ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ลำดับกษัตริย์อโยธยา

    พระราชพงศาวดารเหนือได้เรียงลำดับกษัตริย์ ในสมัยอโยธยา
    เริ่มตั้งแต่ จุลศักราช ๕๐๑ ตรงกับ พ.ศ. ๑๖๘๒ มีรายพระนามดังต่อไปนี้

    ๑. พระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ ปฐมกษัตริย์
    ๒. พระเจ้าอินทราชา โอรสพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์
    ๓. พระเจ้าจันทราชา โอรสพระเจ้าปทุมสุริยงศ์
    ๔. พระร่วง โอรสพระจันทราชา
    ๕. พระเจ้าลือ อนุชาพระเจ้าร่วง
    ๖. พระมหาพุทธสาคร เชื้อกษัตริย์มาจากที่อื่น
    ๗. พระยาโคตรบอง โอรสพระมหาพุทธสาคร
    ๘. พระยาแกรก พระองค์ตั้งราชวงศ์ใหม่
    ๙. พระเจ้าสายน้ำผึ้ง พระองค์ตั้งราชวงศ์ใหม่
    ๑๐.พระยาธรรมิกราช โอรสพระเจ้าสายน้ำผึ้ง

    (ประวัติขาดช่วงไป ๒๐๐ กว่าปี)

    ๑๑.พระเจ้าพิไชยราช
    ๑๒.พระพิษณุราช
    ๑๓.พระศรีแสน โอรสพระพิษณุราชา
    ๑๔.พระชัยนาท พระอนุชาพระศรีแสน
    ๑๕.พระสุรินทรราชา
    ๑๖.พระอนุชราชา พระอนุชาพระสุรินทราชา
    ๑๗.พระอินทราชา โอรสพระอนุชราชา
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE id=post3504301 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>[​IMG] 05-07-2010, 02:10 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #23 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หนุมาน ผู้นำสาร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3504301", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 10,185
    Groans: 1
    Groaned at 463 Times in 318 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 209
    ได้รับอนุโมทนา 67,646 ครั้ง ใน 9,588 โพส
    พลังการให้คะแนน: 4799 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3504301 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->#1161

    *** แม่น้ำใหญ่ ยุคสมัยโบราณ ****

    ก่อนที่น้ำจากหิมาลัย จะไหลบ่าท่วมภาคเหนือ พัดหินดินโคลน มาถมเป็นภาคกลาง
    เมื่อน้ำเริ่มแห้ง เกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนยุคปัจจุบัน
    ดินแดนดั้งเดิม มีแม่น้ำสายใหญ่โบราณ ไหลผ่านตามเส้นสีฟ้า ไหลลงทะเลสาปในเขมร
    บริเวณนครพระกฤษณ์

    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ถ้าสายน้ำโบราณเป็นแบบนี้จริง อันนี้ก็ไม่เคยศึกษาเรื่องสายน้ำนะคะ อ่านจากกระทู้เรื่องเขาคลังนอก สมัยโบราณความเจริญก็ต้องตามลุ่มน้ำ ซึ่งอาณาจักรอโยธยาเป็นอาณาจักรรุ่นหลังของอาณาจักรโบราณก็น่าจะเจริญตามลุ่มน้ำเก่า

    คลองบางกะจะหน้าวัดพนังเชิงขุดขึ้นสมัยพระมหาจักรพรรดิ แสดงว่าก่อนหน้านี้แม่น้ำป่าสักกับแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้บรรจบกันที่บางกะจะ ดังนั้นวัดพะแนงเชิงที่สร้างในสมัยอโยธยาควรจะหันหน้าเข้าแม่น้ำป่าสัก หรือแม่น้ำเจ้าพระยา สายใดสายหนึ่ง ตามคติการสร้างวัดของอาณาจักรอโยธยา คือหันหน้าเข้าแม่น้ำ วัดโปรดสัตว์ก็สร้างหันเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทำให้หน้าโบสถ์หันไปทิศตะวันตกค่ะ
     
  3. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    วัดโปรดสัตว์ สร้างเมื่อพ.ศ. ๑๕๔๑ วัดนี้มีอายุได้ ๑,๐๑๒ ปีแล้ว

    *****เหตุการณ์สำคัญ ในสมัยอโยธยา มีดังต่อไปนี้
    พ.ศ. ๑๔๐๑
    สร้างวัดกุฎีทอง โดยพระเจ้าจันทโชติ พระมเหสีสร้างวัดคงคาวิหาร

    พ.ศ. ๑๔๒๓
    เกิดสงครามระหว่างอโยธยา ในแผ่นดินพระนารยณ์แห่งอโยธยา กับพระนเรศวรแห่งสุธรรมนคร เป็นสงครามธรรมยุทธ สร้างเจดีย์แข่งกัน อโยธยาสร้างเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล มอญร้างเจดีย์ภูเขาทอง

    พ.ศ. ๑๔๓๕
    สร้างพระปรางค์เมืองละโว้ ขนานนามเมืองใหม่ว่าเมืองลพบุรี

    พ.ศ. ๑๔๓๕
    พระนารายณ์แห่งอาณาจักรอโยธยาสวรรคต สร้างวัดนารายณ์อิศรา ตรงที่ดวายพระเพลิง

    พ.ศ. ๑๔๓๕ - ๑๔๙๒
    บ้านเมืองว่างเปล่า อำมาตย์ ๙ คน รบฆ่าฟันชิงราชสมบัติกัน

    พ.ศ. ๑๔๙๒
    พระเจ้าหลวงได้ราชสมบัติ ถวายวังเป็นวัดเรียกวัดเดิม(วัดอโยธยา)

    พ.ศ. ๑๕๔๑
    ลงไปสร้างเมืองใหม่ สร้างวัดโปรดสัตว์

    พ..ศ. ๑๕๗๖
    พระเจ้าสายน้ำผึ้งเสด็จเมืองจีน

    พ.ศ. ๑๕๘๗
    สถาปนาวัดพระเจ้าพระนางเชิง

    พ.ศ. ๑๖๐๐
    สร้างวัดหน้าพระธาตุ ถวายพระอาจารย์ สร้างวัดมงคลบพิตร

    พ.ศ. ๑๖๐๘
    พระเจ้าสายน้ำผึ้งสวรรคต

    พ.ศ. ๑๖๑๐
    สร้างวัดมุขราช (วัดธรรมิกราช) โดยพระยาธรรมิกราชา

    พ.ศ. ๑๖๒๔
    พระนารายณ์เสด็จจาเมืองละโว้ ลงไปครองเมืองวัดเดิม เรียกนามเมืองใหม่ว่า อโยธยา

