ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

วัดพระยายมราช ตำบลบ้านกร่าง จังหวัดพิษณุโลก

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD width=10> </TD><TD>วัดพระยายมราช</TD><TD width=19> </TD></TR><TR><TD width=10> </TD><TD></TD><TD width=19> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ทรงเตือนคนไทยมีสติกายใจเที่ยงตรง

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2553
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร เจ้าพนักงานรัวกรับและเปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่งแตรมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ขณะนั้น ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ฝ่ายละ 21 นัด
เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกยังหน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคลแทนพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ตามลำดับ
พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล พร้อมด้วยทหารทุกเหล่าทัพถวายคำสัตย์ปฏิญาณ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบ ความว่า
"ขอขอบพระทัยและขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิตพรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด รวมทั้งให้คำมั่นสัญญาด้วยประการต่างๆ ข้าพเจ้าขอสนองพรและไมตรีจิตทั้งนั้นด้วยใจจริงเช่นกัน
บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่น มั่นคง และร่มเย็นเป็นปกติสุขมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างร่วมแรงร่วมใจกันบำเพ็ญกรณียกิจต่างๆ ตามหน้าที่ โดยถือประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสุด
ท่านทั้งหลายในสมาคมนี้ ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรจะได้ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่าง แล้วตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีความไม่ประมาทและด้วยความมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพราะการกระทำโดยประมาท ขาดความรอบคอบ เป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาด เสียหายในหน้าที่ และการกระทำโดยขาดสติยั้งคิด ขาดเหตุผล ความรู้จักถูกผิดนั้น เป็นเหตุให้เกิดความหลง ความลืมตัว ทำให้กระทำสิ่งที่มิใช่หน้าที่โดยชอบได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก อาจจะนำความเสีย เสื่อมสลายมาสู่ตนเองตลอดทั้งประเทศชาติได้
จึงขอให้ทุกคนได้สังวรระวังให้มาก และประคับประคองกาย ใจ ให้เที่ยงตรง หนักแน่น ในอันที่จะปฏิบัติภารกิจตามเหตุผลของตนให้ถูกต้องตามหน้าที่ เพื่อความมั่นคงและเพื่อสามารถประโยชน์สุขให้ยั่งยืนของชาติบ้านเมืองของเรา
ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลให้สำเร็จผลแก่ท่านทั่วหน้ากัน"


http://www.thaipost.net/news/061210/31099

 

พระอาจารย์ พร ภิรมย์ ผู้บวชอุทิศกุศลถวายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

พระอาจารย์ พร ภิรมย์ ท่านได้ละสังขารเมื่อเวลาเที่ยงวันของวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ขอไว้อาลัยต่อการจากไปของพระคุณเจ้า ณ ที่นี้ค่ะ ​

​

คุณพร ภิรมย์ ( สมัยยังเป็นฆราวาส )​

​

พร ภิรมย์ ยอดแห่งเจ้าพ่อเพลงแหล่ และยังเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่โด่งดังเป็นแบบอย่างกับนักร้องลูกทุ่งรุ่นหลังๆ หลายต่อหลายคนนอกจาก ไพบูลย์ บุตรขันแล้ว พร ภิรมย์ เป็นอีกหนึ่งที่แต่งเพลงใช้คำที่วิจิตร และมีความหมายลึกซึ้ง พร ภิรมย์ ถือเป็นอัจฉริยะความสามารถในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง, แต่งเพลง, เล่นลิเก, พากย์หนัง, แสดงภาพยนตร์, เล่นดนตรีจีน, กลอนสด และทำขวัญนาค​

​

ฝีมือหรือเชิงการประพันธ์นั้น เพลงของ พร ภิรมย์ มีมากมายหลายเพลง ส่วนมากจะเป็นนิทานชาดก บางเรื่องนำมาจากธรรมบท รวมถึงนิยายอิงประวัติศาสตร์อย่างสามก๊ก พร ภิรมย์สามารถแปลงเป็นเพลงแหล่ได้อย่างน่าฟัง ผลงานของ พร ภิรมย์ที่ร้องเอง แต่งเองมีประมาณ 500 เพลง ได้แก่ ดาวลูกไก่, บัวตูมบัวบาน, จำใจจาก, น้ำตาลาไทร,เห่ฉิมพลี, วังแม่ลูกอ่อน, ไม้หลักปักเลน เป็นต้น


