีน ได้รับยศที่สูงที่สุดคือเสื้อเฝ้าสีกรมท่า

    ปักมังกร ห้าเล็บ และได้ดำรงตำแหน่งสำเร็จราชการแทนองค์ฮ่องเต้

    ในราวๆปี พ.ศ. 2115 ถึง 2125 เป็นเวลา 10 ปี

    วังท่านอ๋องนี้ไม่ห่างจากพระราชวังหลวง (วังต้องห้ามนัก)

    การเดินทางไปทำงานของท่านอ๋องในฐานะของท่านอัครมหาเสนาบดี

    ใช้นั่งเกี้ยวไปและกลับ โดยจะมีขบวนเกียรติยศเป็นทหารถือทวน

    ตามไป 2 แถวนอก และแถวหน้าเกี้ยว และหลังเกี้ยว อีก 2 แถว

    ความสัมพันธ์กับวังหลวงคือ เป็นพระญาติของไทเฮาก็คือมารดา

    ขององค์ฮ่องเต้เสินจง จึงตอนที่ท่านอ๋องดำรงตำแหน่งสำเร็จราชการแทนนั้น

    องค์ฮ่องเต้เพิ่งจะมีพระชนมายุเพียง 10 พระชันษา ไทเฮาจึงโปรดเกล้า

    ให้ท่านอ๋องท่านนี้เป็นผู้สำเร็จราชการด้วย ในตำแหน่ง ไจ้เซี่ยง

    ท่านแซ่จาง ท่านอ๋องเป็นนักคิด นักพัฒนา เป็นฝ่ายบุ๋นมากกว่าฝ่ายบู้

    แต่ตำราทั้งบุ๋นทั้งบู้ ท่านก็ศึกษาหมด เพราะต้องบริหารบ้านเมือง

    คนจะรู้จักเฉพาะขุนนางในสมัยของท่าน เช่น ท่านเหลี่ยวฝาน

    และท่านเปาบุ้นจิ้น ท่านอ๋องจางเคยกำกับว่าราชการ

    กับท่านขุนนางทั้งสองนี้มาแล้ว ในสมัยที่ท่านอ๋องจางเป็นไจ้เซี่ยง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ประวัติท่านเปาฯครับ ทุกท่านลองเช็คกันดูครับ

    เปาบุ้นจิ้น - วิกิพีเดีย<!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->อุปราชขาดคอช้าง<!-- google_ad_section_end -->

    เคยเขียนเรื่องประวัติของพระนางไว้หน้า ๒๗ ดิฉันจำว่าท่านไห่รุ่ยคือท่านเปาปุ้นจิ้นไป ขอแก้ไขค่ะคุณไก่เหลืองฯ

    ปีพ.ศ. ต่างๆตอนนั้นดิฉันต้องเทียบอายุของพระนางในนิมิตกับความเป็นไปของประวัติศาสตร์ ซึ่งดิฉันเรียบเรียงเองได้แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๒ จึงไปเขียนโพสไว้ที่เวปไซด์ kingnaresuanmovie.com ดังนี้


    King Naresuan Movie: Community

    King Naresuan Movie: Community

    King Naresuan Movie: Community

    เริ่มเข้าใจความเป็นมาตั้งแต่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๒ หาหลักฐานเองเงียบๆไปเรื่อยๆ ก็เลยเข้าไปเขียนในสามกระทู้ข้างบน พี่จงรักภักดีเป็นคนแรกที่ได้อ่านเพราะส่งลิงค์ไปให้อ่านค่ะ

    อยากฟังเรื่องราวของนิมิตที่เห็นพระนางในกรุงปักกิ่งในสมัยราชวงศ์หมิงไหมคะ นี่เป็นวิธีเรียบเรียงเรื่องราวของทางสายธาตุค่ะ จำออกมาจากนิมิตแล้วตามอ่านพงศาวดาร ดิฉันคิดว่าอาจเคยเกิดในตระกูลจางนี้มาหลายชาติและชาติหนึ่งก็อาจจะเคยเกิดเป็นญาติห่างๆที่เข้ามาเมืองหลวงแล้วก็เข้าไปรับใช้พระนางท่านตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ที่นั่นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2010
  10. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    สวัสดีพี่ดอกไม้ฯ พี่หายไปกับแชงกรีล่าเลย คิดถึงพี่นะเนี่ย เมื่อสักสองเดือนก่อนมีข่าวว่า กรมศิลป์จะบูรณะเวียงท่ากาน คิดถึงพี่ตะหงิดๆค่ะ
    --------------------------------------------------------

    สวัสดีจ้ะ ทางสายธาตุ

    ตอบเอ๋ย..ตอบถ้อย....