    ราว พ.ศ.๑๖๓๐
    พระนารายณ์ได้เสด็จจากเมืองอโยธยาขึ้นมาบรณะพระปรางค์ เมืองละโว้ แล้วพระราชทานนามเมืองละโว้เสียใหม่ว่า เมืองลพบุรี ในภายหลังนี้ได้ว่ากษัตริย์ลง

    พ.ศ. ๑๖๓๙
    ขุดคลองตะเคียนไปออกบางยี่หน

    ภายหลัง พ.ศ.๑๖๔๙
    พระเจ้าไกรสรราช ราชโอรสเจ้าพระเจ้าพรหมมหาราช สมเด็จพระชนกนแต่งให้ลงมาครองเมืองลพบุรี ในคราวที่พระองค์เสด็จลงมา สร้างเมืองพิษณุโลก หล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา

    ต่อมาเมืองลพบุรี ได้ว่างกษัตริย์ปกครองอีก เพราะเมื่อพระเจ้าไกรสรราชสวรรคตแล้ว พระเจ้าดวงเกรียงกฤษณราช (พระเจ้าสายน้ำผึ้ง ) พระราชโอรส ก็คงเสวยราชย์อยู่เสียที่เมืองเสนาราชนคร หาได้เสด็จขึ้นมาประทับที่เมืองลพบุรีไม่ ท้องที่เมืองลพบุรีจึงรวมเข้ากับเมืองแพรกศรีราชา

    ระยะเวลาต่อไปนี้ ๒๑๑ ปี พงศาวดารอโยธาขาดหายไป

    พ.ศ. ๑๘๕๒
    สร้างวัดกุฎีดาว และวัดมเหยงคณ์

    พ.ศ. ๑๘๖๗
    สร้างวัดพนัญเชิง

    พ.ศ. ๑๘๙๓
    สถาปนากรุงศรีอยุธยาโดยพระเจ้าอู่ทอง

    (พงศาวดารชาติไทย เล่ม ๑ ฉบับของโรงพิมพ์ประจักษ์วิทยา)

    (น ณ ปากน้ำ ศิลปกรรมแห่งอาณาจักร ศรีอยุธยา ต้นอ้อ แกรมมี่ ๒๕๔๐)

    *****ดังนั้น จะเห็นภาพธรรมดาว่า อโยธยาก็คือบรรพบุรุษ รุ่น พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ปู่ทวด ย่าทวด ตาทวด ยายทวด ของกรุงศรีอยุธยา

    การที่อยุธยา อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา โดยไม่มีที่มาที่ไป ย่อมเป็นไปไม่ได้ การเขียนพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เด่นชัดในคำให้การขุนหลวงหาวัด แต่มีอะไรที่ไม่ได้เขียนอีกมากมาย และข้อมูลสูญหายในกองเพลิงเมื่อครั้งเสียกรุงอีกมากมาย ทำให้เราเห็นภาพยุค อโยธยาลางเลือน

    ถ้าเราเป็นคนในยุคแรกสถาปนาอยุธยา เราจะไม่สงสัยว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นใคร มาจากไหน แต่เมื่อนานมาถึงตอนปลายกรุงศรีคนคงจะลืมหมดแล้ว จะเรียนรู้ก็เฉพาะในราชสำนัก ที่เกี่ยวข้องกับการปกครองบ้านเมืองเท่านั้น และเมื่อมาถึงยุคเรานี้ พ.ศ.นี้ ก็เป็นอันว่า อดีตของเราลางเลือนเต็มที

    ***พงศาวดารเหนือ เรียกชื่อกษัตริย์ไม่เหมือนกับในพงศาวดารชาติไทย เล่ม ๑


    ดังนั้นวัดโปรดสัตว์จึงเก่าแก่ และศักดิ์สิทธิ์ ที่ว่าศักดิ์สิทธิ์ ก็จะเป็นตำนานและเรื่องเล่าต่างๆของวัดโปรดสัตว์ การที่ไม่ได้ศึกษาประวัติอาณาจักรอโยธยา ทำให้การบันทึกประวัติศาสตร์ไทยให้ลุกหลานอ่าน ทำให้เกิดความสับสนปนเปกันไปมาระหว่างเรื่องของอาณาจักรอโยธยากับอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาก็เป็นได้
     
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,920
    ค่าพลัง:
    +6,434
    รูปวัดโปรดสัตว์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

    เรื่องตำนานเก่าแก่วัดโปรดสัตว์นั้นโปรดติดตามตอนต่อไป กลับมาวันศุกร์หน้าอาจจะไปร่วมสวดมนต์ที่วัดปราสาทด้วยค่ะ คิดว่าคงได้โพสอีกทีวันเสาร์หน้าจ้า วันนี้ขอไปเตรียมเก็บของก่อนนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0238.JPG
      IMG_0238.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.1 MB
      เปิดดู:
      65
    • IMG_0239.JPG
      IMG_0239.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_0240.JPG
      IMG_0240.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.1 MB
      เปิดดู:
      44
    • IMG_0241.JPG
      IMG_0241.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.6 MB
      เปิดดู:
      43
    • IMG_0242.JPG
      IMG_0242.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.5 MB
      เปิดดู:
      69
    • IMG_0243.JPG
      IMG_0243.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      41
    • IMG_0244.JPG
      IMG_0244.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.7 MB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_0245.JPG
      IMG_0245.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.6 MB
      เปิดดู:
      59
    • IMG_0246.JPG
      IMG_0246.JPG
      ขนาดไฟล์:
      4.6 MB
      เปิดดู:
      56
  5. ดอกไม้เมืองบน

    ดอกไม้เมืองบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +518
    *******************************************

    ครั้งหนึ่ง พี่เคยฝันว่านั่งเครื่องบินไปกับคณะ ไปลงที่เมือง อะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าอยู่กลางหุบเขาบนเทือกเขาหิมาลัย มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายมาต้อนรับ เหมือนเลาเราไปดูงานต่างประเทศ ทำนองนั้น

    บ้านเมืองเขาสวยงามเป็นสถาปัตยกรรมแบบเก่าคล้ายประเทศในแถบนั้น (สิกขิม ภูฏาน) ทั้งที่ เมืองนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยมาก มีรถยนต์ใช้ แต่สภาพทั่วไปสงบ.ไม่วุ่นวายจอแจ คนที่นี่พูดได้ทุกภาษา เวลาพูดกับเราก็พูดไทย (ตรงนี้คิดว่า น่าจะเป็นการใช้โทรจิต จึงรู้ไปทุกภาษา หน้าตาผู้ชายที่มารับก็แบบคนแถบนั้น แต่ดูดีกว่า คมคายกว่ามาก อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส

    แล้วมีช่วงหนึ่ง เขาก็พาคณะไปชมดอกไม้หิมาลัย ในฝันเรายังได้เด็ดมา เป็นดอกไม้สีขาวนวลเหมือนนมสด แยกกลีบบาง ๆ 4 -5 กลีบ หอมมาก คล้าย ๆ ดอกแก้วแต่กลีบหนา และใหญ่กว่า