​

​

ประวัติพระอาจารย์ "พร ภิรมย์"​

​

พร ภิรมย์มีชื่อจริงว่า "บุญสม มีสมวงษ์" ​

เกิดเมื่อวันพฤหัสที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2471 เป็นบุตรของ นายประเสริฐ และนางสัมฤทธิ์ มีสมวงษ์ พร ภิรมย์ เรียนที่โรงเรียนวัดบพิตรภิมุข และจบการศึกษาสามัญชั้นสูงสุด คือมัธยม 3 หลังจากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง โดยเป็นนักแสดงลิเก ทำขวัญนาค พากย์หนัง และบรรเลงดนตรีไทย แต่มีชื่อเสียงมากคือ การแสดงลิเก ซึ่งใช้ชื่อ คณะว่า "บุญสม อยุธยา" จนกระทั่งได้พบกับครู "มงคล อมาตยกุล" จึงได้มา สังกัดวงดนตรีลูกทุ่ง "จุฬารัตน์" และได้มีผลงานด้านการขับร้องเพลง และการประพันธ์เพลง โดยเฉพาะเพลงแหล่ต่างๆ จนมีชื่อเสียงมากในวงการลูกทุ่งไทยสมัยนั้น

พ.ศ.2524 พร ภิรมย์ ได้บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ เพื่อจะอุทิศกุศลถวายแด่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่นำเรื่องของพระองค์มาเขียนเป็นบทเพลงโดยตั้งใจจะบวช 3 เดือน แต่เมื่อถึงกำหนดลาสิกขาบท พร ภิรมย์ ก็มิได้ลาสิกขาบทแต่อย่างใดจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต​

ปัจจุบันนี้ผลงานการขับร้องเพลงที่บันทึกแผ่นเสียงประมาณ 200 เพลงโดยเป็นผู้ที่ประพันธ์เอง ประมาณร้อยละ 95 เคยได้รับรางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำถึง 2 ครั้ง คือ ผลงานเพลงชื่อ ​

"ดาวลูกไก่" และเพลง "บัวตูมบัวบาน"​

​

ผลงานเพลงลูกทุ่งของ หลวงพ่อพร ภิรมย์ อันทรงคุณค่ามาก​

มาย เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม

พระอาจารย์พร ภิรมย์ จำพรรษาอยู่ที่วัดรัตนชัย หรือวัดจีน จ.อยุธยา จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต



​

 

แหล่พระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผลงานสุดท้ายของ พร ภิรมย์

จะสาทกยกเรื่องลัด
กรุงเก่าผลัดแผ่นดินใหม่
รบกันมารบกันไป
กับศัตรูผู้ก่อกวน

ขอกล่าวถึงพระองค์ดำ
เรียกอีกคำ นเรศวร
บุเรงนองมองประมวล
เอาองค์ดำค้ำประกัน

เลี้ยงประดุจบุตรบุญธรรม
อุปถัมภ์เป็นสำคัญ
นเรศวรในตอนนั้น
ทรงพระเยาว์เก้าปีปลาย

ต้องไปอยู่เมืองพม่า
แต่ทว่าไม่วางวาย
เก็บความแค้นไม่แคลนคลาย
สุมอุระพระองค์ดำ

ดุจเสือร้ายที่ซ่อนเล็บ
เจ็บแสนเจ็บฝังใจจำ
ชาวตะเลงข่มเหงทำ
ราวกับไทยไร้ปัญญา

พระแค้นกรุ่นอุ่นระอุ
ชนมายุย่างสิบห้า
พระมหาธรรมราชา
พาเข้าทัพบุเรงนอง

พระยาจักรีเป็นไส้ศึก
บอกตื้นลึกให้ทั้งผอง
ไทยพม่าฆ่ากันกอง
รบกันเข้าถึงเก้าเดือน ฯลฯ


พระอาจารย์ พร ภิรมย์เคยกล่าวไว้กับผู้ใกล้ชิดเกี่ยวกับการบวชตลอดชีวิตของท่านไว้ดังนี้