    ไม่ได้หายไปไหน..จากลาดพร้าวมาแค่สรงประภาเอง..ที่ผ่านๆมาก็สนุกและสุข
    กับการตกแต่งบ้านใหม่

    ที่สุขเพราะมีโอกาส ตามไปนำความฝันมาทำให้เป็นจริง ใครเห็นบ้านพี่เป็นงง
    ว่า เป็นคนเหนือเหรอ จึงมีสไตล์การแต่งบ้านแบบล้านนา ที่ปลื้มสุด ๆ คือ ชมเปาะ
    ทุกราย (ชมบ้านนะ..คริ คริ)โอ๊ย ทุกวันนี้ นั่งร้องเพลง "บ้านเรา..แสนสุขใจ.."
    เปิดเพลงเหนือ สะล้อ ซอ ซึง แน่นอน...หนึ่งในนั้นต้อง ชุดหนึ่งเพชรล้านนา
    ของน้องโมเย อยู่แล้ว....

    อีกประการที่หายไป ไม่ได้เข้า NET เลย คือเกิดความเซ็ง ๆ แต่ก่อน ๆ ่ก็แอบเข้ามาตามดูอยู่เหมือนกัน น๊ะ ก่อนไม่ได้เข้าเลยระยะหลัง พึ่งเข้ามาเปิด
    วันนี้วันแรก เลยโชคดี เจอคนคิดถึงตะหงิด ตะหงิด..(แค่ ตะหงิด ๆ ก็ยังดีเน๊อะ ดีกว่าไม่คิดถึง....)ที่สำคัญ.. เจอกระทู้สั่งลา...ของน้องพอดี....จะไม่ตอบ คง
    ไม่ได้แล้ว..

    ถามจิง คิดได้ งัย ที่จะโบกมือลา...แล้วนี่จะหากระทู้ที่ดีมีสาระอ่านได้จากไหน
    กันล่ะนี่ (หนู ไม่ยอม ๆ ๆ)

    เรื่อง เวียงท่ากาน ที่ศิลปากรเข้ามา..เพราะพระบารมีของพระองค์หริภา..ทีทรงสนพระทัยที่นี่พิเศษ
    ทั้งที่เป็นโบราณสถานเก่าแก่เล็กๆ ทรงคิดบูรณะพิพิธภัณฑ์ขึ้น และทรงจัดกิจกรรมหารายได้เพื่อการนี้ด้วยพระองค์เอง

    นี่ก็พึ่งเสร็จเรื่องการทอดกฐินที่เวียงนี้ไปหมาด ๆ ตามที่ประธานอบต.ขอมา
    ที่ดีใจ..คือ..จาวเวียงต๊ะก๋าน รับข้าเจ้าเป๋นจาวเวียงโตย...และฮับฮู้ว่า เวียงต๊ะก๋าน
    เป๋นบ้านเก๋าข้าเจ้าโตยเจ้า.......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    ขออนุญาตคุณจงรักภักดี แจมเส้นทางเดิน...ด้วยค่ะ ขอเรียก..เส้นทางสวรรค..์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    -อนุโมทนาครับ คุณดอกไม้เมืองบน

    -ถามจิง คิดได้ งัย ที่จะโบกมือลา...แล้วนี่จะหากระทู้ที่ดีมีสาระอ่านได้จากไหน
    กันล่ะนี่ (หนู ไม่ยอม ๆ ๆ)


    เอ! แล้วอย่างนี้ คุณทางสายธาตุจะตัดใจไปได้อย่างไร แล้วยังน้อง kib-kae
    อีกคน
    <TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="โพส 4135653" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=middle></TD><TD class=alt1></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post4137507 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4137507", true); </SCRIPT>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4137507 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post4137507 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4137507", true); </SCRIPT>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4137507 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post4137507 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4137507", true); </SCRIPT>