    พอตื่นมาก็นึก เมืองอะไรอยู่กลางหุบเขาหิมาลัย ไม่ใช่ภูฏาน สิกขิม..
    จนวันหนึ่งได้ไปเล่าให้พระราชครูวามเทพมุนี (เทวสถานโบส์ถพราหมณ์ เสาชิงช้า)

    ท่านบอกว่า เป็นความเชื่อ คล้ายตำนานที่เล่าต่อ ๆกันมา ถึงเมืองที่อยู่ในหุบเขา มีกษัตริย์ปกครอง มีทองคำมากมาย คนที่นั่นจะอายุยืนยาวมาก แต่ไม่มีใครเคยเห็น สำรวจก็ไม่เจอ

    นอกจากนี้ยังเคยมีผู้แสวงบุญหรือพวกไต่เขา ขึ้นไป และเกิดปีนไปที่ลูกหนึ่งมองลงไป ก็พบว่ามีเมืองอยู่กลางหุบเขา มีพลเมืองอาศัยอยู่ พอกลับลงมาก็นำไปเล่าให้ใคร ๆ ฟัง คนก็พากันขึ้นไปดูตรงจุดที่ว่านี้ แต่ไม่มีอะไรเลย !!

    จนทุกวันนี้ ก็ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้....แต่เชื่อกันต่อ ๆ มา ว่า เมืองนี้คืออาณาจักรซัมบาลา ที่หลายคนก็ยังพยายามค้นหาอยู่

    สรุปที่ท่านบอกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่เราฝันเห็นหรือเปล่า ในความเห็นส่วนตัวของพี่ ลองคิด ๆ ดู ก็ว่า น่าจะคล้ายเป็นเมืองลับแล แบบตำนานบ้านเรานะ หรือจะเป็นเมืองสวรรค์ ที่ตั้งอยู่ในมิติที่เหลื่อมซ้อนกับโลกบางเวลาถ้าเกิด มิติทั้งสองมาตรงกัน คนที่ปีนเขา หรือนักแสวงบุญก็เลยเห็น

    ขอเวลาไปหาซื้อเครื่องข้ามกาลเวลาก่อนนะ เผื่อจะได้คำตอบบ้าง yimm

    (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

    ส่วนแชงกรีล่า..มีสถานที่อยู่จริง ในจีน คนไปเที่ยวเยอะ (แต่พี่ยังไม่มีวาสนาได้ไป เพื่อนๆ บอกสวยงามมาก เขาถ่ายรูปมาให้ดู อือ์ม มันสวยจริง ๆ
    ยังกับไม่ใช่โลกนี้เลย
     
  6. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    อนุโมทนาค่ะ คุณพี่ดอกไม้เมืองบน

    หนู ฝันถึงพี่ด้วย เห็นพี่ในฝันด้วยค่ะ ^_ู^
     
  7. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    ฟังดูแล้วคล้ายๆกับเมืองบังบดหรือเมืองลับแลนะครับ
     
  8. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ...ในปี ๒๕๔๐ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ท่านอาพาธหนัก ผลที่หมอตรวจที่วัดป่าบ้านตาด ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ขอนแก่น ที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เป็นที่แน่นอนว่าท่านป่วยเป็น "โรคมะเร็งลำไส้" ขั้นสุดท้าย หมอบอกว่า ท่านจะต้องมรณภาพก่อนเข้าพรรษาปีนั้นอย่างแน่นอน
    ท่านได้นิมิตภาวนาในเรื่องนี้ก่อนแล้ว แล้วต่อมาในปีเดียวกัน มีคนนิมนต์ให้ท่านอยู่ช่วยชาติบ้านเมือง ท่านจึงประกาศตั้งโครงการช่วยชาติ โรคได้หายเป็นปลิดทิ้งเพราะอานิสงส์นั้นเท่าทุกวันนี้
    แล้วท่านได้ยาดีอะไรมารักษา?
    ก็ตอบได้ว่า เป็นยาวิเศษที่เทวดานำมาถวายโดยบันดาลผ่านทางมนุษย์เป็นผู้ประกอบ ยาเทวดาเป็นยาแบบไหนหนอ ผู้เขียนขอไขปริศนาที่หลวงตาได้เล่าเฉพาะที่โรงน้ำร้อนวัดป่าบ้านตาด ต้นปี ๒๕๕o นี้เอง คือตามปกติท่านจะไม่เล่าเรื่องลึกลับลี้เร้นเหล่านี้ เพราะท่านว่าเป็นปัจจัตตัง รู้เห็นเฉพาะตน การนำออกมาเผยแพร่บางคนอาจไม่เข้าใจ เกิดการตำหนิลบหลู่เป็นการก่อกรรมแก่เขาได้
    ท่านเล่าว่า คราวหนึ่งท่านอยู่ในป่าลึกเพียงรูปเดียว เร่งความเพียรภาวนาอดอาหารเป็นเวลาหลายวัน ร่างกายซูบซีดผอมเหลือง เรี่ยวแรงหดหาย เหลือแต่ใจอันดวงเด่น มีพลังมหาศาลข้างใน หมุนไปด้วยธรรมจักรตลอดวันคืน แต่พลังกายเหนื่อยล้าเต็มที ขณะที่ท่านเดินจงกรมพิจารณาธรรมบางประการในยามค่ำคืน เทพธิดาตนหนึ่งได้ปรากฏกายเข้ามานั่งกราบไหว้ข้างบริเวณทางจงกรม เฝ้ารักษาอยู่โดยตลอดด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
    แล้วนางเทพธิดาจึงกราบเรียนท่านว่า "...เขาเคยเป็นแม่ของท่านในอดีตชาติ เกี่ยวข้องกันมานาน บัดนี้ได้มาเจอกัน ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นท่านซูบผอมซีดเซียวก็อยากมาช่วยเหลือด้วยการถวายอาหารทิพย์ อันจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าสดชื่นขึ้น ขอให้ท่านเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าในอดีตชาติที่เคยเป็นแม่เป็นลูก โปรดเมตตารับอาหารทิพย์เถิด"
    หลวงตาท่านตอบว่า "...เวลานี้เป็นเวลาวิกาลโภชน์ (เลยเที่ยง) รับภัตตาหารไม่ได้"
    "อาหารนี้ไม่มีสี ไม่มีรส เป็นอาหารวิเศษไม่ต้องกินด้วยปาก เพียงไล้ไปตามร่างกาย การไล้นั้นก็ไม่ต้องถูกเนื้อต้องตัว ก็ถือว่าได้ดื่มด่ำรสของทิพย์แล้ว" นางเทพธิดากล่าวสาธยาย
    "แม้ถึงกระนั้นก็ตาม พระพุทธเจ้าตรัสว่าเจตนานั้นแหละเป็นตัวกรรมคือการกระทำ แม้เป็นอาหารทิพย์ก็ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ถึงไม่มีใครเห็น เราก็รู้อยู่แก่ใจ ใจนี่แหละเป็นตัวพาสร้างเวรสร้างกรรม มิใช่อวัยวะอื่นใด"
    เมื่อหลวงตาท่านพูดจบ ก็ก้าวเดินจงกรมต่อไป ท่ามกลางความเงียบในไพรสณฑ์ นางเทพธิดาก็นั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมเคลื่อนร่างที่เบาเหมือนปุยนุ่นไปไหน เพ่งมองท่านด้วยความห่วงใยและภูมิใจที่มีพระลูกชายเป็นพระอริยสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อความพ้นทุกข์
    แล้วนางจึงกราบเรียนท่านว่า "พรุ่งนี้เช้าจะนำอาหารทิพย์มาถวายใหม่"
    พอรุ่งเช้านางเทพธิดาได้มานั่งรออยู่หน้ากุฏิหลังน้อยมุงด้วยหญ้า กิริยาแช่มช้อยงดงาม หาสตรีใดในโลกเหมือนหรือเพียงเทียบเทียมมิมีได้ สตรีที่เขาว่าสวยที่สุดในโลกเป็นนางงามจักรวาล เมื่อเทียบกับนางเทพธิดาแล้วก็เหมือนลิงโก๊กตัวหนึ่งเท่านั้น น่าขำจริงๆ โลกมนุษย์เอย..
    เมื่อพระหลวงตาเห็นดังนั้นจึงถามนางว่า...การที่เธอมานั่งอยู่หน้ากุฏิเราตั้งแต่เช้าเช่นนี้ ใครมาเห็นเข้า เดี๋ยวจะเข้าใจผิดเอาได้ ว่าพระอยู่กับผู้หญิงสองต่อสอง ข้อครหาต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ นางตอบว่า
    "ท่านไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนั้น ไม่มีใครสามารถเห็นฉันได้ นอกจากท่านเท่านั้น นี่เป็นเทพเนรมิตเพื่อมาถวายอาหารทิพย์แก่ท่านได้ง่ายขึ้นเท่านั้น"
    "ถวายก็ถวายมาสิ" หลวงตาตวาดนางเทพธิดาหน่อยๆ
    นางจึงบอกให้ท่านนั่งนิ่งๆ ครู่หนึ่ง การถวายอาหารทิพย์ก็เป็นอันเริ่มขึ้นและจบลง ร่างกายของท่านกระปรี้กระเปร่าอย่างเห็นได้ชัด เหมือนปลาขาดน้ำแล้วพลันได้น้ำ เหมือนคนหิวกระหายมานานวัน พลันมาเจอบ่อน้ำอันใสสะอาด ร่างกายสดชื่น ผิวพรรณที่ซีดเซียวกลับผุดผ่อง หายเมื่อย หายหิว ปฏิบัติภาวนาต่อไปได้อีกหลายวันโดยไม่ต้องมีอาหารตกท้อง..อยู่เย็นสบายคลายความทุกข์กังวล....