ธเนศ ขำเกิด - ธเนศ ขำเกิด - รำลึกถึงหลวงพ่อพร ภิรมย์ เจ้าของเพลงบัวตูมบัวบาน และเพลงอมตะอี

 

พระบรมอัฐิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=4U7ihvFwAEc&feature=related"]YouTube - อํฐิพระนเรศวรมหาราช[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=orZ1LM4InCg"]YouTube - ???????????????? ? ?????????[/ame]

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=BKg8gK_vk_Y&NR=1"]YouTube - king Naresuan Of Siam by Bc-Tv[/ame]​

 

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ถ้าพระปางนาคปรกอาจเป็นพระประจำพระชนมวารแห่งองค์สมเด็จพ่อพระนเรศเป็นเจ้าท่าน งั้นหมายความว่าพระองค์อาจจะทรงเสด็จพระราชสมภพวันเสาร์หรือครับ?

 

เรื่องพระประจำพระชนมวาร เป็นเรื่องที่หาข้อยุติไม่ได้ เพราะคนโบราณไม่นิยมบอกวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงให้ทราบโดยทั่วไป เพราะอาจมีผู้คิดร้ายหรือศัตรูของพระองค์ท่าน นำวันเดือนปีพระราชสมภพนั้นไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ได้ ในการสัมผัสด้วยจิตของผู้ที่มีความจงรักภักดีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลายคนบอกตรงกันว่า พระองค์ทรงพระราชสมภพวันเสาร์ จึงมีพระประจำพระชนมวารเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรกค่ะ (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดพิจารณาค่ะ)

 

KING NARESUAN THE GREAT

KING NARESUAN THE GREAT

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=EHOH9nR7KGs&feature=related]YouTube - สมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/ame]


รับชมคลิปนี้ดูนะคะ เหมือนมีชีวิตและสามารถปลุกกำลังใจคนไทยให้ลุกขึ้นสู้ โดยดูพระองค์ท่านเป็นตัวอย่างค่ะ​

 

คลิปแจ๋ว ข้อมูลเยี่ยม ขอบคุณมากครับ

 

ช้างทรง ม้าทรง คงสื่อกับพระองค์ท่านแบบ...รู้ใจเจ้านายสุด ๆ

ทั้งช้างทรง ม้าทรง ได้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระองค์ เห็นภาพแล้วทรงพระเท่ห์ ทรงพระMan

 

ใกล้ครบสองปีกับอายุล๊อคอินทางสายธาตุแล้ว วันนี้ขอระลึกอดีตสองปีที่ผ่านมาสักหน่อยเพราะต้องการจะลากระทู้ไปเสียที

ทางสายธาตุเห็นพระนางเจ้าท่านในนิมิตตั้งแต่ไม่รู้จักพระนาง ตอนนั้นไปฝึกปฎิบัติที่วัดอัมพวัน เห็นตึกจีน เห็นสังคมรอบๆตึกจีนนั้น เห็นตำหนัก(ตอนนั้นเรียกว่าเรือนไทยเพราะไม่รู้จักว่าพระนางเป็นใครและเรือนไทยหลังนี้อยู่ที่ไหน) เห็นดินดำเป็นไหๆถูกเก็บไว้ห้องใต้ตึกที่ไม่มีหน้าต่าง เห็นโกดังสินค้าที่มีลังบรรจุปืนโดยเอาฟางโรยๆในลังไม้นั้น มีเป็นตั้งๆเลยหีบแบบนี้ เห็นริมน้ำเจ้าพระยาที่มีน้ำวนค่อนข้างแรง เห็นพระนางทรงมานั่งริมน้ำรอใครสักคนหนึ่ง เห็นพระนางทรงพาพระธิดาองค์โตและพระโอรสองค์เล็กไปเที่ยวในเกาะเมืองตามร้านค้าต่างๆ ทรงอุ้มองค์เล็กด้วยพระหัตถ์ขวา ทรงจูงพระองค์โตด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระสวามีของพระนาง(ตอนนั้นเรียกว่าสามีเป็นนายทหารใหญ่โต นานๆจึงจะมาหาพระนางสักครั้ง เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าพระนางเป็นใคร ไม่คิดว่าเป็นเจ้าด้วยเพราะทรงเสื้อผ้าแบบเศรษฐี มีของประดับไม่มากนักทำด้วยทองเช่นกำไล เข็มขัด แต่ก็รับทราบด้วยจิตว่าพระนางทรงร่ำรวยมั่งคั่งมาก ทรงมีสำเภาและเรือเล็กขนถ่ายของพระองค์เองเป็นร้อยลำ เห็นเงินเป็นก้อนถูกบรรจุอยู่ในหีบไม้ขนาดจำนวนหลายๆหีบเก็บไว้บนตำหนักหลังนั้น มีทหารเสื้อแดงสะพายดาบสองด้ามจำนวนสองคน ยืนเป็นประจำอยู่ที่ท่าน้ำด้านแม่น้ำเจ้าพระยา นอกนั้นไม่มีใครใส่เสือทหารสีแดง(เสื้อทรงแขนกระบอก กางเกงสามส่วน ใส่หมวกผ้ามีผ้าลงมาจากหมวกสามแถบ ผ้าสามแถบนี้จะปกคอจนถึงปกคอเสื้อที่ตั้งขึ้นมา ไม่รู้ว่าอธิบายแล้วเข้าใจหรือไม่ค่ะ อธิบายอย่างที่เห็น)