    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4137507 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ไม่ได้หายไปไหน..จากลาดพร้าวมาแค่สรงประภาเอง..ที่ผ่านๆมาก็สนุกและสุข
    กับการตกแต่งบ้านใหม่


    พี่ดอกไม้ได้บ้านใหม่แล้ว จำได้พี่รอภาพวาดภาพหนึ่งที่อาจารย์ท่านหนึ่งจะวาดให้ แสดงว่าพี่ได้รับแล้วหรือคะ พี่โพสรูปได้หรือไม่อยากเห็นรูปวาดนั้น

    พี่จงรักภักดี หนูเป็นคนช่างสงสัย เดี๋ยวเจอเรื่องโน้นเรื่องนี้ใหม่ๆก็จะหมกมุ่นกับการหาข้อมูล สองปีมานี้หนูหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์มากกว่าหาข้อมูลในการงานอาชีพหนูเสียอีก ซึ่งหนูไตร่ตรองดูแล้ว เอ! แบบนี้มันเรียกว่าหมกมุ่นนะ ห่างๆออกไปบ้างนะจ๊ะเธอ เสียงเตือนตนเองแบบนี้ก็ดังเรื่อยๆ

    พอห่างๆออกไปเรื่อยๆ ก็เลยว่าจะเขียนทิ้งทวนไว้ค่ะ วันหลังถ้าได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆเข้ามาแบบบังเอิญอีกก็จะได้มาต่อ ที่จริงจะบอกว่าหนูไม่มีนิมิตเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ท่านแต่ประการใดเลย จิตมันไม่จำหรือมันไม่ยอมรับรู้เรื่องนี้ก็ไม่ทราบ หนูว่าคนเราไม่ได้รู้อะไรไปเสียทุกอย่าง หนูจึงตั้งใจเขียนเท่าที่หนูรู้และเทียบประวัติศาสตร์ได้

    หลวงปู่ดูลย์ท่านเคยเปรียบเปรยเรื่องนิมิตว่า ที่เห็นหน่ะมันเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นหน่ะมันไม่จริง
    หนูตีความหมายเป็นสองอย่าง
    1 ผู้ที่เห็นอะไรต่ออะไรในนิมิต อาจจะจินตนาการไป ทีนี้จิตก็เห็นตามจินตนาการนั้นว่าจริง
    2 เป็นข้อธรรม หมายถึงการเห็นอะไรต่างๆในนิมิต ทุกสิ่งล้วนไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้ มันเกิดจากอธิษฐาน ล้วนเป็นมายา ไม่มีสิ่งใดจริงไม่ว่าเรื่องที่เกิดในวันนี้ ในอดีต หรือในอนาคต มันว่างเปล่ามหาศาล มันคือไม่มีอะไร ทุกอย่างมันเป็นอนัตตา จะว่ามีอยู่ก็ใช่ จะว่าไม่มีอยู่ก็ใช่

    หนูคิดว่าหลวงปู่ดูลย์ท่านเป็นพระอรหันตเจ้าไปแล้ว หนูจึงคิดว่าหลวงปู่ต้องการสอนให้เข้าใจในแบบที่ 2 มากกว่า สอนเรื่องสุญญตา ความว่างเปล่ามหาศาล นั่นก็น่าจะคือ อนัตตา นั่นเอง สาธุ หลวงปู่ท่านเมตตาสัตว์โลก

    เมื่อวานจะว่าบังเอิญก็ว่าได้ พอตอนบ่ายๆขับรถไปส่งเพื่อนที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จึงตั้งใจว่ามีเวลาจะแวะศูนย์หนังสือจุฬา สาขาใหม่ อยู่ฝั่งตรงข้าง ดิเอสปาหนาด The espanade อยู่แถวๆ สี่แยกแคราย