    คัดลอกจาก คนปลายซอย ๒๑ ตุลา "ด้วยสาธุการแห่งกัป" | ไทยโพสต์
     
  9. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ....ความจริงมนุษย์เราจะอยู่ซัก ๑๒๐ ปีย่อมอยู่ได้ เพียงปฏิบัติตาม ๕ ข้อที่พระพุทธองค์ตรัสบอก
    ๑.ออกกำลังกาย กินอาหารไม่เป็นพิษ อยู่ที่อากาศบริสุทธิ์ ทำอารมณ์ให้แจ่มใส ๒.รู้จักประมาณ ออกกำลังกายพอดี กินพอดี พักผ่อนพอดี ๓.กินของย่อยง่าย หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ของมัน ของรสจัด เพื่อการขับถ่ายเป็นปกติ ๔.ยึดมั่นในศีล-ในธรรม และ ๕.คบแต่คนดีเป็นเพื่อน
    "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ตรัสเมื่อวันที่ ๔ ธันวา ๔๗ อันเป็นวันที่พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ว่า ทรงตั้งพระราชหฤทัยจะทรงมีพระชนมพรรษาถึง ๑๒๐ ปี ปรากฏว่ามวลพสกนิกรต่างแซ่ซ้องสาธุการ ถวายพระพรให้พระองค์ทรงบรรลุพระราชประสงค์นั้น
    ด้วยพระมหาบารมีอันเกิดจากการได้ทรงบำเพ็ญ ทาน-ศีล-ภาวนา และอิทธิบาทภาวนาบริสุทธิ์-สมบูรณ์แล้ว พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ทรงพร้อมด้วยทานยิ่งใหญ่ คืออภัยทาน อันเป็นเหตุให้ผู้ปฎิบัติมีอายุยืน กอปรทั้งมวลมหาประชาราษฎร์กราบบังคมทูลขอให้ ธ ประสงค์ จงสำเร็จดั่งประสงค์ แลพระองค์ทรงรับปรารถนาประชาราษฎร์ทั้งมวลนั้นแล้ว
    ฉะนั้น เราทั้งหลายโปรดมั่นใจ-สบายใจเถิดว่า "ในหลวงของเรา" จะทรงเจริญพระชนมพรรษาถึง ๑๒๐ ปีแน่นอน และเพื่อปีติแห่งมหาชนชาวสยามทั้งมวล ปีนี้-ปีหน้า ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ จะเป็นปีที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๗ รอบ คือ ๘๔ พรรษา
    อย่าลืมพร้อมใจกันไปถวายใจ-เปล่งวาจาด้วยสาระหลักว่า "ขอให้พระองค์ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๑๒๐ ปี สมดั่งที่ทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ทุกประการ"
    ....