อีกทีก็เห็นพระนางอายุแค่หกหรือเจ็ดพรรษา มาเมืองไทยกับครอบครัว พี่ชายทั้งสองของพระนางเอาดินดำที่ติดมานำเสนอใครก็ไม่ทราบอายุเท่าพี่ชายของพระนาง เอาดินดำนั้นเกลี่ยบนกระด้งเพื่อให้ดูว่ามีคุณภาพดีแค่ไหน เห็นบ้านเรือนไทยเก่าๆผุพังที่มาอยู่อาศัยชั่วไม่กี่เดือนนั้น(กลับมาอีกทีสิบปีให้หลัง บ้านไทยผุพังนั้นก็หายไปแล้วกลายเป็นตึกจีนใหญ่โต)

ทั้งหมดนี้ปรากฏในนิมิตมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๕ หรือ ๒๕๔๖ แต่ไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เห็นนั้นเป็นใคร จึงไม่ได้ใส่ใจตามหาเพราะ หลวงพ่อจรัญ ท่านสอนว่าเห็นอะไรให้กำหนดแค่เห็นหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ แล้วก็กลับไปจับพองหนอยุบหนอต่อไป ภาวนาต่อไป กว่าจะมาต่อเรื่องนี้อีกทีก็ เข้าปี ๒๕๕๒ ไปแล้วเมื่อไปสวดมนต์และทำกรรมฐานที่วัดวรเชษฐ์

ยืนยันว่าไม่เคยไปทำพิธีบวงสรวงกับใครทั้งนั้นก่อนปี ๒๕๕๒ จึงไม่เคยเจอใครที่เกี่ยวข้องกับวัดวรเชษฐ์ทั้งจะชอบและไม่ชอบ ศรัทธาและไม่ศรัทธาต่อวัดต่อพระ เพราะไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับใครเลย ไปวัดเพราะบัดดี้ธรรมใช้ศัพท์ใหม่หมายถึงคุณรุ้งบอกว่าไป อธิษฐานกับพระสยามเทวาธิราชองค์สำคัญที่สุดคือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านสถิตย์อยู่ที่วัดวรเชษฐ์ เป็นวัดร้างนะ กล้าไปไหม คุณรุ้งยังคิดว่าวัดวรเชษฐ์ยังคงเป็นวัดร้างเหมือนเมื่อครั้งที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๑ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาถึงวัดนี้แล้วจะมีพระ คิดว่าอย่างไรเสียก็คงจะเจอแม่ชีจรี เพราะท่านอยู่ที่นี่มานานแล้ว ไปวัดวรเชษฐ์ครั้งแรกคือ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๒ ไม่คิดว่าสิ่งที่เขียนไปตลอดสองปีจะมีคนเสียใจมาก จนถึงอาจจะหาชีวิตไม่ หรือไม่อาจจะมีกำลังใจอยู่ต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงว่ามีคนใฝ่ใจ สนใจในเรื่องเหล่านี้จนเป็นกันขนาดนี้ รู้สึกตกใจว่าเรื่องแค่นี้มันทำให้คนหมดกำลังใจได้ เกิดข้อเข้าใจผิดชนิดที่ไม่ยอมเข้าใจให้ถูกว่าทางสายธาตุไม่เคยโทรไปวุ่นวายกับใครทั้งนั้น ตั้งใจจะไม่ให้ใครรู้จักตัวจริงด้วยค่ะ เพราะเป็นคนชอบสันโดษวิเวก สองปีมานี้จึงเกิดทั้งความอัศจรรย์ใจกับพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมๆไปกับความเบื่อหน่ายที่เกิดการกระทบกระทั่งและความเข้าใจผิด ทางสายธาตุคิดว่าครบสองปีแล้ว เรื่องที่จะเขียนก็ไม่มีอะไร บางอย่างก็ไม่อาจเขียนได้เพราะเป็นเรื่องส่วนพระองค์