    ได้ความรู้จากหนังสือชื่อ ถ้วย ถัง กะลามัง แตก ๕๕๕๕๕ ที่จริงชื่อหนังสือว่า กระเบื้องถ้วยกะลาแตก ที่หนูยังไม่แน่ใจว่าท่านจางจวีเจิ้ง ท่านเป็นอ๋องด้วยหรือไม่ เป็นแค่สัญญาว่าท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ ก็ได้คำตอบแล้วว่า ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์จริง เสื้อเข้าเฝ้าองค์พระจักรพรรดิของเหล่าเชื้อพระวงศ์ รวมถึงท่านจาง จะปักมังกรอยู่ภายในแผ่นผ้ากลม ซึ่งขุนนางทั่วไปไม่สามารถใช้มังกรปักเสื้อได้ ขุนนางทั่วไปจะต้องปักเป็นสัตว์ต่างๆบนผืนผ้าสี่เหลี่ยม อันนี้เห็นจากในนิมิตไปเทียบกับหนังสือมาเมื่อวาน ไม่ได้ซื้อหนังสือนะคะ อ่านเจอก็พอใจแล้วยืนยันสิ่งที่เห็นในนิมิตว่ามีความหมายอย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ที่มาของคำว่า นายก่าย เขียนไว้ที่หน้า ๑๐๗

    นึกได้อีกอย่าง จะคิดมากเกินเลยไปหรือเปล่า ที่ว่าหลังบ้านตึกจีนของเจ้าขรัวฯ(พระนาง) เป็นคลองนายก่าย จริงๆไม่ใช่หลังบ้าน เป็นข้างบ้าน หมายถึงถ้าหันหน้าเข้าบ้านตึกจีนนี้ ซ้ายมือจะเดินไปย่านการค้ากรุงศรีฯบาร์ซาร์ เดินไปทางขวาไปท่าเรือส่วนตัว คลองนายก่าย

    ทีนี้นึกได้แต่ไม่รู้จะจริงแค่ไหน เพราะท่านพ่อของเจ้าขรัวฯนั้นได้ปรับปรุงสภาพบ้านตึกจีนหลังนี้ไว้ก่อนมาอยู่นานแล้วพร้อมกับขุดคลอง ท่านถนัดการขุดคลองตั้งแต่ยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการเอกในพระจักรพรรดิ เสินจง เรียกตำแหน่งนี้ว่า 內閣;
    pinyin: Nèigé (เน่ยเก๋อ) ฟังดูคล้ายๆ นายก่าย ไหมคะ

    ในภาษาฮกเกี้ยน คำว่า <!-- google_ad_section_end --> 內閣 อาจออกเสียง ไน่ไก่ เสียงสั้นทั้งสองคำ จึงเป็น "ในไก่" หรือ "นายก่าย" ในสมัยราชวงศ์หมิงช่วงหลัง ตำแหน่งอัครเสนาบดีเอก ไม่มีแล้ว โดยตำแหน่งนี้ให้ชื่อว่า ท่านราชเลขาธิการเอก (內閣) คนละชื่อตำแหน่ง แต่ปฎิบัติหน้าที่แบบเดียวกันทุกประการ
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    นั่งชั่งใจว่าจะเขียนเรื่องนิมิตที่เกี่ยวกับเมืองจีนดีไหม เพราะยังไม่ได้ตามหาหลักฐาน ที่เขียนจึงจะยังไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ตัดสินใจว่่าเขียนค่ะ เพราะจะไม่ได้เข้ามาบ่อยแล้ว

    ที่จริงดิฉันยังมีอีกคำหนึ่งที่ต้องการค้นอยู่ที่หอสมุดมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช คำว่า หัวเจ้าสง คำนี้ใช้เรียกผู้ที่เชิญเครื่องราชบรรณาการไปที่กรุงปักกิ่งในปีพ.ศ. ๒๑๑๖ ถ้ารู้ว่าหัวเจ้าสงคือใคร ก็จะดีมากค่ะ (ติดไว้ก่อน)

    วังท่านอ๋องใหญ่โต กินอาณาเขตเยอะมาก ถ้าเป็นสมัยนี้ต้องเรียกว่าสวน คนมีฐานะสมัยโบราณจะสร้างสวนดอกไม้ใหญ่โตในบ้าน ดังนั้นเรือนต่างๆจะตั้งอยู่ในสวนเหมือนเรือนเป็นเครื่องประดับสวน บ้านจึงเหมือนสวนดอกไม้มากกว่าเป็นบ้านที่มีแต่เรือนนอนเรือนพักเยอะๆ