    คัดลอกจาก คนปลายซอย ๒๑ ตุลา "ด้วยสาธุการแห่งกัป" | ไทยโพสต์


    ขอแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 14 ปี 21 ตุลาคม 2553 ของหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ครับ
     
  10. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    วันพุธ ที่ 13 ตุลาคม 2553
    เผยโฉม 2 วิศวกรไทย ที่เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์กู้ชีพคนงานเหมืองชิลี
    Posted by chronomist
    <!-- retweet and facebook --><!-- keep in file social.html --><!-- end retweet and facebook -->
    <!--blog vote-->

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    นายวชิรพงศ์ นาสารีย์ และนายสมพงษ์ พงกันยา
    คือวิศวกรไทย 2 คน ในทีมช่วยชีวิตคนงานเหมืองชิลี 33 คน
    โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลชิลี ขอความช่วยเหลือจากบริษัทชั้นนำทั่วโลก
    ในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และทีมงานฝีมือดีที่สุดเข้าร่วมแผนปฏิบัติการนี้

    โดยนายวชิรพงศ์ และนายสมพงษ์ เป็นวิศวกรที่ผ่านการคัดเลือกจากบริษัท เม็ตตาโลจิก อินสเป็คชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศแคนนาดา และมีบริษัทสาขาอีก 8 แห่งทั่วโลก คือ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา อินเดีย อินโดนีเซีย เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา และไทย

    วิศวกรชาวไทยทั้งสองคนนี้ ทำหน้าที่ในส่วนการใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบ "เม็ตตาเฟส" หรือเทคโนโลยีที่ใช้เครื่องอัลตราโซนิค ตรวจสอบรอยเชื่อมต่อท่อโลหะและรอยต่อต่างๆ ซึ่งนิยมใช้ในระบบท่อส่งก๊าซและน้ำมันต่างๆ แทนระบบเอกซเรย์แบบเก่า ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะให้ความละเอียดและแม่นยำในการตรวจสอบจุดรั่วไหลหรือรอยร้าวของจุดเชื่อมต่อต่างๆแบบให้ผล 100 เปอร์เซ็นต์

    โดยทั้งคู่เดินทางไปร่วมปฎิบัติการนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา และได้ร่วมทำงานในการต่อท่อช่วยชีวิตคนงานเหมืองถล่มในจุดเกิดเหตุ ซึ่งต้องใช้ข้อต่อเหล็กพิเศษทนแรงอัดสูงมาเชื่อมรอยต่อระหว่างท่อเหล็กแต่ละท่อน ซึ่งการเชื่อมต่อจะมีความผิดพลาดไม่ได้เลย เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด จะมีอันตรายต่อชีวิตของคนงานเหมืองและทีมกู้ชีพที่ลงไปใต้ดินทันที

    [​IMG]

    สำหรับการช่วยเหลือคนงานโดยการขุดอุโมงค์ช่วยเหลือที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 66 เซนติเมตร หรือ 28 นิ้วเป็นอย่างน้อย ลงไปยังบริเวณพื้นที่หรือตำแหน่งที่มีคนงานเหมืองติดอยู่ แต่เนื่องจากความไม่มั่นคงของเหมือง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อุโมงค์ช่วยชีวิตจะถล่มซ้ำ หรือท่อลำเลียงในการช่วยชีวิตอาจเกิดการติดค้างระหว่างช่วยเหลือ จึงมีการตัดสินใจทำการติดตั้งปลอกท่อเหล็กเสริมแรง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 24 นิ้ว ความหนา ½ นิ้ว ที่บริเวณทางเดินของการช่วยเหลือ ทีมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือที่ประเทศชิลี ซึ่งมีประสบการณ์ในการใช้เม็ตตาเฟส (เทคโนโลยีอุลตร้าโซนิค ที่ใช้แทนที่การตรวจสอบแนวเชื่อมด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิมหรือเทคนิค X-ray) เลือกใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบเม็ตตาเฟสของบริษัท เม็ตตาโลจิกฯ และเห็นพ้องกันว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและรับประกันได้ว่าแนวเชื่อมของปลอกท่อเหล็กเสริมแรงจะได้รับการตรวจสอบอย่างรวดเร็วที่สุด

    ขอขอบคุณข่าวและข้อมูลจากไทยรัฐ และ สำนักข่าวไทย ภาพจากโพสต์ทูเดย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    แหล่งที่มา ������ 2 ���ǡ���� ���������ǹ˹���㹻���ѵ���ʵ������վ���ҹ����ͧ����

    เรื่องดีๆของคนไทยในชิลี ที่มีส่วนในการช่วยเหลือชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในเหมืองใต้ดิน ทั้งสองท่านได้สร้างคุณงามความดีและช่วยสร้างชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ดีให้กับประเทศไทย ขอขอบคุณท่านวิศวกรทั้งสองท่านมากขอรับ
     
  11. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    ขออนุญาติสหายธรรม ญาติธรรมเพื่อบอกข่าวการกุศล

    อาตมาภาพพระธานินทร์ โชติโกศิษย์พระราชวังจันทร์ ๓๓-๓๙
    มีภาระและหน้าที่ในการดูแลครูบาอาจารย์ซึ่งเป็นพระภิกษุรุ่นเก่าอายุ ๘๗ ปี พรรษาที่๖๗ คือหลวงปู่พยุง ญาณสีโล หรือพระครูญาณประภัศร์ ขณะนี้เข้ารักษาอาการอาพาท (น้ำท่วมปอด) อยู่ที่โรงพยาบาลอินเตอร์เวชการ ห้อง "ไอซียู มีภาระในค่าใช้จ่ายที่สูงแต่จำเป็นต้องรักษาท่าน ตามรายการภาพถ่ายใบแจ้งหนี้ค้างชำระ คือ ๔๔๑๒๖ บาท อาตมาภาพนั้นมีภาระมากมายและยังขาดแคลนปัจจัยที่เพียงพอและเพื่อรักษาท่านต่อไป จึงขออนุญาติสหายธรรม ญาติธรรม ในที่นี้เพื่อบอกบุญนี้ร่วมกันกับอาตมาเพื่อเพิ่มพูนบารมีธรรมที่ดี
    สนใจร่วมไปด้วยในการนี้โทร080-6813352 082-4446445 พระธานินทร์โชติโก(.โชติกะภิกขุ) หรือร่วมสละทุนทรัพย์กับอาตมาเพื่อร่วมขับเคลื่อนเจตนารมย์ที่พระธานินทร์โชติโก บัญชีเลขที่2282364274 ธนาคารกสิกรไทยสาขาหนองตม

    ในการอันนี้นั้น อาตมาภาพพระธานินทร์ โชติโก(.โชติกะ) ได้ไปที่พระราชวังจันทร์อฐิฐานจิตถึงองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชท่านรวมถึงพระพี่นางและพระอนุชา เพื่อขอพระบารมีท่านจงช่วยอวยชัยให้หลวงปู่ครูบาอาจารย์ และให้ดวงวิญญาณทหารกล้าทุกท่านที่สถิตณ ศาลสมเด็จ(พระราชวังจันทร์) ได้บอกกล่าวขอบารมีกับขุนทหารทุกนายที่ยังอยู่และมีกำลังพอจะช่วยในการนี้ ขอการนี้นั้นจงพ้นผ่านลุล่วงไปด้วยดี และเพื่อเพิ่มพระบารมีด้วย........เทอญ