 

ไปรู้จักวัดชุมพลฯ เพราะเห็นหญิงโบราณคนหนึ่งเกาะอยู่บนศีรษะขณะนั่งทำสมาธิในโบสถ์ร้างวัดวรเชษฐ์ มีแม่ชีบำเพ็ญมาจากนครสวรรค์ท่านเห็นด้วย ท่านเข้ามาหาแล้วขอให้พระอาจารย์สาโรจน์(ตอนนั้นท่านยังอยู่วัดนี้)ช่วยสวดอุทิศกุศลอีกครั้งเพราะแม่ชีบำเพ็ญเห็นเขายังเกาะอยู่บนศีรษะเราไม่ยอมปล่อย เขาทำให้เราปวดหัวแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม่ชีบำเพ็ญเรียกเขาว่า แม่ผ่อง บ้านสีสุก

สวดครั้งที่สองก็แล้วแม่ผ่องก็ไม่ยอมรับบุญ เห็นในนิมิตยังหน้าบึ้งเกาะอยู่บนศีรษะอยู่ท่าเดิม โยงโย่โยงหยก บัดดี้ธรรมคุณรุ้งบอกว่าไปกรวดน้ำบอกแม่ธรณีว่าเราได้ทำบุญให้เขาแล้วแต่เขายังไม่ยอมรับขอแม่ธรณีช่วยรับเรื่องรับบุญแทนเขาไว้ก่อนนะคะ ตอนนั้นไม่มีน้ำจะกรวด คุณรุ้งก็บอกว่าใช้วิธีเอาฝ่ามือไปสัมผัสดินแล้วอธิษฐานจิตผ่านผ่ามือลงดินไปเลย ตอนนั้นไปเจอกองอิฐใกล้ก็เอาฝ่ามือไปส่งกระแสผ่านไป รู้สึกมีกระแสผ่านออกจากฝ่ามือเหมือนกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ก็เอามือประทับบนกองอิฐเก่า (ที่คาดว่าจะเป็นที่ตั้งของเจดีย์สององค์บนฐานเดียวกันของพระมหาธรรมราชาและพระนางวิสุทธิ์กษัตรีย์) เป็นสิบนาทีจนกระทั่งรับรู้ว่าไม่มีกระแสไฟฟ้าเล็กๆออกจากฝ่ามือแล้วก็หยุด