    <HR SIZE=1 width="90%">
    cri <!--Reporter -->
    <TABLE border=0 width="90%" align=center><TBODY><TR><TD class=FontStyle5>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    นี่เป็นภาพจำลองพระราชวังหยวนหมิงหยวน ที่กรุงปักกิ่ง ตอนนี้ถูกทำลายไปแล้วจากสงคราม แต่พระราชวังนี้สร้างในสวนคล้ายๆวังท่านอ๋องที่กรุงปักกิ่ง อยู่แล้วจะเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์

    เนื้อที่ของวัง ด้านหน้าจะเป็นสนามฝึกทหารขนาดสองสนามฟุตบอล ปรับพื้นมีทรายโรยไว้ สำหรับฝึกเพลงต่อสู้ และออกกำลังกาย หากช่วงที่พระธิเบตมาพักกันเยอะๆ พระท่านจะออกมาออกท่าทาง กึ่งๆกังฟู กึ่งๆเป็นการฝึกลมปราณ หรืออาจจะเรียกว่าการฝึกธาตุของพระท่าน ที่ลานนี้ เครื่องดนตรีที่ท่านนำมาด้วยเป็นเขาสัตว์ยาวๆเอย ระฆังเลย กระดิ่งเอย พวกท่านจะนำเครื่องดนตรีเหล่านี้มาซ้อมเป่าซ้อมเล่นที่สนามแห่งนี้ ก่อนการเข้าไปแสดงจริงในวังหลวง ที่นี่มีเรือนพักรับรองพระธิเบตเป็นตึกใหญ่ๆอยู่ตึกหนึ่ง สูงสามชั้น พระธิเบตท่านมาจากธิเบตเพื่อมาประกอบพิธีให้พระมหาจักรพรรดิ เมื่อมาถึงเมืองหลวงจึงต้องมีที่พัก พระท่านมีอุปกรณ์ใหญ่ๆติดตัวมาด้วย ไม่สะดวกพักที่โรงเตี้ยมในเมือง อีกทั้งพระท่านฉันเจและต้องฝึกลมปราณทุกๆเช้า พักที่วังท่านอ๋องนี้สะดวกที่สุด

    เมื่อแรกเห็นภาพต่างๆในวังท่านอ๋องและพระราชวังต้องห้ามในบางส่วน ยังเข้าใจผิดคิดว่า เป็นสวรรค์ นึกนะคะว่าเอ๋เราได้มาเที่ยวสวรรค์กับเขาด้วยหรือนี่ แต่ไปเข้าใจได้ ตอนที่เห็นท่านอ๋องกอดบุตรสาวคนเล็กในห้องรับแขกฝ่ายหน้าของบ้าน จึงเข้าใจได้ว่าอ๋อที่เห็นนี้เป็นเรื่องของมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องของนางฟ้า ^_^


    [​IMG]

    จำลองภาพพระราชวังหยวนหมิงหยวน สร้างในสมัยราชวงศ์ชิง ปัจจุบันพระราชวังนี้ถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้วเพราะสงคราม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1268248/[/MUSIC]


    ออกไปหน้าหลักของบอร์ดนี้ เจอเพลงเปาปุ้นจิ้นเขาร้องไว้ ชอบมากเพลงนี้ นำมาคารวะท่านเปา ข้าน้อยผิดไปแล้ว

    http://palungjit.org/posts/4137824
     
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    และที่พักของพระธิเบตนี้เอง ที่ดิฉันแปลกใจว่าทำไมจึงเห็นเป็นเช่นนี้ นั่นคือไม่เชื่อว่าจะมีตึกสูงสามชั้นในสมัยนั้น เราจินตนาการไปเองหรือนี่