    ด้วยมายาแห่งดวงจิตยังติดถ้อยู่...ให้รับรู้ บางอยความตามที่เห็นความเป็นอยู่... .. สิ่งใดเล่า สิ่งใดหนาพาใจไปรับรู้ สิ่งใดเล่าพาไปดูร่วมรู้เห็น สิ่งใดเล่านำกำเนิดให้เกิดเป็น ต้องมาเป็นเช่นผลกรรมร่วมทำมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    หากเป็นการรบกวนญาติธรรมอาตมาขออภัยใว้ณที่นี้

    อาตมาภาพนั้น มิได้อยากรบกวนญาติธรรม หรือสหายธรรมท่านใด หรือมิต้องการให้ท่านใดเลยต้องขุ่นข้องหมองใจกับอาตมาและภาระต่างๆแต่หากเพื่อบารมีธรรมที่ดี และ ความมีน้ำใจในสังคมจึงขออนุญาติสหายธรรม ญาติธรรมทุกๆท่านและขอบารมีองค์สมเด็จพระนเรศวรและพระพี่นางพระอนุชา และทุกพระองค์ รวมถึงดวงจิตและวิญญาณวีรชนผู้กล้า จงอวยชัยให้พรในการครั้งนี้ด้วยเทอญ หากอาตมาผิดพลาดหรือบกพร่องในสิ่งอันใดขอท่านทั้งหลายช่วยชี้แนะแนวทางอาตมาด้วย

    ธ.โชติกะภิกขุ
    สนใจร่วมไปด้วยในการนี้ โทร 080-6813352 082-4446445 พระธานินทร์โชติโก (.โชติกะภิกขุ) หรือร่วมสละทุนทรัพย์กับอาตมาเพื่อร่วมขับเคลื่อนเจตนารมย์ ที่ บัญชีเลขที่ 2282364274 ธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองตม ชื่อบัญชี พระธานินทร์ โชติโก
     
  13. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    สาธุ ขออนุโมทนากับพระคุณเจ้าเป็นปฐมบทก่อนนะขอรับ

    ขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกและท่านผู้อ่านท่านใดที่มีกุศลศรัทธาต้องการที่จะ
    ร่วมสละทุนทรัพย์เพื่อร่วมขับเคลื่อนเจตนารมย์ได้ที่บัญชีเลขที่2282364274 ธนาคารกสิกรไทย สาขาหนองตม ชื่อบัญชีพระธานินทร์โชติโก
     
  14. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    พญามังกรผงาดฟ้า!

    ความคลุมเครือในแผ่นดินจีนที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วได้มลายสูญ โดยมีความชัดเจนเข้ามาแทนที่แล้ว จากมติที่ประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ที่เพิ่งปิดการประชุมไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2553 นี้

    นั่นคือการแต่งตั้งรองประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการการทหารกลาง ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน

    เพราะนี่คือสัญญาณหมายที่ชัดเจนว่าสีจิ้นผิง คือบุคคลที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ตัดสินใจมอบหมายความไว้วางใจที่จะให้สืบทอดตำแหน่งพญามังกรแห่งแผ่นดินจีน สืบต่อจากหูจิ่นเทา พญามังกรที่ผงาดฟ้าอยู่ในปัจจุบันนี้

    หูจิ่นเทาเป็นคนที่เติ้งเสี่ยวผิงได้เลือกสรรด้วยตนเอง ตั้งแต่ช่วงหลังเหตุการณ์ปราบจลาจลใหญ่ในทิเบต ว่าคนผู้นี้แหละจะเป็นศูนย์กลางการนำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในรุ่นที่ 4 ต่อจากรุ่นแรกของเหมาเจ๋อตงและรุ่นที่ 2 ของเติ้งเสี่ยวผิง และรุ่นที่ 3 ของเจียงเจ๋อหมิน...


    จีนนั้นเป็นประเทศใหญ่ และมีเสถียรภาพ ความมีเสถียรภาพนั้นเกิดขึ้นจากรากฐานความมั่นคงทางการเมือง ความปรีชาสามารถและความเข้มแข็งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดังนั้นการเลือกสรรผู้นำพรรคจึงไม่ใช่เรื่องสุกเอาเผากิน....

    การประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่ได้ลงมติเลือกหูจิ่นเทาให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ก็ได้เลือกสรรคนหนุ่มที่มีลักษณะเด่นมาก 2 คน ขึ้นสู่ตำแหน่งกรรมการประจำกรมการเมือง แห่งคณะกรรมการกลาง นั่นคือสีจิ้นผิงและหลี่เค่อเสียง

    และในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติที่ต่อเนื่องมาจากการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ก็ได้เห็นชอบแต่งตั้งให้สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี และให้หลี่เค่อเสียงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

    เป็นการจัดวางให้สีจิ้นผิงอยู่ในอันดับรองของหูจิ่นเทาซึ่งเป็นประมุขรัฐ และจัดวางให้หลี่เค่อเสียงอยู่ในอันดับรองของเหวินเจียเป่าซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร นี่คือสัญญาณแรกสุดของการก่อรูปศูนย์การนำรุ่นที่ 5 ต่อจากหูจิ่นเทา
    ........

    แต่ทว่าการก่อรูปนั้นจะมีความชัดเจนหรือไม่ ยังอยู่ที่การได้รับตำแหน่งรองประธานคณะกรรมการการทหารกลางด้วย .....

    ...จนกระทั่งเดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งเป็นสมัยประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน จึงได้เกิดความชัดเจนขึ้นว่า สีจิ้นผิงนี่แล้วคือพญามังกรตัวใหม่ที่จะสืบทอดตำแหน่งศูนย์การนำของประเทศจีนต่อจากหูจิ่นเทา

    สีจิ้นผิงมีอายุเพียง 57 ปี เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนมาตั้งแต่มกราคม ค.ศ. 1974 เป็นผู้นำจีนที่จบปริญญาเอกทางกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยซินหัว ปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรคคือตำแหน่งกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลาง ตำแหน่งเลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของนครเซี่ยงไฮ้....

    ...
    สีจิ้นผิงมีเวลาอีก 2 ปี ในการพิสูจน์ตนเองและสร้างสรรค์ผลงาน ตลอดจนการยอมรับจากพรรคและประชาชน ที่จะรับตำแหน่งพญามังกรแห่งแผ่นดินจีนต่อจากหูจิ่นเทา

    สีจิ้นผิงเป็นคนนุ่มนวล อ่อนน้อม ถ่อมตน แต่เด็ดขาดฉับไว ยามเป็นผู้น้อยก็เป็นที่รักของผู้ใหญ่ ยามเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้น้อย ช่างสมกับความเป็นพญามังกรดังที่โจโฉเคยกล่าวไว้ว่า

    “อันมังกรนั้นจะทำให้ใหญ่แลน้อยเท่าใดก็ได้ ถ้าจะขึ้นไปบนอากาศ กระทำฤทธิ์ต่างๆ แล้ว อากาศนั้นยังแคบอยู่ไม่เสมอด้วยฤทธิ์ แม้จะลงในท้องมหาสมุทร กระทำฤทธิ์ให้กายนั้นน้อย เข้าแอบอยู่ในเงื้อมชะง่อนเขาก็ได้”

    ในฐานะชาวไทยที่มีไมตรีจิตมิตรภาพกับประเทศจีนและประชาชนจีนมา ยาวนาน จึงต้องขอแสดงความยินดีกับ ฯพณฯ รองประธานาธิบดีสีจิ้นผิง มา ณ โอกาสนี้.