จากนั้นพระอาจารย์สาโรจน์ก็แนะให้ไปสวดบทสอนเจ้ากรรมนายเวรที่ริมตลิ่งข้างๆเต๊นส์ ซึ่งทำเป็นฝาซีเมนต์ให้นั่งใต้ต้นไม้ สวดมนต์แบบดุริยมนตราไม่เป็นค่ะก็สวดแบบเน้นๆไปทีละคำแทน นิมิตเห็นโดดมาเกาะหัวเขา ร้องไห้ ต่อว่าว่าให้เขาเมตตาเรา แล้วเราหน่ะเมตตาต่อเขาไหม ที่ไปทำเขาก็เห็นในนิมิตทันทีว่าตัวเองเอาไม้หน้าสามฟาดเข้าไปตรงข้างขมับอย่างแรงจนนางตกน้ำและตาย เห็นก็ร้องไห้ตามแม่ผ่อง สงสารแม่ผ่องมากกกกกก เขาเองเก็บความแค้นมากี่ร้อยปีแล้วก็ไม่รู้ เราก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรเขามา พอรู้ก็สงสารเขาและรับรู้ว่าแม่ผ่องรักเรามากกกกกกก เขารักเราเหมือนพี่สาวแท้ๆของเขาเลยหล่ะ คิดถึงเขาทีไรก็น้ำตาไหลสงสารวิญญานที่ติดอยู่ในบ่วงทุกข์หาทางออกมิได้ แม่ผ่องเขาชวนให้ไปทำสังฆทานให้เขาและพวกพ้องที่บ้านแห่งหนึ่งที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และแม่ผ่องทำให้ไปเจอข้อมูลวัดชุมพลฯ ยังถามแม่ผ่องว่าจะไปที่นี่หรือ ตอนนั้นแม่ผ่องบอกว่าจะอยู่กับเราไปสักพักเพราะยังรักเราอยู่ ยังไม่อยากจาก ดังนั้นไปทำงานก็พกแม่ผ่องไปด้วย เกาะเอวไป จากวันที่รู้จักกันวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ จนถึงวันที่ไปทำสังฆทาน คือวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เกาะเอวอยู่ด้วยกันอาทิตย์หนึ่งได้ วันที่ไปหาของทำสังฆทานยังถามเขาเลยว่าต้องการอะไรเป็นพิเศษไหม เขาบอกว่าไม่มีแต่พวกคนแก่บางคนตอนนี้ป่วยเป็นไข้อยู่ เราจึงต้องเน้นพวกยาให้เป็นพวกขวดใหญ่ๆ

ถังสังฆทานนั้นใหญ่มาก เรากล่องใหญ่ๆที่มีล้อมาทำเป็นถัง มีของที่เขาแนะนำไว้ในเวปไซด์นี้แหละค่ะว่าเป็นของที่พระจำเป็นต้องใช้ เช่นแชมพูแก้รังแค แปลกใจเหมือนกันพระท่านไม่มีผมจะเอาแชมพูแก้รังแคไปทำไม แต่ก็ซื้อไปแบบขวดใหญ่ ปากกา สมุด น้ำยาล้างพื้น มีดโกนแบบโบราณโกนเกลี้ยงกว่ามีดโกนยินเล็ต ที่สำคัญอิฉันใส่หนังสือของหลวงปู่เณรคำ ฉัตตโกไปด้วยหนึ่งเล่ม แล้วก็ผ้าไตรจีวรอีกชุดหนึ่ง ถึงสังฆทานที่จัดเตรียมนั้นใช้จ่ายไป ๒,๖๕๐ กว่าบาท ไปถวายเจ้าอาวาสวัดชุมพลฯ ท่านเจ้าอาวาสรับเสร็จก็ไอพอดี ท่านถามว่าร่วมยามียาแก้ไอไหม มีเจ้าค่ะ ยาแก้ไอน้ำดำตราเสือดาวขวดใหญ่เป็นยารายการสุดท้ายตอนที่ไปช๊อปสังฆทานยาที่โลตัสกับแม่ผ่อง กำลังจะจ่ายเงินค่ายาก่อน เพราะเคาร์เตอร์ยาอยู่ในซุปเปอร์ต้องจ่ายเงินก่อน
แคชเชียร์เคาร์เตอร์ยาถามว่า : พี่ไม่เอายาแก้ไอหรือ
ก็ตอบไปว่า : เอาค่ะเอาขอขวดใหญ่ๆขอบคุณที่เตือนค่ะ
รายการสุดท้ายกลายเป็นรายการแรกที่เจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดชุมพลฯเปิดรับประทานก่อนเป็นรายการแรก สมกับที่แม่ผ่องบอกว่า คนแก่บางคนที่บ้านเดินนั้นกำลังป่วย จากนั้นก็ไปส่งแม่ผ่องที่ท่าน้ำวัดชุมพลฯ ลูกหลานแม่ผ่องรออยู่ที่นั่นแหละ เธอนั่งเรือไปอีกฝั่งตรงข้ามวัดชุมพลฯ นั่งเรือไปยิ้มไป ไปดีนะแม่ผ่อง ฉันก็รักเธอนะแม่ผ่อง