    ตึกพักของพระธิเบตนี้ จะมีองค์พระปฎิมาสูงมากจนถึงไปถึงเพดานตึก รอบๆองค์พระทั้งด้านซ้ายและด้านขวาเป็นห้องพักเรียงไปข้างละห้าห้องได้ มีสองชั้นคือชั้นสอง กับชั้นสาม ส่วนชั้นล่างจะมีโถง ที่เห็นคือมีการจัดวางเก้าอี้ของท่านอ๋องและภรรยาทั้งสอง ไว้หน้าองค์พระ พระธิเบตท่านมาทำพิธีสวดอวยพรเจ้าของบ้าน ลูกๆของท่านอ๋องยืนเกาะเก้าอี้ฟัง พระนางยังทรงพระเยาว์อยู่พอยืนแล้วหัวเลยเท้าแขนของท่านพ่อมาสักคืบหนึ่ง พระนางไม่ค่อยชอบนั่ง เพราะทรงยืนนี้ทำให้เดินไปไหนมาไหนได้สะดวกไม่ต้องนั่งเจ่าจุกฟังพระสวดมนต์ทีละยาวๆ เพราะที่นี่คือบ้านของพระนางเองจะทรงเดินไปไหนตรงไหนในบ้านก็ไปได้ แต่ห้ามออกนอกบริเวณบ้านเป็นอันขาด


    [​IMG]

    พระอวโลกิเตศวร วัดลามะ หย่งเหอกง ในกรุงปักกิ่ง
    ยังไม่เคยไปเที่ยววัดนี้ เข้าใจมาตลอดว่าในวัดลามะคงจะเป็นพระพุทธรูปทรงประทับนั่งแกะสลักจากไม้จันทร์ แต่เมื่อไม่นานมานี้อ่านพบว่าก่อนที่องค์ชายสี่แห่งราชวงศ์ชิงจะเข้ามาพัฒนาที่นี่เป็นวังของท่าน ที่นี่เคยเป็นที่พักของพวกขันทีราชวงศ์หมิง ทำให้ต้องสนใจมากต้องเข้าเวปไซด์ต่างประเทศเพื่อหารูป เมื่อเจอรูปนี้ บอกตัวเองว่าคล้ายมาก พระอวโลกิเตศวรที่เห็นในนิมิต หรือที่แท้บ้านท่านจางจะอยู่ที่นี่นั่นเอง? ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้นะคะเพราะไม่มีความสามารถในการอ่านภาษาจีนให้แตกฉาน จึงต้องยุติการค้นหาคำตอบนี้ไปก่อนชั่วคราวค่ะ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2010
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เอาสนามขนาดสองสนามฟุตบอลเป็นหลัก วางแล้วเป็นสนามฟุตบอลสองสนามเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่

    ด้านหนึ่งคือทำเป็นเหมือนตึกและเป็นที่พักของทหารด้วย ด้านล่างเป็นห้องรับแขกฝ่ายหน้า ห้องด้านหน้านี้จะวางเก้าอี้ไว้เป็นแถวสองแถวขนานกันไป แถวละสิบตัวได้เป็นเก้าอีกสลักลวดลายมีพนักพิงและมีเท้าแขนทุกตัว ส่วนนี้ไว้ให้ขุนนาง หรือผู้ที่ต้องการมาพบท่านจาง นั่งรอ หรือเมื่อจะกลับให้มานั่งรอเกี้ยวที่นี่ ประตูด้านหนึ่งของห้องรับแขกฝ่ายหน้านี้เปิดเข้าไปสู่ลานฝึกทหาร ประตูอีกด้านหนึ่งเปิดไปสู่ถนนของบ้าน ถนนหน้าบ้านนี้กว้างพอให้เกี้ยวแบกสวนกันได้ ไม่กว้างนัก พื้นทำด้วยศิลาสีขาวก้อนใหญ่ๆ คงสกัดมาจากภูเขาเพื่อมาทำพื้นถนน ฝั่งหนึ่งของถนนเป็นตึกที่สร้างเป็นแนวยาว สูงสองชั้นทำเป็นรั้วบ้านไปด้วยในตัว ห้องด้านบนของตึกด้านนี้ให้ทหารรักษาความปลอดภัยพักมีหลายห้องมากเรียงกันไปเลย ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของถนน สร้างเป็นกำแพงสูงสักสามเมตร(กะเอา) ด้านบนของกำแพงจะมีหลังคาเล็กๆคลุมหลังกำแพง(อาจจะป้องการฝนชะกำแพงจะสึกกร่อนเร็ว) ครอบไปตลอดแนวกำแพง เดินออกทางประตูห้องรับแขกฝ่ายหน้ามองไปจนสุดแนวตึกและแนวกำแพงจะเป็นซุ้มประตูทางเข้าบ้าน ตรงนั้นจะมีทหารรักษาประตูอีกกลุ่มหนึ่ง กำแพงทาสีแดงที่มีหลังคาเล็กๆคลุมด้านบนจะไปสุดที่ซุ้มประตูหน้าบ้าน เป็นเสาตั้งขึ้นสูงๆมีคำอวยพรแบบธิเบตเขียนอยู่บนหัวซุ้มสูงๆนั้น ลวดลายเหมือนวังเหมือนวัดแบบวังหลวง จากซุ้มนี้ไปจะมีแนวกำพงสีแดงไปอีกเป็นรูปตัว L คือหักศอกเป็นมุม ๙๐ องศากับแนวกำแพงหน้าห้องรับแขกฝ่ายหน้า