    แหล่งที่มา Daily News - Manager Online - ����ѧ�ü�Ҵ���!


    การขยับกายของพญามังกรในแต่ละครั้ง สมควรที่ประเทศเล็กๆอย่างเราต้องสนใจและเฝ้าติดตามกันนะครับ อย่างน้อยก็เป็นเรื่องประเทืองปัญญา
     
  15. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    สาธุ..ขอท่านเจริญในธรรม

    ในการนี้หากมีผู้ร่วมศรัทธาอันดีมาแล้วหากมีเหลือยังจะได้สร้างสถาณธรรมเทิดพระเกรียติสมเด็จพระนเรศวร ที่ จ.พิษณุโลกร่วมกันอีกด้วยจ้ะ

    ในภาพดวงธรรมปรากฏเมื่อการทิ้งลมหายใจสุดท้ายกับกรรมฐานที่มอบให้โยมแม่ก่อนลาจาก เมื่อ ๓ ต.ค.ที่ผ่านมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210
    ขออนุโมทนา กับพระอาจารย์ ในกุศทั้งหมดทั้งมวล ที่ท่านได้สร้างขึ้นในครั้งนี้เจ้าค่ะ


    อนุโมทนา กับน้องฟรอท์ กับข่าว วิศวกร ชาวไทยที่ได้มีส่วนช่วยเหลือคนงานในเหมืองชิลี

    พี่โมเย ลุ้นไปกับข่าวนี้ และเอาใจช่วย เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ค่ะ

    อนุโมทนา กับคุณพี่จงรักภักดีด้วยค่ะ
     
  17. พี่ทิดศิษย์มีครู

    พี่ทิดศิษย์มีครู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +2,794
    ขอเจริญในธรรม...บริบูรณ์พร้อมเทอญ

    อนุโมทนาด้วยจ้ะ ขอเชิญร่วมบุญสร้างบารมีที่ดีร่วมกันจ้ะ
     
  18. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    วานนี้เราได้พูดถึงเรื่อง มังกรผงาดฟ้า กันมาแล้ว เช้าวันนี้เป็นเรื่องของ มังกรอีกเช่นกัน แต่เป็นเรื่องของ...

    เซอร์ไพรส์ของพญามังกร


    <!-- main-content-block --><!--21 ตุลาคม 2553 - 00:00-->
    21 ตุลาคม 2553 - 00:00


    ทั้งๆ ที่ เม็ดเงิน กระแสเงินมันกำลังไหลบ่าเข้ามาท่วมไปทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย หนักซะยิ่งกว่าภาวะน้ำท่วมในขณะนี้ เฉพาะเท่าที่ไหลเข้ามาแล้ว ว่ากันว่า...ไม่น้อยไปกว่า 3 แสนเกือบ 4 แสนล้านดอลลาร์ หรือนับเป็นสิบๆ ล้านล้านบาท แถมยังมีเม็ดเงินงวดใหม่ภายใต้มาตรการอัดฉีดที่เรียกๆ กันว่า QE2 วางกองเอาไว้อีกนับเป็นสิบๆ ล้านล้านดอลลาร์ พร้อมที่จะปั๊มเข้ามาในระบบเศรษฐกิจเดือนละเป็นแสนๆ หรือล้านล้านดอลลาร์...ถึงกระนั้นก็กลับไม่ได้ทำให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่กลายมาเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก อย่างจีน เกิดอาการสะดุ้งสะเทือนไหวแบบประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยามของเรา เอาเลยแม้แต่น้อย...
    ------------------------------------------
    การสร้าง เซอร์ไพรซ์ ของพญามังกร ในช่วงวันอังคารที่ผ่านมา ด้วยการประกาศเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เงินฝาก โดยธนาคารกลางของจีน ขึ้นไปเป็น 5.56 เปอร์เซนต์สำหรับเงินกู้ และ 2.5 เปอร์เซนต์สำหรับเงินฝาก มีผลบังคับใช้ในเช้าวันพุธนี้ เล่นเอาใครต่อใครไม่ว่า “กูรู”หรือ “กูรู้”ถึงกับหงายหลังผลึ่ง ตกตะลึง พรึงเพริดไปตามๆกัน โดยเฉพาะประเภทที่เชื่อหัวปักหัวปำมาโดยตลอดว่า ด้วยการหาทางลดอัตราดอกเบี้ยลงไปให้ต่ำติดดินเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างแนวป้องกันไม่ให้อภิมหาเงินทุนทั้งหลาย ไหลบ่าเข้ามาเก็งกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย อันมีผลทำให้สกุลเงินตราของประเทศนั้นๆ ต้องแข็งโด่เด่ปานรับประทานยาไวอะกร้าผสมเครื่องดื่มโด่ไม่รู้ล้มอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้...
    ------------------------------------------
    โดยเหตุผลเท่าที่คาดคะเนกันไป ทั้งๆที่ยังคงมึนซ์ซ์ซ์ๆ หรือยังไม่หายตกใจกับการสร้างเซอร์ไพรซ์ของพญามังกรจีนในกรณีที่ว่านี้ ว่ากันว่า...อาจเป็นเพราะความพยายามที่จะฉุดรั้งอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศจีน ซึ่งเพิ่มสูงกว่าที่ได้ประมาณการณ์เอาไว้ ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คือจากที่เคยคาดเอาไว้ว่าจะเฟ้อไปประมาณ 3 เปอร์เซนต์ก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 3.5 แต่นั่นก็ดูจะยังไม่อาจนำไปใช้ตอบคำถามให้ครบถ้วนกระบวนความได้ว่า เพียงแค่ความต้องการที่จะฉุดรั้งอัตราเงินเฟ้อ ให้เป็นไปตามที่คาดคะเนเอาไว้ เหตุใดธนาคารกลางของจีนถึงไม่ได้คิดหวั่นไหวกับกระแสการไหลบ่าของเงินทุนเข้ามาในประเทศ เหมือนกับบรรดาประเทศเล็กๆทั้งหลาย ที่ต่างก็ถูกบรรดาพวก “กูรู”และ “กูรู้”กดดัน ไล่บี้ ให้ธนาคารกลางภายในประเทศตัวเอง ลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำๆเข้าไว้มาโดยตลอด...
     