 

เมื่อไปถึงวัดชุมพลฯ ทันทีที่เห็นเสาในโบสถ์ก็เข้าใจ แต่ไม่ทั้งหมด เข้าใจว่าหญิงที่เห็นในนิมิตเมื่อ ๖ ถึง ๗ ปีก่อน ก็อาจจะเป็นพระนางองค์นี้ แต่ทีแรกสุดเข้าใจว่าทรงเป็นพระภรรยาของสมเด็จพระเอกาทศรถ ตอนนั้นก็บอกหลวงพี่แดง ผู้ดูแลโบสถ์วัดชุมพลฯว่า พระเจ้าปราสาททองมิใช่ลูกคนเดียวของแม่อินนะ พระเจ้าปราสาททองมีพี่สาวคนหนึ่งนะคะ อายุมากว่าพระเจ้าปราสาททองแค่สองปี ตอนนั้นรู้แค่นี้ก็ถือว่ารุ้เยอะแยะแล้ว ก็เพียงพอไม่คิดจะหาอะไรเพิ่ม รู้เรื่องเหล่านี้วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ก็แค่ตั้งใจมาทำบุญกับวัดชุมพลฯนี้หากว่าเราเคยอาศัยและทำงานอยู่ที่นี่ ก็มาทำบุญถวายพระเจ้าแผ่นดินและพระนางที่นี่ ตั้งใจไว้แค่นี้ไม่ได้คิดว่าจะตามหาอะไรเพิ่มอีก แม้จะเห็นดอกจำปีในลายเสาโบสถ์ก็ไม่เอะใจ แค่รู้ว่าพระเจ้าปราสาททองมีพี่สาวหนึ่งพระองค์ก็เป็นความรู้ที่มากมายมหาศาลแล้วสำหรับตนเอง

 

คุณเจ้าจันทร์เจ้าขา ยินดีต้อนรับนะคะ คุณเจ้าจันทร์มาเยี่ยมบ่อยๆ หากมีอะไรจะเขียนบอกเล่าเก้าสิบกันได้ก็เชิญเลยนะคะ เชิญแทนเจ้าของกระทู้ค่ะ

ไว้ตอนเย็นๆแล้วจะต่อเรื่องทำไม่จึงคิดว่าแม่อินเป็นใครตอนเย็น เขียนจบก็ลากระทู้ไปนานๆจะเข้ามาที่ เพราะตั้งใจจะไปศึกษาเรื่องพระธรรมกับหลวงปู่หลวงพ่อต่างๆ ศึกษาเรื่องอุกามณี เพชรพญานาค(อิชั้นมีเพชรพญานาคสีดำ ทุบออกจากหิน บัดดี้ธรรมทุบเองแต่ยกให้จูหนึ่งเม็ด) ศึกษาเหล็กไหล(อิชั้นมีหนึ่งเม็ดเลี้ยงด้วยน้ำผึ้งอยู่อาจจะเป็นเหล็กไหลน้ำสอง) ศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมไปพร้อมๆกัน ดูๆแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องเสริมกัน ที่สุดของที่สุดก็คือตามรอยพระพุทธองค์ไปให้ได้อย่าได้เสียชาติเกิด เตือนตนเองเช่นนี้ทุกวันค่ะ

 

ขอให้คุนทางสายธาตุเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นค่ะ และขอให้อยู่กับทางโลกอย่างมีความสุขสมความปรารถนา จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

 

สวัสดีค่ะพี่ๆ พึ่งเจอกระทู้ตามคำเชิญพี่ชานนค่ะ
มาช้าไปหน่อย ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะเจ้าคะ

 

ขอกราบท่านหลวงตา พร ภิรมย์ ด้วยความอาลัยยิ่ง

กราบอนุโมทนา สาธุ ในกุศลทั้งหมดทั้งมวลของ หลวงตา พร ภิรมย์
สาธุ สาธุ สาธุ


อนุโมทนากับคุณพี่ทางสายธาตุ ที่นำข้อมูลดีดีทั้งนั้นเลยมาฝาก

อนุโมทนา กับคุณ เจ้าจันทร์ น้องไก่เหลืองหางขาว

และยินดีต้อนรับ คุณน้อง เก๋ ตวยหนะเจ้า

 