    แนวกำแพงที่สองที่นี้จะมีถนนขนาดเท่าๆกัน อีกฝากของถนนจะสร้างเป็นตึกชั้นเดียว ยาวไปจะสุดกำแพงด้านหลังของบ้าน กลางๆของตึกเหล่านี้จะมีประตูเข้าสวนหลังบ้านได้ ตรงนี้มีทหารเฝ้ายามสองคนตรงประตูเข้าสวน ตึกชั้นเดียวในบริเวณนี้ สร้างเป็นโรงครัวใหญ่ของวังนี้ ทำอาหารเลี้ยงคนทั้งบ้าน จากโรงครัวไปเป็นเรือนที่พักของคนทำงานในบ้านทั้งคนครัว คนสวน คนรับใช้ อยู่เป็นห้องๆเป็นแถวไปเลย ส่วนใหญ่จะซักรีด ตากผ้า ก็ทำหน้าห้องของแต่ละคนเพราะเป็นถนนที่ปูด้วยศิลาก้อนโตๆสีขาว เป็นลานที่กว้างมาก

    ทหารยามที่เฝ้าประตูด้านนี้มักจะหลับยามบ่อย เพราะน้อยครั้งที่ท่านอ๋องเจ้าของบ้านจะเดินมาตรวจถึงบริเวณนี้ ภาระกิจท่านมากกลับถึงบ้านก็เข้าห้องหนังสือทำงานของท่านต่อแล้ว ไม่ค่อยได้พักผ่อน ดังนั้นพระนางในวัยเยาว์จะทรงเป็นคนเดินตรวจเอง ทหารคนไหนหลับท่านจับตัดหนวด ตัดเครา บ้างก็ตัดเปีย ตัดทีเพลอตอนกำลังหลับเพลินๆ อีกอย่างที่พระนางทรงชอบมาแถวนี้คือเข้าไปหยิบของกินเล่นในครัวได้ แม่ครัวมักทำอะไรแปลกๆไว้รอให้พระนางไปหยิบเสมอ
     
  19. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ด้านหลังตึกแถวชั้นเดียวจะเป็นกำแพงชั้นในของบ้าน หลังกำแพงชั้นในจะเป็นทางเดินทีสร้างไว้ให้คนโดยมีหลังคาไปตลอดเส้นทาง ทางเดินที่ว่านี้จะโอบล้อมสนามฝึกทหารขนาดสองสนามฟุตบอลที่ว่า ทอดยาวไปเรื่อยๆ ผ่านตึกที่เป็นห้องหนังสือของท่านจางจวีเจิ้ง ตึกนี้จะเป็นตึกประธานของบ้าน และทอดตัวผ่านสวนขนาดใหญ่ของบ้าน มีสระน้ำ สะพานเล็กๆ ไปจนเกือบจะถึงภูเขาจำลองขนาดใหญ่สูงสามชั้นที่มีเก๋งจีนอยู่ข้างบน ห้องนอนของคนในวังนี้ระดับเจ้านาย จะตั้งเป็นหลังๆ มีชั้นเดียว แฝงตัวอยู่ในสวนดอกไม้อันกว้างใหญ่นี้ ห้องนอนของพระนางในวัยเยาซ์จะอยู่ส่วนด้านในเกือบสุดของบ้าน คือเกือบจะไปถึงทางขึ้นภูเขาจำลอง