  19. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เซอร์ไพรส์ของพญามังกร

    ... ดูเหมือนว่าการหาคำตอบในเรื่องนี้...จะมองกันแต่ในแง่หลักเศรษฐศาสตร์เพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ อาจต้องอาศัยหลักพฤติกรรมศาสตร์ เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาควบคู่ไปด้วย ซึ่งถ้าหากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หรือช่วงที่ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้จุดชนวนสงครามค่าเงิน กำลังพยายามไล่อัด ไล่บี้ ค่าเงินหยวนของจีน อย่างชนิดไม่ลดราวาศอก การเดินทางไปเยือนยุโรปของนายกรัฐมนตรี “เหวิน เจีย เป่า” อย่างเป็นทางการ และอย่างมีการตระเตรียมขั้นตอน กระบวนการต่างๆเอาไว้แล้วล่วงหน้า อาจพอนำเอามาใช้เป็นคำอธิบายถึงท่าทีของจีนภายใต้ภาวะ “สงครามเงินตรา”ได้บ้างไม่มากก็น้อย ไม่ว่าการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำอาเซียน-ยุโรป หรืออาเซ็มครั้งที่ 8 การประชุมระดับผู้นำ จีน-อียู ครั้งที่ 13 ตลอดไปจนการเดินทางไปเยือนประเทศกรีซ เบลเยี่ยม
    เยอรมนี อิตาลี และตุรกี ตามลำดับ...
    ------------------------------------------------
    นอกเหนือไปจากการกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ระหว่างจีนกับประเทศสหภาพยุโรป อันถือเป็นพันธมิตรรายสำคัญซึ่งเคยยืนหยัดเคียงบ่า เคียงไหล่กับอเมริกามาโดยตลอด ในแทบทุกเรื่อง ทุกๆกรณี การลอดเลื้อยเข้าไปในช่องว่าง ช่องโหว่ ขณะที่ประเทศในยุโรปแต่ละประเทศ ต่างกำลังตกอยู่ในสภาพตายแหล่ มิตายแหล่ ด้วยกันทั้งสิ้น ดูจะมีส่วนทำให้จีนสามารถลดแรงกดดันนานาชนิดลงไปได้ไม่น้อย การได้ลงนามข้อตกลงทางการค้ากับประเทศกรีซ ซึ่งยังคงไม่สร่างไข้จากภาวะวิกฤตซูฟลากี้ ด้วยคำสัญญาว่าจะรับซื้อพันธบัตรของกระทรวงการคลังกรีซต่อไปเรื่อยๆ เพื่อช่วยให้ประเทศนี้ลืมตา อ้าปาก ขึ้นมาได้บ้าง แลกกับการเข้าไปลงทุนในโครงการต่างๆ อันทำให้สามารถระบายเม็ดเงินของตัวเองไปในตัว การลงนามขยายปริมาณการค้ากับตุรกี จาก 17,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ ใ
    ห้ขึ้นไปถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ในปีค.ศ. 2015 แถมยังคิดจะชำระบัญชีระหว่างประเทศทั้งสองด้วยสกุลเงินหยวนและเงินลีร่า แทนสกุลดอลลาร์ซะอีกต่างหาก ตามมาด้วยการเซ็นข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ สื่อสารโทรคมนาคมกับเบลเยี่ยม ลงนามความร่วมมือทางการค้า 17 ฉบับกับอิตาลี ออกแถลงการณ์ร่วมกับเยอรมนีว่าด้วยการคัดค้านการป้องกัน กีดกันทางการค้า ฯลฯพฤติกรรมเหล่านี้ ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการ“ตีท้ายครัว”ประเทศคู่แข่ง คู่กัด อย่างสหรัฐอเมริกา ชนิดซึ่งๆหน้านั่นเอง...
    ------------------------------------------------------
    อย่างน้อยที่สุด...แรงกดดันที่ประเทศอเมริกาและพันธมิตรในยุโรป พยายามไล่อัด ไล่บี้ ให้จีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้นไปอีกในระดับ 20-40 เปอร์เซนต์ ตามมาตรฐานอเมริกานั้น มันน่าจะลดๆลงไปได้บ้างไม่มากก็น้อย หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นไปอย่างที่นาย “จอร์จ โซรอส”เจ้าของกองทุน “ควอนตัม ฟันด์”ได้วาดฉากจินตนาการเอาไว้อย่างน่าสยดสยองว่า... “การที่จีนได้เปรียบดุลการค้าต่อประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง และทำให้จีนสามารถครอบครองเงินทุนสำรองเป็นเงินตราสกุลต่างๆ ได้อย่างมากมายมหาศาล จนเป็นเสมือนผู้กุมอำนาจระบบการเงินทั่วโลกไปแล้วนั้น ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดภาวะสงครามค่าเงินโลก ระหว่างจีนกับประเทศต่างๆในโลกนี้เท่านั้น แต่อาจนำไปสู่ภา
    วะการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจโลกในท้ายที่สุด”??? ??? ???....
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    เซอร์ไพรส์ของพญามังกร

    ... สรุปเอาเป็นว่า...ไม่ว่าคำตอบ คำอธิบายชัดๆในเรื่องนี้ มันจะเป็นไปในแบบไหน แต่อย่างน้อยก็พอสะท้อนให้เห็นว่า มันคงไม่ได้มี “สูตรสำเร็จ” สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ภายใต้ภาวะที่โลกทั้งโลกต่างต้องตกอยู่ใน“สงครามค่าเงิน”อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที สิ่งที่อาจหยิบเอามาใช้เป็น “หลักประกัน” ในการสร้างความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศเล็กๆ อย่างเช่น ไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา มันจึงเหลืออยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ...การร่วมมือ-ร่วมใจของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค ด้วยความมีเหตุมีผล ความพอเหมาะ พอดี ไม่ใช่การงัดเอาอารมณ์ อันมีที่มาจากความอยาก ความต้องการ ของกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด
    มาใช้เป็นตัวกำหนดมาตรการ และแนวทางต่างๆ ในแบบ “ทางใคร-ทางมัน”เท่านั้น...
    ---------------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “ซัมเมอร์เซ็ท มอห์ม”... “ชาติใดให้ความสำคัญแก่สิ่งอื่นมากกว่าอิสรภาพ ชาตินั้นจะสูญเสียอิสรภาพ หากชาติใดให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าอิสรภาพ ชาตินั้นจะสูญเสียทั้งเงินและสูญเสียอิสรภาพตามไปด้วย...”
    -------------------------------------------------------

    ขอขอบคุณ
    เซอร์ไพรส์ของพญามังกร | ไทยโพสต์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...