ขออภัยที่เมื่อวานมิได้เข้ามาพูดคุยอย่างที่ตั้งใจ เพราะว่าตอนเย็นๆ นำพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชไปถวายหลวงปู่ทองหล่อ วัดโปรดสัตว์ มีความรู้สึกว่าต้องถวายทันทีก็เลยไป ก็ได้ทราบว่าทาง ขสมก ได้ปรับเส้นทางไหว้พระ๙วัด จากเดิมจะไปวัดนิเวศธรรมประวัติ ต่อด้วยวัดชุมพลฯ แล้วก็ขึ้นไปอ่างทอง ออกสุพรรณบุรี

เมื่อวันจันทร์ทาง ขสมก มาคุยกับหลวงปู่บอกว่า ปรับเปลี่ยนเส้นทางมาวัดโปรดสัตว์แทนวัดชุมพลฯ เพราะว่าวัดชุมพลฯกำลังซ่อมแซมหลังคาพระอุโบสถที่ทางสายธาตุกำลังบอกบุญผ้าป่าอยู่จะไปต้นปีหน้า

เมื่อวานตอนถวายพระบรมรูปเจอพี่แหวว ทำงานอยู่ตลาดโก้งโค้ง ใกล้วัดโปรดสัตว์ฯ พี่แหววเป็นคนบ้านโพธิ์ อยุธยา บอกว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครเป็นไข้ไม่สบาย มาขอน้ำมนต์วัดโปรดสัตว์ไปพรม หายทุกคน ชาวบ้านย่านนี้ศรัทธาหลวงปู่ทองหล่อมาก ใครจะขอถ่ายรูปท่าน ถ่ายอย่างไรก็ไม่ติด พี่แหววบอกคุณสองคนโชคดีมากนะที่หลวงปู่ท่านออกมาต้อนรับ ปกติท่านชราแล้ว(๙๒ ปี) ถ้าไม่จำเป็นท่านไม่รับแขกแล้ว เมื่อวานต้องขอหลวงปู่ว่าลูกหลานขอถ่ายภาพหลวงปู่เจ้าค่ะ ถ่ายไม่ติด คุณรุ้งบอกว่าต้องขอเทวดาที่รักษาหลวงปู่แทน เทวดาอนุญาตจึงจะถ่ายติด (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล) ก็ได้ภาพหลวงปู่มา พี่แหววเห็นแล้วดีใจใหญ่บอกว่าให้ส่งรูปถ่ายหลวงปู่ทองหล่อให้พี่เขาสักการะสักใบส่งไปที่บ้านโพธิ์บ้านพี่แหวว ก็ได้ขอที่อยู่ไว้เรียบร้อยแล้ว

​

ที่สำคัญถ่ายติดดวงธรรมดวงบ๊ะเลิ่มเทิ่มที่โบสถ์วัดโปรดสัตว์ด้วย ไม่ธรรมดานะคะวัดนี้

ส่วนเรื่องราวต่อเนื่องขอเวลาเย็นนี้ไม่ได้ไปไหน จะเขียนเล่าสบายๆให้จบ แล้วก็จะขอกราบลากระทู้นี้ไปแบบนานๆเห็นกันทีแล้วนะคะท่านผู้อ่าน


สวัสดีน้องเก๋ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก ขอบคุณคุณชานนด้วยค่ะ เดี๋ยวอีกความเห็นจะโพสรูปดวงธรรมวัดวรเชษฐ์ถ่ายไว้คืนวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ใครอยากเสนอหน้าให้เทวดารู้จัก เทวดาจะได้รักและคุ้มครองตัวเราต้องไปยังสถานที่ที่เทวดาสถิตย์เยอะๆนะคะ ๕๕๕๕๕๕

 

ดวงธรรมวัดวรเชษฐ์ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ในงานบวงสรางเทพเทวดา เพื่อโปรดลงเสด็จลงมาปกปักรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลมหาราช และสวดมหาสติงหลวงเพื่อความสงบสุขในประเทศไทย

 

ดวงธรรมเจิดจ้าสว่างดั่งไฟนีออนเลย สังเกตบนพระปรางค์นะคะสว่างจ้าเลย​