    ท่านแม่ทั้งสองมักมานั่งปักผ้าในห้องของพระนาง ผ้าที่ปักก็เป็นเสื้อของพระนางในวัยเยาว์เป็นส่วนใหญ่ ลูกคนมีฐานะมีเกียรติยศจะใส่เสื้อที่มีลายปักทั้งตัว แม้แต่รองเท้าผ้าก็ยังต้องปัก บ่งบอกถึงความเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูของท่านแม่ทั้งสองต่อพระนาง การเลี้ยงดูนั้นปราณีต ใส่ใจ และรัก

    ครั้งหนึ่งในที่เห็นในนิมิต พระนางทรงอายุได้สามขวบ ท่านอ๋องกลับจากราชการมาก็คงจะเหนื่อยมาก ท่านถอดหมวกออกมวยผมที่มุนไว้ใต้หมวกนั้นยุ่งเหยิงทีเดียว ท่านนั่งพักโดยพิงหลังกับพนักพิงของเก้าอี้ตัวใหญ่ที่มีเท้าแขน เก้าอี้คนโบราณจะทำด้วยไม้เป็นท่อนขาเก้าอี้เป็นไม้ใหญ่ เท้าแขนยังทำใหญ่เลย คิดว่าคนสมัยก่อนตัวใหญ่กว่าคนสมัยนี้ ท่านอ๋องกลับมาจากงานราชการคงจะเหนื่อย จึงหลับตาพักสายตาอยู่บนเก้าอี้ พระนางซึ่งตอนนั้นอายุสามขวบ ผมทำเป็นจุกสองอันบนศีรษะ ใส่ชุดไหมสีแดงที่มีลายปักดอกไม้ทั้งตัว สวมรองเท้าแดงที่ปักดอกไม้เช่นกัน ถ้าท่านอ๋องกลับมาเหนื่อยมากๆเห็นหน้าพระนางก็จะยิ้มได้ ท่านแม่ทั้งสองก็จะดุนหลังให้พระนางเดินออกมาจากประตูด้านในให้ออกไปรับท่านพ่อกลับบ้าน วันนั้นที่เห็นท่านจางคงจะเหนื่อยมาก ไม่ทันเห็นพระนางน้อยอายุสามขวบ พระนางจึงใช้วิธีปีนที่เท้าแขนขึ้นไปกอดคอท่านพ่อแทน ท่านอ๋องจึงลืมตากอดพระนางน้อย ไม่ว่าจะเหนื่อยจากงานราชการแค่ไหนท่านพ่อก็ยิ้มออกเมื่อได้เจอบุตรสาวคนเล็กพระองค์นี้
     
  20. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รู้อีกเรื่องหนึ่งคือตอนที่พระนางได้สักห้าพรรษา พระจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ วันที่ส่งเสด็จออกไปสุสานหลวง คนในเมืองหลวงทุกคนต้องหยุดงาน ปิดร้าน และใส่ชุดขาวทั้งชุด เดินออกจากบ้านไปทางประตูเมืองด้านที่ตั้งประรำพิธี มีเสาต้นใหญ่ๆหลายต้นเป็นเสาหิน ตั้งไว้เพื่อทำพิธีอยู่นอกกำแพงเมือง ท่านพ่อจูงพระนางเดินตามกระบวนพระราชยานบรรทุกโลงพระบรมศพออกนอกเมือง ทำพิธีถวายความเคารพเป็นครั้งสุดท้ายต่อพระบรมศพ ที่ประรำพิธีนอกเมืองนั้น นี่เป็นงานพระบรมศพของพระจักรพรรดิจีนพระองค์หนึ่ง และเป็นครั้งแรกที่พระนางได้ออกนอกวัง เพื่อร่วมในพระราชพิธีส่งพระบรมศพไปยังสุสานหลวง พระนางออกจากบ้านอีกครั้งน่าจะเจ็ดพรรษาตามท่านพ่อไปสยามวางรากฐานการค้า และอีกครั้งที่ได้ออกจากวังท่านอ๋องคือไปฝึกมารยาทราชสำนักในพระราชวังต้องห้ามลูกสาวเชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นสูงจะถูกเรียกตัวให้เข้าไปฝึกอบรมมารยาทไว้แต่เนิ่นๆ พระนางยามนั้นน่าจะสักสิบห้าหรือสิบหกพรรษาแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...